ลำดับตอนที่ #24
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #24 : อุบัติเหตุอีกครั้ง
***Chapter 24  อุบัติเหตุอีกครั้ง***
กว่าเฮอร์ไมโอนี่จะกลับมาถึงที่นั่งของเธอบนอัฒจันทร์การแข่งขันก็เกือบจะเริ่มขึ้นแล้ว  นักกีฬาของทั้งสองทีมต่างก้าวลงสู่สนาม  พร้อม ๆ กับมาดามฮูชผู้เป็นกรรมการเหมือนเช่นทุกครั้ง  และไม่นานนักไม้กวาดทั้งสิบสี่อันก็ลอยขึ้นเหนือสนามควิดดิช  เสื้อคลุมสีเขียวและสีน้ำเงินโบกสะบัดไปตามแรงลมพร้อม ๆ กับเสียงเชียร์จากกองเชียร์ของแต่ละทีมดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว
หลังจากที่นักกีฬาประจำบ้านต่างบินวนรอบอัฒจันทร์เพื่อเรียกเสียงเชียร์จากบ้านของตัวเองเรียบร้อยแล้ว  มาดามฮูชก็เรียกนักกีฬาของทั้งสองทีมไปบริเวณกลางสนามเพื่อเริ่มการแข่งขัน 
ลูกบลัดเจอร์และลูกสนิชถูกปล่อยออกไปเป็นอย่างแรก  ท่ามกลางเหล่าผู้เล่นของทั้งสองทีม  ลูกบอลเล็กจ้อยสีทองบินวนหลอกล่อผู้เล่นของทั้งสองฝ่ายอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะหนีหายเข้ากลีบเมฆไป  ในขณะที่มาดามฮูชถือลูกควัฟเฟิลสีแดงสดไว้ในอ้อมแขน  และหลังจากที่หล่อนโยนมันขึ้นบนอากาศ  การแข่งขันก็เริ่มขึ้นแล้ว!
เชสเตอร์ของเรเวนคลอและสลิธีรินต่างตรงเข้าแย่งลูกควัฟเฟิลกันอย่างรวดเร็ว  ในขณะที่มัลฟอยซึ่งเล่นในตำแหน่งซีกเกอร์ของสลิธีรินกลับบินหนีความวุ่นวายเบื้องล่างขึ้นไปเหนือสนามเพื่อมองหาลูกสนิช 
ผ่านไปประมาณสิบห้านาที  เรเวนคลอและสลิธีรินต่างทำประตูได้เท่า ๆ กัน  ท่ามกลางเสียงเชียร์ของทั้งอัฒจันทร์  มัลฟอยบินวนรอบสนามเพื่อมองหาลูกสนิช  และเด็กหนุ่มก็เพิ่งสังเกตได้ว่า  โช  แชง  ซีกเกอร์ของเรเวนคลอนั้นบินตามเขามาติด ๆ ได้สักระยะหนึ่งแล้ว  ราวกับหล่อนต้องการจับตาดูมัลฟอยมากกว่าที่จะพยายามมองหาสนิช
“อยากตามดีนักใช่ไหม” มัลฟอยกระซิบเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงราบกับไม้กวาด  และเร่งความเร็วขึ้นเพื่อที่จะสลัดโชให้หลุด
ทางด้านอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์  ระหว่างที่เรเวนคลอและสลิธีรินกำลังขับเคี่ยวกันอยู่นั้น  แอนเจลิน่าก็ชี้ให้รอนดูถึงแนวทางการเล่นของเชสเตอร์ของทั้งสองทีมเพื่อที่เขาจะตั้งรับได้การแข่งขันนัดต่อไป  แต่ดูเหมือนรอนจะไม่สนใจที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย  ขณะนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังดูการแข่งขันอยู่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่  แต่มีอยู่หลายครั้งทีเดียวที่สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ซีกเกอร์ของสลิธีรินมากกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ
“พอเถอะน่า” รอนประท้วงขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“นายว่าอะไรนะวีสลีย์” แอนเจลิน่าพูดเสียงเข้ม  ราวกับเธอกลายร่างเป็นเสื้อร้ายขึ้นมาภายในฉับพลัน  ส่วนรอนนั้นหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
“ฉันหมายความว่าฉันเข้าใจที่เธอพูดแล้ว  และคงจะดีมากถ้าฉันขอดูการแข่งขัน....หมายถึงว่าศึกษาการเล่นของคู่ต่อสู้เงียบ ๆ คนเดียวน่ะ” รอนรีบแก้ตัวอย่างฉับพลัน  แอนเจลิน่ามองเขาอย่างประเมินแวบหนึ่งก่อนจะพูดออกมา
“งั้นก็ตามใจนายนะวีสลีย์” เธอว่าก่อนจะหันไปคุยกับ  เคตี้  เบลล์  แทน  รอนดูโล่งอกอย่างยิ่ง
“ยอดเยี่ยมครับลูกนี้  ตอนนี้สลิธีรินนำเรเวนคลออยู่แปดสิบต่อห้าสิบแล้วครับ!” เสียงบรรยายการแข่งขันของ ลี  จอร์ดันดังขึ้นเมื่อสลิธีรินทำแต้มได้อีกสิบแต้ม
“แต่ถึงยังไงก็ยังถือว่าคะแนนยังสูสีกันอยู่นะครับ  แต่ถ้าหากว่าซีกเกอร์ของสลิธีรินจับลูกสนิชได้ก่อนล่ะก็  สลิธีรินก็จะได้เข้าไปเจอกับกริฟฟินดอร์ในรอบชนะเลิศครับ” ราวกับเสียงของลีชอนไชเข้าไปในหัวสมองของรอน  เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด
“ฉันไม่ยอมหรอก” เขาพูดอย่างคับแค้น  และยังจำได้ดีถึงความอับอายเมื่อครั้งที่แข่งขันกับสลิธีรินได้เป็นอย่างดี  ราวกับมีคนมาร้องเพลง ‘ วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา ’ กรอกใส่หู  รอนค่อย ๆ หยิบดอกไม้ไฟปุ๋งปั๋งที่ลีให้มาก่อนเริ่มการแข่งขันขึ้น  และเริ่มเล็งหาเป้าหมาย
และเมื่อเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ที่กำลังขี่ไม้กวาดนิมบัสสองพันหนึ่งคู่กายบินผ่านหน้าอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์  รอนก็หยิบไม้กายสิทธิ์มาแตะเบา ๆ ที่ปลายดอกไม้ไฟทันที!
ดอกไม้ไฟสีสันสดไฟบินเร็วจี๋ไปตามเป้าหมาย  ซึ่งขณะนี้กำลังลอยอยู่เหนือสนามควิดดิช  แต่ในไม้ช้ามัลฟอยผู้ตกเป็นเป้าหมายก็รู้ตัวว่ากำลังถูกประทุร้าย  เขาบินฉวันเฉวียนเพื่อหลบหลีกดอกไม้ไฟที่กำลังวิ่งฝ่าอากาศมาหาเขาอย่างรวดเร็ว  ราวกับมันเป็นลูกบลัดเจอร์ก็ไม่ปาน
“ดูเหมือนจะมีคนปล่อยวัตถุแปลกปอมเข้ามาในสนามนะครับ!” ลีพูดพร้อมกับหัวเราะงอหาย  เมื่อเห็นสภาพของมัลฟอยในตอนนี้  ในขณะที่เกือบทั้งอัฒจันทร์ที่เหลือต่างอยู่ในสภาพเดียวกับเขา  แม้ว่าตอนนี้ทีมสลิธีรินทั้งทีมจะดูงงงวยไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตาม
“ฝีมือนายเหรอรอน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเขียว  เมื่อเห็นภาพดังกล่าว  ในขณะที่รอนหัวเราะจนท้องแข็ง
“แล้วจะเป็นฝีมือใครเล่า” เด็กหนุ่มตอบเบา ๆ พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะมาอีกระลอก  เมื่อมัลฟอยต้องบินวนรอบห่วงฝั่งตัวเองเพื่อหลบหลีกดอกไม้ไฟของเขา  นานมาแล้วที่เขาไม่ได้เห็นมัลฟอยโดนเล่นงานแบบนี้  “เหมือนฉันเห็นตัวเองตอนถูกลูกบลัดเจอร์ไล่ยังไงก็ไม่รู้สิ” แฮร์รี่ว่า  แต่ถึงแม้เขาจะพูดเช่นนั้น  เด็กหนุ่มเองก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซึ่งดังไม่ได้แพ้รอนเลย
“เธอทำอย่างนั้นไม่ได้นะรอน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง  แต่รอนกับโต้กลับว่า ‘ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ’
“ก็เพราะเธอเป็นพรีเฟ็คน่ะสิ” เด็กสาวบอก  ในขณะที่เพื่อนรักของเธอทำหูทวนลม
“หยุดมันเดี๋ยวนี้นะรอน” เธอสั่งเสียงเขียวพร้อมกับลุกขึ้นยืน  แต่รอนกลับทำหน้าไม่พอใจ
“โถ่  เฮอร์ไมโอนี่  เธออย่างเคร่งเครียดสักครั้งจะได้ไหม  นั่นมันมัลฟอยนะ  มัลฟอย  เธอน่าจะขอบคุณที่ฉันทำอย่างนี้ด้วยซ้ำ  เธอจะไปเป็นห่วงเป็นใยมันทำไม” เขาพูด  แต่คำพูดของรอนกลับเสียดแทงจิตใจของเฮอร์ไมโอนี่เหลือเกิน  เด็กสาวนั่งลงช้า ๆ แต่ใบหน้าของเธอยังคงบูดบึ้ง
ถ้าเธอไม่ต้องเป็นห่วงเขาได้เลยก็ดีสิ
*************************************************
หลังจากที่มัลฟอยบินในเพื่อหลีกหนีดอกไม้ไฟอยู่นาน  เขาก็คิดวิธีที่จะสลัดมันออกไปได้  เด็กหนุ่มการหลอกล่อมันโดยการบินเข้าหาอัฒจันทร์  และเชิดไม้กวาดขึ้นเมื่อใกล้ชนกับอัฒจันทร์  ดอกไม้ไฟจึงวิ่งเร็วจี๋ไปชนอัฒจันทร์เข้าอย่างจัง  จนมันกลายเป็นรูขนาดย่อม ๆ เลยทีเดียว  แต่ไม่ได้มีเสียงระเบิดตามมาอย่างใด  อาจจะเป็นเพราะดอกไม้ไฟยังหาเป้าหมายของมันไม่ได้กระมัง  มันจึงบินเอียง ๆ ออกมาจากรูโหว่ของอัฒจันทร์  และตรงมาที่มัลฟอย  ซึ่งกำลังควักไม้กายสิทธิ์ออกมาจากเสื้อคลุม
“เอานี่ไปกินเลยไอ้จรวดเวร” เขากัดฟันพูด  ก่อนจะร่ายคาถาระเบิดมันออกเป็นจุล! 
“เป็นอะไรรึเปล่า” มอนทาคิวถามเมื่อเขาบินเข้ามาใกล้มัลฟอยหลังจากที่มาดามฮูชประกาศให้เวลานอกกับทีมสลิธีรินเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ส่วนมัลฟอยนั้นส่ายหน้าตอบ
“ฉันเห็นว่าไอ้จรวดพิเรนท์นั่นมาจากเจ้าพวกนั้น” มอนทาคิวชี้มือไปที่อัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์  โดยมีรอนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่งอยู่บนนั้น
“อย่างนั้นหรือ” มัลฟอยตอบเรียบ ๆ
“นายไม่ต้องห่วง  ฉันจะแก้แค้นให้นายแน่” มอนทาคิวพูดอย่างมุ่งมั่น
“นายจะทำอะไรน่ะ”  มัลฟอยถามอย่างสงสัย  พร้อมกับเสียงนกหวีดซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าการแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งได้ดังขึ้น
“นายไม่ต้องสนใจหรอกมัลฟอย  นายมีหน้าที่แค่จับสนิชให้ได้เท่านั้น  อย่าทำให้เราผิดหวังล่ะ” มอนทาคิวบอกเขาก่อนที่จะบินไปอีกทางหนึ่ง
.................................................
หลังจากที่การแข่งขันได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง  มัลฟอยก็มุ่งมั่นกับการหาลูกสนิชมากขึ้นกว่าเดิม  เพื่อชดเชยเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่  และเป็นโชคดีของเขาที่โชไม่เจอลูกสนิชก่อนในขณะที่เขากำลังบินหลบไอ้จรวดปัญญาอ่อนนั่นอยู่  ถ้าไม่อย่างนั้นสลิธีรินก็ต้องแพ้ในการแข่งขันนัดนี้เป็นแน่
ในขณะเดียวกันมอนทาคิวก็พยายามหาวิธีทางเล่นงานพวกกริฟฟินดอร์ที่มาลอบทำร้ายซีกเกอร์ของเขา  และสายตาของมอนทาคิวก็ไปสะดุดเข้ากับลูกบลัดเจอร์สีดำที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่กลางสนาม
“เอามานี่ซิ” มอนทาคิวแย่งไม้ตีบลัดเจอร์ไปจากมือของแครบ  ซึ่งเป็นบีตเตอร์  และตีลูกบลัดเจอร์อย่างแรงไปทางอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์!
หลังจากมัลฟอยบินวนอยู่นาน  เขาก็เห็นลูกสนิชเรืองแสงสีทองอยู่บริเวณห่วงฝั่งเรเวนคลอ  เด็กหนุ่มพุ่งลงต่ำและเร่งความเร็วเพื่อที่จะไปหามันอย่างเร็วที่สุด  ตามมาติด ๆ ด้วยโช  ซึ่งดูออกว่ามัลฟอยเห็นลูกสนิชแล้ว
แต่ก่อนที่มัลฟอยจะพุ่งไปหาลูกบอลสีทองซึ่งเป็นความหวังแห่งชัยชนะของเขา  เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น
“เฮอร์ไมโอนี่ระวัง!!!!”
เสียงของรอนดังขึ้นตามด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่มัลฟอยคุ้นเคยดี  นัยต์ตาสีซีดละจากลูกสนิชในทันที  และตวัดไปมองอัฒจันทร์ที่อยู่เบื้องหลัง
ลูกบลัดเจอร์สีดำกำลังพุ่งเข้าไปที่อัฒจันทร์ของฝั่งกริฟฟินดอร์  และกำลังตรงไปยังเด็กสาวผมสีน้ำตาลที่กำลังตื่นตระหนก!!!
มัลฟอยรีบหักไม้กวาดไปอีกทางทันที  ณ  วินาทีนั้นเขาลืมซึ่งชัยชนะ  ลืมซึ่งศักดิ์ศรีเกียรติยศ  ลืมซึ่งความหวังและความไว้วางใจของผู้เล่นทั้งทีมไปจนหมดสิ้น  เพราะสิ่งที่เขาสนใจเพียงสิ่งเดียวในตอนนั้น  คือความปลอดภัยของผู้หญิงที่เขารัก!
มัลฟอยรีบพุ่งไปหาเฮอร์ไมโอนี่ในทันที  มือหนึ่งของเด็กหนุ่มยึดไม้กวาดแน่น  ส่วนอีกมือควักไม้กายสิทธิ์ออกมา  แต่ก่อนที่มัลฟอยจะได้ร่ายคาถาก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น  พร้อมกับเศษฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย!
เมื่อฝุ่นควันจางไป  ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นก็คือ  หญิงสาวที่เขารักกำลังอยู่ในอ้อมแขนศัตรูคู่อาฆาตของเขา!
รอประคองร่างของของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในวงแขน  ส่วนแฮร์รี่นั้นก็ระเบิดลูกบลัดเจอร์ที่กำลังจะทำร้ายเพื่อนรักของเขาจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ราวกับภาพนั้นเป็นการย้ำถึงคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ที่ว่า
ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนไปกว่ามิตรภาพของความเป็นเพื่อน  แม้กระทั่งความรัก!
เสียงนกหวีดของมาดามฮูชดังขึ้นหลังจากนั้น  พร้อมกับคำประกาศถึงผู้ชนะในการแข่งขัน  มัลฟอยหันกลับไปมองที่สนามเบื้องล่าง  โชกำลังกำลูกสนิชที่หมดหนทางดิ้นรนไว้ในมือ  และรอรับเสียงเชียร์จากอัฒจันทร์รอบด้าน  ราวกับเป็นการตอกย้ำกับเด็กหนุ่มว่าภาพตรงนั้นคือ  เสียงเชียร์ที่เขาสมควรจะได้รับ  ชัยชนะที่เขาสมควรจะได้ครอบครอง 
แต่เขากลับทิ้งมันไปเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว!
บางสิ่งบางอย่างที่นายมุ่งมั่นหรือคาดหวังกับมันมากเกินไป  สุดท้ายมันก็จะหลุดลอยจากมือนายไปเสมอ
ราวกับความหวังทุกสิ่งของมัลฟอยหลุดลอยไปจากมือต่อหน้าต่อตาเขา  เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง  ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ได้ลึกซึ้งเท่ากับครั้งนี้เลย
*************************************************
รอนเข้าไปดูอาการของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเป็นห่วง  เช่นเดียวกับเพื่อน ๆ ทุกคนที่เหลือ
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า” รอนถามอย่างเป็นห่วง  เฮอร์ไมโอนี่โบกมือตอบ
“ไม่เป็นไร  แล้วเธอล่ะรอน” เด็กสาวถามอย่างตะหนก  เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมาก  กว่าเธอจะรู้ตัวลูกบลัดเจอร์ก็พุ่งเข้ามาแล้ว
“ฉันไม่เป็นไร” เด็กหนุ่มตอบ
“แต่เธอเอาตัวมากันฉันไว้นะ  เธอบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างร้อนรน
“ฉันไม่เป็นไร  ดีนะที่แฮร์รี่ระเบิดลูกบลัดเจอร์นั่นซะก่อน  ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มานั่งอยู่อย่างนี้หรอก” รอนตอบเธอ  และดูเหมือนว่าเด็กสาวจะดูกังวลน้อยลงแล้ว     
“งั้นลุกไหวไหม” เด็กหนุ่มถาม  และพยายามจะประคองตัวเธอให้ลุกยืน  แต่เมื่อรอนจับข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่และดึงตัวเธอขึ้น  เด็กสาวก็ร้องเสียงหลง
“เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วง
“ข้อมือฉันน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่คราง  และเอื้อมมือมากุมข้อมือข้างขวาเบา ๆ โดยเธอบอกรอนว่าข้อมือที่เพิ่งหักไปไม่นานของเธอคงเกิดอักเสบขึ้นมาเพราะอุบัติเหตุเมื่อครู่
“ไม่ใช่อุบัติเหตุหรอก” แฮร์รี่พูดเสียงเรียบ
“เธอหมายความว่ายังไงน่ะแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาอย่างสงสัย
“ฉันเห็นว่ามอนทาคิวจงใจตีลูกบลัดเจอร์มาทางพวกเรา” เขาพูด  แววตาสีเขียวดูสงบนิ่ง  หากแต่ดูเคียดแค้น
“มันคงแก้แค้นที่ฉันเล่นงานมัลฟอยล่ะสิ” รอนกัดฟันกรอด  แฮร์รี่สังเกตเห็นว่าใบหูของเขาเริ่มเป็นสีแดง
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ  ฉันว่าน่าจะพาเฮอร์ไมโอนี่ไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า” เด็กหนุ่มรีบพูดกับรอน
“นั่นสินะ” รอนพูด  และค่อย ๆ ประคองเฮอร์ไมโอนี่ให้ยืนขึ้นอย่างเบามือที่สุด
แต่ก่อนที่เด็กทั้งสามจะได้ลงจากอัฒจันทร์  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เข้ามาขวางเสียก่อน
“ฉันเกรงว่าพวกเธอจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นนะ” เธอพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“แต่เฮอร์ไมโอนี่บาดเจ็บนะครับอาจารย์” รอนแย้ง
“ฉันแค่ต้องการให้พวกเธอชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เท่านั้น  ความจริงฉันก็ไม่อยากจะจุ้นจ้านหรอกนะมิสเตอร์วีสลีย์  แต่บังเอิญว่ามีการทำลายทรัพย์สินของทางโรงเรียนเกิดขึ้น” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลอธิบายอย่างมีเหตุผล
“อาจารย์ให้รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ไปห้องพยาบาลเถอะครับ  เพราะคนที่ระเบิดลูกบลัดเจอร์นั่นคือผมเอง” แฮร์รี่พูดกับเธอ
“ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องคุยกันเสียหน่อยแล้วมิสเตอร์พอตเตอร์” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดก่อนจะหันมามองเฮอร์ไมโอนี่และรอน “ส่วนเธอสองคนไปได้แล้ว”
.................................................
“นายทำอะไรของนายน่ะมัลฟอย!” มอนทาคิวพูดเสียงดังแข่งกับเสียงเชียร์ของฝ่ายเรเวนคลอที่กำลังดังกึกก้องอยู่บนอัฒจันทร์ภายนอก  ในขณะที่ลูกทีมของเขาทั้งหมด มารวมตัวกันอยู่ภายในห้องพักนักกีฬาหลังจบการแข่งขัน
“นายทิ้งโอกาสที่จะจับสนิชไปทำไม  ไปเพื่อช่วยไอ้พวกกริฟฟินดอร์อย่างนั้นหรือ!” มอนทาคิวพูดอย่างมีโทสะ  ซึ่งปรกติแล้วเขาแทบจะไม่ได้ใช้มันกับมัลฟอยเลยก็ตาม  ในขณะที่มัลฟอยยังคงนิ่งเงียบ
“นายรู้ไหมว่าอีกนิดเดียวบ้านของเราก็จะชนะอยู่แล้ว  เราจะได้เข้าไปชิงชนะเลิศ  แต่นายกลับทิ้งโอกาสนั้นเพื่อไปช่วยศัตรู  นายรู้ตัวไหมว่านายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ!” มอนทาคิวระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างยากจะอดกลั้น 
กี่ครั้งแล้วแล้วที่เขาเฝ้าฝึกซ้อม  กี่ครั้งแล้วแล้วที่เขาเฝ้าบอกเทคนิคการเล่นให้แก่ลูกทีม  และกี่ครั้งแล้วที่เขาเฝ้าหวังว่าจะได้ครองถ้วยควิดดิชในปีนี้  แต่ความหวังทั้งหมดของเขา  ซึ่งฝากไว้กับผู้เล่นคนนี้กลับถูกทำลายจบย่อยยับไม่มีชิ้นดี!
“นายคิดว่านายกำลังทำอะไรอยู่มัลฟอย!” มอนทาคิวครวญด้วยเสียงอันดัง  และราวกับความอดทนของเด็กหนุ่มผมบลอนด์หมดลงลงตรงนั้น
“ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่!”  มัลฟอยโต้กลับด้วยเสียงดังพอ ๆ กัน  ใบหน้าของเด็กหนุ่มขาวซีดด้วยความโกรธ  ดวงตาสีเงินโชนแสง  แต่ความเป็นจริงกลับย้ำเตือนว่า  ไม่มีใครที่เขาจะต้องโกรธแค้นมากไปกว่าตัวของเขาเอง
“และไม่ต้องการให้ใครมาย้ำเรื่องนี้ด้วย” เด็กหนุ่มพูดเบา ๆ ก่อนที่จะเอานิมบัสพาดไหล่และเดินออกจากห้องไป
.................................................
รอนพาเฮอร์ไมโอนี่เดินลงอัฒจันทร์มาอย่างระมัดระวัง  และช่วยประคองมือข้างที่เจ็บของเธออีกแรงด้วย  จนกระทั่งเด็กทั้งสองลงมาถึงพื้นสนามและกำลังจะเดินตัดสนามหญ้าเพื่อกลับไปยังปราสาท  เฮอร์ไมโอนี่กับรอนกลับเจอกับร่าง ๆ หนึ่งเสียก่อน
มัลฟอยมองภาพของทั้งสองด้วยสายตาไร้ความรู้สึก  แม้ว่าในใจของเขาจะปั่นป่วนอย่างร้ายกาจก็ตาม
“ไง วีสลีย์” เขาทักด้วยเสียงยานคางตามแบบฉบับ  พร้อมกับกระชับนิมบัสในมือ
“ฉันไม่มีเวลาทะเลาะกับแกมัลฟอย” รอนพูดเรียบ ๆ แม้ว่าหูของเขาจะเริ่มเป็นสีแดงอีกครั้งแล้วก็ตาม
“อ๋อ  แกคงจะรีบพายัยเลือดสีโคลนนี่ไปส่งห้องพยาบาลสินะ  แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่ารีบเดินนักล่ะ  เดี๋ยวทางเดินบนปราสาทจะเปรอะโคลนจากตัวยัยนี่เสียหมด” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ  รอนหน้าแดง
“แก!!!” เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น  หมายจะชกใบหน้าขาวซีดเข้าซักหมัด  แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับดึงเสื้อรอนไว้
“อย่ารอน” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบห้าม  รอนมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างขัดใจ  แต่เขาก็ยอมลดมือลงโดยดี
“แหม  เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ  แต่จะว่าไปพวกนายเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีออกจริงไหม” มัลฟอยพูดพร้อมกับมองพวกเขาหัวจรดเท้า 
“เหมือนผีเน่ากับโรงผุ” มัลฟอยพูด  แม้น้ำเสียงจะดูเย้ยหยัน  แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเศร้า
“แก!!!” รอนกัดฟัน  เฮอร์ไมโอนี่รีบห้ามเขาไว้ทันที
“อย่ารอน  เขาต้องการให้เธอโกรธนะ  อย่าลืมสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ พร้อมกับกดมือข้างที่ไม่เจ็บลงบนไหล่ของรอนในเชิงห้ามปราม  เด็กหนุ่มยอมลดมือลงโดยดี 
“เราไปกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และลากรอนเดินไปอีกทาง  ในขณะที่มัลฟอยมองตามพวกเขาไปด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกว่าโกรธแค้นหรือเสียใจมากกว่ากัน
*************************************************
มัลฟอยเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นรวมหลังจากนั้น  เด็กหนุ่มวางนิมบัสคู่กายไว้ข้าง ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงบนโซฟาหนานุ่มอย่างอ้อนล้า  แววตาสีซีดดูโศกเศร้า
มัลฟอยเหม่อมองไปบนเพดานสีทึม  เรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นย้อนกับไปมาในหัวสมองของเขาราวกับภาพฉาย  เด็กหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเหม่ออยู่นานเท่าไหร่  แต่มัลฟอยรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีเสียง ๆ หนึ่งมาเรียกเขา
“มัลฟอย”
เด็กหนุ่มหันกลับไปมอง  แพนซี่กำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา  เธอมองมัลฟอยอย่างสงสารก่อนจะเดินมานั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ เขา
“ฉันไปดูการแข่งขันมาแล้ว” เด็กสาวพูดขึ้นอย่างระมันระวัง  เพราะตอนนี้มัลฟอยก็เปรียบเสมือนระเบิดเวลาดี ๆ นี่เอง 
“งั้นเหรอ” เขาพูดเบา ๆ  ถ้าอย่างนั้นแพนซี่ก็คงได้เห็นความพ่ายแพ้ของเขาเหมือนกับทุกคนในโรงเรียนสินะ 
“ฉันเสียใจด้วยนะ” แพนซี่พูดขึ้นช้า ๆ และเอื้อมมือมาแตะมือเขาเบา ๆ และน่าแปลกที่มัลฟอยไม่ชักมือกลับแต่อย่างใด
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจน่ะมัลฟอย” แพนซี่พูดพร้อมกับมองตาเขา  แต่มัลฟอยกลับไม่หันมาสบตาเธอ
“เดรโก” เด็กสาวพูดเสียงแผ่ว  เด็กหนุ่มตวัดดวงตาสีซีดมาทางเธอช้า ๆ
“ทำไมเธอต้องทำเพื่อมันถึงขนาดนั้นด้วย” แพนซี่ถามเรียบ ๆ เธอจ้องมองมัลฟอยอย่างต้องการหาคำตอบ  แต่เด็กหนุ่มกลับมองไปทางอื่น
นั่นสิ  ทำไมเขาต้องทำเพื่อเธอขนาดนั้นด้วย
ทำไมเขาต้องไปห่วงใยเธอด้วย  ในเมื่อเธอมีคนอื่นอยู่ในใจแล้วตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
และที่สำคัญ  เธอเลือกไอ้เจ้าเพื่อนรักของเธอทั้งสองมากกว่าเขา  ซึ่งนั่นแสดงว่าพวกมันสองคนสำคัญกับเธอมากกว่าเขา
แล้วทำไม  ทำไมเขาต้องไปรักคนอย่างเธอด้วย!
“ทำไมเธอถึงต้องทำเพื่อมันขนาดนี้ด้วยเดรโก” แพนซี่พูด “ทำไม  เธอต้องรักมันขนาดนั้น  ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเลือดสีโคลน  เป็นศัตรูกับเรา” เสียงของแพนซี่เริ่มสั่นเครือ
“แล้วทำไม  เธอไม่รักฉันบ้าง  ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอ  รักเธอขนาดนี้” เด็กสาวพูดพร้อมกับหยดน้ำตาที่รินไหล  มือทั้งสองของเธอขยุ้มเสื้อของคลุมของมัลฟอยแน่น 
ทำไมเธอถึงไม่รักฉันบ้าง  ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอขนาดนี้
และทำไมเธอถึงไม่เลือกฉันเกรนเจอร์  ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอขนาดนี้!
“ปล่อยฉันเถอะแพนซี่” มัลฟอยพูดพร้อมกับดึงมือที่ยึดเสื้อคลุมของเขาออก  แพนซี่เงยหน้ามองมัลฟอย  ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“เดรโก”
“และฉันกำลังจะบอกเธอว่า  ฉันกับยัยเลือดสีโคลนนั่น  ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว” มัลฟอยพูดออกไป  แพนซี่มีท่าทีงุนงงอยู่ชั่วครู่
“จริงหรือเดรโก” เด็กสาวพึมพำราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง
“จริงสิ” มัลฟอยพยักหน้ารับ
“หมายความว่าเธอไม่ได้รักยัยนั่น” แพนซี่พูดอย่างดีใจ
“ไม่อีกแล้ว” มัลฟอยพูด
“ถ้าอย่างนั้นเธอรักฉันไหมเดรโก” แพนซี่ถาม  มัลฟอยกัดริมฝีปาก  แววตาสีซีดดูสับสน  ในขณะที่คำพูดของมอนทาคิวลอยเข้ามาในหัวของเขา
บางสิ่งบางอย่างที่นายมุ่งมั่นหรือคาดหวังกับมันมากเกินไป  สุดท้ายมันก็จะหลุดลอยจากมือนายไปเสมอ
แต่บางสิ่งที่นายไม่คาดหวังในตัวมัน  มันก็จะเข้ามาหานายเอง
“ไม่รู้สิ ” มัลฟอยพูดค่อย ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของแพนซี่เริ่มจางไป
“แต่เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะบอกเธอเอง” เด็กหนุ่มบอกเธอ  ในขณะที่แพนซี่ยิ้มอย่างยินดี  เธอกอดแขนของมัลฟอยแน่น  และรู้สึกว่าเธอได้เขากลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง
ในขณะที่มัลฟอยหลับตาลงอย่างปวดร้าว  และเริ่มคิดว่าเขาสมควรจะปล่อยมือกับสิ่งที่เขาคาดหวังแต่ไม่มีกำลังจะไขว่คว้ามาไว้ในมือได้แล้ว  และคว้าเอาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเอามาตลอดแต่เขาไม่เคยมองเห็นมันมาแทน
*************************************************
ขอโทษนะคะที่อัพช้าไปประมาณสามสี่วัน  เพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง  ประกอบกับกำลังแต่งฟิคเรื่องใหม่อยู่ด้วย [ Short FiC ] เลยมาลงช้า  ขอโทษเพื่อน ๆ ที่ทำให้รอนะคะ  ส่วนฟิคเรื่องใหม่นั้นกำลังแต่งอยู่  คาดว่าอีกสักพักคงจะเสร็จ  ถ้าเสร็จเมื่อใหร่จะเอามาลงที่เด็กกีนี่และมาโพสบอกนะคะ
กว่าเฮอร์ไมโอนี่จะกลับมาถึงที่นั่งของเธอบนอัฒจันทร์การแข่งขันก็เกือบจะเริ่มขึ้นแล้ว  นักกีฬาของทั้งสองทีมต่างก้าวลงสู่สนาม  พร้อม ๆ กับมาดามฮูชผู้เป็นกรรมการเหมือนเช่นทุกครั้ง  และไม่นานนักไม้กวาดทั้งสิบสี่อันก็ลอยขึ้นเหนือสนามควิดดิช  เสื้อคลุมสีเขียวและสีน้ำเงินโบกสะบัดไปตามแรงลมพร้อม ๆ กับเสียงเชียร์จากกองเชียร์ของแต่ละทีมดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว
หลังจากที่นักกีฬาประจำบ้านต่างบินวนรอบอัฒจันทร์เพื่อเรียกเสียงเชียร์จากบ้านของตัวเองเรียบร้อยแล้ว  มาดามฮูชก็เรียกนักกีฬาของทั้งสองทีมไปบริเวณกลางสนามเพื่อเริ่มการแข่งขัน 
ลูกบลัดเจอร์และลูกสนิชถูกปล่อยออกไปเป็นอย่างแรก  ท่ามกลางเหล่าผู้เล่นของทั้งสองทีม  ลูกบอลเล็กจ้อยสีทองบินวนหลอกล่อผู้เล่นของทั้งสองฝ่ายอยู่ชั่วครู่  ก่อนจะหนีหายเข้ากลีบเมฆไป  ในขณะที่มาดามฮูชถือลูกควัฟเฟิลสีแดงสดไว้ในอ้อมแขน  และหลังจากที่หล่อนโยนมันขึ้นบนอากาศ  การแข่งขันก็เริ่มขึ้นแล้ว!
เชสเตอร์ของเรเวนคลอและสลิธีรินต่างตรงเข้าแย่งลูกควัฟเฟิลกันอย่างรวดเร็ว  ในขณะที่มัลฟอยซึ่งเล่นในตำแหน่งซีกเกอร์ของสลิธีรินกลับบินหนีความวุ่นวายเบื้องล่างขึ้นไปเหนือสนามเพื่อมองหาลูกสนิช 
ผ่านไปประมาณสิบห้านาที  เรเวนคลอและสลิธีรินต่างทำประตูได้เท่า ๆ กัน  ท่ามกลางเสียงเชียร์ของทั้งอัฒจันทร์  มัลฟอยบินวนรอบสนามเพื่อมองหาลูกสนิช  และเด็กหนุ่มก็เพิ่งสังเกตได้ว่า  โช  แชง  ซีกเกอร์ของเรเวนคลอนั้นบินตามเขามาติด ๆ ได้สักระยะหนึ่งแล้ว  ราวกับหล่อนต้องการจับตาดูมัลฟอยมากกว่าที่จะพยายามมองหาสนิช
“อยากตามดีนักใช่ไหม” มัลฟอยกระซิบเบา ๆ ก่อนจะโน้มตัวลงราบกับไม้กวาด  และเร่งความเร็วขึ้นเพื่อที่จะสลัดโชให้หลุด
ทางด้านอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์  ระหว่างที่เรเวนคลอและสลิธีรินกำลังขับเคี่ยวกันอยู่นั้น  แอนเจลิน่าก็ชี้ให้รอนดูถึงแนวทางการเล่นของเชสเตอร์ของทั้งสองทีมเพื่อที่เขาจะตั้งรับได้การแข่งขันนัดต่อไป  แต่ดูเหมือนรอนจะไม่สนใจที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย  ขณะนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังดูการแข่งขันอยู่ก็ต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะไม่คิดถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่  แต่มีอยู่หลายครั้งทีเดียวที่สายตาของเธอจับจ้องอยู่ที่ซีกเกอร์ของสลิธีรินมากกว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ
“พอเถอะน่า” รอนประท้วงขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“นายว่าอะไรนะวีสลีย์” แอนเจลิน่าพูดเสียงเข้ม  ราวกับเธอกลายร่างเป็นเสื้อร้ายขึ้นมาภายในฉับพลัน  ส่วนรอนนั้นหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย
“ฉันหมายความว่าฉันเข้าใจที่เธอพูดแล้ว  และคงจะดีมากถ้าฉันขอดูการแข่งขัน....หมายถึงว่าศึกษาการเล่นของคู่ต่อสู้เงียบ ๆ คนเดียวน่ะ” รอนรีบแก้ตัวอย่างฉับพลัน  แอนเจลิน่ามองเขาอย่างประเมินแวบหนึ่งก่อนจะพูดออกมา
“งั้นก็ตามใจนายนะวีสลีย์” เธอว่าก่อนจะหันไปคุยกับ  เคตี้  เบลล์  แทน  รอนดูโล่งอกอย่างยิ่ง
“ยอดเยี่ยมครับลูกนี้  ตอนนี้สลิธีรินนำเรเวนคลออยู่แปดสิบต่อห้าสิบแล้วครับ!” เสียงบรรยายการแข่งขันของ ลี  จอร์ดันดังขึ้นเมื่อสลิธีรินทำแต้มได้อีกสิบแต้ม
“แต่ถึงยังไงก็ยังถือว่าคะแนนยังสูสีกันอยู่นะครับ  แต่ถ้าหากว่าซีกเกอร์ของสลิธีรินจับลูกสนิชได้ก่อนล่ะก็  สลิธีรินก็จะได้เข้าไปเจอกับกริฟฟินดอร์ในรอบชนะเลิศครับ” ราวกับเสียงของลีชอนไชเข้าไปในหัวสมองของรอน  เด็กหนุ่มกัดฟันกรอด
“ฉันไม่ยอมหรอก” เขาพูดอย่างคับแค้น  และยังจำได้ดีถึงความอับอายเมื่อครั้งที่แข่งขันกับสลิธีรินได้เป็นอย่างดี  ราวกับมีคนมาร้องเพลง ‘ วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา ’ กรอกใส่หู  รอนค่อย ๆ หยิบดอกไม้ไฟปุ๋งปั๋งที่ลีให้มาก่อนเริ่มการแข่งขันขึ้น  และเริ่มเล็งหาเป้าหมาย
และเมื่อเด็กหนุ่มผมสีบลอนด์ที่กำลังขี่ไม้กวาดนิมบัสสองพันหนึ่งคู่กายบินผ่านหน้าอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์  รอนก็หยิบไม้กายสิทธิ์มาแตะเบา ๆ ที่ปลายดอกไม้ไฟทันที!
ดอกไม้ไฟสีสันสดไฟบินเร็วจี๋ไปตามเป้าหมาย  ซึ่งขณะนี้กำลังลอยอยู่เหนือสนามควิดดิช  แต่ในไม้ช้ามัลฟอยผู้ตกเป็นเป้าหมายก็รู้ตัวว่ากำลังถูกประทุร้าย  เขาบินฉวันเฉวียนเพื่อหลบหลีกดอกไม้ไฟที่กำลังวิ่งฝ่าอากาศมาหาเขาอย่างรวดเร็ว  ราวกับมันเป็นลูกบลัดเจอร์ก็ไม่ปาน
“ดูเหมือนจะมีคนปล่อยวัตถุแปลกปอมเข้ามาในสนามนะครับ!” ลีพูดพร้อมกับหัวเราะงอหาย  เมื่อเห็นสภาพของมัลฟอยในตอนนี้  ในขณะที่เกือบทั้งอัฒจันทร์ที่เหลือต่างอยู่ในสภาพเดียวกับเขา  แม้ว่าตอนนี้ทีมสลิธีรินทั้งทีมจะดูงงงวยไม่น้อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ตาม
“ฝีมือนายเหรอรอน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเขียว  เมื่อเห็นภาพดังกล่าว  ในขณะที่รอนหัวเราะจนท้องแข็ง
“แล้วจะเป็นฝีมือใครเล่า” เด็กหนุ่มตอบเบา ๆ พร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะมาอีกระลอก  เมื่อมัลฟอยต้องบินวนรอบห่วงฝั่งตัวเองเพื่อหลบหลีกดอกไม้ไฟของเขา  นานมาแล้วที่เขาไม่ได้เห็นมัลฟอยโดนเล่นงานแบบนี้  “เหมือนฉันเห็นตัวเองตอนถูกลูกบลัดเจอร์ไล่ยังไงก็ไม่รู้สิ” แฮร์รี่ว่า  แต่ถึงแม้เขาจะพูดเช่นนั้น  เด็กหนุ่มเองก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาซึ่งดังไม่ได้แพ้รอนเลย
“เธอทำอย่างนั้นไม่ได้นะรอน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง  แต่รอนกับโต้กลับว่า ‘ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ’
“ก็เพราะเธอเป็นพรีเฟ็คน่ะสิ” เด็กสาวบอก  ในขณะที่เพื่อนรักของเธอทำหูทวนลม
“หยุดมันเดี๋ยวนี้นะรอน” เธอสั่งเสียงเขียวพร้อมกับลุกขึ้นยืน  แต่รอนกลับทำหน้าไม่พอใจ
“โถ่  เฮอร์ไมโอนี่  เธออย่างเคร่งเครียดสักครั้งจะได้ไหม  นั่นมันมัลฟอยนะ  มัลฟอย  เธอน่าจะขอบคุณที่ฉันทำอย่างนี้ด้วยซ้ำ  เธอจะไปเป็นห่วงเป็นใยมันทำไม” เขาพูด  แต่คำพูดของรอนกลับเสียดแทงจิตใจของเฮอร์ไมโอนี่เหลือเกิน  เด็กสาวนั่งลงช้า ๆ แต่ใบหน้าของเธอยังคงบูดบึ้ง
ถ้าเธอไม่ต้องเป็นห่วงเขาได้เลยก็ดีสิ
*************************************************
หลังจากที่มัลฟอยบินในเพื่อหลีกหนีดอกไม้ไฟอยู่นาน  เขาก็คิดวิธีที่จะสลัดมันออกไปได้  เด็กหนุ่มการหลอกล่อมันโดยการบินเข้าหาอัฒจันทร์  และเชิดไม้กวาดขึ้นเมื่อใกล้ชนกับอัฒจันทร์  ดอกไม้ไฟจึงวิ่งเร็วจี๋ไปชนอัฒจันทร์เข้าอย่างจัง  จนมันกลายเป็นรูขนาดย่อม ๆ เลยทีเดียว  แต่ไม่ได้มีเสียงระเบิดตามมาอย่างใด  อาจจะเป็นเพราะดอกไม้ไฟยังหาเป้าหมายของมันไม่ได้กระมัง  มันจึงบินเอียง ๆ ออกมาจากรูโหว่ของอัฒจันทร์  และตรงมาที่มัลฟอย  ซึ่งกำลังควักไม้กายสิทธิ์ออกมาจากเสื้อคลุม
“เอานี่ไปกินเลยไอ้จรวดเวร” เขากัดฟันพูด  ก่อนจะร่ายคาถาระเบิดมันออกเป็นจุล! 
“เป็นอะไรรึเปล่า” มอนทาคิวถามเมื่อเขาบินเข้ามาใกล้มัลฟอยหลังจากที่มาดามฮูชประกาศให้เวลานอกกับทีมสลิธีรินเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ส่วนมัลฟอยนั้นส่ายหน้าตอบ
“ฉันเห็นว่าไอ้จรวดพิเรนท์นั่นมาจากเจ้าพวกนั้น” มอนทาคิวชี้มือไปที่อัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์  โดยมีรอนที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้นั่งอยู่บนนั้น
“อย่างนั้นหรือ” มัลฟอยตอบเรียบ ๆ
“นายไม่ต้องห่วง  ฉันจะแก้แค้นให้นายแน่” มอนทาคิวพูดอย่างมุ่งมั่น
“นายจะทำอะไรน่ะ”  มัลฟอยถามอย่างสงสัย  พร้อมกับเสียงนกหวีดซึ่งเป็นสัญญาณบอกว่าการแข่งขันกำลังจะเริ่มขึ้นอีกครั้งได้ดังขึ้น
“นายไม่ต้องสนใจหรอกมัลฟอย  นายมีหน้าที่แค่จับสนิชให้ได้เท่านั้น  อย่าทำให้เราผิดหวังล่ะ” มอนทาคิวบอกเขาก่อนที่จะบินไปอีกทางหนึ่ง
.................................................
หลังจากที่การแข่งขันได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง  มัลฟอยก็มุ่งมั่นกับการหาลูกสนิชมากขึ้นกว่าเดิม  เพื่อชดเชยเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นเมื่อครู่  และเป็นโชคดีของเขาที่โชไม่เจอลูกสนิชก่อนในขณะที่เขากำลังบินหลบไอ้จรวดปัญญาอ่อนนั่นอยู่  ถ้าไม่อย่างนั้นสลิธีรินก็ต้องแพ้ในการแข่งขันนัดนี้เป็นแน่
ในขณะเดียวกันมอนทาคิวก็พยายามหาวิธีทางเล่นงานพวกกริฟฟินดอร์ที่มาลอบทำร้ายซีกเกอร์ของเขา  และสายตาของมอนทาคิวก็ไปสะดุดเข้ากับลูกบลัดเจอร์สีดำที่กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่กลางสนาม
“เอามานี่ซิ” มอนทาคิวแย่งไม้ตีบลัดเจอร์ไปจากมือของแครบ  ซึ่งเป็นบีตเตอร์  และตีลูกบลัดเจอร์อย่างแรงไปทางอัฒจันทร์ฝั่งกริฟฟินดอร์!
หลังจากมัลฟอยบินวนอยู่นาน  เขาก็เห็นลูกสนิชเรืองแสงสีทองอยู่บริเวณห่วงฝั่งเรเวนคลอ  เด็กหนุ่มพุ่งลงต่ำและเร่งความเร็วเพื่อที่จะไปหามันอย่างเร็วที่สุด  ตามมาติด ๆ ด้วยโช  ซึ่งดูออกว่ามัลฟอยเห็นลูกสนิชแล้ว
แต่ก่อนที่มัลฟอยจะพุ่งไปหาลูกบอลสีทองซึ่งเป็นความหวังแห่งชัยชนะของเขา  เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น
“เฮอร์ไมโอนี่ระวัง!!!!”
เสียงของรอนดังขึ้นตามด้วยเสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่มัลฟอยคุ้นเคยดี  นัยต์ตาสีซีดละจากลูกสนิชในทันที  และตวัดไปมองอัฒจันทร์ที่อยู่เบื้องหลัง
ลูกบลัดเจอร์สีดำกำลังพุ่งเข้าไปที่อัฒจันทร์ของฝั่งกริฟฟินดอร์  และกำลังตรงไปยังเด็กสาวผมสีน้ำตาลที่กำลังตื่นตระหนก!!!
มัลฟอยรีบหักไม้กวาดไปอีกทางทันที  ณ  วินาทีนั้นเขาลืมซึ่งชัยชนะ  ลืมซึ่งศักดิ์ศรีเกียรติยศ  ลืมซึ่งความหวังและความไว้วางใจของผู้เล่นทั้งทีมไปจนหมดสิ้น  เพราะสิ่งที่เขาสนใจเพียงสิ่งเดียวในตอนนั้น  คือความปลอดภัยของผู้หญิงที่เขารัก!
มัลฟอยรีบพุ่งไปหาเฮอร์ไมโอนี่ในทันที  มือหนึ่งของเด็กหนุ่มยึดไม้กวาดแน่น  ส่วนอีกมือควักไม้กายสิทธิ์ออกมา  แต่ก่อนที่มัลฟอยจะได้ร่ายคาถาก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น  พร้อมกับเศษฝุ่นที่ฟุ้งกระจาย!
เมื่อฝุ่นควันจางไป  ภาพที่เด็กหนุ่มเห็นก็คือ  หญิงสาวที่เขารักกำลังอยู่ในอ้อมแขนศัตรูคู่อาฆาตของเขา!
รอประคองร่างของของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในวงแขน  ส่วนแฮร์รี่นั้นก็ระเบิดลูกบลัดเจอร์ที่กำลังจะทำร้ายเพื่อนรักของเขาจนเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ราวกับภาพนั้นเป็นการย้ำถึงคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่ที่ว่า
ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนไปกว่ามิตรภาพของความเป็นเพื่อน  แม้กระทั่งความรัก!
เสียงนกหวีดของมาดามฮูชดังขึ้นหลังจากนั้น  พร้อมกับคำประกาศถึงผู้ชนะในการแข่งขัน  มัลฟอยหันกลับไปมองที่สนามเบื้องล่าง  โชกำลังกำลูกสนิชที่หมดหนทางดิ้นรนไว้ในมือ  และรอรับเสียงเชียร์จากอัฒจันทร์รอบด้าน  ราวกับเป็นการตอกย้ำกับเด็กหนุ่มว่าภาพตรงนั้นคือ  เสียงเชียร์ที่เขาสมควรจะได้รับ  ชัยชนะที่เขาสมควรจะได้ครอบครอง 
แต่เขากลับทิ้งมันไปเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว!
บางสิ่งบางอย่างที่นายมุ่งมั่นหรือคาดหวังกับมันมากเกินไป  สุดท้ายมันก็จะหลุดลอยจากมือนายไปเสมอ
ราวกับความหวังทุกสิ่งของมัลฟอยหลุดลอยไปจากมือต่อหน้าต่อตาเขา  เด็กหนุ่มก้มหน้านิ่ง  ไม่มีครั้งไหนที่เขาจะรู้สึกถึงความพ่ายแพ้ได้ลึกซึ้งเท่ากับครั้งนี้เลย
*************************************************
รอนเข้าไปดูอาการของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเป็นห่วง  เช่นเดียวกับเพื่อน ๆ ทุกคนที่เหลือ
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า” รอนถามอย่างเป็นห่วง  เฮอร์ไมโอนี่โบกมือตอบ
“ไม่เป็นไร  แล้วเธอล่ะรอน” เด็กสาวถามอย่างตะหนก  เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วมาก  กว่าเธอจะรู้ตัวลูกบลัดเจอร์ก็พุ่งเข้ามาแล้ว
“ฉันไม่เป็นไร” เด็กหนุ่มตอบ
“แต่เธอเอาตัวมากันฉันไว้นะ  เธอบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างร้อนรน
“ฉันไม่เป็นไร  ดีนะที่แฮร์รี่ระเบิดลูกบลัดเจอร์นั่นซะก่อน  ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มานั่งอยู่อย่างนี้หรอก” รอนตอบเธอ  และดูเหมือนว่าเด็กสาวจะดูกังวลน้อยลงแล้ว     
“งั้นลุกไหวไหม” เด็กหนุ่มถาม  และพยายามจะประคองตัวเธอให้ลุกยืน  แต่เมื่อรอนจับข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่และดึงตัวเธอขึ้น  เด็กสาวก็ร้องเสียงหลง
“เป็นอะไรรึเปล่า” เขาถามอย่างเป็นห่วง
“ข้อมือฉันน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่คราง  และเอื้อมมือมากุมข้อมือข้างขวาเบา ๆ โดยเธอบอกรอนว่าข้อมือที่เพิ่งหักไปไม่นานของเธอคงเกิดอักเสบขึ้นมาเพราะอุบัติเหตุเมื่อครู่
“ไม่ใช่อุบัติเหตุหรอก” แฮร์รี่พูดเสียงเรียบ
“เธอหมายความว่ายังไงน่ะแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาอย่างสงสัย
“ฉันเห็นว่ามอนทาคิวจงใจตีลูกบลัดเจอร์มาทางพวกเรา” เขาพูด  แววตาสีเขียวดูสงบนิ่ง  หากแต่ดูเคียดแค้น
“มันคงแก้แค้นที่ฉันเล่นงานมัลฟอยล่ะสิ” รอนกัดฟันกรอด  แฮร์รี่สังเกตเห็นว่าใบหูของเขาเริ่มเป็นสีแดง
“เรื่องนั้นเอาไว้ก่อนเถอะ  ฉันว่าน่าจะพาเฮอร์ไมโอนี่ไปห้องพยาบาลก่อนดีกว่า” เด็กหนุ่มรีบพูดกับรอน
“นั่นสินะ” รอนพูด  และค่อย ๆ ประคองเฮอร์ไมโอนี่ให้ยืนขึ้นอย่างเบามือที่สุด
แต่ก่อนที่เด็กทั้งสามจะได้ลงจากอัฒจันทร์  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เข้ามาขวางเสียก่อน
“ฉันเกรงว่าพวกเธอจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นนะ” เธอพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“แต่เฮอร์ไมโอนี่บาดเจ็บนะครับอาจารย์” รอนแย้ง
“ฉันแค่ต้องการให้พวกเธอชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่เท่านั้น  ความจริงฉันก็ไม่อยากจะจุ้นจ้านหรอกนะมิสเตอร์วีสลีย์  แต่บังเอิญว่ามีการทำลายทรัพย์สินของทางโรงเรียนเกิดขึ้น” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลอธิบายอย่างมีเหตุผล
“อาจารย์ให้รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ไปห้องพยาบาลเถอะครับ  เพราะคนที่ระเบิดลูกบลัดเจอร์นั่นคือผมเอง” แฮร์รี่พูดกับเธอ
“ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องคุยกันเสียหน่อยแล้วมิสเตอร์พอตเตอร์” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดก่อนจะหันมามองเฮอร์ไมโอนี่และรอน “ส่วนเธอสองคนไปได้แล้ว”
.................................................
“นายทำอะไรของนายน่ะมัลฟอย!” มอนทาคิวพูดเสียงดังแข่งกับเสียงเชียร์ของฝ่ายเรเวนคลอที่กำลังดังกึกก้องอยู่บนอัฒจันทร์ภายนอก  ในขณะที่ลูกทีมของเขาทั้งหมด มารวมตัวกันอยู่ภายในห้องพักนักกีฬาหลังจบการแข่งขัน
“นายทิ้งโอกาสที่จะจับสนิชไปทำไม  ไปเพื่อช่วยไอ้พวกกริฟฟินดอร์อย่างนั้นหรือ!” มอนทาคิวพูดอย่างมีโทสะ  ซึ่งปรกติแล้วเขาแทบจะไม่ได้ใช้มันกับมัลฟอยเลยก็ตาม  ในขณะที่มัลฟอยยังคงนิ่งเงียบ
“นายรู้ไหมว่าอีกนิดเดียวบ้านของเราก็จะชนะอยู่แล้ว  เราจะได้เข้าไปชิงชนะเลิศ  แต่นายกลับทิ้งโอกาสนั้นเพื่อไปช่วยศัตรู  นายรู้ตัวไหมว่านายกำลังทำอะไรอยู่น่ะ!” มอนทาคิวระเบิดอารมณ์ออกมาอย่างยากจะอดกลั้น 
กี่ครั้งแล้วแล้วที่เขาเฝ้าฝึกซ้อม  กี่ครั้งแล้วแล้วที่เขาเฝ้าบอกเทคนิคการเล่นให้แก่ลูกทีม  และกี่ครั้งแล้วที่เขาเฝ้าหวังว่าจะได้ครองถ้วยควิดดิชในปีนี้  แต่ความหวังทั้งหมดของเขา  ซึ่งฝากไว้กับผู้เล่นคนนี้กลับถูกทำลายจบย่อยยับไม่มีชิ้นดี!
“นายคิดว่านายกำลังทำอะไรอยู่มัลฟอย!” มอนทาคิวครวญด้วยเสียงอันดัง  และราวกับความอดทนของเด็กหนุ่มผมบลอนด์หมดลงลงตรงนั้น
“ฉันรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่!”  มัลฟอยโต้กลับด้วยเสียงดังพอ ๆ กัน  ใบหน้าของเด็กหนุ่มขาวซีดด้วยความโกรธ  ดวงตาสีเงินโชนแสง  แต่ความเป็นจริงกลับย้ำเตือนว่า  ไม่มีใครที่เขาจะต้องโกรธแค้นมากไปกว่าตัวของเขาเอง
“และไม่ต้องการให้ใครมาย้ำเรื่องนี้ด้วย” เด็กหนุ่มพูดเบา ๆ ก่อนที่จะเอานิมบัสพาดไหล่และเดินออกจากห้องไป
.................................................
รอนพาเฮอร์ไมโอนี่เดินลงอัฒจันทร์มาอย่างระมัดระวัง  และช่วยประคองมือข้างที่เจ็บของเธออีกแรงด้วย  จนกระทั่งเด็กทั้งสองลงมาถึงพื้นสนามและกำลังจะเดินตัดสนามหญ้าเพื่อกลับไปยังปราสาท  เฮอร์ไมโอนี่กับรอนกลับเจอกับร่าง ๆ หนึ่งเสียก่อน
มัลฟอยมองภาพของทั้งสองด้วยสายตาไร้ความรู้สึก  แม้ว่าในใจของเขาจะปั่นป่วนอย่างร้ายกาจก็ตาม
“ไง วีสลีย์” เขาทักด้วยเสียงยานคางตามแบบฉบับ  พร้อมกับกระชับนิมบัสในมือ
“ฉันไม่มีเวลาทะเลาะกับแกมัลฟอย” รอนพูดเรียบ ๆ แม้ว่าหูของเขาจะเริ่มเป็นสีแดงอีกครั้งแล้วก็ตาม
“อ๋อ  แกคงจะรีบพายัยเลือดสีโคลนนี่ไปส่งห้องพยาบาลสินะ  แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าอย่ารีบเดินนักล่ะ  เดี๋ยวทางเดินบนปราสาทจะเปรอะโคลนจากตัวยัยนี่เสียหมด” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ  รอนหน้าแดง
“แก!!!” เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น  หมายจะชกใบหน้าขาวซีดเข้าซักหมัด  แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับดึงเสื้อรอนไว้
“อย่ารอน” เฮอร์ไมโอนี่กระซิบห้าม  รอนมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างขัดใจ  แต่เขาก็ยอมลดมือลงโดยดี
“แหม  เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะ  แต่จะว่าไปพวกนายเป็นคู่ที่เหมาะสมกันดีออกจริงไหม” มัลฟอยพูดพร้อมกับมองพวกเขาหัวจรดเท้า 
“เหมือนผีเน่ากับโรงผุ” มัลฟอยพูด  แม้น้ำเสียงจะดูเย้ยหยัน  แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเศร้า
“แก!!!” รอนกัดฟัน  เฮอร์ไมโอนี่รีบห้ามเขาไว้ทันที
“อย่ารอน  เขาต้องการให้เธอโกรธนะ  อย่าลืมสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ พร้อมกับกดมือข้างที่ไม่เจ็บลงบนไหล่ของรอนในเชิงห้ามปราม  เด็กหนุ่มยอมลดมือลงโดยดี 
“เราไปกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และลากรอนเดินไปอีกทาง  ในขณะที่มัลฟอยมองตามพวกเขาไปด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกว่าโกรธแค้นหรือเสียใจมากกว่ากัน
*************************************************
มัลฟอยเดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่นรวมหลังจากนั้น  เด็กหนุ่มวางนิมบัสคู่กายไว้ข้าง ๆ ก่อนจะทรุดตัวลงบนโซฟาหนานุ่มอย่างอ้อนล้า  แววตาสีซีดดูโศกเศร้า
มัลฟอยเหม่อมองไปบนเพดานสีทึม  เรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นย้อนกับไปมาในหัวสมองของเขาราวกับภาพฉาย  เด็กหนุ่มก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาเหม่ออยู่นานเท่าไหร่  แต่มัลฟอยรู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีเสียง ๆ หนึ่งมาเรียกเขา
“มัลฟอย”
เด็กหนุ่มหันกลับไปมอง  แพนซี่กำลังยืนอยู่ข้างหลังเขา  เธอมองมัลฟอยอย่างสงสารก่อนจะเดินมานั่งลงบนโซฟาข้าง ๆ เขา
“ฉันไปดูการแข่งขันมาแล้ว” เด็กสาวพูดขึ้นอย่างระมันระวัง  เพราะตอนนี้มัลฟอยก็เปรียบเสมือนระเบิดเวลาดี ๆ นี่เอง 
“งั้นเหรอ” เขาพูดเบา ๆ  ถ้าอย่างนั้นแพนซี่ก็คงได้เห็นความพ่ายแพ้ของเขาเหมือนกับทุกคนในโรงเรียนสินะ 
“ฉันเสียใจด้วยนะ” แพนซี่พูดขึ้นช้า ๆ และเอื้อมมือมาแตะมือเขาเบา ๆ และน่าแปลกที่มัลฟอยไม่ชักมือกลับแต่อย่างใด
“แต่มีเรื่องหนึ่งที่ฉันไม่เข้าใจน่ะมัลฟอย” แพนซี่พูดพร้อมกับมองตาเขา  แต่มัลฟอยกลับไม่หันมาสบตาเธอ
“เดรโก” เด็กสาวพูดเสียงแผ่ว  เด็กหนุ่มตวัดดวงตาสีซีดมาทางเธอช้า ๆ
“ทำไมเธอต้องทำเพื่อมันถึงขนาดนั้นด้วย” แพนซี่ถามเรียบ ๆ เธอจ้องมองมัลฟอยอย่างต้องการหาคำตอบ  แต่เด็กหนุ่มกลับมองไปทางอื่น
นั่นสิ  ทำไมเขาต้องทำเพื่อเธอขนาดนั้นด้วย
ทำไมเขาต้องไปห่วงใยเธอด้วย  ในเมื่อเธอมีคนอื่นอยู่ในใจแล้วตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
และที่สำคัญ  เธอเลือกไอ้เจ้าเพื่อนรักของเธอทั้งสองมากกว่าเขา  ซึ่งนั่นแสดงว่าพวกมันสองคนสำคัญกับเธอมากกว่าเขา
แล้วทำไม  ทำไมเขาต้องไปรักคนอย่างเธอด้วย!
“ทำไมเธอถึงต้องทำเพื่อมันขนาดนี้ด้วยเดรโก” แพนซี่พูด “ทำไม  เธอต้องรักมันขนาดนั้น  ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเลือดสีโคลน  เป็นศัตรูกับเรา” เสียงของแพนซี่เริ่มสั่นเครือ
“แล้วทำไม  เธอไม่รักฉันบ้าง  ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอ  รักเธอขนาดนี้” เด็กสาวพูดพร้อมกับหยดน้ำตาที่รินไหล  มือทั้งสองของเธอขยุ้มเสื้อของคลุมของมัลฟอยแน่น 
ทำไมเธอถึงไม่รักฉันบ้าง  ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอขนาดนี้
และทำไมเธอถึงไม่เลือกฉันเกรนเจอร์  ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอขนาดนี้!
“ปล่อยฉันเถอะแพนซี่” มัลฟอยพูดพร้อมกับดึงมือที่ยึดเสื้อคลุมของเขาออก  แพนซี่เงยหน้ามองมัลฟอย  ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“เดรโก”
“และฉันกำลังจะบอกเธอว่า  ฉันกับยัยเลือดสีโคลนนั่น  ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้ว” มัลฟอยพูดออกไป  แพนซี่มีท่าทีงุนงงอยู่ชั่วครู่
“จริงหรือเดรโก” เด็กสาวพึมพำราวกับไม่เชื่อหูตัวเอง
“จริงสิ” มัลฟอยพยักหน้ารับ
“หมายความว่าเธอไม่ได้รักยัยนั่น” แพนซี่พูดอย่างดีใจ
“ไม่อีกแล้ว” มัลฟอยพูด
“ถ้าอย่างนั้นเธอรักฉันไหมเดรโก” แพนซี่ถาม  มัลฟอยกัดริมฝีปาก  แววตาสีซีดดูสับสน  ในขณะที่คำพูดของมอนทาคิวลอยเข้ามาในหัวของเขา
บางสิ่งบางอย่างที่นายมุ่งมั่นหรือคาดหวังกับมันมากเกินไป  สุดท้ายมันก็จะหลุดลอยจากมือนายไปเสมอ
แต่บางสิ่งที่นายไม่คาดหวังในตัวมัน  มันก็จะเข้ามาหานายเอง
“ไม่รู้สิ ” มัลฟอยพูดค่อย ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าของแพนซี่เริ่มจางไป
“แต่เมื่อถึงตอนนั้นฉันจะบอกเธอเอง” เด็กหนุ่มบอกเธอ  ในขณะที่แพนซี่ยิ้มอย่างยินดี  เธอกอดแขนของมัลฟอยแน่น  และรู้สึกว่าเธอได้เขากลับมาเป็นของเขาอีกครั้ง
ในขณะที่มัลฟอยหลับตาลงอย่างปวดร้าว  และเริ่มคิดว่าเขาสมควรจะปล่อยมือกับสิ่งที่เขาคาดหวังแต่ไม่มีกำลังจะไขว่คว้ามาไว้ในมือได้แล้ว  และคว้าเอาสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเอามาตลอดแต่เขาไม่เคยมองเห็นมันมาแทน
*************************************************
ขอโทษนะคะที่อัพช้าไปประมาณสามสี่วัน  เพราะว่าช่วงนี้ไม่ค่อยว่าง  ประกอบกับกำลังแต่งฟิคเรื่องใหม่อยู่ด้วย [ Short FiC ] เลยมาลงช้า  ขอโทษเพื่อน ๆ ที่ทำให้รอนะคะ  ส่วนฟิคเรื่องใหม่นั้นกำลังแต่งอยู่  คาดว่าอีกสักพักคงจะเสร็จ  ถ้าเสร็จเมื่อใหร่จะเอามาลงที่เด็กกีนี่และมาโพสบอกนะคะ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น