คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ชาวเอนเลส
ณ จักรวาลอันกว้างใหญ่ไร้สิ้นสุด
มีดาวดวงหนึ่งซึ่งมีธรรมชาติที่สวยงามและมีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่มากมาย และรวมถึงสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์หนึ่งซึ่งมีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมากและมีสติปัญญาอันเป็นเลิศ พวกเขานั้นแตกต่างจากเผ่าพันธุ์อื่นๆในดาวดวงนี้ พวกเขานั้นมีรูปร่างที่คล้ายกับเผ่าพันธุ์ที่เรียกว่ามนุษย์ของดาวโลก แต่แตกต่างกันตรงที่ผมของพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็นสีขาวและมีนัยน์ตาสีอำพัน พวกเขาเรียกตัวเองว่าชาวเอนเลส
แต่ทว่าจำนวนประชากรของชาวเอนเลสนั้นมีอยู่น้อยมากเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์อื่น เนื่องมาจากพวกเขานั้นมีลูกยากมาก จึงทำให้เด็กที่เกิดออกมาล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งล้ำค้าที่ประเมินไม่ได้สำหรับพวกเขา
และด้วยความสามารถของพวกเขา มันก็ไม่ยากเลยที่พวกเขานั้นจะสามารถเป็นใหญ่ในดาวดวงนี้ เมื่อพวกเขาสามารถปกครองดวงดาวนี้ได้ พวกเขาก็เรียกดวงดาวนี้ว่า เซนทรัล ด้วยสติปัญญาอันเป็นเลิศทำให้พวกเขานั้นสามารถสรรสร้างเทคโนโลยีที่มีระดับสูงเกินกว่าสิ่งมีชีวิตอื่นจะทำได้ และเริ่มเดินทางไปยังดวงดาวต่างๆเพื่อผูกมิตร
แม้พวกเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่พวกเขากลับเป็นเผ่าพันธุ์ที่รักสงบ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีเผ่าพันธุ์ไหนกล้ามีปัญหากับพวกเขา จนกระทั่งหลายพันปีต่อมา พวกเขาก็ได้ถูกบุกโจมตี ด้วยจำนวนประชากรที่น้อยกว่ามากจึงทำให้ผู้บุกรุกสามารถเอาชนะพวกเขาได้
ผู้บุกรุกคือชาวไซย่านับพัน ที่นำทัพโดยคิงโคลพร้อมกับลูกชายอย่างฟรีสเซอร์แถมยังมีกองทัพของพวกเขาที่นอกเหนือจากชาวไซย่าอีกหลายหมื่นคน พวกเขาทั้งหมดได้เข้าต่อสู้กับชาวเอนเลสที่มีจำนวนแค่สองพันคน แต่ทว่าพวกเขาก็ได้พบความจริงที่น่าตกใจ เมื่อจบสงคราม ฝ่ายของพวกเขานั้นเสียกองกำลังไปถึง 90% ส่วนชาวเอนเลสนั้นเหลือรอดแค่คนเดียว ซึ่งความลับนี้ก็ได้ตายไปพร้อมกับชาวเอนเลสแล้ว
ย้อนกลับไป4วันก่อนเริ่มสงคราม
มีคู่รักชายหญิงคู่หนึ่งที่เป็นชาวเอนเลส พวกเขาได้เข้าพบองค์ราชาที่นามว่าเซเลสเพื่อทำพิธีมอบชื่อให้กับลูกชายของพวกเขา ซึ่งพระราชาที่เห็นว่ามีเด็กเกิดใหม่ก็ดีใจเป็นอย่างมาก เพราะหลายสิบปีที่ผ่านมาไม่มีเด็กเกิดใหม่แม้แต่คนเดียว ก่อนเข้าพิธีตั้งชื่อนั้น เด็กที่เข้าร่วมจะต้องอาศัยอยู่อยู่ราชวังส่วนตัวที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้เป็นเวลาสามวันสามคืน และในช่วงเวลานั้น เด็กที่เข้าร่วมพิธีจะถูกดูแลเป็นอย่างดีไม่ขาดตกบกพร่อง
จนกระทั่งผ่านไปสองวัน เซเลสได้ทราบข่าวเรื่องกองทัพของคิงโคลที่กำลังมุ่งหน้ามาที่ดาวของพวกเขาเพื่อทำสงคราม เขาจึงได้ทำการเรียกชาวเอนเลสที่กระจัดกระจายอยู่ตามดวงดาวต่างๆกลับมายังอาวเซนทรัลทันที จากนั้นเซเลสจึงได้เรียกคู่รักชายหญิงที่นำลูกของตนมาเข้าพิธีตั้งชื่อมาพบตน
“ข้าเรออส คำนับองค์ราชา”ชายหนุ่มผู้เป็นพ่อของเด็กได้พูดขึ้นพร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่ง
“ข้าคาลิน คำนับองค์ราชา”หญิงสาวผู้เป็นภรรยาและแม่ของเด็กกล่าวพร้อมกับคุกเข่าลงข้างหนึ่งเช่นกัน
“ลุกขึ้นเถอะ”เซเลส
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
“ที่ข้าเรียกพวกเจ้ามา เพราะข้างต้องการจะเร่งรัดพิธีตั้งชื่อเป็นวันนี้”
“เกิดอะไรขึ้นเหรอขอรับ”เรออส
“คิงโคลกำลังยกทัพมาที่นี่เพื่อก่อสงครามกับพวกเรา คาดว่าอีกสองวันคงจะมาถึง”
“อะไรกัน!”เรออสพูดด้วยความตกใจก่อนจะหันไปมองภรรยาของตน
“มะ..ไม่จริงใช่มั้ย”คาลินพูดด้วยนำเสียงที่สั่นเครือ เธอเข้าใจดีว่าต่อจะเกิดอะไรขึ้นแต่เธอก็ยังไม่อยากแยกจากลูกของเธอ
“หลังจากเสร็จสิ้นพิธีตั้งชื่อ ข้าจะให้พวกเจ้าได้อยู่กับลูกหนึ่งวัน จากนั้นเราจะส่งเขาไปยังดาวที่มีชื่อว่าโลก”เซเลสพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง แม้เขาจะเสียใจที่ไม่ได้อยู่ดูการเติบโตของเด็กน้อย แต่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตเขาก็จะขอยื้อเวลาเพื่อให้เด็กน้อยได้หลบหนี
ผ่านไปสักพัก
เหล่าคนในราชวังรีบจัดพิธีด้วยความเร่งรีบจนเสร็จ ชายชราคนหนึ่งซึ่งมีศักดิ์เป็นผู้อาวุโสได้ทำการนำมือของตนสัมผัสไปที่หัวของทารกและส่งคลื่นพลังบางอย่างใส่ทารกน้อย จนเวลาผ่านไปสักพักชายชราจึงนำมือของตนออก และอุ้มเด็กส่งให่ผู้เป็นแม่ คาลินที่รับลูกของตนมาอุ้ม เธอก็ได้พาลูกของเธอเดินไปหาเซเลสก่อนจะคุกเข่าข้างหนึ่งและใช้มือสองข้างประคองเด็กก่อนจะชูทารกน้อยขึ้นมา
เซเลสที่เห็นแบบนั้นเขาก็ยิ้มออกมา จากนั้นเขาก็ได้ยื่นมือขวาของตนออกมาและทาบมือไปที่ลำตัวของทารกน้อยก่อนจะพูดออกมา
“ในนามขององค์ราชาแห่งเอนเลส ข้าจะขอมอบนามให้แก่เจ้า จากนี้ไปนามของเจ้าคือคาลอสบุตรแห่งเรออสและคาลิน”
สิ้นสุดคำพูดของเซเลส เหล่าคนที่มาร่วมพิธีต่างก็ส่งเสียงร้องด้วยความยินดี ให้กับการถือกำเนิดของคาลอสที่เป็นอนาคตของพวกเขา
หลังสิ้นสุดพิธีเรออสกับคาลินก็ได้ใช้เวลาอยู่กับคาลอส จนกระทั่งตกกลางคืน คาลินได้นอนกอดคาลอสและร้องไห้ออกมา เรออสที่เห็นแบบนั้นเขาก็เข้าไปกอดคาลินและคาลอส
“ฉันไม่อยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เลย”คาลินพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“ฉันก็เองเหมือนกัน ฉันอยากใช้เวลาอยู่กับเธอและลูกให้นานกว่านี้”เรออส
“ถ้าหากว่าพวกเรารอดจากสงคราม พวกเราไปใช้ชีวิตกับลูกอย่างสงบที่โลกกันนะ”คาลินพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แม้เธอจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่ายังไงพวกเขาก็ไม่รอด แต่เธอแค่อยากมีความหวัง ความหวังที่จะรอดออกไปและไปใช้ชีวิตกับสามีและลูกชองเธอ
“อืม หลังจบสงครามแล้วเราสามคนมาใช้ชีวิตร่วมกันตลอดไปเลยนะ”เรออสพูดกับภรรยาด้วยรอยยิ้ม
วันต่อมา
เรออสและคาลินก็ได้พาคาลอสมาที่ราชวังเพื่อผมกับเซเลส เมื่อทั้งสองมาถึงเซเลสจึงให้คนพาทั้งสองไปยังจุดปล่อยยาน เมื่อมาถึงทั้งสองก็พบกับยานหลบหนีทรงกลมสีขาว ภายในยานนั้นมีแคปซูลสำหรับทารกอยู่ เรออสและคาลินได้กล่าวลากับลูกของตนและอุ้มคาลอสใส่ในแคปซูลจำศีล จากนั้นเรออสก็ได้นำบางอย่างที่เป็นกล่องโลหะสี่เหลี่ยม ใส่ไว้ในยานด้วย เมื่อร่ำลากับลูกเสร็จทั้งสองจึงเดินออกห่างจากยาน
ไม่นานจากนั้นยานก็ได้ลอยขึ้นและบินขึ้นไปบนฟ้าจนไม่สามารถมองเห็นได้ คาลินไม่อาจทำใจได้เธอก็ร้องไห้ออกมาจนเรออสต้องเข้ามาปลอบอยู่นานกว่าคาลินจะหยุดร้องไห้และเริ่มทำใจยอมรับได้
ทางด้านยานของคาลอสนั้นก็ได้พุ่งไปยังทิศทางที่ถูกตั้งค่าไว้อย่างรวดเร็ว ซึ่งเป้าหมายก็คือโลก ซึ่งที่เซเลสนั้นเลือกดาวโลกก็เป็นเพราะว่าโลกนั้นเป็นดวงดาวที่อยู่ห่างไกลจากอาณาเขตของคิงโคลเป็นอย่างมาก และโลกยังเป็นดาวบ้านนอกที่อยู่ในโซนดวงดาวที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่รอบๆ จึงทำให้โลกนั้นเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมเป็นอย่างมาก
จบ.
ความคิดเห็น