คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : poker face 1
Poker face 1
เสียงนาฬิกาปลุกเรือนใหม่เอี่ยมดังขึ้น เสียงกรีดร้องของมันปลุกให้ผมตื่นขึ้นจากความฝัน ถึงแม้ผมจะไม่ได้กำลังฝันดีอยู่แต่นั่นก็ทำให้ผมหงุดหงิดอยู่ดี
ตึก
กริ๊ง. . .
เสียงของตกจากที่สูงลงสู่พื้นและนอนแน่นิ่งอยู่ข้างเตียง ผมแค่จะเอื้อมมือไปปิดมันเฉยๆ ไม่ได้มีเจตนาจะทำนาฬิกาปลุกที่แม่เพิ่งซื้อมาให้พังเลยจริงๆ
ผมขยับตัวลุกขึ้นแล้วหยิบมันขึ้นมาจากพื้น
7:00 A.M.
มีใครบอกแม่ไหมว่าผมมีเรียนตอน 10 โมง
นิสัยอย่างหนึ่งของผมคือตื่นแล้วตื่นเลย นอนต่อให้ตายยังไงก็ไม่หลับ พออาบน้ำแต่งตัวเสร็จเดินออกจากห้องไปได้สามก้าวผมก็สะดุดกับโพสอิทสีเหลืองที่ถูกแปะไว้ข้างประตูห้องนอน
‘กินข้าวเช้าด้วย!’
ผมมองไปที่โต๊ะกินข้าวในโซนห้องครัว มีอาหารอะไรสักอย่างให้เดาคงเป็นข้าวต้ม แม่บอกว่ากินง่ายไม่ต้องเคี้ยวก็ได้ แต่แม่รู้อะไรไหม จะเคี้ยวยากเคี้ยวง่ายผมก็ไม่กินทั้งนั้นแหละ
ผมเดินเอื่อยๆไปตามฟุตบาทแทนการใช้รถยนต์อย่างที่เคย มันเข้าอู่ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้วในสภาพกระจกหัก ไฟท้ายแตก สีถลอกทั่วตัวรถ แต่นั่นแค่เรื่องเล็ก ไม่เจ็บใจเท่าสีสเปรย์ที่มันพ่นใส่กระจกหน้ารถ..
‘ไอ้ตุ๊ด’
ตุ๊ดพ่อง
ผมว่าจะเฉยแล้วนะแต่เพราะคำนี้แหละผมถึงอยากเห็นหน้ามัน ไม่แน่วันนี้ไอ้เทาอาจไปเอาตัวมันมาได้
การเดินเท้าไปมหาลัยก็ให้ความรู้สึกไปอีกแบบ
รู้สึกร้อน..
แม่จะเอารถคันใหม่มาให้ใช้แต่ผมปฏิเสธไปเพราะผมไม่ชิน ผมอยากขับลูกรักของผมมากกว่า นั่นทำให้ผมต้องเดินเหงื่อแตกอยู่แบบนี้
“ฟู่วว”
ผมยกมือเสยผมที่ปรกหน้าผากของผมออกเพราะรู้สึกรำคาญ จากคอนโดมาถึงมหาลัย และจากหน้ามหาลัยมาถึงคณะตัวเองนี่ทำผมอยากอาบน้ำใหม่จริงๆ
“นั่นๆ พี่เซฮุน”
“หล่อลากก”
“แกเห็นตอนเสยผมไหม ฟกกฟหกหฟดกฟ”
ผมมักจะทำเป็นหูทวนลมทุกครั้งที่ได้ยินเสียงพวกนี้ มันออกจะน่ารำคาญนิดหน่อยเพราะโทนเสียงแหลมๆของผู้หญิง แต่ผมก็ชินแล้วล่ะ
ผมเดินผ่านโรงจอดรถของคณะ ถัดไปตึกข้างๆก็เป็นคณะวิศวะของผมแล้ว
ตุบ
“ซวยจริง” เสียงบ่นอุบอิบตามมาด้วยร่างๆหนึ่งปรากฏขึ้นสู่สายตาของผม เจ้าของผมสีน้ำตาลกับใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นก้มลงเก็บหนังสือเล่มหนาสัก 5 นิ้วขึ้นมาแนบอกแล้ววิ่งไปทางตึกคณะอักษร
โดยที่ไม่ได้ดับรถ..
แล้วผมควรจะทำยังไง?
ยกนาฬิกาขึ้นดูเห็นเข็มสั้นยังชี้ที่เลข 9 อยู่เลย และด้วยความรู้สึกผิดที่ผมขัดใจแม่ในหลายๆเรื่อง ผมจะทำความดีครั้งนี้เป็นการชดใช้แล้วกัน
รถยนต์มันแพง เด็กอักษรคนนั้นลืมทั้งดับเครื่อง ลืมกุญแจรถ แล้วยังลืมกระเป๋าใบเบ่อเริ่มไว้ในรถอีก แบบนี้คนดีแบบผมจะปล่อยผ่านไปได้ไง
ผมเปิดประตูรถเข้าไปนั่งฝั่งคนขับ กลิ่นหอมอ่อนๆในรถเหมาะกับเจ้าตัวดีและนั่นช่วยให้ผมผ่อนคลายได้มาก ตามจริงผมไม่ใช่คนสอดรู้สอดเห็นนะ แต่มือมันล้วงเข้าไปข้างในกระเป๋าเป้นั่นแล้วอ่ะ…
อืม…ชื่อลู่หาน
ก็เหมาะกับหน้าดี แต่กระเป๋าตังค์สีดำเรียบๆแบบผู้ชายทำไมผมรู้สึกว่ามันไม่เหมาะกับเขาเลยวะ ผมวางกระเป๋าไว้ที่เดิม รู้มาแค่ว่าชื่อลู่หาน เป็นคนจีน อยู่ปี 3 คณะอักษร
ผมอยู่มหาลัยนี้มาสามปี ตึกเรียนก็ใกล้ๆกันทำไมไม่เคยเห็นเลยวะ ไปซ่อนอยู่ไหนมา…
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
“อือ”
(ไม่เข้าเหรอวะ)
“คงงั้น”
(ทำไมไม่ชวนกูว๊าแม่ง…) เสียงไอ้จงอินบ่นมาตามสาย
(แล้วมึงอยู่ไหน)
“…”
(โหล ได้ยินกูป่ะเนี่ย)
“กูอยู่…” แล้วผมจะต้องตอบว่ายังไง
(อยู่…?)
“โรงจอดรถ”
(โอ้ยสัส โดดเรียนไปอยู่โรงจอดรถ มึงไปทำเชี่ยไร เออ!อยู่นั่นแหละเรียนเสร็จเดี๋ยวพวกกูไปหา ไอ้เทามันหาตัวไอ้นั่นได้แล้วโว้ย แค่นี้นะอาจารย์เข้าละ)
ปิ๊บ
มันตัดสาย แล้วมึงจะถามกูเพื่อ…แต่ก็ดีแล้วผมขี้เกียจอธิบาย
ผมตัดสินใจดับรถแล้วออกมายืนรอข้างนอกแทน เพิ่งคิดได้ว่ามันเปลืองน้ำมัน ดูนาฬิกาเพิ่งจะสิบโมงนิดๆ ผมไม่ต้องยืนรอจนขาแข็งเลยเหรอวะ…
11:15 น.
ปวดขาชิบ…
ยืนพิงรถรอมาชั่วโมงนึงแล้วนะ เลิกเรียนได้แล้วมั้งแม่คุณ
ผมเห็นนักศึกษาหลายคนทยอยเดินลงจากตึกอักษรมา ก่อนจะเห็นกลุ่มผมสีน้ำตาลปลิวไสวมาแต่ไกล สีผมหมอนั่นไม่ได้เด่นหรอก แต่ที่เด่นคงจะเป็นหน้าตาจิ้มลิ้มนั่น…
ลู่หานวิ่งกระหืดกระหอบมาหยุดลงข้างๆผมแล้วพยายามจะเปิดประตูรถของตัวเอง แบบนี้เรียกโดนมองผ่านหรือเปล่าววะ แล้วก็ทำหน้าตากระวนกระวายแต่พอส่องเข้าไปในตัวรถแล้วก็ถอนหายใจออกมา คงจะเห็นว่ากระเป๋าไม่ได้หายไปไหนล่ะมั้ง
“เพิ่งรู้ตัวหรือไงว่าลืมดับรถ” ผมพูดขึ้นเพราะท่าทางแม่งคงมองไม่เห็นผมจริงๆ
“ห๊ะ?” หันมาทำหน้าใสซื่อใส่อีก ผมถอนหายใจแล้วยื่นกุญแจให้
“น…นายเก็บไว้ให้เราเหรอ” มือเล็กๆนั่นยื่นมารับแบบกล้าๆกลัวๆ
“อือ”
“ขอบคุณมากนะ!” ผมมองคนตัวเล็กกว่าที่โค้งให้เป็นสิบรอบ เห็นแล้วก็สงสารว่ะ อารมณ์ขุ่นๆที่โดนมองผ่านเมื่อกี้เลยหายไป
“ไอ้ฮุน” ไอ้จงอินเดินมาหยุดอยู่ข้างผมตามด้วยไอ้คริสแล้วก็ไอ้เทา
“มึงทำไรอยู่วะ” ผมมองไปที่คนตรงหน้าที่ยืมมองพวกผมอึ้งๆ อาจเพราะมือไอ้เทาที่กำคอเสื้อผู้ชายคนนึงเอาไว้อยู่ ผมไม่ได้ตอบมันแต่พูดกับคนตรงหน้าแทน
“ทีหลังอย่าลืมดับรถอีกล่ะ…”
“…”
“เข้าใจไหม…จิ้มลิ้ม”
ลู่หานทำตาโต “ร…เราชื่อลู่หาน”
ผมนิ่งไป แล้วเมื่อกี้ผมพูดว่าอะไร…
ผมกระแอมนิดหน่อย “ไปเรียนได้แล้วลู่หาน”
“..อ…อื้อ” ตอบเสียงเบาก่อนจะรีบเดินผ่านพวกผมไป
พอหันกลับมาก็เจอหน้าเพื่อนสามตัวที่มองผมเหมือนรอให้ผมอธิบาย
“มองอะไร”
“มึงเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่วะ” ไอ้คริสหรี่ตาลงเหมือนจับผิด
ผมถอนหายใจแล้วเปลี่ยนประเด็น “มันเป็นใคร”
“ซอกจิน ปีสอง คณะเราเลยหาตัวไม่ยาก”
ผมเดินเข้าไปหามัน “ทำทำไม”
มันไม่ตอบแต่มองหน้าผมเหมือนแค้นผมมาก มันไม่ใช่คนแรกที่ทำแบบนี้ ผมว่าผมอยู่เฉยๆไม่เคยยุ่ง ไม่เคยหาเรื่องใครเลยนะถ้าไม่มายุ่งกับผมก่อนน่ะ
“จัดเลยไหม” ไอ้คริสเงื้อมือจะต่อยมันแต่ผมห้ามไว้ก่อน
“ไปข้างนอกเหอะ”
พวกมันหันมองหน้ากัน. . .อะไร ผมพูดอะไรผิด
“จัดอยู่หลังมอที่เดิมก็ได้นี่หว่า” ไอ้เทาว่า เพราะรายที่ผ่านมาพอหาตัวเจอบางทีพวกผมก็ซัดมันตรงนั้นเลยก็มี แล้วก็ไม่ต้องกลัวจะโดนทำโทษด้วยเพราะมีอำนาจเม็ดเงินหนุนหลังไว้อยู่แล้ว
“ไม่เอา…ให้เกียรติสถานที่” ผมพูดเสร็จก็หยิบกุญแจรถไอ้จงอินแล้วเข้าไปนั่งที่คนขับ พวกมันมัวแต่ยืนอึ้งกันอยู่จนผมต้องบีบแตรให้รีบขึ้นมา
รถค่อยๆเคลื่อนออกไปโดยที่สายตาของผมไม่ได้จดจ่ออยู่กับถนน ผมมองกระจกด้านข้างที่สะท้อนภาพเด็กอักษรปีสามหน้าตาจิ้มลิ้มที่ค่อยๆโผล่ออกมาจากหลังต้นไม้ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่ที่พวกผมยืนคุยกันเมื่อกี้…
****
ฝากฟิคเรื่องแรกด้วยนะค้าา T v T
#ficpokerface
t
h
e
m
y
b
u
t
t
e
r
ความคิดเห็น