ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย

    ลำดับตอนที่ #34 : น้ำตาและความเป็นจริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.14K
      138
      14 ก.พ. 49

    *** Chapter 34 น้ำตาและความเป็นจริง***

    “ใครเป็นคนให้สร้อยนี้กับเธอ” มัลฟอยถาม แววตาสีเงินที่สงบนิ่งนั้นเจือด้วยแววสงสัย
    เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น เสียงหัวใจของเธอเต้นรัวราวกับเสียงกลอง
    หรือว่ามัลฟอยจะจำเรื่องทั้งหมดได้แล้ว!
    “ฉันถามว่าใครเป็นคนให้สร้อยนี้กับเธอ” มัลฟอยพูดซ้ำ ด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น
    “ไม่ว่าใครจะเป็นคนให้สร้อยเส้นนี้กับฉันมันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับนายนี่ มัลฟอย” เด็กสาวพูดขึ้น
    “หรือว่านายรู้อะไรเกี่ยวกับสร้อยเส้นนี้รึ นายถึงคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นของฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ถามลองเชิง

    มัลฟอยมองสร้อยในมืออย่างครุ่นคิด คิ้วสองข้างขมวดเข้าหากัน
    เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุท่าทีของเขาด้วยหัวใจที่เต้นแรงราวกับมันจะหลุดออกนอกอก
    “ก็ไม่มีอะไรนี่” เขาพูดออกมาในที่สุด “ฉันแค่คิดว่าสร้อยเส้นนี้คงเป็นของขวัญที่เธอได้มาจากผู้ชายโง่ ๆ
    คนหนึ่งก็เท่านั้น เพราะอย่างเธอคงไม่มีปัญญาซื้อของแพงขนาดนี้ด้วยเงินของตัวเองหรอก”
    เขาพูดอย่างดูแคลน
    “ใครเป็นคนให้มันกับเธอเกรนเจอร์ พอตเตอร์รึ ? หรือว่าครัม ?
    เพราะยาจกอย่างวีสลีย์คงไม่มีเงินพอจะซื้อสร้อยเส้นนี้ให้เธอหรอกนะ”
    มัลฟอยพูดพร้อมกับแกว่งสร้อยคริสตัลในมือเล่น
    โดยเขาไม่รู้เลยว่าคำพูดของเขาทำให้เด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้ารู้สึกผิดหวังเพียงไร
    “ฉันอยากจะบอกนายว่าทุกอย่างมันไม่ได้เป็นอย่างที่นายคิดหรอกนะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงแปลกแปร่ง
    ราวกับว่าเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะสะกดอารมณ์โกรธเอาไว้ในใจ และระงับความเสียใจไว้ในอก
    “แล้วถ้านายไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสร้อยเส้นนี้ล่ะก็ นายก็ควรจะคืนมันมาให้ฉันเสียดีกว่า”
    เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับแบมือ
    “ฉันบอกว่าฉันจะคืนให้เธออย่างนั้นหรือ” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์ เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้าเขา
    แววตาสีน้ำตาลของเธอทอประกายอย่างที่ไม่เคยเป็น
    “ฉันต้องการมันคืนมัลฟอย และถ้านายไม่ยอมคืนมันให้ฉัน ฉันก็จะทำทุกวิถีทางให้ได้มันคืนมา”
    เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเป็นครั้งแรก จนมัลฟอยมองเธอด้วยความแปลกใจ
    “ก็ได้ ก็ได้ คืนก็คืน” เขาพูดด้วยท่าทียอมแพ้
    แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะยื่นมือมารับสร้อยเส้นนั้นจากมือของมัลฟอย
    เด็กหนุ่มก็หันหลังและโยนมันลงไปทะเลสาบทันที!
    สร้อยคริสตัลลอยคว้างไปไกล มันส่องประกายล้อแสงแดดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะจมไปใต้ทะเลสาบอันมืดมิด!
    “นาย นายทำอะไรของนายน่ะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ
    ในขณะที่มัลฟอยมองสร้อยคริสตัลจมหายไปในทะเลสาบและหัวเราะเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่หันขวับไปทางเขา
    “มัลฟอย นายมันเลวที่สุด!” เธอร้อง ก่อนที่จะรัวกำปั้นลงบนอกของเขาด้วยแรงเท่าที่จะมี
    แต่นั่นไม่ทำให้เขารู้สึกสะทกสะท้านแม้แต่น้อย
    “อย่างบังอาจมาถูกตัวฉันนะเกรนเจอร์!” มัลฟอยคำราม ก่อนจะตวัดไม้กายสิทธิ์ของเขามาที่เธอในทันที
    เฮอร์ไมโอนี่มองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างตกใจ น้ำตาแห่งความผิดหวังกลบดวงตา!
    เธอมันโง่ไปเอง ทั้ง ๆ ที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีวันจำเรื่องทั้งหมดได้
    เพราะตอนนี้เขาได้กลับไปเป็นมัลฟอยคนเดิมแล้ว แต่เธอก็ยังหวัง
    หวังว่าเมื่อเขาเห็นสร้อยเส้นนั้นเขาอาจจะจำอะไรได้บ้าง
    เธอยังหวังว่าเขาจะนึกออกว่าเขาเป็นคนให้สร้อยเส้นนั้นกับเธอด้วยมือของตัวเอง
    แต่เขากลับจำมันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญเขายังโยนมันทิ้งอย่างไม่ใยดี!
    “อย่ามาบีบน้ำตากับฉันเกรนเจอร์ ถ้าไอ้เจ้าสร้อยซังกะบ๊วยนั่นมันสำคัญต่อเธอนักล่ะก็
    เธอก็ลงไปงมหามันเลยสิ!” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ
    เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น ! เล็บทั้งสิบจิกลงไปในอุ้งมือ และไม่ทันขาดคำเด็กสาวก็สาวเท้าออกไปเบื้องหน้า
    มุ่งตรงสู่ทะเลสาบสีดำทะมึน!

    *************************************************

    “เธอจะทำบ้าอะไรของเธอน่ะเกรนเจอร์!” มัลฟอยพูดพร้อมกับเข้าไปรั้งร่างของเด็กสาวไว้
    ก่อนที่เธอจะเดินลงไปในทะเลสาบ !
    “ปล่อยฉัน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพร้อมกับดิ้นรน ร่างกายครึ่งล่างของเธอเปียกน้ำจนชุ่ม
    เช่นเดียวกับมัลฟอยที่พยายามรั้งตัวเธอไม่ให้ลงไปลึกมากกว่านั้น
    เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับเขาปล่อยให้เธอเดินไปหาความตาย!
    “สร้อยเส้นนั้นมันสำคัญอะไรกับเธอนักหนาหรือ เกรนเจอร์!” มัลฟอยพูดพร้อมกับจับตัวเฮอร์ไมโอนี่เขย่า
    “เธอถึงต้องทำขนาดนี้!” เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงบ้าทำตามคำพูดส่ง ๆ
    ของเขาเพียงเพื่อสร้อยเส้นเดียว
    ดวงตาสีน้ำตาลของเฮอร์ไมโอนี่ที่เต็มไปด้วยน้ำตายามที่เธอเงยหน้าขึ้นมาสบตาเด็กหนุ่ม
    “นายไม่เข้าใจรึไงว่ามันสำคัญยังไงกับฉัน นายไม่รู้เลยหรือไง!”
    เฮอร์ไมโอนี่ร้องพร้อมกับรัวกำปั้นลงบนแผ่นอกของมัลฟอยอย่างแรงพอ ๆ กับที่เธอออกแรงสะอื้น
    “นายไม่เข้าใจฉันเลย!” เฮอร์ไมโอนี่พูด ก่อนจะซบหน้าลงบนอกมัลฟอยร้องไห้สะอึกสะอื้น
    ในขณะที่เด็กหนุ่มยืนนิ่งโดยที่ไม่รู้ว่าเขาควรจะทำอย่างไร มัลฟอยไม่เข้าใจตัวเองเลยว่า
    เหตุใดเขาต้องช่วยเหลือเลือดสีโคลนที่น่ารังเกียจอย่างเธอด้วย
    เช่นเดียวกับที่เขาไม่อาจเข้าใจเด็กสาวว่าทำไมเธอต้องเสียใจมากมายขนาดนี้

    .................................................

    “พวกเธอสองคนทำอะไรกันน่ะ!” เสียงของศาสตราจารย์มักกอนนากัลดังขึ้น
    มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่ผละออกจากกันทันที
    โดยที่ครึ่งล่างของทั้งสองต่างเปียกน้ำจนชุ่มโชกเพราะพวกเขาแช่อยู่ในน้ำที่ลึกระดับเอว
    ในขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลย่างสามขุมมาทางพวกเขา!
    “พวกเธอ! ตายจริง! เกิดอะไรขึ้นนี่ เธอทั้งสองคน อธิบายมาเดี๋ยวนี้!”
    ศาสตราจารย์มักกอนนากัลสั่งเสียงเข้ม เธอมีท่าทีตกใจไม่น้อยที่มาเห็นเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยในสภาพนี้
    “ขึ้นมาเร็วเข้าสิ แล้วบอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”
    ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถามเมื่อเด็กทั้งสองเดินขึ้นมาจากทะเลสาบ ก่อนจะหันมาทางเฮอร์ไมโอนี่
    “มิสเกรนเจอร์!”
    “เอ่อ.......” เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเฮือก เด็กสาวใช้มือหนึ่งปาดน้ำตา โดยไม่รู้ว่าจะอธิบายอะไรต่อไปดี
    แต่จู่ ๆ มัลฟอยก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นเสียก่อน
    “มันเป็นอุบัติเหตุครับ อาจารย์” เขาเอ่ย ศาสตราจารย์มักกอนนากัลหันไปมองมัลฟอยทันที
    “คือ....ผมกับเกรนเจอร์ออกมาตรวจบริเวณเป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น แล้ว.......”
    มัลฟอยพยายามจะอธิบายเรื่องทั้งหมดอย่างสุดความสามารถ แต่เขาก็ไม่อาจแต่งเรื่องต่อจนจบได้
    ในขณะเดียวกันเด็กหนุ่มก็ไม่อาจบอกอาจจารย์ได้ว่าเขาเป็นคนที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่ต้องเป็นเช่นนี้
    “เอาล่ะ พอได้แล้ว” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดและมองมัลฟอยอย่างรำคาญใจ
    “รู้ไหมว่าเธอสองคนไม่ควรจะอยู่ที่นี่แล้ว เด็กคนอื่น ๆ เค้าไปรอขึ้นรถไฟที่ชานชาลากันหมดแล้ว”
    ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกเด็กทั้งสองพร้อมกับตวัดไม้กายสิทธิ์เพื่อร่ายเวทย์มนตร์ให้เสื้อผ้าของทั้งสอง
    แห้ง
    “แต่อาจารย์คะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแผ่วเบา พร้อมกับทอดสายตาไปยังแผ่นน้ำที่มืดมิดของทะเลสาบ
    “ไม่มีคำว่าแต่มิสเกรนเจอร์ เธอกับมิสเตอร์มัลฟอยต้องไปที่ชานชาลาเดี๋ยวนี้ นี่เป็นคำสั่ง!”
    ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด

    *************************************************

    รถไฟไอน้ำสีแดงส่งเสียงคำรามครั้งใหญ่ก่อนที่ที่จะเคลื่อนตัวออกจากชานชาลาที่บัดนี้ไร้ผู้คน
    มีเพียงแฮกริด ผู้ดูแลสัตว์ของฮอกวอตส์เท่านั้นที่มายืนส่งเด็ก ๆ ทุกคนที่กำลังจะเดินทางกลับบ้าน
    ภายในรถไฟนั้นเต็มไปด้วยเสียงจอกแจกจอแจ เด็ก ๆ
    ส่วนมากต่างพูดคุยถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นที่กระทรวง การกลับมาของลอร์ดโวลเดอมอร์ที่เดลี่พรอเฟ็ต
    ( เพิ่งจะ ) นำมารายงาน
    และหลายต่อหลายคนก็ต่างจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปในภายภาคหน้าซึ่งยังคงเป็นปริศนาอยู่ในตอนนี้
    ประตูตู้รถไฟเปิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กสาวผมสีน้ำตาลหยักศกผู้มีท่าทีเศร้าสร้อย
    และเด็กหนุ่มผมสีแดงเพลิง สมาชิกในตู้ต่างหันไปมองร่างที่มาใหม่ทันที
    “ไปหาอาจารย์มาแล้วเหรอ” แฮร์รี่พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
    ในขณะที่เนวิลล์และหลีกทางให้เฮอร์ไมโอนี่และรอนเข้ามานั่งในตู้
    “ฮื่อ ไม่รู้จะเรียกเราไปหาทำไมนักหนา อย่างกับว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกอย่างนั้นแหละ”
    รอนบ่นพลางรื้อกองขนมที่วางอยู่ข้างตัว และหยิบเค้กหม้อใหญ่มาชิ้นหนึ่ง
    ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่รีบควานหาหนังสือพิมพ์มาอ่านเพื่อปกปิดใบหน้าหมองเศร้าของเธอไว้จากสายตาของเพื่อน ๆ
    ทั้งหมด แต่ไม่ทันไรนั้นเองรอนกลับร้องขึ้นมาว่า
    “เฮ้ นั่นมันหนังสือของฉันนะเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูด เฮอร์ไมโอนี่พลิกหน้าปกของมันออกมาดูอย่างงง ๆ
    และพบว่าหนังสือที่เธออ่านอยู่นั้นมันคือ ‘ 101 สุดยอมทีมควิดดิช ’
    “โทษทีรอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางส่งหนังสือคืนให้รอน “ฉันไม่ทันดู”
    “ไม่ทันดูอย่างนั้นหรือ ฉันเห็นเธออ่านมันอยู่ตั้งนาน” รอนถามอย่างงง ๆ เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตา
    “ฉันคงจะเบลอ ๆ น่ะ” เธอว่า แต่ความจริงแล้วเธอไม่ได้สนใจหนังสือที่เธอกำลังอ่านแม้แต่น้อยเลย
    “ใครเห็นหนังสือคญิตวิทยาระดับสูงของฉันบ้างไหม” เธอถามพลางสำรวจรอบ ๆ ตู้ รอนตอบเธอด้วยเสีย
    งอู้อี้เพราะกำลังเคียวขนมเค้กอยู่ว่า ‘ ฉันเห็นเธอถือมันไปที่ตู้พรีเฟ็คด้วยนะ ’
    “ฉันคงลืมมันไว้ที่นั่น” เฮอร์ไมโอนี่พร้อมกับลุกขึ้น
    “เดี๋ยวฉันกลับมานะ” เด็กสาวพูดและเดินออกจากตู้ไป

    .................................................

    เฮอร์ไมโอนี่กลับไปที่ตู้พรีเฟ็ตซึ่งตอนนี้แทบจะไม่มีใครนั่งอยู่เลย เพราะพรีเฟ็คคนอื่น ๆ
    ก็ต่างกลับไปนั่งรวมกับเพื่อน ๆ ของตนกันหมดแล้ว
    เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปยังตู้รถไฟที่เธอกับรอนนั่งอยู่เมื่อครู่แล้วเด็กสาวก็เห็นหนังสือเล่มสำคัญของเธอวางอย
    ู่บนเบาะสีแดง
    “อยู่นี่เอง” เด็กสาวพึมพำอย่างดีใจพร้อมกับเปิดประตูตู้ออก และเข้าไปหยิบหนังสือคืนมา แต่แล้วจู่ ๆ
    เฮอร์ไมโอนี่ก็ได้ยินเสียงประตูตู้ปิดลง!
    เด็กสาวหันหลังกลับทันที และที่เฮอร์ไมโอนี่ได้เห็นก็คือร่างสูงใหญ่ของเดรโก มัลฟอย
    กำลังยืนอยู่ด้านหลังเธอในระยะประชิด!
    “นาย!” เพียงแค่ได้เห็นหน้าเขา เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกเดือดดาลขึ้นมาในทันที
    แต่มัลฟอยที่ไวกว่าเข้ามาปิดปากเธอไว้ได้ทัน ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะร้องขอความช่วยเหลือ!
    “เงียบ เกรนเจอร์!” มัลฟอยกระซิบเสียงดุ ก่อนที่จะหันกลับไปสำรวจทางเดินภายนอก
    และเมื่อเด็กหนุ่มแน่ใจแล้วว่าบริเวณนี้ปลอดผู้คนแล้วจริง ๆ
    เขาจึงคลายมือที่ปิดปากของเฮอร์ไมโอนี่อยู่ออก และเลื่อนมือทั้งสองมากระชับเข้าที่ไหล่ของเด็กสาวไว้
    เพื่อไม่ให้เธอขัดขืน
    “ต้องการอะไร!” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง
    แววตาสีน้ำตาลที่จ้องมองมัลฟอยนั้นไม่ได้มีความหวาดกลัวเจืออยู่แม้แต่นิดเดียว!
    “ฉันไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่าคำตอบ” มัลฟอยพูดช้า ๆ หากแต่หนักแน่น
    “ว่าทำไมเธอถึงต้องยอมเสี่ยงตายลงไปในทะเลสาบเพื่อสร้อยเส้นนี้ด้วย”
    มัลฟอยพูดพร้อมกับหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋า และสิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่เห็นก็คือแสงสีต่าง ๆ
    ที่ทอประกายขึ้นมาจากสร้อยคริสตัลรูปหัวใจยามที่มัลฟอยกุมมันไว้ในมือ
    “นี่มัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อตาตัวเอง ทำไม ในเมื่อเขาเป็นคนโยนมันลงไปในทะเลสาบเองนี่

    “นาย” เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยด้วยสายตาที่แฝงด้วยความประหลาดใจ
    เฮอร์ไมโอนี่รับสร้อยเส้นนั้นมาจากมือของเด็กหนุ่มอย่างแปลกใจ ก่อนที่เอ่ยปากถาม
    “นายคืนมันให้ฉันอย่างนั้นหรือ”
    “ก็ใช่น่ะสิ” มัลฟอยพูด พร้อมกับทิ้งตัวลงบนเบาะสีแดง
    “ฉันเห็นเธอทำเพื่อมันขนาดนั้นแล้วฉันก็อดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไม”
    มัลฟอยพูดพร้อมกับเงยหน้าขึ้นสบตาเฮอร์ไมโอนี่
    โดยที่เด็กสาวไม่แน่ใจว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่าที่มองเห็นแววตาของมัลฟอยที่อ่อนลงกว่าเดิม
    ราวกับว่าเขาได้กลับไปเป็นมัลฟอยคนเดิมแล้ว!
    “แล้วตอนนี้เธอพอจะตอบฉันได้หรือยังเกรนเจอร์ ว่าใครเป็นคนที่ให้สร้อยเส้นนี้กับเธอ”
    มัลฟอยถามด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปาก
    เธอมองเข้าไปในดวงตาสีเงินที่ดูอ่อนโยนกว่าเดิมของมัลฟอย ก่อนที่จะตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกไป
    “แล้วนายจะเชื่อฉันไหม ว่านายเป็นคนให้สร้อยนี้กับฉัน”

    *************************************************

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×