ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I love you because... [Rivaille x Eren]

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 ไม่เข้าใจ

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 56



    "หัวหน้าตัวร้อน" เอเลนพูดอย่างตกใจ และยังเผลอบีบมือที่จับแขนของรีไวล์จนเจ้าของแขนเริ่มรู้สึกตัวจึงปรือตาขึ้น

    "แกมาทำอะไร" แม้น้ำเสียงจะแหบแห้งจากพิษไข้แต่ก็ยังคงความหน้าเกรงขามไว้เป็นอย่างดีทำให้มือที่จับอยู่ต้องปล่อยออกจากแขนทรงพลังอย่างฉับพลัน

    "อะ...เอ่อ ผมจะมาตามหัวหน้าให้ไปกินข้าวน่ะครับ แต่หัวหน้าไม่สบายก็พักผ่อนต่อเถอะครับ ผมไม่กวนแล้ว" พูดจบร่างโปร่งก็หันหลังกลับจะเดินออกประตูไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะเสียงของผู้เป็นหัวหน้า

    "เดี๋ยว"

    "ครับ? หัวหน้า" เอเลนขานรับ

    "ฉันหิว แกไปหาอะไรมาให้กินที" รีไวล์ออกคำสั่งซึ่งคนที่เป็นลูกน้องก็รับคำอย่างไม่ได้ขัดข้องแล้วจึงรีบออกไปจากห้องเพื่อหาอาหารเช้าให้ผู้บังคับบัญชาตามคำสั่ง

    "เฮ้ออออ" เสียงทุ้มถอนหายใจออกมาพร้อมกับท่อนแขนที่ยกขึ้นก่ายหน้าผาก ภายในหัวสมองของรีไวล์กำลังคิดอย่างหนักเพราะเขาไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

    ที่จริงเขาไม่ได้หิวอะไรเลยแถมยังรู้สึกอยากจะนอนต่อด้วยซ้ำแต่ทำไมปากของเขาถึงพูดออกไปแบบนั้น ทำไมในหัวถึงคิดแค่ว่าอยากให้ไอ้เด็กนั่นมาอยู่ใกล้ๆ เขาเป็นอะไรกันแน่....



    ทางเอเลนก็รีบเดินลงไปยังห้องครัวโดยเร็วเพราะหัวหน้าบอกว่าหิว ทันทีที่เอเลนลงไปถึงข้างล่างคนอื่นๆที่นั่งกินข้าวอยู่ก็ถามถึงผู้บังคับบัญชาแต่เอเลนก็ตอบเพียงแค่ว่าเขาไม่สบายแล้วรีบเข้าครัวไปทำข้าวต้มสำหรับคนป่วยทิ้งให้คนอื่นๆนั่งฉงนกันต่อไปว่าหัวหน้าของพวกเขาป่วยได้อย่างไร

    เอเลนที่ตั้งใจทำข้าวต้มจนเสร็จรีบจัดแจงนำใส่ชามแล้วไปวางไว้บนถาดพร้อมกับน้ำอุ่นและถ้วยใส่ยาก่อนจะรีบเดินขึ้นไปยังห้องของรีไวล์

    เพราะเขาแท้ๆเลยหัวหน้าถึงไม่สบายแบบนี้ เอเลนคิดอย่างโทษตัวเองเพราะเขาคิดว่ารีไวล์น่าจะเป็นไข้จากการตากฝนเมื่อวานเป็นแน่



    ไม่นานเอเลนก็เดินขึ้นมาถึงห้องของรีไวล์

    ก๊อก ก๊อก ก็อก

    เสียงเคาะประตูไม้ดังขึ้นให้เจ้าของห้องที่อยู่ข้างในรู้ว่ามีคนกำลังจะเข้ามาซึ่งเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร

    เอเลนเปิดประตูเข้ามาภายในห้องที่สะอาดทุกซอกทุกมุมแล้วถือถาดอาหารตรงไปยังเตียงนอนผู้ป่วยร่างเล็ก

    "ผมทำข้าวต้มมาให้ครับหัวหน้า แล้วนี่ก็ยาลดไข้เอาไว้ทานหลังอาหารนะครับ หัวหน้าพอจะลุกไหวรึเปล่าครับ" เอเลนถาม

    แต่แทนที่จะได้คำตอบ ผู้ป่วยที่ยังคงนอนอยู่กลับพยายามลุกขึ้นทั้งๆที่ร่างกายยังไม่ค่อยมีแรงนักทำให้คนที่นั่งอยู่ขอบเตียงต้องวางถาดอาหารลงบนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วช่วยพยุงคนป่วยหัวดื้อให้ลุกขึ้นนั่ง

    พลางคิดในใจอย่างระอาในความดื้อรั้นของคนป่วยเพราะทั้งๆทีไม่มีแรงก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากให้ช่วยสักนิด แต่อย่างนี้ก็... น่ารักดี ไม่ๆๆ เราคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย ไปกันใหญ่แล้ว พอๆ


    "แกคิดอะไรอยู่หา ไอ้เด็กเหลือขอ" ผู้ป่วยร่างเล็กถามขึ้นพร้อมกับหรี่ตามองอย่างสงสัยและก็ต้องยิ่งสงสัยเข้าไปอีกเมื่อเห็นร่างโปร่งบางที่สะดุ้งโหยงและสังเกตเห็นเหงื่อที่เริ่มซึมชื้นขึ้นตามขมับ

    "ฉันถามไม่ได้ยินหรือไง" นัยน์ตารีขวางสีขี้เถ้าเริ่มมองอย่างจับผิด ที่ถึงแม้จะกำลังป่วยแต่ก็ยังคงความน่าเกรงขามเอาไว้ได้เหมือนยามปกติ ทำให้คนที่มีชนักติดหลังต้องกลัวหูหลับตาพูดออกไปอย่างเสียมิได้

    "ผ...ผมก็แค่คิดว่าหันหน้าด...ดื้อก็เท่านั้นเองครับ เพราะขนาดยังไม่ค่อยจะมีแรงลุกก...ก็ไม่ยอมเอ่ยปากขอให้ช่วย เอ่อ ผมขอโทษที่คิดแบบนี้นะครับ ต่อไปผมจะไม่คิดแบบนี้อีกแล้วครับหัวหน้า" ร่างโปร่งบางละล่ำละลักพ่นคำสารภาพและคำขอโทษขอโพยอย่างเสร็จสรรพทั้งๆที่ยังก้มหน้าก้มตาพูดไม่ยอมเงยหน้าไปมองคนฟัง

    แต่แล้วก็ยังไม่มีเสียงจากผู้ป่วยร่างเล็กทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาจำต้องค่อยๆเงยหน้าไปมองแต่ก็เห็นเพียงนัยน์ตาสีดำไม่ไหวติงกำลัง
    จ้องมองมานิ่งๆ

    "แกพล่ามเสร็จหรือยังไอ้เด็กเหลือขอ เมื่อไหร่ฉันจะได้กินข้าว" เสียงนิ่งๆจากผู้ป่วยถาม

    "อ...เอ่อ นี่ครับ" เอเลนหันไปหยิบชามข้าวต้มที่อยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงแล้วยื่นมาตรงหน้าผู้ป่วยร่างเล็ก

    "ท...ทานเองไหวม...ไหมครับ" รีไวล์ค่อยๆยกมืออันทรงพลังแต่หากตอนนี้นั้นไร้ซึ่งเรี่ยวแรงพยายามไปหยิบช้อนแล้วค่อยยกขึ้นมาแต่แล้ว...

    เคร้ง

    เสียงช้อนที่หลุดจากมือแล้วลงไปกระทบกับชามรวมถึงยังทำให้ข้าวต้มกระเด็นไปโดนคนป่วยทั้งเสื้อและที่ใบหน้าเล็กน้อย

    "เดี๋ยวผมเช็ดให้ครับหัวหน้า" มือบางเอาชามข้าวต้มไปไว้ที่เดิมอีกครั้งแล้วเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่ก่อนจะมาเช็ดที่ร่างผู้ป่วยบริเวณเสื้อที่เลอะเป็นจุดๆ

    ทุกการกระทำของร่างโปร่งบางนั้นถูกจับจ้องโดยผู้ป่วยอย่างไม่ละสายตาไปไหน และขณะที่เอเลนกำลังจะเช็ดที่บริเวณแก้มสากก็ต้องหยุดชะงักซะก่อน

    "เอ่อ...ขออนุญาตนะครับหัวหน้า" สิ้นเสียงขออนุญาตมือบางก็เอื้อมไปเช็ดคราบที่บริเวณแก้มสากแต่ก็รู้สึกถึงนัยน์ตาที่จ้องมองมาอย่างไม่ละสายตาได้สักพักแล้วจึงเบือนสายตาไปสบกับนัยน์ตาเรียวรีขวางสีขี้เถ้าที่มองตรงมาเช่นกัน

    แต่แล้วเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตสวยกลับเป็นฝ่ายละไปเสียก่อน และถ้าเจ้าของนัยน์ตาสีเข้มมองไม่ผิดก็เห็นว่าใบหน้าใสที่เบือนหนีไปกลายเป็นสีระเรื่อ

    "เอ่อ...หัวหน้าคงจะทานเองไม่ไหว ถ้างั้น...เอ่อ ผมป้อนให้ละกันนะครับ" ใบหน้าใสพยายามปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แล้วกลับมาเผชิญหน้ากับใบหน้านิ่งอีกครั้ง

    พร้อมกับเอาช้อนข้าวต้มที่ผ่านการเป่าให้อุ่นขึ้นแล้วมาจรดที่ริมฝีปากบางของคนป่วยที่กึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง แล้วคนป่วยหัวดื้อก็กินข้าวต้มคำแรกเข้าไป

    คนดูแลผู้ป่วยจำเป็นตักข้าวต้มช้อนต่อมาก่อนจะนำมาใกล้ๆริมฝีปากตนเองแล้วเป่าให้พออุ่นๆแต่ในขณะที่กำลัง
    จะยื่นไปตรงหน้าผู้ป่วย คนร่างเล็กก็เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงห้วนๆตามวิสัยทำให้มือเรียวหยุดชะงักไปเสียก่อน

    "แกกินอะไรรึยัง"

    "เอ่อ ยังครับหัวหน้า" ร่างโปร่งบางตอบด้วยท่าทีเกร็งๆอย่างที่เป็นประจำยามอยู่กับคนตรงหน้า

    "งั้นหรอ ถ้างั้นแกก็กินนี่ไปซะสิ" พูดพร้อมกับปรายดวงตารีขวางสีขี้เถ้าไปยังชามข้าวต้มที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นอยู่ในมือเรียวบาง

    "เอ๋ หัวหน้าหมายถึงข้าวต้มนี่หรอครับ" ดวงตาสีมรกตฉายประกายฉงนอย่างเห็นได้ชัด พร้อมกับลำคอระหงที่เอียงอย่างสงสัยเต็มที เป็นภาพที่ทำเอาคนเห็นถึงกับใจกระตุก

    "เออ แต่ถ้าแกรังเกียจก็ไม่เป็นไร แต่ฉันก็คงเสียดายข้าวต้มนี่ที่คงต้องเททิ้งเพราะฉันกินคนเดียวคงไม่หมด" ใบหน้านิ่งพูดพร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่นทำให้คนที่นั่งอยู่ข้างเตียงสามารถเห็นแก้มสากที่แดงระเรื่อจากพิษไข้หรืออาจจะมาจากสาเหตุอื่นก็มิอาจทราบได้

    "ผมไม่ได้รังเกียจเลยนะครับ แต่...เอ่อ" เอเลนไม่รู้จะเขาจะพูดอย่างไรดี จริงๆเขาไม่ได้รังเกียจหัวหน้าเลยสักนิดและคิดว่าเขาคงจะไม่มีทางรังเกียจคนคนนี้แน่ แต่เขาเป็นเพียงผู้ใต้บังคับบัญชามันคงจะไม่เหมาะสมนักถ้าจะให้รับประทานข้าวร่วมชามกับผู้บังคับบัญชาแบบนี้ แต่ถ้าจะให้คิดจริงๆเขาคงรู้สึกดีไม่น้อยที่หัวหน้าก็ไม่รังเกียจเขาเช่นกัน

    "ถ้าแกไม่กินก็ไม่ต้องกิน" ใบหน้านิ่งที่หันกลับมาอีกครั้งพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆแบบที่อาจทำให้คนฟังต้องขนลุกเกรียวและก็ใช้ได้ผลกับเด็กหนุ่มเจ้าของนัยน์ตาสีมรกตได้เป็นอย่างดี

    แต่ถ้าหากเป็นคนที่อยู่กับชายร่างเล็กแต่ก็แข็งแกร่งกว่าใครมานาน ก็คงสามารถสังเกตได้ไม่ยากนักว่าน้ำเสียงเย็นๆนั้นมันผิดแปลกไปจากปกติ

    "อะ...เอ่อ กินครับ ผมจะกิน" สิ้นเสียงใบหน้ามนก็ก้มลงไปกินข้าวต้มในมือ
    ทำให้ไม่สามารถมองเห็นดวงตารีขวางสีขี้เถ้าซึ่งตอนนี้แววหงุดหงิดที่มักจะฉายในดวงตาคู่นั้นได้หายไปจนหมดสิ้นแต่กลับเป็นแววตาที่อ่อนโยนและดูมีความสุขเหมือนที่เป็นทุกครั้งเวลาอยู่กับเด็กคนนี้

    ซึ่งเขาก็ไม่สามารถตอบตัวเองได้ว่าทำไมเวลาอยู่กับไอเด็กเหลือขอนี่เขากลับรู้สึกดีรู้สึกอุ่นใจไม่กระวนกระวายและ...ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียวอย่างเมื่อก่อน

    'ความรู้สึกนี้อีกแล้ว แกทำอะไรกับฉันกันแน่ เอเลน...'

    "นี่ครับ หัวหน้า" เสียงของผู้มีนัยน์ตาสีมรกตปลุกคนป่วยร่างเล็กให้หลุดจากภวังค์แห่งความสับสนและไม่เข้าใจในตัวเอง นัยน์ตาคมเบือนลงไปมองช้อนข้าวต้มที่อยู่ตรงริมฝีปากแล้วเลื่อนกลับไปมองคนป้อนอย่างเดิมก่อนจะกินข้าวต้มเข้าไปทั้งๆที่ยังจ้องหน้าเจ้าของมือบางที่ยังคงถือช้อนข้าวต้มที่ยังอยู่ในโพรงปากของเขา



    แอ๊ด ฝึบ

    "เฮ้อ....หัวหน้าเป็นอะไรของเขานะ เอาแต่จ้องหน้าเราอยู่ได้ ไม่เข้าใจเลย แล้วใจเราทำไมต้องเต้นแรงอย่างนี้ด้วย โอ๊ย...ไม่เข้าใจๆ" มือบางยกขึ้นมากำเสื้อตรงบริเวณที่สัมผัสได้ถึงก้อนเนื้อที่กำลังเต้นแรงอย่างไม่เข้าใจ

    ภาพที่เขากำลังป้อนข้าวหัวหน้าเด่นชัดอยู่ในหัวที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่สามารถสลัดให้หลุดไปได้เลย ดวงตาสีมรกตคู่สวยค่อยๆเปิดขึ้นแล้วมองไปยังชามข้าวต้มที่เหลือเพียงความว่างเปล่าเพราะเกิดจากคนสองคนที่ช่วยกันกินสลับกันคนนั้นคำคนนี้คำจนหมดไป

    แก้วใสที่ก่อนหน้านี้ใส่น้ำอยู่เกือบเต็มแต่ตอนนี้เหลือเพียงหยดน้ำไม่กี่หยดที่เกาะอยู่ภายใน แต่ถ้าหากสังเกตดีๆจะสามารถเห็นรอยประทับของริมฝีปากสองคู่ที่ทับสนิทจนเหมือนเป็นรอยเดียวกันหากแต่ผู้เป็นเจ้าของรอยทั้งสองนั้นไม่ทันสังเกตเห็นได้

    ร่างโปร่งบางเดินถือถาดอาหารที่เอาขึ้นไปให้คนป่วยถึงห้องแต่ตอนนี้เหลือแต่ชามเปล่าแก้วเปล่าเท่านั้น
    ลงไปยังชั้นล่างมุ่งหน้าไปยังห้องครัวเพื่อจะไปล้างตามหน้าที่เสร็จแล้วก็ต้องไปทำความสะอาดปราสาท ให้อาหารม้า อาบน้ำให้ม้า ตัดหญ้า กวาดใบไม้ และงานจิปาถะอื่นๆที่เขาพอทำได้ เขาจะไม่ให้ใครมาหาว่าเขาไร้ประโยชน์เด็ดขาด เขาจะต้องไม่ได้เป็นเพียงแค่เด็กเหลือขอคนหนึ่ง....

    "เอเลน นี่รีไวล์เป็นยังไงบ้างหรอ พอดีฉันเพิ่งมาถึงแล้วเจอเพทร่า พอถามก็บอกว่ารีไวล์ไม่สบายแล้วนายก็ดูแลอยู่ แปลกจริงๆเลยน้า ปกติรีไวล์ก็ไม่ใช่คนที่ป่วยง่ายๆเลยนี่นา" เสียงที่
    คุ้นเคยเป็นอย่างดีของคนที่ได้สมญานามจากคนที่ถูกถามถึงว่ายัยแว่นบ้าเลือดเพราะความคลั่งไคล้พวกไททันจนเกินเหตุปลุกเด็กหนุ่มที่เดินถือถาดอาหารลงมาให้หลุดจากห้วงคิดก่อนจะตอบกลับไป

    "คุณฮันซี่คงจะยังไม่ทราบสินะครับ พอดีเมื่อวานหน่วยรักษาการณ์ส่งคนมาขอความช่วยเหลือทีมรีไวล์ที่อยู่ใกล้ที่สุดให้ไปช่วยจัดการพวกไททันที่กำลังจะบุกรุกกำแพงน่ะครับ แล้วฝนก็ตกหนักด้วยคงไม่แปลกถ้าหัวหน้าจะไม่สบาย" ให้ตายสิอยู่ๆใจก็กลับมาเต้นแรงอีกครั้งทั้งๆที่ตอนเดินลงมามันหายไปแล้วแท้ๆ เพียงแค่เขาคิดถึงใบหน้าของคนที่มาช่วยดึงเขาออกจากร่าง
    ไททันนั่น

    ใบหน้าที่ไม่มีความเย็นชาเหลืออยู่ใบหน้าที่ดูร้อนรนและเหมือนเป็นห่วงเขา มันก็ทำให้ใจเต้นแรงขึ้นมาแถมยังรู้สึกอุ่นวาบไปพร้อมๆกันอีกด้วย

    'ผมเป็นอะไรกันแน่ครับ หัวหน้า...'

    "งั้นหรอ อืมๆช่างละกัน คนอย่างนั้นป่วยเดี๋ยวเดียวก็คงหายล่ะมั้งเนอะ"

    "ครับ ถ้ากินข้าวกินยานอนพักเดี๋ยวก็หายอยู่แล้วล่ะครับ" หญิงสาวที่ล่วงเข้าวัยกลางคนพยักหน้าแต่ก็มีคำหนึ่งในประโยคที่ทำให้เธอติดใจขึ้นมา

    "เอ๋ เมื่อกี้นายบอกว่ารีไวล์กินยาด้วยงั้นหรอ" ฮันซี่ถามพร้อมกับดวงตาใต้กรอบแว่นที่เบิกกว้างอย่างไม่อยากเชื่อนัก ซึ่งก็สร้างความฉงนแก่คนทีถูกถามได้เป็นอย่างดี

    "ใช่ครับ หัวหน้าก็ยอมกินยาตามปกตินี่ครับ มีอะไรแปลกหรอครับ" เอเลนเอียงคอถามอย่างสงสัย ดวงตามรกตใสซื่อและไร้เดียงสามองมายังหญิงสาวที่ยศสูงกว่าข้างหน้าอย่างไม่เข้าใจในคำคามนักทำให้คนถามเหมือนฉุกคิดอะไรบางอย่างได้

    "อ๋อๆๆ เข้าใจแล้วๆ ไปล่ะนะเอเลน ดูแลรีไวล์ให้ดีๆด้วยล่ะ ฝากทีนะ" หญิงสาวผู้มากประสบการณ์กว่าพูดลาเด็กหนุ่มที่ยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการสื่อจึงได้แต่ตอบรับคำตามมารยาทอย่างงงๆ

    ฮันซี่นั้นเธอรู้ดีว่าจริงๆแล้วรีไวล์เป็นคนกินยายากขนาดไหน ที่ผ่านมาเวลาป่วยทีไม่ว่าจะอาการหนักขนาดไหนหรือเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่ยอมกินยาเด็ดขาดถึงแม้รีไวล์จะป่วยแบบนับครั้งได้ก็ตาม

    แต่นี่ยอมกินยาตามปกติงั้นหรอ คงจะพูดง่ายเพราะมีพยาบาลประจำตัวที่น่ารักซะขนาดนั้นก็ได้ล่ะมั้ง น่าอิจฉาซะจริงเลยน้า...

    "หวังว่าความรู้สึกโดดเดี่ยวที่เคยมีมาจะสามารถหายไปได้สักทีนะ เอเลนคือคนที่สามารถทลายกำแพงเหล็กของใจนายได้งั้นหรอ ยินดีด้วยนะรีไวล์...ฝากดูแลรีไวล์ด้วยนะเอเลน" เสียงเบาหวิวที่อาจถูกสายลมที่พัดผ่านส่งไปยังคนสองคนก็ได้ พร้อมกับหยาดน้ำตาที่แม้จะไม่ได้หลั่งออกมาแต่กลับกำลังเจิ่งนองไปทั้งหัวใจ




    มาแล้วววว หลังจากที่หายไปนาน
    หวังว่าจะถูกใจกันนะสำหรับตอนนี้
    ไม่รู้จะอิจฉาคนป้อนหรือคนถูกป้อนดี ><
    ตอนต่อไปเร็วๆนี้ค่า
    รักคนอ่าน เลิฟคนคอมเมนท์
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×