ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [MarkBam] He's Glasses Boy ; #ฟิคแบมแว่น

    ลำดับตอนที่ #10 : CH 09 | ความหลัง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.74K
      9
      30 ธ.ค. 59





    Chapter 9
    ความหลัง
    150 per.




      - Mark's side -

           ผมคิดว่าผมยังไม่พร้อม ภาพแผ่นหลังบางของพี่แบมแบมค่อยๆเลือนหายจากผมไปเรื่อยๆมันทำให้ผมรู้สึกผิดกับตัวเองที่ยังยึดติดกับอดีตจนเผลอไปทำร้ายคนที่ผมรักตอนนี้ ผมรู้ดีว่าสิ่งที่ผมทำลงไปมันคืออะไรบ้าง แต่ผมห้ามไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ.. ร่างกายมันไปไวเกินกว่าสมองจะประมวลผล และสิ่งที่ผมเห็นจากคนตัวเล็กของผมในตอนนี้ คือสายตาเศร้าและสายตาที่ตัดพ้อในใจ อาการปั่นป่วนในใจก็เข้ามาเล่นงาน อาการที่ผมคิดว่าจะยอมรับได้แล้วกลับเข้ามาเล่นผมจนเผลอทำให้คนตัวเล็กของผมเขารู้สึกแย่ 

           จูเนียร์เป็นเพื่อนกับพี่แบมแบมตอนนี้สินะ นี่โลกมันกลมเกินไป พรหมลิขิต หรือฟ้าตั้งใจกลั่นแกล้งกัน?

           จูเนียร์ อ่าไม่สิ ชื่อที่นี่คือ จินยอง สินะ จินยองคยเป็นทั้ง รักแรกของผม แฟนคนแรก ของผม

          มันเป็นเรื่องที่ยากจะอธิบายไปสักหน่อย เพราะทุกอย่างดูบังเอิญไปเสียหมด จนผมเองยังอึ้งไม่น้อย ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันผ่านมาได้อย่างไร 

         ถ้าจะย้อนไปตอนนั้นแล้วละก็... ก็ประมาณผมอายุ 12 ละมั้ง..

         - Around Mark's 12 years old -

             เสียงจอแจในห้องประชุมขนาดใหญ่ จัดงานเลี้ยงสังสรรให้แก่นักเรียนที่จบ grade 6 ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในแถบชานเมือง รัฐแคลิฟอเนียร์ มาร์คมองขวับๆหาจูเนียร์ เพื่อนรักที่เขาแอบชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ รู้ตัวอีกที จูเนียร์ก็กลายเป็นรักครั้งแรกของเขาไปโดยปริยาย เป็นรักที่เขารู้สึกจริงๆจังๆ เขาหวงเพื่อนสนิทตัวเองมากกว่าที่ควรจะเป็นในฐานะของเพื่อนสนิท จนเพื่อนเริ่มแซวๆ จูเนียร์ทำเพียงบอกปัดๆ เพราะที่ต่างประเทศไม่ได้ซีเรียสเรื่องเพศ ความรัก 

            "จูเนียร์ นายอยู่ไหนกัน? วันสุดท้ายที่จะได้เจอกันแล้วนะ" มาร์คกระวนกระวายเมื่อเดินหาจูเนียร์เพื่อนรักตัวเองไม่เจอ ในมือกำกระดาษสีชมพูไว้แน่นไม่ปล่อยจนเหงื่อเริ่มออกตามฝ่ามือ

              เวลาที่เริ่มกระชั้นชิดขึ้นมาเรื่อยๆ งานเลี้ยงให้นักเรียนเกรด 6 เริ่มเข้าสู่ช่วงท้ายๆลงมาเต็มทน ขาเริ่มสาวไวขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงบริเวณทางหลังของโถงประชุมใหญ่ ทำให้พบกับคนที่เขาเฝ้ารอมานาน

            จูเนียร์หันหน้าเข้าหาต้นไม้ใหญ่ บนลำต้นใหญ่สลักไปด้วยลายมือภาษาอังกฤษทั้งสวยงามน่ามองและเละเทะของนักเรียนเกรด 6 ที่กำลังจะต้องล่ำลากันในไม่ช้า โรงเรียนแห่งนี้มีถึงแค่เกรด 6 แถมในแถบบริเวณนี้ไม่มีโรงเรียนไฮสกูล หากต้องต่อคงต้องไปไกลหน่อย มีหลายโรงเรียนที่เลือกสรร พอจะถึงเวลาล่ำลาจริง ในใจกลับโหวงๆแปลกๆ จะว่าใจหายก็ได้ แค่รู้สึกว่าอยากจะซึมซับช่วงชีวิตในช่วงเกรด 1 ถึง 6 มาให้ได้มากที่สุด ช่วงเวลาที่เคยอยู่กับเพื่อน และอะไรหลายๆอย่าง

           สายตาคมอ่านตัวหนังสือและกระดาษต่างๆที่สลักบนลำต้นไม้ใหญ่อย่างนึกใจหาย ไล่อ่านทุกตัวหนังสือ พร้อมไปกับการย้อนความเก่าที่เคยได้ทำกับเพื่อน

           มันอาจจะดูไร้สาระสำหรับผู้ใหญ่บางคน แต่สำหรับพวกเขาแล้ว ถือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญของพวกเขาเลยก็ว่าได้

           มาร์คมองเพื่อนสนิทที่แอบชอบมาได้สักพักจดจ้องสมาธิอยู่กับต้นไม้ใหญ่ ก็ถือโอกาสนี้เข้าไปทำให้ตกใจจากทางด้านหลัง

          "เฮ้! ทำอะไรอยู่น่ะ?" จูเนียร์โบกมือตีใส่ต้นแขนมาร์คด้วยความตกใจ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกเมื่อดึงสติได้ครบแล้ว

         "นายนั่นแหละ มาไม่ให้สุ่มให้เสียง อีเอิน! มันน่าจับตีนัก!" สรรพนามเรียกมาร์คที่ต่างจากเพื่อนเป็น 1 ในสิ่งที่ทำให้เพื่อนแซวกัน จูเนียร์เรียกมาร์คแบบนั้นตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุผลที่ว่า 'ถ้าสนิทกันต้องหาอะไรที่เป็นสัญลักษณ์ว่าเราสนิทกันจริงๆสิ' สำหรับจูเนียร์คือการเปลี่ยนสรรพนามเรียกเสีย

         "ทำอะไรอยู่น่ะ?" มาร์คมองไปตามที่จูเนียร์มอง ปลายสายตาคือต้นไม้ต้นใหญ่ๆที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความทรงจำที่รวบรวมความในใจให้กับเกรด 6 รุ่นนี้ พอยิ่งอ่านแต่ละประโยคเข้าไป ไม่รู้จะขำหรือจะซึ้งดี ปะปนกันไปตามนิสัยของผู้เขียนหมด

        "จะจากแล้ว คิดถึงแย่เลยอ่ะ" จูเนียร์พูดแต่สายตายังจับจ้องที่ทางเดิม เหมือนพูดลอยๆขึ้นมาแต่กลับทำให้เพื่อนรักคิดไม่ซื่ออย่างมาร์คสะดุ้งและคิดไปไกลได้ เมื่อดึงสติได้ก็รวบรวมสมาธิอีกรอบ  ก่อนจะยืนหันมาหาทางจูเนียร์ที่ยืนข้างๆกัน จูเนียร์หันกลับมามองแล้วเลิกคิ้วด้วยความสงสัย

         "ห- หันมาหน่อยดิ" มาร์คไม่สามารถคุมเสียงไม่ให้สั่นได้ ความตื่นเต้นและความในใจทุกอย่างตอนนี้อยู่แค่ปลายปากของเขาแล้ว หากพูดออกไป ความลับที่กุมมาก็จะมลายหายไป 

         "ทำไมอ่ะ?" ถึงพูดอย่างนั้นแต่ก็หันมาตามที่มาร์คบอก มาร์คพยายามไล่ความตื่นเต้นออกไป ยิ่งมาประจันหน้าจริงๆมันก็ยิ่งตื่นเต้นกว่าที่เตรียมใจไว้เสียอีก

         "อ่อ.. อ่า.. จูเนียร์ลองอ่านนี่ก่อนนะ.. นะ" ช่วงท้ายประโยคมาร์คพยายามยัดจดหมายใส่มือจูเนียร์ คนตรงข้ามทำหน้างงๆแล้วคลี่จดหมายในมือขึ้นมาอ่าน 

          'ถ้าอ่านจดหมายนี้อยู่ แสดงว่าฉันอยู่ตรงหน้านายนะ

          คือ เกรด 6 มันต้องแยกแล้วใช่มั้ยล่ะ? อยากบอกว่า 

          ที่ผ่านมาฉันชอบนายนะจูเนียร์ ไม่ได้ชอบแบบเพื่อน ชอบแบบอยากเป็นแฟน

         ขอโทษนะ ที่ไม่ได้บอกนาย ไม่กล้า กล้าก็วันนี้แหละ 

         ขอบคุณที่อ่านจนจบนะ 

        ด้วยรัก มาร์ค'

        ลายมือไก่เขี่ยของมาร์คจุดลงตรงตัว K ในชื่อตัวเอง จูเนียร์อ่านจบแล้วพับจดหมายด้วยสีหน้ากดยิ้ม หากมาร์คจะยอมเงยหน้าขึ้นมาสักนิด จะพบรอยยิ้มสดใสประดับบนใบหน้าหวานของคนที่เขาแอบชอบ 

          พรึบ!

          จูเนียร์สวมกอดมาร์คแรงจนแทบล้ม มาร์คที่ยังคงลุ้นถึงคำตอบสะดุ้งตัวโยน คนตัวเล็กยังสวมกอดจนกระทั่งมาร์คตั้งสติได้แล้วสวมกอดกลับ คนตัวเล็กกว่าเอาคางเคยไหล่แล้วกระซิบลงที่ข้างใบหูของมาร์ค

          "อื้อ ฉันก็ชอบนายเหมือนกันนะ" 

         และนั่นคือจุดเริ่มต้นของรักแรกของมาร์ค..

    20 %
    #ฟิคแบมแว่น
    Loading for 130 %


          "เกรด 7 นายจะสอบที่ไหน?" มาร์คเอ่ยถามจูเนียร์หลังเหตุการณ์ที่มาร์คสารภาพรักและจูเนียร์เองก็ตกลงในเชิงอ้อมๆ ทั้งสองนั่งหันหลังพิงกันอยู่บริเวณต้นไม้ต้นเดิม เวลางานก็ค่อยๆถดถอยลง 
      
         "น่าจะไกลอ่ะ" 

         "ฉันจะตามนายไป" หลังมาร์คพูดจบ จูเนียร์ก็ตาลุกวาว ไม่คิดว่ามาร์คจะถึงขั้นตามไปเรียนที่ไกลๆแบบนี้ บางทีเขาก็คิดว่า มาร์คควรเลือกในสิ่งที่เขาชอบสิ ไม่ใช่ตามเขาไปแบบนี้

         "บ้ารึไงอีเอิน!? จะตามไปทำไม ก็เรียนที่ๆนายชอบสิ!" จูเนียร์ตีที่หัวไหล่ของมาร์คเบาๆ มาร์คทำได้เพียงหัวเราะแหะๆ เกาหัวแก้เก้อ

          "เอาน่า สิ่งที่นายชอบฉันก็ชอบ ช่างมัน เลิกคุยเรื่องนี้เถอะ" มาร์คนั่งพิงหลังของจูเนียร์อย่างเดิม สายตามองเหม่อไปไกล คิดถึงเรื่องราวต่างๆทั้งในอดีตและอนาคตที่กำลังจะเกิด อ่า แค่เขาคิดว่าในอนาคตเขาจะมีจูเนียร์เคียงคู่ไปตลอดก็มีความสุขแล้วล่ะ

          "ดูนั่นดิ คนเริ่มทะยอยออกมาละ แสดงว่าจบงานแล้ว ปะ ลุกๆ" จูเนียร์ชี้ไปทางประตู เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังทะยอยหลั่งไหลออกมาเรื่อยๆ จูเนียร์จับมือมาร์คให้ลุกขึ้น แต่มาร์คพยายามลุกขึ้นช้าๆเพื่อถ่วงเวลา สุดท้ายก็แพ้แรงอันน้อยนิดของจูเนียร์อยู่ดี

           หลังจากจบงาน ก็มีงานสังสรรค์ระหว่างธุรกิจของตระกูลต้วนและตระกูลปาร์ค ที่มีการทำธุรกิจหุ้นส่วนด้วยกัน ถือเป็นโอกาสที่ดีมาร์คจะได้คุยเกี่ยวกับเรื่องเรียนต่อกับจูเนียร์ แน่นอนว่าทั้ง 2 บ้านไม่มีใครรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ลับๆของมาร์คและจูเนียร์

           "ตกลงนายจะต่อตามฉันใช่มั้ยอีเอิน?" จูเนียร์เลื่อนมานั่งข้างๆมาร์คแล้วเอ่ยถามเหมือนเด็กๆคุยกัน ผู้ใหญ่ก็คุยธุรกิจกันไปโดยคิดเพียงแค่ว่า เด็กคุยอะไรกันก็เรื่องของเขาไป

          "อื้ม นายจะต่อที่ไหนนะจูเนียร์?" มาร์คพยักหน้าแรงจนน้ำในแก้วไวน์สั่นคลอน

           "โรงเรียนมัธยม X อ่ะ เห็นแม่ว่างั้น" 

           "ระดับจูเนียร์แล้ว เรียนเก่งขนาดนี้ สอบติดแหงอยู่แล้วโรงเรียนดังขนาดนั้น แต่ฉันน่ะสิ.." มาร์คทำท่าคิดหนัก โรงเรียน X นอกจากเงินแล้วความสามารถต้องสูงเช่นกันถึงจะเข้าได้ เขาดันไม่มีความสามารถอะไรนอกจากหน้าตา...  "หน้าตา!! ใช่แล้ว ฉันยังมีหน้าตาเป็นอาวุธ!" อยู่ดีไม่ว่าดี มาร์คก็โพล่งสิ่งที่คิดในใจออกมาจนจูเนียร์ตกใจ

            "อะไรของนาย หน้าตาอะไร?" จูเนียร์ถามคิ้วขมวด ต่างจากมาร์คที่เหมือนมีความคิดอะไรบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว ริมฝีปากยิ้มอย่างมีความสุข

           "ความสามารถฉันไม่มีสักอย่างไง! แต่ฉันดันมีหน้าตาเป็นอาวุธ งั้นฉันว่าลองไปแคสพรีเซนเตอร์โฆษณาสักรอบกับคุณลุง ฉันต้องดังแล้วที่โรงเรียน X ก็จะรับฉันเพราะคิดว่าฉันมีความสามารถในการแสดงไง!" มาร์คเพ้อความฝันพรรณาจนจูเนียร์เอือมในความหลงตัวเองว่าตัวเองสามารถดังได้เพียงคนเห็นในโฆษณา ใครมันจะไปสามารถดังได้ในเวลาแปปเดียวขนาดนั้น ฝันไปรึเปล่า?...

           ...แต่มาร์คก็สามารถทำมันได้จริงๆ

          โฆษณาอาหารแช่แข็งของคุณลุงของมาร์คสามารถทำเขาดังได้ในชั่วข้ามคืน เพียงเพราะมีคนๆนึงแคปหน้าจอตอนมาร์คโผล่มาแล้วตั้งเป็นกระทู้ในโซเชี่ยล มาร์คเป็นที่พูดถึงในโซเชี่ยลจนโรงเรียนรับเข้าโรงเรียนเพราะเข้าใจว่ามาร์คมีความสามารถในการแสดงและสามารถทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียงได้อย่างที่มาร์คว่าจริงๆ คิดแล้วจูเนียร์ก็ไม่รู้อะไรแล้ว มาร์คเป็นญาติกับพีชเหรอ!? ทำไมรู้เรื่องตัวเองได้เป๊ะแบบนี้!? ไอ้ที่เพ้อๆมาดันเกิดขึ้นจริงเนี่ยเสียด้วยสิ!! เขาละอยากจะบ้าตาย!

          "เป็นไงล่ะ? ในที่สุดก็เป็นตามที่ฉันคิดไว้" มาร์คยิ้มเยาะเย้ยจูเนียร์อย่างหมั่นไส้ที่หน้าบอร์ดประกาศคนสอบติดโรงเรียน X จูเนียร์กัดฟันกรอด นึกหมั่นไส้ไอ้คนที่ยืนกอดอกอ่านชื่อตัวเองพร้อมกับหัวข้อด้านบนวนไปวนมาให้เขาฟัง ทั้งจะดีใจที่ติดโรงเรียนเดียวกัน ทั้งจะหมั่นไส้ อยากบิดหูให้ขาดจริงๆ!

           "น่าหมั่นไส้!" ปากพูดแบบนั้นแต่ริมฝีปากกลับยกยิ้มด้วยความยินดี มาร์คเหลือบตาไปมองก็ยกยิ้มตาม แขนยาวเอื้อมไปกอดไหล่แล้วซุกหน้าเขา้ใส่ไหล่บางอย่างไม่นึกอายประชาชนคนอื่น จูเนียร์ถอนหายใจทั้งที่หน้ายังแดงๆ แล้วแกะมือของมาร์คออก

          "อย่ามาโล่งแจ้งมากนักสิ!" มาร์คและจูเนียร์หันมาสบตากันแล้วยิ้มให้กันด้วยรอยยิ้มสดใส อนาคตที่มีความสุขของพวกเขาอยูาเพียงตรงหน้าแล้ว...

           ...ผ่านพ้นไปประมาณ 2 ปี ความรักของเขาทั้งสองยังดำเนินแบบที่ไม่มีใครรู้ มาร์คและจูเนียร์เองก็สบายใจที่ไม่มีใครรู้ แม้แต่พ่อแม่หรือญาติทั้ง 2 ฝ่าย พวกเขามีความสุขกันดี 

           หากแต่วันหนึ่งจูเนียร์ไม่ดันได้ยินสิ่งที่ผู้ใหญ่ทะเลาะกันเสียงดัง..

           "คุณปาร์ค! ผมบอกแล้วไงว่าอย่าให้พนักงานฝ่ายคุณนำเรื่องลับไปบอกซี้ซั้ว! มันรอบที่เท่าไหร่แล้ว?!" จูเนียร์หยุดเดินเมื่อได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมาจากห้องทำงานของผู้บริหารทั้ง 2 ตระกูล ประตูที่เกิดแง้มๆไว้มันทำให้เขาพอจะได้ยินเสียงที่ผู้ใหญ่คุยกัน

           "คุณต้วน ดิฉันขออภัยจริงๆค่- " 

           "มันรอบที่ 3 แล้วคุณปาร์ค! คุณขอโทษรอบที่ 3 แล้ว ในส่วนของหุ้นมันลดลงเพราะพนักงานของฝ่ายคุณเอาความลับไปเล่าต่อ แทนที่คุณจะมาขอโทษผมแบบนี้ ทำไมไม่เอาเวลาไปบริหารจัดการกฏหนักๆเข้มงวดให้ลูกน้องของคุณเลิกเอาไปเล่าต่อ?!" เสียงทุ่มใหญ่เอ่ยขัดเสียงหวานที่สั่นเทิ้ม หากจูเนียร์คาดไม่ผิด แม่ของเขากำลังร้องไห้ ไม่ก็กำลังจะร้องไห้อยู่เต็มทนแล้วแน่ๆ...

           "ลินเบย์ ใจเย็นๆสิคะ" เสียงหวานแต่ทุ่มกว่าของแม่ของเขาเล็กน้อยพยายามเข้าปลอบให้ผู้เป็นสามีใจเย็นๆ "เราร่วมหุ้นกันมานาน อย่าให้มาแตกหักกันเพราะเรื่องแค่นี้เลยนะคะ"

           "แค่นี้? หุ้นตกลงขนาดนี้ยังจะเรียกแค่นี้เหรอคุณ?! ผมลงทุนกับหุ้นครั้งนี้ไปแค่ไหน? ไปเกือบ 70% ของเงินที่ผมมี! ผมเกือบล้มละลายเพราะคุณ เพราะลูกน้องคุณ" ลินเบย์เถียงเสียงแข็ง อารมณ์โมโหมันขมุกขมัวจนเสียเขาก็ห้ามตัวเองไม่ได้ เขาลงทุนมาเยอะแล้ว ตอนนี้มันเดือดเสียจนไม่สามารถห้ามตัวเองได้อีกแล้ว

           จูเนียร์ที่แอบยืนฟังอยู่เงียบๆ แทบอยากจะร้องไห้ไปกับแม่ตัวเอง เสียงอ่อนหวานที่คอยปลอบประโลมเขากำลังสั่นเครือ 

            "ผมคิดแล้วว่าต้องมีรอบ 3 มาอีก..." เขาเว้นวรรคไว้ช่วงหนึ่ง

            "ผมเลยมีแผนสำรองของผมเช่นเดียวกัน" คุณปาร์คตาตื่นในสีหน้าค้าง และไม่อยากจะเชื่อสิ่งลินเบย์ได้พูดออกมา แน่นอนว่าเธอเข้าใจความหมายมันดี

            "คุณคงจะไม่-"

            "ครับ ตอนนี้ผมมีหุ้นส่วนใหม่ที่ติดต่อกันมาได้สักพักแล้ว" ไม่ทันที่คุณปาร์คจะพูดจบ ลินเบย์ก็เอ่ยสวนขึ้นมา จูเนียร์ที่ยังคงแอบฟังอยู่นั้น ฉลาดพอจะจับใจความทั้งหมดได้ ความหวังที่เขาจะได้อยู่กับมาร์คต่อไปมันก็หายไปหมด สมองด้านในว่างเปล่า เสียงใดๆก็ไม่ได้ยินอีกต่อไป เหม่อลอยจนกระทั่งได้ยินเสียงเปิดประตู บุคคลที่อยู่ตรงหน้าคือแม่ของเขา ใบหน้าหวานบัดนี้มันกลับเปื้อนไปด้วยรอยน้ำตา จมูกแดงก่ำ 

            "ม- แม่ฮะ.."

            "ได้ยินแล้วเหรอ? ไว้ไป ฮึก! คุยที่ห้องนะจูเนียร์" รอยยิ้มของแม่ยังคงมิจางหายแม้จะเศร้า เธอพยายามแสดงว่าเธอไม่ได้รู้สึกใดๆด้วยการฝืนยิ้มฝืดๆทั้งรอยน้ำตา รู้ทั้งรู้แล้วว่าจูเนียร์เป็นเด็กที่ฉลาดและสามารถเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้เกินกว่าเด็กอายุ 15 จะสามารถเข้าใจ

            คุณปาร์คจับมือบางไปตามทางห้องที่ลินเบย์เคยจัดไว้ให้ ร่างบางยังคงที่สีหน้านิ่งโดยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ จนกระทั่งถึงห้องที่ลินเบย์เคยจัดไว้ให้ คุณปาร์คพาลูกของตนไปนั่งบนเตียง เธอปาดรอยน้ำตาออกลวกๆแล้วเริ่มเปิดปากคุยกับลูกหลังเกิดความเงียบเขาปกคลุม

             "ได้ยินหรือจับใจความได้ว่ายังไงครับจูเนียร์?" เธอยืนมองหน้าลูกชายที่ก้มหน้าไม่ยอมเงยขึ้นมา ก่อนที่เธอจะเริ่มถามใหม่ เสียงของจูเนียร์ก็เขามาตัดก่อน เธอจึงเงียบลง

             "ทีมงานเราเอาความลับไปบอกมั่ว คุณลินเบย์เลยโมโห ผมคิดว่าเขาอาจจะ... ไม่เป็นหุ้นส่วนกับเราแล้ว แม่ครับ เราจะล้มละลายมั้ย? เรามีฐานอะไรหรือเปล่าครับแม่?" ภายในน้ำเสียงสดใสกลับเต็มไปด้วยความเศร้า น่าแปลกที่จูเนียร์

             "นี่แหละสิ่งที่แม่จะบอก เขา.. คุณลินเบย์เขาจะยกเลิก ฮึก! สัญญาธุรกิจกับเราแล้ว แต่หนูไม่ต้องห่วงนะ เราจะย้ายไปที่ไทยกัน ตายายรออยู่" เธอพูดทั้งรอยยิ้มเพื่อปลอบใจลูกและตัวเธอเอง

             "แล้ว.. เรื่องการเรียนผมล่ะ? ผมพึ่ง ม.3 เองนะ.." 

              "ขนาดที่นี่หนูยังเก่งขนาดนี้ ที่ไทยจะขนาดไหน อ่า เพิ่งเปิดเทอมเองนี่ที่นั่น ยายเขาจัดโรงเรียนอะไรไว้แล้ว เรียนโรงเรียนที่แม่เคยเรียนน่ะ แต่ยายสมัครไว้ให้หนูว่าหนู ม.4 นี่สิ หนูคงต้องเรียนข้ามชั้นไป 1 ปี ได้ใช่มั้ยลูก?"

              "ถ้าแม่จัดการไว้ขนาดนั้นแล้ว... ผมจะต้องไม่เป็นไรครับ ผมจะเอาความรู้ทั้งหมดของผมเอาตัวรอดเอง ผมต้องไม่เป็นไร..." ประโยคหลังจูเนียร์เอ่ยเสียงค่อยเชิงให้กำลังใจตัวเองถึงอุปสรรค์ที่อยู่ตรงหน้า  "เราจะย้ายกันตอนไหนครับ?"

              "คืนนี้.. อีก 3 ชั่วโมงข้างหน้า" จูเนียร์ตกใจที่เวลามันกระชั้นชิดขนาดนี้ เหมือนสิ่งที่คุณลินเบย์จัดไว้มันเตรียมการล่วงหน้าไว้แล้ว เหมือนตั้งใจจะให้ครอบครัวของพวกเขาย้ายนานแล้ว ทำไมกัน?.. ทำไมเขาถึงทำแบบนี้?... "แต่เราจะต้องเตรียมตัวละออกจากที่นี่เสัยตอนนี้.. ตอนนี้ อึก! เขาไม่อยากให้เราอยู่แล้ว.." 

            วันนี้มีเรื่องให้จูเนียร์ช็อคหลายครั้งมาก และยิ่งกว่านั้นคือเรื่องล่าสุด มันต้องจากลาเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ? เขาต้องแยกจากมาร์คเพราะธุรกิจทางครอบครัวเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?...

             "มาร์ค.. มาร์คละครับ?" จูเนียร์พยายามคุมเสียงไม่ให้สั่น แค่คิดถึงคนที่เขารักตอนนี้ น้ำตาก็มารื่ออยู่เพียงขอบตาเขาแล้ว 

             "คิดว่าน่าจะไปเข้าชมรมอยู่จ๊ะ จะลากันเหรอ?"

             "อ่า ครับ แต่ช่างมันเถอะ ฮ่ะๆ" จูเนียร์หัวเราะด้วยเสียงขมขื่น เป็นเสียงหัวเราะที่กลบเกลื่อนความรู้สึกที่อยู่ในใจตอนนี้

             มันคงดีละมั้ง.. หากก่อนจากไปเจอกันจริงๆ คงตัดใจจะลาจากยากแย่ เขาไม่อยากจากด้วยรอยน้ำตา อยากจากด้วยรอยยิ้ม แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ แน่สิ คนรักจะจากคงจะยิ้มแล้วโบกมือลาให้กันหรอก

            คิดแล้วมันก็น่าใจหาย มันไม่ถึงจุดจบของความรักเร็วขนาดนี้ และจุดจบเป็นต้นเหตุมาจากธุรกิจของผู้ใหญ่ที่เราแทบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องเลย 
     
           แม้ในความจริงเขาสามารถที่จะแอบติดต่อกันได้ แต่เขาเองก็ไม่อยากทำอะไรที่ทำให้ครอบครัวลำบากใจ อ่า ครอบครัวเราทั้งคู่มีปัญหากันนี่เนาะ คิดแล้วน้ำตาที่เพิ่งเหือดไปเมื่อกี้ก็กลับมารื้อที่ขอบตาอีกครั้ง 

           "ไปกันเถอะลูก ถึงเวลาแล้ว" ไม่รู้นานเท่าไหร่ที่เขาทิ้งตัวเองให้อยู่กับห้วงความคิด จนเมื่อคุณปาร์คมาเรียก เขาจึงค่อยๆดึงตัวเองจากห่วงความคิด ยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาลวกๆ แล้วดันตัวขึ้นจากที่นอน ก่อนที่ปลายเท้าจะแตะพื้นนอกเขตห้องนี้แล้ว เขาก็หันกลับไปมองอีกครั้งที่สายตาเศร้าหมอง

           คงถึงเวลาแล้วที่เขาต้องลาจากกับมาร์คต้วนแบบไม่มีคำลา การจากลาที่ไม่ได้เตรียมใจ

            ลาก่อนนะ... มาร์ค ต้วน ที่รักของจูเนียร์

           การจากลาในครั้งนี้ ยังติดอยู่ในความทรงจำของเขาทั้ง 2 อย่างไม่สามารถลืมเลือน 

           ....รักแรกของมาร์คและจูเนียร์

    110 %
    #ฟิคแบมแว่น
    Loading for 40 %
    [ Plz อ่านทอล์คด้วยนะก๊ะ :) ] 

              กลับมาในพาร์ทปัจจุบัน ผมก็ถูกส่งเข้ามาเรียนที่ไทยตอน ม.4 โดยไม่รู้ว่าจูเนียร์เรียนที่นี่ ตั้งแต่ที่ต่างประเทศแล้ว ผมทำตัวเสเพล ไม่ตั้งใจเรียนหลังจากรู้เรื่องจูเนียร์ถูกย้ายไปที่ไหนที่ตอนแรกผมยังไม่รู้ ผมมีเพื่อนแท้ๆที่เข้าใจผมมาตลอดตั้งแต่ม.ต้นคือแจ็คสัน มันคอยอยู่ข้างๆผมมาตลอดทั้งตอนที่ผมเก็บตัวอยู่ในห้อง ไม่ยอมไปเรียน หรือตอนที่ผมเสพสมกับพวกผู้หญิงราคาถูกที่ยอมถวายตัวให้ผม

              จนผมถูกแม่บังคับให้ย้ายมาที่ไทยพร้อมธุรกิจสาขาไทยให้ผมหัดรับผิดชอบตั้งแต่ ม.4 แน่นอนว่าผมยังไม่สามารถรับผิดชอบธุรกิจได้ ผมยังเด็กเกินไป รวมทั้งนิสัยเสเพลที่ผมทำจนติดนิสัยจากที่อเมริกา ผมมักคลุกคลีกับผับบาร์ น้ำสีอำพันผ่านการปรุงแต่งที่มักทำผมขาดสติ และพวกผู้หญิงที่มาหาผมให้ผมได้ลิ้มลองถึงที่ ผมทำมันตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 15 แต่ด้วยความที่ทางบ้านผมนั้นมีเงินมากมายพอที่จะยัดเงินปิดปากตำรวจได้ และอำนาจมืด ทำให้เรื่องไม่บานปลาย ในส่วนของเรื่องชื่อเสียงผมที่นั่น มันก็เพลาๆลงจนแทบไม่เป็นที่พูดถึง แต่หากเห็นหน้าผมก็ได้จะจำได้ 

              ผมที่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจูเนียร์เรียนที่นี่ รู้เพียงแค่ว่าเรียนที่ไทยเท่านั้น จนเมื่อผมมารู้จักกับพี่แบมแบม มันเหมือนฟ้าลิขิตให้เป็นแบบนั้น ทุกอย่างมันดูเป็นการบังเอิญแบบไม่น่าเชื่อ เหมือนฟ้ากำลังกลั่นแกล้งผม หรือมันคือผลจากการที่ผมทำตัวเสเพลอย่างนั้นหรอ? 

              สิ่งที่ผมไม่อยากให้มันเกิดมันก็เกิด ตอนนี้ผมกำลังทำให้คนที่พลิกชีวิตผมจากจุดต่ำต้อยสู่จุดสว่างเสียใจ และต้นเหตุมันก็คือผมเอง 

              ไม่ใช่ว่าผมกำลังโลเลอะไร ตอนนี้ความรู้สึกของผมมันเปลี่ยนไปหมดแล้วหลังจากเจอพี่แบมแบม ผมแค่กำลังตกใจเกินไป คนที่ผมเคยรักเมื่อก่อนมาอยู่ตรงหน้าผม มันคือสิ่งที่ไม่คาดฝันเพราะผมไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่หากจะบอกว่าผมไม่ดีใจเลยก็ไม่ใช่ ผมดีใจที่รู้ว่าเขายังสบายดีเหมือนเดิม ไม่ได้เดือดร้อนอะไร อย่างน้อยเขาก็เคยเป็นหนึ่งในความสุขในชีวิตของผม แต่ผมคงไม่กลับไปรักเขาแล้วล่ะ แค่รู้ว่าเขายังสบายดี ผมก็โอเคแล้ว ตอนนี้ใจของผมมันเทให้คนตัวเล็กหมดแล้ว 

              และผมสัญญาว่าผมจะไม่ทำให้เขาเสียใจอีก

             แต่สิ่งที่ผมทำลงไป ผมก็รู้สึกว่ามันเป็นการแสดงออกคล้ายๆว่าผมยังคนึงหาถึงเขาอยู่ แต่ไม่เลย อย่างที่กล่าวไป ผมแค่ตกใจ ความหลังในหัวมันหลั่งไหลเข้ามาจนแทบตั้งตัวไม่ได้ จากที่ผมไม่ค่อยคิดถึงเรื่องของเขากับผม ตอนเจอกันมันกลับพรั่งพรูเข้ามา และที่วิ่งออกไป เพราะผมแค่ต้องการที่จะประคับประคองสติตัวเองเท่านั้น หากว่าผมดีใจจนโผเข้าไปกอดจูเนียร์ขึ้นมาล่ะ? มันเหมือนกับผมยังรักเขาสิ 

              ผมคิดว่าสิ่งผมควรทำมากที่สุดตอนนี้คือปรับความเข้าใจกับพี่แบมแบม และเล่าเรื่องราวทุกอย่างให้พี่เขาฟังซะ ทั้งผมจะได้สบายใจ และรวมถึงพี่เขาจะได้ไม่มีอะไรติดค้างในหัว แม้มันจะไม่ใช่สิ่งที่น่านึกถึงเท่าไหร่ก็ตามที

              หลังจากที่ผมทบทวนและวางแผนว่าจะทำอะไรต่อไปแล้ว ขาของผมเริ่มก้าวไปทางที่คิดว่าคนตัวเล็กของผมน่าจะไป มันคงไม่พ้นป้ายรถเมย์ไม่ก็ร้านไอศกรีมเปิดใหม่ที่นัดไว้นั่นแหละ

              สายตาของผมกวาดมงภายในร้านหลังจากเดินมาถึงแล้ว บรรยากาศที่มืดลงทำให้ร้านจำเป็นต้องเปิดไฟ ช่วยให้ผมมองเห็นได้ง่ายขึ้น ผมไม่พบคนที่ผมตามหา แต่กลับพบแจ็คสัน จูเนียร์ พี่ยูคยอม และพี่ยองแจยังนั่งอยู่ที่เดิม สายตาของแจ็คสันและพวกเพื่อนพี่แบมเหมือนกำลังคาดเค้นอะไรสักอย่างจากจูเนียร์ที่นั่งเดี่ยวๆตรงข้ามอยู่ บรรยากาศมาคุลอยมาไกลจนผมนึกขนลุกแทน

              แต่สิ่งที่ผมต้องทำตอนนี้ไม่ใช่เข้าไปร่วม แต่ต้องตามหาพี่แบมแบมของผม 

              ผมวิ่งกึ่งเดินจนมาถึงป้ารถเมย์ที่ห่างจากร้านไม่มาก ก็ยกยิ้มขึ้นมา เพราะคนที่ผมกำลังตามหาอยู่กำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้าที่ประดับไปด้วยดวงจันทร์และดวงดาวบางตา

              อยู่ดีๆเขาก็ถอนหายใจอยู่คนเดียวเฮือกใหญ่ แล้วยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา ผมที่ได้เพียงจ้องมองเขาอยู่ที่ข้างๆไกลๆ ยิ่งเห็นว่าทำให้คนที่ผมกำลังรักตอนนี้ลำบากใจแค่ไหน ก็ยิ่งรู้สึกบีบที่หัวใจตัวเองมากเท่านั้น

              ผมตัดสินใจเดินเข้าไปหา ก่อนจะกอดจากทางด้านหลังจนคนตัวเล็กสะดุ้งโหยง เมื่อพี่แบมแบมที่ดูเหมือนจะตั้งสติได้แล้วก็ถอนหายออกมาอีกครั้งเฮือกใหญ่ แล้วพูดทั้งๆที่ยังไม่หันกลับมามองผมเลยสักนิด

              "พร้อมเล่าแล้วรึไงมาแบบนี้?"

              "ผมไม่อยากให้พี่ลำบากใจ ผมเองก็อยากสบายใจด้วย ผม.. ไม่อยากมีความลับอะไรกับพี่" ผมพูดกระซิบที่ข้างใบหู และผมสังเกตุได้ว่าพี่แบมแบมตัวสั่นขึ้นมาอยู่แว๊บนึง

              "น้องยังไม่พร้อม แต่ตอนนี้พี่คาใจอยู่คำถามเดียว.. ถามได้มั้ย?" พี่แบมแบมเอ่ยประโยคหลังเสียงเบา ก่อนผมจะเอ่ยรับ

              "คำถามไหนก็ถามมาเลย ผมว่าผมพร้อมแล้ว ผมไม่อยากทำให้พี่เสียใจอีก... พี่จะถามอีกสักกี่คำถามก็ถามมาเถอะ ถ้ามันจะทำให้พี่สบายใจขึ้นมาได้" และผมเองก็คิดว่าผมพอเดาคำถามของพี่แบมแบมได้แล้ว มันคงจะเป็นคำถามเมื่อตอนนั้น ที่พี่แบมกำลังจะถาม แต่ผมดันพูดสวนขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกปนกับความคิดของผม ณ ตอนนั้น

              "..กับจินยอง.. เป็นอะไรกัน?" มันคือคำถามนี้จริงๆเสียด้วยสินะ

              "แฟนเก่า... ผมกับจูเนียร์เคยเป็นแฟนกันเมื่อตอนอยู่อเมริกา" ผมอธิบายคร่าวๆบนประโยคที่กล่าวไปเมื่อครู่ พี่แบมแบมดูนิ่งลง ผมจึงค่อยๆคลายแบ็กฮัก แต่แล้วผมก็ชะงักลงเมื่อพี่แบมแบมจับมือของผมที่กำลังคลายออก 

              "ขออยู่แบบนี้สักพักก่อนได้มั้ย?" ผมไม่ตอบและกอดแน่นกว่าเดิม แต่ไม่ใช่กอดที่ทำให้อึดอัด บรรยากาศตอนนี้มันจะว่าอึดอัดเลยก็ไม่ใช่ มันเงียบ.. เงียบเสียจนผมไม่รู้จะเริ่มอย่างไรดี?

              "คือมันเริ่มจากตอนนั้- " เมื่อผมกำลังอธิบาย พี่แบมแบมก็ใช้มือข้างนึงมาป้องปากไว้ พร้อมกับส่ายหัวเบาๆไปมา

              "ไว้ค่อยคุยทีเดียว ตอนนี้ยังไม่ต้องหรอก" พูดจบพี่แบมแบมก็ยิ้มออกมา เป็นยิ้มเฝื่อนๆที่ดูยังไงก็รู้ว่าฝืน คงมีเรื่องในใจเยอะมากสินะ 

              "ผมขอโทษ.." ผมพูดเสียงค่อย

              "เรื่องอะไรล่ะ?.. อ่า รถสายที่ผ่านหน้าบ้านพี่มาละ ไปละนะ" พี่แบมแบมจับมือที่กำลังโอบจากด้านหลังลง แล้วเดินขึ้นรถเมย์โดยที่ไม่หันมามองผมเลยสักนิด...

    - The End 'Chapter 9 : ความหลัง ' -

     
    - Talk with writer -

      1/3
      วันนี้จะมาแบบย้อนความ งื้อ อย่าเพิ่งเบื่อกันนะค้า 
    อยากให้รู้ความหลังก่อน ทำไมมาร์คถึงยังจำ
    รอบหน้ามาแบบ 50 % แต่ยังเป็นความหลังอยู่
    อยากให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมมาร์คไม่ลืมสักทีน้า
    อย่าเพิ่งเบื่อน้า ขอนิดเดียวจริงๆค่าา :)
    อีก 50 % ที่เหลือจะง้อและปรับความเข้าใจกันนะค้า งื้ออ 
    เม้นให้โหน่ย สกรีมให้ก็โล้ย แท็กเงียบเหงามร๊วก ;--;
    ไปแล่ว ดองงานเพียบ55555
     
       2/3
        ได้รู้แล้วสินะ ว่ามาร์คทำไมดัง
    มันเริ่มมาจากจินยอง(อีกแล้ว?)555
    ทำไมจูเนียร์อายุเท่ามาร์คแต่อยู่ม.มากกว่า
    คอมเม้นแอบหาย มาหน่อยจิ55555
    สกรีมโล้ย คิดถึงสกรีมมะๆโลย รออยู่น้า
    ต้องการดูฟีดแบ้คแรงๆเลยยย 
    พยายามย่อตอนย้อนความแล้ว กลัวเบื่อกัน
    มันเลยดูตัดสั้นแปลกๆช้ะมะ? มันแบบ ตัดมาฉากนี้
    แปปๆ อ่าว ฉากต่อมาเลย ฮ่าา ขอโทษนะค้า
    พยายามไม่ให้แปลก เรื่องอินตามพาร์ท
    ย้อนความนี่ไม่ต้องพูดถึง... เอาเป็นว่าเอาแค่รู้พอเนาะ5555
    กลัวเบื่อกันก่อน 50% ที่เหลือ มาร์คแบมคัมแบค
    นะเว่ยยย อย่าลืมมาอ่าน555555 รอฟีดแบคอยู่น้าา
    สงสัยอะไรถามได้ จะพยายามใส่เนื้อเรื่องและความสงสัย
    ให้หมดนะคะ งื้ออ

    3/3
         ขอโทษค่ะที่ย้อนความมันเกิน 50% อย่างที่คาดไว้ TT
    และขอบคุณคุณ @mm_mint2545 มากน้าที่งงแล้วเมนชั่นไปหา
    เชื่อว่าหลายๆคนก็งง มาๆ มาอ่านสรุป 70% กัน



    งงตรงไหนเมนชั่นไปหาเลย ไม่กัด ไม่เชื่อถามคุณ @mm_mint2545 เลย5555
    ไม่ด่า จะอธิบายเลย ไม่ก็ถามในเม้นเลยค้า อาจจะมาตอบในทอล์คเพื่อให้ทราบทุกคน
    เพราะเชื่อว่าสิ่งที่คุณสงสัยมันคือสิ่งที่คนอื่นก็สงสัยแต่ไม่กล้าถามเหมือนกัน555555
    หลังจากนี้ก็ไม่มีอะไรมาก แค่จะบอกว่า..
    ดราม่าแปปเดียว อ่าวเห้ย คนเฟบไปไหน5555555
    คนอ่านเยอะมาก(สำหรับเรา) ขอบคุณมากๆค่าา //กราบ
    ฝากคอมเม้นและสกรีมด้วยน้าา แท็กเงียบเหงาเราจะร้องไห้55555

       300916 :: มาอีดิทชื่อตอน + คำผิด นะค้า ♥
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×