ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    13 ศาสตราแห่งความมืด (13 Dark Weapon)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ จุดจบ และ จุดเริ่มต้น

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ค. 56


    บทนำ จุดจบและจุดเริ่มต้น

                   
                    ยามราตรีที่ควรจะมืดมิดและเงียบสงบ ถูกย้อมด้วยสีของเปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้จนท้องฟ้าเป็นสีแดงฉาน ความเงียบสงบก็ถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้องของความเจ็บปวด เปลวเพลิงที่ลุกไหม้อาคารบ้านเรือนของอาณาจักรที่โชคร้าย ราวกับว่ามันจะเผาทำลายทุกสิ่งให้ไม่เหลือซาก เสียงร้องขอชีวิตของผู้คนไม่ว่าจะดังแค่ไหนก็ไม่มีทีท่าว่าเปลวเพลิงจะรับฟังเลยแม้แต่น้อย

                    ผู้คนวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกันจนวุ่นวาย ทหารรักษาเมื่อที่พอจะสู้ได้เหลือแค่เพียงหยิบมือ ดูๆไปแล้วเหมือนกับสงครามที่เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เหตุการณ์ทั้งหมดกลับเกิดขึ้นในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ท้องฟ้ายามราตรีเหนืออาณาจักรที่เงียบสงบเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ราวกับว่าเป็นเพียงความสงบก่อนที่พายุลูกใหญ่จะพัดเข้ามาเท่านั้น

                    ครืน….

                    อาคารหลายแห่งพังทลายลงมา เนื่องจากไฟได้เผาทำลายส่วนที่ค้ำจุนอาคารพวกนั้นจนมอดไหม้ไปหมดแล้ว รวมถึงพระราชวังของเมืองเองก็ถูกทำลายจนย่อยยับเหมือนกัน บนยอดของพระราชวังที่พังลงมา มีร่างของชายคนหนึ่งกำลังนั่งชมบรรยากาศของเมืองที่อย่างเพลิดเพลิน ราวกับว่าเปลวเพลิงรอบข้างไม่มีผลกระทบอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย

                    “ในราชวังยังมีใครรอดอยู่อีกมั๊ย” ชายคนนั้นกล่าว สายตาละจากเมืองมาที่ชายอีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านล่าง

                    “ไม่มีแล้วขอรับ จะเหลือก็แต่เจ้าพวกนั้น” ชายอีกคนตอบอย่างสุภาพ

                    “งั้นเหรอ” ชายที่นั่งอยู่เงียบไปเหมือนคิดอะไรซักอย่าง แล้วพูดต่อ “พวกมันหนีไปทางไหน”

                    “น่าจะหนีไปทางประตูด้านทิศตะวันตกครับ เพราะทางที่เหลือถูกเราคุมไว้หมดแล้ว เหลือเพียงประตูนั้นอย่างเดียวที่สามารถออกจากเมืองไปได้” พูดจบ ชายที่นั่งอยู่ก็ลุกขึ้นแล้วโดดหายไปทางทิศตะวันตกทันที

                    ประตูตะวันตก ตอนนี้เรียกได้ว่าเป็นทางหนีสุดท้ายของชาวเมืองทุกคนแล้วก็ว่าได้ เพราะประตูของทิศอื่นนั้นถูกคนของพวกชายปริศนาปิดล้อมไว้หมดแล้ว ถ้าไม่หนีมาทางนี้ก็จะต้องโดนเผาตายอยู่ในเมืองแน่นอน ดังนั้นนี่จึงเป็นการบีบบังคับให้ทุกคนหนีมาทางนี้ทั้งหมด รวมถึงเป้าหมายของชายคนเมื่อกี้ด้วยเช่นกัน

                    เป้าหมายนั้นก็คือชายหนุ่มสองคนที่วิ่งมาถึงประตูตะวันตกเป็นคนแรกๆ คนหนึ่งสวมชุดเกราะเหมือนอัศวิน แต่เกราะตอนนี้มีแต่รอยเลือดและรอยแตกร้าว ส่วนอีกคนสวมผ้าคลุมสีขาวแต่ตอนนี้ผ้าคลุมกลับเละไปด้วยเลือดและรอยไหม้ จนแทบจะดูไม่ออกแล้วว่าเป็นสีขาว เขาแบกเด็กไว้คนหนึ่งที่หลัง ซึ่งสภาพร่างกายมีแต่บาดแผลทั้งตัว เสื้อผ้ามีรอยไหม้ เหมือนกับโดนทำร้ายมาจนสลบไปแล้ว

                    ชายในชุดเกราะวิ่งนำมาก่อน เมื่อเขาเห็นประตูแล้วเขาก็หยุดวิ่ง ทำให้ชายที่แบกเด็กหยุดวิ่งตามไปด้วยเช่นกัน

                    “จากนี้ไปฝากด้วยละไวท์” ชายในชุดเกราะพูดขึ้น สร้างความประหลาดใจให้กับชายอีกคนหนึ่งไม่น้อย

                    “หมายความว่ายังไงครับ” ไวท์ถามด้วยความสงสัย

                    “ชั้นฝากเด็กคนนั้นไว้กับนายด้วย นายจงออกจากเมืองนี้ไปซะ อย่างน้อยถ้าอาณาจักรเรามีคนรอดอีกซักคนก็ยังดี” ชายในชุดเกราะพูด สายตาของเขาจ้องไปที่เด็กที่ไวท์แบกอยู่

                    “แล้วก็เอาสิ่งนี้ไปด้วย มันอาจจะเหลืออยู่แค่นี้ แต่ชั้นเชื่อว่ามันจะต้องมีประโยชน์แน่นอน” ชายในชุดเกราะพูดขึ้น พร้อมกับโยนหินสีนิลก้อนหนึ่งให้กับไวท์

                    “แต่ว่า

                    “ไม่มีแต่ ชั้นจะต้านมันเอาไว้เอง อย่างน้อยคงจะต้านได้ซักพัก” แววตาที่ดูเด็ดเดี่ยวของชายในชุดเกราะทำให้ไวท์ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เขามองกลับไปที่เมืองที่กำลังมอดไหม้ ก่อนที่จะวิ่งออกจากประตูเมืองแล้วหายไปในความมืดพร้อมกับเด็กอีกคนหนึ่ง

                    ขอให้เจ้าปลอดภัยละ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะต้องกลับมาช่วยอาณาจักรนี้ไว้ได้แน่นอน” ชายในชุดเกราะคิด แล้วหันกลับมามองไปทางเมือง ซึ่งมีลูกไฟลูกหนึ่งพุ่งตรงมาหาเขาด้วยความรวดเร็ว

                    ตูม!!!

                    ลูกไปขนาดใหญ่พุ่งกระแทกลงกับพื้นด้านหน้าของชายในชุดเกราะอย่างแรง จนพื้นข้างหน้าแตกออก ก่อให้เกิดเปลวเพลิงลุกไหม้ที่ด้านหน้าของชายในชุดเกราะ

                    ดวงตาของชายในชุดเกราะจ้องมองเข้าไปในเปลวเพลิงอย่างไม่ละสายตา สองมือกำหมัดแน่นจนมีออร่าสีดำออกมาจากมือของเขา

                    “สองคนนั้นหายไปไหน” เสียงเสียงหนึ่งดังมาจากในกองเพลิง แต่ที่จริงแล้วเป็นเสียงของชายที่กำลังพูดอยู่ในเปลวเพลิงต่างหาก

                    ชายในชุดเกราะไม่ตอบ เขาดีดตัวพุ่งเข้าไปหากองเพลิงอย่างรวดเร็ว สองมือกำหมัดแน่น ชกเข้าไปในกองเพลิงอย่างไปปราณี ทันใดนั้นกองไฟก็บิดจนผิดรูป เป็นเพลิงที่โค้งงอและพุ่งเข้าสกัดหมัดของชายในชุดเกราะไว้ หมัดที่สัมผัสเข้ากับไฟนั้นมีรอยไหม้ เขาร้องด้วยความเจ็บปวดและทรมาน

                    ไม่รอให้ชายในชุดเกราะตั้งตัวทัน กองเพลิงที่บิดจนผิดรูปก็ปรากฏร่างของชายหนุ่มคนหนึ่ง มือขวามีเปลวเพลิงลุกไหม้ แต่มือของเขากลับไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองมาที่ชายในชุดเกราะที่กำลังทรมาณดุจยมทูตที่มารับวิญญาณของคนตาย มือขวากำแน่น เปลวเพลิงที่ลุกอยู่ที่มือเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หมัดขวาพุ่งเข้าหาชายในชุดเกราะอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเวลาที่อาณาจักรแห่งนี้ล่มสลายลง ค่ำคืนที่วุ่นวายนี้แม้จะเป็นจุดจบของหลายสิ่งหลายอย่าง แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของเด็กหนุ่มที่เป็นความหวังของอาณาจักรนี้ ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายนับจากนี้

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×