ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I love you because... [Rivaille x Eren]

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 7 เฝ้าไข้ผู้ป่วย

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 56



    ท้องฟ้าเริ่มเข้าสู่ยามอัสดงแสงสุดท้ายของวันค่อยๆจางหายไปเพราะดวงตะวันที่ลาลับขอบฟ้าทำให้ความมืดมิดเข้าปกคลุมผืนพิภพ และความมืดมิดยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีเมฆสีดำที่ก่อตัวบดบังแสงจันทร์และดวงดาวก่อนที่หยาดฝนจากฟากฟ้าจะตกลงสู่ผืนดินเป็นไปตามฤดูกาล

    แต่ถึงแม้จะมีหยาดฝนที่กำลังกระหน่ำตกลงมาก็ใช่ว่าอากาศจะเย็นสบายอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับกลายเป็นอากาศที่ร้อนชื้นอบอ้าวทำให้คนที่ป่วยจากพิษไข้รู้สึกคั่นเนื้อคั่นตัว และดูเหมือนพิษไข้ที่เริ่มทุเลาลงจากอาหารและยาที่รับประทานเข้าไปจะกลับมาหนักอีกครั้ง

    ร่างเล็กแต่ทว่าแข็งแกร่งกว่าใครที่ตอนนี้แปรสภาพกลายเป็นผู้ป่วยกำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงหยาดเหงื่อเกาะพราวแทบทั้งตัว จนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวต้องลืมตาตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัวต้องการชำระร้างร่างกายตามภาษาคนรักความสะอาดเข้าเส้นเลือด

    ชายหนุ่มร่างเล็กพยายามชันตัวลุกขึ้นแต่ก็ทำได้ยากนักจึงจำเป็นต้องพึ่งแขนที่ในยามปกตินั้นมีพลังมหาศาลแต่บัดนี้นั้นแทบจะไร้ซึ่งเรี่ยวแรงช่วยในการพยุงตัวขึ้น

    แต่เมื่อเริ่มขยับแขนจากใบหน้านิ่งพลันเปลี่ยนเป็นใบหน้าบิดเบี้ยวแสดงถึงความเจ็บปวดอย่างเห็นได้ชัดจนมือซ้ายต้องยกขึ้นไปกุมบริเวณไหล่ขวาที่ปวดแปลบขึ้นมา และเมื่อมือไปสัมผัสโดนเข้าก็ต้องรีบชักออกอย่างฉับพลันเพราะทำให้รู้สึกสะท้านไปทั่วช่วงไหล่จึงทำให้เดาได้ไม่ยากว่าแผลที่เกิดจากไททันเมื่อวันก่อนคงจะอักเสบและคงจะหนักไม่ใช่เล่น

    "ชิส์!" เสียงสบถจากชายร่างเล็กอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะสามารถใช้เพียงแขนซ้ายพยุงตัวให้ลุกขึ้นมานั่งบนเตียงได้สำเร็จแต่ก็ใช้เวลาอยู่นานพอสมควร ก่อนจะพยายามลงจากเตียงเพื่อเดินไปยังห้องน้ำ สุดท้ายคนป่วยร่างเล็กก็สามารถลงมายืนบนพื้นได้สำเร็จแต่ก็ต้องใช้แขนซ้ายยันเตียงเอาไว้
    ไม่ให้ล้มลง

    เมื่อทรงตัวได้แล้วเขาจึงค่อยๆเดินไปยังห้องน้ำอย่างยากลำบาก แต่เมื่อมือหนากำลังยกขึ้นหมายจะเปิดประตูห้องน้ำจู่ๆก็หยุดชะงักลงและไปกุมที่ขมับแทน

    ดวงตารีขวางปิดลงแน่น คิ้วเรียวที่กลางหน้าผากขมวดเป็นปมแน่นยากที่จะแก้ได้ ในหัวรู้สึกปวดเหมือนคนเอาของมีคมมาแทงทะลุผ่านภาพที่มองเห็นนั้นเริ่มเลือนลางเต็มที

    จนร่างเล็กต้องทรุดนั่งลงกับพื้นก่อนสติที่เหลือน้อยนิดจะดับวูบลง

    .
    .
    .
    .
    .
    หน้าประตูไม้บานใหญ่ของห้องที่ได้ชื่อว่าสะอาดที่สุดในปราสาทแห่งนี้นั้นปรากฎร่างของเด็กหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้ามนกำลังเดินไปเดินมาพลางคิดคัดสินใจอย่างหนักว่าจะเข้าไปในห้องหลังประตูไม้บานนี้ดีหรือไม่

    ใจหนึ่งก็ไม่กล้าเข้าไปเพราะคำสั่งของผู้เป็นหัวหน้าเมื่อตอนเที่ยงที่เขานำอาหารเข้าไปให้รับประทาน

    'หลังจากนี้แกไม่ต้องเข้ามาอีกเพราะฉันจะพักผ่อน ไปได้แล้ว'

    แต่อีกใจก็กังวลเป็นห่วงผู้บังคับบัญชาที่กำลังป่วย และถึงแม่ว่าเมื่อตอนเที่ยงอาการจะทุเลาลงแล้วก็ตามแต่มันก็อดเป็นห่วงไม่ได้จริงๆ ร่างโปร่งตัดสินใจอยู่สักพัก

    สุดท้ายความเป็นห่วงก็มีมากกว่าความเชื่อฟังในคำสั่งของหัวหน้าร่างเล็ก

    มือเรียวยกขึ้นสัมผัสลูกบิดประตูก่อนจะค่อยๆเปิดประตูออกพลางคิดในหัวว่าจะแก้ตัวกับผู้เป็นหัวหน้าอย่างไรดีที่ขัดคำสั่งแบบนี้

    แต่ภาพที่เห็นนั้นทำเอาความคิดในหัวพลันหายกระเจิงไปจนหมดสิ้น

    เอเลนรีบสาวเท้าไปยังร่างเล็กแต่ทว่าแข็งแกร่งกว่าผู้ใดที่สลบอยู่บนพื้น ลมหายใจหอบถี่ เหงื่อโทรมกาย ใบหน้าคมคายขึ้นสีแดงระเรื่อจากพิษไข้ที่ดูอาการหนักใช่เล่น

    ทำไมล่ะทั้งๆที่ตอนเที่ยงดูอาการดีขึ้นแล้วแท้ๆ เอเลนคิดอย่างไม่เข้าใจ แต่ยังไงก็ต้องเอาไปนอนบนเตียงก่อนจะดีกว่า

    มือเรียวพยายามจับพลิกร่างเล็กแต่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อให้หงายขึ้นพร้อมกับ
    ตกใจในอุณหภูมิร่างกายของคนป่วยที่สูงกว่าคนปกติมาก

    แต่ฉับพลันดวงตาสีเขียวมรกตก็ต้องเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นสิ่งหนึ่งเข้า รอยช้ำสีม่วงรอยใหญ่ที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมาบริเวณไหล่หนาข้างขวาและถึงแม้จะโผล่ออกมาเพียงน้อยนิดแต่ก็เดาได้ไม่ยากว่าต้องเป็นแผลที่เกิดจากการอักเสบอย่างหนักแน่นอน

    ไม่รอช้าร่างสูงโปร่งพยายามใช้กำลังทั้งหมดที่มีค่อยๆพยุงร่างของคนป่วยอาการหนักเดินไปยังเตียงนอน ก่อนจะค่อยๆวางลงแล้วจัดการยกขาขึ้นให้อยู่ในท่านอนตามปกติ

    มือบางยกขึ้นปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตสีเข้มที่เปียกซกไปด้วยเหงื่อของคนป่วยก่อนจะค่อยๆช้อนศีรษะของคนที่ยังไม่ได้สติแล้วใช้อีกมือที่ว่างอยู่ตวัดเสื้อออกไปแล้วจึงค่อยๆวางศีรษะคนป่วยลงอย่างเดิม

    "นี่มัน..." เอเลนถึงกับพูดไม่ออกไปสักพักเมื่อเห็นแผลที่ไหล่ขวาของคนเจ็บเต็มสองตา

    รอยแผลทางยาวตั้งแต่ที่ไหปลาร้าทะแยงเฉียงขึ้นตัดผ่านไปจนถึงด้านหลังเป็นปื้นสีม่วงเข้มปนเขียวช้ำ ซึ่งแสดงถึงการอักเสบและติดเชื้ออย่างหนัก

    มิน่าถึงได้เป็นไข้และกลับมาอาการทรุดลงอย่างนี้อีก หัวหน้านะหัวหน้าทำไมถึงไม่รู้จักทำแผลกันนะ นี่ยังโชคดีที่เขาเข้ามาเจอเสียก่อนไม่อย่างนั้นถ้ามาเจออีกทีพรุ่งนี้ เฮ้อ...ไม่อยากจะคิดเลย

    เอเลนคิดอย่างหงุดหงิดใจระคนเป็นห่วงผู้บังคับบัญชาพลางเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลที่วางอยู่บนโต๊ะเล็กใกล้ๆโซฟา

    ถึงว่าสิ...เอะใจตั้งแต่เข้ามาเมื่อเช้าแล้วว่าหัวหน้าจะเอามาทำไม ทำไมนะแค่บอกให้ช่วยทำแผลก็ต้องช่วยอยู่แล้วคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยรึไง

    ตึง แกร๊ก แกร๊ก

    เสียงวางกล่องปฐมพยาบาลลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงอย่างไม่สบอารมณ์นักแล้วตามด้วยปลดตัวล็อกกล่องออกมาก่อนจะนำอุปกรณ์ที่ต้องใช้ออกมาวางเรียงอย่างเป็นระเบียบ

    บ่งบอกถึงความชำนิชำนาญได้เป็นอย่างดี อาจเนื่องด้วยเมื่อวัยเด็ก
    เขามักจะติดตามผู้เป็นพ่อที่ไปรักษาคนเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เสมอๆ

    เมื่อจัดเตรียมอุปกรณ์ปฐมพยาบาลเสร็จร่างโปร่งก็ค่อยๆทรุดนั่งลงบนเตียงข้างๆคนป่วยที่ยังไม่ได้สติก่อนจะเอื้อมมือไปหยิขวดแอลกอฮอล์แล้วเทลงบนสำลีเสร็จแล้วจึงนำไปเช็ดทำความสะอาดบริเวณแผลเมื่อเสร็จแล้วก็ทายาสำรับช่วยสมานแผลลงไปตามด้วยการพันแผลเป็นอันเสร็จสิ้น

    "จะเอาไงต่อดีล่ะเนี่ยไข้สูงซะขนาดนี้...คงต้องเช็ดตัวให้แล้วล่ะมั้ง" สิ้นเสียงก็เก็บอุปกรณ์ปฐมพยาบาลแล้วนำไปไว้ที่เดิมก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ

    สักพักก็กลับมาพร้อมกับอ่างน้ำใบเล็กที่ใส่น้ำอยู่ประมาณครึ่งหนึ่งและมีผ้าผืนเล็กพาดอยู่ตรงขอบอ่าง

    ร่างโปร่งบางนั่งลงที่ขอบเตียงที่เดิมอีกครั้งก่อนจะวางอ่างน้ำใบเล็กลงบนโต๊ะข้างหัวเตียง
    นำผ้าขนหนูผืนเล็กไปชุบในน้ำบิดให้พอหมาดแล้วนำไปเช็ดบริเวณใบหน้าคมคายที่กำลังขมวดคิ้วมุ่น มีเหงื่อชื้นที่ขมับทั้งสองข้างอย่างเบามือที่สุด

    เอเลนไล่เช็ดไปตั้งแต่ใบหน้า ลำคอ แขน แต่ก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อลำดับต่อไปคือลำตัว ผ้าชุบน้ำหมาดๆลากไล้เช็ดถูไปทั่วลำตัวแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อสวยที่ทำให้คนเห็นใจกระตุกวาบ แต่ก็ต้องพยายามสะบัดหัวไล่ความคิดแปลกๆที่จู่ๆก็ผุดขึ้นมาออกไปให้หมด

    มือเรียวเลื่อนไปจับที่ชายกางเกงขายาวของผู้ป่วยก่อนจะเลิกให้ขึ้นมาอยู่ที่เหนือข้อเข่าแล้วจึงเอาผ้ามาเช็ดตั้งแต่บริเวณเหนือหัวเข่าไปจนถึงปลายเท้าเป็นอันเสร็จสิ้นการเช็ดตัวให้คนป่วย

    แต่ก็เหมือนกับร่างโปร่งบางเพิ่งนึกอะไรบางอย่างได้จึงเดินไปยังตู้เสื้อผ้าที่มีเสื้อผ้าที่แขวนเรียงรายกันอยู่และบางส่วนที่ถูกพับไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยราวกับไม่ใช่เสื้อผ้าที่ถูกจัดเรียงโดยบุรุษเพศ

    มือเรียวบางเอื้อมไปหยิบเสื่อเชิ้ตสีขาวที่พับไว้อยู่บนสุดออกมาจากตู้แล้ว
    เดินไปยังร่างของคนป่วยก่อนจะค่อยๆช้อนตัวขึ้นแล้วสวมเสื้อให้เสร็จก็วางตัวลงอย่างเดิมแล้วติดกระดุมให้เสร็จสรรพ

    "เสร็จสักที แต่ไข้ยังไม่ค่อยลดเลยแฮะ เดี๋ยวไปอาบน้ำแล้วค่อยมาดูอาการอีกทีแล้วกัน" เสียงใสพึมพำกับตัวเองเบาๆ สิ้นเสียงร่างของคนดูแลผู้ป่วยจำเป็นก็หายลับออกไปจากห้องเดินตรงดิ่งไปทางห้องใต้ดินที่เขาใช้ซุกหัวนอนอยู่ทุกคืน

    เอเลนใช้เวลาทำธุระส่วนตัวอยู่สักพักเมื่อเสร็จเรียบร้อยก็กลับไปยังห้องของผู้บังคับบัญชาอีกครั้ง

    ร่างโปร่งบางเดินไปยกเก้าอี้ที่พอมีอยู่ในห้องให้มาอยู่ที่ข้างเตียงของคนป่วยเจ้าของห้องแล้วทรุดตัวนั่งลงพลางมองดวงหน้าคมคายที่ยังคงสลบไสล

    ร่างของคนป่วยแม้จะมีอุณหภูมิที่ต่ำลงบ้างแล้วแต่ก็ยังถือว่าสูงกว่าคนปกติทั่วไปมากอยู่ดี
    และดูเหมือนว่าคนดูแลผู้ป่วยจำเป็นคงจะต้องดูแลคนป่วยคนนี้ไปตลอดคืนเป็นแน่
    .
    .
    .
    .
    .
    เช้าวันใหม่อากาศแจ่มใสท้องฟ้าปรอดโปร่งทำให้แสงแดดอ่อนๆจะดวงอาทิตย์สาดแสงผ่านหน้าต่างไม้บานใหญ่ที่เปิดเพื่อรับลมไปกระทบเข้ากับเปลือกตาหนาทำให้คนที่อยู่ในห้วง
    นิทรารมย์รู้สึกตัวขึ้น

    เปลือกตาที่ค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆเผยให้เห็นดวงตาเรียวรีขวางสีขี้เถ้าที่ตอนนี้ยังคงเหลือแววความอิดโรยให้เห็นอยู่บ้าง

    สัมผัสอบอุ่นและรัดแน่นที่มือหนาทำให้เจ้าของมือนั้นต้องเบือนหน้าไปมองก็พบกับมือบางสองมือที่กุมมือของเขาไว้แน่นแล้วฟุบหน้านอนอยู่บนลำแขนบอบบางของตนเอง

    มือหนาที่เหลืออีกข้างยกขึ้นมาบริเวณหน้าผากของตนเพราะสัมผัสชื้นๆที่มาจากผ้าชุบน้ำที่ยังคงหมาดๆเหมือนกับเพิ่งนำไปชุบน้ำมาไม่นานนักก่อนจะหยิบผ้าผืนเล็กนั่นไปไว้ข้างๆหมอนแทน

    ร่างแข็งแกร่งค่อยๆยันตัวขึ้นมากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงแล้วหันไปมองเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลที่ยาวขึ้นจนระต้นคอระหงที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทรา

    มือหนาข้างที่ถูกกุมไว้ค่อยๆเคลื่อนออกมาจากมือบางอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้เจ้าของมือคู่นั้นรู้สึกตัว

    เจ้าของร่างเล็กแต่ทว่าแข็งแกร่งกว่าใครที่บัดนี้พละกำลังกลับมาจนแทบจะสมบูรณ์แล้วค่อยๆลงจากเตียงนุ่มแล้วไปยืนอยู่ข้างๆร่างโปร่งบาง ก่อนจะค่อยๆช้อนร่างของคนที่เฝ้าดูแลเขามาทั้งคืนแล้วมานอนบนเตียงของเขาแทนด้วยความคิดที่ว่าคงจะเมื่อยแย่

    ผู้เป็นเจ้าของเตียงนั่งลงข้างๆกับร่างที่ยังคงไม่รู้สึกตัวเพราะกำลังหลับสนิทหลังจากที่อดหลับอดนอนเฝ้าไข้เขามาแทบทั้งคืน เพิ่งจะได้พักผ่อนจริงๆก็ผ้าเข้าไปตอนเช้ามืด

    มือของคนเพิ่งหายไข้เอื้อมไปวางบนเรือนผมสีน้ำตาลก่อนจะค่อยลูบอย่างแผ่วเบา

    ราวกับโดนมนต์สะกดมือหนาค่อยๆลากไปยังหน้าผากลาดมน คิ้วเรียวสวย เปลือกตาบางที่บดบังดวงตาสีมรกตสวยที่มักมีประกายสดใสอยู่เสมอ พวงแก้มเนียนใสอมชมพูก่อนที่จะมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากบางสีชมพูอ่อนน่าลิ้มลอง

    โดยไม่รู้ตัวใบหน้าคมคายค่อยๆโน้มลงไปจนสามารถรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

    ริมฝีปากสองคู่ที่ห่างกันเพียงเส้นผมกั้นแต่อยู่ๆเจ้าของริมผีปากน่าลิ้มลองนั้นกลับเบือนหน้าหนีไปด้านข้างทำให้ริมฝีปากอันน่าลิ้มลองนั้นเป็นฝ่ายไล้ไปตามริมฝีปากที่อยู่ด้านบนโดยที่ไม่รู้ตัว

    ทำเอาคนที่กำลังจะลิ้มลองริมฝีปากคู่นั้นถึงกับหยุดชะงักค้างไปและดูเหมือนว่าสติที่หลุดลอยไปเมื่อครู่ของเขาจะกลับมาแล้วทำให้ใบหน้าคมคายรีบละจากใบหน้ามนทันที

    มือหนายกขึ้นลูบหน้าลูบตาของตนอย่างสับสนว่าเมื่อกี้เขาคิดจะทำอะไร

    เขาจะ...จูบไอ้เด็กเหลือขอนั่นน่ะเหรอ เขาเป็นอะไรไป

    หัวใจที่ไม่เคยสั่นไหวมานานกำลังส่งเสียงราวกับมีคนมารัวกลองอยู่ภายใน

    แม้ผ่านศึกที่หนักหนาเพียงใดก็ไม่เคยทำให้ใจดวงนี้สั่นได้แม้แต่น้อย มือของคนที่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะค่อยๆยกขึ้นสัมผัสกับริมฝีปากปากของตนเองที่ตอนนี้ยังคงทิ้งรสสัมผัสหวานหอมอันเบาบางเอาไว้

    หวานหอม...อย่างที่ไม่เคยได้ลิ้มลองจากที่ไหนมาก่อน

    เบาบาง...ราวกับปุยเมฆแต่กลับทิ้งสัมผัสที่เหมือนจะตราตรึงไปอีกนานแสนนาน








    ฟินเล็กๆเป็นการส่งท้าย
    ไรท์มาแล้วจ้าาา ขอโทษที่หายไปนาน
    ไม่มีเวลาอัพเลย
    ตอนต่อไปมาเร็วๆนี้แน่นอนจ้ะ


    ขอขอบคุณทุกคอมเมนท์และการติดตามนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×