ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย

    ลำดับตอนที่ #30 : การปรากฏตัวของโรส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.37K
      84
      11 พ.ย. 48

    ***Chapter 30  การปรากฏตัวของโรส***



    หลังจากคืนนั้นมัลฟอยก็ไม่ได้ลงมาหาเฮอร์ไมโอนี่ที่ห้องพยาบาลอีกเลย  และถึงแม้เธออยากจะเจอเขาเพียงไร  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่มีโอกาสทำเช่นนั้นได้  เพราะมาดามพรอมฟรีย์ได้ยืนยันอย่างเด็ดขาดว่าจะไม่ยอมให้เธอออกไปไหนถ้าหล่อนยังไม่แน่ใจว่าเธอหายดีแล้ว

    เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นที่กองปริศนาทำให้ชีวิตของ  เดรโก  มัลฟอยเปลี่ยนแปลงไปราวกับหน้ามือเป็นหลังมือ  จากมัลฟอยคนเดิมที่ดูมีนิสัยเย่อหยิ่งและอวดดี  บางครั้งเขาก็ทำราวกับพ่อของเขาเป็นเจ้าของโรงเรียน  เปลี่ยนไปเป็นมัลฟอยที่เก็บตัวมากขึ้น  และไม่ค่อยสุงสิงกับใคร  ซึ่งคนรอบข้างต่างเดาเอาว่าที่เขาเป็นเช่นนี้ก็เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับพ่อเขาเป็นเรื่องที่สร้างความสะเทือนใจแก่มัลฟอยไม่น้อย  โดยคนเหล่านั้นไม่รู้หรอกว่ายามที่มัลฟอยนั่งเหม่อลอยอยู่คนเดียวนั้น  เขากลับไม่ได้คิดถึงเรื่องพ่อของเขาอย่างที่ควรจะเป็นเลย  

    หลังจากเวลาสองสามวันที่มาดามพรอมพรีย์กักตัวเฮอร์ไมโอนี่  รอน  จินนี่ และเนวิลล์เพื่อดูอาการของพวกเขาได้ผ่านพ้นไป  เด็ก ๆ ก็ต้องผ่านการตรวจร่างกายที่ซับซ้อนหลายต่อหลายครั้ง  จนมาดามพรอมพรีย์แน่ใจว่าพวกเขาแข็งแรงพอจะออกจากห้องพยาบาลได้แล้ว  หล่อนจึงปล่อยเด็ก ๆ ออกไปใช้วันหยุดช่วงปิดเทอมที่เหลืออยู่น้อยนิดตามปรกติได้

    กว่าเฮอร์ไมโอนี่จะได้ออกจากห้องพยาบาลก็เหลือเวลาเพียงไม่กี่วันเท่านั้นที่เธอจะได้อยู่ที่ฮอกวอตส์ก่อนปิดเทอม  และแน่นอนว่าเด็กสาวตรงไปที่ห้องสมุดทันทีที่มาดามพรอมพรีย์อนุญาติ  แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะว่าเฮอร์ไมโอนี่ต้องการตรวจเช็คว่าเธอได้ตอบคำถามที่ 126. วิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์  ในการสอบว.พ.ร.ส. ถูกต้องหรือเปล่า  แต่เป็นเพราะว่าเธอต้องการจะไปยืมหนังสือ ‘ วิธีปรุง 100 น้ำยาวิเศษ ’ ของแอนนา  เอมส์  มาอีกครั้ง  เพื่อหาสูตรน้ำยาลบล้างสเน่ห์และปรุงมันขึ้นมา!

    แต่ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่ไปถึงห้องสมุดมาดามพินซ์กลับบอกเธอว่า

    “ฉันเสียใจนะมิสเกรนเจอร์  แต่ตอนนี้ห้องสมุดปิดแล้วล่ะจ๊ะ” หล่อนพูด  ขณะกำลังวุ่นอยู่กับหนังสือกองโตตรงหน้า

    “แต่มาดามคะ  หนูต้องการยืมหนังสือเล่มหนึ่งค่ะ  แล้วมันก็สำคัญมากด้วยค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    “ขอโทษนะจ๊ะ  แต่ฉันให้เธอยืมไม่ได้จริง ๆ” หล่อนบอก “ฉันกำลังจัดห้องสมุดใหม่ทั้งหมดน่ะ  เพราะวันก่อนพีฟส์มาก่อความวุ่นวาย  มันล้มหนังสือทั้งชั้น  แล้วก็โยนหนังสือทั้งรถเข็นเข้าเตาผิงด้วย”  มาดามพินซ์พูดอย่างเคร่งเครียด  เพราะตั้งแต่เฟร็ดกับจอร์จฝากฝังพีฟส์ไว้ให้มันเล่นงานอัมบริดจ์แทนพวกเขา  มันก็ทำตามคำพูดนั้นอย่างเคร่งครัดทีเดียว

    “แต่มาดามคะ  หนูจำเป็นต้องใช้หนังสือเล่มนี้จริง ๆ นะคะ  แต่มาดามให้หนูยืมมันสักวันเดียวเท่านั้น  ได้ไหมคะ” เฮอร์ไมโอนี่พยายามพูด  แต่ดูเหมือนว่ามาดามพินซ์จะไม่ยอมให้เธอทำเช่นนั้น

    “คงจะไม่ได้นะมิสเกรนเจอร์  ถึงแม้ว่าเธอจะมีเหตุผลที่จำเป็น  แต่ฉันก็ต้องการจัดห้องสมุดให้เป็นระเบียบน่ะจ๊ะ  และฉันคงทำไม่ได้แน่ถ้ามีหนังสือขาดไปบางเล่ม  ขอโทษจริง ๆ นะจ๊ะ” มาดามพินซ์พูดกับเฮอร์ไมโอนี่อย่างเห็นใจ  แต่หล่อนก็ไม่อาจปล่อยให้เธอยืมหนังสือได้  แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะเป็นนักเรียนคนโปรดของเธอก็ตาม

    เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาจาดห้องสมุดด้วยความรู้สึกผิดหวัง  ในใจของเด็กสาวครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลาว่าเธอจะทำอย่างไรต่อไปดี  เพราะตอนนี้เธอตัดสินใจจะคืนทุกอย่างให้มัลฟอยแล้ว  เธอตัดสินใจที่จะปรุงน้ำนาลบล้างสเน่ห์ให้เขาดื่ม  เพื่อที่จะยุติเรื่องราวทั้งหมด  แต่ถ้าไม่มีหนังสืเล่มนั้นเธอก็ไม่อาจปรุงมันขึ้นมาได้

    เฮอร์ไมโอนี่มัวแต่คิดเรื่องนี้จนกระทั่งเธอเดินดุ่มไปชนกับใครบางคนเข้า

    “ขอโทษค่ะ!” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าไปมองร่างนั้น “แฮกริด!”



    *************************************************



    “คุณสบายดีเหรอคะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางวางถ้วน้ำชาลงจานรองช้า ๆ ตอนนี้เธออยู่ในกระท่อมของแฮกริด  หลังจากที่เธอเดินชนกับเขาบนปราสาท  เขาก็ชวนเธอมาดื่มน้ำชาที่บ้าน

    “ก็ดีอ่ะนะ  แล้วเธอล่ะเฮอร์ไมโอนี่  เธอหายดีหรือยัง” แฮกริดถามพลางวางจานแซนวิชไส้สตูลงบนโต๊ะ  และยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่  เด็กสาวมองอาหารตรงหน้าแล้วยิ้มออกมาด้วยอาการฝืนอย่างเต็มที่

    “หนูว่าหนูสบายดีแล้วค่ะ  แต่กว่ามาดามพรอมพรีย์จะปล่อยพวกเราออกมาจากห้องพยาบาลก็ใช้เวลานานทีเดียว” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางพยายามผลักจานออกห่าง ๆ

    “ง้านเหรอ  แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ  รอนเนี่ยเขา’บายดีใช่ไหม” แฮกริดถามพลางลูบหัวเจ้าเขี้ยว

    “ค่ะ  เอ่อ  แล้วกรอป์ล่ะคะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางหมุนถ้วยน้ำชาในมือ

    “กรอปบี้ชอบป่านี้นี้มากนะ  แล้วตอนนี้ฉันก็คิดว่าฉันจะหาเพื่อนหญิงให้เขาสักคนแหละ” แฮกริดพูดพลางซดน้ำชาเข้าไปอึกใหญ่  ก่อนจะยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่โดยไม่สังเกตุถึงสีหน้าของเด็กสาว

    หลังจากทานน้ำชากับแฮกริดเสร็จแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ก็ขอตัวกลับปราสาทก่อนที่จะมืด  แม้ว่าแฮกริดจะอาสาเดินไปส่งเธอที่บันไดทางขึ้นห้องโถง  แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับปฏิเสธเพราะไม่อยากรบกวนเขา

    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากกระท่อมของแฮกริด  ท้องฟ้าด้านนอกก็เริ่มเป็นสีเทาแล้ว  แม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูร้อนที่กลางวันยาวกว่ากลางคืนก็ตาม  สายลมเย็นพัดผ่านร่างกายเบา ๆ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเดินกลับไปที่ปราสาท  เด็กสาวก็สังเกตุเห็นร่าง ๆ หนึ่งกำลังเดินลัดเลาะอยู่ริมชายป่าต้องห้าม  โดยมันเพิ่งเดินผ่านแปลงฟักทองหน้าบ้านของแฮกริดไปเมื่อครู่

    เฮอร์ไมโอนี่มองร่างนั้นอย่างสงสัย  ร่างที่สวมเสื้อคลุมสีดำยาวจรดพื้น  และสวมฮู้ดปกปิดใบหน้าไว้อย่างมิดชิดกำลังเดินหายเข้าไปในแมกไม้ภายในป่าต้องห้าม  เฮอร์ไมโอนี่มองร่างด้วยความสงสัยระคนอยากรู้  ก่อนที่อะไรบางอย่างจะบอกเธอให้ตามร่างนั้นไป

    ร่างลึกลับเคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว  รวดเร็วและแลดูเลื่อนลอย  ราวกับว่าฝีเท้าของคนผู้นั้นไม่ได้ทิ้งร่องรอยอะไรไว้บนผืนหญ้าที่ขึ้นสูงภายในป่าต้องห้ามเลยแม้แต่น้อย

    เฮอร์ไมโอนี่ตามร่างลึกลับนั้นไปจนกระทั่งป่ารอบกายของเธอเริ่มทึบขึ้นทุกขณะ  ต้นไม้สูงใหญ่รอบด้านต่างบดปังแสงอาทิตย์ยามเย็นให้ไม่สามารถส่องลงมายังพื้นได้  เฮอร์ไมโอนี่นึกแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าร่างลึกลับนั้นเป็นใคร  และมาอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ในป่าต้องห้ามขณะนี้  

    จนกระทั่งเด็กสาวตามร่างนั้นมาจนถึงภายในป่าที่เป็นบริเวณว่าง ๆ ราวกับต้นไม้รอบข้างจงใจเว้นพื้นที่วงกลมขนาดใหญ่ไว้ใจกลางป่า  ร่างลึกลับนั้นก็หยุดอยู่ตรงนั้น  มันค่อย ๆ หันมาด้านหลังราวกับว่ามันรู้อยู่แล้วว่าใครติดตามมันมา  และทันทีที่ร่างนั้นหันหลังมาพร้อมกับผ้าคลุมศีรษะที่ถูกเลิกขึ้น  ริมฝีปากแดงสดและดวงตาสีดำทอประกายเหมือนลูกปัดเป็นสิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่เห็น  และแน่นอนว่าเธอจำได้ว่าร่างนั้นคือใคร  โรสนั่นเอง!



    *************************************************



    “คุณ!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเธอ  ในขณะที่โรสมีสีหน้านิ่งเฉย  ริมฝีปากสีแดงดูราวกับจะแย้มยิ้มเมื่อได้เจอเธอ  แต่ดวงตาสีดำนั้นแลดูลึกลับกว่าทุกครา

    โรสเดินเข้ามาหาเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังงงวยอยู่อย่างช้า ๆ

    “ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้งนะจ๊ะ  เฮอร์ไมโอนี่” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงหวานฉ่ำ  หากแต่ฟังดูมีอำนาจ

    “คุณมาทำอะไรที่นี่คะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างนั้นออกไปเพราะนั่นเป็ นสิ่งแรกที่เธอคิดออก

    “ฉันมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์บางอย่างก็คือฉันต้องการจะพบใครบางคน  และตอนนี้ฉันก็ได้ทำเช่นนั้นแล้ว” โรสพูดพร้อมกับมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีดำสนิท  แน่นอนว่าเด็กสาวสามารถเข้าใจในสิ่งที่โรสพูดได้ในทันที

    “คุณมีธุระอะไรกับหนูคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นทันที  โรสยิ้ม

    “ฉันมีบางอย่างที่ต้องคุยกับเธอ  บางสิ่งบางอย่างที่สำคัญและเป็นความลับเกินกว่าจะให้คนอื่นรู้” โรสอธิบาย “แต่ฉันก็รู้ว่าในใจลึก ๆ ของเธอก็ปรารถนาที่จะเจอฉันอยู่เช่นกัน” หล่อนกล่าว  เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว

    “หนูไม่เข้าใจที่คุณพูดค่ะ  คุณหมายความว่ายังไงคะ” เฮอร์ไมโอนี่ตามตรง

    “ถ้าเธอได้พูดคุยกับฉันสักห้านาที  เธอก็จะเข้าใจถึงเรื่องทั้งหมดที่เธอเคยสงสัย” โรสพูดพร้อมกับโบกมือน้อย ๆ เก้าอี้นวมสองตัวก็ปรากฏขึ้นข้างกายของพวกเขาทั้งสองทันที  โรสมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างเชื้อเชิญ  และเด็กสาวก็ยอมนั่งบนเก้าอี้

    เฮอร์ไมโอนี่นั่งหมิ่น ๆ ลงบนเก้าอี้นวมที่ปูด้วยผ้าทอที่มีสีสันสดใส  เช่นเดียวกับโรสที่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเธอ  เฮอร์ไมโอนี่มองหล่อนอย่างไม่ไว้ใจนักว่าคราวนี้โรสจะมาไม้ไหน  แต่เด็กสาวก็ไม่ถึงกับหวาดระแวงอะไร

    “ถ้าอย่างนั้นคุณตอบคำถามหนูได้หรือยังคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม “ว่าคุณมีธุระอะไรกับหนู”

    “ฉันรู้ว่าเธออยากรู้มากว่าทำไมฉันถึงมาคอยยุ่งเกี่ยวกับชีวิตเธอตั้งหลายต่อหลายครั้ง  แต่เธอก็น่าจะรู้แล้วนี่จ๊ะว่าฉันจำเป็นต้องทำอย่างนั้น” โรสพูด “ที่ฉันมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียวก็คือ  ฉันต้องการพบกับเธอและพูดคุยกับเธอ” หล่อนเอ่ย

    “ความจริงฉันอยากจะมาพบปะกับเธอก่อนหน้านี้แล้ว  ฉันได้คอยจับตาดูเธออยู่ตลอดเวลา  ตั้งแต่วันที่เราพบกันที่ฮอกมี้ดส์  ฉันรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องไม่สมควร” โรสรีบพูด  เมื่อหล่อนเห็นสีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่

    “แต่ฉันจำเป็นต้องทำ  ฉันคอบจับตาดูความเป็นไปของเธออยู่ตลอด  จนกระทั่งฉันเห็นว่าบางสิ่งบางอย่างที่ฉันกลัวนั้นกำลังจะกลายเป็นความจริง  บางสิ่งบางอย่างที่ฉันเคยเตือนเธอเอาไว้และเธอก็ละเลยที่จะใส่ใจมันกำลังจะเปลี่ยนแปลงบางอย่างในชีวิตเธอ  และชีวิตอีกหลายต่อหลายชีวิตไปตลอดกาล”  

    “เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันก็คิดว่าฉันน่าจะมาพบเธออีกครั้ง  เพื่อเตือนเธอกับเรื่องราวที่กำลังจะเกิดขึ้น  เพียงแต่ฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่สมควร  จนกระทั่งในตอนนี้” โรสอธิบายอย่างใจเย็น  ซึ่งต่างกับเฮอร์ไมโอนี่โดยสิ้นเชิง  เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้นวมด้วยท่าทีอยู่ไม่สุข  

    “หนูไม่เข้าใจที่คุณพูดเลยค่ะโรส  และหนูก็ไม่รู้ว่าคุณต้องการบอกอะไรกับหนู” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างสับสน

    “ที่ฉันต้องการบอกเธอ  และสิ่งที่ฉันต้องการจะมาเตือนและช่วยเหลือเธอในวันนี้มันเกี่ยวกับเรื่องของเธอกับเดรโก  มัลฟอย” โรสพูดออกมา  เฮอร์ไมโอนี่ดูงุนงงไม่น้อยที่หล่อนรู้เรื่องนี้

    “คุณรู้เรื่องหนูกับมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    “ฉันรู้ทุกอย่างที่ฉันต้องการรู้จ๊ะ” โรสพูด “และถ้าฉันพูดไม่ผิดล่ะก็  เกิดความผิดพลาดบางอย่างกับแผนการที่ฉันเตรียมเอาไว้ถูกไหมจ๊ะ  เรื่องยาสเน่ห์ที่ฉันให้เธอไปน่ะ” โรสว่า  และเฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าไม่มีอะไรที่เธอจะสามารถปิดหญิงสาวคนนี้ได้แล้ว  

    “ค่ะ  มันเกิดเรื่องผิดพลาดขึ้น” เฮอร์ไมโอนี่สารภาพ “มัลฟอยดื่มยาสเน่ห์ที่หนูเตรียมไว้ให้แฮร์รี่เข้าไป  แต่หนูไม่ได้ตั้งใจนะคะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    “ฉันรู้จ๊ะ  ว่าเธอไม่ได้ตั้งใจ  แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นจ๊ะ” โรสถาม  

    “หนู  หนูไม่ได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นค่ะ  มัลฟอยดื่มมันเข้าไปโดยที่เขาไม่รู้  และหนูก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี  หนูได้แต่ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างนั้นโดยไมได้แก้ไขอะไร” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    “หลังจากนั้นเราสองคนก็ใกล้ชิดกันมากขึ้น  และมัลฟอยก็เริ่มเปลี่ยนไป  เขาไม่ได้รังเกียจหนูเหมือนเดิม  และเขาก็ดีกับหนูมากขึ้น  อ่อนโยนกับหนูมากขึ้น  อย่างกับเขาไม่ใช้มัลฟอยที่หนูเคยรู้จัก  เราสนิทกันมากขึ้น  มากขึ้น  จนกระทั่ง.......” เฮอร์ไมโอนี่เล่า  ภาพความทรงจำ  และเรื่องราวต่าง ๆ ระหว่างเธอและมัลฟอยที่เคยเกิดขึ้นนั้นผุดขึ้นมาในหัวสมอง  ราวกับภาพหลอนที่ยากจะลบเลือน

    “จนกระทั่งเธอหลงรักเขา” โรสต่อให้  แววตาสีดำของเธอมองเฮอร์ไมโอนี่อย่าวพิจารณา  

    “หนูก็ไม่รู้ค่ะว่ามันเป็นความรักหรือเปล่า  แต่หนูรู้สึกดีเมื่อหนูอยู่ใกล้เขา  มันเป็นความรู้สึกที่มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับผู้ชายคนนี้” เฮอร์ไมโอนี่พูดตามความจริง  แม้ในใจลึก ๆ ของเธอจะคิดอยู่เหมือนกันว่าทำไมเธอต้องมานั่งเล่าชีวิตรักของเธอให้หญิงแปลกหน้าอย่างโรสฟังด้วยเล่า  แต่อีกใจหนึ่งเด็กสาวก็กลับรู้สึกสบายใจที่ได้มีใครสักคนมารับฟังเธอ  ให้เธอได้ระบายเรื่องราวที่เธอไม่ได้มีโอกาสบอกใครออกไปเสียบ้าง

    “แล้วเขาล่ะจ๊ะ  เขารู้สึกอย่างไรกับเธอ” โรสถาม  เฮอร์ไมโอนี่เม้มปาก

    “หนูไม่รู้ค่ะ” เธอพูด “แต่หนูคิดว่าเขาก็คงไม่ต่างกับหนู” เฮอร์ไมโอนี่คิดว่ามัลฟอยคงต้องสับสนอยู่ไม่น้อยกับความรู้สึกของเขาที่มีต่อเธอ

    “สรุปว่าเธอทั้งสองรักกันจนได้สินะ” โรสพูดพร้อมกับประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกัน  น้ำเสียงของเธอดูเคร่งขรึมและวิตกกังวลอยู่ในทีเดียวกัน  ราวกับว่าเรื่องที่เธอได้กลัวมาตลอดนั้นได้กลายเป็นความจริงแล้ว

    “มันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  น้ำเสียงของเธอฟังดูเศร้าสร้อย “ตั้งแต่มัลฟอยรู้ความจริงว่าหนูใช้ยาสเน่ห์กับเขา  เขาก็โกรธหนูมาก” เด็กสาวบอกพลางคิดถึงเรื่องราวในวันนั้น

    “หนูบอกเขาว่าหนูเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น  แต่มัลฟอยไม่ยอมฟัง  เขาโกรธมากค่ะ  แล้วหลังจากวันนั้นเขาก็แทบไม่ได้มาพบหนูอีกเลย  ครั้งหนึ่งหนูเคยคิดว่าหนูจะสามารถทำให้เขาเข้าใจหนูได้  แต่หนูคิดผิด  หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องบางเรื่องขึ้น  และมันทำให้ทุกอย่างระหว่างเรามันแย่ไปกว่าเดิมอีก” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    แม้โรสจะไม่ได้ถามว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอและมัลฟอย  แต่หญิงสาวรู้ดีว่าทำไมความสัมพันธ์ของเด็กทั้งสองที่เคยเบ่งบานกลับเปลี่ยนไปเป็นเลวร้ายจนถึงขั้นแตกหักขนาดนี้



    *************************************************



    เกิดความเงียบชวนอึดอัดขึ้นระหว่างคนทั้งสอง  ภายในป่าต้องห้ามที่ทั้งคู่กำลังสนทนากันอยู่นั้นไม่มีแม้แต่สรรพเสียงใด ๆ ให้ได้ยิน  และเป็นเช่นนั้นอยู่ยาวนานหลายนาทีทีเดียวกว่าโรสจะเปิดปากพูดทำลายความเงียบออกมา

    “ความจริงฉันควรจะขอโทษเธอนะเฮอร์ไมโอนี่” โรสพูดขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองเธออย่างสงสัย

    “ความจริงฉันไม่ควรให้ยาสเน่ห์นั้นไปกับเธอเลย  มันเป็นความผิดของฉันเอง” หล่อนกล่าว  

    “หนูไม่เข้าใจที่คุณพูดค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  โรสถอนใจช้า ๆ ดวงหน้างดงามแลดูวิตก

    “ความจริงฉันรู้นะว่าเรื่องราวทั้งหมดต้องมาลงเอยที่รูปแบบนี้  ฉันรู้ว่าอนาคตเป็นเรื่องที่ฝ่าฝืนไม่ได้  แม้ว่าจะพยายามเพียงไรฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะฝ่าฝืนมันให้ใคร  หรือแม้แต่บอกเล่าเรื่องในอนาคตให้ใครฟัง” โรสเริ่มพูด

    “แต่สำหรับเธอนั้นเป็นกรณีพิเศษ  เฮอร์ไมโอนี่” โรสพูดขึ้น “ฉันยอมรับว่าฉันล่วงรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ  แต่อนาคตของเธอต่อจากนี้นั้นเป็นสิ่งที่ฉันไม่อาจรู้และคาดเดาได้”

    “นั่นเป็นเพราะว่าชะตาของเธอนั้นเกี่ยวข้องกับอะไรบางอย่างที่ลึกลับ  และยากที่จะคาดเดา”  

    “แต่เท่าที่ฉันรู้นั้น  ดวงชะตาของเธอได้ข้องเกี่ยวกับชะตาของเด็กชายอีกคนหนึ่งที่มีชื่อว่า  เดรโก  มัลฟอย  และฉันก็รู้ว่าเธอสองคนเป็นศัตรูกันมาตั้งแต่เข้าเรียนที่โรงเรียนนี้  เพียงแต่ว่าชะตาของเธอไม่ประสงค์จะให้มันเป็นเช่นนั้น  มีการทำนายเอาไว้ว่าจะมีอะไรบางอย่างก่อตัวขึ้นท่ามกลางความขัดแย้ง  มีบางสิ่งบางอย่างที่เชื่อมโยงเธอทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน  และเมื่อมันเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น  มันจะนำความวิบัติอย่างใหญ่หลวงมาสู่โลกเวทย์มนตร์  รวมทั้งทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเธอ” โรสพูด  แววตาสีดำของเธอจ้องมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างสงบนิ่ง  เด็กสาวรู้สึกตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่เธอได้ยิน

    “เมื่อเป็นเช่นนั้นฉันจึงพยายามจะหยุดยั้งมันไว้  โดยการไปพบเธอที่ฮอกมี้ดส์  และมอบยาสเน่ห์สร้างความสัมพันธ์ให้เธอ  เพื่อให้เธอได้ลงเอยกับคนที่เธอรัก  และอยู่ห่างจากเดรโก  มัลฟอยไว้  เพื่อจะไม่ให้เกิดเรื่องตามดังที่คำทำนายได้กล่าวเอาไว้”

    “เพียงแต่ว่าฉันไม่รู้เลยว่าฉันได้ทำผิดอย่างใหญ่หลวงตั้งแต่ฉันได้ไปพบเธอ  เพราะไม่มีใครที่สามารถฝ่าฝืนชะตาได้  และยิ่งเราพยายามจะฝ่าฝืนมัน  มันจะยิ่งบังคับเราให้เป็นไปตามทางที่ได้ถูกกำหนดไว้  จริงอยู่ที่ฉันสามารถทำให้เธอสมหวังกับแฮร์รี่  พอตเตอร์ได้  แต่มันกลับกลายเป็นว่าฉันไปทำให้เธอกับเดรโก  มัลฟอยรักกันอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจ” โรสอธิบาย  

    แม้ว่าจะงุงนงงอยู่มากแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็สามารถเข้าใจได้ว่าโรสพยายามช่วยเธอให้สมหวังกับแฮร์รี่  แต่มันเกิดความผิดพลาดขึ้นจนกลายเป็นว่าเธอกลับไปรักกับมัลฟอย  และนั่นเป็นสิ่งที่โรสกลัวมาตลอด    

    “หนูอยากรู้ค่ะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนูกับมัลฟอยยังคงรักกันต่อไป” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น  

    โรสมองเธออย่างชั่งใจอย่ชั่วครู่ก่อนจะโบกมือเบา ๆ เบื้องหน้า  และที่ปรากฏขึ้นก็คือโต๊ะน้ำชาตัวเล็ก ๆ พร้อมกับลูกแก้วสีขุ่นที่วางอยู่บนโต๊ะ

    “ฉันคิดว่าเธอน่าจะเป็นคนดูมันเองถึงจะดีว่านะ” โรสพูด  เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเธอแวบหนึ่งก่อนจะตัดสินใจเพ่งมองเข้าไปในความลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุดของลูกแก้ว  ตอนแรกเด็กสาวคิดว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ  และไม่ต่างกับการดูลูกแก้วในวิชาพยากรณ์ของศาสตราจารย์ทวีลอนีย์แต่อย่างใด  จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่เริ่มเห็นอะไรบางอย่างในลูกแก้วก่อตัวเป็นรูปเป็นร่าง

    ไอหมกสีขุ่นขาวในลูกแก้วแปรเปลี่ยนเป็นสีดำทะมึนในขั่วพรึบตา  ไม่นานนักกลุ่มควันสีเข้มนั้นก็มารวมตัวกันที่กลางลูกแก้ว  ก่อตัวเป็นรูปร่างของคน ๆ หนึ่งซึ่งมีผมสีบลอนด์สวมชุดสีดำสนิทกำลังยืนหันหลังให้เธออยู่

    ร่างนั้นหันมาหาเฮอร์ไมโอนี่อย่างช้า ๆ ใบหน้าของเดรโก  มัลฟอยประจักษ์สู่สายตาของเธอเพียงแต่ว่าเขาไม่ใช่เดร  โกมัลฟอยที่เฮอร์ไมโอนี่เคยรู้สึก  เขาดูโตขึ้นกว่าตอนนี้มากและดูราวกับเขาได้กลายเป็นชายหนุ่มเต็มตัวแล้ว

    แววตาสีเงินของเขาแลดูไร้ความรู้สึกใด ๆ ยามที่มันจ้องมองฝ่ายตรงข้าม  ปากเรียวซีดเริ่มขยับ

    “ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงสินะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย  กลุ่มควันในลูกแก้วก่อตัวขึ้นอีกครั้ง  และคราวนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นว่าตัวเองกำลังประจันหน้าอยู่กับมัลฟอย  ผมสีน้ำตาลของเธอปลิงไสวไปตามแรงลม  ท้องฟ้าเบื้องบนนั้นมืดสนิทและไร้แสงดาว

    “เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินเสียงของตัวเองพูดขึ้นมา

    “เธอรู้ใช่ไหมว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้” มัลฟอยถาม  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเล็กน้อย

    “แต่เธอก็ยังรักฉันอย่างนั้นหรือ” มัลฟอยพูด  แววตาสีเงินที่จ้องมองเฮอร์ไมโอนี่นั้นดูล้ำลึกยิ่งนัก  ราวกับเขาต้องการจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ไว้เป็นอย่างดี

    “ฉันรักเธอเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น  มัลฟอยมองเธอเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะยกไม้กายสิทธิ์ขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อยแต่ราวกับว่าเธอได้เตรียมใจกับเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดีแล้ว

    “ฉันรู้ว่าเธอคงไม่มีทางให้อภัยฉัน”  มัลฟอยพูด

    “ฉันไม่เคยโกรธเธอเลยสักนิด” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  

    “กับเรื่องทั้งหมดที่ฉันทำอย่างนั้นหรือ” มัลฟอยพูดอย่างราวกับจะเย้ยหยันตัวเอง  แต่สิ่งที่เขาได้รับกลับมานั้นคือรอยยิ้มบาง ๆ ของหญิงสาวที่ยืนตรงหน้าเขา

    “ใช่  อย่าลืมสิว่าฉันยกโทษให้เธอได้เสมอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยรอยยิ้ม

    “แล้วถ้าฉันฆ่าเธอล่ะเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดพร้อมกับย่างสามขุมมาหาเธอ

    “ถ้าเธอคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ควรทำ  ฉันก็ไม่มีอะไรจะโต้แย้ง” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  แววตาสีเงินของมัลฟอยแปรเปลี่ยนไปเป็นสีเทา  มันดูวิตกและโศกเศร้า

    “เราไม่ควรจะรักกันเลยเกรนเจอร์  ทั้ง ๆ ที่เรารู้ตั้งแต่ตอนแล้วว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้” มัลฟอยพูด  เขาลดไม้กายสิทธิ์ลงช้า ๆ เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้เขา

    “ฉันรู้ดี” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ มัลฟอยเอาแขนข้างหนึ่งโอบกอดเธอไว้

    “ฉันรักเธอเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกแปร่ง  แววตาของเขาดูโศกเศร้ายากที่จะบรรยาย  แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีโอกาสได้เห็นมัน  เพราะว่าตอนนี้เธอกำลังโอบกอดชายหนุ่มแน่นเช่นกัน

    ทั้งสองต่างโอบกอดกันและกันอยู่เนิ่นนาน  ภายใต้ท้องฟ้าที่ไร้ดาว

    “ฉันอยากให้เธอไปกับฉัน  ไปในที่ ๆ มีแค่เราเพียงสองคน” จู่ ๆ มัลฟอยก็พูดขึ้นมา  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้ามองเขาอย่างแปลกใจ  แต่ก่อนที่เธอได้จะทำอะไรไม้กายสิทธิ์ของมัลฟอยก็ชี้อยู่ที่หน้าอกของเธอ

    “ไปที่ ๆ มีแค่เธอกับฉัน” มัลฟอยว่า  เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอแปรความหมายของแววตาสีเทาของเขาออก  และเด็กสาวก็หลับตาลงอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับมัลฟอย  เรียงปากบางซีดเริ่มพึมพำคาถา  และต่อมาที่เฮอร์ไมโอนี่ได้เห็นจากภายในลูกแก้วก็คือแสงที่สว่างวาบขึ้นบาดตาภายใต้ท้องฟ้าที่ไร้แสงดาว!



    *************************************************



    ขอโทษนคะที่มาอัพช้า  พอดีเปิดเทอมแล้วยุ่งมาก ๆ เลย  เรียนหนักมาก  แล้วฟิคเนี่ยก็ยิ่งแต่งยากขึ้นทุกวัน  แต่จะพยายามแต่งต่อไปค่ะ



    ไม่รู้เหมือนกันนะว่าตอนนี้จะดูแปลก ๆ ไหม มีหลายคนบ่นมาว่าเศร้าจัง  ก็แหม  พลอตเรื่องมันมางี้นี่คะ  แต่บอกไว้ก่อนละกันว่าตอนจบไม่



    เศร้าแน่ ๆ ค่ะ  สำหรับฟิคเรื่อง You are my servant กับ My Tear นั้น  เราแต่งได้ 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว  



    คาดว่าภายในวันอาทิตย์นี่น่าจะมาลงเรื่องใดเรื่องหนึ่งให้ได้อ่านกันค่ะ  ส่วนความคืบหน้าของฟิคทั้งสองเรื่องนั้น  ติดตามได้ที่บอร์ดเอ็มม่าค่ะ



    http://www.yimwhan.com/board/board.php?user=emma-fanclub
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×