คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่7 ห้องใหม่
ตอนที่ 7 ห้องใหม่
……………………………………………
“เพราะว่าผมชอบลูกชายของคุณยังไงล่ะ”
ชิตพลพูดจาไม่สนหรือแคร์ว่าใครจะช็อกแค่ไหน แม่ของกรณ์เธอหน้านิ่งค้างไปกลางอากาศ ใบหูอื้อตันไร้การรับฟังสิ่งใด ขาเธอค่อยๆเซหลังไปแล้วล้มตัวลงนั่งกับพื้นเสียงดังจนชิตพลถึงกับอยากจะวิ่งไปช่วยแต่ก็ไม่ทัน ชิตพลเดินไปที่ครัวหยิบขวดน้ำเย็นเทใส่แก้วมาวางให้ราวกับว่าเขาคุ้นเคยบ้านหลังนี้ ชิตพลเดินไปปลีกตัวนั่งที่ขอบพนักพิงโซฟาด้านหลังแทนพลางยกแขนขึ้นมากอดอกมองเธอ
“ผมยังไม่ได้ทำอะไรลูกคุณตอนนี้หรอกคุณอย่าเพิ่งตกใจไป”
“ฉ! ฉันอยากไปเยี่ยมลูก ฉันคิดถึงลูกฉัน”
“ผมให้คุณไปพบกรณ์ตอนนี้ไม่ได้ แต่ถ้าวันเสาร์อาทิตย์เมื่อไหร่ผมจะพาเขามาส่งเอง”
“คุณบังคับถึงขั้นไม่ให้แม่กับลูกพบเจอกันเลยเหรอ จิตใจคุณทำด้วยอะไรกัน!!” เธอเริ่มเงยหน้าขึ้นต่อว่าตะคอกแรงใส่พล
“กรณ์คือสิ่งที่ช่วยชีวิตครอบครัวของคุณเอาไว้จากผม กฎเสาร์อาทิตย์ที่ผมให้กรณ์กับพวกคุณพบเจอกันนี้ก็ถือว่ามากพอสำหรับพวกคุณแล้ว”
“ถ้าคุณไม่ให้สิทธิ์ฉันในการเจอลูก คุณเองก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะได้แตะต้องลูกฉันเหมือนกัน”
...
ชิตพลลุกจากขอบพนักพิงมายืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวที่ใช้คำพูดเด็ดขาดกับเขาโดยไม่มิแต่จะหวั่นกลัวกับเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ขายาวสูงนั่งยองลงไปให้ระดับหน้าอยู่เท่าเดียวกันกับเธอ ใบหน้าที่หล่อคมเอียงหน้าไปทางขวานิดนึงก่อนจะยกยิ้มมุมปากเล็กน้อยจากใจที่มีแต่คำว่าชื่นชอบนัก
“ผมว่านิสัยแก่นๆพูดจามั่นอกมั่นใจของกรณ์น่าจะได้คุณมาเต็มๆเลยนะ”
“กรณ์ไม่มีทางที่จะชอบคุณ หรือว่าผู้ชาย เพราะว่ากรณ์เป็นผู้ชาย ไม่ใช่แบบคุณ!!”
!!!
คำพูดส่อเสียดที่รุนแรงจนชิตพลที่ใจเย็นก็ถึงกับควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่ มือซ้ายที่แข็งกร้านพุ่งขึ้นไปรวบคางบีบแน่นจนปากเธอบีบอัดกัน มือหนักบีบแรงจนเธอพยายามจะแกะออกแต่ก็ทำไม่ได้เพราะพละกำลังที่มากโขนัก แววตาที่เปลี่ยนไปของพลทำให้เธอที่เหลือบตาขึ้นมามองด้วยความบังเอิญก็ถึงกับช็อกไปอีกรอบ รอยยิ้มที่จางหายไปกับดวงตาที่เริ่มเย็นเยือกไปทั่วทั้งร่างเธอทันทีที่ได้มองจ้องไป มือสั่นไม่กล้าแตะต้องผิวแขนชิตพลที่มีอิทธิพลสูงกับครอบครัวเธอและครอบครัวลุงเขียวจนร่างกายแม่กรณ์นั้นทิ้งดิ่งหมดไม่เหลือแม้แต่เรี่ยวแรงสักนิด
“แบบผมนี่มันทำไมเหรอครับ...คุณแม่” ชิตพลเน้นคำหลังให้หูสองข้างจากแม่กรณ์ได้ยินเต็มชัดทุกคำ
“ถ้าแกกล้ายุ่งกับลูกฉันแม้แต่ปลายเล็บ ก็อย่าหวังที่จะได้เจอลูกฉันหลังจากที่ผัวฉันจ่ายหนี้หมดก็แล้วกัน”
ชิตพลดูจะไม่กลัวกับคำเตือนของเธอเลยแม้แต่คำเดียวที่เปรยออกมาปากมา ดวงตาหนักแน่นแต่กลับถูกทำลายด้วยรอยยิ้มสะอกสะใจยิ่งของพลที่เขาเผลอหลุดออกมาทันทีที่เขาได้ยินคำว่าจ่ายหนี้ครบ ใบหน้าก้มไปหัวเราะเสียงดังไม่มาก มือบีบคางเองก็ยังคงบีบไว้แบบนั้นไม่ปล่อยคลาย ดวงตาที่เย็นชาเองก็ยังไม่หายไป มีเพียงเสียงหัวเราะจางๆเข้ามากลบเกลื่อนมันเอาไว้เสี้ยวนึงก็เท่านั้น ปากที่มีเสน่ห์ยิ้มไม่กว้างเท่าไหร่ตามเสียงหัวเราะที่ดังออกมา และมันก็ค่อยๆหายไปตามเสียงและความรู้สึกเก่าที่มันกลับมา
“วันที่ผัวของคุณแม่จ่ายหนี้ผมเสร็จ วันนั้นก็คงจะเป็นวันแต่งงานของผมกับกรณ์ไปแล้วนะครับ” เขาส่ายหน้าอ่อนๆไปกับคำพูดแม่กรณ์เมื่อครู่
“แกพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร”
“ถ้าผัวของคุณแม่กลับมาเมื่อไหร่ ผมว่าเขาน่าจะตอบเองได้ถูกนะครับ”
มือบีบคางปล่อยออกไม่เหวี่ยงคางให้เจ็บมาก ร่างสูงสวมสูทยืนจัดชุดให้เรียบดั่งเคย เขาเชยหน้ามองไปที่บันไดชั้นสองก่อนจะเดินขึ้นไปไม่สนใจว่าคนที่เป็นแม่กรณ์ท่านนั้นจะเป็นเช่นไรอยู่ เสียงบิดกลอนประตูดังขึ้น เธอตาเบิกโตรีบวิ่งตามขึ้นไปทันทีที่เธอได้สติกลับคืนมากับตัวเอง ดวงตาเธอมองไปทางห้องลูกชายที่มันอยู่ใกล้บันไดถูกเปิดอ้าไว้อย่างนั้น เธอเดินยืนมองอยู่หน้าประตูหายใจหอบก็พบชิตพลเขากำลังนั่งเปิดกระเป๋าเป้อ้ายัดเสื้อผ้าสิ่งของต่างๆเข้ากระเป๋าไม่แยแสเจ้าของบ้านสักนิด
“ถ้าว่างก็มาช่วยผมเก็บข้าวของไปให้กรณ์จะดีกว่ามายืนทำหน้าเหมือนคนเพิ่งหายจากโรคหอบหืดมาดีกว่านะครับคุณแม่” ก้มหน้าก้มตาหยิบเสื้อผ้าจากในตู้ไม่มองหน้าแม่ลูกชายที่ถูกจับไปสักครั้ง
...
“คุณชิตพล...” จู่ๆเสียงแม่ก็แผ่วลงไปเป็นคนละคนอย่างไม่น่าเชื่อ
“ว่ายังไงครับคุณแม่?” เขาไม่สนใจที่จะมองแต่ก็ยังตอบให้เป็นการเอาบุญ
“คุณช่วยบอกฉันหน่อยได้มั้ย ว่าสามีฉันกับลุงของกรณ์เขาติดหนี้กันคนละเท่าไหร่”
“ลุงของกรณ์ท่านติดหนี้ผม30ล้านบาท ส่วนสามีของคุณติดหนี้ผมอีก50ล้านบาท แต่ผมจะไม่คิดต้นหรือดอกใดๆทั้งสิ้น เพราะกรณ์เขายอมที่จะใช้ตัวเองเป็นเครื่องลดหย่อนให้กับพวกเขาแล้ว” พับเสื้อผ้ากรณ์ไปแกมอธิบายให้คุณกิ่งฟังไป
!!!
………………………………………………….
[ ชิตพล ]
ผมพูดไปก็ไม่ได้หวังว่าจะเห็นแม่ของกรณ์จะต้องเป็นแบบนี้ เธอล้มขาพับไปเกือบจะเป็นลมหัวฟาดพื้น แต่ดีที่ผมทิ้งกระเป๋าบนขาสไลด์ตัวมาช่วยประคองตัวเธอไว้ได้ทันการณ์พอดี ท้ายทอยเธอซบไหล่ผมสลบนอนไปไม่ได้สติหลังจากนี้ ผมค่อยๆช้อนร่างเธอขึ้นไปวางที่เตียงเบาแรง แล้วก็เริ่มกลับไปเก็บเสื้อผ้ากรณ์ต่อให้เสร็จ
...
ฮาาาา~
“สลบไปได้ประมาณ1นาทีครับ ไม่ได้อันตรายต่อร่างกายมากนัก” มองนาฬิกาข้อมือที่หันมาให้เห็นในตอนพับผ้าอยู่
“...”
เธอนั่งบนเตียงอยู่อย่างนั้น แต่มือสองข้างของเธอกลับมากุมขมับแน่นคล้ายว่าเธอกลับมาเครียดอีกรอบ ผมหันเหลือบไปสบปลายหางตาคมมองเธอที่ไม่มีการออกเสียงใดออกมา ผมลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋าเป้เก็บของสำคัญของกรณ์บางส่วนเตรียมจะออกจากห้องไป
“คุณชิตพล...” แม่กรณ์เรียกผมให้หยุดเดินออกจากห้องไปเพียงแค่ก้าวเดียวก็จะพ้นอยู่แล้ว
“ครับ?” ผมหันหน้าไปทางด้านข้างฝั่งปลายเตียงเพื่อมองเธออีกเป็นครั้งสุดท้าย
“ฉันขอล่ะค่ะ อย่าทำอะไรกรณ์แบบนั้นเลย กรณ์เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของฉัน อย่าทำให้เขาต้องรู้สึกแบบนั้นไปด้วยอีกคนเลย”
ถึงเธอจะบอกแบบนั้นเพื่อไม่ให้ผมรู้สึกเจ็บกับคำพูดที่อาจจะตรงเกินไป แต่ผมก็เข้าใจดีว่าท่านกำลังจะบอกผมว่าอะไร ตาผมมองเธอค้างอยู่แบบนั้นไม่รู้ว่านานแค่ไหน หน้าที่มันชากับคำของเธอก็ทำการกดหน้าลดมองพื้นไม่กล้าจะมองสู้กับความจริงที่เธอพูดเมื่อกี้ออกมาได้ ผมถอนหายใจทางปากที่เปิดแทนจมูกเสียงดังเบาๆในห้องกว้างไม่มากเท่าไหร่ ผมหมุนตัวกลับมายืนมองเธอเต็มตัวเพื่อที่จะยืดเวลาคุยต่อไปอีกครั้งในเรื่องของกรณ์
“แบบนั้นที่คุณว่า...คือการที่ผมชอบผู้ชายกรณ์ใช่มั้ยครับ?” ผมทำเสัยงราวกับไม่เป็นอะไรกับคำเมื่อกี้นี้
“80ล้าน...มันชดใช้ทั้งชาติก็คงไม่หมดแน่ๆ คุณเองก็ชนะเราไปครึ่งหนึ่งแล้วถ้าคุณมีแผนจะทำแบบนั้นกับกรณ์จริงๆ ฉันไม่อยากให้กรณ์ต้องเป็นเพราะถูกบังคับ ฉันอยากให้กรณ์เป็นจากความรู้สึกของเขาเอง ฉันไม่อยากให้ลูกของฉันต้องมาเจอกับสิ่งที่มันเลวร้ายไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
แผนการ? ถูกบังคับ? สิ่งที่เลวร้ายงั้นเหรอ?
การที่ผมรักกรณ์จริงๆและผมพร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเขา มันคือสิ่งที่เลวร้ายสำหรับพวกเขามากเลยงั้นหรือ? ผมไม่เข้าใจสักนิดว่าสิ่งที่ผมพูดมันดูเลวร้ายมากขนาดนั้น ใบหน้าผู้หญิงที่คงรักกรณ์มากเท่าชีวิตมองผมทั้งน้ำตาที่เจ่อนองทั่วหน้ามองอ้อนวอนผมไม่หยุดหย่อน ผมมองเธอนิ่งราวกับหินก้อนที่แข็งกล้า ผมก้มหน้าไปตั้งสติที่มันสั่นร้าวก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกเพื่อพยายามที่จะเรียบเรียงคำพูดให้เธอฟังทั้งใจที่ยังเจ็บอยู่
“โอเคครับ ในเมื่อคุณเห็นผมเป็นสิ่งที่เลวร้ายในชีวิตกรณ์ ผมก็จะทำให้คุณเห็นเอง ว่าความรู้สึกหลังจากนี้ของกรณ์จริงๆคืออะไร?”
...
“ผมจะแยกห้องจากเขา แต่ผมจะดูแลเขาให้ได้มากที่สุดเท่าที่ผมสามารถทำได้ โดยที่ผมจะไม่แม้แต่จะแตะตัวเขาสักนิดเดียว จนกว่าพวกคุณจะคืนหนี้ผมมาทั้งหมดแล้ว แล้วหลังจากนั้น ผมก็จะคืนกรณ์ให้กับพวกคุณ ทีนี้มันก็คงน่าจะแฟร์แล้วสำหรับครอบครัวพวกคุณนะครับ”
ผมพูดไปหน้าตาไม่มีอะไรสื่อความรู้สึกได้เลย แต่มือที่จับสายกระเป๋าเป้ข้างขวาข้างเดียวอยู่นั้นมันกลับแน่นจนสายยับยู่ยี่คามือคู่นี้ ผมไม่ฟังคำตอบของเธอว่ามันจะพอใจแล้วหรือยังในสายตาเขา ผมเดินออกมาจากบ้านเข้าไปในรถคันหรูหราอย่างเร็วไวเกินกว่าที่ใครจะหันมามองหน้าผมได้ทันที เสียงปิดประตูดังจนรถโยกเรียกให้ใครบางคนที่เดินกลับมาจากมหาลัยมองมาหน้าตาตกใจหนัก
“มันเป็นใครวะ?” หยางหยาง
หยางหยางที่มาเยี่ยมแม่กรณ์วันนี้ยืนมองอยู่ที่หน้าบ้านหลังอื่นห่างไปประมาณ3-4หลัง กระเป๋าคาดตัวสีเขียวขี้ม้ามองรถคันแพงนั่นสงสัยนักว่ารถคันนั้นเจ้าของคือใคร รถคันนั้นขับออกไปทิ้งไว้เพียงเสียงที่หลงเหลือ หยางหยางรีบเดินเร็วเข้าไปในตัวบ้านก็ไม่พบแม่ของกรณ์ที่ควรจะนั่งอยู่ด้านล่าง เขาวิ่งขึ้นไปชั้นสองก็พบกับบานประตูห้องเพื่อนรักที่ยังเปิดอ้าเอาไว้อยู่ เมื่อวิ่งเข้าไปก็พบกับแม่เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่นั่งเช็ดน้ำตาอันล้นเอ่อเพียงลำพังตัวคนเดียว
“แม่ครับ! เมื่อกี้ใครออกมาจากบ้านอ่ะ!?” หยางหยางวิ่งเข้าไปนั่งข้างเตียงเพื่อไต่ถามวามปลอดภัย
“คุณชิตพล เขาเข้ามาคุยกับแม่แล้วก็เก็บเสื้อผ้าของกรณ์ไป ฮืออ!~” ปาดแก้มสีแดงที่เลอะน้ำออก
“เขาคุยอะไรกับแม่อ่ะ! เขาทำร้ายอะไรแม่มั้บ!?” หยางหยางจับแขนแม่กิ่งเพื่อเสาะหารอยช้ำที่อาจจะถูกทำร้ายมาก่อนหน้าที่เขาจะมาพบ
“เขาไม่ได้ทำอะไรแม่ เขาแค่มาบอกเรื่องหนี้ของลุงเขียวกับตาศักดิ์...แล้วก็บอกเรื่องของกรณ์แค่นั้น”
“เขาบอกว่ายังไงแม่เล่าให้ผมฟังหน่อยได้มั้ยครับ?” หยางหยางเค้นให้เธอรีบตอบ
“ลุงเขียวกับตาศักดิ์ติดหนี้คุณชิตพล80ล้าน แต่เพราะกรณ์ใช้ตัวเองเป็นเครื่องลดหย่อน ต้นกับดอกเขาเลยไม่คิด” ยิ่งพูดแม่กิ่งก็ยิ่งร้องไห้ออกมามากขึ้นเป็นเท่าตัว
“แล้วทำไมแม่ถึงร้องไห้? เขาทำอะไรไอกรณ์งั้นเหรอ?”
“แต่กว่าจะจ่ายหนี้ให้คุณชิตพลหมด เขาก็คงแต่งงานกับกรณ์ไปแล้ว ฮืออ!!~” หลังมือเหี่ยวไปตามกาลเวลารองน้ำตาที่ไหลเป็นธารยาว
“จ่ายหนี้เสร็จก็คงแต่งงานกันแล้ว...นี่อย่าบอกนะว่าไอคุณชิตพลนั่นมันจะ...”
“เขาบอกว่าเขายังไม่ได้ทำอะไรกรณ์ แต่80ล้านน่ะหยางหยาง!! ที่เขาพูดมันอาจจะเป็นจริงก็ได้ว่าตอนนั้นกรณ์อาจจะแต่งงานกับเขาไปแล้ว”
...
“เขาบอกว่าเขาจะพากรณ์มาหาทุกวันเสาร์อาทิตย์แต่ให้อยู่แค่6ชั่วโมงเท่านั้น...หยางหยาง!! เราต้องช่วยกรณ์ให้ได้นะ หยางหยางต่องช่วยกรณ์ก่อนที่เขาจะทำอะไรกรณ์นะหยางหยาง!!”
แม่กรณ์รีบพุ่งตัวไปกุมมือเพื่อนสนิทกรณ์พลางกุมมือเขย่าแน่นเพื่อเป็นการขอร้องจากใจ หยางหยางนึกถึงกรณ์ที่ได้ไปอยู่ในคฤหาสน์นั่นเพียงลำพังก็นึกใจหายทุกที เขาพยักหน้าถี่ตอบให้แม่พอใจก่อนจะเดินออกไปจากห้องเพียงคนเดียวก่อน โทรศัพท์เปิดดูอะไรบางอย่างก่อนจะคิ้วขมวดปมขึ้นมาไม่รู้ตัว
“ฮัลโหลม๊า! วันนี้ม๊าไปประชุมงานกับบริษัทคุณชิตพลหรือเปล่าอ่ะ?” หยางหยางเดินลงบันไดไปก็พูดกับแม่ตัวเองในสายไป
“เดี๋ยวผมขอเข้าไปดูเงินในบัญชีหลักของผมหน่อยได้ปะ ก็แค่ไปดูเฉยๆว่าเงินมันตอนนี้ยังอยู่เท่าเดิมมั้ยแค่นั้นแหละ” เดินออกจากบ้านไปเดินไปตามทางถนน
ในระหว่างทางที่เดินออกจากรั้วบ้านไป เสียงรถกระบะคุนใหญ่ก็ขับมาใกล้ๆจากทางด้านหลังเขาขับเข้ามาข้างไม่ติดมากจนหยางหยางที่คุยโทรศัพท์อยู่ก็ถึงกับตกใจยกมือมาป้องไม่ให้เสียงสบถมันดังเข้าไปในสาย หยางหยางมองรถกลับดูรู้สึกคั้นตาอย่างบอกไม่ถูก จนกระทั่งเจ้าของรถตัวปัญหาสำหรับหยางลดกระจกลงมา หยางหยางก็ถึงกับเปลี่ยนสีหน้าเป็นชายหนุ่มผู้มีความสุขขึ้นมาทันที
“อ้าวพี่พีท! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะครับ” ยิ้มให้คนในรถลืมคนในสายโทรศัพท์ไปเลยทันที
“จะไปไหน ให้พี่ไปส่งหรือเปล่า?”
“ไปหน้าปากซอยอ่ะครับพี่ พอดีผมกำลังจะกลับบ้าน”
พีทเอี้ยวตัวมาเปิดประตูต้อนรับหยางหยางให้ขึ้นรถมานั่งข้างกัน เขาขับพาหยางหยางไปส่งหน้าปากทาง ซึ่งในระหว่างขับไปนั้นหยางหยางก็คุยกับแม่ในโทรศัพท์อยู่เรื่อยๆไม่มีพักสักคำ แขนไปพักกับที่พนักพิงแขนก็ถึงกับเรียกความสนใจให้คนขับรถนั้นถึงกับต้องหันไปมองอยู่เรื่อยๆ
“อา! เดี๋ยวผมกำลังจะกลับ ม๊ากับป๊าก็ไปประชุมก่อนได้เลยเดี๋ยวผมดูเองก็ได้ เดี๋ยวป๊าก็หาว่าไอหยางคนนี้เรื่องมากอีก” วางหูไปพอถนอมความรุนแรงกับคนปลายสาย
“คุยกับแม่ทำไมดูเหมือนคุยกับเพื่อนจัง?”พี่พีทหันมาถามก็ยังมียิ้มบางๆให้อยู่นิดหน่อย
“พอดีผมคุยกับป๊าม๊าแบบนี้มาตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว มันดูเกินไปเหรอครับ?” หยางหยางบิดตัวเพราะเนื่องจากอาการที่มันเกร็งเมื่ออยู่ด้วยกันสองคนใกล้ชิดกันมากเกินไป
“ก็ไม่ได้ดูเกินไปนะ แต่แค่ว่าที่พี่เคยได้ยินคนคุยกับแม่แบบนี้มาล่าสุดก็แค่จากเพื่อนตอนสมัยมหาลัยนั่นแหละ”
“สมัยมหาลัยของพี่นี่ปีไหนอ๋อ?”
หยางหยางเริ่มพูดจาติดตลกเป็นกันเองมากขึ้นกับพีท เขาเอียงตัวเข้าไปหาพีทที่กำลังขับรถอยู่อย่างตั้งใจ ใบหน้าหล่อคมเกินห้ามใจของหยางมองจ้องมาที่ใบหน้าครึ่งด้านของพีท รอยยิ้มที่ยกให้ตอนนี้มันดูผิดแปลกไปจากการยิ้มให้เพื่อนอย่างไอกรณ์มาก พี่พีทที่ขับรถหันมาเหลือบมองก็ถึงกับสะดุ้งตัวเล็กน้อยเมื่อเห็นดวงตาหล่อคมนี้กำลังมองมาที่ตนอยู่ เสียงหัวเราะเบาๆดังออกมาจากกล่องเสียงที่เขาเริ่มหันหน้าไปมาเลิกลักเพราะการจ้องแค่ครั้งเดียวไม่ถึงหนึ่งวินาที
“นี่~ ย! อย่าพูดแบบนั้นดิ พี่พึ่งจบมาได้2ปีเอง ไม่ได้แก่อะไรขนาดนั้นสักหน่อย” ยิ้มตะกุกตะกักไม่กล้าหันไปสบมองทางด้านซ้ายมืออีกเลย
“เออ! ผมกะว่าจะคุยกับพี่เรื่องนั้นพอดี” หยางหยางตัวกระตุกพอนึกถึงอะไรสักอย่างได้ขึ้นมา
“จะคุยเรื่องอะไรเหรอ?” พีทเปิดตาโตเพื่อทำท่าด้วยความสนใจในเรื่องที่หยางจะอยากคุยด้วย
“เมื่อวันก่อนมั้งผมจำไม่ได้ละ ผมเห็นพี่เข้าผับด้วย แต่ว่าพี่เข้าไปกับใครอ๋อผู้ชายคนนั้นอ่ะ?”
“นี่มาสังเกตเหรอว่าพี่เข้าผับอ่ะ?”
“ผมไม่ได้สังเกตขนาดนั้น แต่ผมแค่ขับรถผ่านตรงนั้นแล้วมันเห็นพอดีผมเลยสงสัย” หยางหยางพูดน้ำเสียงเชิงคนกันเอง
“ก็เข้าไปดื่มกับเพื่อนเฉยๆ จะสงสัยทำไมว่าเข้าไปกับใคร?”
“ก็ผมเห็นพี่ไปกับเพื่อนแค่2คนเอง วันไหนพี่อยากได้เพื่อนไปอีกพี่ก็มาชวนผมด้วยก็ได้ ผมก็อยากไปเหมือนกันน่ะ”
หยางหยางนั่งลูบแขนข้างที่พักอยู่บนน่องขาตัวเองฝั่งขวาไปเรื่อยๆผ่านการพูดติดๆขัดๆเหมือนกับคิดอะไรสักอย่างอยู่มากเกินไปจนไม่กล้าจะพูดออกมา ปากเม้มรอคำตอบจากคนขับที่หน้าตาหวานพอๆกับขนมที่พีททำ ซึ่งพอทุกอย่างมันเงียบ พีทก็กลับมายิ้มบางๆออกมาคล้ายคนกำลังแอบเขินอยู่ลึกๆ
“งั้นก็เอาเบอร์มาดิ เดี๋ยววันไหนเหงาๆเดี๋ยวโทรไปชวน”
“พี่บอกเบอร์พี่มาก็ได้ เดี๋ยวผมโทรเข้าไปเอง”
“089-xxx-xxxx”
“เบอร์พี่นี่เชื่อมกับไลน์ด้วยปะ?” เลื่อนหน้าจอโทรศัพท์ไปก็คุยพร้อมกันกับพีทไป
“เชื่อมดิ ทำไมอ่ะ?”
“จะได้แชทไปไง ดีกว่าโทรตั้งเยอะ พี่ไม่คิดว่าเหมือนผมเลยอ๋อ?” หน้าตาหยางหยางเริ่มออกความเจ้าเล่ห์มากเมื่อได้พูดเรื่องแชทกับเบอร์ของพีท
“โทรมาดีกว่าปะ เดี๋ยวเผื่อแชทมันโดนกลบไปใครจะไปรู้อ่ะ?”
“งั้นเดี๋ยวผมโทรไปหาก็แล้วกัน”
รถขับมาจอดถึงหน้าปากทางตามที่หยางหยางบอก ประตูรถเปิดให้คนนั่งข้างๆลงไปจากรถ แต่ก็ไม่วายที่โทรศัพท์ของคนขับรถกระบะจะสั่นร้องหาคนที่เป็นเจ้าของให้รับสายตอนนั้นเลย
“ฮัลโหล?” พีทกดรับสายเปิดลำโพงในรถ
“ฮัลโหลลล” หยางหยางทักทายในโทรศัพท์ลากเสียงยาวผิดจากเมื่อกี้
“เสียงในโทรศัพท์โคตรหล่อเลยรู้ตัวปะ?”
“พี่ก็พูดเวอร์เกินไป ผมไม่ได้เสียงหล่ออะไรขนาดนั้น”
“วันพรุ่งนี้มีเรียนปะ?” จู่ๆพีทก็ถามขึ้นมาหาคนต้นสายให้ตอบ
“ทำไมอ่ะ? อยากพาไปกินเหล้าไง555”
“จะบ้าปะ! จะชวนไปซื้อของมาตกแต่งบ้านเฉยๆ” หมุนพวงมาลัยขับออกไปแต่ก็ยังมีการหันไปโบกมือให้หยางหยางนอกรถอีกต่างหาก
“คิดไงพาเด็กไปซื้อของแต่งบ้านฮะพี่พีทฮะ อยากพาเด็กไปยกเตียงปะเนี่ย^^”
“เตียงอ่ะมีแล้ว แต่แค่ขาดกระจกเอาไว้ส่องตอนแต่งตัวเฉยๆ” จอดรอไฟแดง
“ไปตอนกี่โมงอ่ะจะได้แต่งตัวรอ”
“ก็ตอนบ่ายอ่ะ เรียนปะหรือว่าไม่?” หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองเบอร์ที่เพิ่งจะโทรหาครั้งแรก
“ได้ แต่เดี๋ยวผมเอารถไปเอง พี่ไม่ต้องขนรถกระบะไป เข้าใจปะ” ยืนพิงเสารอรถขับมาเรื่อยๆ
“รถคันใหญ่ปะเหอะ? ถ้าของมันใหญ่แบกกลับไม่ไหวเป็นเรื่องนะ”
“ก็รถใหญ่อยู่นั่นแหละ แต่พี่ไม่ต้องเอารถพี่ไปอ่ะเข้าใจปะ แค่รอราชรถไปรับหน้าร้านพอ”
“โอเคๆ งั้นวันนั้นรีบมาน่ะ”
“โอเคครับเดี๋ยวผมวางละนะ” หยางหยางยกโทรศัพท์ออกมามองเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์
“โอเคเจอกันพรุ่งนี้น่ะ”
จุ๊บๆ!!
หยางหยางเตรียมจะวางสายไปเมื่อคุยนัดหมายอะไรกันเสร็จสิ้น แต่ก่อนที่เขาจะวางสายไป เขากลับทำท่าปากจู๋และส่งเสียงคล้ายคนจุ๊บบางสิ่งที่แนบชิดจนเสียงปลายสายได้ยินชัดเจน ส่วนพีทเองที่ได้ยินก็ถึงกับยิ้มอยู่ในรถรอไฟเขียวก่อนจะวางสายไป เขานั่งนึกชื่อของคนสายใหม่นี้อยู่ไม่นานก่อนจะเริ่มพิมพ์ลงไปในช่องชื่อที่ว่างเปล่าให้มีตัวอักษรขึ้นมา
'YYANG'
------------------------------
TALK TALK
อยากจะบอกว่าอยากทำต่อมากสุดๆ แต่ด้วยความที่มันอาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว นั่นก็คือไรท์เริ่มไปสร้างนิยายอีกแอคหนึ่งแล้ว และด้วยจำนวนที่มันไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้เหมือนแต่ก่อน ไรท์เลยจะหยุดเอาไว้เพียงเท่านี้นะคะ เรียนให้นักอ่านทุกคนทราบ ขอบคุณค่ะ
HASHTAG : #เจ้าหนี้คนนี้เขาจีบผม
TWITTER : @Zzx3N
ความคิดเห็น