ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคบารามอส]เจ้าหญิงแห่งเดมอสผู้สะกดใจเจ้าชายแห่งเอเดน

    ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1 เริ่มต้นด้วยการตัดสินใจ

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 58


    ตอนที่ 1 : เริ่มต้นด้วยการตัดสินใจ

     

     

                    ยามรุ่งสาง ท้องนภาโปรดโปร่งสีฟ้ากระจ่างใสมีก้อนเมฆสีขาวบริสุทธิ์กระจายเป็นหย่อมๆ ชวนให้จินตนาการว่ามีรูปร่างคล้ายกับสิ่งใด เหล่าสกุณาที่เพิ่งตื่นจากการหลับใหลมาตลอดในช่วงราตรีกาลอันยาวนานที่ผ่านมาต่างพากันโผทยานออกจากรังเพื่อออกหาอาหาร พลางส่งเสียงร้องกังวานใสที่ราวกับช่วยขับกล่อมให้หมู่มวลดอกไม้สีสันสดใสพร้อมใจกันแย้มบานอวดโฉมหยอกล้อกับแสงแดดอ่อนๆ เหล่าแมลงน้อยใหญ่ที่เพิ่งออกมาจากรังต่างไปลองลิ้มชิมรสน้ำหวานจากยอดเกสรสีสวยกันอย่างสำราญใจ ในทุ่งหญ้าสีเขียวชอุ่มยังคงมีหยาดน้ำค้างเกาะที่เมื่อต้องกับแสงตะวันก็จะทอประกายราวกับเพชรเม็ดงาม....

                    ทั้งหมดทั้งมวลนี้ราวกับกำลังร่วมเฉลิมฉลองให้กับหนึ่งชีวิตที่ได้ถือกำเนิดขึ้นมาในดินแดนแห่งปีศาจ

     

                    ทารกน้อยที่มีดวงตาสีน้ำตาลสุกใสทอประกายราวกับอัญมณีอันแสนล้ำค่าไม่ต่างจากผู้เป็นมารดา เรียวปากเล็กสีชมพูอ่อนส่งเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างมีความสุข ใบหน้าจิ้มลิ้มฉายแววสนุกสนานยามเมื่อมีคนมาหยอกล้อด้วยความเอ็นดู วรองค์เล็กที่อยู่ในอ้อมแขนที่เต็มไปด้วยความรักและความอบอุ่นของผู้ให้กำเนิด ซึ่งอดทนกลั้นหยาดน้ำตาแห่งความปลาบปลื้มไว้ไมไหว หยาดน้ำใสที่คลอหน่วยอยู่จึงหลั่งออกมาให้ร่างสูงใหญ่ที่อยู่เคียงข้างต้องจูบซับน้ำตาให้อย่างแผ่วเบาด้วยความรักและแสนขอบคุณ

                    เมื่อเวลาผ่านเลยไปอีกไม่กี่ปีเด็กหญิงตัวน้อยวัยสองปีก็ไม่จำเป็นต้องอยู่คนเดียวอีกต่อไป เมื่อเธอนั้นได้น้องร่วมสายเลือดเป็นเด็กชายเจ้าของนัยน์ตาสีดำขลับที่ถอดแบบมาจากผู้เป็นบิดาอย่างไม่ผิดเพี้ยน ซึ่งในตอนนั้นก็เกิดความยินดีไม่ต่างจากเมื่อสองปีก่อน เหล่าประชาชนทั่วทั้งแคว้นต่างร่วมกันเฉลิมฉลองให้กับพระราชโอรสที่เพิ่งพระราชสมภพและพระราชธิดาที่มีพระชนมายุได้สองพรรษาในเวลาไล่เลี่ยกัน......

     

     

     

                    แฮ่กๆ...นี่! ท่านพี่หยุด...แฮ่ก...เดี๋ยวนี้เลยนะครับ!...แฮ่ก

                    “ฮ่ะๆๆ...พี่ไม่หยุดหรอกนะ ตามมาให้ทันสิ

                    ภาพของเด็กหญิงวัยแปดปีที่กำลังหัวเราะอย่างร่าเริงและสาวเท้ายาวๆโดยที่ไม่ต้องใช้ความพยายามมากนักก็สามารถหลบหลีกเด็กชายร่างป้อมที่มีอายุน้อยกว่าเธอสองปีเศษที่กำลังวิ่งตามเธออย่างเอาเป็นเอาตายได้สบายๆ อยู่ภายในสวนหย่อมที่ร่มรื่นและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความรัก ผู้เป็นมารดาของเด็กน้อยทั้งสองคอยทอดมองลูกๆของเธออยู่ภายในศาลากลางสระน้ำขยาดย่อมที่สามารถมองเห็นทุกส่วนของสวนหย่อมได้จากที่แห่งนี้ และผ่านไปอีกไม่นานนักเสียงหวานนุ่มละมุนที่แสนคุ้นเคยก็ดังขึ้นให้สองพี่น้องร่วมสายเลือดต้องพักยกไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนจะเดินไปหาเจ้าของเสียงเมื่อครู่

                  ท่านแม่ครับเสียงแหลมเล็กที่ถูกดัดจนหวานเจี๊ยบเป็นสัญญาณว่าเจ้าตัวเล็กกำลังพยายามอ้อนนั่นขับให้เรียวปากสวยระบายรอยยิ้มก่อนจะอุ้มร่างป้อมๆที่ยังสูงไม่เกินเอวของเธอให้ขึ้นมานั่งบนตัก

                    ว่าไงจ๊ะ หืมพระราชินีอลิเซีย เกรเดเวลแห่งเดมอสเอ่ยถามพระโอรสองค์เล็กด้วยความเอ็นดูระคนขบขัน

                    ผมโดนท่านพี่แกล้งอีกแล้วครับ

                    เจ้าชายฟรานซิส เกรเดเวลเอ่ยอย่างกระเง้ากระงอดพลางเอาศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเรือนผมสีขนนกกาไปถูไถที่ไหล่บางของพระมารดาอย่างออดอ้อนเต็มที และยังไม่วายหันพระพักตร์กลมๆไปยักคิ้วหลิ่วตาให้ผู้เป็นพี่อย่างได้ใจที่ได้เป็นฝ่ายเรียกคะแนนความสงสารก่อน ให้เด็กหญิงได้แต่ส่ายหน้าเนือยๆ กับความคิดเด็กๆ ของน้องชาย แต่สุดท้ายก็อดที่จะหลุดยิ้มออกมาให้กับความทะเล้นของเด็กชายในที่สุด

                    เฟลิโอน่า เกรเดเวล เจ้าหญิงแห่งเดมอส ที่แม้จะมีพระชันษาเพียงแค่แปดปีแต่ถ้าหากมีใครมาพบเห็นก็ต้องคิดไปในทางเดียวกันว่าถ้าหากเจริญวัยขึ้นจะต้องกลายเป็นหญิงสาวที่สวยสง่าไม่เป็นสองรองใครในปฐพีเป็นแน่ ด้วยรูปร่างโปร่งที่แม้ว่าตอนนี้จะยังไม่มีส่วนสัดโค้งเว้าใดๆซึ่งเป็นไปตามวัย แต่ใบหน้าสวยหวานที่ได้เค้าโครงมาจากผู้เป็นแม่นั้นสามารถทำให้ใครหลายๆคนต้องหยุดมองอย่างเสียมิได้....ใบหน้าเรียวรูปไข่ เรือนผมนุ่มราวกับแพรไหม ดวงตาคู่หวานสีน้ำตาลกลมโต จมูกโด่งรั้นที่รับกับริมฝีปากได้รูป และพวงแก้มใสที่อมชมพูอย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งผิวพรรณที่ขาวลออแลดูนุ่มนิ่ม...ที่ไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าเมื่อเวลาผ่านไปจะยิ่งงดงามขึ้นอีกถึงเพียงไหน

                    ท่านพ่อมาแล้ว!”

                   แล้วก็เป็นเจ้าตัวเล็กอีกตามเคยที่กะโดดลงจากตักของผู้เป็นแม่ให้ต้องถูกปรามแต่ก็ไม่ได้เป็นที่สนใจแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ร่างป้อมๆนั้นกำลังโผเข้าหาวงแขนกำยำที่กางรอรับเข้าอย่างจังทำเอาเจ้าของวงแขนนั้นถึงกับเสียหลักไปเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็อุ้มเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนขึ้นมาแล้วพาเดินกลับไปยังศาลาที่มีบุคคลอันเป็นที่รักของเขาอีกสองคนรออยู่

                    จ้าวแห่งปีศาจทั้งมวล ราชาเอวิเดส เกรเดเวล ที่แม้จะดูเหมือนโหดเหี้ยม ด้วยรูปลักษณ์ที่สูงใหญ่กำยำ ผมยาวสีขนนกกาที่ถูกถักเป็นเปียพันไว้รอบลำคอหนา ดวงตาเรียวคมสีรัตติกาลมืดมิด แต่แท้จริงแล้วเขาเป็นทั้งพ่อและสามีที่แสนดีของลูกๆและภรรยา และยังเป็นพระราชาที่รักประชาชนทุกๆ คนอย่างเสมอมา

                    ทำงานเสร็จแล้วหรือเพคะอลิเซียถามขึ้นพลางรินน้ำชาให้กับผู้เป็นสามีที่เพิ่งมาถึง

                    เอ่อ...ก็เกือบๆแล้วนั่นแหละเอวิเดสตอบอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย แต่ก็รู้ตัวดีว่ายังไงๆ ตนก็ไม่มีทางโกหกสายตาของหญิงสาวผู้นี้สำเร็จอยู่ดีจึงต้องยอมรับอย่างจำนน อ่า...ที่จริงก็ให้เจ้าโกโดมช่วยจัดการให้นิดหน่อย

                    “หม่อมฉันคิดว่าคงไม่นิดหน่อยกระมังคะ

                    แล้วจ้าวแห่งปีศาจก็ถูกสวนกลับอย่างรู้ทันจนไปต่อไม่ถูก จึงต้องเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาแทน

                    เฟลิโอน่า ลูกฝึกวิชาไปถึงไหนแล้วหรือเอวิเดสหันไปถามพระธิดาองค์โต

                    ถ้าเป็นศาสตร์เวทย์มนต์โกโดมบอกว่าต้องฝึกเวทย์กางเขตอาคมกับเวทย์รักษาเพิ่มเติมอีกหน่อยก็น่าจะพอใช้ได้เพคะ ส่วนวิชาศาสตราวุธ ท่านอาเกรเซอร์บอกว่าลูกน่าจะเอาดีทางด้านวิชาดาบและลูกก็คิดว่ามันน่าสนใจดีนะเพคะ

                    ถ้อยคำที่เด็กหญิงวัยเพียงแปดปีเอ่ยออกมานั้นสร้างความประหลาดใจและความชื่นชมแก่ผู้ฟังยิ่งนัก เพราะขนาดเวลานี้เธอยังเก่งกาจถึงเพียงนี้ แล้วในอนาคตเล่า จะเก่งกาจยิ่งขึ้นไปอีกเท่าใดกัน

                    วิชาดาบงั้นรึ ดีๆ พ่อจะได้ช่วยฝึกให้เจ้าได้ เจ้าอยากได้ดาบเล่มไหนไปลองแกว่งเล่นรึเปล่าล่ะ หรือจะเอาคทาไปลองร่ายเวทย์เองก็ได้นะ

                    “เสด็จพี่เพคะ!”

                    เพียงเสียงดุจากพระราชินีอลิเซียที่เหวขึ้นมาทันควันเป็นเชิงห้ามปรามนั้นกลับสามารถทำให้ราชาปีศาจที่ใครๆต่างก็หวาดกลัวนั้นหงอลงได้อย่างทันตาเห็นจนแทบจะไม่น่าเชื่อ แต่ฉับพลันก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินเสียงใสๆจากพระธิดาที่เอ่ยขึ้น

                  ลูกอยากได้คทาหยาดรัตติกาลเพคะเฟลิโอน่าพูดพร้อมกับดวงตาสีน้ำตาลที่เป็นประกายตื่นเต้น เพราะเธอรอโอกาสที่ท่านพ่อจะมอบของขวัญที่น่าสนใจให้เธอแบบนี้มานานแล้ว

                    ลูกรู้จักด้วยหรือผู้เป็นพ่อถามอย่างสนเท่ห์ พระธิดาของเขาไม่ธรรมดาจริงๆ ที่กล้าขอของแบบนั้น

                    เพคะ ลูกอ่านเจอในหนังสือ

                    คิ้วหนาสีขนนกดาเลิกขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับดวงตาคมที่หรี่ลงพลางเพ่งมองพินิจเด็กหญิงตัวน้อยที่แลดูน่าทะนุถนอม แต่ใครจะรู้ว่าเด็กตัวเท่านี้นั้นกลับร้ายกาจยิ่งนัก....

                    หกศาสตราวุธต้องห้าม เป็นของที่ไม่ควรจะให้ใครได้เข้าไปเฉียดใกล้ เพราะมีพลังอำนาจมหาศาล หากตกไปอยู่ในมือของคนชั่วแล้วละก็ แผ่นดินคงไม่แคล้วต้องเกิดภัยพิบัติและโศกนาฏกรรมอย่างมหาศาล ซึ่งได้แก่...

                    ดาบผ่าปฐพี ซึ่งปัจจุบันนี้ได้หายสาบสูญไปหลังจากที่ราชาปีศาจได้ใช้ดาบนั่นผ่าแบ่งแผ่นดินของสองดินแดนมนุษย์และปีศาจออกจากกันจนเกิดรอยบิ่นที่ใบมีดเล็กน้อยในสงครามเอเดนและเดมอสครั้งใหญ่เมื่อหลายร้อยปีก่อน...

                    คทาลีลาพราย ซึ่งอาจก่อให้เกิดพายุที่สามารถทำลายเมืองเมืองหนึ่งให้หายไปได้ในพริบตาเพียงแค่ร่ายเวทย์มนต์เรียกลมธรรมดาๆ และถ้าหากผู้ทรงคทาไปทำพันธะสัญญากับคทาเล่มนี้เมื่อใดก็จะค่อยๆ ถูกคทาครอบงำในที่สุด...

                    ดาบสลายโลกันตร์ ที่อาจทำให้เกิดไฟบัลลัยกัลป์ซึ่งสามารถลุกลามไปทั่วทั้งผืนแผ่นดินและอาจเผาไหม้ได้แม้กระทั่งผู้ใช้ แต่ถ้าหากผู้ใช้เป็นผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งและสามารถเอาชนะดาบนี้ได้ก็จะสามารถใช้ดาบเล่มนี้เผาไหม้ความชั่วร้ายในจิตใจของมนุษย์ได้เช่นกัน...

                    คทาหิรัญศิรา ที่ผู้ใช้จะต้องแลกด้วยพลังชีวิตทุกครั้งยามร่ายคาถา แต่เมื่อร่ายมนต์ด้วยคทาเล่มนี้ แม้จะเป็นเพียงมนต์เล็กๆน้อยที่ไม่สามารถสร้างอันตรายใดๆได้แต่กลับกลายเป็นว่าจะสามารถสร้างอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้เลยทีเดียว...

                    ดาบสุริยาภาส ซึ่งมีพลังในการทำลายล้างทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้มอดไหม้สลายหายไปดั่งแสงอาทิตย์ที่จะแผดเผาทุกสิ่งทุกอย่าง และสามารถตัดผ่านได้แม้กระทั่งฝุ่นละอองที่เคลื่อนผ่าน...

                    คทาหยาดรัตติกาล ที่ได้ชื่อว่าเป็นศาตราวุธที่อันตรายและไม่น่าเข้าใกล้ที่สุด เพราะมันสามารถดูดกลืนทุกสรรพสิ่งให้หายไปและแปรเปลี่ยนให้ออกมาเป็นพลังที่สามารถดูดกลืนได้แม้กระทั่งจิตวิญญาณ หากผู้ทรงคทาใช้คทานี้มากเกินไปจิตใจก็จะมีแต่ความมืดเข้าปกคลุมทำให้มิอาจมองเห็นแสงสว่างได้อีกจนกว่าจะจบชีวิตลง...

                    ศาสตราวุธต้องห้ามทั้งหกนี้ไม่ใช่ว่ามีบันทึกอยู่ในหนังสือที่สามารถหาได้ทั่วไปตามห้องสมุด แต่มีหนังสือเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่จะกล่าวถึงศาสตราวุธเหล่านี้ ซึ่งหนังสือเล่มนั้นถูกเก็บไว้ภายในห้องลับของห้องสมุดภายในพระราชวังเดมอสที่ถูกผนึกด้วยมนตราขวางกั้นขั้นสูงสุดของเดมอส ที่ถ้าไม่ใช่ระดับหัวหน้าพ่อมดเวทย์ก็จะไม่มีทางคลายมนตรานี้ได้เป็นแน่

     

                    ลูกรู้จักมันนานแล้วหรือยังผู้เป็นราชาแห่งปีศาจถามพระธิดาด้วยน้ำเสียงใคร่รู้ ซึ่งคนถูกถามก็เพียงยิ้มรับแล้วตอบสบายๆ ราวกับว่ามันเป็นสิ่งที่คนทั่วไปต้องรู้อยู่แล้ว

                    ก็ประมาณเดือนสองเดือนเห็นจะได้เพคะ แต่กว่าลูกจะเข้าไปเจอได้ก็ใช้เวลาอยู่พอสมควรเหมือนกันนะเพคะ ท่านพ่อ

                    “อืม...แล้วลูกไม่อยากได้ดาบด้วยหรือ เห็นว่าลูกสนใจจะลองฝึกวิชาเพลงดาบอย่างจริงจังนี่ เฟลิโอน่า

                    “จริงๆ แล้วลูกก็อยากได้ผ่าปฐพีของท่านพ่อนะเพคะ แต่น่าเสียดายที่มันหายไป...แต่ลูกคิดว่าดาบสลายโลกันตร์ก็น่าสนใจอยู่เหมือนกันนะเพคะ

                    ถ้อยคำที่ฉะฉานของเฟลิโอน่าบ่งบอกได้เป็นอย่างดีถึงความจริงที่เธอสามารถเข้าไปภายในสถานที่ลับแห่งนั้นได้ด้วยตนเองและยังไปอ่านหนังสือต้องห้ามที่ว่ากันว่าคนที่เคยอ่านนั้นไม่มีเหลืออยู่บนโลกแห่งนี้อีกแล้วจะเว้นก็แต่ราชาปีศาจเอวิเดสที่กว่าจะหาห้องห้องนั้นเจอและรวบรวมศาตราวุธที่ถูกกล่าวถึงได้จนครบและปิดผนึกเอาไว้ก็ใช้เวลาไปเกือบร้อยปี แต่พระธิดาของเขากลับหาห้องนั้นเจอตั้งแต่อายุแค่แปดปีเศษ...ช่างไม่ธรรมดาเสียนี่กระไร

                    จริงรึ เอาสิ ไว้พ่อจะให้เจ้าแน่ เฟลิโอน่า

                    “ขอบพระทัยมากเพคะ ท่านพ่อ

                    เฟลิโอน่าเอ่ยขอบคุณผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้มร่า และรู้สึกตื่นเต้นที่จะได้ของสนุกๆมาไว้เล่นแก้เบื่อยามว่างๆ แต่ก็เป็นอันต้องชะงักลงเมื่อผู้ที่ได้ชื่อว่ามีอำนาจเหนือจ้าวแห่งปีศาจขัดขึ้น

               เสด็จพี่จะเอาของอันตรายแบบนั้นให้ลูกไม่ได้นะเพคะ ถึงหม่อมฉันจะไม่รู้จักที่พูดกันทั้งหมด แต่ดาบผ่าปฐพีนั่นหม่อมฉันแน่ใจว่าต้องใช่ที่หม่อมฉันรู้จักแน่ๆ เพคะ

                    “โธ่ อลิเซีย มันก็ไม่ได้อันตรายอะไรมากขนาดนั้นหรอก

                    ถ้าลูกของเราสามารถเข้าไปอ่านจากหนังสือจนรู้ถึงขนาดนั้นล่ะก็นะ...

                แต่....ผู้เป็นแม่ที่เป็นห่วงลูกเหนือสิ่งอื่นใดยังมีทีท่าไม่ยอมลงง่ายๆให้คนเป็นสามีต้องพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ เพราะเขาเองก็ไม่อยากมีปัญญาหากับหญิงสาวคนนี้เลยจริงๆ เพราะเดี๋ยวจะพาลไล่ไปนอนที่อื่นแล้วเขาจะไปหาอะไรมากอดแก้หนาวในยามราตรีกันเล่า

                  เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก อลิเซีย พี่จะยังไม่ให้ลูกในตอนนี้หรือเร็วๆ นี้แน่ พี่สัญญา เจ้าคิดว่าพี่ไม่เป็นห่วงลูกงั้นหรือเมื่ออีกฝ่ายยอมลงให้ก่อนก็ไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องขัดอะไรอีก

                    ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงหม่อมฉันก็ไม่ขัดข้องเพคะ....นี่ก็เกือบจะได้เวลามื้อเย็นแล้ว หม่อมฉันขอตัวไปดูความเรียบร้อยในครัวก่อนก็แล้วกันนะเพคะ อลิเซียพูดพลางลุกขึ้นจะเดินออกไปจากศาลาหลังเล็กนี้

                    “ท่านแม่ ลูกขอไปด้วยนะเพคะเฟลิโอน่าพูดขึ้นและลุกขึ้นด้วยอีกคน

                   “จ้ะ...หม่อมฉันทูลลาเพคะ เสด็จพี่อลิเซียหันไปรับคำของลูกสาวด้วยรอยยิ้มสวย ก่อนที่ร่างระหงส์จะย่อกายทำความเคารพอย่างงดงามอ่อนช้อยตามขนบธรรมเนียมและแบบแผนที่พึงปฏิบัติแม้ว่าเธอจะถูกปรามอยู่บ่อยครั้งว่าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ แต่เธอยังคงยืนกรานว่าจะทำต่อไปก็ป่วยการที่จะพยายามบอกให้เลิกทำ

                    ลูกก็ทูลลานะเพคะ ท่านพ่อร่างโปร่งของเด็กหญิงเองก็ย่อกายทำความเคารพได้สวยงามและถูกต้องในทุกอริยาบถบ่องบอกถึงการได้รับการฝึกอบรมมาเป็นอย่างดี

                   พี่ไปก่อนนะฟรานซิส อยู่กับท่านพ่ออย่าซนล่ะ เสียงใสเอ่ยอย่างหยอกล้อผู้เป็นน้องชาย ให้เด็กชายร่างป้อมที่นั่งอยู่บนตักของผู้เป็นพ่อต้องหันขวับมาหาพี่สาวในทันใดเมื่อได้ยินประโยคที่เขาไม่ชอบเลยสักนิด

                    ผมไม่ซนหรอกน่า ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ!” ฟรานซิสตอบกลับไปอย่างฉุนจัดที่พยายามทำให้ดูน่าเกรงขามสุดฤทธิ์ แต่ริมฝีปากเล็กๆที่ยื่นออกมากับแก้มป่องๆที่มันพองลมอยู่เนี่ยมันไม่รู้จะเอาที่ไหนมาน่ายำเกรงเลยจริงๆ ไหนจะท่าทางนั่นที่ทำเอาคนเป็นพี่ต้องย่นจมูกใส่อย่างหมั่นไส้เจ้าน้องชายคนนี้เหลือเกิน ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยการแลบลิ้นใส่ซึ่งก็ได้รับการตอบรับกลับมาเช่นเดียวกันพร้อมกับใบหน้ายียวนกวนประสาทที่แถมมาด้วย จนเฟลิโอน่าขี้เกียจที่จะรบรากับน้องชายของเธออีก จึงกลับหลังหันเดินลิ่วไปหาผู้เป็นแม่ยืนอมยิ้มขำมองดูลูกๆของเธออยู่ไม่ไกลนัก

                    ฟรานซิส ถ้าหากพ่ออยากให้เจ้าช่วยดูแลพี่ของเจ้า จะได้หรือไม่อวิเดสที่เงียบไปสักพักพูดขึ้นลอยๆ เหมือนไม่ได้คาดหวังคำตอบอะไรที่จริงจัง ผิดกับร่างป้อมบนตักของเขาที่ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงและแววตาที่หนักแน่นมั่นคงที่ไม่น่าจะมาจากเด็กชายวันเพียงหกปีได้เลย

                    ถึงแม้ท่านพ่อไม่ได้เอ่ยปาก ผมก็จะทำเช่นนั้นอยู่แล้วครับ

                  ดวงตาสีรัตติกาลทั้งสองคู่ต่างทอดมองไปยังแผ่นหลังบางของคนสองคนที่กำลังจะหายลับไปตรงหัวเลี้ยวทางออกของสวนหย่อมแห่งนี้

                   ดูเหมือนจะหายห่วงไปได้เปราะหนึ่ง ลูกๆ ของพวกเราแต่ละคนนี่คงจะหาแบบธรรมดาๆ ไม่ได้เลยจริงๆ นะ อลิเซีย...

     

     

     

    เวลาผ่านไปนานนับเจ็ดปี...

    ภายในห้องโถงของพระราชวังหลวงแห่งเดมอส

                    "อะไรนะเพคะ ท่านพ่อ" เสียงหวานร้องอย่างตกใจจากหญิงสาวร่างอรชรผู้มีดวงตาคู่หวานสีน้ำตาลเปลือกไม้กลมโตสุกใสที่ตอนนี้ที่ตอนนี้ยิ่งโตกว่าเดิม เมื่อเธอรู้สึกเหมือนหูจะฝาดไปเพราะประโยคเมื่อครู่ของผู้เป็นพ่อซึ่งเธอไม่เคยนึกฝันมาก่อนที่จะมาได้ยินกับหูตัวเอง

                    "พ่ออยากจะให้ลูกไปเรียนที่โรงเรียนพระราชาแห่งเอเดน" เจ้าของร่างสูงใหญ่และใบหน้าอันน่าเกรงขามที่ได้ชื่อว่าจ้าวแห่งปีศาจทั้งมวลเอ่ยซ้ำประโยคที่พระองค์ได้กล่าวไปแล้วเมื่อครู่

                    "แล้วท่านแม่ทรงคิดว่าอย่างไรบ้างเพคะ"

         "แม่คิดว่าเรื่องนี้ลูกควรจะตัดสินใจเองนะ ลูกรัก" พระราชินีอลิเซียยังคงความงดงามไว้อย่างไม่แปรเปลี่ยนรวมถึงพระเนตรที่คอยทอดมองพระธิดาด้วยความรักและเอ็นดูอยู่เสมอ เอาเข้าจริงๆ เธอเองก็ไม่ต้องการให้ลูกสาวคนเดียวของเธอไปอยู่ในที่ไกลหูไกลตาแบบนั้น แต่ลูกของเธอเองก็โตพอสมควรที่จะได้มีสิทธิ์ไปเผชิญกับโลกภายนอกด้วยตนเองไม่ใช่เพียงแค่อ่านจากในตำราหรือฟังที่คนอื่นบอก อีกทั้งที่ที่จะไปยังเป็นสถานที่ที่เธอเกิดและโตขึ้นมา เธอเชื่อและไว้ใจว่าลูกของเธอจะต้องไม่ทำให้เธอและคนอื่นๆ ต้องผิดหวังแน่

                    พ่อกับแม่ไม่ได้จะบังคับลูก อย่างที่แม่ของเจ้าบอก พ่ออยากให้ลูกคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองจ้าวปีศาจเอวิเดสเอ่ยด้วยสุรเสียงที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน

                    ราชาปีศาจอวิเดส เกรเดเวล และพระราชินีอลิเซีย เกรเดเวล แห่งแดนปีศาจ เดมอส กำลังมองดูพระธิดาที่ท่านทั้งสองช่วยกันชุบเลี้ยงมาตั้งแต่กำเนิด จนบัดนี้เติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่ง อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยความรู้สติปัญญาและความสามารถ รวมถึงพลังที่แกร่งกล้าไม่แพ้ผู้ใด

                    ...โรงเรียนพระราชาแห่งเอดินเบิร์ก เป็นโรงเรียนที่ผู้คนล้วนต้องการที่จะไปศึกษาเพื่อจะได้มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิต รวมถึงผู้ที่จะต้องขึ้นเป็นกษัตริย์ก็ต้องจบการศึกษาจากโรงเรียนแห่งนี้เช่นกัน แต่โรงเรียนพระราชานั้นตั้งอยู่ในเอเดน เมืองแห่งมนุษย์ที่แสนเกลียดชังปีศาจ...

                    เฟลิโอน่ารู้จักสถานที่แห่งนั้นดี เพราะเป็นที่ที่ท่านแม่ของเธอจบการศึกษาออกมา เธอเองก็อยากรู้ว่า เอเดนที่ผู้เป็นมารดาของเธอเคยอยู่อาศัยและเติบโตมานั้นจะเป็นที่แบบไหน มนุษย์ที่เธอเคยแต่เพียงศึกษาจากในตำราและจากคนรอบตัวที่เคยเล่าให้เธอฟังแท้จริงแล้วจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่...

                    นี่คือสิ่งที่เธอได้ตัดสินใจแล้ว...

     

                    "ลูกจะไปเพคะ"





    -จบตอนที่ 1-
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×