คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : poker face 2
Poker Face 2
ผลั่ก!
ผลั๊วะ!
เสียงตุบตับตามมาทันทีหลังจากที่ไอ้คริสโยนไอ้เด็กนั่นลงพื้น ผมปล่อยหมัดใส่มันไม่ยั้ง มันพยายามจะสู้แต่ฝีมือกากๆของมันทำให้ตามตัวผมไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิด
มันทรุดลงไปกองกับพื้นผมเลยเตะเข้าไปที่ท้องมันเต็มแรงก่อนจะกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาถาม “กูตุ๊ดพอไหม”
หน้ามันฟกช้ำหมดสภาพคนอวดดีแบบก่อนหน้านี้ มันอ้าปากพะงาบๆพูดอะไรสักอย่างแต่ผมไม่ได้อยากจะฟัง
“อั่ก” ผมทิ้งมันลงกับพื้นแล้วเดินออกมา
“พอแล้วเหรอวะ”
“อือ ไม่มีอารมณ์”
โดยปกติผมไม่ใช่นักเลงที่ต่อยตีคนอื่นไปทั่วอยู่แล้ว แต่ถ้าใครมาหาเรื่องผมก็ไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน
“งั้นกูต่อนะ”
“อือ”
พยักหน้าส่งๆไป ไอ้คริสมันดูคันไม้คันมือตั้งแต่อยู่ในมหาลัยละ หวังว่าไอ้เด็กนั่นคงจะไม่ได้ไปนอนหยอดน้ำเกลือที่โรงพยาบาลหรอกนะ
“มึงรู้จักลู่หานด้วยเหรอวะ” ผมเลิกคิ้วเมื่ออยู่ๆไอ้จงอินก็ถามเรื่องนี้ขึ้นมา
“มึงรู้จักลู่หาน?”
“นี่กูถามมึงก่อนนะ ตอบกูมาก่อนดิ”
“เพิ่งรู้จักเมื่อกี้…แล้วมึง?”
“ใครจะไม่รู้จักวะ เป็นทั้งเดือนคณะทั้งเดือนมหาลัย”
“แล้วก็เป็นเพื่อนคยองซูด้วย” ไอ้เทาเสริมขึ้นมาลอยๆแล้วก็โดนไอ้จงอินถีบเข้าให้ มันหันมาทำหน้าเหนื่อยหน่ายใจใส่ผม “มีแต่มึงแหละที่ไม่รู้จัก ไม่สนใจ ไม่เข้ากิจกรรมเหี้ยไรทั้งนั้น”
ผมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ เพราะยัง…ตอนนี้ก็รู้จักแล้วนี่
****
มีคนเคยบอกว่าถ้าเราเพิ่งเคยเจอคนที่เราไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย แต่พอเราเห็นคนนั้นแล้วเราก็จะได้เจอเขาบ่อยมาก…ผมว่ามันเป็นความบังเอิญมากกว่า
“นั่นลู่หาน” ไอ้จงอินกระซิบเพราะตอนนี้พวกผมนั่งอยู่ในห้องสมุด
ผมละสายตาจากจอโทรศัพท์มองไปตามที่จงอินมันพยัดเพยิดหน้าไป เห็นลู่หานกำลังเดินหาหนังสืออย่างคล่องแคล่ว แน่ล่ะที่นี่คงเป็นที่ประจำของเด็กอักษร พอเจอหนังสือที่ตามหาก็อมยิ้มเล็กน้อย ดูจากหนังสือที่เขาหยิบออกมาแล้วหนากว่าเล่มเมื่อเช้าอีกมั้งนั่น ตัวก็เล็กๆหนังสือจะทับตัวเองอยู่แล้วไม่เจียมเอาซะเลย
“ฮุน..ไอ้ฮุน!” ผมสะดุ้งนิดหน่อยเมื่อไอ้เทาดีดนิ้วตรงหน้า
“อะไรวะ”
“มองเค้าขนาดนั้นไม่เดินเข้าไปสิงเค้าเลยล่ะ”
“สิงพ่อง กูไม่ได้มอง” ผมว่าแล้วก้มหน้าลงเล่นเกมในมือถืออีกครั้ง เมื่อกี้ผมไม่ได้มองลู่หานแบบนั้นสักหน่อย
“แหนะ…มีแอบเหลือบ”
“ไอ้สัส”
ผมยกนิ้วกลางให้ไอ้จงอิน โอเค…เมื่อกี้อยากรู้เฉยๆว่าจะแบกหนังสือเล่มเบ่อเริ่มนั่นกลับโต๊ะไปได้ไหมแค่นั้นเฉยๆ ทำไมมันต้องทำหน้าล้อด้วยวะ!
****
“เดินเร็วๆสิเซฮุน อย่าชักช้า” แม่พูดขึ้นเป็นรอบที่ห้า ผมกลอกตาอย่างเซ็งๆพอกลับไปถึงห้องได้แปบเดียวแม่ก็มาเคาะประตูแล้วลากผมออกมาซุปเปอร์มาเก็ต เมื่อเช้าแม่คงเห็นว่าใครครัวผมมีแต่รามยอนล่ะมั้ง
หลังจากที่ผมย้ายมาอยู่คอนโดเพราะว่ามันใกล้มหาลัยมากกว่า เวลาแม่กลับจากไปดูงานที่ต่างประเทศก็จะมาดูว่าผมเป็นอยู่ยังไงและจัดการทุกอย่างให้ผมโดยที่ผมไม่ได้ขอ แม่บอกว่าอยากทดแทนเวลาที่เสียไปจากการทำงาน แต่ส่วนมากผมจะปฏิเสธเพราะผมก็อยู่ของผมอย่างนี้ได้ อย่างเรื่องอาหารนี่ก็กินพอให้มันอิ่มๆท้องแค่นั้นก็พอแล้วมั้ง
“หัดกินของมีประโยชน์ซะบ้าง”
ผมฟังแม่บ่นแล้วเข็นรถเข็นตามตูดแม่ต้อยๆ คนมองเหมือนชื่นชมเต็มประดา หน้าผมเต็มใจมากหรือไง - -
“โอ้ย!”
ตุบ
ผมหันไปทางเสียงร้องเห็นคนคนนึงกำลังก้มเก็บขวดน้ำอัดลมขวดใหญ่บนพื้นพลางลูบหัวตัวเองป้อยๆ แล้วพอคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้นแหละ
“ลู่หาน”
“ลูกว่าไงนะ”
“ผมไปเข้าห้องน้ำแปบ”
ผมบอกแม่แค่นั้นแล้วเดินตรงไปหาลู่หานที่อยู่อีกล็อค ลู่หานพยายามจะหยิบน้ำอัดลมอีกรสที่อยู่บนแผงชั้นบน ผมเห็นอย่างนั้นก็สงสารเลยเอื้อมมือไปหยิบให้เอง
“อ๊ะ” เขาสะดุ้งหันกลับมาแล้วเบิกตากว้างเมื่อเห็นว่าผมเป็นใคร
“..เซฮุน”
“รู้ชื่อฉันด้วยเหรอ”
“ก็ได้ยินเพื่อนเซฮุนเรียก” ลู่หานตอบ เขาแบมือขอขวดน้ำอัดลมที่อยู่กับผมแต่ผมไม่ให้
“ห้ามกิน” ผมว่าแล้ววางน้ำอัดลมไว้ที่เดิม
“อ..อ้าว”
“อันนี้ก็ด้วย” ผมหยิบอีกขวดที่ลู่หานกอดเอาไว้แล้ววางมันบนชั้นบนสุด
“ง่า T^T”
“กินของมีประโยชน์หน่อยสิ” ผมว่าแล้วจ้องหน้าลู่หานที่มองผมตาละห้อย หน้าหงอยๆนี่ทำให้ผมอยากโกยน้ำอัดลมทั้งแผงลงรถเข็นให้รู้แล้วรู้รอดแต่ยั้งใจเอาไว้เพราะเด็กสายศิลป์คงไม่รู้สินะว่าน้ำอัดลมให้โทษมากกว่าที่คิด
ผมหยิบนมหลายแกลลอนใส่รถเข็นให้แทน “กินเข้าไปจะได้สูงๆ”
“ว่าเราเตี้ยเหรอ”
“บอกประโยชน์ของมันเฉยๆ”
ลู่หานดูจะไม่เชื่อที่ผมพูด เจ้าตัวทำเป็นพยักหน้าเออ-ออใส่ผมซะอย่างนั้น
“ไปจ่ายตังค์ไป” ผมดันหลังเจ้าตัวไปที่รถเข็นที่มีนมเต็มไปหมด อยากซื้อให้นะแต่เพราะผมโดนแม่ลากออกมาทั้งเนื้อทั้งตัวเลยมีแค่โทรศัพท์ติดกระเป๋าเท่านั้น
ลู่หานแบะปากออกเหมือนเด็กโดนผู้ปกครองบังคับเรียกให้ริมฝีปากผมกระตุกขึ้นนิดนึง
แม่ง จิ้มลิ้มว่ะ
****
“เรามาทำอะไรกันที่ห้องสมุดวะ”
“อ่านหนังสือ” ผมตอบไอ้จงอินพลางพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อยๆ วันนี้ตอนบ่ายพวกผมว่าง ผมเลยชวนพวกมันมาห้องสมุด
“แต่เหมือนมึงมารออะไรสักอย่างเลยนะ” ไอ้เทาว่ายิ้มๆ แล้วไอ้จงอินก็ส่งเสียงแซวขึ้นมาแบบไม่เกรงใจบรรณารักษ์
“ร้อยวันพันปีไม่เคยจะมา”
“กูอยากมาบ้างไม่ได้เหรอ”
“ไม่ได้ มันผิดวิสัยมึง”
ผมถอนหายใจแล้วเลิกสนใจพวกมันเพราะขี้เกียจเถียงแล้ว ไอ้สองตัวยังคงกระซิบกระซาบกันหาว่าผมมาห้องสมุดเพราะลู่หาน มันแปลกเหรอที่ผมอยากจะมาที่นี่บ้าง แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ได้มีจุดประสงค์อะไรทั้งนั้น..
“เฮ้ย นั่นลู่หาน”
“จริงด้วยเว้ย”
ผมแอบเหลือบขึ้นมอง ลู่หานกำลังเดินเข้ามา ไอ้สองตัวนี้ตื่นเต้นกันใหญ่ ไม่เคยเห็นคนจิ้มลิ้มเหรอวะ
“มึงรู้ใช่ไหมว่าลู่หานจะมา”
“บังเอิญต่างหาก”
ไอ้จงอินส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อ แล้วก็ยังทำหน้าจับผิดไม่เลิก
“เด็กอักษรก็ต้องมาห้องสมุดบ่อยอยู่แล้วเปล่าวะจงอิน กูว่ามึงน่าจะรู้ดี” ประโยคนี้ของไอ้เทาทำให้ไอ้จงอินหันไปถลึงตาใส่แล้วหยุดล้อผมทันที
ไอ้เทาหัวเราะร่า เรื่องเดียวที่ทำให้ไอ้จงอินเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วขนาดนี้คงมีแต่เรื่องของคยองซู
“ขอโทษนะ” ผมเงยหน้าขึ้นมองคนพูดแล้วก็ต้องผงะไป
ลู่หานยืนอยู่ตรงหน้าผม ทำหน้าตาเกรงอกเกรงใจก่อนจะเอ่ย “คือโต๊ะเต็มหมดแล้ว เราขอนั่งด้วยได้ไหม”
ไอ้จงอินเงียบไปทันทีอาจเพราะข้างหลังลู่หานคือคยองซู ผมมองลู่หานนิ่งไม่ได้พูดอะไรเพราะเดี๋ยวพวกนี้มันจะเอาไปล้ออีก ส่วนไอ้เทายิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนเจอเรื่องสนุก
“เชิญตามสบายเลยครับ” ไอ้เทาเป็นคนตอบออกไป
“ขอบคุณนะ” รอยยิ้มเล็กๆของลู่หานทำให้ปากผมกระตุกอีกแล้ว ผมเลยรีบเบนสายตาไปทางอื่น
ลู่หานนั่งลงตรงข้ามผม ไอ้เทาที่ตอนแรกนั่งหัวโต๊ะฝั่งไอ้จงอินก็ย้ายมานั่งฝั่งผมเพราะความกวนตีนของมันทำให้คยองซูต้องนั่งแทนที่มันอย่างเลี่ยงไม่ได้
“คยองซูอ่า สบายดีไหม ไม่เจอกันน๊านนาน” ไอ้เทาถามขึ้น ตามจริงพวกผมก็คุ้ยเคยกับคยองซูดีเพราะคยองซูเคยคบกับไอ้จงอิน แต่พอเลิกกันไปก็ไม่เห็นคยองูอีกเลยทั้งที่ตึกเรียนใกล้กันแท้ๆ
“ก็ดี นายล่ะ”
“พวกเราเหง๊าเหงา ไม่มีคยองซูให้เล่นด้วยเลย” ผมทำหน้าเอือมใส่เสียงสูงของมัน แล้วคำว่า ‘พวกเรา’ ที่ไอ้เทาพูดดูก็รู้ว่ามันต้องการจะสื่ออะไร
“อย่างพวกนายเนี่ยนะจะเหงา” คยองซูพูดยิ้มๆ แต่แน่นอนว่าพวกผมรู้ว่าหมายถึงอะไร
ไอ้เทาได้แต่ส่งยิ้มแห้งๆกลับไป คยองซูเลยก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ ดูเหมือนว่าคยองซูจะเก็บอาการได้ดีทีเดียวต่างกับไอ้จงอินที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ตั้งแต่ไอ้เทาชวนคุยแล้ว
“เอ่อ..” คนที่ไม่มีอะไรทำพยายามจะหาเรื่องชวนคุยอีกครั้ง ผมเหยียบเท้ามันใต้โต๊ะเป็นเชิงให้มันเงียบแต่มันดึงเท้าออกแล้วยกขาขึ้นไปไว้บนเก้าอี้แทน
แล้วดูเหมือนครั้งนี้เป้าหมายของมันจะเปลี่ยน
“ลู่หาน ฉันชื่อเทานะ”
“หวัดดีเทา”
อืม เอาเข้าไป นั่งมาตั้งนานเพิ่งมาทักทายกัน
“นั่น ไอ้จงอิน”
“อ๋อ เรารู้จักแล้วล่ะ” ลู่หานว่ายิ้มๆ
“แล้วนี่ก็…”
“ไอ้เทา” ผมกดเสียงต่ำ “ไม่มีอะไรทำก็ไปหาหนังสือมาอ่านไป”
“เออ” ไอ้จงอินที่นั่งเงียบมานานก็ยังเห็นด้วยกับผม
“แค่นี้ก็ต้องไล่ กูไปก็ได้” มันพำพัมแล้วแบะปากใส่พวกผม
พอไอ้เทาไปแล้ว สักพักลู่หานก็ลุกไปหาหนังสือ เพราะผมอยากให้ไอ้จงอินได้อยู่กับคยองซูสองต่อสอง ผมเลยปิดหนังสือแล้วลุกตามลู่หานไป
“ได้กินนมไหม” ลู่หานสะดุ้งน้อยๆเมื่อหันมาเห็นผมยืนอยู่ด้านหลัง
“เราไม่กินหรอก” ตอบก่อนจะหันไปหาหนังสือต่อ
“ทำไม”
“ไม่ชอบนี่”
“กลับไปกินซะ”
“ไม่เอา”
“ดื้อ”
“อะไรเล่า” ลู่หานหันมายู่ปากใส่ผม “หลบหน่อย เราจะเอาหนังสือ”
“ไม่”
“เอ๊ะ เซฮุน” สุดท้ายผมก็ยิ้มออกมาเพราะใบหน้ายุ่งๆของลู่หาน พอจะเข้าใจอาการปากกระตุกของตัวเองเวลาอยู่กับลู่หานแล้วล่ะ
“อะไร อึ้งอะไร”
“เราเพิ่งเคยเห็นเซฮุนยิ้ม”
“มันน่าอึ้งตรงไหน”
“ก็เซฮุนชอบทำหน้าบึ้ง ทั้งที่ตอนยิ้มก็ออกจะน่ารัก” จากปากกระตุกกลายเป็นอาการใจกระตุกแทนแล้ว ผมชะงักไปกับคำพูดของลู่หาน แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้อะไรกับคำพูดนั้นเลยแล้วยังมองผมตาแป๋วอีก
…เสียฟอร์มโคตรๆ
****
หลังจากโต๊ะอ่านหนังสือเหลือเพียงคนสองคนนั่งอยู่ บรรยายก็เงียบขึ้นมาอีกเป็นกอง…
จงอินเริ่มไม่จดจ่ออยู่กับโทรศัพท์ สายตาเริ่มเหลือบไปทางคนตัวเล็กที่นั่งอ่านหนังสืออย่างนิ่งเงียบ เครื่องมือสื่อสารที่วางบนโต๊ะสั่นขึ้น จงอินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อคยองซูเงยหน้าขึ้นแล้วสบตากับเขาพอดีก่อนที่จงอินจะแสร้งทำเป็นไม่ได้สนใจและหันไปมองทางอื่น
“ว่าไง” เสียงหวานพยายามหรี่ให้เบาที่สุดแต่เพราะที่นี่เป็นห้องสมุด ความเงียบรอบตัวเลยทำให้จงอินได้ยินบทสนทนาไปด้วย
“อยู่ห้องสมุดน่ะ”
(…)
“อื้ม งั้นเรารอที่เดิมนะ”
สายนั้นวางไปแล้ว คยองซูเก็บโทรศัพท์และหนังสือลงกระเป๋าเหมือนเตรียมตัวจะกลับพลางชะเง้อมองหาเพื่อนรักไปด้วย จะโทรหาลู่หานก็ไม่ได้เพราะโทรศัพท์ของเจ้าตัววางอยู่บนโต๊ะ คยองซูเลยจำใจนั่งรอ แม้ใจจริงอยากหายออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุดก็ตาม
“แฟนใหม่เหรอ คุยเสียงหวานเชียว”
คยองซูหันมามองเจ้าของคำถามนิ่งๆก่อนจะเอ่ย “ยุ่ง”
“เลิกกับฉันไปได้แค่สองเดือน มีคนไปรับไปส่งไม่ซ้ำกันเลยนะ” มือเรียวกำเข้าหากันแน่นอย่างพยายามจะระงับอารมณ์ ทุกครั้งที่เจอกันเป็นอย่างนี้เสมอ คำพูดถากถางของผู้ชายคนนี้ทำให้คยองซูเลือกที่จะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เจอจงอินอีก
“ระวังจะสับรางรถไฟไม่ทัน…”
“คิมจงอิน…”
แล้วคยองซูก็ทนไม่ไหว…
“อย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะเป็นเหมือนนาย”
****
คู่รองมาแล้วจ้าาา จะดราม่าไหมหนออ5555555555
1 เม้น = 1 กำลังใจเน้ออ ^ - ^
หรือ #ficpokerface นะค้า <3
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ความคิดเห็น