ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10 ไม่ได้ไม่อยากอยู่ใกล้ๆ
การฝึกซ้อมเหล่าทหารทีมสำรวจเริ่มขึ้นตั้งแต่เช้าตรู่ของวัน ทุกคนต่างตั้งหน้าตั้งตาฝึกซ้อมกันอย่างแข็งขัน แววตาฉายประกายมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยม ตั้งใจจะทำความต้องการของเพื่อนพ้องที่จากไปอย่างไม่หวนคืนให้สำเร็จจงได้
"โอย เชื่อเขาเลยหัวหน้ารีไวล์นี่โหดของแท้ ให้ฉันวิ่งวนรอบปราสาทตั้งสิบรอบ ขาแข็งไปหมดแล้วเนี่ย" เสียงร้องโอดครวญของหญิงสาวที่หาแทบไม่เจอในทีมสำรวจแห่งนี้ไม่ได้ทำให้เหล่าชายหนุ่มเกิดสงสารหรือเห็นใจขึ้นมาแต่อย่างใด
"มันก็ไม่แปลกหรอกซาช่าถ้าเธอจะถูกลงโทษ ในเมื่อเธอเล่นแอบขโมยของในห้องครัวไปกินระหว่างฝึกเอง" เจ้าของศีรษะเรียบมันเงาไร้ซึ่งเส้นผมตอบอย่างระอาผู้เป็นเพื่อนที่มักจะหิวจนได้เรื่องอยู่บ่อยๆ
สงสัยตอนรายงานตัวเข้าเป็นทหารฝึกหัดจะยังไม่เข็ด...
"ก็คนมันหิวนี่...บลาๆๆๆ" แล้วเสียงบ่นและเหตุผลอีกร้อยแปดประการที่สรรหามาก็พ่นออกมาจากปากของทหารทีมสำรวจสาวแต่ก็ไม่มีใครคิดจะสนเพราะต่างคนต่างตั้งหน้าตั้งตารับประทานอาหารเที่ยงให้เร็วที่สุดเพราะถ้าหากไปช้าล่ะก็....ไม่อยากจะคิด
"เอเลนไม่ไปหรอ" เสียงของผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่สาวทักขึ้นเพราะในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าก็จะถึงเวลาฝึกซ้อมในช่วงบ่าย แต่เอเลน เยเกอร์ก็เอาแต่เก็บโต๊ะเก็บจานทำความสะอาดไม่รีบวิ่งตาลีตาเหลือกไปที่ลานหน้าปราสาทสักที จนตอนนี้ในห้องอาหารเหลือเพียงเธอและเพื่อนหนุ่มของเธอเท่านั้น
"เธอไปเลยก็ได้มิคาสะ ฉันต้องทำหน้าที่ของฉันให้เสร็จก่อนถึงจะตามไปได้" คนที่กำลังสาละวนกับการเก็บกวาดห้องอาหารหันไปตอบผู้เป็นเพื่อนก่อนจะละกลับมาทำงานของตนเองต่อ
"ให้ฉันช่วยไหม เอเลน" ถามออกไปด้วยความหวังดีเพราะปริมาณจานชามนั้นไม่ใช่น้อยๆเลยถ้าจะให้ทำคนเดียวกว่าจะเสร็จคงต้องใช้เวลาไม่น้อยแน่ๆ
"อย่าเลยมิคาสะ เธอรีบไปจะดีกว่านะ" เจ้าของร่างโปร่งบางตอบโดยที่ไม่ได้หันมามองจึงไม่เห็นร่างกระทัดรัดของผู้เป็นหัวหน้าที่เดินเข้ามาภายในห้องอาหารพอดี แล้วหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องอาหารก็จำต้องเดินออกจากห้องนี้ไปเพราะนัยน์ตาเรียวรีขวางสีขี้เถ้าที่มองมาเชิงตำหนิที่เธอยังไม่ไปรวมตัวเตรียมพร้อมการฝึกซ้อมในช่วงบ่าย
"นี่มิคาสะ ไม่ต้องมาช่วยฉันหรอก เธอควรจะรีบไปได้แล้ว เดี๋ยวหัวหน้ารีไวล์มาเห็นเธอจะถูกทำโทษเอาได้นะ" คนที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเช็ดโต๊ะอาหารไม่รู้ว่าคนที่ตนเองกำลังเตือนอยู่นั้นได้ไปจากที่นี่เรียบร้อยแล้ว แต่นอกจากจะไม่ได้ยินคำกล่าวลาจากเพื่อนสาวแล้วยังได้ยินเสียงฝีเท้าที่เข้ามาใกล้เรื่อยๆแทน
"นี่ ฉันบอกให้....หัวหน้า!" เสียงใสร้องขึ้นอย่างตกใจพร้อมกับดวงตากลมโตสีมรกตที่เบิกขึ้นเล็กน้อยเพราะคาดไม่ถึงว่าจะพบคนตรงหน้าได้ในเวลานี้
"หัวหน้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับแล้วไม่ไปคุมการฝึกหรือครับ แล้วมิคาสะไปตั้งแต่ตอนไหนกันครับ" ผู้ใต้บังคับบัญชาที่ยิงคำถามใส่คนเป็นหัวหน้าหลายคำคามอย่างลืมตัวแต่พอนึกได้ก็รีบก้มหน้าก้มตาขอโทษเป็นการใหญ่ที่ทำตัวไม่รู้จักกาลเทศะ
"ฉันเพิ่งมา ส่วนเรื่องการคุมการฝึกซ้อมฉันฝากคนในหน่วยของฉันให้คอยควบคุมไว้แล้วเพราะการฝึกก็ไม่ได้ต่างอะไรกับช่างเช้านัก แล้วเพื่อนนายก็เพิ่งจะออกไปตอนฉันมา" คนเป็นหัวหน้านั้นไม่ได้ถือโทษอะไรตอบคำถามของคนเป็นลูกน้องจนครบทุกข้อ
"ครับ...เอ่อ ผมขอตัวไปล้างชามก่อนนะครับ" ว่าจบร่างบางก็หมุนตัวเตรียมจะออกเดินแต่ก็ต้องชะงักค้างอยู่อย่างนั้นเมื่อเสียงทุ้มเอ่ยขึ้น
"เดี๋ยวฉันช่วย" แล้วร่างกระทัดรัดก็เดินผ่านคนที่ยังคงนิ่งอยู่ไปแต่ก็มิวายหันมาเร่งคนที่หยุดอยู่เบื้องหลัง
"พอฉันบอกว่าจะช่วยแกก็คิดจะอู้หรือไง"
"ปะ...ป่าวครับ ไปเดี๋ยวนี้แหละครับ" สิ้นเสียงร่างโปร่งบางก็ออกเดินตามผู้บังคับบัญชาไปยังห้องครัวพร้อมกับความสงสัยภายในใจ
หัวหน้าคิดอะไรถึงมาช่วยเขาแบบนี้ ทั้งๆที่หน้าที่นี้เขาก็เป็นคนรับผิดชอบเพียงคนเดียวอยู่แล้วแท้ๆ ถ้าจะให้คิดว่าจานชามนั้นมีมากกว่าปกติหัวหน้าถึงมาช่วยก็ไม่น่าจะใช่เพราะบางทีเวลาเขาถูกสั่งทำโทษหัวหน้ายังให้เขาทำงานเยอะกว่านี้เป็นไหนๆ แล้วตกลงทำไมหัวหน้าถึงมาช่วยเขากันล่ะเนี่ย...
คิดพลางหันไปมองคนข้างๆที่กำลังถกแขนเสื้อจนเลิกขึ้นมาจนถึงข้อศอก แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหาเหตุผลใดๆมาตอบคำถามที่แสนสงสัยของตนเองได้สักที
"แกจะมองฉันอีกนานไหม" คนพูดพูดทั้งๆที่ไม่ได้หันมามองคนฟังแต่รู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาของคนที่อยู่ข้างๆ จริงๆแล้วเขาก็พอจะรู้ว่าเอเลนคงจะสงสัยที่อยู่ๆเขาก็มาช่วยแบบนี้ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ก็ถูกเขาโขกสับให้ทำงานสารพัด แต่เหตุผลของเขานั้นไม่มีอะไรเลยก็แค่เขาอยากจะช่วย...ก็เท่านั้น
"องศาใบมีดข้างขวามันต่ำเกินไป ส่วนข้างซ้ายก็ออกห่างจากลำตัวมากเกินไป แกถึงฟันพวกที่สูงเกินสิบเมตรไม่ได้สักที" เสียงจากหัวหน้าทหารทีมสำรวจที่กำลังสั่งสอนระคนตำหนิเด็กในอาณัติทำให้ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นักต้องเบือนหน้าไปมอง
"ไม่ใช่ มันต้องอย่างนี้ นี่แกผ่านมาได้ยังไง"
"อย่างนี้ใช่รึเปล่าครับหัวหน้า" เมื่อคนเป็นลูกน้องยังทำไม่ได้ดั่งใจสักทีผู้บังคับบัญชาจึงจำต้องเช้าไปกำกับอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น
ลำตัวหนาขนาดกระทัดรัดเขยิบไปยืนด้านหลังของร่างโปร่งบาง มือทรงพลังเอื้อมไปจับข้อมือบางทั้งสองข้างให้เข้าที่เข้าทาง
"มันต้องอย่างนี้ จำไว้" เสียงที่ไม่ดังมากนักกระซิบชิดใบหูเล็กขับให้หัวใจดวงน้อยสั่นระรัวไม่เป็นจังหวะและมันก็ไม่แปลกถ้าคนที่อยู่ประชิดจากทางด้านหลังจะสัมผัสได้
"เข้าใจแล้วใช่ไหม" เสียงทุ้มที่เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นจนเจ้าของใบหน้ามนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่าลดที่แก้มใสที่บัดนี้กำลังระบายไปด้วยสีเลือดฝาด
"ขะ...เข้าใจแล้ว...ครับ" เสียงตะกุกตะกักตอบอ้อมแอ้มกลับมาเพราะคนพูดได้แต่เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ส่วนตัวการก็ได้แต่ยกยิ้มที่มุมปาก
"ดี" สิ้นเสียงคนยศสูงกว่าก็ผละออกไปทิ้งไว้เพียงแต่สีหน้าระเรื่อบนใบหน้ามนใส
ทุกการกระทำและทุกอากัปกริยาตอบสนองของคนสองคนนั้นล้วนถูกจับจ้องโดยแจน กิลชูไตน์โดยที่ไม่มีใครรู้ตัวก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะขยับแล้วเอื้อนเอ่ยออกมาด้วยเสียงที่เบาราวกับเสียงกระซิบ
"เอเลน...กับหัวหน้า...รีไวล์"
ซู่ ซู่
เสียงฝนที่ตกลงมาจากฟากฟ้าในเวลาเย็นอย่างไม่ลืมหูลืมตามานานกว่าสองชั่วโมงเรื่อยมาจนกระทั่งหัวค่ำ
ภายในปราสาทที่บัดนี้กลายเป็นสถานที่พำนักสำรับทหารทีมสำรวจทุกหน่วย ร่างโปร่งบางเจ้าของใบหน้ามนและดวงตาสีมรกตคู่สวยกำลังเดินขึ้นมาจากบันไดห้องใต้ดินเพื่อขึ้นไปยังชั้นบนและไปอาศัยห้องของผู้เป็นหัวหน้าสำหรับหลับนอนเช่นทุกคืนที่ผ่านมา
"นั่นนายจะไปไหน" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับร่างสูงที่ก้าวออกมาจากมุมมืดทำให้คนที่ถูกถามต้องเบิกตาขึ้นอย่างตกใจเพราะนึกไม่ถึงว่าจะมาเจอเจ้าคู่อริที่นี่และในเวลานี้ ก่อนที่จะปรับสีหน้าให้เหมือนเดิมแล้วตอบเลี่ยงๆกลับไป
"เรื่องของฉัน" น้ำเสียงติดรำคาญที่พ่นมาจากริมฝีปากสวยนั่นทำให้นัยน์ตาคนฟังไหววูบโดยที่เจ้าตัวการนั้นไม่รู้ตัวสักนิด เพราะมัวแต่คิดหาทางหนีทีไล่และคำแก้ตัวที่จะใช้หากโดนซักไซ้ไล่ความเลยเผลอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะได้ใช้กับใครนัก
"หึ งั้นหรอ" ซึ่งนั่นก็เพียงพอต่อการปลุกอารมณ์ขุ่นเคืองของคนร่างสูงกว่าได้แล้ว
"ก็ใช่น่ะสิ นายกลับไปเถอะแจนพรุ่งนี้มีฝึกแต่เช้า" คนร่างบางพยายามพูดให้ผู้เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่วันนี้ดูแปลกๆชอบกลยอมล่าถอยออกไป แต่ตัวคนฟังที่ถูกอารมณ์ขุ่นมัวบังหน้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วกลับเข้าใจว่าตนเองกำลังถูกขับไล่
"ฉันอยากจะเตือนนายไว้ก่อนที่มันจะสายไปมากกว่านี้" ประโยคที่เอ่ยออกมานั้นทำเอาคนฟังต้องขมวดคิ้วมุ่นด้วยความฉงนว่าคนพูดนั้นต้องการจะสื่อถึงอะไรกันแน่
"อะไรของนายฉันไม่เห็นจะเข้าใจ ฉันไปล่ะ" ร่างโปร่งกำลังจะเดินและออกไปแต่กลับถูกเจ้าของร่างสูงรั้งไว้เสียก่อน "ฉันจะไม่ให้นายไปไหนทั้งนั้น เรายังคุยกันไม่จบ เอเลน" เสียงที่ถูกกดจนต่ำด้วยความขุ่นเคืองเพราะคนตรงหน้าทำราวกับไม่สนใจ ทั้งๆที่ยังคุยไม่ทันเสร็จก็จะผละหนีไป ราวกับอยากจะหนีไปให้พ้นๆเสียอย่างนั้น
"เอ๊ะ! แจน นายนี่จะอะไรนักหนา แล้วก็ปล่อยฉันได้แล้ว!" เอเลนที่พยายามจะยื้อให้ข้อมือบางของตนหลุดจากมือหนาแต่มีหรือที่แรงจะสู้ได้จากการยื้อธรรมดาเลยกลายเป็นการกระชากแทน
"เหอะ จะให้ฉันปล่อยนายไปหาหัวหน้ารีไวล์อย่างนั้นน่ะหรอ" ชื่อของใครคนหนึ่งที่หลุดออกมาจากปากของคนร่างหนาทำเอาคนที่กำลังพยายามขัดขืนถึงกับหยุดชะงักไปพร้อมทั้งดวงตาสีมรกตคู่สวยที่เบิกกว้างขึ้น
"แจน...น...นาย"
"ฉันรู้ได้ยังไงน่ะหรอ" ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าภายในดวงตาสีสวยนั้นกำลังตกใจแค่ไหน
เมื่อเห็นว่าข้อมือบางนั้นหยุดที่จะต่อต้านมือหนาที่กุมเอาไว้จึงยอมปล่อยข้อมือบางนั้นให้เป็นอิสระ แต่คนร่างบางตรงหน้ายังคงไม่ยอมเอ่ยปากต่อ แจนจึงต้องพูดขึ้นอีกครั้งเพื่อตอกย้ำว่าเขารู้เรื่องอะไรบ้างและมากน้อยแค่ไหน
"นายอย่าคิดว่าฉันเป็นคนตาบอด เอเลน ฉันเห็นทุกอย่างทั้งตอนฝึก ทั้งในห้องครัว และในตอนนี้ที่นายกำลังจะไปที่ห้องของหัวหน้ารีไวล์" คนพูดยังคงเอ่ยออกมาด้วยท่าทางที่ไม่สบอารมณ์นักเพราะร่างโปร่งบางตรงหน้าเอาแต่ยืนเฉยและเบนสายตาไปทางอื่นไม่แม้แต่จะมองมาทางเขาเลยด้วยซ้ำ
"แล้วฉันควรจะทำยังไง" เวลาผ่านไปสักพักริมฝีปากสวยก็ยอมเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว
"นายควรที่จะหยุดซะ ออกมาตั้งแต่ตอนนี้ก่อนที่จะสายเกินไป นายเข้าใจใช่ไหม เอเลน"
"ฉัน...ฉันคิดว่า...มันสายเกินกว่าจะหยุดแล้วล่ะแจน" สิ้นเสียงก็ตามมาด้วยลมหายใจที่ถูกระบายออกมาระลอกใหญ่ แล้วก็เป็นฝ่ายคนเตือนที่ดวงตาเบิกกว้างขึ้นอย่างคาดไม่ถึง
คนตรงหน้าเขา สายไปแล้วจริงๆ...
"เอเลน...นายฟังนะ" มือหนายกขึ้นกุมไหล่บางไว้ทั้งสองข้างพร้อมทั้งดวงตาเรียวที่จ้องมาอย่างจริงจังทำให้ดวงตากลมโตยอมเบือนไปสบได้ในที่สุด
"ถ้าปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ต่อไป คนที่จะเจ็บที่สุดก็คือนายเอง เข้าใจไหม" ใบหน้ามนที่พยักหน้าเล็กน้อยตอบกลับนั้นทำให้คนพูดใจชื้นขึ้นบ้างเพราะอย่างน้อยคนที่มักจะปากเก่งเถียงคำไม่ตกฟากอยู่เสมอนั้นไม่ได้ทัดทานคำพูดของเขาแต่อย่างใดแสดงว่าต้องรู้ผลกระทบข้อนี้อยู่แล้วเพียงแต่พยายามไม่คิดถึงมันเท่านั้น และเขานี่แหละที่จะทำให้คนตรงหน้าเปลี่ยนความคิดนี้ใหม่ให้ได้
...แต่ เพราะอะไรเขาถึงต้องพยายามขนาดนี้ เขาก็ไม่อาจรู้ได้เหมือนกัน ราวกับว่ามันไม่ได้มาจากคำสั่งที่ส่งตรงมาจากสมอง แต่มันมาจากเจ้าก้อนเนื้อที่เต้นอยู่ที่อกด้านซ้ายอยู่ตลอดเวลา
ใช่ มันมาจากหัวใจของเขาเอง...
"ดี ถ้านายเข้าใจก็....."
"เอเลน" ยังไม่ทันที่แจนจะพูดจบประโยคก็มีสุรเสียงเย็นเยียบมาขัดขึ้นเสียก่อนทำให้ทั้งคนที่ถูกเรียกและคนที่ถูกขัดคำพูดต้องหันไปยังที่มาของเสียงนั่นที่มาจากสุดขั้นบันไดของชั้นที่สอง
"ครับ...หัวหน้า" คำตอบกลับที่ความกระตือรือร้นในน้ำเสียงนั้นหายไปจนแทบไม่เหลือผิดจากปกติที่เวลาถูกเรียกโดยผู้บังคับบัญชาเมื่อใดเสียงที่ตอบกลับนั้นล้วนเต็มไปด้วยความสัทธาและความเชื่อมั่นอยู่เสมอ แต่บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความสับสน
เป็นอะไรไป...
คนเป็นหัวหน้าอดที่จะแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นอาการที่แปลกไปของเด็กในอาณัติแต่ความคิดก็ต้องสะดุดลงเพราะสายตาที่เหลือบไปเห็นมือของเด็กหนุ่มร่างสูงที่กำลังกุมไหล่บางของเจ้าเด็กเหลือขอของเขาอยู่
ดวงตาคมเรียวรีขวางสีขี้เถ้าที่ตวัดมาจ้องเด็กหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนแซมเข้มนั้นทำเอาคนถูกจ้องอดรู้สึกขนลุกขึ้นมาเสียมิได้แต่ถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าเจ้าของนัยน์ตาเย็นชาคู่นั้นไม่ได้มองมายังเด็กหนุ่มโดยตรงแต่หากกำลังจดจ้องไปยังมือหนาที่กำลังกุมไหล่บอบบางไว้เสียมากกว่าทำให้เจ้าของมือคู่นั้นต้องรีบละมือออกทันที
"ตามมา" เสียงเรียบนิ่งที่คาดเดาอารมณ์ไม่ถูกพูดขึ้นพร้อมสบกับดวงตาสีมรกตคู่สวยให้ผู้เป็นเจ้าของต้องค้อมหัวเป็นอันรับทราบเล็กน้อยก่อนจะเดินผ่านหน้าเพื่อนร่วมรุ่นที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่อริไปยังผู้บังคับบัญชา
แจนที่ได้แต่มองร่างโปร่งของผู้เป็นเพื่อนที่เดินผ่านหน้าตนไป
...ทั้งๆที่อยากจะห้ามไว้ อยากจะดึงข้อมือบางนั้นไว้ไม่ให้ไปไหนได้อีก
ไม่ให้ไปจากเขาได้อีก...
ดวงตาสีมรกตคู่โตที่มักเป็นประกายระยับอยู่ตลอดเวลาแต่ทว่าบัดนี้กลับหม่นแสงลง จึงไม่แปลกที่มันจะสามารถสังเกตได้ชัดเจนยิ่งนัก
เขาไม่แน่ใจว่าแจน กิลชูไตน์นั่นพูดอะไรกับเจ้าเด็กเหลือขอนี่บ้างแต่ถ้าเขาเดาไม่ผิดก็คงจะเป็นเรื่องระหว่างเขากับเอเลนเพราะเมื่อตอนที่เขาเรียกเอเลนนั้นดวงตาคู่นี้มันสั่นไหวราวกับกำลังไม่แน่ใจอะไรสักอย่างไม่เหมือนทุกครั้งที่มันจะมีประกายพราวระยับตอบกลับมา...
"มีอะไร" หลังจากที่ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมภายในห้องของผู้บังคับบัญชาแห่งหน่วยทหารทีมสำรวจมานานก็เป็นฝ่ายหัวหน้าทหารที่ทำลายความเงียบนี้ก่อน แต่คนร่างบางก็ยังคงนั่งก้มหน้าหลบสายตาสั่นไหวอยู่บนเตียงนอนนุ่มทำให้คนที่ไม่ได้รับคำตอบนั้นหมดความอดทนต้องถามเน้นย้ำขึ้นอีกรอบ
"มีอะไร ทำไมถึงไม่พูด" เสียงที่อ่อนลงของคนร่างกระทัดรัดทำให้เจ้าของใบหน้ามนใสยอมเงยหน้าขึ้นมาสบก่อนขึ้นริมฝีปากอิ่มจะเอื้อนเอ่ย
"หัวหน้า...เอ่อ คือ...ผม" เสียงเบาหวิวที่แสดงถึงความหวั่นไหวและไม่มั่นใจเอ่ยขึ้น
"หืม" เสียงทุ้มต่ำครางในลำคอหนาก่อนที่ร่างกระทัดรัดจะค่อยๆยกตัวขึ้นอยากเก้าอี้ตัวใหญ่ก่อนจะเดินไปยังร่างโปร่งบางที่มองตามทุกความเคลื่อนไหวของเขา ใบหน้าคมคายทีเลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่งเป็นเชิงว่ามีอะไร พร้อมนัยน์ตาเรียวรีขวางสีขี้เถ้าที่จ้องเขม็งมาอย่างไม่ลดละทำให้เจ้าของใบหน้ามนใสต้องเอ่ยออกมาอย่างเสียมิได้
"เอ่อ...คือ เรื่องของผมกับหัวหน้า..."
"ไม่ใช่" เสียงนิ่งเรียบที่ขัดขึ้นนั้นเจือไปด้วยความไม่พอใจอะไรสักอย่างที่เจ้าของดวงตาคู่สวยไม่เข้าใจ และแววตาสงสัยระคนไม่เข้าใจนั้นก็ทำให้ร่างแข็งแกร่งต้องระบายลมหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยคำพูดที่ทำเอาหัวใจคนฟังอุ่นวาบและเต้นไม่เป็นจังหวะไปพร้อมๆกัน
"ไม่ใช่เรื่องของแกหรือฉัน แต่เป็นเรื่องของเรา" ริมฝีปากอิ่มค่อยๆแย้มยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกเต็มตื้น
หัวหน้ายอมรับเราแล้ว...
"ตกลงแกเป็นอะไร ตั้งแต่ตอนที่คุยอยู่กับเพื่อนของแกที่บันได เพื่อนของแกพูดอะไรใช่ไหม" นัยน์ตาคมเรียวที่เริ่มคาดคั้นขึ้นอีกครั้งทำให้คนถูกจ้องต้องพูดออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
"เอ่อ...คือ แจนบอกให้ผม...บอกให้ผมหยุดครับ หยุด...ก่อนที่จะสายเกินไป" ว่าจบใบหน้าใสก็ก้มลงทันทีอีกทั้งประโยคสุดท้ายที่เบาจนเกือบไม่ได้ยินแต่ภายในห้องที่ไร้ซึ่งเสียงใดๆประโยคนั้นจึงเข้าหูคนฟังอย่างชัดเจนทุกถ้อยคำ
"หึ" เสียงหัวเราะในลำคอที่คนฟังนั้นก็ไม่เข้าใจว่ามันแสดงถึงอารมณ์แบบไหนกันแน่ดังขึ้นหลังจบประโยคที่ฟังดูไม่มั่นใจนั่น
หึ...เป็นอย่างที่เขาคาดไว้จริงๆ แจน กิลชูไตน์ ทหารฝึกหัดรุ่นร้อยสี่ อันดับหกของรุ่นรองจากเอเลน เชี่ยวชาญเรื่องเครื่องเคลื่อนที่แบบสามมิติเป็นพิเศษ ตอนแรกอยากจะเข้ากองสารวัตรทหารแต่กลับจับพลัดจับผลูมาอยู่ทีมสำรวจได้ เพราะอะไรตอนแรกเขาก็สงสัยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้มันชักจะชัดเจนขึ้นมาเรื่อยๆเสียแล้ว จากคนที่เคยเป็นคู่อริกันแล้วจะเปลี่ยนมาเป็นอย่างอื่นอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง!...
"แล้วแกคิดยังไง อยากจะหยุด..."
"ไม่ครับ!...เอ่อ" เจ้าของร่างโปร่งขัดขึ้นแทบจะทันทีที่ได้ยินคำว่าหยุดจากปากของร่างหนาที่ยืนอยู่ตรงหน้า ซึ่งนั่นก็ทำให้มุมปากของคนยิ้มยากยกขึ้นเล็กน้อยอย่างที่ถ้าไม่สังเกตจริงๆก็คงไม่เห็น และก็คงจะไม่มีใครได้เห็นเพราะคนที่มีโอกาสจะเห็นนั้นเมื่อพูดจบก็ก้มหน้างุดไม่กล้าสบกับนัยน์ตาเรียวคมเพราะรู้สึกกระดากที่ตนได้พูดจาเอาแต่ใจตัวเองไปตามความเคยชิน
"หือ..." เสียงทุ้มครางต่ำเป็นเชิงถามแสร้งทำเหมือนไม่ได้ยินหรือไม่แน่ใจกับคำค้านเมื่อครู่ทั้งๆที่เขาได้ยินชัดเต็มสองหู
"ผมขอโทษครับ ผม..." เจ้าของใบหน้ามนที่ไม่รู้จะพูดอย่างไร เขารู้ดีว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดแบบนั้น
"แกอยากอยู่กับฉันรึเปล่า" เสียงนิ่งที่จู่ๆก็ถามขึ้นอยากไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยทำเอาคนถูกถามชะงักไปชั่วขณะ แต่ก่อนที่จะเอ่ยถามคนเป็นหัวหน้าเจ้าของคำถามเมื่อครู่ก็พูดขึ้นอีกครั้ง
"ไม่ต้องถาม ตอบมา" น้ำเสียงที่แฝงแววคาดคั้นทำให้คนที่ทำท่าจะถามเมื่อครู่ต้องเก็บความสงสัยที่มากมายนั้นไว้ในใจก่อนจะตอบออกมาตามความเป็นจริงเพราะนัยน์ตาคู่คมที่จ้องเขม็งมาอย่างรอคอยคำตอบจากเขา
"ครับ ผมอยากอยู่กับหัวหน้า" พูดออกไปด้วยความไม่มั่นใจนักเพราะไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดแบบนี้ออกไปหรือไม่แต่ก็ต้องหยุดความคิดสับสนมากมายที่ประดังเข้ามาในใจเพราะสัมผัสอุ่นที่ทาบทับลงบนหัวสีน้ำตาลของเขาตามด้วยคำพูดที่ฟังนุ่มหูกว่าที่ผ่านๆมา
"ก็แค่นั้น"
"ครับ?" ท่าเอียงคอน้อยๆพร้อมดวงตาคู่โตที่ฉายแววสงสัยเต็มทีทำเอาคนเห็นถึงกับต้องคาดโทษไว้ในใจ
อย่าไปทำแบบนี้ให้ใครเห็น นอกจากฉันเท่านั้น...
"แกอยากอยู่กับฉัน ส่วนฉัน...ก็ไม่ได้ไม่อยากอยู่ใกล้ๆแก" ประโยคหลังที่คนพูดก้มลงมากระซิบชิดใบหูเล็กทำเอาเลือดจากทั้งร่างของคนฟังแทบมารวมกันอยู่ที่ใบหน้าที่ตอนนี้ระบายไปด้วยสีชมพูระเรื่อ
หมายความว่าหัวหน้าก็อยากอยู่ใกล้ๆเขา อย่างนั้นใช่ไหม...
"ก็ตามที่ได้ยินไม่ต้องถามอะไรอีก แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจคำพูดของใครที่ไหนนอกจากฉัน"
"ครับหัวหน้า"
"งั้นก็นอนได้แล้ววันนี้เหนื่อยมาทั้งวัน" ว่าจบก็เดินไปปิดโคมไฟจนห้องทั้งห้องมืดสนิทก่อนจะก้าวขึ้นไปนอนลงบนเตียงนุ่มขนาดใหญ่เคียงข้างร่างโปร่งบางที่นอนอยู่ก่อนแล้ว
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่ๆร่างหนาที่แม้จะหลับตาอยู่แต่ก็ไม่อาจจะเข้าสู่ห้วงนิทราได้เพราะคนข้างๆที่พลิกตัวไปมาไม่ยอมนอนเสียดี และเหมือนเขาจะรู้สึกว่าร่างนั้นมันกำลังสั่นน้อยๆแต่ก็ไม่แปลกเพราะขนาดตัวเขาเองก็ยังรู้สึกเย็นๆ คงเป็นเพราะฝนที่ยังคงตกลงมาไม่หยุดถึงแม้ว่าจะเบาบางลงบ้างแล้วก็ตาม
"หนาวหรอ" คนถูกถามหรี่ตาขึ้นเล็กน้อยเพราะความง่วงงุนแต่ติดที่อากาศหนาวๆปนชื้นนั้นมันทำให้เขาไม่อาจข่มตาลงได้เสียที
"ก็นิดหน่อยครับ" ปากอิ่มพึมพำตอบออกไปแต่คำตอบมันไม่ได้ตรงกับสิ่งที่แสดงออกเลยสักนิด
"งั้นเดี๋ยวฉันไปหยิบผ้าห่มมาให้" สิ้นคำร่างหนาก็ทำท่าจะลุกขึ้นแต่มือเรียวที่ตอนนี้ติดจะซีดๆและเย็นๆนั้นก็ยื่นมาคว้าข้อมือหนาของเขาไว้เสียก่อน
"ไม่เป็นไรครับ จริงๆมันก็ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่" ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่มันก็ไม่จริงเลยสักนิด แต่จะให้หัวหน้าของเขาต้องลุกไปหยิบผ้าห่มมาให้เขามันก็ไม่ใช่เรื่องและไม่ควร อากาศหนาวแค่นี้เขา....
แต่ความคิดก็ต้องหยุดชะงักลงเพราะข้อมือหนาที่เขาจับไว้เมื่อครู่นั้นตวัดมาดึงข้อมือของเขาให้เข้าไปใกล้ๆ และยังไม่ทันที่สมองจะประมวลผลได้ร่างแบบบางก็ถูกลำแขนแกร่งตวัดโอบรัดรั้งเข้ามาให้ร่างกายแนบชิดกันมากกว่าเดิม
"ห...หัวหน้า" ใบหน้าที่ดูตื่นๆเหมือนจะหายง่วงไปเสียสนิท
"ก็แกเล่นสั่นไม่หยุด ฉันนอนไม่หลับ" น้ำเสียงตำหนิที่ไม่จริงจังนักแต่ก็ทำให้คนถูกตำหนิถึงกับหงอไป
"ขอโทษค..." ปากอิ่มที่กำลังจะเอ่ยขอโทษออกไปด้วยความสำนึกผิดที่รบกวนการพักผ่อนของคนเป็นหัวหน้าแต่ก็ต้องชะงักไปเพราะอยู่ๆลำแขนแกร่งก็กระชับเข้ามาแน่นยิ่งขึ้นพร้อมทั้งใบหน้าคมคายที่ยื่นเข้ามาใกล้จนแทบชิด
"ไม่ต้องขอโทษเพราะฉันคิดว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ถึงตัวนายจะเย็นไปหน่อย...แต่ฉันเหมือนจะรู้สึกว่าตอนนี้มันจะเริ่มร้อนขึ้นมาหน่อยล่ะนะ" ถ้าคนฟังฟังไม่ผิดเหมือนเขาจะรู้สึกถึงน้ำเสียงล้อเลียนในช่วงท้ายถึงแม้เสียงนิ่งเย็นนั่นมันจะแทบไม่เปลี่ยนไปเลยก็เถอะ
ใบหน้ามนที่พยายามถดหนีแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะมือหนาที่โอบรัดเอวเขาอยู่เมื่อครู่นั้นเลื่อนขึ้นไปจับที่หลังคอของเขาและจับไว้แน่นเสียจนเขาไม่สามารถขยับใบหน้าไปไหนได้เลย
"รังเกียจฉันมากเลย?" เสียงทุ้มที่เอ่ยขึ้นเป็นเชิงถาม คิ้วที่เลิกขึ้นเล็กน้อยพร้อมทั้งดวงตาเรียวรีขวางสีขี้เถ้าคู่คมที่จับจ้องตรงมานั้นทำเอาคนใต้บังคับบัญชาถึงกับต้องกลอกตาไปมาอย่างที่ไม่รู้จะทำอย่างไรกับคำถามนี้ดี แต่คำตอบของเขานั้นก็มีอยู่ในใจอยู่แล้ว
เขาไม่เคยและไม่มีทางที่จะรังเกียจคนเป็นหัวหน้าได้หรอก เพียงแต่...มันสมควรแล้วหรือถ้าเขาจะตอบออกไปตามที่ใจคิดเช่นนั้น...
"จะยังกังวลอยู่อีกทำไม" น้ำเสียงกึ่งตำหนิระคนอ่อนใจทำให้คนที่ถูกยิงคำถามใส่เป็นรอบที่สองต้องเบือนสายตาไปสบกับคนตรงหน้าจากที่กลอกไปมาอยู่นานอย่างคิดไม่ตก
"เอ่อ..." และยังไม่ทันที่คนร่างบางจะกล่าวอะไรออกมาอีกเจ้าของร่างหนาก็เอ่ยขัดขึ้นเสียก่อน
"เอาตามที่คิด...ที่มันมาจากใจจริงๆ" ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่อ่านความรู้สึกของคนอื่นไม่เก่งแต่ทำไมดวงตาสีเทาตรงหน้าที่ต้องเขม็งตรงมามันถึงให้ความรู้สึกเหมือนกำลังขอร้องและคาดหวังอะไรบางอย่างจากเขาอยู่...คำตอบจากใจงั้นหรือ
"ผมไม่เคยและไม่มีทางที่จะรังเกียจหัวหน้าหรอกครับ" วูบหนึ่งเพียงแค่วูบเดียวจริงๆที่เหมือนว่าเขาจะเห็นดวงตาสีขี้เถ้านั่นฉายแววโล่งใจและเหมือนจะดีใจปะปนกันอยู่ด้วยเพราะอะไร...
เขาขอเข้าข้างตัวเองหรือคิดไปเองจะได้รึเปล่า...
"งั้นก็ดี แล้วก็ไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นจะคิดจะพูดอะไรทั้งนั้น ฉันก็บอกไปแล้ว หัดจำคำพูดของฉันใส่สมองไว้บ้าง" ถึงแม้มันจะเป็นประโยคตำหนิแต่กลับทำให้หัวใจของคนฟังอุ่นวาบ
หัดจำคำพูดของฉัน... 'คำพูด' ที่ไม่ใช่คำสั่งที่จะต้องปฎิบัติตามอย่างเคร่งครัดแต่เป็นเพียงคำพูดที่บอกหรืออาจจะขอร้องให้เขาเชื่อและยอมทำตามด้วยตัวของเขาเอง...
"หัวหน้า" นัยน์ตาพราวระยับราวกับลูกสุนัขยามได้เห็นเจ้านายกลับมาบ้านทำเอาคนเป็นเจ้านายแทบคุมตัวเองไม่อยู่พลางคิดเล่นๆว่าถ้าหากเจ้าเด็กตรงหน้ากลายเป็นลูกหมาตัวหนึ่งจริงๆตอนนี้ใบหูก็คงจะตั้งชันขึ้นพร้อมทั้งหางที่จะส่ายไปมาไม่หยุดแน่
"นอนได้แล้ว" สิ้นเสียงริมฝีปากเรียวก็ประทับลงกลางหน้าผากมนให้ใบหน้าของคนเป็นเจ้าของต้องกลายเป็นสีแดงก่ำแต่สุดท้ายดวงตาสีมรกตคู่โตก็ค่อยๆปิดลง
ราตรีสวัสดิ์...
เสียงแผ่วเบาที่ราวกับว่าลอยมาตามลมทำให้คนที่ได้ยินไม่แน่ใจนักและเนื่องด้วยสติที่เลือนลางเต็มที่เพราะความง่วงงุนที่ครอบงำทำให้คนที่ไม่แน่ใจว่าหูตนฝาดไปหรือไม่ได้แต่เอ่ยตอบกลับไปในใจ
ราตรีสวัสดิ์ครับ หัวหน้า...
**************************
ขอโทษที่หายไปชาติกว่า //กราบงามๆหนึ่งที// แต่ตอนนี้ปิดเทอมแล้ว โว้เย เพิ่งสอบวันนี้เป็นวันสุดท้ายเลยนะเนี่ย สอบเสร็จก็รีบกลับบ้านมาปั่นนิยาย ไม่รักคนอ่านไม่ทำนะเนี่ย //ยิ้ม//
เอาล่ะ จะไม่ขอพูดอะไรเยอะแยะมากมาย ตัวข้านั้นจักขอจรลีไปแต่งอีกเรื่องก่อนล่ะ //ดองไว้นานไม่แพ้กัน// สัญญาว่าจะอัพบ่อยๆนะ //พูดแล้วทำได้บ้างไหม(เสียงจากคนอ่านทั้งหลาย) 555//
เอาล่ะ จะไม่ขอพูดอะไรเยอะแยะมากมาย ตัวข้านั้นจักขอจรลีไปแต่งอีกเรื่องก่อนล่ะ //ดองไว้นานไม่แพ้กัน// สัญญาว่าจะอัพบ่อยๆนะ //พูดแล้วทำได้บ้างไหม(เสียงจากคนอ่านทั้งหลาย) 555//
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น