ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Dragon Ball]เกิดใหม่เป็นพี่ชายของโงกุน

    ลำดับตอนที่ #2 : เกิดใหม่

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ค. 67


    ณ เมืองหนึ่งในประเทศ J ช่วงเวลากลางดึก

       มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีผมสำดำและสวมเชิร์ตแขนยาวสีขาวกางเกงขายามสีดำกำลังเดินไปมาราวกับคนไม่มีสติ ชายหนุ่มมีชื่อว่าเรโอะ เขาเป็นพนักงานบริษัทที่โหมงานหนักติดต่อกันหลายวันจนหมดสภาพ เรโอะนั้นเพิ่งจะเคลียงานเสร็จและกำลังเดินกลับบ้านไปพักผ่อน

       แต่ทว่าด้วยสติที่ไม่ครบถ้วนทำให้เรโอะนั้นเดินไปยังจุดที่ไม่ควรจะเดินไป ซึ่งเรโอะได้เดินไปยังกลางสี่แยก ทำให้รถบรรทุกที่ขับมาด้วยความเร็วพุ่งชนเขา จนทำให้เรโอะนั้นกระเด็นไปไกลถึงสามร้อยเมตรทำให้เขาตายในทันที

     

     

    ณ อวกาศที่กว้างใหญ่

       มียานอวากาศทรงกลมสีขาวกำลังพุ่งไปยังทิศทางหนึ่ง และในยานนั้นก็มีทารกน้อยกำลังนอนหลับอยู่ ซึ่งก็คือคาลอสชาวเอนเลสคนสุดท้ายนั่นเอง ยานที่พุ่งมาด้วยความเร็วจู่ๆก็เริ่มทำการวาร์ปเพื่อเดินทางไปยังดาวดวงหนึ่งที่อยู่ห่างหลายล้านปีแสง

       ผ่านไม่นานยานก็ได้บินมาถึงระบบสรุิยะแห่งหนึ่ง ซึ่งมีดาวเคราะห์อยู่ไม่กี่ดวงที่กำลังโคจรรอบดวงอาทิตย์ บานสีขาวได้พุ่งตรงไปยังดาวสีฟ้าดวงหนึ่งที่มีชื่อว่าโลก เมื่อเข้ามาใช้ชั้นบรรยากาศตัวยานก็ได้ลดความเร็วลง จากนั้นตัวยานก็ได้พุ่งไปยังหุบเขาแห่งหนึ่งในป่าลึก

     

     

    ณ กระท่อมเล็กๆแห่งหนึ่งในหุบเขา

       มีชายชราคนหนึ่งอาศัยอยู่ในกระท่อม ซึ่งวันนี้นั้นเป็นเวลาที่ชายชราจะออกไปหาอาหารภายในป่า เมื่อเดินเข้าป่ามาสักพัก ชายชราก็สังเกตเห็นบางอย่างที่พุ่งไปยังทิศทางที่ชายชราเพิ่งจะเดินผ่านมา ชายชราที่กลัวว่านั่นจะเป็นอุกกาบาตเขาจึงรีบวิ่งไปยังทิศนั้นทันที

       แม้เขาจะเป็นชายชราแต่ก็ไม่อ่อนแอแม้แต่น้อย เขาวิ่งไปยังทิศทางที่อุกกาบาตด้วยความเร็วจนน่าตกใจ เมื่อใกล้จะออกจากป่าเขาก็พบต้นไม้ที่หักล้มมากมาย และรอยทางของบางอย่างที่ไถลไปยังทิศทางบ้านของเขา ชายชรารีบวิ่งตามเส้นทางไปเรื่อยๆจนผมกับวัตถุประหลาดทรงกลมที่ไถลมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของเขา ชายชราถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เพราะเขากลัวว่าเจ้าสิ่งนั้นจะพุ่งมาชนเขาเสียแล้ว

     

       ชายชราได้เดินเข้าดูวัตถุประหลาดที่ตกลงมาจากฟ้า ชายชราที่กำลังสำรวจดูอยู่นั้น จู่ๆประตูของยานก็เปิดออกเผยให้เห็นแคปซูลที่มีทารกนอนอยู่ข้างในพร้อมกับกล่องโลหะเล็กๆที่ตั้งอยู่ข้างๆกับแคปซูล ชายชราที่เห็นว่ามีทารกอยู่ด้านในเขาจึงค่อยๆนำมือของตนไปและยกแคปซูลที่มีทารกออกมา

       จากนั้นชายชราก็ได้นำแคปซูลเข้าไปในกระท่อมของตน ชายชราวางแคปซูลไว้บนโต๊ะ เขาไม่รู้ว่าจะเอาเด็กทารกออกมาได้ยังไง แต่ในขณะที่เขากำลังคิดอยู่นั้น เขาก็ได้สังเกตเห็นปุ่มสีเขียวที่อยู่ตรงแคปซูล ชายชราจึงได้ทำการกดปุ่มนั้นไป จากนั้นฝาแคปซูลก็ค่อยๆเปิดออกเผยให้เห็นทารกที่กำลังนอนหลับอยู่ซึ่งเด็กคนนี้ก็คือคาลอสนั่นเอง ชายชราที่เห็นแบบนั้นเขาจึงได้อุ้มทารกขึ้นมา

    “เป็นเด็กที่น่ารักจริงๆ”

     

     

       ไม่นานหลังจากนั้นคาลอสก็ได้ลืมตาขึ้นมา ชายชราที่อุ้มกำลังอุ้มคาลอสนั้นก็ได้ยิ้มออกมาก่อนจะพูดแนะนำตัวเองให้คาลอสฟังแม้ทารกตรงหน้าจะไม่เข้าใจก็ตาม แต่ทว่าวิญญาณของทารกนั้นเป็นวิญญาณที่มาเกิดใหม่และยังมีความทรงจำจากชาติก่อนอยู่เลยทำให้ทารกน้อยนั้นเข้าใจที่ชายชราพูดได้ทุกอย่าง

    “ข้าชื่อซุนโกฮังนะหนูน้อย”

    ‘ห๊ะ! อะไรฟะเนี่ย!!?’

    “จากนี้ไปเธอชื่อโกคินะ ซุน โกคิ”

    ‘ดะ..เดี๋ยวนะ รู้สึกว่าฉันจะโดนรถชนตายนี่หว่า นี่ฉันมาเกิดใหม่เหรอเนี่ย ว่าแต่ซุนโกฮังเหรอ มะ..ไม่หรอกมั้ง’

     

    แปดปีผ่านไป

       บนยอดเขาแห่งหนึ่งมีเด็กชายคนหนึ่งที่มีผมสีขาวราวกับหิมะกำลังนั่งสมาธิอยู่ ไม่นานเด็กชายก็ได้ลืมตาขึ้นพาเผยให้เห็นนัยน์ตาสีอำพันที่ส่องประกาย

    “เฮ้อ..ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเราได้มาเกิดที่โลกนี้จริงๆ”

       เด็กชายคนนี้มีชื่อว่าโกคิ ซึ่งเป็นผู้เกิดใหม่ เมื่อสามปีก่อนตัวเขาก็ได้รับรู้ว่าตนนั้นได้มาเกิดในโลกที่โครตอันตรายสุดๆ นั่นก็คือโลกดราก้อนบอล ซึ่งเป็นอนิเมะที่เขาชอบดูมากเมื่อตอนเด็ก จนวัยทำงานเขาก็ยังดูอยู่ แต่เขาก็ไม่คิดว่าตัวเขาจะมาเกิดใหม่ที่โลกนี้ สาเหตุที่เขารู้ได้นั้นก็เพราะปู่ของเขาหรือซุนโกฮังเล่าให้ฟังและพาเขาเข้าเมืองไปด้วย 

       แล้วตอนนี้เขาก็มั่นใจแล้วว่าตนเองเกิดก่อนพระเอกของเรื่อง ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องดีที่เขาจะได้มีเวลาฝึกฝนเพื่อเอาตัวรอด ซึ่งที่เขาขึ้นมานั่งสมาธิบนนี้ก็เพื่อกลั่นพลังงานธรรมชาติที่เรียกว่า คิ ซึ่งเป็นพลังที่คนในจักรวาลนี้ใช้กันเพื่อต่อสู้นั่นเอง ซึ่งตามคำบอกเล่าของโกฮังระดับของผู้ใช้พลังคินั้นก็มีอยู่สี่ระดับและแต่ละระดับจะแบ่งออกเป็นสามขั้นได้แก่ ขั้นต้น ข้นกลางและขั้นสูง

       แต่โกคิเชื่อว่านี่ไม่ใช่ระดับพลังทั้งหมดแน่นอน แต่มันเป็นระดับที่มนุษย์รับรู้และสามารถไปถึงได้ก็เท่านั้น และตอนนี้นั้นโกคิก็อยู่ระดับผู้เชี่ยวชาญขั้นต้น ด้วยความพิเศษของร่างกายเขาที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าเด็กทั่วไปหลายเท่าและร่างกายที่สามารถดูดซับพลังคิในปริมาณน้อยได้ตลอดเวลา ซึ่งทำให้การเข้าชาญของเขาไม่ใช่การดูดซับพลังคิ แต่เป็นการกลั่นให้บริสุทธิ์แทน

     

     

       เมื่อกลั่นพลังเสร็จ โกคิก็รีบตรงกลับไปยังกระท่อมที่เขาอาศัยอยู่กับปู่ เมื่อมาถึงเขาก็เห็นปู่ของเขากำลังอุ้มเด็กคนหนึ่งที่กำลังหลับอยู่มาที่กระท่อม ซึ่งโกคิที่เห็นแบบนั้นเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กคนนั้นคือบุตรแห่งโชคชะตาของจักรวาลนี้ ซุน โงกุน

     

    “กลับมาแล้วเหรอปู่ แล้วเด็กคนนั้นคือ?”โกคิแสร้งทำเป็นไม่รู้และถามปู่ของเขา

    “ข้ากลับมาแล้ว ส่วนเด็กคนนี้ข้าไปเจอเขาถูกทิ้งไว้ในป่าน่ะ”โกฮังพูดโกหกออกไป

     

       ซึ่งโกคิเองก็รู้ว่าปู่ของเขานั้นโกหก ในความเป็นจริงนั้นโกฮังได้ไปเจอเด็กคนนี้ในยานอวกาศแบบเดียวกับโกคิ

    “งั้นเหรอครับ จริงสิท่านปู่ข้าผ่าฟืนเรียบร้อยแล้วนะ”

    “ดีมากๆ งั้นหลังจากกินข้าวเสร็จ ข้าจะสอนวิชาบินให้”(ผมจำชื่อวิชาไม่ได้ใครรู้บอกที)

    “จริงเหรอขอรับ”โกคิพูดด้วยท่าทีตื่นเต้น ตั้งแต่รู้ว่าความจริงว่าเขาได้มาเกิดโลกนี้ เขาก็อยากบินได้เป็นอย่างมาก แต่ปู่ของเขาบอกว่า ต้องถึงระดับผู้เชี่ยวชาญก่อนถึงจะฝึกวิชาบินได้ นั่นจึงทำให้เขามีกำลังใจฝึกฝนมากแต่ถึงรีบยังไงเขาก็ไม่ลืมรากฐานแน่นอน

     

     

       จากนั้นโกฮังก็ได้พาเด็กที่เขาอุ้มมาไปไว้ที่เตียง และเขาก็ลงมือทำอาหารโดยมีโกคิคอยช่วย ซึ่งในระหว่างที่ทำอาหารไปโกคิก็นึกถึงข้อมูลของโลกนี้ไปด้วย

    ‘ในตอนที่โงกุนได้เจอกับปู่เขาก็มีอายุ3ปีแล้ว นั่นหมายความว่าเราอายุมากกว่าโงกุนห้าปีสินะ และอีกไม่กี่ปี่ต่อจากนี้ปู่ก็จะเสียชีวิต’โกคิคิดพลางไปยังปู่ของเขาพร้อมกับหน้าที่เศร้าจนโกฮังสังเกตเห็น

    “เป็นอะไรเหรอโกคิ ทำไมเจ้าทำหน้าเศร้าแบบนั้นล่ะ?”

    “เปล่าหรอกครับ ข้าก็แค่คิดว่าสักวันถ้าท่านปู่ไม่ได้อยู่กับข้าแล้ว มันจะเป็นยังไงน่ะ”

    “เจ้าเด็กโง่ เจ้าจะไปกังวลกับอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้นทำไมล่ะ เจ้าควรจะอยู่กับปัจจุบันสิ ถึงแม้ว่าในอนาคตข้าจะไม่อยู่แล้ว แต่ข้าคงไม่ต้องห่วงอะไรแล้วล่ะ เพราะถึงตอนนั้นเจ้าก็ดูแลตัวเองได้แล้ว แล้วข้าก็คงไม่จากไปเร็วๆนี้หรอก”โกฮังพูดกับโกคิด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองเด็กน้อยที่ตนเพิ่งจะพามา

     

    “นั่นสินะครับ แล้วปู่จะตั้งชื่อเด็กคนนั้นว่าอะไรเหรอครับ”

    “เด็กนั่นคงมีชื่ออยู่แล้วล่ะ เอาไว้ค่อยถามเจ้าตัวก็แล้วกัน”

     

     

    จบ.

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×