ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    I love you because... [Rivaille x Eren]

    ลำดับตอนที่ #10 : ตอนที่ 9 อย่าให้ใครมาทำแบบนี้ได้อีก

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 56



    "นายไม่ขัดข้องใช่ไหมรีไวล์" เสียงถามชายหนุ่มผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นความหวังของมวลมนุษยชาติ

    "คำสั่งโดยตรงจากนาย คิดว่าฉันจะขัดได้รึไงเอลวิน" น้ำเสียงเย็นชาอันเป็นเอกลักษณ์ของหัวหน้าทีมสำรวจที่ได้ชื่อว่าแข็งแกร่งที่สุด

    "สรุปว่านายไม่มีปัญหานะ ขอบใจมาก" ชายวัยกลางคนเจ้าของเรือนผมสีทองตัดสั้นระต้นคอผู้มีอำนาจสูงสุดในทีมสำรวจยิ้มรับคำพูดจากผู้ที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้อง "

    แต่อย่าทำสกปรกก็แล้วกัน"

    "เห็นใจคนทำความสะอาดรึไงรีไวล์" เสียงจากหญิงสาวเพียงคนเดียวในที่นั้นพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลหลังเลนส์แว่นที่ฉายประกายหยอกล้อแต่ก็แฝงประกายไหววูบอยู่ภายใน และเหมือนคำพูดนั้นจะใช้ได้ผลเมื่อดวงตาเรียวรีขวางสีขี้เถ้านั้นตวัดกลับมามองอย่างเฉียบพลัน

    "เธอพูดถึงอะไรน่ะฮันซี่" เอลวินถามอย่างสงสัยเต็มทีเพราะทันทีที่หญิงสาวพูดจบเหตุใดเพื่อนสนิทของเขาถึงมีปฎิกิริยาตอบสนองไปแบบนั้นเหมือนโดนแทงใจดำอย่างนั้นแหละ

    "ก็เอ...เอ้อ ประชุมเสร็จแล้วใช่ไหม ฉันจะได้กลับไปหาโทนี่น้อยสักที น้องชายที่น่ารักของฉันคงกำลังรอฉันอยู่แน่ๆเลย" หญิงสาวผู้คลั่งไคล้ไททันและการค้นคว้าทดลองเป็นชีวิตขจิตใจพูดพลางทำท่ายืดเส้นยืดสายและเหมือนพยายามบ่ายเบี่ยงจะเปลี่ยนเรื่องที่กำลังสนทนาอยู่ทำให้คนสงสัยยิ่งสงสัยเข้าไปอีก

    "ถ้าเสร็จแล้วฉันกลับล่ะ พรุ่งนี้ตรงต่อเวลาด้วย" สิ้นเสียงร่างกระทัดรัดก็ลุกขึ้นแล้วสาวเท้าออกไปจากห้องประชุมทันที
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    "จริงหรอครับหัวหน้า" เสียงใสพูดอย่างตื่นเต้นพร้อมกับดวงตาสีมรกตที่พราวระยับ รู้สึกดีใจที่จะได้เจอเพื่อนร่วมรุ่นที่ไม่ได้เจอกันมานานตั้งแต่เขามาสังกัดทีมรีไวล์

    หัวหน้าเพิ่งกลับมาจากประชุมในกำแพงและได้รับคำสั่งจากคุณเอลวินให้ช่วยฝึกทหารทีมสำรวจทุกคนที่เหลือจากการออกสำรวจครั้งก่อนที่ต้องเสียกำลังพลไปมากจากไททันเพศเมียที่คาดว่าจะมีมันสมองและเป็นไททันแปลงเหมือนกับเขา ซึ่งทางทีมอื่นๆที่มีหน้าที่กำลังสืบหากันอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่มีเบาะแสสักนิด

    "ถ้าอย่างนั้นผมก็จะได้เจอเพื่อนๆแล้วใช่ไหมครับพรุ่งนี้" ดวงตากลมโตฉายประกายดีใจอย่างปิดไม่มิดเรียวปากบางคลี่ยิ้มกว้างทำให้คนที่มาบอกข่าวอดหมั่นไส้ไม่ได้

    "อยากเจอเพื่อนขนาดนั้นเลยรึไง" คนร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆกันบนขอบเตียงพูดจบก็เบือนหน้าไปทางอื่นอย่างนึกแปลกใจตัวเอง ทำไมต้องหงุดหงิดก็แค่ไอ้เด็กนี่มันคิดถึงเพื่อน แต่อีกใจกลับอยากให้มันคิดถึงเขาแต่เพียงผู้เดียว

    "ก็ต้องคิดถึงสิครับ ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือนแล้ว เวลาออกสำรวจทีไรก็อยู่กันคนละส่วนของขบวนทุกที อาร์มินกับมิคาสะน่ะ" เอเลนพูดถึงเพื่อนสมัยเด็กที่โตมาด้วยกัน

    คนหนึ่งที่เปรียบเหมือนมันสมองของกลุ่มที่ถึงแม้จะสู้กับใครไม่เก่งแต่เรื่องไหวพริบปฏิภาณก็ไม่เป็นรองแก่ใคร อีกคนเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยที่เป็นทหารมากความสามารถอันดับหนึ่งของรุ่น

    "มิคาสะ ยัยเด็กผู้หญิงผมดำนั่นน่ะเหรอ" รีไวล์ถามถึงเด็กสาวผมสีดำที่เคยเจอเมื่อครั้งสอบสวนเอเลน เยเกอร์

    "นั่นแหละครับครับหัวหน้า"

    "หึ ยัยเด็กมืดมน" แค่มองตาเขาก็รู้ว่ายัยเด็กนั่นคิดไม่ซื่อกับเอเลน แต่เขาจะไม่มีวันยกเอเลนให้ใครเด็ดขาด

    "มื่อกี้หัวหน้าพูดว่าอะไรนะครับ" เอเลนถามผู้เป็นหัวหน้าที่อยู่ดีๆก็ทำหน้ามึนตึงเหมือนไม่พอใจอะไรสักอย่างแล้วพึมพำอะไรมืดมนๆนี่แหละ

    "เปล่า นอนเถอะ พรุ่งนี้พวกเพื่อนแกคงมากันแต่เช้า" ว่าจบก็หันไปปิดโคมไฟข้างหัวเตียงก่อนจะเอนกายลงนอนข้างๆร่างโปร่งบางที่หลังจากคืนนั้นก็ต้องมานอนกับเขาทุกคืน โดยให้เหตุผลไปว่า

    'แกจะคลั่งขึ้นมาเมื่อไหร่ไม่รู้ เพราะฉะนั้นอยู่ใกล้ๆฉันตลอดเวลาจะดีที่สุด'



    เจ้าของดวงตากลมโตสีมรกตที่คิดว่าเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วลืมตาขึ้นพิศมองใบหน้าคมคายของผู้เป็นหัวหน้าที่กำลังกลับไหลจากความเหนื่อยที่สะสมมาตลอดวัด

    หลังจากคืนนั้นเขาก็มานนอนที่ห้องนี้ได้เกือบสัปดาห์แล้ว ทุกๆคืนเขาจะหลับในอ้อมแขนแกร่งที่แสนอบอุ่นนี้ เขารู้สึกว่าหัวหน้าอ่อนโยนกับเขามากขึ้น ใส่ใจเขามากขึ้น ถึงแม้จะแทบมองไม่ออกเลยก็ตาม และเขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร บางทีหัวหน้าอาจจะแค่สงสารเขาก็เป็นได้

    ทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้ผู้เป็นหัวหน้า หัวใจของเขามักจะสั่นเป็นกลองรัว เขาอยากให้ดวงตาคู่คมนั้นสะท้อนเพียงภาพของเขา ตอนนี้เขาคิดว่าเขารู้ใจตัวเองแล้ว

    เขาคง...รักหัวหน้าเข้าแล้วจริงๆ

    เขารู้ว่าเขาไม่มีสิทธิ์และหัวหน้าเองก็คงไม่สนใจเขาเช่นกัน เขารู้ตัวเองดีว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่เขาก็ยังแอบหวังเล็กๆในใจว่าเขาจะสามารถก้าวข้ามไปอยู่ในหัวใจที่มีกำแพงสูงคั่นอยู่นั้นได้ ขอแค่หัวหน้าเผื่อพื้นที่ไว้ให้เขาบ้างก็พอ

    และนี่อาจเป็นความคิดที่เห็นแก่ตัวของเขาเพียงคนเดียว
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    เช้าวันใหม่ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้าประทานความสว่างไสวให้แก่ทุกสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลก แอ่งน้ำที่พบได้เป็นหย่อมๆจากฝนที่ตกในคืนที่ผ่านมา

    ที่ผิวน้ำนั้นกำลังสั่นเป็นระรอกคลื่นเล็กๆจากแรงสั่นสะเทือนของผืนดิน อันเนื่องมาจากฝีเท้าของสัตว์สี่ขาที่กำลังถูกควบ ปุเลงๆ โดยคนกลุ่มหนึ่ง

    ที่กำลังมุ่งหน้าไปยังปราสาทร้างอดีตกองบัญชาการของทีมสำรวจซึ่งบัดนี้นี้กลายมาเป็นที่พำนักของทหารทีมสำรวจที่ได้ชื่อว่าเก่งที่สุดในบรรดาทีมสำรวจ และยังเป็นที่ซ่อนของตัวอันตรายที่จำเป็นต้องได้รับการควบคุมโดยผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของมวลมนุษยชาติ

    "ใกล้ถึงแล้วนะมิคาสะ ฉันเห็นยอดปราสาทลิบๆแล้ว" เสียงจากเด็กหนุ่มเจ้าของผมบลอนซ์ทองทรงบ็อบคล้ายเด็กผู้หญิงเอ่ยขึ้น ดวงตาสีฟ้าใสเปล่งประกายเมื่อใกล้จะได้เจอเพื่อนที่มีความฝันร่วมกัน

    ข้างๆกันนั้นก็เป็นร่างโปร่งของเด็กสาวที่เริ่มเจริญเติบโตจนกลายเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่ง

    "อืม" เสียงหวานครางตอบในลำคอ พลางละมือข้างหนึ่งจากการคุมบังเหียนมากุมที่ผ้าพันคออันแสนอบอุ่นที่ได้มาจากผู้เป็นแสงสว่างของเธอ

    ...จะได้เจอกันแล้วนะ เอเลน...




    "พวกทีมสำรวจเริ่มมากันแล้วครับ หัวหน้า" เสียงที่พยายามดัดให้เหมือนผู้เป็นหัวหน้าแต่ก็หาได้มีความเหมือนเลยสักนิดพูดขึ้น หลังจากที่เริ่มเห็นขบวนม้าที่กำลังตรงมา

    "อืม"



    ทางฝั่งเด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าในและดวงตาสีมรกตคู่สวยเมื่อได้ยินเสียงขบวนม้าที่ใกล้เข้ามาก็ละมือจากการทำความสะอาดปราสาทแล้วลงไปยังชั้นล่างเพื่อรอต้อนรับเพื่อนร่วมรุ่นที่กำลังมา

    "เฮ้ ทุกคน" เสียงเรียกที่ทำให้คนที่กำลังลงจากม้าหันมามอง คนที่เห็นว่าไม่มีอะไรก็ละสายตากลับไป แต่คนกลุ่มหนึ่งที่รู้จักเจ้าของเสียงนั้นดีก็ยิ้มรับให้กับร่างโปร่งบางที่แทบจะวิ่งมาแต่ไกล

    "เป็นไงบ้างเอเลน" เด็กหนุ่มร่างเล็กแต่ทว่าเป็นมันสมองของกลุ่มเอ่ยถามผู้เป็นเพื่อนที่วิ่งมาหยุดหอบอยู่ตรงหน้า "

    ฉันส...." เมื่อปรับจังหวะการหายใจให้กลับเป็นปกติได้แล้ว ริมฝีปากบางก็ตั้งใจจะเอ่ยตอบผู้เป็นเพื่อนหากแต่ยังไม่ทันจะพูดจบประโยคก็ต้องหยุดชะงักไปเพราะร่างของเพื่อนสาวคนสนิทที่เข้ามาสวมกอดเขาไว้แน่นก่อนจะซบใบหน้าสวยหวานลงบนไหล่ของเขา ทำเอาคนถูกกอดแทบกอดตอบไม่ทัน

    "ว่าไง มิคาสะ" เสียงทักจากคนที่เธอเฝ้าคิดถึงตลอดมาถามขึ้นทำให้เรียวปากสวยเผยรอยยิ้มอ่อนหวานที่จะมอบให้เขาแต่เพียงผู้เดียว ลำแขนอรชรคลายอ้อมกอดเล็กน้อยแล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตากับดวงตาสีมรกตใส

    "ฉันสบายดี นายล่ะเอเลน อยู่ที่นี่นายโดนไอ้เตี้ยทมิฬนั่นทำอะไรรึเปล่า" ประโยคแรกยังคงพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน แต่ประโยคหลังที่กล่าวถามถึงคนที่รู้สึกไม่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น จากน้ำเสียงหวานก็กลายเป็นแข็งกระด้างทันที

    "ไม่หรอกมิคาสะหัวหน้ารีไวล์เขาใจดีนะ แล้วเธอก็อย่าเรียกเขาอย่างนั้นเลยน่า" เอเลนพยายามพูดให้เพื่อนสาวของเขามองหัวหน้าที่เขาเคารพให้ดีขึ้น สองคนนี้เป็นอะไรของพวกเขากันนะ ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกันมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว "

    ชิส์ ไปหวานกันไกลๆไป เลี่ยนว่ะ" เสียงพูดลอยๆพร้อมกับท่าทางลอยหน้าลอยตา ทำเอาเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลต้องผละจากเพื่อนสาวแล้วเดินตรงเข้าไปก็เจ้าคู่อริที่ชาตินี้คงไม่มีทางญาติดีกันได้

    "อะไรของนายแจน เพิ่งเจอก็จะหาเรื่องเลยรึไง บอกกี่ครั้งแล้วว่าฉันกับมิคาสะไม่ได้มีอะไรกันทั้งนั้น เมื่อไหร่นายจะเข้าใจ" สิ้นเสียงดวงตาสีรัตติกาลของเด็กสาวที่ถูกกล่าวถึงก็เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยและแฝงไปด้วยประกายไหววูบที่เจ้าตัวพยายามไม่แสดงออกมาแต่ก็ไม่อาจรอดพ้นจากดวงตาสีฟ้าใสของเพื่อนที่โตมาด้วยกันได้

    "แล้วนายจะมาบอกฉันทำไมไม่ทราบ!" แม้จะตอบกลับไปด้วยเสียงตะคอกแต่ในใจนั้นกลับรู้สึกพองโตอย่างประหลาดที่ได้ยินความรู้สึกจากผู้เป็นคู่อริ

    ดีใจที่เจ้านั่นไม่ได้คิดอะไรกับมิคาสะ....ไม่ๆๆๆ เขาต้องดีใจที่เรื่องของมิคาสะกับเอเลนเป็นไปไม่ได้มากกว่าถึงจะถูก

    ในเมื่อเขาชอบมิคาสะตั้งแต่แรกเห็น และเขาก็เฝ้ามองเธออยู่ตลอดแต่ก็ต้องขัดใจทุกครั้ง เพราะทุกครั้งเวลาเขาเห็นมิคาสะข้างๆกันนั้นก็ต้องมีเจ้าบ้าเอเลนอยู่ด้วยตลอด จึงทำให้เขาต้องพลอยมองเจ้านั่นไปด้วย

    แต่พักหลังๆนี้เหมือนเขาจะสนใจเจ้าคู่อริมากขึ้น ไม่ใช่เพราะมันเป็นไททันหรือตัวอันตรายแต่เพราะ เขาสังเกตเห็นความตั้งใจจริงของมัน แววตามุ่งมั่นนั่นมันทำให้เขาสนใจโดยไม่รู้ตัว

    "ก็นายนั่นแหละแจนที่เริ่มก่อน!" คนที่ร่างบางตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้

    "ฉันไปเริ่มก่อนตอนไหนนายอย่ามามั่ว" คนที่ตัวสูงกว่าลดน้ำเสียงให้อ่อนลงเพราะเขาก็เริ่มก่อนจริงๆแต่ก็ยังเถียงข้างๆคูๆ

    "เอ๊ะ! แจน นายนี่มัน...." คนที่ร่างเล็กกว่าทำท่าจะเถียงกลับอย่างไม่ยอมอ่อนข้อทำให้แต่ก็ต้องหยุดชะงักเพราะสัมผัสได้ถึงมือหนาที่มาวางอยู่บนเรือนผมสีน้ำตาลนุ่มของเขา

    "พอเถอะน่าทั้งคู่เลย" น้ำเสียงใจดีจากร่างสูงใหญ่ที่ยืนมองคู่อริประจำรุ่นเถียงกันอยู่ตั้งแต่แรก ทำให้เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตยอมอ่อนลงให้

    "ก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนนะแจน ที่ฉันยอมเพราะไรเนอร์ขอหรอกนะ" พูดจบก็เบือนหน้าไปทางอื่นแล้วยกมือขึ้นกอดอก ท่าทางที่แสดงถึงความไม่พอใจที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างแต่มันกลับทำให้คนมองต่างเห็นพ้องต้องกันว่า น่ารัก

    "ขอบใจ เอเลน" คนร่างใหญ่กล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มเอ็นดูพร้อมกับลูบหัวสีน้ำตาลเบาๆ ส่วนเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลก็ไม่ได้ว่าอะไรแถมยิ้มแป้นให้อีกต่างหาก

    แต่มันกลับสร้างความไม่พอใจแก่เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนที่อยู่ใกล้ๆจนต้องเดินเลี่ยงไปทางอื่นเหมือนไม่ได้สนใจแต่จริงๆแล้วกำลังหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

    ฮึ่ย ที่กับเขาเถียงฉอดๆทีคนอื่นดันยิ้มแป้นให้ซะงั้น



    "ขอให้ทุกคนมารวมตัวที่ลานหน้าประสาท" สิ้นเสียงประกาศเหล่าทีมสำรวจที่เพิ่งมาถึงทุกคนก็เดินไปตั้งแถวที่ลานหน้าประสาท ส่วนเอเลนก็ต้องเดินไปอยู่รวมกับทีมรีไวล์ที่ตนสังกัด

    "วันนี้ที่เรียกทุกคนมาที่นี่ก็คงทราบเหตุผลกันดีอยู่แล้ว นับตั้งแต่นี้ทุกคนจะต้องเข้ารับการฝึกโดยหัวหน้าหน่วยรีไวล์ รีไวล์มีอะไรจะพูดรึเปล่า" ผู้นำทีมสำรวจหรือก็คือเอลวิน สมิธ หันหน้าไปถามผู้เป็นเพื่อน คนถูกถามจึงหยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาข้างหน้า แล้วเสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้น

    "การฝึกซ้อมจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้เวลาแปดโมงเช้าตรงต่อเวลาด้วย ส่วนที่พักคนของที่นี่จะพาไปเอง แยกย้ายได้" สิ้นเสียงทหารในแถวทุกคนก็ทำความเคารพกันอย่างพร้อมเพรียง




    "ห้องนี้เป็นของพวกผู้ชายส่วนถัดไปนั่นก็ของพวกผู้หญิง ที่นี่จะกินมื้อเช้าตอนเจ็ดโมง มื้อเที่ยงตอนเที่ยงครึ่ง และมื้อเย็นตอนหกโมง ห้องอาหารจะอยู่ชั้นล่างทางปีกซ้าย แล้วก็ถ้าจะอาบน้ำก็ไปทางปีกขวาจะเป็นห้องอาบน้ำรวมถ้าเปิดประตูใหญ่เข้าไปฝั่งซ้ายเป็นห้องอาบน้ำชายส่วนฝั่งขวาเป็นห้องอาบน้ำหญิง อย่าเข้าผิดฝั่งล่ะ เอาล่ะทุกคนเอาของเข้าไปเก็บได้แล้ว" เสียงใสเจื้อยแจ้วพูดอธิบายกฎระเบียบและสถานที่ต่างๆที่ควรรู้แก่เหล่าเพื่อนร่วมรุ่น

    "ขอบใจนะเอเลน" คำขอบคุณจากเพื่อนซี้ร่างเล็ก

    "อืม ไม่เป็นไร อาร์มิน แล้วก็อย่าลืมล่ะมื้อเที่ยงตอนเที่ยงครึ่งนะ ห้ามสายเด็ดขาด" ที่ต้องเตือนเพราะช่วงที่เขามาอยู่แรกๆแล้วเผลอตื่นสายไปนิดเดียวก็ถูกหัวหน้าทำโทษให้ทำความสะอาดปราสาทคนเดียวทั้งอาทิตย์เล่นเอาเขานอนหมดสภาพไปเป็นวัน

    "ฉันไม่สายอยู่แล้วน่าไม่ต้องห่วง" เสียงตอบรับจากเพื่อนสาวที่หิวตลอดเวลาอย่างซาช่า

    "อย่างเธอน่ะไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะสาย ดีไม่ดีเธอคงไปนอนในห้องอาหารเลยก็ได้มั้ง" เสียงหยอกล้อจากคนที่เสียงดังที่สุดของรุ่นเรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆได้เป็นอย่างดีแต่คนที่ถูกพาดพิงกลับไม่ได้เคืองอะไรแถมยังหัวเราะไปพร้อมๆกับเพื่อนๆ

    "ฮ่ะๆๆ ไปๆๆ ไปเก็บข้าวเก็บของกันได้แล้ว เสร็จแล้วค่อยมาคุยกันนะ" สิ้นเสียงคนอื่นๆก็แยกย้ายเข้าไปในห้องของตัวเอง

    จะเหลือก็แต่กลุ่มเพื่อนซี้จากหมู่บ้านชิกันชินะที่โตมาด้วยกันตั้งแต่เด็กของรุ่นทั้งสามคน

    "แล้วห้องนายอยู่ตรงไหนหรอเอเลน" เพื่อนสาวคนเดียวของกลุ่มถามขึ้น

    "เอ่อ...อ้อ ห้องฉันก็อยู่ชั้นใต้ดินนั่นแหละมิคาสะ" เขาไม่ได้โกหกนะ ห้องของเขาอยู่ใต้ดินนั่นคือเรื่องจริงแต่ในตอนนี้ห้องที่เขานอนอยู่ทุกคืนมันคือห้องของหัวหน้า แต่เขาแค่ไม่ได้บอกก็เท่านั้น เพราะถ้าเกิดเขาบอกว่าเขานอนห้องหัวหน้าล่ะก็มิคาสะต้องไม่ยอมแน่

    "งั้นให้ฉันลงไปนอนเป็นเพื่อนไหมเอเลน"ผู้เป็นเพื่อนถามด้วยความหวังดี นอนในที่มืดๆเงียบๆคนเดียวคงเหงาแย่เลยสินะเอเลน เพราะไอ้เตี้ยทมิฬนั่นแท้ๆ เอเลนของเธอไม่ใช่ตัวอันตรายเสียหน่อย

    "ไม่ต้องหรอกมิคาสะฉันนอนคนเดียวจนชินแล้วน่า" ถึงเอเลนจะปฏิเสธแต่เด็กสาวก็เหมือนจะยังไม่ยอมง่ายๆ จนเพื่อนร่างเล็กเจ้าของผมบ๊อบต้องช่วยพูดอีกแรง

    "อย่าเลยมิคาสะ มันจะรบกวนเอเลนเปล่าๆนะ" ทำไมเขาจะไม่รู้ว่ามิคาสะคิดอย่างไรกับเอเลน จะมีก็แต่เจ้าตัวนั่นแหละที่ไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลยสักอย่างเพราะคนที่คิดไม่ซื่อกับเอเลนน่ะใช่ว่าจะมีแค่มิคาสะคนเดียวเสียเมื่อไหร่

    "อืม อย่าเลยมิคาสะ ยังไงเธอก็เป็นผู้หญิงถ้าไปนอนกับฉันแบบนั้นคนอื่นจะมองเธอไม่ดีนะ" คำพูดที่แสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยนั้นทำเอาคนที่มักจะดื้อรั้นเสมอนั้นยอมแต่โดยดี และยังทำให้เธอรู้สึกตื้นตันที่อีกฝ่ายเป็นห่วงภาพพจน์ของเธอ

    คงจะมีแต่เอเลนเท่านั้นที่หยุดมิคาสะได้ ไม่ว่าเมื่อก่อน ตอนนี้ หรือกระทั่งอนาคต

    "อืม ก็ได้ แล้วเจอกันนะ เอเลน"

    "แล้วเจอกัน มิคาสะ อาร์มิน" ร่างโปร่งบางเจ้าของดวงตาสีมรกตเอ่ยลาพร้อมรอยยิ้มตามแบบฉบับ ผู้เป็นเพื่อนจึงเดินแยกย้ายเข้าห้องของตนเองไป

    "เฮ้อ..." เสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกที่เกลี้ยกล่อมเพื่อนสาวได้สำเร็จโดยไม่มีพิรุธก่อนจะกลับหลังหันออกเดินจะไปทำงานที่คั่งค้างให้เสร็จก่อนมื้อเที่ยงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า แต่ยังไม่ทันที่จะหายใจหายคอได้เท่าไหร่ลมหายใจก็เหมือนจะสะดุดไปอีกครั้ง

    "ไม่บอกไปเลยล่ะว่าแกมานอนอยู่กับฉัน เพื่อนแกจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงขนาดนั้น" น้ำเสียงนิ่งๆที่แสนคุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลังทำให้คนที่ตั้งใจจะไปสะสางงานต้องหันหลังกลับไปก็พบกับร่างกระทัดรัดของผู้เป็นหัวหน้ากำลังยืนกอดอกพิงผนังก่อนที่ใบหน้านิ่งจะเบือนมาทางเขา

    หัวหน้าคงจะได้ยินทั้งหมดนั่นเลยสินะ เพราะตรงจุดที่หัวหน้ายืนอยู่มันเป็นด้านหนึ่งของทางแยกที่เลยมาจากหน้าห้องของเพื่อนๆเขาไม่มากเท่าไหร่

    "โธ่ หัวหน้าครับ ถ้าผมบอกไปแบบนั้นคิดว่ามิคาสะจะยอมหรอครับ" เสียงตอบอ่อยๆของคนเป็นลูกน้องเรียกรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากของคนยิ้มยากได้อย่างง่ายดาย

    เขารู้สึกเหมือนพักนี้เขาจะยิ้มบ่อยขึ้นและสาเหตุมันจะต้องมาจากเจ้าเด็กเหลือขอตรงหน้าตลอดทุกครั้ง ทำไมกัน

    "ไม่รู้สิ"

    "หัวหน้ากำลังยิ้มอยู่ใช่ไหมครับ ผมรู้นะ" น้ำเสียงจับผิดจากริมฝีปากน่าลิ้มลองนั่นทำให้คิ้วของคนร่างเล็กหากแต่ทรงพลังเลิกขึ้นเล็กน้อย แขนแข็งแกร่งทิ้งลงข้างลำตัวจากการเกาะอกแล้วขาสองข้างก็เริ่มออกเดินช้าๆจนไปหยุดอยู่ตรงหน้าร่างที่สูงกว่าในระยะประชิด

    ใบหน้าคมคายเงยขึ้นไปสบกับดวงตาสีมรกตคู่สวยที่กำลังเบิกกว้างอย่างตกใจและเริ่มกลอกไปมาอย่างหาทางหนีทีไล่

    ให้ตายสิ ไม่ว่ายังไงเขาก็ทำตัวให้เป็นปกติตอนอยู่ใกล้ๆหัวหน้าไม่เคยได้เลย ทำไมนะ

    "ฉันยิ้มแล้วแกจะทำไม ไอ้เด็กเหลือขอ" เสียงเย็นเฉียบพร้อมกับนัยน์ตาวาวๆนั่นทำเอาเด็กหนุ่มร่างโปร่งบางถึงผงะถอยหลังไปเล็กน้อยเพราะหัวหน้าตอนนี้น่ากลัวน้อยเสียเมื่อไหร่ทำท่าอย่างกับหมาป่าเตรียมตะครุบเหยื่ออย่างนั้น

    "อ...เอ่อ ผมต้องไปทำความสะอาดที่ชั้นบนต่อ ป..ไปล่ะครับ หัวหน้า" เอเลนที่หมายจะกลับหลังหันเดินเลี่ยงจากผู้เป็นหันหน้าไปแต่ก็ไม่สามารถทำได้เพราะลำแขนแกร่งที่ตวัดโอบรอบเอวบางไว้และยิ่งรู้สึกถึงแรงขัดขืนมากเท่าไหร่ก็ยิ่งจะรัดแน่นขึ้นเท่านั้นทำให้คนที่ไม่สามารถขัดขืนได้ต้องยอมตกอยู่ในอ้อมแขนนี้ไปโดยปริยาย

    "ชั้นบนงั้นหรอ งั้นแกก็ไปทำที่ห้องฉัน...ไม่สิ ห้องของเราถึงจะถูก" เสียงกระซิบชิดพวงแก้มที่เริ่มกลายเป็นสีชมพูระเรื่อจากคำพูดของเจ้าของอ้อมกอด

    "หัวหน้า" ตอนนี้ใบหน้าของเขาคงกำลังกลายเป็นสีแดงก่ำแน่ๆเพราะเขากำลังรู้สึกว่ามันกำลังร้อนผ่าวราวกับกำลังสุกได้ที่ นี่หัวหน้าจะแกล้งเขาไปถึงไหนกันเนี่ย ตอนนี้เขาทำอะไรไม่ถูกแล้วนะ

    "แกเรียกฉันทำไม"

    "หัวหน้าก็อย่าแกล้งผมอย่างนี้สิครับ"

    "แกล้งงั้นหรอ" ร่างที่อยู่ต่ำกว่าค่อยๆเขย่งขึ้นจนอยู่ในระดับเดียวกันคนที่บอกว่าตนกำลังถูกแกล้งทำให้ใบหน้าของทั้งสองใกล้กันจนรับรู้ถึงลมหายใจอุ่นๆของกันและกันได้เป็นอย่างดี

    "แบบไหนถึงจะเรียกว่าแกล้งได้ล่ะ" เสียงทุ้มแผ่วเบาถามแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมาเพราะคนถูกถามนั้นถูกยึดครองริมฝีปากของตนด้วยริมฝีปากของอีกฝ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ดวงตาสีมรกตค่อยๆปรือลงอย่างคล้อยตามไปกับรสสัมผัสแสนหวานนี้ และดูเหมือนความไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มมันจะยิ่งเพิ่มความต้องการของเขาให้มากเข้าไปอีกจนเสียงทุ้มถึงกับครางต่ำในลำคอ

    คนร่างเล็กแต่ทว่าช่างทรงพลังนั้นค่อยๆดันร่างบางให้เดินถอยไปจนหลังชิดกับผนังของปราสาท มือข้างหนึ่งยกขึ้นไปกดหัวสีน้ำตาลให้โน้มลงมารับสัมผัสที่ล้ำลึกยิ่งขึ้น เรียวลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดนัวเนียโดยมีทั้งผู้นำที่เชี่ยวชาญและผู้ตามที่ไม่ประสีประสา

    เสียงจูบดังคละเคล้าไปกับเสียงครางในลำคออย่างพึงพอใจจากคนทั้งสอง ผ่านไปไม่รู้นานเท่าไหร่คนที่ร่างเล็กกว่าก็ละริมฝีปากของเขาออกจากริมฝีปากอันเย้ายวนนั่นอย่างอ้อยอิ่งราวกับไม่อยากจะละออกมาก็ไม่ปาน

    แต่มือแกร่งข้างหนึ่งก็ยังคงกดศีรษะของคนที่สูงกว่าให้หน้าผากมนใสนั่นทาบอยู่กับหน้าผากของเขา

    "แบบนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่การแกล้งนะ เพราะนายก็ตอบสนองกลับมาได้ดี" คำพูดจากผู้บังคับบัญชาขับให้ใบหน้าที่ระบายสีระเรื่ออยู่แล้วยิ่งสุกก่ำยิ่งขึ้นไปอีก

    'แล้วมันเพราะใครกันล่ะครับ!!!' ประโยคที่อยากจะตะโกนออกไปดังๆแต่ก็ทำได้เพียงร้องอยู่ในใจ

    ดวงตากลมโตสีมรดกที่กำลังคลอเบ้าน้ำตาปริ่มๆจะไหลนั่นมันน่าแกล้งน้อยเสียเมื่อไหร่ล่ะแล้วไหนจะใบหน้าใสที่มันขึ้นสีระเรื่ออย่างชัดเจนนั่นอีก ทุกอย่างมันทำให้ตัวเขาเสียการควบคุมไปหมด

    แต่จริงๆมันก็ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดจนนึกอยากหาที่ระบาย

    อย่าคิดว่าเขาไม่เห็น เมื่อตอนสายๆที่เจ้าเด็กใต้อาณัติของเขาได้พบเจอเพื่อนร่วมรุ่น ยัยเด็กมืดมนที่พอเห็นเอเลนก็วิ่งมากอดอย่างกับไม่ได้พบไม่ได้เจอกันมาแรมปีแต่มันก็ยังพอทนได้เพราะเขาแน่ใจว่ายังไงเอเลนก็เห็นยัยเด็กนั่นเป็นเพียงเพื่อนหรือไม่ก็คนในครอบครัวเท่านั้น

    แต่ที่มันน่าโมโหคือเจ้าคนร่างใหญ่ผมสีทองนั่นต่างหากที่มาลูบหัวสีน้ำตาลนี้โดยที่นอกจากคนเป็นเจ้าของจะไม่ปัดทิ้งหรือด่ากลับไปดันไปยิ้มแป้นตอบรับอีก

    ผิดกับเจ้าหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนที่เหมือนจะแค่พูดอะไรบางอย่างนิดๆหน่อยๆก็เล่นเอาเอเลนแทบจะกระโจนไปวางมวยถึงที่ แต่ถ้าเขามองไม่ผิดเขารู้สึกหมือนเจ้านั่นมองเอเลนด้วยสายตาแปลกๆชอบกล แต่เขาก็ยังไม่ค่อยแน่ใจนักเพราะเขานั้นก็อยู่ห่างออกมาพอสมควร


    และนั่นมันก็ทำให้เขาหงุดหงิดจนลืมพูดเรื่องการรักษาความสะอาดให้แก่เหล่าทีมสำรวจที่เพิ่งเดินทางมาเยือนที่นี่ทั้งๆที่เขาควรจะคำนึงถึงเรื่องนั้นมาเป็นอันดับแรกเลยด้วยซ้ำ

    "อย่าให้ใครมาทำแบบนี้กับนายได้อีกนอกจากฉันเท่านั้น ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน" คำสั่งที่เหมือนเป็นการบังคับที่ต้องทำตามโดยไม่มีข้อโต้แย้งไม่อย่างนั้นอาจเกิดภัยกับตนเองโดยไม่รู้ตัวนั้นสร้างความฉงนแก่คนถูกสั่งเพราะเขาไม่เข้าใจว่าหัวหน้าหมายถึงอะไรกันแน่

    ความไม่เข้าใจที่ฉายชัดออกมาทางดวงตานั้นทำให้คนที่ทั้งหงุดหงิดและแอบกังวลอยู่เล็กน้อยนั้นรู้สึกโล่งใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

    คงจะไม่ได้คิดอะไรจริงๆสินะ

    มือแกร่งทั้งสองข้างยอมปล่อยจากการเกาะกุมที่ศีรษะและเอวบางก่อนจะผละออกห่างมาเพียงเล็กน้อยแต่ดวงตาคมก็ยังคงสบดับดวงตาคู่สวยอย่างไม่ละไปไหน

    "ยังไงก็จำเอาไว้ซะด้วย" พูดจบมือหนาก็ยกขึ้นไปสัมผัสกับผมสีน้ำตาลนุ่มมือก่อนจะลูบมันเบาๆเพียงเล็กน้อยแล้วก็เดินจากไป ทิ้งไว้ก็แต่ความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านจากมือนั้นไปยังหัวใจของคนที่อยู่เบื้องหลัง

    ถึงเขาจะไม่ค่อยเข้าใจที่หัวหน้าบอกว่า 'อย่าให้ใครมาทำแบบนี้กับนายได้อีกนอกจากฉันเท่านั้น' แต่เขาคิดว่าเขาพอเดาออกและรู้สิ่งที่ผู้เป็นหัวหน้าต้องการจะสื่อ

    ผมสามารถจะคิดเข้าข้างตัวเองได้ไหมครับว่าหัวหน้าพูดแบบนั้นเพราะคุณกำลังหวงผม





    มาแว้วววววววววว ขอโทษที่ให้รอนะ
    จริงๆตอนนี้ไม่มีอะไรมาก แค่รีไวล์หึงเจ้าเด็กเหลือขอจนเดือดก็แค่นั้น โฮะๆๆๆ
    เอเลนรู้ใจตัวเองแล้วนะตอนนี้ แล้วหัวหน้ารีไวล์ล่ะจะรู้ใจตัวเองเมื่อไหร่กัน อีกไม่นานร้อกก อิอิ


    ขอบคุณคนอ่านทุกคน และทุกคอทเมนท์นะ แล้วไรท์จะรีบแต่งตอนต่อไปเร็วๆเลยจ้า

    สุขสันต์วันพ่อนะ วันนี้ทุกคนบอกรักพ่อกันแล้วรึยัง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×