คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : คำสารภาพ: Confession +++มีการแก้ไขเนื้อหา+++
คุยกันก่อนอ่านนะคะ
พิกได้แก้ไขเนื้อหาในตอนที่ 19 นี้ให้เข้ากับเนื้อเรื่องในหนังสือและตอนจบที่วางไว้แล้วนะคะ โดยเนื้อหาที่มีการแก้ไขจะเป็นตัวหนังสือสีเขียวเข้มนะคะ ใครที่อ่านตอนที่ 19 นี้ไปแล้ว ลองเข้าอ่านเฉพาะตอนที่มีการแก้ไขใหม่นะคะ จะได้เข้าใจค่ะ ขอบคุณค่ะ
***Chapter 19 คำสารภาพ: Confession***
“ครับ มันเป็นอย่างที่พ่อคิด ผมพาเกรนเจอร์มานอนที่นี่ และผมเป็นคนทำสัญญาทาสชั่วนิรันดร์กับเธอเอง” คำสารภาพของเดรโก มัลฟอยดังก้องไปทั่วทั้งห้อง ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ซีดเผือดด้วยความตกใจที่เขาพูดประโยคนั้นออกมา เช่นเดียวกับลูเซียส มัลฟอยพ่อของเด็กหนุ่มหากแต่สำหรับนายมัลฟอยนั้นใบหน้าของเขาซีดเซียวเพราะความตกใจอยู่เพียงเสี้ยววินาทีก่อนที่มันจะกลายเป็นสีเทาด้วยความโกรธเกรี้ยว
“แกว่ายังไงนะ!!!!” นายลูเซียสคำรามออกมา ใบหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาสีเงินเย็นเยียบจ้องมองไปที่ลูกชายราวกับเขาเพิ่งทำเรื่องที่ไม่มีทางให้อภัยได้ลงไป หากแต่เดรโกกลับไม่มีท่าทีหวาดกลัวบิดาของตนเลยแม้แต่น้อย เพราะในตอนนี้เด็กหนุ่มยืนประจันหน้ากับพ่อของเขาอย่างสงบนิ่ง ดวงตาสีเงินของมัลฟอยสบดวงตาแบบเดียวกันของผู้ให้กำเนิดโดยไม่หลบเลี่ยงเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ถ้าหากเฮอร์ไมโอนี่ได้อ่านแววตาของเดรโกให้ดีแล้วล่ะก็เธออาจจะเห็นว่ามันมีความหวาดกลัวแฝงอยู่ในดวงตาสีเงินคู่นั้นเหมือนกัน และมันเป็นสิ่งที่เขาพยายามจะเก็บซ่อนมันจากการมองเห็นของผู้อื่นอย่างสุดความสามารถ เพราะว่ามันไม่ใช่ความกลัวว่าตัวของเขาเองจะถูกพ่อลงโทษแต่อย่างใด หากแต่มันเป็นความกลัวที่ว่าฝันร้ายของเขาจะกลายเป็นจริงขึ้นมาต่างหาก!!!
“ผมก็ตอบทุกอย่างตามความจริงอย่างที่พ่อต้องการให้ผมตอบยังไงล่ะครับ” เด็กหนุ่มย้อน นายลูเซียสมองหน้าลูกชายด้วยสายตาราวกับเขาเพิ่งเห็นเรื่องที่เหลือเชื่อที่สุดในชีวิต มือที่กุมรอบไม้กายสิทธิ์ของชายผมบลอนด์นั้นสั่นเทาราวกับเขาต้องการบีบไม้ที่อยู่ในมือให้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
“แก......ทำได้ยังไง” ลูเซียส มัลฟอยค่อย ๆ เค้นแต่ละคำพูดออกมาอย่างยากเย็น ราวกับเขาเพิ่งสูญเสียความสามารถในการพูดไปชั่วขณะ
“แกทำสัญญาทาสชั่วนิรันดร์กับนังเด็กเลือดสีโคลนนี่ได้ยังไง!!!” เขาตวัดมือมาทางเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ด้านหลังโดนไม่หันมามอง
“แถมแกยัง........ลดตัวลงไปมีอะไรกับมันด้วย แกไม่รู้รึไงว่าการกระทำของแกน่ะทำให้เลือดบริสุทธิ์ของเราแปดเปื้อนแค่ไหน แกรู้บ้างไหม!!!” นายลูเซียสคำรามใส่ลูกชาย ใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยโทสะของเขาทำให้เขาดูราวกับปีศาจร้ายที่พร้อมจะปลิดชีวิตผู้บริสุทธิ์ได้ทุกเมื่อ แต่ถึงกระนั้นเดรโกก็ยังคงนิ่งเฉย
“ผมมีสิทธิ์ทำทุกอย่างที่ผมต้องการกับทาสของผม” เด็กหนุ่มพูดขึ้น
“และที่ผมทำ.......สิ่งที่พ่อบอกว่าเป็นการทำให้เลือดบริสุทธิ์ของเราต้องแปดเปื้อนลงไปนั้น ก็เพราะผมต้องการลงโทษที่เธอขัดคำสั่งของผม ผมต้องการสั่งสอนให้เธอหลาบจำว่าการขัดคำสั่งที่ผมให้ไว้และพยายามหนีไปจะได้รับผลตอบแทนอย่างไร” ดวงตาของเดรโกมองไปยังร่างที่สั่นเทาของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งกำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนพื้น ดวงตาสีเงินของเด็กหนุ่มสบเข้ากับดวงตาของเด็กสาวที่เพิ่งรู้สึกตัวและนี่เป็นอีกครั้งหนึ่งที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าดวงตาของเดรโกที่ใช้มองเธอนั้นเต็มไปด้วยความเย็นชา ไม่มีความอ่อนโยนเหลืออยู่เหมือนแต่ก่อนเลยแม้แต่น้อย
“และเหตุผลที่ผมต้องทำสัญญาทาสชั่วนิรันดร์กับเธอ ก็เพราะผมไม่ต้องการให้เธอหนีไปได้อีก” เดรโกมองร่างที่อยู่บนพื้นแทบเท้าของเขาด้วยสีหน้าขยะแขยง
“นังเลือดสีโคลนนี่พยายามครั้งแล้วครั้งเล่าที่จะหนีไปจากที่นี่ และมันก็ทำเกือบสำเร็จซะด้วย ผมเลยต้องทำสัญญาทาสกับมันเพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีไปได้อีก ไม่อย่างนั้นแผนที่พ่อบอกผมไว้ก็คงจบเห่กันพอดี” เขาอธิบาย ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างอย่างตกใจ เด็กสาวรู้สึกว่าคำพูดของเด็กหนุ่มทิ่มแทงร่างของเธอราวกับอาวุธที่แหลมคม!
แม้ว่าเธอจะรู้อยู่แล้วว่าที่เดรโกจับตัวเธอกลับมา รวมทั้งทำสัญญาทาสชั่วนิรันดร์กับเธอแบบนี้ก็เพราะเขาไม่ต้องการให้เธอหนีไปจากที่นี่ได้อีก แต่เมื่อเธอได้ยินเด็กหนุ่มสารภาพกับพ่อของเขาว่าที่เขาทำลงไปทั้งหมดนั่นก็เพราะเขาไม่ต้องการให้แผนการของจอมมารผิดพลาด เขาไม่ต้องการให้เธอหนีไปได้และนำแผนการทั้งหมดไปบอกแฮร์รี่กับภาคีรวมทั้งส่งมือปราบมารมาจับกุมเขาและพ่อด้วย และที่เขาทำสัญญาทาสชั่วนิรันดร์กับเธอนั้นไม่ใช่ว่าเขาต้องการรั้งตัวเธอให้อยู่กับเขาตลอดไป แต่เขาต้องการรั้งเธอซึ่งเป็น ‘เหยื่อล่อ‘ ชิ้นสำคัญไว้ต่างหาก เฮอร์ไมโอนี่พอจะเดาเรื่องนี้ออกมาตั้งแต่วินาทีที่เธอรู้แผนการทั้งหมดนี้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ทำไมยามที่เธอได้ยินมัลฟอยสารภาพทุกอย่างออกมาแบบนี้เธอถึงรู้สึกเจ็บในอกขนาดนี้นะ เด็กสาวรู้สึกราวกับหัวใจของเธอโดนทิ่มแทงและถูกบีบอัดจนหายใจแทบไม่ออก ทำไมเธอถึงต้องรู้สึกแบบนี้ด้วยล่ะ เธอไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
เฮอร์ไมโอนี่เบือนสายตาไปจากภาพตรงหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตา เธอพยายามเช็ดมันออกแต่ก็เด็กสาวไม่เร็วพอเพราะเดรโกมองเห็นมันเข้าเสียก่อน สีหน้าของเด็กหนุ่มดูอ่อนลงเมื่อเขาเห็นน้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาสีน้ำตาลที่แสนจะอ่อนโยนคู่นั้น
‘พระเจ้า! เธอร้องไห้อีกแล้วหรือ! เพราะอะไรกันล่ะ เพราะคำพูดของเขาหรือเพราะว่าบาดแผลที่เธอได้รับกัน เธอเป็นอะไรมากไหม’ เด็กหนุ่มคิดในใจ เขาได้แต่ภาวนาขอให้ปลอดภัยจากคาถาของพ่อเขา เด็กหนุ่มสาบานว่าจะพยายามทำทุกทางเพื่อช่วยเหลือเธอ เขาจะยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาชีวิตของผู้หญิงคนเดียวที่เขารักไว้แม้จะต้องสู้กับพ่อของเขาก็ตาม
‘แต่เขาอาจจะไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นก็ได้ ถ้าหากเขาเกลี้ยกล่อมพ่อสำเร็จและทำให้พ่อเชื่อว่าเขาต้องการเก็บเธอไว้เพื่อแก้แค้นโดยที่ไม่มีเหตุผลอื่นเคลือบแคลง ถ้าเขาหลอกพ่อได้ เขาก็จะสามารถรักษาชีวิตของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ได้โดยที่ไม่ต้องสูญเสียเลือดเนื้อเลย’ เด็กหนุ่มคิดเช่นนั้น
แต่เดรโกไม่รู้เลยว่าทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาของนายลูเซียสตลอดเวลา ถึงแม้ว่าพ่อของเขาจะไม่ล่วงรู้ความคิดของมัลฟอยก็ตาม แต่สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขาก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของนายลูเซียสไปได้เลย และเมื่อเป็นเช่นนั้นนายมัลฟอยที่รู้สึกเอะใจกับสีหน้าที่อ่อนโยนของเดรโกจึงได้มองตามสายตาของลูกชายไปยังด้านหลังของเขา และนั่นเป็นครั้งแรกที่ชายผมบลอนด์สังเกตุเห็นว่าเด็กสาวที่กำลังนอนอยู่บนพื้นนั้นได้สติแล้ว
รอยยิ้มเย้ยหยันระคนเกลียดชังปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของนายลูเซียส เขาร่ายคาถายกร่างของเฮอร์ไมโอนี่ให้ขึ้นมายืนอย่างง่ายดาย เธอกรีดร้องด้วยความตกใจพร้อม ๆ กับที่เดรโกหายใจกระตุก!
“ดูท่าแกจะยังไม่ตายง่าย ๆ สินะ นังเลือดสีโคลน แต่ฉันสงสัยเหลือเกินว่าทำไมลูกชายของฉันถึงดูเป็นห่วงเป็นใยแกนัก!” เขาพูดพลางปรายตาไปยังลูกชาย ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดเผือดเมื่อบิดาของเขาขี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่เด็กสาว
“พ่อ!!!!” นายลูเซียสยิ้มเย้ยหยัน
“ถ้าแกบอกว่าแกแค้นมันจริง ๆ และที่แกทำลงไปทั้งหมดนั่นเป็นเพราะว่าความแค้นเท่านั้น งั้นฉันจะให้โอกาสแกแก้แค้นมันเดรโก” นายลูเซียสพูดก่อนจะค่อย ๆ ใช้คาถาลากร่างของเฮอร์ไมโอนี่ออกไปจากห้องน้ำ ไปยังห้องนอนของเด็กหนุ่ม มัลฟอยรีบตามพ่อของเขาไปอย่างรวดเร็วและเมื่อทั้งสามมายืนอยู่กลางห้องนอนของเดรโกนายลูเซียสก็ทิ้งร่างของเด็กสาวลงกับพื้น
“ว้าย!!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความตกใจเมื่อร่างของเธอกระแทกลงกับพื้นห้อง แม้ว่ามันจะเป็นพื้นที่ปูพรมที่อ่อนนุ่มไว้ก็ตาม แต่เด็กสาวก็รู้สึกว่าร่างกายของเธอนั้นปวดรวดร้าวราวกับมันจะแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ เมื่อมันกระทบพื้นห้อง
นายมัลฟอยไม่สนใจเสียงร้องของเด็กสาว เขากลับนั่งลงบนโซฟาอยู่ที่อยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะออกคำสั่งกับลูกชาย
“ถ้าแกแค้นมันและต้องการลงโทษมันนักล่ะก็ ฉันก็จะให้โอกาสแกเดรโก ฉันจะให้แกลงโทษมันให้สาสม และฉันคิดว่าคาถากรีดแทงคงพอทำให้สมองเปื้อนโคลนของแกจดจำได้บ้างนะว่าแกควรจะปฏิบัติตัวยังไงกับเจ้านาย” นายลูเซียสสั่ง ขณะที่เดรโกยืนนิ่ง เด็กหนุ่มรู้สึกราวกับเลือดทั้งกายของเขาเย็นเฉียบ นี่พ่อจะบังคับให้เขาทรมานผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักอย่างนั้นหรือ!!!
มัลฟอยมองหน้าพ่อบังเกิดเกล้าของเขาก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างลังเล ดวงตาสีเงินของเขาเต็มไปด้วยความลำบากใจจนเกือบจะเป็นความทรมาน
“เร็วเข้าสิ เดรโก!” นายลูเซียสเร่ง “สั่งสอนนังเลือดสีโคลนนี่ซะในฐานะที่แกเป็นเจ้านายของมัน หรือถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะเป็นคนลงโทษมันแทนแกเอง” เขาพูดเสียงขรึมขณะที่เด็กหนุ่มจ้องมองพ่อของเขาอย่างหวาดกลัว เดรโกแน่ใจว่าการลงโทษของพ่อจะต้องร้ายกาจกว่าการลงโทษของเขาแน่นอน แม้ว่าจะใช้คาถากรีดแทงเหมือนกันก็ตาม เพราะกุญแจของคาถากรีดแทงคือความเกลียดชังและเจตนาของผู้ใช้คาถาที่จะทำให้อีกฝ่ายได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส และถ้าคนที่ใช้คาถานี้เป็นพ่อของเขาที่เกลียดชังเลือดสีโคลนมากกว่าอะไรทั้งหมด รวมทั้งเคียดแค้นที่เฮอร์ไมโอนี่บังอาจมายุ่งเกี่ยวกับเขาที่เป็นทายาทเลือดบริสุทธิ์คนเดียวของพ่อด้วยแล้วด้วย มัลฟอยไม่อยากจะจินตนาการตามเลยว่าคาถาที่เด็กสาวได้รับนั้นจะรุนแรงแค่ไหนหากพ่อของเขาเป็นคนลงโทษเธอ รวมทั้งเธอจะสามารถทนรับมันได้ซักแค่ไหนกันเชียว!
มือที่ถือไม้กายสิทธิ์ของเดรโกสั่นเทา เด็กหนุ่มรู้สึกถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่แผ่นหลังและฝ่ามือของเขา นี่เขาจะต้องทรมานผู้หญิงที่เขารักเพื่อช่วยเธอไม่ให้เธอได้รับโทษทัญฑ์ที่หนักกว่าจากพ่อของเขาน่ะเหรอ ทำไมโชคชะตาถึงกลั่นแกล้งเขาได้ขนาดนี้!
แต่ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางเลือก เพราะมัลฟอยรู้ดีว่าการลงโทษเธอด้วยตัวของเขาเองเป็นทางเดียวที่จะรักษาชีวิตของเธอเอาไว้ได้ และมันก็อาจจะช่วยเธอจากการถูกทรมานจนเสียสติ เพราะพ่อของเขาคงไม่สนหรอกว่าเหยื่อล่อของจอมมารจะอยู่ในสภาพไหน ตราบที่เธอสามารถล่อแฮร์รี่ พอตเตอร์มาติดกับของนายท่านได้ เพราะฉะนั้นทางเดียวที่เดรโกจะสามารถช่วยเธอไว้จากชะตากรรมที่เลวร้ายไปกว่านี้ได้ ก็คือเขาต้องเสกคาถากรีดแทงใส่เธอด้วยมือของเขาเอง!
เด็กหนุ่มสบตาบิดาของเขา และสิ่งที่เดรโกเห็นก็มีเพียงแค่ความเย็นชาและสีหน้าราวกับจะสั่งให้เขารีบลงมือ เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาจึงยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นด้วยมือที่สั่นเทาก่อนจะชี้มันไปยังร่างของเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจ ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและผิดหวัง ราวกับเธอกำลังถามเขาทางสายตาว่า เขาจะทำแบบนั้นกับเธอจริง ๆ น่ะหรือ ที่ผ่านมาเขายังทรมานเธอไม่พออีกหรือไง เขาถึงจะทำเรื่องโหดร้ายกับเธอแบบนี้!
เดรโกสบตาเฮอร์ไมโอนี่อยู่เนิ่นนาน จนเด็กหนุ่มเห็นว่าดวงตาที่เคยดูหวาดกลัวของเด็กสาวเริ่มเปลี่ยนเป็นดวงตาที่เต็มไปด้วยความผิดหวังและเสียใจ ราวกับเธอกำลังตัดพ้อเขาผ่านดวงตาคู่นั้น และเมื่อเป็นเช่นนั้นมัลฟอยก็ไม่อาจจะทำร้ายเธอได้ลง เขาไม่อาจจะทำร้ายผู้หญิงที่เขารักไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว!
เขาลดไม้กายสิทธ์ท่ามกลางความแปลกใจของนายมัลฟอย พ่อของเดรโกดูแปลกใจกับการกระทำของลูกชายของเขา ขณะที่เด็กหนุ่มสารภาพออกมา
“ผมทำไม่ได้” เดรโกพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา หากแต่ดวงตาที่จ้องมองบิดาของเขานั้นแลดูเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก!
.................................................
ราวกับคำพูดของเด็กหนุ่มนั้นได้สะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ในหัวของนายลูเซียสผู้เป็นบิดาของเขาหลายต่อหลายรอบกว่าที่ชายผมบลอนด์จะเข้าใจใจความของมัน และพูดตอบออกมา
“แกว่าอะไรนะ” เขาพูดด้วยสีหน้าที่บอกไม่ถูกว่าดูโกรธหรือตกใจมากกว่ากัน ขณะที่ลูกชายเพียงคนเดียวของเขากำลังยืนประจันหน้ากับเขา ดวงตาสีเงินที่ถอดแบบมาจากเขานั้นกำลังจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาที่ดูเด็ดเดี่ยวอย่างที่นายลูเซียสเองเพิ่งได้เคยเห็นจากลูกชายเป็นครั้งแรก และมันสามารถแปลความหมายได้ว่าเดรโกยอมขัดคำสั่งของเขาดีกว่าที่จะต้องทำร้ายทาสเลือดสีโคลนโสโครกของเด็กหนุ่มเอง
มัลฟอยจ้องมองใบหน้าที่เป็นสีเทาด้วยความโกรธของพ่อก่อนจะพูดออกมา
“พ่อก็รู้ว่าผมไม่ชอบใช้คาถานี้ทรมานคนอื่น” เด็กหนุ่มพูดขึ้นขณะที่พยายามรักษาสีหน้าให้เรียบเฉยราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาและพ่อจะถกเถียงกันเรื่องบทลงโทษที่ทาสของเขาควรจะได้รับ
“ผมเห็นป้าเบลลาทริกซ์ที่ชอบใช้คาถานี้ทรมานใครต่อใครไปทั่ว ผมไม่ชอบมันแม้แต่น้อย” เดรโกสารภาพออกมาตามตรง สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความรังเกียจเมื่อนึกถึงภาพคนอื่น ๆ รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ถูกทรมานด้วยคาถากรีดแทง
นายลูเซียสทำเสียงแปลก ๆ อยู่ในลำคอก่อนจะพูดออกด้วยสีหน้าเย้ยหยัน
“แกมันอ่อนแอ! เพราะเป็นแบบนี้ฉันถึงไม่กล้าจะให้แกกลับไปรับใช้นายท่านอย่างเต็มตัวซะที! เพราะฉันรู้ดีว่าถ้าหากฉันให้แกกลับไปทำหน้าที่ของผู้เสพความตายอีกล่ะก็ แกจะต้องล้มเหลวเหมือนกับภารกิจสังหารดัมเบิลดอร์ที่แกได้รับในตอนนั้น ทั้ง ๆ ที่โอกาสอยู่ตรงหน้าแกแล้วแท้ ๆ แต่แกก็ยังทำมันพังจนได้! แถมแกยังจะนำความเดือดร้อนมาให้ฉันและตัวแกเองอีก แกมันเหมือนแม่ของแกเกินไป!!!” นายลูเซียสกล่าวอย่างเดียดฉันท์ แม้ว่าสีหน้าของเขาจะอ่อนลงบ้างยามที่เขาเอ่ยถึงภรรยาของตนเอง แต่มันก็ไม่ทำให้ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนขึ้นแม้แต่น้อย
เดรโกตวัดสายตาขึ้นมองหน้าพ่อของเขา และนี่เป็นครั้งแรกที่เด็กหนุ่มจ้องมองบิดาด้วยสายตาที่เย็นชาระคนโกรธเกรี้ยว!
“ครับ ผมอาจจะเหมือนแม่มากเกินไป แต่อย่างน้อย ๆ ผมก็ไม่ใช่คนที่ทำร้ายแม้กระทั่งคนในครอบครัวของตัวเอง” เด็กหนุ่มพูดขึ้นอย่างไม่เกรงกลัว ขณะที่บิดาของเขาหน้าขาวซีด นายลูเซียสย่างสามขุมมาทางลูกชาย ไม้เท้าในมือของเขายกขึ้นสูงด้วยโทสะแต่ชายผมบลอนด์ก็ควบคุมอารมณ์ไว้ได้ก่อนที่เขาจะได้ลงมือทำอันตรายเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาเอง ลูเซียสยื่นหน้าเข้ามาใกล้เดรโกพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเงินแบบเดียวกับเขา
“แกอย่าได้บังอาจมาวิจารณ์การกระทำของฉันเดรโก ทุกสิ่งที่ฉันทำลงไปนั้นล้วนแต่เป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดต่อตัวฉันและต่อตระกูลของเรา แต่ที่ฉันเสียใจจนถึงทุกวันนี้มีอยู่เรื่องเดียวเท่านั้นก็คือเรื่องของแกเดรโก ฉันได้แต่ภาวนาว่าแกจะเหมือนฉันมากกว่าแม่ของแก และที่สำคัญแกควรจะมีความเป็นมัลฟอยอยู่ในตัวมากกว่านี้!” ลูเซียสพูดประโยคเหล่านี้ออกมาด้วยน้ำเสียงเดียดฉันท์หากแต่เจือไปด้วยความผิดหวัง เดรโกกัดฟันกรอดเพราะคำพูดของพ่อ
เขากล้าดียังไงมาพูดแบบนี้! ในเมื่อเขาเป็นคนทำลายทุกอย่างลงกับมือของเขา เขาเป็นคนทำลายครอบครัวนี้ลงด้วยการไปรับใช้จอมมารจนตัวเขาเองต้องติดคุก เขาเป็นคนทำร้ายแม่จนเธอเสียสติ แล้วเขายังมีสิทธิ์อะไรที่จะมาพูดให้เดรโกเป็นเหมือนกับเขา เป็นปีศาจร้ายเฉกเช่นเขา!!!
เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น เขารู้สึกถึงอารมณ์โกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในร่างราวกับยาพิษร้ายที่ซึมเข้าสู่กระแสเลือด และนี่เป็นครั้งแรกที่มัลฟอยคิดอยากจะทำร้ายพ่อแท้ ๆ ด้วยมือของเขาเอง! ทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนแม้กระทั่งตอนที่พ่อของเขาเสกคาถาสะกดใจใส่แม่ก็ตาม!
เดรโกจ้องมองบิดาบังเกิดเกล้าของตนเองด้วยสายตาที่ระคนไปด้วยความโกรธและสับสน หากแต่เขาก็ไม่กล้าที่จะลงมือทำอะไรลงไปเพราะถึงอย่างไรชายที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็เป็นพ่อผู้ให้กำเนิดเขา แม้ว่าเขาจะเป็นคน ๆ เดียวกับปีศาจร้ายที่กำลังทำร้ายทุกคนที่เด็กหนุ่มรักก็ตาม
เดรโกใช้เวลาไม่นานนักที่เขาจะสงบสติอารมณ์ลงได้ หลังจากนั้นเขาจึงพูดขึ้นมาว่า
“พ่ออยากให้ผมเป็นเหมือนพ่ออย่างนั้นใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มพยายามจะรักษาน้ำเสียงของเขาให้ราบเรียบ “ถ้าพ่อต้องการอย่างนั้นล่ะก็ งั้นผมก็คงจะต้องขอพ่อเก็บเกรนเจอร์ไว้เป็นทาสของผม” เดรโกพูดออกมาท่ามกลางสีหน้าที่แปลกใจของพ่อของเขา
.................................................
“แกหมายความว่ายังไง” นายลูเซียสถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจขณะที่เดรโกจ้องมองเขาอย่างสงบ
“พ่อก็น่าจะรู้ว่าผมหมายความว่ายังไงนี่ครับ พ่อต้องการให้ผมเป็นเหมือนพ่อ พ่อต้องการให้ผมเป็นคนที่โหดร้าย เลือดเย็น และโหดเหี้ยมเหมือนพ่ออย่างนั้นใช่ไหมครับ” เด็กหนุ่มพูดออกมา
“แก!!!” นายลูเซียสคำราม แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสพูดอะไรออกไปมากกว่านั้นลูกชายของเขาก็ชิงพูดขึ้นก่อน
“ถ้าพ่อต้องการเช่นนั้นผมก็จะเป็นให้พ่อได้ครับ แม้ว่ามันจะต้องใช้เวลาบ้างสำหรับผมในการทำให้ท่านไว้ใจผมอีกครั้ง แต่ผมก็จะอดทนและจะพยายามทำทุกอย่างให้ท่านพอใจ” เดรโกพูดขึ้นพลางนึกย้อนไปเมื่อสองปีก่อน ที่เขาถูกบังคับให้รับตรามารหลังจากที่พ่อของเขาถูกจับเข้าอัซคาบันไม่นานและจอมมารต้องการหาคนมารับภารกิจในการสังหารอัลบัส ดัมเบิลดอร์ และแน่นอนว่าผู้ที่ถูกเลือกให้ทำภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้นั้นก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากเดรโก แม้ว่าเขาจะปรารถนาไม่ให้ตัวเองได้รับเลือกมากเพียงใดก็ตาม เพราะเด็กหนุ่มรู้ดีว่า มีเหตุผลเพียงสองประการเท่านั้นที่จอมมารเลือกให้เขารับภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ในครั้งนี้ ข้อแรกก็คือ เดรโกเป็นผู้เสพความตายเพียงคนเดียวที่กลับเข้าไปที่ฮอกวอตส์ได้อย่างเปิดเผยโดยที่ดัมเบิลดอร์รวมทั้งคนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าที่แขนซ้ายของเขานั้นได้รับการประทับตรามารแล้ว ส่วนเหตุผลข้อสองก็คือจอมมารต้องการลงโทษครอบครัวของเขา ท่านโกรธมากที่พ่อของเขาทำงานที่ได้รับมอบหมายพังอย่างไม่มีชิ้นดีจนตัวเองถูกจับเข้าคุก และเมื่อเป็นเช่นนั้นลอร์ดโวลเดอมอร์จึงหันมาหาลูกชายเพียงคนเดียวของลูเซียสเพื่อให้รับภารกิจแทน อีกทั้งมันยังเป็นการลงโทษพ่อของเขาไปในตัวด้วย เพราะว่าหากเดรโกทำงานพลาดล่ะก็ ครอบครัวของเขาก็จะถูกจอมมารฆ่าสังหารทั้งครอบครัวเป็นแน่
และเดรโกก็ไม่ปฏิเสธว่าเขาเป็นคนทำภารกิจสังหารดัมเบิลดอร์พังเช่นกัน เด็กหนุ่มรู้ดีตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาไม่ใช่มือสังหาร รวมทั้งเขาไม่ต้องการจะลงมือฆ่าใครด้วย แม้คน ๆ นั้นจะเป็นศัตรูของเขาก็ตาม และดูเหมือนจะเป็นโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่ทราบที่เซเวอร์รัส สเนป ยื่นมือเข้ามาจัดการดัมเบิลดอร์ในวินาทีที่เดรโกกำลังจะล้มเลิกความตั้งใจ แม้มัลฟอยจะไม่พอใจมากก็ตามที่สเนปมาแย่งเกียรติยศที่ควรจะเป็นของเขาไป แต่อีกใจหนึ่งเด็กหนุ่มก็นึกขอบคุณอาจารย์สอนวิชาปรุงยาของเขาไม่น้อยที่ทำให้เขาไม่ต้องกลายเป็นฆาตกร และเพราะการทำงานที่ล้มเหลวของเขา ทำให้จอมมารไม่ไว้ใจที่จะมอบภารกิจใดให้เดรโกทำหลังจากนั้นอีกเลย ซึ่งมันเป็นเรื่องดีสำหรับเด็กหนุ่มไม่น้อย เพราะมัลฟอยก็ไม่ได้ต้องการจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับฝ่ายผู้เสพความตายตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
แต่ในทางตรงกันข้ามพ่อของเดรโกที่แหกคุกออกมารวมทั้งเสกคาถาสะกดใจใส่แม่ของเขาต้องการให้เขากลับไปรับใช้จอมมารเหมือนดังเดิม ทั้งที่ลึกแล้ว ๆ นายมัลฟอยก็รู้ดีว่าลูกชายของเขายังไม่มีความสามารถพอที่จะทำงานใหญ่ให้จอมมารได้ และการเสี่ยงให้เด็กหนุ่มกลับมารับหน้าที่ผู้เสพความตายอีกครั้งหนึ่งอาจจะส่งผลร้ายมากกว่าดี ซึ่งสำหรับเดรโกแล้วเขาก็รู้สึกพอใจที่เขาจะไม่ต้องกลับไปรับใช้จอมมารไปอีกซักระยะหนึ่ง เพราะเด็กหนุ่มไม่อาจจะทิ้งแม้ที่ไม่สบายของเขาไว้ที่คฤหาสน์เพียงลำพังได้ และเขาก็หวังมาตลอดว่านายท่านจะลืมไปแล้วว่าเขาเป็นลูกสมุนของคนหนึ่งของท่านเพื่อที่เขาจะใช้ได้ชีวิตที่เหลือเพื่อดูแม่ของเขาไปแบบนี้โดยที่ไม่ต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของผู้เสพความตาย แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เด็กหนุ่มจะไม่คิดเช่นนั้นอีกต่อไปแล้ว
“แต่ถ้าผมกลับไปทำหน้าที่ผู้เสพความตายและเดินตามแนวทางที่พ่อต้องการให้ผมเดินตั้งแต่แรก ก็ถือว่าผมโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ถ้าเช่นนั้นผมก็มีสิทธิ์ที่จะทำทุกอย่างที่พ่อเคยทำ” เด็กหนุ่มพูดอย่างหนักแน่นโดยเฉพาะประโยคสุดท้าย
“แกหมายความว่ายังไง” นายลูเซียสถามลูกชาย แต่สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขาพอจะเข้าใจเรื่องที่เดรโกพยายามจะบอกเขาแล้ว
“พ่อก็รู้นี่ครับว่าผมหมายถึงอะไร อันที่จริงผมต้องพูดว่าผมรู้สิ่งที่พ่อเคยทำไว้มากกว่า และผมก็มีสิทธิ์ที่จะทำอย่างเดียวกับที่พ่อเคยทำ และพ่อก็ไม่มีสิทธิ์จะมาห้ามผม พ่อเคยมีทาสมากมายหลายคนเก็บไว้ในห้องใต้ดินนั่น เพราะฉะนั้นผมเองก็มีสิทธิ์ที่จะมีทาสของผมเหมือนกัน และผมก็มีสิทธิ์ที่จะทำทุกอย่างที่ผมปรารถนากับเธออย่างที่พ่อเคยทำ!” เด็กหนุ่มพูดออกมา ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยพ่อลูกด้วยความตกใจ เธอไม่เคยคิดหรือแม้กระทั่งรู้มาก่อนเลยว่านายลูเซียสเคยมีทาสที่เป็นมนุษย์ด้วย นอกจากเอลฟ์ประจำบ้านที่ทำหน้าที่รับใช้เขาแล้ว
อันที่จริงนายมัลฟอยเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าลูกชายของเขาจะรู้ว่าเขาเคยเก็บทาสจำนวนหลายคนไว้ในห้องใต้ดินของคฤหาสน์แห่งนี้ ทาสที่ว่านั้นมักเป็นเจ้าหน้าที่ของกระทรวงหรือคนของภาคีที่เข้ามาขัดขวางการทำงานของผู้เสพความตาย คนเหล่านี้เมื่อถูกจับมาทรมานให้บอกข้อมูลที่จอมมารต้องการออกมาแล้ว ส่วนหนึ่งถ้าหากว่าไม่เสียสติไปขณะที่ถูกทรมานเขาก็จะถูกยกให้เป็นรางวัลแก่ผู้เสพความตายที่มีความดีความชอบในฐานะทาสซึ่งเป็นสมบัติของผู้เป็นนายเพียงหนึ่งเดียว และนายลูเซียสเองก็เคยได้รับรางวัลเป็นทาสชายหญิงจำนวนหลายต่อหลายคน ซึ่งทาสเหล่านั้นมักจะเป็นพวกเลือดผสมหรือไม่ก็พวกเทรยศต่อเลือดที่พวกผู้เสพความตายเห็นตรงกันว่าเป็นสิ่งที่น่าอับอายสำหรับโลกเวทย์มนต์ พวกเขาจึงมองว่าพ่อมดแม่มดเหล่านี้นั้นไม่ได้มีค่ามากไปกว่าสัตว์อย่างเอลฟ์ประจำบ้านเลยแม้แต่น้อย ฉะนั้นพวกเขาจึงไม่สมควรจะได้รับการปฏิบัติอย่างที่มนุษย์พึงปฏิบัติกับมนุษย์
แม้ว่าจะได้รับรางวัลเป็นทาสจำนวนหลายคนก็ตาม แต่นายลูเซียสก็พยายามปิดบังไม่ให้ลูกชายของเขารู้หรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับทาสเหล่านี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่จำเป็นจะต้องปิดบังก็ตาม แต่นายลูเซียสก็ขังทาสเหล่านั้นไว้ในห้องใต้ดินตลอดเวลาและห้ามคนอื่นนอกจากเขาลงไปที่นั่น ซึ่งเขามักจะลงไปที่ห้องใต้ดินเดือนละสองสามครั้งเพื่อทรมานทาสเหล่านั้นอย่างที่เบลลาทริกซ์ป้าของเดรโกชอบทำ รวมทั้ง ในบางครั้งเขาก็ทำสิ่งที่ผู้ชายปรารถนาจะทำกับผู้หญิงที่เป็นทาสของตน โดยหลังจากที่เขาสาปภรรยาของเขาด้วยคาถาสะกดใจจนหล่อนเสียสติและแทบจะจำเขากับลูกชายไม่ได้เธอจึงไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของภรรยาได้อีกต่อไป ดังนั้นเขาจึงต้องระบายความปรารถนาของเขากับผู้หญิงคนอื่นแทน แม้ว่าผู้หญิงเหล่านั้นจะมีฐานะเป็นแค่ทาสของเขาอีกทั้งหล่อนยังไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์ด้วยก็ตาม
แต่การที่เขาลดตัวลงไปยุ่งเกี่ยวกับทาสหญิงของตนที่ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์นั้นเป็นสิ่งที่ขัดกับอุดมการณ์เรื่องสายเลือดของเขารวมทั้งยังตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาเคยสอนลูกชายของเขาไว้อีกด้วย นายลูเซียสจึงเลือกที่จะปิดปังเรื่องที่เกิดขึ้นกับทุก ๆ คนโดยเฉพาะกับเดรโกซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขา นายมัลฟอยสั่งห้ามใครก็ตามยกเว้นตัวเขาเองไม่ให้ลงไปที่ห้องใต้ดินที่เขาขังบรรดาทาสเหล่านั้นไว้ แต่นายลูเซียสไม่รู้หรอกว่าลูกชายของเขารู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องใต้ดินที่บ้าน และเดรโกเองก็รู้ถึงสิ่งที่พ่อของเขาทำลงไปดีพอ ๆ กับที่ลูเซียสแน่ใจว่าเขาสามารถปกป้องความลับของเขาจากสายตาของลูกชายได้
มัลฟอยยังคงจำได้ดีถึงวันที่เขาค้นพบ ‘ความลับ’ ที่อยู่ในห้องใต้ดินของพ่อซึ่งเด็กหนุ่มอยากรู้มาตลอด เขาสงสัยมาตลอดว่าทำไมพักหลัง ๆ พ่อถึงสั่งห้ามไม่ให้ใครก็ตามเข้าไปที่ห้องใต้ดินที่เดิมเดรโกรู้เพียงแค่ว่าเป็นสถานที่ที่พ่อเอาไว้เก็บสิ่งของศาสตร์มืดเท่านั้น และทำไมพ่อถึงมักใช้เวลาบางส่วนลงไปขลุกอยู่ที่ห้องใต้ดินนั่น แต่ความสงสัยของเดรโกก็หมดไปเมื่อเขาตัดสินใจหลบหลีกสายตาของเอลฟ์ประจำบ้านลงไปที่นั่นเพราะความอยากรู้ว่าพ่อของเขาเก็บอะไรไว้ที่ห้องใต้ดินบ้าง แต่วินาทีแรกที่เด็กหนุ่มได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วสิ่งที่พ่อของเขาเก็บไว้ในห้องใต้ดินนั้นไม่ใช่สิ่งของศาสตร์มืดที่เป็นอันตรายเกินกว่าที่จะให้คนอื่นมาแตะต้อง แต่กลับเป็นทาสชายหญิงหลายต่อหลายคน ความจริงที่ว่านั้นมันทำให้เดรโกถึงกับคลื่นไส้ ถึงแม้ว่าทาสเหล่านั้นจะไม่มีใครรอดชีวิตมาถึงตอนนี้เลยก็ตาม แต่เดรโกก็ไม่มีวันลืมความรู้สึกแรกในวันที่เขาได้ค้นพบความลับของพ่อได้
แม้ว่าเขาควรที่จะรู้สึกภูมิใจกับสิ่งที่เห็นเพราะการที่พ่อของเขาได้รับทาสมากมายเป็นของขวัญจากจอมมารซึ่งมันเป็นเครื่องหมายแสดงความดีความชอบที่พ่อของเขาได้ทำลงไป มันแสดงถึงบารมีของครอบครัวเขาไม่ต่างจากจำนวนเอลฟ์ประจำบ้านที่บ่งบอกถึงความร่ำรวยของตระกูลนั้นแต่เดรโกกลับไม่รู้สึกอะไรไปมากกว่าความขยะแขยงในสิ่งที่เขาได้เห็น ทั้ง ๆ ที่มันเป็นสิ่งที่ตระกูลเลือดบริสุทธิ์ทั่ว ๆ ไปเห็นพ้องกันว่าถูกต้องสมควร แต่เด็กหนุ่มกลับรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจพอ ๆ กับที่เขารู้สึกรังเกียจพวกเลือดผสมทั้งหลาย แต่ในขณะเดียวกันมัลฟอยก็รู้สึกเกลียดตัวเองไม่น้อยเพราะในตอนนี้เขาเองก็เป็นแบบเดียวกับพ่อ เขาทำสิ่งที่น่ารังเกียจอย่างเดียวกับที่พ่อของเขาเคยทำลงไปกับเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นทาสของเขา!
ใบหน้าของลูเซียส มัลฟอย ขาวซีดจนกลายเป็นสีเทา เขามองเดรโกด้วยสายตาราวกับไม่อยากจะเชื่อในเรื่องที่ลูกชายเพิ่งพูดออกมา อันที่จริงเขาไม่อยากจะเชื่อมากกว่าว่าเดรโกจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในห้องใต้ดินนั้น แต่สีหน้าของนายมัลฟอยก็เปลี่ยนไปในเสี้ยววินาที ราวกับเขากำลังพยายามระงับความโกรธและครุ่นคิดบางอย่างอยู่ก่อนที่จะพูดออกมา
“แกรู้ได้ยังไง” เสียงของนายลูเซียสที่กระซิบรอดไรฟันออกมานั้นฟังดูเหมือนเสียงขู่ฟ่อ ๆ มากกว่าเสียงของมนุษย์ทั่วไป ดวงตาสีเงินของเขาจ้องมองเดรโกราวกับต้องการอ่านใจ มันทำให้เขาถึงกับขนลุก
“ผมรู้ก็แล้วกันว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องใต้ดินนั่น แล้วผมก็รู้มานานแล้วด้วย แต่ผมไม่เคยบอกพ่อว่าผมรู้ก็เท่านั้น” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูแข็งกระด้าง
“แกไม่ควรจะไปรับรู้เรื่องพวกนั้นเดรโก อีกอย่างแกก็ไม่มีสิทธิ์มาใช้สายตาแบบนี้กับฉัน เพราะฉันมีสิทธิ์ที่จะทำทุกอย่างที่ฉันต้องการกับทาสของฉัน” ลูเซียสพูดขึ้น
“ผมเองก็มีสิทธิ์ที่จะทำทุกอย่างที่ผมต้องการกับทาสของผมเช่นกัน” เด็กหนุ่มเถียง “ผมไม่ต้องการลงโทษเกรนเจอร์ตอนนี้ โดยเฉพาะด้วยคาถากรีดแทง เพราะมันรังแต่จะทำให้เธอเสียสติไปก่อนเปล่า ๆ แต่ที่ผมต้องการก็คือผมอยากจะเก็บเธอไว้ในฐานะทาสของผม ผมอยากจะค่อย ๆ ทรมานเธออย่างที่พ่อเคยทำกับทาสของพ่อเอง” เขาพูดออกมา นายมัลฟอยมองหน้าลูกชายด้วยสายตาที่เรียกว่ามากกว่าคำว่าแปลกใจ ราวกับเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาแปลกใจที่เดรโกกล้าเถียงเขาแบบนี้ หรือแปลกใจที่เด็กหนุ่มต้องการเก็บเฮอร์ไมโอนี่ไว้เป็นทาสกันแน่
เมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นบิดา มัลฟอยจึงเสริมเข้าไปสั้น ๆ ว่า
“อีกอย่างพ่อเองก็อยากให้ผมทำแบบนี้มาตั้งแต่แรกแล้วนี่ครับ พ่ออยากให้ผมมีทาสของตัวเองแบบเดียวกับพ่อพ่อถึงสอนคาถาสัญญาทาสชั่วนิรันดร์นี่ให้กับผม เพราะพ่อคิดว่าผมคงต้องได้ใช้มันเข้าซักวัน และผมก็ได้ใช้มันเข้าจริง ๆ แถมใช้กับยายเลือดสีโคลนนี่ด้วย พ่อน่าจะพอใจมากกว่าที่ต่อไปนี้มันจะไม่มีทางหนีไปจากที่นี่ได้อีกแล้ว มันจะต้องอยู่ที่นี่เพื่อเป็นเหยื่อล่อพอตเตอร์ตามที่จอมมารต้องการ และแผนการของท่านก็จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี” เดรโกพูดพร้อมกับเหลือบไปมองเฮอร์ไมโอนี่แล้วยิ้มชั่วร้าย แม้ว่าเด็กหนุ่มจะแกล้งทำมันขึ้นมาก็ตาม แต่เด็กสาวกลับเชื่อว่าทั้งหมดที่เขาพูดมารวมทั้งรอยยิ้มเย้ยหยันนั่นคือสิ่งที่มัลฟอยตั้งใจทำจริง ๆ
ลูเซียสมองลูกชายสลับกับทาสของเขาอย่างชั่งใจ จนในที่สุดชายผมบลอนด์ก็ตัดสินใจได้
“ก็ได้ ถ้าแกอยากจะเก็บมันไว้เป็นทาสของแกฉันก็จะไม่ขัดอะไรแกเดรโก” นายลูเซียสพูดกับลูกชายที่มีสีหน้าโล่งอกขึ้นไม่น้อย แต่เขาก็พยายามปิดบังมันไว้อย่างน้อย ๆ ก็กับพ่อของเขาเอง
“แล้วฉันก็จะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องของแกกับทาสของแกด้วย” ริมฝีปากของนายมัลฟอยกระตุกอย่างรังเกียจเมื่อเขาต้องเรียกเฮอร์ไมโอนี่ในฐานะทาสของเดรโก “ฉันรู้ว่าแกมีสิทธิ์ที่จะทำทุกอย่างที่แกต้องการกับมัน แล้วฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้ แต่ฉันจะบอกแกก่อนเลยนะว่าฉันไม่ต้องการเห็นหน้ามันบนนี้อีก” เขาตวัดสายตามามองทางเฮอร์ไมโอนี่ มีแววรังเกียจเด่นชัดในดวงตาสีเงินของเขา
“อีกอย่างก็คือ” เขาเอี้ยวตัวเข้ามาใกล้ลูกชายและกระซิบบางอย่างกับเด็กหนุ่ม แม้ว่าน้ำเสียงนั้นจะแผ่วเบาแต่เฮอร์ไมโอนี่กลับได้ยินมันชัดเจน
“ฉันรู้ว่าแกคงไม่เก็บมันไว้ทรมานเฉย ๆ แน่ แม้ว่าฉันจะไม่อยากจะยุ่งเรื่องนี้ก็เถอะ แต่ฉันก็ขอเตือนแกไว้ก่อนเลยนะเดรโก ถ้ามันเกิดพลาดขึ้นมาล่ะก็ ถ้าเกิดสายเลือดบริสุทธิ์ของเราต้องไปเจือปนกับเลือดโสมมของนังเลือดสีโคลนนี่ แกคงรู้นะว่าถึงตอนนั้นฉันจะทำยังไง เพราะฉันจะไม่ยอมให้เลือดของตระกูลมัลฟอยที่สูงส่งต้องไปแปดเปื้อนกับเลือดโสโครกของนังเด็กนี่แน่นอน!” นายลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำให้หัวใจเดรโกรวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่แกว่งวูบด้วยความกลัว เพราะทั้งสองรู้ดีว่าอะไรจะเกิดขึ้นหากเฮอร์ไมโอนี่พลาดพลั้งตั้งท้องลูกของเดรโกขึ้นมา แน่นอนว่านายลูเซียสคงไม่ปล่อยให้เธอรวมทั้งลูกในท้องมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างแน่นอน
แม้ว่าจะหวาดกลัวกับคำพูดของพ่อเพียงใด แต่เดรโกก็พยายามบีงคับสีหน้าให้เรียบเฉยให้มากที่สุด เท่าที่จะทำได้ อย่างน้อย ๆ เขาก็ต้องไม่ทำตัวมีพิรุธขึ้นมาในตอนนี้ ขณะที่ทุกอย่างกำลังจะไปได้ดีแบบนี้ เขาอุตส่าห์หลอกพ่อให้เชื่อได้แล้วว่าเขาอยากเก็บเฮอร์ไมโอนี่ไว้เพื่อแก้แค้น เพราะฉะนั้นเขาต้องไม่ทำมันพังในวินาทีสุดท้ายแบบนี้
“ครับ ผมรู้ดีครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่บังคับให้ดูราบเรียบ ราวกับเขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับสิ่งที่นายลูเซียสเพิ่งพูดเมื่อครู่นี้
สีหน้าของนายมัลฟอยดูพอใจมากขึ้น เขาพูดออกมาสั้น ๆ
“ดี ทีนี้ก็เอานังเด็กเลือดสีโคลนนี่ออกไปจากที่นี่ได้แล้ว แล้วห้ามมันขึ้นมาข้างบนนี่อีก ฉันไม่ต้องการให้พวกเลือดสกปรกอย่างมันมาทำห้องนอนของแกเปรอะเปื้อน” นายลูเซียสตวาดพร้อมกับมองไปที่เด็กสาวอย่างจงเกลียดจงชัง เดรโกพยักหน้าน้อย ๆ ขณะที่เขาใช้คาถายกร่างของเธอขึ้นมาจากพื้น สายตาที่มัลฟอยให้มองเธอนั้นแฝงไว้ด้วยความเป็นห่วงแต่ก็เพียงแค่แวบเดียวเท่านั้นมันก็หายไปก่อนที่พ่อของเขาจะสังเกตเห็น
เมื่อเด็กสาวยืนขึ้นได้แล้ว แม้ว่ามันออกจะลำบากไปบ้างสำหรับเธอก็ตาม เด็กหนุ่มก็สั่งให้เธอเดินตามเขาออกไปจากห้อง
“เดี๋ยวก่อน” นายลูเซียสพูดขึ้น ก่อนที่ทั้งสองจะก้าวออกจากธรณีประตู
เดรโกมองพ่อของเขาอย่างแปลกใจ เช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ เพียงแต่สายตาของเด็กสาวที่มองนายมัลฟอยนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชังและหวาดกลัวมากกว่าของเดรโกเท่านั้น แต่เด็กหนุ่มก็สารภาพได้ว่าเขาเองก็กลัวไม่น้อยว่าละครที่เขาเล่นมาอย่างดีจะมาพังเอาตอนจบ หรือว่าพ่อดูออกแล้วว่าเขารู้สึกยังไงกับเฮอร์ไมโอนี่และรู้ว่าที่เขาตั้งใจจะเก็บเธอไว้นั้นไม่ใช่เพื่อเอาไว้แก้แค้น แต่เป็นเพราะเดรโกไม่อาจทนเห็นผู้หญิงที่เขารักต้องทรมานเพราะคาถากรีดแทงได้ต่างหาก
เด็กหนุ่มหันไปสบดวงตาสีเงินแบบเดียวกับเขาหากแต่มันดูสุขุมกว่า สงบนิ่งกว่า และโหดเหี้ยมมากกว่า “ครับ” เขาพูดออกไปเบา ๆ และรอรับฟังสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
นายลูเซียสมองภาพเฮอร์ไมโอนี่ยืนตัวสั่นอยู่ข้าง ๆ เดรโกด้วยสายตารังเกียจ ก่อนที่เขาจะตวัดสายตากลับมาที่ลูกชายเพียงคนเดียวของเขา
“แกสั่งให้นังเด็กนี่ออกไปก่อน ส่วนแกต้องอยู่ที่นี่ ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกตามลำพัง” เขาพูดกับลูกชายโดยการลงเสียงเน้นหนักที่ประโยคสุดท้าย ขณะที่เดรโกมีสีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุด เพราะเขานึกไม่ออกเลยว่าพ่อต้องการจะพูดอะไรกับเขาหรือพ่อกำลังจะบอกมัลฟอยว่าเขาดูละครตบตาของเขาออกตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้
แต่ถึงจะกังวลเพียงไรเดรโกก็รู้ดีว่าเขาไม่อาจจะปฏิเสธคำสั่งของพ่อได้
“ครับ” เด็กหนุ่มตอบออกมาสั้น ๆ ก่อนที่เขาจะตะโกนขึ้น “ดีน่า!”
สิ้นเสียงของเดรโกเอลฟ์ตัวจ้อยที่มีดวงตาสีฟ้าสดใสก็ปรากฏตัวขึ้น ดีน่าก้มศีรษะเคารพนายลูเซียสอย่างเกรงกลัวก่อนจะหันมาทางเดรโก “นายน้อยมีอะไรให้ดีน่ารับใช้หรือเจ้าคะ” มันถามขึ้น
“พาเกรนเจอร์กลับไปที่ห้องนอน แล้วก็เฝ้าเธอไว้ห้ามไม่ให้ออกจากห้องเด็ดขาดจนกว่าฉันจะสั่ง” เขาสั่งเอลฟ์ด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ที่ฟังดูไร้ความรู้สึก ซึ่งมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกใจหาย แต่เธอยังจะคาดหวังอะไรจากเขาอีกล่ะ ในเมื่อตอนนี้เธอได้ตกเป็นทาสของเขาแล้ว ชีวิตของเธอเป็นของเขา และมันจะอยู่รอดต่อไปอีกนานแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับเด็กหนุ่มผมบลอนด์คนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น!
เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นจ้องมองเดรโก และทันทีที่ดวงตาสีน้ำตาลที่แสนจะบอบช้ำของเธอสบเข้ากับดวงตาสีเงินที่แสนจะเย็นชาของเขานั้น จู่ ๆ เด็กสาวก็เห็นแววอ่อนโยนปรากฏขึ้นในดวงตาคู่นั้นของเขา มันแลดูห่วงหาจนเกือบจะดูเหมือนเสียใจ แต่ก็เพียงแต่แวบเดียวเท่านั้นมันก็เปลี่ยนไปเป็นแววตาเย็นชาแบบเดิมที่มัลฟอยมี และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นก็รวดเร็วมากพอจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่าเธอแค่ตาฝาดไปเท่านั้น
แต่ถึงเด็กสาวไม่ตาฝาดเธอก็คงไม่มีวันเชื่อหรอกว่าคนอย่างเดรโก มัลฟอยจะมาห่วงใยเธอ ใช่ เธออาจจะเคยเชื่อเรื่องเหลวใหลแบบนั้น แต่ที่เธอเชื่อนั่นเป็นเพราะคำโกหกบวกกับการเล่นละครตบตาที่แนบเนียนของเด็กหนุ่มที่ทำให้เธอคิดจริง ๆ ว่าเขารักเธอ แต่ไม่นานความจริงทั้งหมดก็เปิดเผยว่าเขาไม่ได้รักเธอเลย แต่เขาต้องการตัวเธอไว้เพื่อประโยชน์บางอย่างเท่านั้น และถ้าเธอหมดประโยชน์ที่มีต่อเขาเมื่อไหร่เขาก็คงฆ่าเธอทิ้งได้ไม่ต่างจากแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น เฮอร์ไมโอนี่พยายามย้ำกับตัวเองแบบนั้น แต่ในตอนที่เดรโกพยายามจะปกป้องเธอจากนายลูเซียสเธอก็อดคิดไม่ได้เลยว่าเดรโกอาจจะเป็นห่วงเธอจริง ๆ ก็ได้ ซึ่งเด็กสาวรู้ดีอยู่แล้วว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้
ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังปล่อยใจตัวเองไปกับความคิดอยู่นั้น เสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้นและปลุกเธอขึ้นจากภวังค์
“คุณคะ คุณคะ” มันเป็นเสียงของดีน่านี่เอง เสียงแหลมเล็กของมันเรียกให้เธอหันไปสนใจร่างเล็กจ้อยของเอลฟ์สาว “นายน้อยสั่งให้คุณกลับไปที่ห้องค่ะ” เอลฟ์เตือน ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเดรโกไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งผ่านเอลฟ์อีกทีก็ได้ เพราะในตอนนี้เธอเป็นทาสของเขาแล้ว เธอย่อมจะต้องเชื่อฟังเขาทุกอย่างอย่างไม่มีโอกาสจะขัดขืน
เด็กสาวพยักหน้าเบา ๆ และเดินออกจากห้องไปโดยมีดีน่าเดินตามหลังมาติด ๆ แต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้ก้าวออกจากห้องไปเฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินมัลฟอยกระซิบบางอย่างกับเอลฟ์ประจำบ้านของเขา เด็กสาวจับใจความได้แค่ว่า ‘ดูแลเธอด้วย ’ เท่านั้น แม้จะแปลกใจอยู่มากที่เด็กหนุ่มสั่งให้เอลฟ์ของเขาดูแลเธอ แต่เมื่อคิดอีกทีเขาอาจจะกลัวว่าจะเป็นอะไรไปก่อนที่เขาจะได้แก้แค้นก็ได้ เพราะว่าเหตุผลเดียวที่เดรโกเก็บเธอไว้เป็นทาสของเขาก็เพื่อแก้แค้นเท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นนอกเหนือไปจากนั้นเลย เธอคิดเช่นนั้น
แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้เลยว่าเธอคิดผิดอย่างมหันต์!!!
.................................................
หลังจากเฮอร์ไมโอนี่รวมทั้งดีน่าออกไปจากห้องแล้วเดรโกก็หันมาเผชิญหน้าพ่อของเขาที่กำลังมองเขาด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม
“พ่อมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ” เขาถามด้วยสีหน้าที่เรียบเฉย ขณะที่นายลูเซียสมองลูกชายของเขาด้วยแววตาประเมิน บางอย่างในดวงตาของพ่อบอกเด็กหนุ่มว่าเขายังคงไม่พอใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี่อยู่
“ฉันกับเซเวอร์รัสมีเรื่องจะคุยกับแก เกี่ยวกับภารกิจของจอมมารและนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันกลับมาถึงคฤหาสน์ก่อนเวลาเพื่อมาเจอแกกับนังเลือดสีโคลนนั่น......” ลูเซียสกัดริมฝีปาก ราวกับสิ่งที่เขาคิดจะพูดออกมานั้นมันสกปรกเกินกว่าจะผ่านริมฝีปากของเขาออกมาได้
เดรโกไม่ใส่ใจกับท่าทีของพ่อ เพราะเด็กหนุ่มกำลังแปลกใจในอีกเรื่องมากกว่า
“สเนปเหรอครับ เขาเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้” มัลฟอยถาม
ลูเซียสมองลูกชายพลางทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ ซึ่งนั่นบอกเดรโกว่าเขากำลังไม่พอใจอยู่
“เขาเป็นคนหนึ่งที่รับหน้าที่ดูแลแผนการนี้ มันเป็นแผนการลับสุดยอดที่มีแต่ผู้เสพความตายที่นายท่านไว้วางใจเท่านั้นที่จะได้รับรู้” น้ำเสียงของนายมัลฟอยฟังดูภาคภูมิใจที่เขาได้เป็นหนึ่งในผู้เสพความตายที่ได้รับความไว้วางใจจากจอมมารซึ่งนั่นทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกขยะแขยงมากกว่าอะไรทั้งหมด
“แล้วมันผมเกี่ยวอะไรด้วยล่ะครับ ในเมื่อมันเป็นงานของผู้เสพความตายที่นายท่านไว้วางใจเท่านั้น” เดรโกถาม นายลูเซียสมองลูกชายด้วยสายตาเฉียบคม ราวกับเด็กหนุ่มพูดอะไรบางอย่างที่หยาบคายมาก ๆ ออกมา
“ที่ฉันจะให้แกมารับรู้เรื่องนี้ด้วยก็เพราะว่าแกเป็นลูกชายของฉันน่ะสิ!” ลูเซียส แผดเสียงออกมา ใบหน้าของเขาเป็นสีเทาด้วยความโกรธ ขณะที่ดวงตาสีเงินแบบเดียวกับเดรโกจ้องมองลูกชายด้วยความผิดหวัง ราวกับว่าเขากำลังพยายามมองหาความเป็นมัลฟอยที่มีอยู่เพียงน้อยนิดในตัวของเดรโก
‘พ่อก็รู้ว่าผมไม่ต้องการจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องศาสตร์มืดพวกนี้ อันที่จริงแล้วผมไม่ต้องการจะเป็นลูกของพ่อด้วยซ้ำ!’ เด็กหนุ่มได้ยินตัวเองตอบบิดาออกไปอย่างนั้น แต่โชคดีเหลือเกินที่คำตอบที่ว่านั้นอยู่แค่ในหัวของเขาเท่านั้น มันไม่ได้ผ่านริมฝีปากเรียวซีดของเดรโกออกไปให้ลูเซียส มัลฟอยรับรู้แต่อย่างใด
“ผมแค่สงสัยว่าทำไมพ่อถึงจะเปิดเผยเรื่องที่เป็นความลับแบบนี้กับผมซึ่งไม่ได้เป็น.....ลูกสมุนที่นายท่านไว้วางใจด้วยล่ะครับ ผมคิดว่าท่านคงต้องไม่พอใจมากแน่ ๆ ถ้าหากท่านรู้เรื่องนี้” เขาถามออกไปอย่างชาญฉลาด
นายลูเซียสถอนหายใจ
“ที่ฉันบอกแกก็เพราะว่าแกเป็นลูกชายของฉัน อันที่จริงจอมมารก็ต้องการให้แกรู้เรื่องแผนการนี้ด้วยเพราะท่านต้องการให้แกกลับมารับใช้ท่านในเวลาที่พวกเรากำลังต้องการกำลังคนแบบนี้” นายมัลฟอยหยุดพูดพลางเดินเข้ามาใกล้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาจนเดรโกมองเห็นแม้กระทั่งภาพของตนเองที่สะท้อนอยู่ในดวงตาสีเงินของผู้เป็นบิดา
“ความจริงที่ฉันกลับมาบ้านในวันนี้ ฉันได้รับคำสั่งจากจอมมารมาหลายอย่าง อย่างแรกคือให้เราจับตาดูนังเด็กเลือดสีโคลนนั่นไว้ให้ดี ซึ่งฉันคิดว่าฉันคงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้อีกแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“ส่วนอีกเรื่องก็คือ ให้ฉันมาเอาตัวแกกลับไปรับใช้ท่านอีกครั้ง แน่นอนว่าในคราวนี้นายท่านคงมีภารกิจให้แกทำหลังจากที่แกค่อนข้างจะว่างเว้นจากการรับใช้ท่านไปนานพอสมควร ซึ่งตอนแรกฉันเองก็คิดว่าแกจะพยายามหลีกเลี่ยงหน้าที่นี้เหมือนอย่างที่ผ่านมา แต่ฉันก็ได้รู้แล้วว่าฉันคิดผิด” เขาพูดพลางละสายตาจากลูกชายแล้วมองไปยังรูปวาดครอบครัวของเขาซึ่งวาดไว้ตั้งแต่ตอนที่นางนาร์ซิสซายังไม่เสียสติ
“ส่วนเรื่องสุดท้าย นายท่านก็สั่งให้ฉันบอกแกเรื่องแผนการของนายท่านที่จะล่อพอตเตอร์มาติดกับโดยใช้นังเลือดสีโคลนนั่นเป็นเหยื่อล่อ แผนการนี้มีคนรู้อยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้นและหนึ่งในนั้นคือเซเวอร์รัสที่ได้รับการถ่ายทอดแผนการมาจากนายท่านโดยตรง และเขากำลังจะตามมาที่คฤหาสน์ในไม่ช้านี้ ฉันอยากให้แกไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยและไปพบฉันพร้อมกับเซเวอร์รัสที่ห้องหนังสือในครึ่งชั่วโมง” นายลูเซียสสั่งพลางย่นจมูกราวกับลูกชายของเขาไปเกลือกกลิ้งกับอะไรบางอย่างที่สกปรกโสโครกมา
“ครับ” เดรโกรับคำด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย แต่สีหน้าของเขากลับดูหวาดหวั่นและลังเลอยู่ไม่น้อย
นายลูเซียสพยักหน้าให้กับลูกชาย แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องนอนของเด็กหนุ่มไป เดรโกก็พูดอะไรบางอย่างขึ้นมาก่อน
“แล้วผมจำเป็นต้องเข้าไปพบนายท่านที่ศูนย์บัญชาการศาสตร์มืดหลังจากนี้ด้วยหรือเปล่าครับ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่บอกได้เลยว่าเขาเองก็หวั่นใจอยู่ไม่น้อย นายลูเซียสหันมามองลูกชายแวบหนึ่งด้วยสายตาที่เย็นชา
“ฉันจะบอกเรื่องนั้นกับแกทีหลัง รีบไปแต่งตัวเสีย อีกไม่นานเซเวอร์รัสคงจะมาถึงแล้ว” เขาพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเดินออกจากห้องไป
.................................................
หลังจากนายลูเซียสออกจากห้องไปเดรโกก็ลงมือเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาเลือกสวมเสื้อคลุมที่ดูเป็นทางการมากกว่าตัวที่เขาสวมอยู่ในตอนที่เพิ่งตื่นนอน ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปเด็กหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาและพบว่าเขายังเหลือเวลาอีก 15 นาทีก่อนที่จะต้องลงไปที่ห้องหนังสือตามคำสั่งของพ่อมัลฟอยจึงแวะไปดูเฮอร์ไมโอนี่ที่ห้องนอนของเธอ
เมื่อเดรโกเดินมาถึงห้องนอนของเด็กสาวที่อยู่บริเวณปีกตะวันตกซึ่งเมื่อครู่เขาได้สั่งให้ดีน่าพาเธอกลับมาพักผ่อนที่นี่ และเมื่อเด็กหนุ่มเดินเข้าไปใกล้ห้องของเธอเขาก็พบร่างเล็กจ้อยของเอลฟ์สาวกำลังยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูห้อง
“แกมาทำอะไรที่นี่” เดรโกถามขึ้น
“นายน้อย” ดีน่าสะดุ้งเฮือกเมื่อเห็นการมาของเจ้านาย มันรีบก้มศีรษะลงต่ำพร้อมกับตอบคำถามทันที
“ดีน่า......” เอลฟ์อ้ำอึ้ง
“ฉันถามว่าแกมาทำอะไรที่นี่ ฉันสั่งให้แกดูแลเกรนเจอร์ไม่ใช่เหรอ” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม เดรโกไม่ต้องการให้เฮอร์ไมโอนี่อยู่คนเดียว หลังจากเกิดเหตุการณ์ทั้งหมดนี่ขึ้นมา ซึ่งมันโหดร้ายเกินกว่าที่เธอจะรับไหว เขากลัวเหลือเกินว่าเด็กสาวจะยอมรับมันไม่ได้จนหาทางออกด้วยวิธีโง่ ๆ
“ดีน่าพยายามแล้วค่ะนายน้อย ดีน่าเองก็ต้องการดูแลคุณผู้หญิง แต่เธอไม่ยอมให้ดีน่าอยู่ในห้องเจ้าค่ะ เธอไล่ดีน่าออกมา” ดีน่าพูดด้วยเสียงที่สั่นเทา ราวกับมันกลัวว่าเดรโกจะลงโทษมันในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
ใบหน้าของเด็กหนุ่มซีดลงทันที เขามองไปยังบานประตูที่ปิดสนิทนั้นด้วยความไม่สบายใจ
“แต่ดีน่าหาอะไรให้คุณผู้หญิงทานอย่างที่นายน้อยสั่งแล้วนะเจ้าคะ แต่เธอไม่ยอมทานน่ะเจ้าค่ะ เธอเอาแต่......ร้องไห้และบอกดีน่าว่าอยากอยู่คนเดียว ดีน่าก็เลย........” เอลฟ์อธิบาย
เดรโกถอนหายใจ เขารู้ดีว่าตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่บอบช้ำทั้งทางร่างกายและจิตใจแค่ไหน มันย่อมเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะไม่ยอมแตะต้องอาหารและเอาแต่ร้องไห้ แม้ว่าเขาจะสามารถสั่งให้เธอทานอาหารอย่างที่เขาต้องการได้ แต่มันจะมีประโยชน์อะไรที่จะไปบังคับใจเธอเล่า เพราะเท่าที่ผ่านมาเขาก็ทำร้ายเธอมามากพอแล้ว
เด็กหนุ่มเดินไปที่ประตูห้องของเด็กสาวและยกมือข้างหนึ่งขึ้นในเชิงว่าจะเคาะลงบนประตูบานนั้นแต่มันกลับชะงักอยู่กลางอากาศเมื่อเขาได้ยินเสียงสะอื้นแผ่วเบาที่ดังมาจากหลังประตูบานนั้น เดรโกมองมันอย่างหนักใจก่อนจะลดมือลงและหันไปพูดกับดีน่า
“แกเข้าไปดูแลเธอซะ ฉันไม่ต้องการให้เธออยู่คนเดียว” เขาสั่งเรียบ ๆ และขณะที่เอลฟ์มีทีท่าลำบากใจเขาจึงเสริมไปอีกว่า “ฉันรู้ว่าเธออยากอยู่ตามลำพัง แต่ไม่ว่าเธอจะพูดยังไงแกก็ห้ามปล่อยเธอทิ้งไว้คนเดียวเด็ดขาดเข้าใจไหม” เดรโกกำชับกับดีน่าที่พยักหน้าขึ้นลงจนหูของมันกระพือ
“อีกอย่าง ฉันอยากให้แกดูแลเธอให้ดีด้วย และถ้าเธอไม่ยอมกินอะไรหรือเอาแต่ร้องไห้ก็ให้เอายานอนหลับใส่ในเครื่องดื่มให้เธอดื่มเสีย เข้าใจไหม” มัลฟอยกำชับด้วยความเป็นห่วง เฮอร์ไมโอนี่เจออะไรที่หนักหนาสาหัสมามากพอแล้ว และร่างกายรวมทั้งจิตใจของเธอสมควรจะได้รับการเยียวยาบ้าง
“เจ้าค่ะ ดีน่าจะทำตามที่นายน้อยสั่ง ว่าแต่นายน้อยต้องการให้ดีน่าบอกอะไรคุณผู้หญิงไหมคะ ดีน่าบอกเธอได้ไหมคะว่านายน้อยสั่งให้ดีน่ามาดูแลเธอ” เอลฟ์ถามอย่างชาญฉลาด ราวกับว่ามันรู้อยู่แล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องไม่ยอมให้มันเข้าไปอยู่ในห้องที่มันเพิ่งถูกไล่ออกมาด้วยแน่ และทางเดียวที่เธอจะยอมให้เอลฟ์อยู่คอยดูแลก็คือดีน่าต้องบอกเด็กสาวว่ามัลฟอยสั่งมันมาอีกที
เดรโกมีสีหน้าลำบากใจ แม้ว่าในใจของเขาจะเป็นห่วงเฮอร์ไมโอนี่มากแค่ไหน แต่ลึก ๆ แล้วเด็กหนุ่มก็ไม่อยากให้เธอรู้อยู่ดีว่าเขาเป็นห่วงเป็นใยทาสอย่างเธอทั้ง ๆ ที่จริงแล้วความรู้สึกที่เขามีต่อเธอนั้นมันเกินคำว่าเป็นห่วงไปมากมายหลายเท่านัก
มัลฟอยกลืนน้ำลายก่อนจะตอบออกมา
“ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก แค่บอกเกรนเจอร์ว่าแกต้องทำตามคำสั่งของฉันก็เท่านั้น แต่ไม่ต้องบอกรายละเอียดกับเธอ หรือถ้าเธอถามก็ให้บอกว่าฉันกลัวว่าเธอจะหนีก็เลยให้แกมาจับตาดูเธอก็เท่านั้น” เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูเย็นชาแต่กลับมีแววห่วงหาอยู่ในดวงตาสีเงินทั้งสองข้างของเขา
“แต่นายน้อยก็ทราบดีว่าคุณผู้หญิงหนีนายน้อยไปไหนไม่ได้แล้วนี่เจ้าคะ คุณผู้หญิงเป็นสมบัติของนายน้อยแล้ว” เอลฟ์รู้เพราะมันสังเกตเห็นตราทาสที่มือของเฮอร์ไมโอนี่ ซึ่งสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเธอเป็นสมบัติของ ‘เดรโก มัลฟอย’ แต่เพียงผู้เดียว
สมบัติอย่างนั้นรึ ใช่แล้ว ร่างกายของเธอเป็นสมบัติของเขา ในขณะที่หัวใจของเขากลับตกเป็นของเธอโดยที่เธอไม่เคยจะรู้ตัวเลย เดรโกคิดอย่างขมขื่น แต่เขาก็เลือกที่จะไม่แสดงความรู้สึกนั้นออกไปทางใบหน้า เขาไม่ต้องการเปิดเผยความรู้สึกนี้ออกไปให้ใครรู้ แม้กระทั่งเอลฟ์ประจำบ้านอย่างดีน่าก็ตาม
จู่ ๆ เด็กหนุ่มก็รู้สึกปวดแปลบที่หัวใหล่ขึ้นมา เขายกมือขึ้นกุมบาดแผลที่ได้รับมาจากเมื่อคืนเบา ๆ และแน่นอนว่าการกระทำนั้นไม่อาจจะรอดสายตาของเอลฟ์สาวไปได้
“นายน้อยเป็นอะไรเจ้าคะ นายน้อยเจ็บแผลอย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ดีน่าพูดอย่างตื่นตระหนก ราวกับว่าอาการเจ็บปวดเพียงเล็กน้อยของมัลฟอยนั้นสร้างความตกใจอย่างใหญ่หลวงให้มัน
“ฉันไม่เป็นไร” เขาพูดออกมาเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่เขารู้สึกปวดร้าวราวกับกล้ามเนื้อตรงนั้นถูกบิด เดรโกกัดริมฝีปากเพื่อกลั้นไม่ได้ตนเองร้องออกมา
“แต่ หน้านายน้อยซีดมากเลยนะเจ้าคะ ให้ดีน่าไปบอกนายท่านให้ตามผู้บำบัดมาที่นี่ดีไหมเจ้าคะ” เอลฟ์เสนอ แต่เด็กหนุ่มกลับปรามมันด้วยสายตา ไม่นานนักความเจ็บปวดก็หายไป เดรโกลดมือข้างที่กุมหัวไหล่อยู่ลงพร้อมกับมองไปที่ดีน่าอย่างเย็นชา
“ไม่ต้อง แกไม่ต้องยุ่งอะไรทั้งนั้น แล้วก็ห้ามบอกเรื่องนี้กับใครด้วย แกแค่ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ” มัลฟอยสั่งด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตรงนั้นโดยไม่หันกลับมามองเลย
*************************************************
ความคิดเห็น