ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เธอคือทาสหัวใจของฉัน [ เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย ]

    ลำดับตอนที่ #13 : หลบหนี: Escape

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 10.5K
      178
      17 มิ.ย. 55



                   ***Chapter 13 หลบหนี****

     

     




    หลังจากสะกดนิ่งมัลฟอยแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็รีบออกจากห้องนอนของเด็กหนุ่มพร้อมกับไม้กายสิทธิ์ของเขาทันที  เธอต้องรีบไปที่ห้องหนังสือของนายลูเซียสเพื่อใช้ไม้กายสิทธิ์ที่ขโมยมาเปิดทางลับที่อยู่หลังแผนที่  แล้วก็ใช้ทางลับนั้นหนีไปจากที่นี่เพื่อกลับไปหาเพื่อนทั้งสอง!

    เด็กสาวเปิดประตูห้องนอนของมัลฟอยออกอย่างระมัดระวัง  พลางมองสำรวจทางเดินหน้าห้องนอนของเขาอย่างรอบคอบ  เผื่อว่าเกิดมีเอลฟ์ตัวไหนมาเพล่นพล่านแถวนี้แล้วพบเธอเข้าคงไม่ดีแน่  แม้ว่าเธอจะมีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือก็ตาม  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อยากเสี่ยงที่จะปลุกเอลฟ์ทั้งบ้านให้ตื่นขึ้นมาด้วยเสียงร่ายคาถาของเธอ  หรือแม้กระทั่งทำร้ายพวกมันตัวใดตัวหนึ่งนัก  เธอต้องการออกไปจากที่นี่อย่างเงียบ ๆ

    และดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างเธอในค่ำคืนนี้  เพราะตอนหัวค่ำมัลฟอยสั่งเอลฟ์ประจำบ้านไว้ว่าเขาอยากพักผ่อนและไม่ต้องการให้พวกมันมารบกวน  ทางเดินหน้าห้องนอนของเด็กหนุ่มจึงเงียบกริบปราศจากสัญลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตใด ๆ ทั้งสิ้น  และนั่นก็ช่วยให้เด็กสาวไปยังห้องหนังสือได้อย่างราบรื่น

    ภายในเวลาไม่เกินห้านาทีหลังจากนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็มายืนอยู่หน้าประตูไม้ขัดมันเงาวับที่เป็นทางเข้าไปยังห้องหนังสือของนายมัลฟอย  เด็กสาวรู้สึกว่าอกของเธอกำลังจะระเบิดด้วยความตื่นเต้น  เธอได้กลิ่นอายของอิสรภาพอยู่ใกล้แค่เอื้อม  เฮอร์ไมโอนี่เอื้อมมือที่สั่นเทาไปจับลูกบิดประตูบานนั้นเพื่อจะเปิดมันออก  แต่ปรากฏว่ามันล็อก!

    มัลฟอยคงร่ายคาถาป้องกันไว้สินะ   เด็กสาวคิด  เธอจำได้ดีว่าคราวก่อนที่เขาเจอเธออยู่ในห้องหนังสือนี่โดยไม่ได้รับอนุญาตเขาโกรธเพียงไร  และหลังจากวันนั้นเด็กหนุ่มก็ออกไปสร้างข่ายเวทย์มนตร์เพื่อป้องกันเธอหนีออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้  ในความคิดของเฮอร์ไมโอนี่เขาคงจะต้องร่ายคาถาป้องกันทางลับทุกทางที่เป็นเส้นทางออกจากคฤหาสน์ไปสู่ภายนอกได้  รวมทั้งการร่ายมนตร์ปิดห้องหนังสือแห่งนี้ไว้ด้วย

    แค่เวทย์มนตร์ที่เขากำกับไว้ที่ประตูบานนี้นั้นไม่คณามือของเฮอร์ไมโอนี่เลย  เพราะถึงอย่างไรเธอก็มีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือ  แค่อาโลโฮโมร่าก็น่าจะจัดการกับประตูนี่ได้แล้ว  แต่ที่เด็กสาวกังวลก็คือข่ายเวทย์มนตร์ที่มัลฟอยสร้างไว้ก่อนหน้านี้ต่างหาก 

    จากคำบอกเล่าของดีน่าเอล์ฟประจำบ้าน  มัลฟอยได้สร้างข่ายเวทย์มนตร์ไว้ทุก ๆ ตารางนิ้วของคฤหาสน์มัลฟอยแห่งนี้เพื่อไม่ให้ใครก็ตามออกจากที่นี่โดยที่เขาไม่ยินยอม  ไม่ว่าจะเป็นการหายตัวหรือทางอื่นก็ตาม  และเขายังเคยขู่ไว้ด้วยว่า  ทันทีที่เธอหนีออกจากที่นี่เขาจะสามารถรู้ได้ในทันที  และตามไปเอาตัวเธอกลับมาได้ไม่ยากเลย 

    พอคิดถึงตรงนี้เด็กสาวก็รู้สึกหวั่นใจไม่น้อย  เพราะนั่นแสดงว่าข่ายเวทย์มนตร์ที่มัลฟอยเคยสร้างไว้นั้นต้องเตือนเขาทุกครั้งที่มีคนเข้าออกคฤหาสน์มัลฟอย  และไม่แน่ว่าเวทย์มนตร์นั้นอาจจะส่งผลเตือนไปยังเอลฟ์ประจำบ้านที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ด้วย  แต่ที่แย่กว่านั้นก็คือ  มัลฟอยอาจจะร่ายเวทย์มนตร์ปิดตายทางลับทุกทางที่นำออกไปนอกคฤหาสน์แห่งนี้  หลังจากที่เขาจับได้ว่าเธอคิดจะหนี  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ภาวนาขออย่าให้มันเป็นเช่นนั้นเลย  เพราะไม่อย่างนั้นสิ่งที่เธอทำมาทั้งหมดนี่ก็จะสูญเปล่าโดยสิ้นเชิง!

    ยังไงก็ต้องลองเสี่ยงกันดูล่ะ!  ถ้าหากเธอโชคดี  มัลฟอยไม่ได้ร่ายคาถาปิดตายทางลับที่อยู่ในห้องหนังสือนี้  เธอก็จะใช้มันออกไปจากที่นี่ได้  แต่ที่เด็กสาวกังวลไม่ได้มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น  แม้ว่าเธอจะเข้าไปยังทางลับได้  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็กลัวว่าทันทีที่เธอก้าวเท้าออกไปจากคฤหาสน์หลังนี้  ข่ายเวทย์มนตร์ของเขาจะตรวจจับร่องรอยของเธอได้  และมันจะเตือนไปยังมัลฟอยที่กำลังถูกสะกดนิ่งอยู่ที่ห้องนอนของเขา  ซึ่งทันทีที่เขาคลายจากการถูกสะกดนิ่ง  เขาก็จะสามารถตามไปจับตัวเธอกลับมาได้ทันเพราะเขาต้องรู้แน่ว่าเธอฝ่าข่ายเวทย์มนตร์ออกไปทางด้านใดของคฤหาสน์

    ปัญหามันอยู่ที่ว่า  ระหว่างที่เวลาที่เธอหนีออกไปจากคฤหาสน์แห่งนี้  กับเวลาที่เด็กหนุ่มคลายจากคาถาสะกดนิ่งของเธออะไรมันจะมาถึงก่อนเท่านั้น  เพราะถ้าเธอหนีไปก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาได้เธอก็จะปลอดภัย  แต่ถ้าเขาคลายสะกดและออกมาตามล่าเธอก่อนที่เธอจะหนีออกจากที่นี่ได้  ผลที่จะตามมานั้นเฮอร์ไมโอนี่ไม่อยากจะคิดถึงมันเลย!

     

    แค่ออกไปให้ถึงระยะที่หายตัวได้เท่านั้น   เด็กสาวคิด  ในใจร้อนรุ่มอย่างประหลาด  มือชื้นเหงื่อของเธอกำไม้กายสิทธิ์ที่ขโมยมาแน่น  ก่อนจะเริ่มร่ายคาถา

    อาโลโฮโมร่า!” เด็กสาวชี้ไม้ของมัลฟอยไปที่ประตู  มีเสียงเก๊กเบา ๆ ดังขึ้นและในอีกสองวินาทีต่อมา  ประตูก็เปิดออก 

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอใช้งานไม้ของมัลฟอยได้ไม่ถนัดนัก  ไม่เหมือนใช้ไม้ของเธอเอง  ความจริงเธอรู้ดีว่านายลูเซียสเก็บไม้กายสิทธิ์ของเธอที่ยึดมาไว้สักแห่งในคฤหาสน์มัลฟอยแห่งนี้  แต่เด็กสาวไม่มีเวลาพอที่จะค้นหามัน  สิ่งเดียวที่เธอต้องการคือรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่านั้น!

     

    เฮอร์ไมโอนี่ก้าวเข้ามาภายในห้องหนังสือที่มืดสลัว  เธอไม่อยากเสี่ยงที่จะเปิดไฟ  อีกอย่างแสงจันทร์จากภายนอกในคืนพระจัทร์เต็มดวงที่สาดส่องเข้ามาในห้องก็พอทำให้มองเห็นอะไรได้บ้าง  เด็กสาวตรงไปยังมุมหนึ่งของห้องที่มีผ้าม่านผืนใหญ่ซึ่งทิ้งตัวยาวดุจผนังสีเขียวอยู่  เธอร่ายคาถาเปิดมันออก

    ภาพที่ปรากฏขึ้นก็คือแผนที่เก่าคร่ำคร่าของคฤหาสน์มัลฟอย  เฮอร์ไมโอนี่สำรวจมันอย่างตั้งใจ  และก็รู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นว่าจุดที่บอกชื่อ เดรโก  มัลฟอยนั้นนอนสงบนิ่งอยู่บนเตียงนอนของเขา  ขณะที่นางนาร์ซิลซาร์นั้นก็ผักผ่อนอยู่ในห้องนอนของเธอ  ส่วนเอลฟ์ประจำบ้านนั้นต่างนอนรวมกันที่ห้องเล็ก ๆ ติดกับครัว  ไม่มีเอลฟ์ตัวไหนลุกขึ้นมาเดินเผล้นพล่านในยามวิกาลเช่นนี้เลย

     

    ไกลมาจากห้องนอนของมัลฟอย  อีกมุมหนึ่งของคฤหาสน์ปรากฏจุดเล็ก ๆ ที่เขียนว่า เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์กำลังยืนอยู่หน้าทางลับทางหนึ่งที่นำออกไปภายนอกคฤหาสน์  เด็กสาวไม่รอช้า  เธอชี้ไม้กายสิทธิ์ไปยังแผนที่เก่าแก่นั่นและพึมพำออกมาว่า นอร์โมโรอัส

    ทันทีที่ไม้กายสิทธิ์ในมือของเฮอร์ไมโอนี่แตะแผนที่  จุดดำ ๆ เล็ก ๆ ก็ปรากฏตรงบริเวณที่ไม้กายสิทธิ์แตะทันที  แล้วมันก็ค่อย ๆ ขยายกว้างขึ้นราวกับหยดหมึกที่กระจายตัวอย่างรวดเร็ว  ภายในไม่กี่อึดใจแผนที่เก่าคร่ำคร่าหายก็ไป  มันถูกกลืนไปกับปื้นสีดำสนิทนั้น  เด็กสาวรู้สึกว่าเนื้อกระดาษตรงหน้าเธอก็พลอยอันตธานหายไปด้วย  ราวกับว่ามันละลายหายไปในหยดหมึกสีดำมืดที่กำลังแผ่กระจายอยู่

    ไม่ถึงหนึ่งนาทีต่อมา  หยดหมึกสีดำนั้นก็แผ่กระจายไปทั่วแผนที่  และกลายเป็นอะไรบางอย่างที่มีรูปร่างคล้ายกับซุ้มประตูโค้ง  เด็กสาวรู้สึกถึงอากาศเย็น ๆ ที่ลอยมาสัมผัสผิวหน้าผ่านทางประตูบานนั้น  เฮอร์ไมโอนี่ยื่นมือเข้าไปแตะรอยเปื้อนสีดำสนิทแต่ปรากฏว่ามันว่างเปล่า  เธอรู้สึกว่ามือของเธอสามารถทะลุเข้าไปยังอีกฝั่งของแผนที่ผ่านประตูทางเข้าที่อยู่บนแผ่นกระดาษนี้ได้! 

    เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มขึ้นมาเป็นครั้งแรกของวัน  รู้สึกใจชื้นขึ้นมาก  มือของเธอกำไม้กายสิทธิ์แน่น  ในขณะที่อีกมือหนึ่งกระชับเสื้อคลุมที่ขโมยมาจากมัลฟอยเข้ากับร่างของเธอ  เพื่อพร้อมที่จะเผชิญกับอากาศหนาวเย็นในทางลับนั่น  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ทำเช่นนั้นเธอก็ได้กลิ่นกายของเด็กหนุ่มจากเสื้อคลุมที่เธอกำลังสวมอยู่ในตอนนี้

    เด็กสาวพยายามไม่สนใจสิ่งที่นาสิกสัมผัสของเธอรับรู้  รวมทั้งพยายามไม่จินตนาการไปด้วยว่าบัดนี้มัลฟอยที่นอนอยู่ข้างบนจะโกรธเธอแค่ไหนเมื่อรู้ว่าเธอหักหลังเขาแบบนี้  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็พอเดาได้ว่าเขาคงโกรธไม่แพ้วันที่เขาพยายามจะปลุกปล้ำเธอแน่ ๆ และเธอก็จะพอรู้ด้วยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ  หากการหลบหนีครั้งนี้ของเธอไม่ประสบผลสำเร็จ

     

    อย่าไปคิดถึงมัน  เฮอร์ไมโอนี่  เธอต้องหนีไปให้ได้สิ  เธอต้องหนีออกไปจากที่นี่เพื่อความปลอดภัยของแฮร์รี่เด็กสาวเตือนตัวเอง  ก่อนจะหันหลังกลับไปร่ายคาถาล็อกประตูห้องหนังสือ  จากนั้นเธอก็หันกลับมาเผชิญหน้ากับซุ้มประตูที่ถูกวาดด้วยหมึก  เฮอร์ไมโอนี่กลั้นใจเดินทะลุมันไป!

     

     

                    ************************************************

     

     

                    หลังซุ้มประตูนั้นเป็นทางเดินขนาดราว ๆ สองเมตรคูณสองเมตร  ซึ่งถือว่าไม่คับแคบเท่าใดนัก  ผนังทั้งสี่ด้านเป็นก่อด้วยอิฐที่เก่าคร่ำคร่าจนเด็กสาวคิดว่ามันคงจะถูกสร้างขึ้นมาพร้อม ๆ กับคฤหาสน์หลังนี้เป็นแน่  ภายในทางลับนี้ไม่มีคบไฟ  หรือเครื่องมือใด ๆ พอที่จะให้แสงสว่างได้  เฮอร์ไมโอนี่จึงต้องใช้คาถาลูมอสเพื่อจุดไฟขึ้นแทน 

    ทางเดินช่วงแรกเป็นบันไดหินที่ชันและลื่นทอดตัวลงไปเป็นความสูงราว ๆ ตึกสามชั้น  เมื่อลงจากกับไดมาก็เป็นทางเดินที่สะดวกสบายพอสมควร  เพราะมันราบเรียบและไม่มีส่วนใดผุกร่อนหรือชำรุดเลย  แสดงให้เห็นว่าทางลับชนิดนี้ได้รับการซ่อมแซมเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

                    อากาศในทางลับนั้นอับชื้นและเย็นเฉียบ  แถมยังมีกลิ่นตุ ๆ ราวกับมีซากของอะไรสักอย่างที่ตายแล้วโชยมาเป็นระยะ ๆ  ชวนให้รู้สึกตะครั่นตะครอไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก  ขณะที่กำลังเดินผ่านทางโค้งครั้งที่สามเด็กสาวก็สะดุ้งเฮือกเมื่อมีอะไรมากระทบขาของเธอ!  แต่เมื่อส่องไฟไปดูก็ปรากฏว่าเป็นเพียงหนูตัวโตเหมือนหนูที่อยู่ตามท่อระบายน้ำเท่านั้น

                    ทุกย่างก้าวของเฮอร์ไมโอนี่เต็มไปด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด  เพราะเธอไม่แน่ใจว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้างในหนทางลึกลับที่ทอดยาวราวกับไม่มีที่สิ้นสุดนี้  อาจจะเป็นกับดักที่พอเธอพลาดเหยียบถูกมันเข้าก็มีลูกกรงขนาดใหญ่ตกโครมลงมาขังเธอ  หรือที่แย่กว่านั้นก็คือ  เด็กสาวจินตนาการไปเองว่าเมื่อเธอเดินไปจนถึงจุดหมายปลายทางแล้ว  เธอจะเจอมัลฟอยดักรออยู่ตรงปากทางออก  ใบหน้าซีดเซียวของเขาบิดเบี้ยวด้วยโทสะ  ในขณะที่ดวงตาสีเงินคู่นั้นวาวโรจน์ด้วยเพลิงแค้น! 

    และเพราะความคิดนั้นเอง  เฮอร์ไมโอนี่จึงหยุดทุกครั้งที่เธอได้ยินเสียงผิดปรกติ  เด็กสาวไม่ลังเลเลยที่จะใช้คาถาตรวจสอบก่อนทุกครั้งไม่ว่าเธอเจอทางเลี้ยวหรือโค้งหักมุมก็ตาม  แต่สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งของทางลับแห่งนี้ก็คือมันไม่มีทางแยกไปที่อื่นให้เธอสับสน  ถ้าจะมีทางเลี้ยวก็ล้วนเป็นทางบังคับเลี้ยวเท่าสิ้น  มันจึงทำให้เธอหมดความกังวลว่าจะหลงทางไปได้เลย

     

                    หลังจากการเดินคดเคี้ยวเลี้ยวลดในอุโมงค์มืดนานร่วมยี่สิบนาที  เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นแสงสว่างลิบ ๆ อยู่ที่ปลายอุโมงค์อีกด้านหนึ่ง  หลังจากเธอผ่านโค้งหักศอกครั้งสุดท้ายมาแล้ว  แสงที่เธอเห็นนั้นดูห่างไกลและเลือนรางราวกับภาพลวงตาที่ไม่มีอยู่จริง  แต่ถึงอย่างนั้นมันก็เปรียบเสมือนแสงแห่งความหวังในคืนที่มืดมิดของเธอ   

    เฮอร์ไมโอนี่กระชับไม้กายสิทธิ์ในมือแน่น  พร้อมกับร่ายคาถาตรวจเช็คกับดักที่อาจจะมีอยู่ในเส้นทางระยะสุดท้ายก่อนจะถึงทางออก  และเมื่อพบว่าไม่มีกับดักใด ๆ รออยู่ข้างหน้า  เด็กสาวก็ลดไม้กายสิทธิ์ลงและรีบตรงไปยังแสงสว่างนั่นอย่างรวดเร็วเท่า ๆ ที่ขาทั้งสองของเธอจะพาเธอไปได้

     

                    ................................................

     

                    ภายในเวลาไม่เกินสิบนาทีให้หลัง  เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าทางออกของทางลับแห่งนี้คือป่าแห่งหนึ่งที่รกทึบพอ ๆ กับป่าต้องห้ามทีเดียว  ตรงทางออกนั้นเป็นประตูไม้เก่าคร่ำคร่าแต่ว่าแข็งแรง  ตรงบานประตูมีช่องขนาดราว  ๆ หนึ่งตารางฟุตอยู่  ซึ่งทำให้แสงจากภายนอกสามารถลอดเข้ามาภายในทางลับได้  เด็กสาวร่ายคาถาเปิดประตูและก้าวออกจากทางลับมาด้วยหัวใจที่เต้นระทึก!

    เมื่อออกจากทางลับมาแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่จึงรู้ว่าประตูทางออกดังกล่าวถูกซ่อนอยู่ระหว่างก้อนหินใหญ่สองก้อนโดยมีเถาวัลย์มากมายกำบังอยู่  ซึ่งมันจะเปิดออกก็ต่อเมื่อมีคนเข้าออกทางลับเท่านั้น  และเมื่อเด็กสาวออกจากทางลับมาแล้ว  เถาวัลย์ดังกล่าวก็ม้วนตัวกลับไปบังประตูลับนั้นไว้ตามเดิม  ถ้าไม่สังเกตให้ดีก็จะไม่มีวันรู้เลยว่ามีหลังเถาวัลย์เหล่านั้นมีประตูลับซ่อนอยู่

                    หลังจากออกมาจากทางลับเฮอร์ไมโอนี่ก็มองไปรอบ ๆ และพบว่าบริเวณที่เธอยืนอยู่ล้อมรอบด้วยป่ารกทึกที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่สูงชะลูด  แต่ละต้นมีขนาดใหญ่ยักษ์ไม่แพ้ป่าต้นไม้ในต้องห้ามเลย  และพวกมันต่างแข่งกันแผ่กิ่งก้านใบราวกับจะแย่งกันบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องเข้ามาในเวลากลางวัน  แต่สำหรับเวลากลางคืนแบบนี้ป่าแห่งนี้ราวกับถูกย้อมด้วยสีดำมืดของรัตติกาล  ยากนักที่จะมีแสงใด ๆ เล็ดรอดผ่านกิ่งใบที่หนาทึบพวกมันเข้ามาได้  แม้ว่าจะเป็นคืนพระจันทร์ที่เต็มดวงเช่นคืนนี้ก็ตาม

     

                    เมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็พอจะเดาได้แล้วว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ต้องการเข้าไปในป่าแห่งนี้พอ ๆ กับที่เธอไม่ต้องการกลับเข้าไปในคฤหาสน์มัลฟอย  แม้ว่าเธอจะมีไม้กายสิทธิ์อยู่ในมือก็ตามแต่เด็กสาวก็ไม่อยากเสี่ยงเข้าไปในป่าทึบซึ่งเธอไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรรออยู่บ้างแบบนี้

     

    บางทีฉันน่าจะลองหาวิธีอื่นไปจากที่นี่โดยไม่ผ่านป่าน่ากลัวนี่ไปเฮอร์ไมโอนี่คิด  ก่อนจะหลับตาลง  และรวบรวมสมาธิเพื่อหายตัว  ในใจของเธอนึกถึงสำนักงานใหญ่ภาคีนกฟินิกซ์ที่บัดนี้ย้ายกลับมาอยู่ในกริมโมลด์เพลซอีกครั้ง  สถานที่ที่เธอต้องการไปมากที่สุด!

     

    ฉันต้องการไปที่ภาคีนกฟินิกซ์   บ้านเลขที่สิบสองกริมโมลด์เพลซ  ภาคีนกฟินิกซ์! ’ เธอย้ำถ้อยคำนั้นในใจ

     

    แต่เมื่อเธอลืมตาขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าเธอยังอยู่ที่เดิม!  ในป่ารกทึบที่ล้อมรอบคฤหาสน์มัลฟอยไว้  เธอไม่ได้เคลื่อนไปที่จากตำแหน่งเดิมเลยแม้แต่น้อย!

     

    เมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กสาวก็ตระหนักว่าเธอไม่สามารถหายตัวในบริเวณนี้ได้  เพราะตรงที่เธอยืนอยู่นี่น่าจะยังเป็นอาณาเขตของคฤหาสน์มัลฟอยอยู่  เมื่อรู้เช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงลองเดินออกห่างจากโขดหินที่มีประตูลับซ่อนอยู่ไปทางป่าทึบเป็นระยะทางประมาณ 15 เมตร  แล้วลองหายตัวดูอีกครั้งแต่ปรากฏว่ามันล้มเหลว!  เธอหายตัวไปจากที่นี่ไม่ได้  ซึ่งนั่นก็แสดงว่าเธอยังไม่ออกไปจากอาณาเขตของคฤหาสน์มัลฟอยเลย  และก็มีความเป็นไปได้ว่าอาณาเขตของคฤหาสน์จะครอบคลุมไปตลอดทั้งป่าแห่งนี้  แล้วทางเดียวที่เธอจะออกไปได้ก็คือเดินผ่านป่าทึบเบื้องหน้าออกไป!

                    เฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลาย  รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวราวกับจับไข้ขึ้นมาอย่างกระทันหัน  แต่เด็กสาวก็ไม่ลืมที่ชื่นชมบรรพบุรุษของตระกูลมัลฟอย  สำหรับการหาทำเลที่ตั้งคฤหาสน์ได้อย่างยอดเยี่ยม  ชนิดที่ว่าการเข้าออกคฤหาสน์แห่งนี้นั้นต้องอยู่ในสายตาล่วงรู้ของคนใคฤหาสน์เกือบทั้งหมด  โดยเฉพาะป่าทึบที่ปิดกั้นคฤหาสน์แห่งนี้ไว้กับโลกภายนอกยิ่งทำให้การบุกรุกเข้ามายังคฤหาสน์แห่งนี้นั้นยากขึ้นเป็นเท่าตัว  อันที่จริงเวทย์มนตร์คุ้มครองคฤหาสน์นั้นดูจะเปล่าประโยชน์ไปเลยเมื่อมีป่าทึบแห่งนี้เป็นปราการปิดกั้นคนจากภายนอกไม่ให้บุกรุกเข้ามาได้โดยง่าย  และในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถออกไปจากที่นี่อย่างง่ายดายเช่นกัน!

     

                    เสียงสัตว์บางชนิดร้องดังมาจากป่าเบื้องหน้า เสียงที่ดังกังวานนั้นฟังดูโหยหวนและบาดหูเป็นอย่างมาก  เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเฮือก  รู้สึกเหมือนใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเสียแล้ว  ต่อให้เธอกล้าหาญแค่ไหนแต่การเดินเข้าป่าทึบแบบนี้ (ซึ่งหลังจากที่ได้ยินเสียงเธอก็พอยืนยันได้ว่าคงมีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่เป็นแน่)  นั้นเป็นการกระทำที่เทียบเท่ากับการฆ่าตัวตายชัด ๆ

                    เด็กสาวมองไม้กายสิทธิ์ในมือราวกับเธอกำลังชั่งใจ  แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ต้องการกลับไปที่คฤหาสน์มัลฟอยอีกครั้งอย่างแน่นอน  เธอไม่ต้องการถูกกักขังราวกับทาส  เธอไม่ต้องการถูกใช้เป็นเครื่องมือล่อลวงเพื่อนรักของเธอตามแผนการของจอมมาร  และที่ร้ายกว่านั้นคือ  เธอไม่ต้องการถูกหลอกลวงโดยเด็กหนุ่มที่ชื่อ เดรโก  มัลฟอยอีกต่อไปแล้ว  เธอไม่ต้องการเลย!  ทั้งหมดที่เธอต้องการก็คือได้ออกไปจากที่นี่เพื่อกลับไปหาเพื่อนทั้งสอง  กลับไปหาแฮร์รี่กับรอนอีกครั้ง!

     

                    เฮอร์ไมโอนี่หันกลับไปด้านหลัง  เธอมองเห็นคฤหาสน์มัลฟอยตั้งตระหง่านเป็นเงาสีดำทะมึนอยู่ไกลออกไป  เด็กสาวหันกลับมาเผชิญหน้ากับป่าดำทึบที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง  ระหว่างถูกจับกลับไปยังคฤหาสน์มัลฟอยกับหนีเข้าป่าทึบแห่งนี้  เธอเลือกอย่างหลัง  เพราะถึงอย่างไรสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นกับธอในป่าก็แค่ความตายเท่านั้น  แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นกับเธอถ้าเธอถูกจับกลับไปยังคฤหาสน์แห่งนั้น  เฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่ามันเลวร้ายยิ่งกว่าความตายหลายเท่านัก!

     

                    อย่างมากที่สุดก็แค่ตายเท่านั้นเธอคิดอย่างกล้าหาญก่อนจะมุ่งหน้าเข้าสู่ป่าทึบ

     

     

    ************************************************

     

     

    ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่ก้าวเท้าออกจากทางลับลูกแก้วที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงของมัลฟอยก็ส่องแสงวาววาบพร้อมกับกรีดเสียงร้องดังสนั่น  ซึ่งหมายความว่าใครบางคนได้ฝ่าข่ายเวทย์มนตร์และออกจากคฤหาสน์ชั้นในไปได้สำเร็จแล้ว!

    หลังจากที่ลูกแก้วกรีดเสียงร้องได้ไม่เกินสิบวินาที  เสียงป็อปก็ดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของดีน่า  เอลฟ์ประจำบ้านที่มีดวงตาสีฟ้าราวกับลูกบอลชายหาด

    นายน้อยแย่แล้วเจ้าค่ะ!  เป็นมีคนฝ่าข่ายเวทย์มนตร์เจ้าค่ะ  ลูกแก้วเตือนภัยส่งเสียงร้องแล้วเจ้าค่ะ!” เอลฟ์สาวส่งเสียงร้องอย่างตื่นตระหนก  คลอไปกับเสียงลูกแก้วเตือนภัยที่กำลังกรีดเสียงร้องโหยหวนอยู่ตรงหัวนอนของมัฟอย

    ไร้เสียง  ไร้การตอบรับจากเด็กหนุ่ม  ดีน่ามองไปยังร่างของนายน้อยที่นอนอยู่บนเตียงอย่างสงสัย  เธอรู้ดีว่าในคืนนี้นายน้อยต้องการพักผ่อนและสั่งไม่ให้เอลล์ฟตัวใดมารบกวนเขา  แต่ดีน่าก็ไม่อยากจะเชื่อว่านายน้อยจะหลับได้ทั้ง ๆ ที่ลูกแก้วเตือนภัยส่งเสียงร้องแบบนี้

    ดีน่าร่ายคาถาเปิดไฟในห้องขึ้น  มันเดินไปหามัลฟอยที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง  และมันก็ต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อดวงตาของเด็กหนุ่มลืมอยู่  นายน้อยของดีน่าไม่ได้หลับแต่อย่างใด

     

    นายน้อยไม่ได้หลับหรือเจ้าคะ  แล้วทำไมนายน้อยไม่ตอบดีน่าล่ะเจ้าคะ  หรือว่านายน้อยไม่สบายดีน่าพูด  เธอเกรงว่าพิษไข้จะเล่นงานมัลฟอยเหมือนอย่างครั้งที่แล้ว 

    เอลฟ์สาวรีบโน้มตัวเข้าไปใกล้และเอามือเล็ก ๆ ของมันทาบบนหน้าผากของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็วเพื่อทดสอบว่าเขาตัวร้อนไหม  แต่ปรากฏว่าเมื่อดีน่าทำเช่นนั้นมันกลับได้ยินเสียงของนายน้อยดังขึ้น  เป็นเสียงที่ดังรอดริมฝีปากของเขาออกมา

    คลายสะกดให้ฉัน  ดีน่าเสียงนั้นแผ่วเบายิ่งนัก  เพราะเป็นเสียงที่มัลฟอยพูดรอดริมฝีปากออกมาอย่างยากเย็น!

    อะไรนะเจ้านะนายน้อยเอลฟ์สาวถามซ้ำ  เนื่องจากได้ยินคำสั่งเมื่อครู่ไม่ชัดเจนนัก

    คลายสะกดให้ฉัน  ฉันไม่ได้ไม่สบายแต่ฉันถูกสะกดนิ่ง!” มัลฟอยพยายามขยับริมฝีปากเพื่อพูดออกมา  เอลฟ์สาวมีมีหน้างงงวย

    คลายสะกดให้ฉันเดี๋ยวนี้!” เขากระซิบดุ ๆ และครั้งนี้ดูเหมือนดีน่าจะเข้าใจว่านายน้อยของเธอต้องการอะไร

    ดีน่าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ   ดีน่าจะทำตามที่นายน้อยสั่งเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะเอลฟ์สาวพูดพลางชี้นิ้วผอม ๆ ของมันมาที่มัลฟอยพร้อมกับพึมพำคาถาเบา ๆ แสงสีแดงสว่างวาบขึ้น  และในวินาทีต่อมามัลฟอยก็ขยับตัวได้!

    โอ  นายน้อยลุกขึ้นได้แล้ว นายน้อยเป็นอะไรมากไหมเจ้าคะ  ดีน่าไม่รู้เลย  ไม่รู้เลยว่านายน้อยโดนมนตร์สะกดเอลฟ์สาวพูดอย่างปิติยินดีและทำท่าจะเข้ามาประคองเจ้านายของมัน  แต่มัลฟอยกลับผลักมันออกไป  เขาลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพลางออกคำสั่งกับมัน

    ไปเอาเสื้อคลุมของฉันมาเดี๋ยวนี้ดีน่า  อ้อ  แล้วก็จัดการเงียบเสียงลูกแก้วเตือนภัยด้วย  ทำให้มันหยุดร้องเสียที  ฉันหนวกหูจะตายอยู่แล้ว!” เด็กหนุ่มสั่ง  เพราะตอนนี้เขากำลังเปลือยท่อนบนอยู่เนื่องจากเสื้อคลุมตัวนอกของเขาโดนเฮอร์ไมโอนี่ขโมยไป

     

    เฮอร์ไมโอนี่  แค่คิดถึงชื่อนี้หัวใจของมัลฟอยก็เจ็บปวดราวกับโดนมีดกรีด!

    ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอเฮอร์ไมโอนี่  แต่เธอกลับหักหลังฉันอย่างเจ็บแสบที่สุด!  เธอแกล้งบอกว่ารักฉัน  เธอแสร้งทำเป็นยอมทอดกายให้ฉัน  แต่ที่จริงแล้วเธอต้องการแค่ขโมยไม้กายสิทธิ์ของฉันแล้วหนีไปจากที่นี่! เด็กหนุ่มคิดอย่างปวดร้าว  บัดนี้ในใจของเขารุ่มร้อนราวกับถูกเพลิงสุม  และมันก็เป็นเพลิงแค้นที่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถดับมันลงได้!  นอกเสียจากการแก้แค้นเท่านั้น!

     

    นายน้อยเจ้าคะ  เสื้อคลุมเจ้าค่ะดีน่าพูดพลางแบกเสื้อคลุมสีดำสนิทจากตู้เสื้อผ้ามาให้มัลฟอย  เด็กหนุ่มรับมาสวมใส่อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องสนใจว่าดีน่าหยิบเสื้อคลุมตัวไหนมาให้เขา  เพราะเสื้อคลุมทุกชุดของมัลฟอยล้วนเป็นสีดำเหมือนกันหมดอยู่แล้ว  ในขณะที่เขากำลังใส่เสื้อผ้าอยู่นั้น  ลูกแก้วเตือนภัยก็ยังกรีดร้องไม่เลิกเสียที

    ฉันบอกให้แกหยุดมันไงดีน่า!” เขาตะคอกเอลฟ์ประจำบ้าน  ดีน่าสะดุ้งเฮือก

    ดีน่าหยุดมันไม่ได้เจ้าค่ะนายน้อย  ดีน่าจำเป็นต้องใช้ไม้กายสิทธิ์ถึงจะหยุดสัญญาณเตือนของลูกแก้วเตือนภัยได้  แต่เธอไม่มีมัน  เธอจึงไม่สามารถหยุดลูกแก้วได้เอลฟ์สาวพูดเสียงสั่น  มันมองมัลฟอยด้วยความเกรงกลัวว่าเขาอาจจะสั่งให้มันเอาหัวโขกกำแพงในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

     

    ลูกแก้วเตือนภัยเป็นวัตถุทางเวทย์มนตร์ที่หายากยิ่งชนิดหนึ่ง  มีเพียงตระกูลเก่าแก่ไม่กี่ตระกูลเท่านั้นที่มีมันอยู่ในครอบครอง  ตระกูลมัลฟอยมีลูกแก้วเตือนภัยอยู่ด้วยกันทั้งหมดสามชิ้น  แต่ละชิ้นนั้นทำงานเหมือนกันหมดคือมันจะส่งสัญญาณเตือนทุกครั้งที่มีคนบุกเข้ามาในคฤหาสน์โดยที่เจ้าของไม่ได้อนุญาต  ซึ่งมันมีประโยชน์มากสำหรับนายลูเซียส  เพราะเขาต้องคอยระวังการมาตรวจสอบของเจ้าหน้าที่จากกระทรวง  รวมทั้งการมาเยือนโดยไม่บอกกล่าวของมือปราบมารด้วย 

    นายลูเซียสตั้งลูกแก้วทั้งสามอันไว้ในสถานที่สามแห่งในคฤหาสน์  ซึ่งก็คือ  ห้องรับแขก  ห้องหนังสือ  และห้องนอนของเขาเอง  แต่เมื่อนายลูเซียสต้องออกไปทำภารกิจให้จอมมารอย่างไม่มีกำหนดที่แน่นอนว่าจะกลับเมื่อไหร่  เดรโกซึ่งเป็นผู้ดูแลคฤหาสน์แทนพ่อของเขาก็ย้ายลูกแก้วที่อยู่ในห้องหนังสือของพ่อมาไว้ในห้องนอนของตนเอง 

    นอกจากนี้เด็กหนุ่มยังร่ายคาถากำกับลูกแก้วเตือนภัยเข้ากับข่ายเวทย์มนตร์ที่เขาสร้างขึ้น  เพื่อให้ลูกแก้วสามารถทำงานได้ย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น  โดยมันจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีคนฝ่าข่ายเวทย์มนตร์เข้ามาหรือออกนอกคฤหาสน์ไปได้ (แต่ก่อนมันจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อมีคนบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์อย่างเดียวเท่านั้น) รวมทั้งมันสามารถแสดงภาพของบุคคลดังกล่าวว่าอยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์ได้อีกด้วย  แต่ที่น่ารำคาญก็คือเสียงเตือนของมัน  เวลามีผู้ฝ่าข่ายเวทย์มนตร์ได้ลูกแก้วจะส่งเสียงเตือนซึ่งเป็นเสียงกรีดร้องแหลมสูงราวกับเสียงของผีแบนชีก็ไม่ปาน  และจะไม่สามารถจะหยุดมันได้นอกจากใช้ไม้กายสิทธิ์ร่ายคาถาหยุดมันเท่านั้น

     

    ไม้กายสิทธิ์  จริงสินะ   มัลฟอยคิด  เธอขโมยไม้กายสิทธิ์ของเขาแล้วก็หนีไป  มัลฟอยเดาว่าเธอคงต้องใช้มันสำหรับเปิดทางลับในห้องหนังสือที่เธอไปพบเข้าอย่างแน่นอน  เด็กหนุ่มพอจะเดาออกว่าเฮอร์ไมโอนี่รู้เรื่องทางลับที่ซ่อนอยู่หลังแผนที่คฤหาสน์ตั้งแต่วันที่เธอแอบเข้าไปในห้องหนังสือของพ่อเขาแล้ว  และเธอก็พยายามหาทางขโมยไม้ของเขาอยู่ตลอดเวลาเพราะเธอต้องการใช้มันเปิดทางลับนั่น

     

    แต่ทางลับนั่นมันมุ่งตรงไปยังป่าดำเด็กหนุ่มคิด  ป่าดำก็คือป่าทึบที่ล้อมรอบคฤหาสน์มัลฟอยไว้และปิดกั้นคฤหาสน์แห่งนี้จากโลกภายนอก  มันเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายนานาชนิดเกินกว่าที่จะสามารถจินตนาการได้  ป่าดำถือว่าเป็นป่าอันตรายไม่แพ้ป่าต้องห้ามเลยทีเดียว  ขนาดในเวลากลางวันป่าดำยังถือว่าเป็นสถานที่อันตรายสำหรับผู้ชายอกสามศอกด้วยซ้ำ  แล้วกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเฮอร์ไมโอนี่ในเวลากลางคืนเช่นนี้เล่า!  มัลฟอยจินตนาการไม่ถูกเลยว่าเธอจะเจอกับอะไรบ้างเมื่อเดินผ่านป่าดำยามวิกาลเช่นนี้!

     

    มัลฟอยคว้าลูกแก้วที่ส่องแสงอยู่มาไว้ในมืออย่างรวดเร็ว  มันเรืองแสงสีเงินวาบหนึ่งก่อนจะปรากฏภาพของเด็กสาวผมน้ำตาลฟูฟ่องคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมของพ่อมดที่ใหญ่เกินไปสำหรับเธอ  กำลังเดินสะเปะสะปะอยู่กลางป่าดำ  มือข้างหนึ่งของเธอถือไม้ฮอว์ทอร์นที่ขโมยมาจากมัลฟอยในลักษณะระวังภัย  เด็กหนุ่มกัดริมฝีปากทันทีที่เห็นภาพนั้น  เฮอร์ไมโอนี่กำลังเดินตัดป่าดำไปเพื่อหาทางออกจากคฤหาสน์ของเขา! 

     

    แน่นอนว่าเด็กหนุ่มไม่กังวลเลยว่าเธอจะหนีออกจากอาณาเขตของคฤหาสน์มัลฟอยได้  เพราะพื้นที่ของป่าดำนั้นกินเนื้อที่หลายร้อยเอเคอร์  และการเดินตัดป่าดำออกไปภายนอกอย่างน้อย ๆ ก็ต้องกินเวลาเกินครึ่งวันแน่ ๆ สำหรับคนรู้ทาง  แต่ที่มัลฟอยกลัวก็คือ  เด็กสาวจะได้รับอันตรายจากสัตว์ร้ายนานาชนิดที่อยู่ในป่าแห่งนี้เสียก่อน!  สัตว์ร้ายที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าสัตว์ในป่าต้องห้าม!  และเขาก็ต้องไปตามตัวเธอกลับมาก่อนที่เธอจะถูกสัตว์ร้ายในป่านั่นลากไปฉีกเนื้อออกเป็นชิ้น ๆ !    

     

    ฉันจะไปเอาตัวเธอกลับมาเกรนเจอร์  ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้เธอตายอยู่ในนั้นแน่  อย่างน้อยเธอก็ต้องกลับมารับการลงโทษจากฉันก่อน!” เด็กหนุ่มพึมพำกับภาพของเด็กสาวที่ปรากฏอยู่ในลูกแก้ว  แววตาสีเงินของเขาราวโรจน์ด้วยเพลิงแค้นที่รุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหน!

     

     

    *************************************************

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×