ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [KOOKMIN] Creditor #เจ้าหนี้คนนี้เขาจีบผม

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ย. 63


     

     

     

    บทนำ

    ……………………………………………………………………

    [ กรณ์ ]


      
       บ้านหลังสีน้ำตาล-ขาวสไตล์โมเดิร์นที่ตั้งอยู่ในซอยหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่เป็นหมู่บ้านทางเข้ามหาลัยชื่อดังพอดี เสียงนาฬิกาตั้งปลุก8โมงดังขึ้นมาจนคนหลับอยู่แทบจะอยากตื่นมากระโดดขาคู่ทั้งที่ก็รู้ว่าตัวเองคือคนตั้งปลุกเอง ห้องนอนชั้นสองที่หน้าประตูยังมีป้ายห้อยรูปนกเพนกวินเขียนชื่อเจ้าของห้องอยู่คอยพาย้อนไปสมัยเดอะๆอยู่ร่ำไป


      ผ้าห่มสีขาวทับด้วยตารางสีน้ำตาลสภาพยับยู่ยี่จนหาความเรียบๆสวยๆไม่ได้สักหย่อมเดียว ผ้าปูเตียงเละจนมันเกือบจะมากองอยู่ตรงกลางได้แล้วไม่เท่ากับสภาพชายคนหนึ่งในตอนตื่นที่เดาได้ชัดเจนว่าหลับลึกไปมากจนยากจะปลุกตัวเองขึ้นมาได้ เสียงปลุกที่มันแสบประสาทดึงร่างที่ตายังไม่เปิดขึ้นมาจากเตียงดูดอย่างไวจัด ชุดนอนสีขาวกางเกงขายาวสีขาวเหมือนกัน ที่ขาของมันถูกพันจากผ้าห่มด้านล่างเป็นงูอยู่ที่ขาซ้ายมันแค่ข้างเดียว


     ผมชี้ฟูเท่ากระด้งของมันไม่ได้เป็นจุดดึงความสนใจในเรื่องหน้าตาความหล่อตอนนี้สักนิด หน้าตาบวมน้ำแล้วยังทำปากมู่ทู่อีกต่างหากหันไปก้มมองโทรศัพท์เครื่องสีดำที่ชาร์จแบตอยู่ยังลิ้นชักข้างเตียงไฟสีน้ำตาลไม้อ่อนๆคู่กับโคมไฟห้อง มือเกร็งจากการหลับไม่ขยับมานานพุ่งไปคว้าโทรศัพท์ตัวปัญหายามเช้ามาเลื่อนดับเสียงปลุก ตัวเลขขอบมือถือที่เป็นตัวบอกเวลาเปิดตัวลูกตาที่หลับอยู่ให้หรี่มามองสักนิดนึง ตัวเลขเวลาในมือถือช่วยถลกหนังตาคนขี้เซาให้ตื่นลุกไปเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการตัวเอง


    แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวลงไปแตะพื้นห้องกะก้าวเดียว ขาของมันก็ดันถูกผ้าห่มในร่างงูตอนเช้าตรงขาซ้ายเอาไว้จนล้มไปกองกับพื้นเสียงดังตึงตังลั่นห้อง แต่ต่อให้ล้มแรงจนฝ้าทะลุไปชั้นล่างมันก็ไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้นหน้าสะลึมสะลือเงยหน้าขึ้นมา มือดันเอาผ้าห่มทรงงูตอนนี้ออกจากขาไปกองอยู่ยังปลายผ้าม่านหน้าระเบียงแทน ตัวแข็งตึงเดินไปเข้าห้องน้ำไม่ยอมพูดจาสักคำจนขนาดอาบน้ำเสร็จ มันก็ยังไม่เปิดปากพูดอะไรออกมาสักคำเดียว

           !!!


      YANG_W : ตื่นยังไอสัสกรณ์

      ข้อความของใครสักคนทักเข้ามาแต่ก็ไม่ได้เป็นที่สงสัยของผมที่ไปมุ่งเน้นอย่างอื่นเวลานี้นัก ปลั๊กเครื่องหนีบผมเสียบรอร้อนก็ทำให้ไอคนเพิ่งอาบน้ำเสร็จอย่างผมออกจากหน้ากระจกแต่งหน้าไปหาชุดนักศึกษาในตู้เสื้อผ้าก็ต้องแวะมาเปิดเพลงของพี่ตูนวงbodyslamฟังกล่อมหูไปคร่าวๆ เสียงเพลงสติ๊กเกอร์ที่ผมชอบทำให้ผมเคลิ้มร้องตามตามประสาคนเป็นแฟนคลับพี่ตูนมาตั้งแต่ยังอยู่ม.ต้น
     


       RRrrr!!!~
    แต่ในระหว่างกำลังจะเดินมาแต่งตัว หน้าจอที่เป็นภาพวงbodyslamที่พี่ตูนทำสีผมสีบลอนด์แต่แสงเวทีทำให้ผมโง่นึกว่าพี่ตูนทำผมสีชมพูไปได้ในพริบตาก็เปลี่ยนเป็นใครบางคนโทรเข้ามาขัดจังหวะคอนเสิร์ตผมเอามากๆจนผมต้องรีบยกมันขึ้นมารับสายอย่างกับเดอะแฟลช


        “ฮัลโหลไอสัสหยางงงงง!!!!!!” ผมตะโกนเข้าไปในโทรศัพท์ไม่กลัวมันจะหูแตก


      “กูก็นึกว่ามึงจะนอนหลับตายซะละ!?” หยางหยางเพื่อนคนต้นสายพูดน้ำเสียงห้าวๆกับผม


        “มึงจะรีบอะไรขนาดนั้นวะ ก็บ้านกูอยู่ในซอยมหาลัยมะ จะให้กูถ่อไปเซย์ฮัลโหลกับยามเฝ้าประตูหรือไง?” วางโทรศัพท์ลงไปยังโต๊ะเครื่องแป้งพลางติดกระดุมเสื้อไปก็มองกระจกไป


       “เออๆ มึงก็รีบมาละกันกูแดกข้าวอยู่ที่ร้านป้าจิ๊บ” เสียงของไอหยางพูดเข้ามาแทรกด้วยเสียงฟันสบกับช้อนคล้ายมันกำลังตักข้างกินไปด้วย


          “เออๆเดี๋ยวไปเจอกันที่นั่น มึงอย่าเพิ่งแดกข้าวหมดก่อนละกัน กูไม่ใช่ทายาทเดอะแฟลชเหมือนมึง”


       “กูเป็นทายาทเดอะแฟลชตรงไหนวะ?” ไอหยางถามน้ำเสียงฉงนของจริง


         “ก็แดกไวปานลมตดไงสัส!”


        “55555! เออๆ งั้นเดี๋ยวกูรอที่ร้านป้าจิ๊บเนี่ยแหละ มึงอ่ะรีบมาเลย”


         “เคๆ” วางสายไปฟังเพลงพี่ตูนต่อหน้าตาเฉย


    เมื่อผมหนีบผมเสร็จอะไรเสร็จแล้วก็รีบสะพายกระเป๋าคาดตัวเดินลงมาจากบันไดบ้านที่พอลงมาก็พบเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งโซฟาขาวดูข่าวตอน8โมงอยู่เพียงลำพัง เท้าใส่ถุงเท้าเดินมายังบันไดขั้นสุดท้ายก็เรียกสายตาแม่ให้มองมาหาทางนั้นเข้าพอดี หน้าของเธอที่จริงจังกับข่าวก็ถึงตัวสะดุ้งเพราะตกใจที่เห็นลูกลงมาแล้วไม่ได้บอกกล่าว

         “อ้าวกรณ์! ตื่นแล้วเหรอลูก?” 


     ผู้หญิงผมสีน้ำตาลอ่อนมัดรวบที่กำลังนั่งฟังข่าวตอน8โมงโดยที่บนโต๊ะกินข้าวไม้วงกลมใหญ่ไม่มีอะไรที่พอจะบอกสักอย่างว่ามันคืออาหารเช้า ผมเดินมายืนมองวงกลมโต๊ะหน้านิ่งชาเพราะไม่มีข้าวกินสักหน่อยเลย มือยกมาเกาหัวหันไปหาเธอคนนั้นที่ก็เพิ่งจะเดินมาจากทางด้านหลัง


        “วันนี้มีข้าวอะไรกินอ่ะแม่?” หันหลังไปถามแต่แม่ก็ดันเดินผ่านตัวผมหายไปในครัวซะแล้ว


          “วันนี้แม่กะจะปิ้งขนมปังทานูเทลล่าให้ แต่แม่กลัวมันจะไม่กรอบตอนลูกตื่นแม่ก็เลยยังไม่ทำ” ลุกจากโซฟาหน้าทีวีมาเข้าครัวเร็วเอาเรื่อง


         “เดี๋ยวผมทำเองก็ได้ แม่อ่ะไปนั่งฟังข่าวเช้าของแม่ต่อเหอะ” เดินตามเข้าไปในครัว


           “ไม่เป็นไรๆ กรณ์ไปนั่งรอเถอะเดี๋ยวอีกสักแป๊บนึงแม่เอาไปให้ แป๊บบบเดียวแน่นอน” ยืนใส่ขนมปังในเครื่องปิ้งที่พร้อมทำงาน


       ผมเดินไปนั่งโซฟารอตามที่แม่บอก หน้าจอข่าวที่ยังไม่จบเปิดให้ผมดูหน้าข่าวที่มีสองนักข่าวสาวนั่งบรรยายให้คนอยู่ตรงแผ่นหน้าจอทีวีได้ฟัง กระเป๋าสีเขียวขี้ม้าหยิบออกมาจากไหล่ที่รองรับไว้อยู่ ขาไขว่มองภาพถ่ายช่างภาพในจอกับแถบหัวข้อข่าวที่พออ่านก็ถึงกับต้องส่ายหน้าเมื่อเห็นว่าข่าวที่นักข่าวกำลังพูดถึงมันเป็นเรื่องที่เป็นที่นิยมมากในตอนนี้นั่นก็คือ...

        “ช่วงนี้ทำไมข่าวไอพวกทวงหนี้โหดมันว่อนเกลื่อนไปหมดเลยวะ?” พร่ำถามกับตนเอง


    ...


       “แม่! พ่อไปทำงานแล้วอ๋อ?” ผมตะโกนไปหาคนในครัว


      “ไปตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ เราน่ะมัวแต่หลับไม่รู้เรื่องอะไรกับเขาหรอก”


     “ตอกย้ำซ้ำเติมเก่ง” ผมพูดเบาๆออกมาเมื่อได้ยินแม่พูดจบ


      “อ่ะขนมปังได้แล้วลูก กินกับนมด้วย จะได้สูงๆ” วางให้ยังโต๊ะขาเตี้ยหน้าโซฟาที่เป็นไม้ลายสวย


        “แม่! ตอนนี้ส่วนสูงผมมันไม่ขยับแล้วมั้ยอ่ะ กินไปก็มีแต่จะไปเพิ่มน้ำหนักให้ผมมากกว่า” 


      “กินไปเรื่อยๆอย่าบ่นเลย เชื่อแม่ มันจะต้องมีวันที่ลูกต้องสูงเหมือนพ่อให้ได้สักวันนั่นแหละ” ตบบ่าให้ผมยอมเชื่อมั่นตามคำของเธอ


         “วันนั้นก็คงเป็นวันที่ผมผ่าตัดเพิ่มส่วนสูงเองมากกว่า”


    ผมพูดถอนหายใจในความพยายามของแม่กับการที่จะให้ผมดื่มนมเพื่อเพิ่มส่วนสูงให้มันขึ้นมาเท่าพ่อให้ได้ทั้งที่มันแทบจะไม่มีหวังเลยด้วยซ้ำ แต่ก็เถอะ ถึงมันจะไม่ขึ้น แต่ผมก็จะกิน เพราะผมติดมันไปแล้ว น้ำนมสีขาวกระดกจากแรงข้อมือที่ผมดันมันลงเข้าหลอดอาหาร ผมดื่มมันหมดภายในอึกเดียวไม่มีพักแล้วก็รีบวางหันไปคว้าขนมปังมากินต่อเนื่อง


        กระเป๋าถือพาดข้างออกมาก่อน ฟัน32ซี่งับขนมปังเอาไว้ในปากครึ่งหนึ่งแล้วรีบหารองเท้าผ้าใบสีขาวมาใส่ออกไปหาไอเพื่อนเชื้อสายจีนที่รออยู่ตั้งหลายนาทีแล้ว เสียงดอกยางดังเอี๊ยดอ๊าดเสียดใบหูทำให้แม่เห็นว่าเจ้าลูกชายตัวแสบอย่างผมกำลังสวมรองเท้าด้วยท่านกฟามิงโก้อยู่เซไปก็เซมาคนเดียวโดดๆ พอส้นเท้าเข้าไปหมดทั้งสองข้างครบแล้วผมก็รีบยกมือไหว้แม่ออกจากบ้านไปไม่ลืมจะปิดประตูให้เพื่อความปลอดภัยของสาวสวยในบ้านที่นั่งฟังข่าวทวงหนี้โหดนั่นอยู่

       “กรณ์! กรณ์ลูก!! วันนี้มีร้านเค้กมาเปิดใหม่ข้างๆมหาลัยลูกน่ะ ไปซื้อเค้กช็อกโกแลตกลับมาให้แม่สักชิ้นหน่อยนะ” เดินออกมายืนหลังประตูบ้านไวเทียบแสง


           “ทีเรื่องขนมเค้กล่ะรีบจำมาบอกลูกเลยน่ะ ทีข้าวเช้าล่ะลืมเก่งงงง” ผมหมุนตัวกลับมาพูดจายียวนแม่


         “รีบไปเรียนได้แล้วไป แต่อย่าลืมเค้กนะ”


           “ทราบแล้วครับคุณกิ่งคนสวย5555” หันกลับไปเดินต่อ


         ผมชื่อ กรณ์ ลูกชายคนเดียวของพ่อศักดิ์กับแม่กิ่งที่คุณก็อาจจะได้รู้จักเมื่อกี้นี้แล้ว จริงๆผมเป็นเด็กต่างจังหวัด แต่ว่าเพราะมีอยู่ช่วงหนึ่งพ่อต้องแยกแม่มาทำงานในกรุงเทพ แต่ว่าจู่ๆแม่ก็บ่นว่าเจ็บท้อง พ่อก็เลยเป็นห่วงพาแม่กับผมที่อยู่ในท้องตอนนั้นมาอยู่ที่กรุงเทพด้วยกันจนลากยาวมาถึงปัจจุบันนี้ก็หลายสิบปีแล้ว ปัจจุบันพ่อเปลี่ยนจากลูกจ้างมาเป็นนายจ้างเต็มตัว ผลไม้จากสวนเล็กๆพ่อผมก็รับมาขายต่อเป็นเงินเป็นทองไปหมด และผมก็เตรียมได้รับตำแหน่งที่จะต้องรับช่วงต่อกิจการจากปากของพ่อที่เคยพูดพร่ำไว้เองสมัยผมยังอยู่ม.ปลาย
     คุณพ่อสุดเหี้ยมคอยติวเข้มให้ผมเรียนนู่นเรียนนี่เพื่อมาช่วยงานที่บ้าน แต่พอโตมาเตรียมจะเข้ามหาลัยผมก็ดันเข้าใจตัวเอง ว่าจริงๆผมชอบภาพยนตร์มากกว่าเกษตรซะอีก และไอเรื่องนี้ก็ทำให้ผมเกือบหนีออกมาจากบ้านเพราะทะเลาะกับพ่อเป็นเรื่องใหญ่ระดับญาติตรงข้ามบ้านอย่างป้าพิมพ์กับลุงเขียวยังเอาเกือบจะไม่อยู่ แต่เป็นเพราะคำขอของลุงเขียวที่มาขอผมไว้ ผมเลยใจอ่อนยอมอยู่บ้านไม่หนีไปไหนต่อไหนในวันนั้น สุดท้ายลุงเขียวก็มาช่วยคุยกับพ่อจนพ่อเออออยอมรับปากว่าจะให้ผมเรียนภาพยนตร์ ควบมาถึงตอนนี้ก็ปี3แล้วที่ผมเรียนมาในทางเดินที่ผมชอบ และตอนนี้พ่อเองที่เคยแอนตี้ก็กลับเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมทำเป็นปี่เป็นขลุ่ยผิดกับวันนั้นสิ้นดี


         “ไงมึง กว่าจะมาได้นะ เล่นกะเอาให้ตูดกูกลืนไปกับเก้าอี้เลยไง!?” ไอหยางลุกขึ้นมาจากเก้าอี้สาธารณะใต้ต้นไม้หน้าตึก


        “กูว่าละว่าสุดท้ายมึงก็ต้องแดกเร็วแล้วมารอกูตรงนี้อยู่ดี” หาเรื่องแถไปเรื่อย

    ส่วนนี่ ไอหยาง หรือถ้าสุภาพๆหน่อยก็จะต้องเรียกว่าคุณชายหยางหยาง ที่ชื่อมันแปลกๆก็เพราะมันเป็นลูกครึ่งไทย-จีน หน้าตาโคตรดีจัดๆ ที่สำคัญคือครอบครัวมันรวยมากทั้งฝั่งแม่กับฝั่งพ่อ เห็นมันเคยบอกว่าพ่อมันเป็นเจ้าของเหมืองแร่หลายที่ แถมยังเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในจีน ทางแม่ก็เป็นถึงหมอศัลยกรรมในโรงพยาบาลดังๆมากที่สุดในหมู่หมอศัลยกรรมทั้งหมด คุณยายก็เคยเป็นดารามาก่อนในอดีต คุณตาเป็นถึงข้าราชการชื่อดังในสมัยนั้น แต่ไม่รู้ทำไมคนรวยๆแบบมันที่มีแต่ของแบรนด์เนมเต็มตัวต้องมาสนิทกับไอคนปากหมาแบบผมด้วย(?) ตั้งแต่เข้ามาเรียนปี1จนมาถึงปี3 ผมไม่เคยเห็นครั้งไหนเลยที่จะไม่มีคนมองผมด้วยสายตาที่อิจฉา 
     


                อยากรู้เหรอว่าอิจฉาเรื่องอะไร?


     ก็แน่อยู่แล้ว เพราะพวกแม่งอิจฉาผม ที่ไอหยางหยางประกาศบอกว่าจะเป็นเพื่อนกับผมแค่คนเดียวกลางไลฟ์สดตอนปี1 ที่พวกผมสองคนเปิดขึ้นเพื่อจะร้องเพลงกันตามปกติทั่วๆไป แล้วมันก็ยังเป็นพวกชอบขนของมานอนที่บ้านผมในวันที่มันขี้เกียจกลับบ้านมันเอง ซึ่งผลพวงก็ต้องตามมาเมื่อมันชอบมานอนบ้านผม เพราะของแบรนด์เนมของมันทุกสิ่งทุกอย่างก็จะมาอยู่ที่บ้านของผมเต็มไปหมด ทั้งน้ำหอม นาฬิกา รองเท้า รวมไปถึงพวกไอแพดกับโน๊ตบุ๊คที่มันเอามาทิ้งไว้ที่บ้านผมเหมือนเป็นบ้านมันหลังที่2เลยก็ว่าได้

       “วันนี้กูไปนอนบ้านมึงน่ะ ป๊ากับม๊ากูเขาไม่กลับบ้านวันนี้ สงสัยมีประชุมใหญ่” ตบบ่าบอกผมขณะเดินขึ้นคณะไปด้วยกัน


         “เออ ก่อนกลับมึงพากูไปซื้อเค้กหน่อยนะ กูจะซื้อไปฝากแม่”


         “ร้านไหนอ่ะ?” ก้าวขาขึ้นบันไดมือก็จับสายกระเป๋าที่คล้องบ่าข้างขวาไปด้วย


           “ร้านสีชมพูๆตรงทางโค้งนั่นไง” ผมยืดแขนชี้ไปทางโค้งทางแยกหน้ามหาวิทยาลัยที่ก็เพิ่งจะเข้ามา


          “อ๋อๆ เออได้ๆ กูกะจะไปถ่ายรูปเหมือนกัน ร้านมันน่ารักดี”
     


                   แชะๆ!!


     โทรศัพท์ของนักศึกษาคนอื่นที่คอยหันตามพวกผมสองคนเดินไปจนกว่าจะไม่เห็นแล้ว สงสัยใช่มั้ยล่ะว่าทำไมพวกผมถึงถูกถ่ายรูปไว้จากผู้หญิงพวกนั้น ไม่ใช่ว่าผมถูกหมายหัวจากพวกอันธพาลเหมือนในหนังนะ แต่ว่าที่พวกนางถ่ายรูปผมไว้คู่กับไอหยาง ก็เพราะพวกเธอจะเอาไปจิ้นกันต่างหาก เพราะว่าหลังจากที่เราไลฟ์สดคู่กันเพื่อร้องเพลงโชว์ลูกคอตอนปี1นั้น แล้วไอหยางดันเสือกไปพูดว่าจะเป็นเพื่อนผมแค่คนเดียวทั้งมหาลัย มันก็เลยไปกระตุกดวงตาสาวๆที่มีแต่ความรักของชายชายในโลกออนไลน์ตอนนั้น
     จริงๆเรื่องมันจะไม่ใหญ่โตนะถ้าไม่มีเพจคู่จิ้นชื่อดังที่แอบเข้ามาอัดไลฟ์ตอนนั้นเอาไว้แล้วเอาไปใส่แคปชั่นจนผู้หญิงส่วนใหญ่เข้าใจผิดหมดว่าผมกับไอหยางเป็นผัวเมียกัน


        “แหนะ! กูจะหาเมียไม่ได้ก็เพราะแบบนี้แหละ” ผมหันไปมองพวกเธอเพียงชั่ววินาทีก่อนจะเบือนหน้ากลับมาส่ายไปมาระบายกับไอหยางคู่จิ้นผัวผม


       “ช่างแม่งเหอะ เดี๋ยวจบไปก็ไม่มีแบบนี้แล้วเชื่อกู” มันปลอบผม 



              แต่ทำไมต้องมาลูบหัวผมด้วยก็ไม่รู้?

     ผมกับมันเดินเข้าห้องเรียนที่ลงเรียนเหมือนกันคล้ายตั้งใจ หลายชั่วโมงที่เราเรียนกว่าจะออกมาก็ปาไปเกือบบ่ายสองจะบ่ายสามกว่าๆ ผมสองคนกับมันเดินออกมาแต่สภาพของผมกับโทรมมากกว่ามันนัก ร่างกายที่อยู่ท่าเดิมมากเกินไปก็ต้องรีบยืดเหยียดเส้นสายให้กลับมาปกติอีกครั้ง หนังสือที่ยังไม่เก็บก็ชูขึ้นตามแขนที่ยืดสุดอะไรสุด หลังมือขยี้ตาให้ตาที่เตรียมจะหลับให้กลับมาตื่นอีกครั้ง แต่ไอคนที่มันทั้งมาก่อนผมอย่างไอหยางทำไมมันถึงอึดไม่ง่วงเหมือนผมบ้างก็ไม่รู้มัน?


       “มึงไม่ง่วงบ้างไงวะ?” ผมวางแขนลงข้างตัวถามมันเสียงเหนื่อยอ่อนนิด


          “ก็ไม่นะ มึงมากกว่าปะวะที่ไม่ได้นอนเอง”


      ศอกหนักของมันกระทุ้งมาข้างเอวผมราวกับมันคิดว่าตัวเองกำลังน้อยยังไงอย่างงั้น มือผมที่พอรู้ว่าเอวที่โดนเจาะเมื่อกี้เริ่มออกอาการเจ็บมันก็ค่อยๆยกมากุมนวดวนให้คลายเบาบาง หน้าเสียของผมมองมันก่อนจะหันไปหลบหน้าเจ็บปวดทางอื่น ผมกับไอหยางเพื่อนรักเดินออกมากันเพื่อจะมุ่งตรงไปยังร้านสีชมพูพาสเทลนั่นที่ดูแล้วคงมีหลายจุดที่ถ่ายรูปแล้วได้ยอดไลก์มากน่าดู


         ไอหยางเปิดประตูร้านไปกระทบกระดิ่งดันลั่นร้านให้แทนผมที่สมควรจะเปิดเอง ต้นไม้สีเขียวตัดกับสีชมพูพาสเทลและสีขาวกลิ่นของใหม่ยังลอยคลุ้ง ดูท่าก็คงน่าจะเปิดใหม่สดๆร้อนๆจริง ตู้เค้กเปิดแสงสีส้มฉายของกินที่หน้าตาแปลกๆไม่เหมือนกับเค้กที่พวกผมเห็นตามร้านกาแฟหรือร้านขนมเค้กทั่วไปนัก หรือว่าพวกผมเองมากกว่าที่ไม่ค่อยสนใจ(?)

       “รับอะไรดีครับ?” เจ้าของร้านหรือไม่ก็พนักงานชายหน้าตาดีหันมาทักทายผมที่เดินมามุงกันยังหน้าตู้เค้กกับไอหยางที่เอาแต่ยืนยิ้มให้คุณเจ้าของอยู่นั่น


          “เอ่อ...” พยายามจะหรี่ตาอ่านชื่อเค้ก


       “เอาอะไรครับ?” เดินมาที่หลังตู้เค้กที่ผมกับไอคุณชายหยางยืนอยู่


          “พี่มีเค้กช็อกโกแลตขายมั้ยอ่ะครับ?” ผมถามเสียงเบากับคนขาย


        “ขอโทษนะ ร้านพี่ขายแต่ขนมเค้กแปลกใหม่อ่ะ เค้กช็อกโกแลตธรรมดาๆเลยไม่มีขาย แต่ว่าถ้าเป็นเค้กพวกช็อกโกแลตพี่ก็มีแนะนำนะ” 

     จริงๆผมกะจะพูดขึ้นมาว่าไม่เอาแล้วนะ แต่พอพี่เขาพูดขึ้นพี่เขาก็พูดแบบไม่เว้นให้ผมแทรกเลย มันก็คงขัดอะไรไม่ได้แล้วล่ะมั้ง หน้าที่เจื่อนไปตอนแรกก็ต้องถึงกับยิ้มบางๆขึ้นมาก่อนเป็นการสุภาพ เสียงหัวเราะเหยาะของผมทำให้ไอหยางที่ยืนอยู่ถึงกับรู้เลยว่ากำลังตามน้ำพี่เขา พวกเราสองคนก็ไม่ได้อยากจะให้พี่เขาแนะนำจริงๆ แล้วแทนที่ไอบักคุณหยางมันจะช่วยพูดแทนผม มันกลับยืนเฉยๆให้พี่เขาเริ่มแนะนำเค้กในร้านไปเรื่อยๆแบบนั้นซะได้ (ไอเพื่อนเวรเห็นหน้ากูแบบนี้แล้วยังจะไม่ช่วยอีก กูง่วงนอนแค่ไหนไม่เห็นหน้ากูหรือไง!!)

        “อันนี้จะเป็นเค้กช็อกโกแลตผสมกับเยลลี่องุ่นทำเป็นชั้นด้านใน ส่วนอันนี้จะเป็นเค้กเลม่อนโรยด้วยช็อกโกแลตซอสเคลือบทั้งชิ้น แล้วอันนี้ก็เป็นเค้กแครอทกับช็อกโกแลตลายม้าลายสอดใส้ด้วยใส้ซอสครีมนมหอมๆ เราสนใจอันไหนมั้ย?”


          “มีคัพเค้กช็อกโกแลตมั้ยครับพี่?” หยางหยาง


      มึงจะถามเพิ่มทำไมไอหยาง กูจะกลับบ้านไปนอน ไม่เห็นตากับร่างกายกูบ้างเหรอ?


          “อ๋อมีสิ เป็นคัพเค้กมะพร้าวอ่อนใส้ช็อกโกแลตลาวาด้วยนะ ส่วนจะมีอีกอันก็คือคัพเค้กกาแฟผสมกับช็อกโกแลตที่โรยหน้าด้วยครีมผักชี”

       ค! ครีมผักชี แม่กูกินเข้าไปแล้วจะไม่ท้องเสียใช่มั้ยวะ!?


          “งั้นผมเอาเค้กช็อกโกแลตเลม่อนนั่นก็ได้ครับ” ผมจำอันไหนได้ก็พูดออกไปก่อนไม่ให้ดูเสียมารยาท

    เดี๋ยว! แล้วทำไมกูไม่เดินออกไป ทำไมกูต้องสั่งด้วย!?


         “เอาเค้กช็อกโกแลตแครอทอีกชิ้นด้วยก็ได้ครับ” ไอหยางพูดขึ้นพลางมองไปดูเค้กชิ้นนั้น


           “มึงชอบกินเหรอวะเพื่อน?” ผมกัดฟันถามมัน


          “เปล่า กูแค่อยากลอง ไหนๆคุณเจ้าของร้านก็แนะนำแล้ว ใช่มั้ยครับ^^” ส่งรอยยิ้มพิฆาตให้กับพี่เจ้าของร้าน


         เฮ๊ย! ยิ้มแบบนั้นมันคืออะไรของแม่งวะ?


           “ครับ^^ 2รายการ60บาทครับ” พูดไปก็กดเครื่องคิดตังค์ไปด้วยกัน


    ไอหยางเปิดกระเป๋าตังที่เป็นแบรนด์ราคาเหยียดหมื่นหรือไม่ก็แสนมากางหาตังค์ในนั้น มันแหวกเอาแบงก์สีแดงขึ้นมาจ่ายไม่ยอมพูดกับผมสักคำว่ามันจะใจป๋า ผมที่หยิบเงินออกมาก็ถึงกับไปไม่เป็นต้องรีบเก็บลงกระเป๋าทันที ถุงประจำร้านใส่ซะน่ารักจนลืมไปว่าข้างในนั้นมีเค้กประหลาดๆอยู่ ผมรับมาถือเดินออกจากร้านไป รีบจับมือไอหยางคนรวยจ๋าเดินไปจากหน้าร้านให้เร็วเพื่อจะได้ด่ามันได้เต็มปอดเสียที


          “มึงจะรีบลากกูออกมาทำไมวะ! กูยังไม่ทันได้ถ่ายรูปร้านเลย”


        “มึงน้ำในหูไม่เท่ากันไงวะ ถึงไม่ได้ยินเค้กที่เขาแนะนำอ่ะว่ามันใส่อะไรไปบ้าง!?”


          “มึงไม่เคยได้ยินไงวะ ว่าทุกสิ่งย่อมต้องมีครั้งแรกเสมอ” เท้าเอวหันข้างไปมองหน้าร้านสีชมพูพาสเทลนั่น


        “ครั้งแรกอะไรของมึง แม่กูจะกินช็อกโกแลตธรรมดา ไม่ใช่ช็อกโกแลตแบบนี้” ผมยกถุงร้านขนมเค้กในมือมาสูงพอๆกับหน้าให้มันเห็น

    เออแต่จะว่าไป พอเอามาใกล้ๆกลิ่นก็หอมเหมือนกันนะ

     


           “งั้นเดี๋ยวกูเอาไปแดกเอง ส่วนมึงก็ไปหาเค้กช็อกโกแลตแถวๆนี้เองแล้วกัน”


      ไอหยางเป็นผู้ชายตัวเท่าควายแต่เวลามันงอนไอหยางก็งอนซะมุ้งมิ้งผิดกับศอกมันที่เจาะเอวผมเมื่อกี้มาก มันงอนผมแล้วก็พาลเอาถุงร้านขนมนั่นเดินกลับบ้าน(ผม)ไปคนเดียว ทิ้งให้ผมยืนมองมันจากตรงนี้ ทั้งที่จุดหมายของมันก็คือบ้านผมนี่แหละ มือเท้าเอวมองมันเดินไปไม่หันมามองหรือแยแสผมสักนิด เออ! งอนไปก่อน กูขอไปซื้อเค้กแป๊บนึง เดี๋ยวค่อยกลับไปง้อทีหลัง


     ไอผมที่เดินไปยังตลาดนัดใกล้ๆแถวนั้นก็รีบไปร้านขายเค้กที่มีเค้กช็อกโกแลตขายตามคำสั่งของพระมารดาที่สั่งมาตั้งแต่เช้า มือถือถุงพลาสติกใสที่ภายในนั้นมีกล่องกระดาษแข็งใส่เค้กอยู่1ชิ้น ผมเดินแกว่งมือซ้ายแกว่งมือขวาสบายใจกลับมาจากทางมหาลัยเพื่อลัดหน่อยก็ไม่ทันเห็นอีกฟากที่เห็นว่าไอหยางลูกเศรษฐีมันกำลังวิ่งหน้าตั้งผมเปิดหน้าผากแห่งความหล่อมาทางผมไม่มีเขว

          “ไอกรณ์!!!ๆๆๆๆ” วิ่งมาถึงก็รีบใช้ดอกยางใต้รองเท้าเบรคชะลอความเร็วให้เป็นประโยชน์


        “อะไรของมึงวะไอหยาง?” จับร่างมันเอาไว้ไม่ให้เข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้


           “ตอนนี้มีคนกำลังบุกมาพังของที่บ้านแม่มึง!!”


         ห้ะ!!!!!


    …………………………………………………….
    Talk Talk 


      เริ่มตอนแรกก็มาทำความรู้จักตัวนายเอกเพื่อนนายเอกและคุณเจ้าของร้านขนมสุดแปลกคนนี้กันก่อน แล้วอีพีต่อไปค่อยไปทำความรู้จักคนอื่นที่เหลือทีหลังกันค่ะ



     *ฟิคชั่นเรื่องนี้อัปทุกวันอาทิตย์*
     HASHTAG  :  #เจ้าหนี้คนนี้เขาจีบผม 
     TWITTER  :  @Zzx3N 
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×