[END] [ KOOKMIN ] Concubine. #นางสนมจีมิน - นิยาย [END] [ KOOKMIN ] Concubine. #นางสนมจีมิน : Dek-D.com - Writer
×

    [END] [ KOOKMIN ] Concubine. #นางสนมจีมิน

    จากบุรุษสามัญชนทั่วไป กลับกลายต้องมาใช้ชีวิตในฐานะสนมเอกขององค์รัชทายาทจากแดนไกล ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือเขาจะต้องปิดบังความลับที่แท้จริงของตนเองเอาไว้ ว่าตน...คือผู้ชาย

    ผู้เข้าชมรวม

    23,499

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    61

    ผู้เข้าชมรวม


    23.49K

    ความคิดเห็น


    493

    คนติดตาม


    1.55K
    จำนวนตอน :  25 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  23 พ.ย. 63 / 19:42 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    จากบุรุษสามัญชนทั่วไป กลับกลายต้องมาใช้ชีวิตในฐานะสนมเอกขององค์รัชทายาทจากดินแดนอันไกลแสนไกล ที่สำคัญไปมากกว่านั้นคือเขาจะต้องปิดบังความลับที่แท้จริงของตนเองเอาไว้ ว่าตน...



    คือผู้ชาย






    -----



    บทนำ


    *เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องราวที่แต่งขึ้นมาจากจินตนาการของผู้เรียบเรียง ไม่มีเจตนาจะกล่าวอ้างหรือดูหมิ่นแต่อย่างใด หากผิดพลาดประการใด ขออภัย มา ณ ที่นี้ด้วย*


    - เรามีสัญญาที่เราจะต้องทำต่อกันคือการอภิเษก แต่การอภิเษกของเราในครั้งนี้จะเป็นการแต่งงานเพื่อผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ความรัก –

    ปาร์ค จีมิน



    - ข้ากับเจ้าต้องใช้ชีวิตในพระตำหนักเดียวกันก็จริงอยู่ แต่ข้าจะมิแตะต้องหรือจ้องมองเจ้าในฐานะพระมเหสีของข้าเลยเพียงเสี้ยวเดียว –

    จอน จองกุก


    - แม้นข้าจะเป็นเพียงแค่ทหารผู้ต่ำต้อยคอยปกป้องท่านจากภยันตราย แต่จิตใจของข้ากลับต้องการมากกว่าที่จะแค่เพียงปกป้องท่านองค์หญิง –

    มิน ยุนกิ


    - ถึงร่างกายข้าจะอยู่ไกลกันกับเจ้ามากเพียงใด จะสัก 10 วา หรือ 5 ศอก แต่ข้าก็ไม่อาจพึงหนีใจไปจากเจ้าได้เลย –

    คิม แทฮยอง



    - โชคชะตาเพียงแค่หยิบมือ หรือ ปาฏิหาริย์เพียงแค่เสี้ยวนาที แต่มันก็สามารถเปลี่ยนทุกอย่างได้เพียงหนึ่งลมหายใจ –

    คิม ซอกจิน


    - ถ้าจิตใจไม่อาวรณ์เฝ้าคอยหา สิ่งที่ตอบรับกลับมาก็มีเพียงเถ้าธุลีของตัวเราเอง –

    คิม นัมจุน


    - ข้าจะฆ่าคนในราชวังให้สิ้นซาก!! –

    จอง โฮซอก



    sds

    [ หน้าปกเก่า ]



    sds

    [ หน้าปกใหม่ ]


    - - -


              ช่วงสมัยยุคโชซอน


    หมู่บ้านห่างไกลจากตัวเมือง


         “ยองเฮ เจ้าไม่ต้องออกมาทำงานก็ได้ เดี๋ยวลูกข้างในของเจ้าจะเป็นอะไรเข้านะ” ป้าหญิงคนหนึ่งเอ่ยก่อนจะเดินมาลูบท้องเธออย่างทะนุถนอม


    “ข้าไม่เป็นไรหรอกท่านป้า ถ้าหากข้าสบายดี ลูกข้าก็สบายดีเช่นกัน ข้าแค่จะออกมาเอาผักไปแช่น้ำเฉยๆ ” ยิ้มให้เธออย่างขอบอกขอบใจ


               รอยยิ้มของยองเฮนั้น ทำให้หญิงชราคนที่เข้าขั้น70ยิ้มตามได้ทันที เธอคือผู้หญิงในชุมชนที่งดงามไปทั้งกายและใจมากที่สุด และดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดมาเทียบเทียนได้เลย


    “ยองเฮ เจ้าออกมาทำไม ทำไมเจ้าไม่เข้าไปอยู่ในบ้าน เจ้าท้องแก่มากแล้วนะ” ชายผู้เป็นถึงสามีของเธอรีบวางตะกร้าผักลงก่อนจะไสเท้าเดินปรี่มาหาภรรยาตนเอง


    “ข้าไม่เป็นอะไรหรอกท่านพี่ อีกวันเดียวลูกเราก็จะออกมาแล้ว ท่านยังจะห่วงข้าไปอีกทำไมกัน?” ยิ้มให้สามี


             สายตาของหญิงชราไม่มากจ้องมองความรักความห่วงใยของสามีภรรยาคู่นี้ ก่อนจะยิ้มให้โดยไม่หวังให้พวกเขาทั้งสองเห็นก็ได้ และเช่นเดียวกันกับที่คนแถวๆ นั้นก็พากันยิ้มเพราะพวกเขาทั้งสองคนเป็นสามีภรรยาที่น่ารักมากอย่างที่พวกเขาแทบจะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย


    “นี่โดยอง" ท่านป้าตรงเบื้องหน้าเขาเอ่ยกล่าวขัดจังหวะขึ้นมา



          "ขอรับท่านป้า? " โดยอง

    "เจ้าน่ะ จะต้องรักลูกเจ้าให้พอๆ กับเจ้ารักยองเฮมากๆ นะ เพราะถ้าหากเจ้ารักลูกเจ้ามากแค่ไหน...คนที่รักลูกเจ้าก็จะมีให้ลูกเจ้ามากเท่านั้นเช่นกัน”




    โดยองยิ้มและโค้งขอบคุณคำแนะนำที่มีกับเขาให้เธอ พลางนำมืออ่อนละไมลูบท้องแก่ ก่อนจะพากลับเข้าบ้านที่สร้างจากสิ่งของจากในป่าทั่วไป ดวงตาของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ต่างพากันชื่นชมไปที่บุตรชายในครรภ์ของหญิงสาวผู้โชคดีคนนี้ โชคชะตาที่เปร่งแสงออกมาก่อนจะเผยตน ทำให้เราบุคคลอวุโสหลายท่านยิ้มปลื้มอุราที่จะได้เห็นเด็กชายที่มีวาสนามาเกิดในหมู่บ้านของพวกเขา



             วันต่อมา ในช่วงเย็นของวันนี้



    ชุมชนนอกเขตที่แสนจะยากจนตกอับไร้ทางพึ่งพาอาศัยกิน กษัตริย์อันสูงศักดิ์หลายคนคิดว่าหากปล่อยนักโทษมาไว้เช่นนี้มันจะเป็นการทรมานทางอ้อม แต่มันกลับไม่ใช่อย่างที่คิด หากลองมองย้อนกลับมา หมู่บ้านเล็กๆ ที่ทรุดโทรมก็กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขและความรักอันล้นปริ่มโดยที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในรอบหลายปี เมื่อหญิงสาวท้องแก่คนหนึ่งได้ให้กำเนิดบุตรชายผู้น่าเกลียดน่าชังนามว่า ปาร์ค จีมิน


          แต่เมื่อพอตัดเข้าไปในชุมชนของเขตตัวเมืองราชวังทางตอนเหนือนั้น ก็กำลังครื้นเครงมีความสุขให้กับการเฉลิมฉลองแด่ราชาผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขา เมื่อองค์ราชินีคนใหม่ได้ทำการให้ประสูติพระราชธิดาอันแสนน่าเกลียดน่าชังเช่นกันนามว่า ปาร์ค เจฮยอน


    เสียงร้องดังกระหึ่มไปทั่วบริเวณนั้นทั้งสองฟากฝั่ง เสียงเครื่องดนตรีเล่นเพลงฉลองให้แก่ราชานับพันนับหมื่นชีวิต แตกต่างจากนอก อาณาเขตไปไกลแสนไกลที่ชาวบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียงต่างพากันยินดีปรีดาที่หญิงสาวแสนงดงามคนนี้ได้ให้กำเนิดบุตรชายสักที เครื่องดนตรีหาได้มีไม่แบบในราชวัง หากแต่สิ่งที่มอบมาให้คือความรักอันใหญ่ยิ่งโดยมิหวังผลตอบแทน









           “แม่ปลอดภัยดีไม่ต้องห่วง แต่ลูกของเธอหัวใจเต้นไม่ค่อยแรง! ” ข่าวร้ายพรั้งออกจากปากหมอ


    ชาวบ้านที่ยืนคอยก็ใจไม่ดีนัก ต่างพากันยกมือกุมขอร้องสิ่งศักดิ์สิทธิ์โดยรอบ ความรู้วิชาก็หาได้จะมีใครสูงพอไม่ พวกเขาคือบุคคลต้องความผิดจนโดนไล่ออกจากอาณาจักร ความรู้ที่มีก็แค่งูๆ ปลาๆ หาจะไปสู้กับคนในราชวังชั้นสูงที่มีวิชาอันแก่กล้าได้ไม่


    “ขอร้องล่ะ อย่าให้เด็กคนนี้เป็นอะไรไปเลย ขอร้องล่ะ” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยปากร้องเบาหู


            แต่สามีของยองเฮที่ยืนอยู่ด้านนอกกลับกังวลกว่าใครอื่นใด เขาทนไม่ได้ที่จะหันหลังรอให้หมอช่วยอยู่ตัวคนเดียว โดยองเดินฝ่าชาวบ้านเข้าไปหาเธอข้างใน สายตามองไปที่เตียง ก็พบเด็กชายร่างอ้วนท้วมผิวสีขาวซีดกับปากนูนเนินสวยสีชมพูรูปพรรณสมบูรณ์พร้อมกับมีคราบเลือดและถุงน้ำคร่ำติดตามร่างกายยังไม่ได้ชำระออก แต่สิ่งที่ผิดปกติไปจนเขาเห็นได้ชัดคาตา คือเด็กน้อยคนที่อยู่ในอ้อมกอดหมอนั้น กำลังหายใจช้าลง...


    “ปาร์ค จีมินลูกพ่อ อย่าเป็นอะไรไปนะ ได้โปรดเถอะ หมอลูกข้าเป็นอะไรไปหมอ” เดินเข้ามานั่งที่เตียงพักยองเฮก่อนที่จะช้อนร่างเด็กที่ยังมีสายรกติดที่สะดือ


            “ข้าก็ไม่รู้ สงสัยตอนคลอดลูกของเจ้าอาจจะโดนสายรกรั้งคอไว้ มีทางเดียวที่จะให้รอด ก็คือต้องให้อากาศเข้าไปข้างในให้ได้มากที่สุด” หมอ


    น้ำตาของผู้เป็นพ่อหลั่งออกมาจากดวงตาที่เคยเปี่ยมสุขเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา เขาก้มมองร่างเด็กทารกตัวน้อยก่อนจะทำการใช้มือข้างขวาทำเป็นท่อส่งลมและนำไปจ่อที่ปากของบุตรตนเอง ลมปากส่งต่อจากปากผ่านมือที่เป็นท่อไปที่ปากลูกตัวน้อย แต่มันกลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง มันไม่ได้ช่วยอะไรลูกเขาได้เลย ดวงตาสีแดงก่ำที่มาจากความเครียดข้างในมองจ้องร่างที่ไม่ได้สติและไม่มีแม้แต่เสียงร้องเหมือนเด็กทั่วไปที่เขาเคยได้ยิน



        เสียงหัวใจอันแตกสลายของชายหนุ่มที่ยืนอุ้มลูกน้อย ร่ำน้ำตาสีใสออกมาจากในอกที่บอบช้ำ...


    “ใครก็ได้ช่วยลูกข้าที ลูกข้ากำลังจะตาย ฮือออ! ” แม้ตัวจะช่วยชีวิตลูกชาย แต่ปากที่ถอนออกมาก็เอ่ยออกไปข้างนอกให้ช่วยกันหาคนที่พอจะช่วยได้


    “ทำไงดี ลูกเขากำลังจะตาย ทำไงดีๆๆ ” ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็พากันลนลานไปหมด










          ฮี่!!



    เสียงม้าไร้ที่มาพยศดังมาจากป่านอกหมู่บ้านเสียงต้นหญ้าเตี้ยถูกเหยียบย่ำจนมาใกล้เขตหมู่บ้านมากขึ้น ทุกคนต่างก็รีบพากันหันไปมองต้นเสียงนั้นและหยุดนิ่งทุกอย่าง



     “ไม่มีใครได้ยินเลยเหรอ ช่วยตามคนมาช่วยลูกข้าที ลูกข้ากำลังจะตาย!! ” โดยองตะโกนออกไปข้างนอกอย่างบ้าคลั่ง


          “มีอะไรให้เราช่วยหรือเปล่า?”



    ชายรูปร่างดีในเครื่องยศทหารสีน้ำตาลพร้อมกับผ้าคาดหัวปักรูปตราดวงอาทิตย์จากในราชวังควบม้ามาหยุดเดินดูเหตุการณ์ริมนอกสุด


    ชาวบ้านนับกว่า 10 คนต่างพากันชี้เข้าไปด้านในตัวบ้านหลังที่กำลังเกิดเหตุพร้อมกัน ชายผมยาวไว้หนวดไม่มากแต่งตัวทหารสูงศักดิ์แสดงยศถาวางตัวลงมาจากหลังม้าสีดำทมิฬและรีบเดินแหวกกองทัพประชาชนนอกราชวังมุ่งตรงเข้าไปข้างใน


    “เกิดอะไรขึ้น! ”


            ผู้เป็นพ่อวางลูกชายลงเตียงคลอด พร้อมพาร่างอันแทบจะสลายไปพร้อมกับดวงใจเดินเข้าไปคุกเข่ากุมเท้าหนาของทหารยศสูงคนนั้นไว้ เสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นทำให้ทหารคนนั้นเข้าใจความรู้สึกดีแท้ ชายคลุมหนวดบางก้มมองบุรุษเพศเดียวกันกับเขา เสียงหรี่หายคอยคำขอจากปากเจ้าของบ้านที่กำลังจะเสียลูกไปให้เอ่ยอ้อนวอนออกมา


    “ได้โปรด! ...ได้โปรดหาหมอคนไหนก็ได้มาช่วยลูกข้าที” ร้องไห้เสียงสะอื้นทรมานดวงใจ


          หยดน้ำตาหนักเม็ดหนาหยดตกลงที่รองเท้าของทหารอาชาท่านนี้ ดวงตาเงยไปมองยังร่างกายหญิงสาวที่กำลังร้องไห้นอนทอดกายเหนื่อยอ่อนอยู่บนเตียงโดยที่ยังไม่สามารถลุกขึ้นช่วยเหลืออะไรได้เลย เปลือกดวงตาประกอบติดกับขนตาอ่อนนั้นเปิดโตราวกับตกใจกับอะไรบางอย่าง ก่อนที่เขาจะรีบเดินออกจากบ้านหลังนี้ไปพร้อมควบอาชาไนยคู่วรกายออกจากหมู่บ้านไปให้เร็วที่สุด โดยไม่มีแม้แต่คำตอบว่าเขาจะกลับมามั้ยเลย



        พระราชวัง


    “ฝ่าบาท ฝ่าบาท! ได้โปรดได้โปรด! ” วิ่งขึ้นเข้าเฝ้าในตำหนักโถงที่กำลังสังสรรกันอย่างชื่นมื่น พอก้าวขึ้นบันไดตำหนักโถงขั้นสุดท้ายได้ ร่างกายส่วนล่างก็อ่อนแรงล้มลงคุกเข่าเสียงดังต่อหน้าพระพักตร์กษัตริย์โดยทันที


    ฝ่ามือยกขึ้นชะงักเวลาสังสรรค์ทุกสิ่งเอาไว้ จอกน้ำชาวางลงยังพนักพิงแขนของบัลลังก์สูง ทหารหนุ่มนิ่งหายใจหอบเหงื่อล้นจำนวนมหาศาลไหลรดรินร่างกายให้เปียกฉ่ำไปหมดทั่วกายา


              “มีอะไร?”


    “ที่หมู่บ้านนอกเมือง กำลังมีบุตรของชาวบ้านอยู่ในอันตราย พวกเขา! ต้องการหมอ” นิ้วชี้ออกไปด้านนอกประตูโถงตรงไปยังภูเขาสูง พร้อมกับน้ำเสียงที่หอบกระเส่า แต่ตัวมิอาจจะกล้าเงยหน้ามามองราชาของตนไม่


    สีหน้าของพระกษัตริย์งุนงงไม่เข้าใจในคำขอของทหารม้าตนเสียเท่าไหร่ ก่อนจะหันไปมองพระสนมเอกคู่พระทัยในเวลานี้ของตนเองเพื่อหาคำตอบ



           "เจ้าพอจะเข้าใจความหมายของทหารเราหรือไม่? "


    ...


    "งั้นขอให้หม่อมฉันเป็นคนไต่ถามอีกครั้งนะเพคะ"

            องค์ราชาผายนิ้วที่ถือจอกว่างไปเป็นการเปิดทางให้สนมเอกได้ถามเองเพื่อหาคำตอบ


    “ลูกของพวกเขาเกิดอะไรขึ้น ถึงกำลังตกอยู่ในอันตราย?” พระสนมเอกที่นั่งอยู่บัลลังก์ด้านข้างถาม


    “ข้าก็ไม่ทันได้ทราบสาเหตุฝ่าบาท แต่ตอนนี้ลูกของพวกเขากำลังจะตาย โปรดประทานความเมตตา ให้แก่ชาวประชาของท่านทีเถอะพ่ะย่ะค่ะ!! ”


          ร่างของทหารล้มลงคุกเข่าต่อหน้าพระมหากษัตริย์ของชาวประชาชิดแนบพื้นกว่าเดิมเพื่อเป็นขอร้องแบบจะยอมจนตัวตายเพื่อเด็กเพียงคนเดียว พระสนมเอกหันกลับไปมองเหนือหัวก่อนจะได้รับคำสั่งนำคนให้ไปเรียกตามหมอหลวงที่กำลังเฝ้าดูแลพระมเหสีออกมาเข้าเฝ้าพระองค์



    "ข้าจะมอบหน้าที่ให้เจ้าเข้าไปรักษาเด็กชายคนที่ทหารของเราบอก หากเจ้ารักษาเขาให้รอดพ้นจากความตายไม่ได้ ข้าจะสั่งประหารชีวิตเจ้าให้ตายตามเด็กไปสถานเดียว! "


            ทันทีที่ถูกมอบคำสั่งอันเด็ดขาดจากปากราชา ทหารหนุ่มก็รีบพาตัวหมอหลวงลงจากราชวังสูงขึ้นม้าควบออกไปนอกตัวเมืองโดยเร็วพลัน ไม่ถึง 5 นาทีอาชาไนยกายกำยำผิวดำสนิทก็วิ่งเข้ามาพร้อมหมอหลวงและทหารคนเดิม พวกเขารีบรุดลงจากหลังม้าวิ่งฝ่าหมู่มวลประชากรหมู่บ้านทั้งหมดเข้าไปข้างใน


    “เด็กเป็นอะไรไป ทำไมเด็กถึงหายใจอ่อนแรงแบบนี้?” หมอหลวงปล่อยวางอุปกรณ์ลงก็ถามขึ้นมากะทันหัน


    “หมอบอกว่าลูกข้าถูกสายรกรั้งคอเอาไว้ ข้าลองเป่าลมเข้าไปแล้วแต่อาการก็ไม่ดีขึ้นเลย” โดยองปาดน้ำตาออกตอบหมอหลวงทั้งเสียงสะอื้นแบบนั้น


          ชายไว้เคราดกอายุวัยเริ่มชราภาพใช้สองมือหยาบกระด้างช้อนร่างเด็กน้อยที่ตัดสายสะดือออกแล้วขึ้นจากมือบิดาที่กำลังเศร้า ทำการเขย่าพอให้ตัวเด็กสั่น ผู้เป็นพ่อเฝ้ามองและภาวนาอยู่ข้างๆ คอยหวังว่าโชคชะตาจะไม่เล่นตลกพาเจ้าชายตัวน้อยกลับขึ้นสวรรค์ไปทั้งที่ยังไม่ได้ลืมตาดูหน้าพ่อกับแม่ตนเลยสักวินาทีเดียว


    แต่ในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้างพวกเขา ร่างบุตรชายของยองเฮและโดยองสำลักน้ำคร่ำออกมาเป็นจำนวนมาก หมอหลวงจากในราชวังทำการรักษาตามปกติต่อจนเสร็จ


    “ลูกของเจ้าแค่ถูกสายรกพันคอและสำลักน้ำคร่ำมากจนเกินไป แต่โชคยังดีที่เข้าไปไม่มากเกินกำลังที่ข้าจะเอาออกมาได้ ตอนนี้ลูกเจ้าปลอดภัยแล้วล่ะ”


             สายตาหมอหลวงเงยมองไปทางมารดาเด็กน้อยที่ลุกขึ้นจากการนอนพัก ดวงตาที่อ่อนหวานราวกับน้ำผึ้งเดือนห้า มองมาที่เด็กน้อยซึ่งอยู่ในอ้อมกอดชายผู้เป็นพ่อโดยสายเลือดอันแท้จริง ยองเฮหันกลับมาหาหมอหลวง ดวงหน้าเงยขึ้นมาโค้งขอบคุณเขาอย่างจริงใจ ร่างกายของหมอหลวงสั่นไหวจนไม่เป็นสุขดี เขาตาสั่นปากสั่นเหงื่อไหลรดต้นคอลงไปถึงผ้าห่มกาย จิตใจของเขาว่างเปล่าเมื่อได้มองหน้าเธอ


    “ขอบคุณท่านมาก ถ้าข้ามีโอกาสให้ลูกข้าทดแทนคุณท่าน...ก็ขอให้ท่านจำลูกข้าได้ แม้จะผ่านไปกี่ปีกี่ปีก็ตาม” มองทั้งหมอหลวงและทหารคนนั้น ก่อนจะโค้งราวกับว่าตนไม่เคยโค้งให้พวกเขามาก่อนสักครั้ง


    พวกเขาทั้งสองตกใจมิอาจจะปล่อยให้ยองเฮโค้งขอบคุณเขาได้ตามอำเภอใจ สองชายอายุวัยห่างกันรีบรวบตัวลงแนบพื้นดินก้มโค้งต่ำหัวติดดินสีน้ำตาลตอบ มันนานจนทุกคนมองเป็นตาเดียวกัน ทหารยศสูงยกตัวขึ้นยิ้มปริ่มให้เธอราวกับว่าเธอคือคนสำคัญกับเขามาก่อน มือข้างขวาช้อนแขนหมอหลวงยกร่างขึ้นและพากันเดินออกจากบ้านไปเงียบๆ ชาวบ้านทั้งหมดชะเง้อมองเข้ามามองข้างในด้วยความเป็นห่วงลูกของทั้งสองมาก พวกเขายิ้มและหลั่งน้ำตาออกมาทันทีที่เห็นหน้าตาของบุตรชายของยองเฮที่ยังมีชีวิตอยู่


          "เจ้าบอกข้าที ว่านั่นคือองค์ราชินียองเฮใช่หรือไม่! " หมอหลวงหันข้างไปถามกับทหารม้าขององค์ราชา



    ... เขายิ้มและมันทำให้น้ำตาจากข้างในของเขาไหลออกมาโดยมิอาจจะห้ามให้มันหยุดได้เลยสักนิดเดียว แม้มือเปื้อนดินหยาบกร้านจะปาดมันออกจากใบหน้าแล้วก็ตาม แต่เช่นไรก็ห้ามให้มันหยุดไหลต่อไม่ได้อยู่ดี



          "ใช่ พระมเหสียังทรงมีพระชนชีพอยู่ พระองค์ยังไม่ตาย ฮึ่ก! ท่านได้ยินมั้ยท่านหมอหลวง พระมเหสียองเฮยังทรงไม่ตาย พระองค์ยังทรงมีชีวิตอยู่! "




    ตำหนักในของราชวัง



          ริมตำหนักราชวังอันสูงศักดิ์ หน้าต่างม่านสีแดงบังพระพักตร์อันงดงามให้พ้นแววตาของราษฎร์ทั้งหมด ดวงตาสีดำที่อัดแน่นไปด้วยความคิดถึง ความโหยหาในความรักของพี่สาว และเสียงหัวเราะของพวกเธอทั้งสองคนในวัยเด็กด้วยกัน เสียงคำพูดของพี่สาวที่ยังลอยมากระทบข้างหู ตอกย้ำเธอเป็นอย่างดี ว่าความรักที่พระพี่นางมีให้นั้น มันน่าโหยหาให้กลับคืนมาแค่ไหน


    “ป่านนี้...ยองเฮจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้” พระมเหสีที่กำลังไกว่เปลให้บุตรีเอ่ยกับพระพี่เลี้ยงตัวเองอย่างเศร้าใจ


    สีหน้าพระพี่เลี้ยงก็กังวลไม่ต่างกัน มือหยาบกร้านของหญิงวัยชราวางลงบนน่องขาคลุมผ้าสีน้ำเงินเพื่อให้พระมเหสียังไว้วางใจเธอได้อยู่ ใบหน้าหันกลับลงมามองพี่เลี้ยงด้วยสีหน้านิ่งเฉยแต่เปี่ยมไปด้วยความคิดที่เฝ้าหาแต่พี่สาวของตนเอง


           “อย่าเสียพระทัยไปเลยเพคะ ยังไงซะ พระมเหสียองเฮก็ยังมีทั้งสามีที่รักเธอและลูกในท้องอีกนะเพคะ” พูดปลอบ


    พระมเหสีจองเฮพยักหน้าเข้าใจดีและหันไปมองพระธิดาในเปลต่อ จิตใจของเธอ ยังคงคิดถึงพระเชษฐภคินีที่ถูกขับไล่ออกไปจากวังเพราะแอบมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับชาวบ้านนายหนึ่ง ความผิดนั้นอาจถึงตาย แต่มันกลับไม่ใช่สำหรับเธอเพียงคนเดียว




    “พระพี่นาง ได้โปรดท่านทรงกลับมา กลับมาหาข้าเถอะ ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน” น้ำตาไหลออกมาทันทีที่กำลังกล่าวคำขอร้องไห้กลับมา




    - - - - - - - - - - - - - - - - - -


    TALK TALK


                 มาเปลี่ยนเนื้อหาให้ดีขึ้นตามที่บอก มีแก้คำผิดให้แล้วในตอนนี้ เดี๋ยวตอนอื่นไรท์จะรีบมาเปลี่ยนให้นะคะ อดใจรอสักแป๊บนึง



                 ปล. ยังใช้เพลงประกอบเป็นเพลงนี้เพลงเดิมนะคะ ความขลังของความหมายมันมีจริงๆ ล้างไม่ได้เลย


                         BY. OASIS

                        HASHTAG ; #นางสนมจีมิน



    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น