ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศัตรูที่รัก : เรื่องวุ่น ๆหลังแต่งงานของเฮอร์ไมโอนี่กะมัลฟอย

    ลำดับตอนที่ #7 : ความกลัวของมัลฟอยและช่วงเวลาอันแสนโรแมนติก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 5.2K
      55
      15 ธ.ค. 47

    ตอนที่ 7 ความกลัวของมัลฟอยและช่วงเวลาอันแสนโรแมรติก

    ทันทีที่มัลฟอยกลับมาถึงคฤหาสน์  คุณคลิฟฟ์ฟอร์ดก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  ไม่ผิดเพี้ยนไปจากภาพในฝันของเขาเลย

    “โอ  นายน้อยกลับมาแล้วหรือขอรับ” พ่อบ้านประจำตระกุลมัลฟอยพูด

    “เฮอร์ไมโอนี่เป็นยังไงบ้าง” มัลฟอยถามอย่างรีบร้อน  และคำตอบที่ชายชราพูดออกมานั้นทำให้มัลฟอยถึงกลับอึ้ง

    “เธอสบายดีขอรับ  กระผมได้พบเธอ  เอ้อ  อีกครั้งแล้วขอรับ”  เขาพูดอย่างเดียวกับในความฝันของมัลฟอย “ตอนนี้เธอกำลังพักผ่อนอยู่ในห้องครับ”

    “งั้นเหรอ” มัลฟอยพูดได้แค่นั้นก่อนที่เขาจะรีบขึ้นไปที่ห้องนอนในทันที

    เมื่อมัลฟอยก้าวเข้ามาในห้องนอน  ความกลัวก็แล่นเข้ามาจับหัวใจของเขาอีกครั้ง  เมื่อเขาเห็นร่าง ๆ หนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่โซฟาข้าง ๆ เตาผิง  มัลฟอยได้ยินเสียงเธอพึมพำคล้าย ๆ ฮัมเพลงดังแว่วเข้ามา  พร้อม ๆ กับที่เขาเห็นเส้นผมสีน้ำตาลของเธอพลิ้วไหวไปตามแรงลมอ่อน ๆ

    มัลฟอยค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ร่างของเฮอร์ไมโอนี่  เขาเรียกชื่อเธอ “เฮอร์ไมโอนี่”  แต่เธอไม่ได้หันมาแต่อย่างใด  ราวกับว่าเธอไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดออกไป  หรือเธออาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายืนอยู่ตรงนั้น  และมันก็เป็นเช่นเดียวกับความฝันของเขา!

    “เฮอร์ไมโอนี่ ฉันกลับมาแล้ว” มัลฟอยเอ่ยด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม  พร้อม ๆ กับที่เขาเอามือที่สั่นเทาไปวางที่ไหล่ของเธอเวลาเดียวกับที่เธอปิดหนังสือลงเบา ๆ   และเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากปากของเธอนั้นทำให้มัลฟอยแทบล้มทั้งยืน

    “คุณเป็นใคร?” เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนที่จะหันหน้ามามองมัลฟอยที่ยืนแข็งเป็นหินอยู่



    *************************************************



    “อ้าว  มัลฟอย” เธออุทาน “มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และมัลฟอยนั้นก็เปลี่ยนจากอาการตกใจเป็นงงงวยแทน

    “ฉัน….มา…..ตั้งซักพักแล้ว”  มัลฟอยเอ่ยตะกุกตะกัก

    “เหรอ  ตายจริง  ทำไมฉันถึงไม่รู้ตัวเลยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างแปลกใจ

    “ฉันเรียกเธอตั้งหลายครั้งแล้ว” มัลฟอยบอก

    “งั้นเหรอ  สงสัยฉันคงอ่านหนังสือเพลินล่ะมั้ง  เธอคงรู้นะว่าเวลาที่ฉันอ่านหนังสือน่ะ  ฉันเหมือนกับมีโลกส่วนตัว  อะไรประมาณนั้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย “ฉันเห็นว่าว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำก็เลยหยิบหนังสือในชั้นมาอ่านน่ะ  เธอคงไม่ว่านะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางโชว์หนังสือที่เธออ่านให้มัลฟอยดู  มันมีชื่อว่า ‘ คุณเป็นใคร ( Who are you ? ) ’ เป็นหนังสือแนวจิตวิทยาที่ว่าด้วยการค้นพบตัวเอง

    “งั้นที่เธอพูดเมื่อกี๊นี้” มัลฟอยถาม “ที่เธอบอกว่า ‘ คุณเป็นใคร? ’ ”

    “ฉันพูดเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยท่าทีงง ๆ “ฉันคงจะบ่น ๆ ออกมาน่ะ  บางทีฉันก็ชอบอ่านหนังสือออกเสียงรู้มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอารมณ์ดี

    “งั้นเหรอ” มัลฟอยพูดพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก  “ฉันนึกว่า  เธอจะจำฉันไม่ได้”

    “ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะ  เธอก็คือมัลฟอยไง” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และเธอก็นึกถึงคำพูดของคุณคลิฟฟ์ฟอร์ด

    ไม่มีสามี  ภรรยาคนไหนที่เรียกนามสกุลกันหรอกครับ

    ถ้าคุณเรียกนายน้อยด้วยชื่อจริง ๆ ของท่าน ๆ คงจะดีใจมากแน่ ๆ

    “เอ่อ….”

    “มีอะไรงั้นเหรอ” มัลฟอยถามเฮอร์ไมโอนี่

    “เปล่า  ไม่มีอะไร” เฮอร์ไมโอนี่พูดปัด ๆ พลางหยิบหนังสือที่อ่านจบไปเก็บในชั้นตามเดิม

    “ถ้าเธออยากอ่านหนังสือล่ะก็  ฉันจะพาเธอไปที่ ๆ หนึ่ง” มัลฟอยพูด



    *************************************************



    มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามทางเดินยาวเหยียด  เขาพาเธอเดินผ่านห้องหับมากมายนับไม่ถ้วน  และเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาอีกหลายครั้ง  จนเฮอร์ไมโอนี่สงสัยว่าเขาสามารถจำทางที่แสนวกวนนี้ได้อย่างไร  แต่ถึงยังไงมัลฟอยก็อยู่ที่นี่ที่ตั้งแต่เกิดไม่มีทางที่เขาจะจำบ้านตัวเองไม่ได้  แต่เธอนี่สิ  เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่ที่เธอจะสามารถเดินไปไหนมาไหนในคฤหาสน์หลังนี้ได้โดยไม่ต้องมีคนนำทาง  เพราะที่นี่มันซับซ้อนยิ่งกว่ากองปริศนาซะอีก

    หลังจากที่มัลฟอยพาเธอเลี้ยวครั้งสุดท้าย  พวกเขาก็มาโผล่ที่ทางเดินเล็ก ๆ ( ความจริงก็ไม่เล็กหรอก ) ที่ใช้เชื่อมกับปีกตะวันออก  และเมื่อถึงปีกตะวันตก  มัลฟอยก็พาเธอเดินมาจนถึงห้องที่มีลักษณะคล้าย ๆ หอคอยเล็ก ๆ มันเขียนไว้ว่า ‘ ห้องสมุดตระกูลมัลฟอย ’

    “อย่าไปสนใจมันเลย” มัลฟอยพูดและก็พาเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปด้านในตัวตึกที่มืดสนิท

    “มืดเป็นบ้าเลย” มัลฟอยบ้นพลางดีดนิ้ว  และแสงสว่างก็ปรากฏขึ้นราวกับมีเวทย์มนตร์ ( ก็เวทย์มนตร์นั่นแหละ ) มันเผยให้เห็นห้องสมุดรูปทรงกลมที่กว้างพอ ๆ กับห้องนั่งเล่นรวมกริฟฟินดอร์  ที่ผนังรอบ ๆ ห้องนั้นถูกทำให้เป็นชั้นหนังสืออยู่รอบด้าน  และชั้นหนังสือเหล่านั้นก็สูงขึ้นไปหลายเมตร  ส่วนตรงกลางห้องนั้นก็มีชุดเก้าอี้สำหรับนั่งอ่านหนังสือ  และเตาผิงขนาดย่อมอยู่ใกล้ ๆ รวมทั้งมีที่สำหรับชงชาด้วย

    “ไม่น่าเชื่อเลย” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ  เธอรู้สึกทึ่งกับความหรูหราอลังการของห้องสมุดแห่งนี้  เท้าของเฮอร์ไมโอนี่เหยียบอยู่บนพรมสีแดงเลือดนกที่ปูพื้นห้องตลอดทั้งห้อง  เธอค่อย ๆ เดินไปตามชั้นหนังสือ  เธอเอามือไล่สันปกแต่ละเล่มอย่างสนใจ  เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าจะเลือกอ่านเล่มไหนก่อนก็เท่านั้น  เพราะหนังสือที่นี่มีมากมายจนนับไม่ถ้วน

    “ฉันนึกแล้วว่าเธอต้องชอบ” มัลฟอยพูด  เขากำลังยืนมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ทำกิริยาตื่นเต้นแบบเด็ก  ๆ ด้วยท่าทีเอ็นดู

    “ฉันไม่คิดว่า  ที่นี่จะมีหนังสือมากขนาดนี้!” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำอย่างตื่นเต้น “และมันก็น่าสนใจทั้งนั้นเลย!” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เพราะเท่าที่เธอดู  เธอยังไม่เจอหนังสือเกี่ยวกับศาสตร์มืดที่เธอคิดว่าจะเจอใน ‘ ห้องสมุด ตระกูลมัลฟอย ’ แต่ที่เธอเจอกลับกลายเป็น  ‘ วิธีการป้องกับตัวจากศาสตร์มืดฉบับสมบูรณ์แบบ ’ ‘ ทำอย่างไรเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอำนาจมืด ’ หรือไม่ก็ ‘ หลักการสังเกตและจำแนกพิษ ’ มากกว่า

    “นี่มันหนังสือที่พวกมือปราบมารใช้นี่” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยอย่างประหลาดใจ  แต่มัลฟอยนั้นไม่ได้มีทีท่าแปลกใจแม้แต่น้อย

    “ก็ฉันสั่งมาให้เธอยังไงล่ะ” มัลฟอยพูดยิ้ม ๆ “ฉันคิดว่าเธอต้องอ่าน  มันเกี่ยวกับอาชีพของเธอน่ะ”

    “โกหกน่า  เธอสั่งหนังสือตั้งมากมายขนาดนี้มาเพื่อฉันงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างตกใจ

    “ไม่ใช่แค่หนังสือนี่นะ  แต่ห้องสมุดนี้” มัลฟอยหยุดพูดพลางมองไปรอบ ๆ “ฉันสร้างมันเพื่อเธอ”  เขาพูดในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าตกใจเป็นที่สุด  เธอไม่คิดว่าเขาจะทุ่มเงินสร้างห้องสมุด  หรือจะเรียกว่าตึกทั้งหลังก็ได้  เพียงเพื่อเธอ

    “ล้อเล่นน่ามัลฟอย  เธอ  สร้างที่นี่เพื่อฉันงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ยังไม่หายตกใจ

    “จะเรียกว่าสร้างก็ไม่ถูกนักหรอก  เพราะเดิมที่นี่เคยเป็นของพ่อฉัน  พ่อฉันเขาใช้เก็บหนังสือพวกศาตร์มืดน่ะ  เธอก็คงรู้นะ  แต่พอฉันแต่งงานกับเธอ  ฉันก็ปรับปรุงที่นี่ขึ้นใหม่  และเปลี่ยนหนังสือทั้งหมดใหม่แต่ป้ายที่หน้าตึกมันถูกลงคาถาไว้  ไม่มีทางแก้ออกได้  ฉันก็เลยไม่ได้เปลี่ยนมัน” มัลฟอยอธิบาย

    “เธอทำทั้งหมดนี่ก็เพื่อฉันงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ “เธอไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลยมัลฟอย”

    “ก็เพราะฉันรู้ว่าเธอชอบหนังสือไง  และฉันก็คิดว่าเธอคงดีใจมากถ้าหากว่าเธอได้มีห้องสมุดของตัวเอง  ฉันก็เลยให้มันเป็นของขวัญวันแต่งงานของเรา” มัลฟอยพูด  

    เขากำลังรำลึกถึงความหลังที่เขาเซอร์ไพร์สเฮอร์ไมโอนี่ด้วยการปิดตาเธอ และพาเธอเดินมาจนถึงตึกนี่  เขาจำได้ว่าเธอบ่นกับเขาว่าเวียนหัวแค่ไหนกว่าจะเดินมาถึงที่นี่ได้  และเมื่อเขาเปิดผ้าผูกตาออก  และเฮอร์ไมโอนี่ได้เห็นที่นี่พร้อม ๆ กับได้ยินเขากระซิบเข้าที่หูของเธอว่า ‘ ฉันให้ที่นี่เป็นของขวัญสำหรับเธอ ’ เฮอร์ไมโอนี่ก็กรี๊ดอย่างดีใจและจูบเขาเสียยกใหญ่ก่อนที่จะหันไปสนใจหนังสือ

    “มัลฟอย  มัลฟอย”

    “หือ” มัลฟอยเพิ่งตื่นจากภวังค์ด้วยเสียงเรียกของเฮอร์ไมโอนี่  

    “เธอเป็นอะไรรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถาม

    “เปล่า ๆ ” มัลฟอยตอบปัด ๆ “เธอไม่ดูหนังสือแล้วเหรอ”

    “คือฉันไม่รู้ว่าจะเลือกอ่านเล่มไหนก่อนดีน่ะ”

    “ถ้าอย่างนั้นขึ้นไปดูข้างบนไหมล่ะ  มีหนังสือให้เธอเลือกอีกเยอะเลย” มัลฟอยพูดและเขาก็เดินนำเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นบันไดไป  สู่ชั้นสองที่มีชั้นหนังสืออยู่รอบ ๆ ห้องเช่นเดียวกับชั้นล่าง  แต่ต่างกันตรงที่ชั้นบนนั้นเหมือนเป็นชั้นลอยเสียมากกว่า  เพราะทางเดินรอบ ๆ นั้นเป็นระเบียงที่มองลงมาข้างล่างได้  และหนังสือที่อยู่ที่ชั้นสองนั้นไม่ได้เกี่ยวกับการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด  แต่เป็นหนังสือเกี่ยวกับคาถาต่าง ๆ เช่น  การแปลงร่างชั้นสูง  คาถาเบื้องต้นในการปรุงยา  พืชสมุนไพรในชีวิตประจำวัน  เป็นต้น  ซึ่งเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เห็นหนังสือพวกนั้นก็ก็ตรงดิ่งไปที่มันราวกับมีแรงดึงดูด  ส่วนมัลฟอยนั้นยิ้มน้อย ๆ กับอาการตื่นเต้นแบบเด็ก ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ขณะที่เขามองเธอที่กำลังหยิบหนังสือเล่มต่าง ๆ มาดูอย่างสนใจราวกับเด็กได้ของเล่นใหม่  จนเวลาผ่านไปซักพักหนึ่ง  

    “แล้วข้างบนนั้นมีอะไรเหรอมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถามพลางชี้ไปทางบันไดที่มีลักษณะคล้าย ๆ บันไดขึ้นไปบนดาดฟ้า  

    “ทางไปหอดูดาวน่ะ” มัลฟอยตอบเธอ “เธออยากไปดูมันไหมล่ะ”

    “อือ  ฉันอยากไป” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างตื่นเต้น  และมัลฟอยก็พาเธอขึ้นบันไดไปอีกชั้นหนึ่ง  และเฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าเธอกำลังอยู่ภายใต้โดมกระจกขนาดใหญ่  ภายนอกเป็นท้องฟ้าสีดำที่มีดวงดาวที่ส่องแสงระยิบระยับกระจายอยู่  เนื่องตอนนี้มืดแล้วเลยทำให้เห็นดวงดาวเหล่านั้นได้ชัดเจนมากขึ้น  ที่หอดูดาวนี้มีชุดโซฟาสำหรับไว้นั่งดูดาว  รวมทั้งกล้องดูดาวแบบที่เธอเคยใช้สอบ ว.พ.ร.ส. และ ส.พ.บ.ส. ในวิชาดาราศาสตร์  

    “มันสวยมากเลย” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำพลางมองกลุ่มดาวต่าง ๆ อย่างเพลิดเพลิน

    “ถ้าเธออยากเห็นมันชัดกว่านี้ก็ไปส่องกล้องดูสิ” มัลฟอยพูด

    “ไม่เอาล่ะ ฉันชอบดูแบบนี้มากกว่า” เฮอร์ไมโอนี่ตอบพลางกลับไปสนใจกลุ่มดาวบนฟ้าอีกครั้ง  มันเลยทำให้มัลฟอยนึกถึงคืนที่เขาขอเฮอร์ไมโอนี่แต่งงาน  ท้องฟ้าในคืนนั้นก็สวยงามเหมือนกับคืนนี้ไม่มีผิดเลย  แต่เฮอร์ไมโอนี่ในคืนนั้นและในคืนนี้กลับต่างกันโดยสิ้นเชิง!

    มัลฟอยส่ายหัวแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดนั้นไปไกล ๆ เขาจะไม่ยอมอ่อนแอเด็ดขาด  สิ่งที่เขาต้องทำก็คือ  พยายามทำให้เฮอร์ไมโอนี่กลับมารักเขาอีกครั้งให้ได้  มัลฟอยคิดเช่นนั้น

    และมัลฟอยก็ดีดนิ้วเบา ๆ หลังจากนั้นโดมกระจกที่อยู่เหนือพวกเขาก็เลื่อนออกด้วยแรงคาถา  ทำให้เฮอร์ไมโอนี่สามารถมองเห็นท้องฟ้าได้ชัดเจนขึ้นกว่าเดิม  

    “ชอบไหม” มัลฟอยถามเฮอร์ไมโอนี่ที่มองเขาอย่างทึ่ง ๆ

    “เอ่อ  มันสวยมากเลย  ถ้าได้นั่งที่นี่นาน ๆ ก็คงดี” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  เขาไม่คิดว่ามัลฟอยจะทำอะไรเพื่อเธอได้มากเท่านี้

    “งั้นก็อยู่ที่นี่นาน ๆ ก็ได้  ฉันจะสั่งให้เอล์ฟมาเสิร์ฟอาหารให้เธอทานบนนี้ดีไหม”  มัลฟอยพูด

    “จะใช้พวกเอล์ฟทำงานอีกแล้วเหรอ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแหลม

    “แค่เสิร์ฟอาหารเอง  ฉันไม่ได้ใช้มันทำอะไรที่หนักหนาเลยนะ  แล้วก็อย่าลืมสิว่าฉันก็ให้เงินค่าจ้างพวกมันด้วยนะ” มัลฟอยอธิบายกับเฮอร์ไมโอนี่ที่พูดราวกับว่าเขาใช้งานพวกเอล์ฟประจำบ้านอย่างทารุณ  

    “งั้นก็ตามใจ” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยซักเท่าไหร่



    *************************************************



    ไม่นานนักอาหารเย็นของพวกเขาก็ถูกนำขึ้นมาเสิร์ฟบนหอดูดาวแทนที่ห้องอาหาร  เฮอร์ไมโอนี่วางหนังสือในมือลงช้า ๆ พลางหันไปสนใจอาหารบนโต๊ะ ( ทั้งสองนั่งทานบนโซฟา ) ซึ่งคราวนี้เปลี่ยนจากอาหารฝรั่งเศสราคาแพงเป็นอาหารอิตาเลี่ยนแทน  อาทิเช่น  พาสต้า  สลัดซีซาร์  พิซซ่ามาเตอร์ริก้า  ไส้กรอกคาโซเน่  ราวิโอลีไส้ชีท ( เกี๊ยวสอดไส้ครีมข้น  ลูกวอลนัท  และชีทพาร์เมซาน ) เป็ดย่างเชอร์รี่ ( ทั้งหมดนี่คือชื่อของอาหารอิตาเลี่ยนจ้า  เพื่อน ๆ อย่าเพิ่งงงกับชื่อแปลก ๆ นะ )

    “ฉันเบื่ออาหารฝรั่งเศสแล้วน่ะ” มัลฟอย “ก็เลยให้เอล์ฟทำอาหารอิตาเลี่ยนแทน” มัลฟอยพูดพลางตักอาหารใส่จานของเฮอร์ไมโอนี่

    “เธอดูซูบไปรู้มั้ย  เธอต้อง….” มัลฟอยพูด

    “ทานเยอะ ๆ นะ” เฮอร์ไมโอนี่ต่อให้อย่างรู้ทัน  “แต่รู้มั้ยว่าที่เธอให้ฉันกินน่ะมันมีไขมันมากแค่ไหน  ขืนฉันกินหมดฉันก็กลายเป็นตุ่มพอดีน่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    “แต่ตอนนี้เธอผอมไปนะ  อย่าดื้อน่า  ทานเร็วเข้า” มัลฟอยคะยั้นคะยอ  และเฮอร์ไมโอนี่ก็ตักอาหารเข้าปากอย่างเสียไม่ได้  

    “ไม่เห็นต้องทำเพื่อฉันขนาดนี้เลย” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    “ให้ฉันทำเถอะเฮอร์ไมโอนี่  ให้ฉันทำอะไรเพื่อเธอบ้างเถอะนะ” มัลฟอยพูด

    “แต่เธอก็ทำอะไรเพื่อฉันเยอะแล้วนะ” เฮอร์ไมโอนี่แย้งเขาแต่มัลฟอยกลับทำราวกับเขาไม่ได้ยินที่เธอพูด “ท้องฟ้าสวยดีนะ” เขาเอ่ยเพื่อต้องการที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย  และเฮอร์ไมโอนี่เองก็คิดว่าไม่ควรไปห้าามเขาไม่ให้เขาทำอะไรเพื่อเธออีกต่อไป  เพราะถึงอย่างไรเขาและเธอก็เป็นถึงสามีภรรยากัน

    แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะจำเรื่องราวระหว่างเขาและเธอไม่ได้ก็ตามเถอะ

    “อืม  สวยมากเลยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบพลางมองไปยังท้องฟ้าสีดำนั้น

    “เธอจำท้องฟ้าแบบนี้ได้ไหมเฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยถามเธอ

    “ทำไมเหรอ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยอย่างแปลกใจ

    “เธอคงจำไม่ได้สินะ  ว่าท้องฟ้าในวันนี้ก็เหมือนกับคืนนั้น” มัลฟอยพูด  เขาไม่สามารถปกปิดความเศร้าที่เกิดขึ้นภายในใจของเขาได้

    “คืนไหน มัลฟอย?” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัย

    “ช่างมันเถอะ” มัลฟอยบอกปัด

    “แต่ฉันอยากรู้นี่  มันเป็นเรื่องในอดีตของฉันใช่ไหม  เล่าให้ฉันฟังเถอะมัลฟอย”  เฮอร์ไมโอนี่รบเร้า  และมัลฟอยก็ยอมเปิดปากเล่าเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นเวลาเกือบสี่ปีมาแล้ว

    “ท้องฟ้าในคืนนี้” มัลฟอยพูดพลางมองไปที่ท้องฟ้าที่มีแสงดาวระยิบระยับนั่นอีกครั้ง

    “มันเหมือนกับท้องฟ้าในคืนวันจบการศึกษาของเรา  คืนวันที่ฉันขอเธอแต่งงาน”



    *************************************************



    อย่าเพิ่งเบื่อนะจ๊ะที่ตอนจบมันค้าง ๆ คา ๆ เดี๋ยวจามาต่อให้และกัน ช่วงนี้หยุดยาวสามวันก็จะได้มีเวลาอัพเยอะหน่อย  

    ช่วงนี้อากาศหนาวก็ดูแลสุขภาพกันด้วยนะจ๊ะ  อย่าให้เปงหวัดแบบเราล่ะ  โอย  ยังไม่หายเรยเนี่ย



    แล้วก็มีเรื่องอยากบอกเพื่อน ๆ ด้วยค่ะ คือว่า  เราเพิ่งได้เมล์จากคุณ MoonShinNe ว่ามีคนเอาฟิคเราไปลงซึ่งเราก็เข้าไปดูที่บอร์ดนั้นเขาก็เขียนว่าเขาแต่งเอง  ซึ่งเราเคยเจอเรื่องอย่างนี้มาหลายครั้งแล้ว  จนบางครั้งถึงกับมีเมล์มาถามเราว่าตกลงเราเป็นคนแต่งเรื่องศัตรูที่รักจริง ๆ รึเปล่า  ได้ยินอย่างนี้ก็รู้สึกไม่ดีเลยค่ะ  ยังไงขอร้องนักอ่านทุก ๆ คนนะคะ  ถ้าจะเอาเรื่องของเรา ( รวมถึงฟิคของผู้เขียนท่านอื่นด้วย ) ไปโพสกรุณาให้เครดิตด้วยค่ะ  เพราะกว่าเราจะแต่งออกมาได้อย่างนี้ไม่ง่ายเลยนะคะ  ยังไงก็ขอให้ให้เกียรติคนแต่งจริง ๆ ด้วยนะคะ  ขอบคุณค่ะ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×