ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย

    ลำดับตอนที่ #24 : อุบัติเหตุอีกครั้ง

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.68K
      111
      5 ก.ย. 48

    ***Chapter 24  อุบัติเหตุอีกครั้ง***



    กว่าเฮอร์ไมโอนี่จะกลับมาถึงที่นั่งของเธอบนอัฒจันทร์การแข่งขันก็เกือบจะเริ่มขึ้นแล้ว  นักกีฬาของทั้งสองทีมต่างก้าวลงสู่สนาม  พร้อม ๆ กับมาดามฮูชผู้เป็นกรรมการเหมือนเช่นทุกครั้ง  และไม่นานนักไม้กวาดทั้งสิบสี่อันก็ลอยขึ้นเหนือสนามควิดดิช  เสื้อคลุมสีเขียวและสีน้ำเงินโบกสะบัดไปตามแรงลมพร้อม ๆ กับเสียงเชียร์จากกองเชียร์ของแต่ละทีมดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว

    หลังจากที่นักกีฬาประจำบ้านต่างบินวนรอบอัฒจันทร์เพื่อเรียกเสียงเชียร์จากบ้านของตัวเองเรียบร้อยแล้ว  มาดามฮูชก็เรียกนักกีฬาของทั้งสองทีมไปบริเวณกลางสนามเพื่อเริ่มการแข่งขัน  

    ลูกบลัดเจอร์และลูกสนิชถูกปล่อยออกไปเป็นอย่างแรก  ท่ามกลางเหล่าผู้เล่นของทั้งสองทีม  ลูกบอลเล็กจ้อยสีทองบินวนหลอกล่อผู้เล่นของทั้งสองฝ่ายอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะหนีหายเข้ากลีบเมฆไป  ในขณะที่มาดามฮูชถือลูกควัฟเฟิลสีแดงสดไว้ในอ้อมแขน  และหลังจากที่หล่อนโยนมันขึ้นบนอากาศ  การแข่งขันก็เริ่มขึ้นแล้ว!

    เชสเตอร์ของเรเวนคลอและสลิธีรินต่างตรงเข้าแย่งลูกควัฟเฟิลกันอย่างรวดเร็ว  ในขณะที่มัลฟอยซึ่งเล่นในตำแหน่งซีกเกอร์ของสลิธีรินกลับบินหนีความวุ่นวายเบื้องล่างขึ้นไปเหนือสนามเพื่อมองหาลูกสนิช  

    ผ่านไปประมาณสิบห้านาที  เรเวนคลอและสลิธีรินต่างทำประตูได้เท่า ๆ กัน  ท่ามกลางเสียงเชียร์ของทั้งอัฒจันทร์  มัลฟอยบินวนรอบสนามเพื่อมองหาลูกสนิช  และเด็กหนุ่มก็เพิ่งสังเกตได้ว่า  โช  แชง  ซีกเกอร์ของเรเวนคลอนั้นบินตามเขามาติด ๆ ได้สักระยะหนึ่งแล้ว  ราวกับหล่อนต้องการจับตาดูมัลฟอยมากกว่าที่จะพยายามมองหาสนิช

    “อยากตามดีนักใช่ไหม” มัลฟอยกระซิบเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงราบกับไม้กวาด  และเร่งความเร็วขึ้นเพื่อที่จะสลัดโชให้หลุด

    ทางด้านอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์  ระหว่างที่เรเวนคลอและสลิธีรินกำลังขับเคี่ยวกันอยู่นั้น  แอนเจลิน่าก็ชี้ให้รอนดูถึงแนวทางการเล่นของเชสเตอร์ของทั้งสองทีมเพื่อที่เขาจะตั้งรับได้การแข่งขันนัดต่อไป  แต่ดูเหมือนรอนจะไม่สนใจที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย  ขณะนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังดูการแข่งขันอยู่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่  แต่มีอยู่หลายครั้งทีเดียวที่สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ซีกเกอร์ของสลิธีรินมากกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ

    “พอเถอะน่า” รอนประท้วงขึ้นมาอย่างหงุดหงิด

    “นายว่าอะไรนะวีสลีย์” แอนเจลิน่าพูดเสียงเข้ม  ราวกับเธอกลายร่างเป็นเสื้อร้ายขึ้นมาภายในฉับพลัน  ส่วนรอนนั้นหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย

    “ฉันหมายความว่าฉันเข้าใจที่เธอพูดแล้ว  และคงจะดีมากถ้าฉันขอดูการแข่งขัน....หมายถึงว่าศึกษาการเล่นของคู่ต่อสู้เงียบ ๆ คนเดียวน่ะ” รอนรีบแก้ตัวอย่างฉับพลัน  แอนเจลิน่ามองเขาอย่างประเมินแวบหนึ่งก่อนจะพูดออกมา

    “งั้นก็ตามใจนายนะวีสลีย์” เธอว่าก่อนจะหันไปคุยกับ  เคตี้  เบลล์  แทน  รอนดูโล่งอกอย่างยิ่ง

    “ยอดเยี่ยมครับลูกนี้  ตอนนี้สลิธีรินนำเรเวนคลออยู่แปดสิบต่อห้าสิบแล้วครับ!” เสียงบรรยายการแข่งขันของ ลี  จอร์ดันดังขึ้นเมื่อสลิธีรินทำแต้มได้อีกสิบแต้ม

    “แต่ถึงยังไงก็ยังถือว่าคะแนนยังสูสีกันอยู่นะครับ  แต่ถ้าหากว่าซีกเกอร์ของสลิธีรินจับลูกสนิชได้ก่อนล่ะก็  สลิธีรินก็จะได้เข้าไปเจอกับกริฟฟินดอร์ในรอบชนะเลิศครับ” ราวกับเสียงของลีชอนไชเข้าไปในหัวสมองของรอน  เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด

    “ฉันไม่ยอมหรอก” เขาพูดอย่างคับแค้น  และยังจำได้ดีถึงความอับอายเมื่อครั้งที่แข่งขันกับสลิธีรินได้เป็นอย่างดี  ราวกับมีคนมาร้องเพลง ‘ วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา ’ กรอกใส่หู  รอนค่อย ๆ หยิบดอกไม้ไฟปุ๋งปั๋งที่ลีให้มาก่อนเริ่มการแข่งขันขึ้น  และเริ่มเล็งหาเป้าหมาย

    และเมื่อเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ที่กำลังขี่ไม้กวาดนิมบัสสองพันหนึ่งคู่กายบินผ่านหน้าอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์  รอนก็หยิบไม้กายสิทธิ์มาแตะเบา ๆ ที่ปลายดอกไม้ไฟทันที!

    ดอกไม้ไฟสีสันสดไฟบินเร็วจี๋ไปตามเป้าหมาย  ซึ่งขณะนี้กำลังลอยอยู่เหนือสนามควิดดิช  แต่ในไม้ช้ามัลฟอยผู้ตกเป็นเป้าหมายก็รู้ตัวว่ากำลังถูกประทุร้าย   เขาบินฉวันเฉวียนเพื่อหลบหลีกดอกไม้ไฟที่กำลังวิ่งฝ่าอากาศมาหาเขาอย่างรวดเร็ว  ราวกับมันเป็นลูกบลัดเจอร์ก็ไม่ปาน

    “ดูเหมือนจะมีคนปล่อยวัตถุแปลกปอมเข้ามาในสนามนะครับ!” ลีพูดพร้อมกับหัวเราะงอหาย  เมื่อเห็นสภาพของมัลฟอยในตอนนี้  ในขณะที่เกือบทั้งอัฒจันทร์ที่เหลือต่างอยู่ในสภาพเดียวกับเขา  แม้ว่าตอนนี้ทีมสลิธีรินทั้งทีมจะดูงงงวยไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตาม

    “ฝีมือนายเหรอรอน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเขียว  เมื่อเห็นภาพดังกล่าว  ในขณะที่รอนหัวเราะจนท้องแข็ง

    “แล้วจะเป็นฝีมือใครเล่า” เด็กหนุ่มตอบเบา ๆ พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะมาอีกระลอก  เมื่อมัลฟอยต้องบินวนรอบห่วงฝั่งตัวเองเพื่อหลบหลีกดอกไม้ไฟของเขา  นานมาแล้วที่เขาไม่ได้เห็นมัลฟอยโดนเล่นงานแบบนี้  “เหมือนฉันเห็นตัวเองตอนถูกลูกบลัดเจอร์ไล่ยังไงก็ไม่รู้สิ” แฮร์รี่ว่า  แต่ถึงแม้เขาจะพูดเช่นนั้น  เด็กหนุ่มเองก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซึ่งดังไม่ได้แพ้รอนเลย

    “เธอทำอย่างนั้นไม่ได้นะรอน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง  แต่รอนกับโต้กลับว่า ‘ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ’

    “ก็เพราะเธอเป็นพรีเฟ็คน่ะสิ” เด็กสาวบอก  ในขณะที่เพื่อนรักของเธอทำหูทวนลม

    “หยุดมันเดี๋ยวนี้นะรอน” เธอสั่งเสียงเขียวพร้อมกับลุกขึ้นยืน  แต่รอนกลับทำหน้าไม่พอใจ

    “โถ่  เฮอร์ไมโอนี่  เธออย่างเคร่งเครียดสักครั้งจะได้ไหม  นั่นมันมัลฟอยนะ  มัลฟอย  เธอน่าจะขอบคุณที่ฉันทำอย่างนี้ด้วยซ้ำ  เธอจะไปเป็นห่วงเป็นใยมันทำไม” เขาพูด  แต่คำพูดของรอนกลับเสียดแทงจิตใจของเฮอร์ไมโอนี่เหลือเกิน  เด็กสาวนั่งลงช้า ๆ แต่ใบหน้าของเธอยังคงบูดบึ้ง

    ถ้าเธอไม่ต้องเป็นห่วงเขาได้เลยก็ดีสิ



    *************************************************



    หลังจากที่มัลฟอยบินในเพื่อหลีกหนีดอกไม้ไฟอยู่นาน  เขาก็คิดวิธีที่จะสลัดมันออกไปได้  เด็กหนุ่มการหลอกล่อมันโดยการบินเข้าหาอัฒจันทร์  และเชิดไม้กวาดขึ้นเมื่อใกล้ชนกับอัฒจันทร์  ดอกไม้ไฟจึงวิ่งเร็วจี๋ไปชนอัฒจันทร์เข้าอย่างจัง  จนมันกลายเป็นรูขนาดย่อม ๆ เลยทีเดียว  แต่ไม่ได้มีเสียงระเบิดตามมาอย่างใด  อาจจะเป็นเพราะดอกไม้ไฟยังหาเป้าหมายของมันไม่ได้กระมัง  มันจึงบินเอียง ๆ ออกมาจากรูโหว่ของอัฒจันทร์  และตรงมาที่มัลฟอย  ซึ่งกำลังควักไม้กายสิทธิ์ออกมาจากเสื้อคลุม

    “เอานี่ไปกินเลยไอ้จรวดเวร” เขากัดฟันพูด  ก่อนจะร่ายคาถาระเบิดมันออกเป็นจุล!  

    “เป็นอะไรรึเปล่า” มอนทาคิวถามเมื่อเขาบินเข้ามาใกล้มัลฟอยหลังจากที่มาดามฮูชประกาศให้เวลานอกกับทีมสลิธีรินเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ส่วนมัลฟอยนั้นส่ายหน้าตอบ

    “ฉันเห็นว่าไอ้จรวดพิเรนท์นั่นมาจากเจ้าพวกนั้น” มอนทาคิวชี้มือไปที่อัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์  โดยมีรอนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่งอยู่บนนั้น

    “อย่างนั้นหรือ” มัลฟอยตอบเรียบ ๆ

    “นายไม่ต้องห่วง  ฉันจะแก้แค้นให้นายแน่” มอนทาคิวพูดอย่างมุ่งมั่น

    “นายจะทำอะไรน่ะ”  มัลฟอยถามอย่างสงสัย  พร้อมกับเสียงนกหวีดซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าการแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งได้ดังขึ้น

    “นายไม่ต้องสนใจหรอกมัลฟอย  นายมีหน้าที่แค่จับสนิชให้ได้เท่านั้น  อย่าทำให้เราผิดหวังล่ะ” มอนทาคิวบอกเขาก่อนที่จะบินไปอีกทางหนึ่ง

    .................................................

    หลังจากที่การแข่งขันได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง  มัลฟอยก็มุ่งมั่นกับการหาลูกสนิชมากขึ้นกว่าเดิม  เพื่อชดเชยเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่  และเป็นโชคดีของเขาที่โชไม่เจอลูกสนิชก่อนในขณะที่เขากำลังบินหลบไอ้จรวดปัญญาอ่อนนั่นอยู่  ถ้าไม่อย่างนั้นสลิธีรินก็ต้องแพ้ในการแข่งขันนัดนี้เป็นแน่

    ในขณะเดียวกันมอนทาคิวก็พยายามหาวิธีทางเล่นงานพวกกริฟฟินดอร์ที่มาลอบทำร้ายซีกเกอร์ของเขา  และสายตาของมอนทาคิวก็ไปสะดุดเข้ากับลูกบลัดเจอร์สีดำที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่กลางสนาม

    “เอามานี่ซิ” มอนทาคิวแย่งไม้ตีบลัดเจอร์ไปจากมือของแครบ  ซึ่งเป็นบีตเตอร์  และตีลูกบลัดเจอร์อย่างแรงไปทางอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์!

    หลังจากมัลฟอยบินวนอยู่นาน  เขาก็เห็นลูกสนิชเรืองแสงสีทองอยู่บริเวณห่วงฝั่งเรเวนคลอ  เด็กหนุ่มพุ่งลงต่ำและเร่งความเร็วเพื่อที่จะไปหามันอย่างเร็วที่สุด  ตามมาติด ๆ ด้วยโช  ซึ่งดูออกว่ามัลฟอยเห็นลูกสนิชแล้ว

    แต่ก่อนที่มัลฟอยจะพุ่งไปหาลูกบอลสีทองซึ่งเป็นความหวังแห่งชัยชนะของเขา  เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น

    “เฮอร์ไมโอนี่ระวัง!!!!”

    เสียงของรอนดังขึ้นตามด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่มัลฟอยคุ้นเคยดี  นัยต์ตาสีซีดละจากลูกสนิชในทันที  และตวัดไปมองอัฒจันทร์ที่อยู่เบื้องหลัง

    ลูกบลัดเจอร์สีดำกำลังพุ่งเข้าไปที่อัฒจันทร์ของฝั่งกริฟฟินดอร์  และกำลังตรงไปยังเด็กสาวผมสีน้ำตาลที่กำลังตื่นตระหนก!!!

    มัลฟอยรีบหักไม้กวาดไปอีกทางทันที  ณ  วินาทีนั้นเขาลืมซึ่งชัยชนะ  ลืมซึ่งศักดิ์ศรีเกียรติยศ  ลืมซึ่งความหวังและความไว้วางใจของผู้เล่นทั้งทีมไปจนหมดสิ้น  เพราะสิ่งที่เขาสนใจเพียงสิ่งเดียวในตอนนั้น  คือความปลอดภัยของผู้หญิงที่เขารัก!

    มัลฟอยรีบพุ่งไปหาเฮอร์ไมโอนี่ในทันที  มือหนึ่งของเด็กหนุ่มยึดไม้กวาดแน่น  ส่วนอีกมือควักไม้กายสิทธิ์ออกมา  แต่ก่อนที่มัลฟอยจะได้ร่ายคาถาก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น  พร้อมกับเศษฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย!

    เมื่อฝุ่นควันจางไป  ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นก็คือ  หญิงสาวที่เขารักกำลังอยู่ในอ้อมแขนศัตรูคู่อาฆาตของเขา!

    รอประคองร่างของของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในวงแขน  ส่วนแฮร์รี่นั้นก็ระเบิดลูกบลัดเจอร์ที่กำลังจะทำร้ายเพื่อนรักของเขาจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    ราวกับภาพนั้นเป็นการย้ำถึงคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ที่ว่า

    ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนไปกว่ามิตรภาพของความเป็นเพื่อน  แม้กระทั่งความรัก!

    เสียงนกหวีดของมาดามฮูชดังขึ้นหลังจากนั้น  พร้อมกับคำประกาศถึงผู้ชนะในการแข่งขัน  มัลฟอยหันกลับไปมองที่สนามเบื้องล่าง  โชกำลังกำลูกสนิชที่หมดหนทางดิ้นรนไว้ในมือ  และรอรับเสียงเชียร์จากอัฒจันทร์รอบด้าน  ราวกับเป็นการตอกย้ำกับเด็กหนุ่มว่าภาพตรงนั้นคือ  เสียงเชียร์ที่เขาสมควรจะได้รับ  ชัยชนะที่เขาสมควรจะได้ครอบครอง  

    แต่เขากลับทิ้งมันไปเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว!



    บางสิ่งบางอย่างที่นายมุ่งมั่นหรือคาดหวังกับมันมากเกินไป  สุดท้ายมันก็จะหลุดลอยจากมือนายไปเสมอ



    ราวกับความหวังทุกสิ่งของมัลฟอยหลุดลอยไปจากมือต่อหน้าต่อตาเขา  เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง  ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ได้ลึกซึ้งเท่ากับครั้งนี้เลย



    *************************************************



    รอนเข้าไปดูอาการของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเป็นห่วง  เช่นเดียวกับเพื่อน ๆ ทุกคนที่เหลือ

    “เธอเป็นอะไรรึเปล่า” รอนถามอย่างเป็นห่วง  เฮอร์ไมโอนี่โบกมือตอบ

    “ไม่เป็นไร  แล้วเธอล่ะรอน” เด็กสาวถามอย่างตะหนก  เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมาก  กว่าเธอจะรู้ตัวลูกบลัดเจอร์ก็พุ่งเข้ามาแล้ว

    “ฉันไม่เป็นไร” เด็กหนุ่มตอบ

    “แต่เธอเอาตัวมากันฉันไว้นะ  เธอบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างร้อนรน

    “ฉันไม่เป็นไร  ดีนะที่แฮร์รี่ระเบิดลูกบลัดเจอร์นั่นซะก่อน  ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มานั่งอยู่อย่างนี้หรอก” รอนตอบเธอ  และดูเหมือนว่าเด็กสาวจะดูกังวลน้อยลงแล้ว      

    “งั้นลุกไหวไหม” เด็กหนุ่มถาม  และพยายามจะประคองตัวเธอให้ลุกยืน  แต่เมื่อรอนจับข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่และดึงตัวเธอขึ้น  เด็กสาวก็ร้องเสียงหลง

    “เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วง

    “ข้อมือฉันน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่คราง  และเอื้อมมือมากุมข้อมือข้างขวาเบา ๆ โดยเธอบอกรอนว่าข้อมือที่เพิ่งหักไปไม่นานของเธอคงเกิดอักเสบขึ้นมาเพราะอุบัติเหตุเมื่อครู่

    “ไม่ใช่อุบัติเหตุหรอก” แฮร์รี่พูดเสียงเรียบ

    “เธอหมายความว่ายังไงน่ะแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาอย่างสงสัย

    “ฉันเห็นว่ามอนทาคิวจงใจตีลูกบลัดเจอร์มาทางพวกเรา” เขาพูด  แววตาสีเขียวดูสงบนิ่ง  หากแต่ดูเคียดแค้น

    “มันคงแก้แค้นที่ฉันเล่นงานมัลฟอยล่ะสิ” รอนกัดฟันกรอด  แฮร์รี่สังเกตเห็นว่าใบหูของเขาเริ่มเป็นสีแดง

    “เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ  ฉันว่าน่าจะพาเฮอร์ไมโอนี่ไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า” เด็กหนุ่มรีบพูดกับรอน

    “นั่นสินะ” รอนพูด  และค่อย ๆ ประคองเฮอร์ไมโอนี่ให้ยืนขึ้นอย่างเบามือที่สุด

    แต่ก่อนที่เด็กทั้งสามจะได้ลงจากอัฒจันทร์  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เข้ามาขวางเสียก่อน

    “ฉันเกรงว่าพวกเธอจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นนะ” เธอพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

    “แต่เฮอร์ไมโอนี่บาดเจ็บนะครับอาจารย์” รอนแย้ง

    “ฉันแค่ต้องการให้พวกเธอชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เท่านั้น  ความจริงฉันก็ไม่อยากจะจุ้นจ้านหรอกนะมิสเตอร์วีสลีย์  แต่บังเอิญว่ามีการทำลายทรัพย์สินของทางโรงเรียนเกิดขึ้น” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลอธิบายอย่างมีเหตุผล

    “อาจารย์ให้รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ไปห้องพยาบาลเถอะครับ  เพราะคนที่ระเบิดลูกบลัดเจอร์นั่นคือผมเอง” แฮร์รี่พูดกับเธอ

    “ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องคุยกันเสียหน่อยแล้วมิสเตอร์พอตเตอร์” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดก่อนจะหันมามองเฮอร์ไมโอนี่และรอน “ส่วนเธอสองคนไปได้แล้ว”

    .................................................

    “นายทำอะไรของนายน่ะมัลฟอย!” มอนทาคิวพูดเสียงดังแข่งกับเสียงเชียร์ของฝ่ายเรเวนคลอที่กำลังดังกึกก้องอยู่บนอัฒจันทร์ภายนอก  ในขณะที่ลูกทีมของเขาทั้งหมด มารวมตัวกันอยู่ภายในห้องพักนักกีฬาหลังจบการแข่งขัน

    “นายทิ้งโอกาสที่จะจับสนิชไปทำไม  ไปเพื่อช่วยไอ้พวกกริฟฟินดอร์อย่างนั้นหรือ!” มอนทาคิวพูดอย่างมีโทสะ  ซึ่งปรกติแล้วเขาแทบจะไม่ได้ใช้มันกับมัลฟอยเลยก็ตาม  ในขณะที่มัลฟอยยังคงนิ่งเงียบ

    “นายรู้ไหมว่าอีกนิดเดียวบ้านของเราก็จะชนะอยู่แล้ว  เราจะได้เข้าไปชิงชนะเลิศ  แต่นายกลับทิ้งโอกาสนั้นเพื่อไปช่วยศัตรู  นายรู้ตัวไหมว่านายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ!” มอนทาคิวระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างยากจะอดกลั้น  

    กี่ครั้งแล้วแล้วที่เขาเฝ้าฝึกซ้อม  กี่ครั้งแล้วแล้วที่เขาเฝ้าบอกเทคนิคการเล่นให้แก่ลูกทีม  และกี่ครั้งแล้วที่เขาเฝ้าหวังว่าจะได้ครองถ้วยควิดดิชในปีนี้  แต่ความหวังทั้งหมดของเขา  ซึ่งฝากไว้กับผู้เล่นคนนี้กลับถูกทำลายจบย่อยยับไม่มีชิ้นดี!

    “นายคิดว่านายกำลังทำอะไรอยู่มัลฟอย!” มอนทาคิวครวญด้วยเสียงอันดัง  และราวกับความอดทนของเด็กหนุ่มผมบลอนด์หมดลงลงตรงนั้น

    “ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่!”  มัลฟอยโต้กลับด้วยเสียงดังพอ ๆ กัน  ใบหน้าของเด็กหนุ่มขาวซีดด้วยความโกรธ  ดวงตาสีเงินโชนแสง  แต่ความเป็นจริงกลับย้ำเตือนว่า  ไม่มีใครที่เขาจะต้องโกรธแค้นมากไปกว่าตัวของเขาเอง

    “และไม่ต้องการให้ใครมาย้ำเรื่องนี้ด้วย” เด็กหนุ่มพูดเบา ๆ ก่อนที่จะเอานิมบัสพาดไหล่และเดินออกจากห้องไป

    .................................................

    รอนพาเฮอร์ไมโอนี่เดินลงอัฒจันทร์มาอย่างระมัดระวัง  และช่วยประคองมือข้างที่เจ็บของเธออีกแรงด้วย  จนกระทั่งเด็กทั้งสองลงมาถึงพื้นสนามและกำลังจะเดินตัดสนามหญ้าเพื่อกลับไปยังปราสาท  เฮอร์ไมโอนี่กับรอนกลับเจอกับร่าง ๆ หนึ่งเสียก่อน

    มัลฟอยมองภาพของทั้งสองด้วยสายตาไร้ความรู้สึก  แม้ว่าในใจของเขาจะปั่นป่วนอย่างร้ายกาจก็ตาม

    “ไง วีสลีย์” เขาทักด้วยเสียงยานคางตามแบบฉบับ  พร้อมกับกระชับนิมบัสในมือ

    “ฉันไม่มีเวลาทะเลาะกับแกมัลฟอย” รอนพูดเรียบ ๆ แม้ว่าหูของเขาจะเริ่มเป็นสีแดงอีกครั้งแล้วก็ตาม

    “อ๋อ  แกคงจะรีบพายัยเลือดสีโคลนนี่ไปส่งห้องพยาบาลสินะ  แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่ารีบเดินนักล่ะ  เดี๋ยวทางเดินบนปราสาทจะเปรอะโคลนจากตัวยัยนี่เสียหมด” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ  รอนหน้าแดง

    “แก!!!” เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น  หมายจะชกใบหน้าขาวซีดเข้าซักหมัด  แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับดึงเสื้อรอนไว้

    “อย่ารอน” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบห้าม  รอนมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างขัดใจ  แต่เขาก็ยอมลดมือลงโดยดี

    “แหม  เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ  แต่จะว่าไปพวกนายเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีออกจริงไหม” มัลฟอยพูดพร้อมกับมองพวกเขาหัวจรดเท้า  

    “เหมือนผีเน่ากับโรงผุ” มัลฟอยพูด  แม้น้ำเสียงจะดูเย้ยหยัน  แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเศร้า

    “แก!!!” รอนกัดฟัน  เฮอร์ไมโอนี่รีบห้ามเขาไว้ทันที

    “อย่ารอน  เขาต้องการให้เธอโกรธนะ  อย่าลืมสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ พร้อมกับกดมือข้างที่ไม่เจ็บลงบนไหล่ของรอนในเชิงห้ามปราม  เด็กหนุ่มยอมลดมือลงโดยดี  

    “เราไปกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และลากรอนเดินไปอีกทาง  ในขณะที่มัลฟอยมองตามพวกเขาไปด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกว่าโกรธแค้นหรือเสียใจมากกว่ากัน



    *************************************************



    มัลฟอยเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นรวมหลังจากนั้น  เด็กหนุ่มวางนิมบัสคู่กายไว้ข้าง ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงบนโซฟาหนานุ่มอย่างอ้อนล้า  แววตาสีซีดดูโศกเศร้า

    มัลฟอยเหม่อมองไปบนเพดานสีทึม  เรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นย้อนกับไปมาในหัวสมองของเขาราวกับภาพฉาย  เด็กหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเหม่ออยู่นานเท่าไหร่  แต่มัลฟอยรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีเสียง ๆ หนึ่งมาเรียกเขา

    “มัลฟอย”

    เด็กหนุ่มหันกลับไปมอง  แพนซี่กำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา  เธอมองมัลฟอยอย่างสงสารก่อนจะเดินมานั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ เขา

    “ฉันไปดูการแข่งขันมาแล้ว” เด็กสาวพูดขึ้นอย่างระมันระวัง  เพราะตอนนี้มัลฟอยก็เปรียบเสมือนระเบิดเวลาดี ๆ นี่เอง  

    “งั้นเหรอ” เขาพูดเบา ๆ  ถ้าอย่างนั้นแพนซี่ก็คงได้เห็นความพ่ายแพ้ของเขาเหมือนกับทุกคนในโรงเรียนสินะ  

    “ฉันเสียใจด้วยนะ” แพนซี่พูดขึ้นช้า ๆ และเอื้อมมือมาแตะมือเขาเบา ๆ และน่าแปลกที่มัลฟอยไม่ชักมือกลับแต่อย่างใด

    “แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจน่ะมัลฟอย” แพนซี่พูดพร้อมกับมองตาเขา  แต่มัลฟอยกลับไม่หันมาสบตาเธอ

    “เดรโก” เด็กสาวพูดเสียงแผ่ว  เด็กหนุ่มตวัดดวงตาสีซีดมาทางเธอช้า ๆ

    “ทำไมเธอต้องทำเพื่อมันถึงขนาดนั้นด้วย” แพนซี่ถามเรียบ ๆ เธอจ้องมองมัลฟอยอย่างต้องการหาคำตอบ  แต่เด็กหนุ่มกลับมองไปทางอื่น

    นั่นสิ  ทำไมเขาต้องทำเพื่อเธอขนาดนั้นด้วย

    ทำไมเขาต้องไปห่วงใยเธอด้วย  ในเมื่อเธอมีคนอื่นอยู่ในใจแล้วตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

    และที่สำคัญ  เธอเลือกไอ้เจ้าเพื่อนรักของเธอทั้งสองมากกว่าเขา  ซึ่งนั่นแสดงว่าพวกมันสองคนสำคัญกับเธอมากกว่าเขา

    แล้วทำไม  ทำไมเขาต้องไปรักคนอย่างเธอด้วย!

    “ทำไมเธอถึงต้องทำเพื่อมันขนาดนี้ด้วยเดรโก” แพนซี่พูด “ทำไม  เธอต้องรักมันขนาดนั้น  ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเลือดสีโคลน  เป็นศัตรูกับเรา” เสียงของแพนซี่เริ่มสั่นเครือ

    “แล้วทำไม  เธอไม่รักฉันบ้าง  ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอ  รักเธอขนาดนี้” เด็กสาวพูดพร้อมกับหยดน้ำตาที่รินไหล  มือทั้งสองของเธอขยุ้มเสื้อของคลุมของมัลฟอยแน่น  



    ทำไมเธอถึงไม่รักฉันบ้าง  ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอขนาดนี้

    และทำไมเธอถึงไม่เลือกฉันเกรนเจอร์  ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอขนาดนี้!



    “ปล่อยฉันเถอะแพนซี่” มัลฟอยพูดพร้อมกับดึงมือที่ยึดเสื้อคลุมของเขาออก  แพนซี่เงยหน้ามองมัลฟอย  ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา

    “เดรโก”

    “และฉันกำลังจะบอกเธอว่า  ฉันกับยัยเลือดสีโคลนนั่น  ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว” มัลฟอยพูดออกไป  แพนซี่มีท่าทีงุนงงอยู่ชั่วครู่

    “จริงหรือเดรโก” เด็กสาวพึมพำราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง

    “จริงสิ” มัลฟอยพยักหน้ารับ

    “หมายความว่าเธอไม่ได้รักยัยนั่น” แพนซี่พูดอย่างดีใจ

    “ไม่อีกแล้ว” มัลฟอยพูด

    “ถ้าอย่างนั้นเธอรักฉันไหมเดรโก” แพนซี่ถาม  มัลฟอยกัดริมฝีปาก  แววตาสีซีดดูสับสน  ในขณะที่คำพูดของมอนทาคิวลอยเข้ามาในหัวของเขา



    บางสิ่งบางอย่างที่นายมุ่งมั่นหรือคาดหวังกับมันมากเกินไป  สุดท้ายมันก็จะหลุดลอยจากมือนายไปเสมอ

    แต่บางสิ่งที่นายไม่คาดหวังในตัวมัน  มันก็จะเข้ามาหานายเอง




    “ไม่รู้สิ ” มัลฟอยพูดค่อย ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของแพนซี่เริ่มจางไป

    “แต่เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะบอกเธอเอง” เด็กหนุ่มบอกเธอ  ในขณะที่แพนซี่ยิ้มอย่างยินดี  เธอกอดแขนของมัลฟอยแน่น  และรู้สึกว่าเธอได้เขากลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง

    ในขณะที่มัลฟอยหลับตาลงอย่างปวดร้าว  และเริ่มคิดว่าเขาสมควรจะปล่อยมือกับสิ่งที่เขาคาดหวังแต่ไม่มีกำลังจะไขว่คว้ามาไว้ในมือได้แล้ว  และคว้าเอาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเอามาตลอดแต่เขาไม่เคยมองเห็นมันมาแทน



    *************************************************



    ขอโทษนะคะที่อัพช้าไปประมาณสามสี่วัน  เพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง  ประกอบกับกำลังแต่งฟิคเรื่องใหม่อยู่ด้วย [ Short FiC ] เลยมาลงช้า  ขอโทษเพื่อน ๆ ที่ทำให้รอนะคะ  ส่วนฟิคเรื่องใหม่นั้นกำลังแต่งอยู่  คาดว่าอีกสักพักคงจะเสร็จ  ถ้าเสร็จเมื่อใหร่จะเอามาลงที่เด็กกีนี่และมาโพสบอกนะคะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×