ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ศัตรูที่รัก เฮอร์ไมโอนี่ + มัลฟอย ภาค 2

    ลำดับตอนที่ #3 : ผู้มาเยือน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.32K
      100
      26 พ.ค. 47

    ตอนที่ 3  ผู้มาเยือน

    ตั้งแต่เฮอร์ไมโอนี่ไปเยี่ยมมัลฟอยกลับมาเธอก็หน้าบานทั้งวัน  จะไม่ให้ดีใจได้ยังไงล่ะ  ก็มัลฟอยออกปากปกป้องเธอซะขนาดนั้น  ยิ่งเฮอร์ไมโอนี่คิดถึงตรงที่เขาบอกกับแพนซี่ว่าเขารักเธอนั้นเธอยิ่งดีใจเข้าไปใหญ่  เพราะเธอไม่นึกว่าคนอย่างมัลฟอยจะยอมรับกับคนอื่นว่าเขารักเลือดสีโคลนอย่างเธอ  แต่พอคิดมาถึงตรงนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ชักเริ่มกังวลเพราะคำพูดที่แพนซี่ทิ้งเอาไว้  ‘ แล้วเราจะได้เห็นดีกัน ’ เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแพนซี่ต้องการทำอะไร  แต่อย่างแพนซี่แล้วก็ต้องหาทางแก้แค้นเธอเป็นแน่

    จากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น  แพนซี่ไม่ได้มาหาเรื่องเธอแต่อย่างใด  ทุกอย่างนั้นก็เป็นปกติอย่างที่มันควรจะเป็น  ปกติเกินไปด้วยซ้ำ  ทั้งเรื่องแพนซี่และเรื่องผู้เสพความตายที่แหกคุกออกมา  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตได้ว่าแฮร์รี่นั้นดูกังวล  เพียงแต่เขาแสร้งทำตัวปกติต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น   แต่มันอาจจะเป็นอย่างที่แฮร์รี่ว่าจริง ๆ ก็ได้  โวล์เดอร์มอร์จะทำอะไรเขาไม่ได้ตราบที่ดัมเบิลดอร์ยังอยู่ที่นี่

    และวันนี้ในเวลาอาหารค่ำ แฮร์รี่  รอน  และเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาในห้องโถงที่เต็มไปด้วยผู้คนเพราะใกล้เวลาทานอาหารเย็นแล้ว  แต่ในจานทองก็ยังไม่มีอาหารวางอยู่

    “อะไรกันเนี่ย!”  รอนร้องออกมามองจานทองที่ว่างเปล่าอย่างผิดหวัง  อาจเป็นเพราะเขาเพิ่งกลับจากซ้อมควิดดิชมาด้วย  จึงทำให้เขาหิวกว่าเดิมหลายเท่า

    “เอาล่ะทุกคนฟังทางนี้”  ศาสตรจารย์มักกอนนากัลพูด  เธอยืนอยู่ข้าง ๆ ศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์

    “ฉันคิดว่าฉันมีเรื่องที่สมควรจะแจ้งให้พวกเธอทราบ”  ดัมเบิลดอร์เริ่มพูด  และทั้งท้องโถงก็เงียบกริบ

    “เนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้”  ดัมเบิลดอร์เอ่ย  มองนักเรียนทั้งห้องโถงลอดแว่นรูปจันทร์เสี้ยวของเขา

    “เรามาทายกันดีกว่าว่าเหตุการณ์อะไร”  รอนพูดกับแฮร์รี่  ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็รู้คำตอบอยู่แล้ว

    “ฉันว่าพวกเธอคงพอได้ยินข่าวกันมาบ้างแล้วนะ  คงไม่ต้องอธิบายอีกใช่ไหม”  ดัมเบิลดอร์มองมาที่รอนที่กำลังคุยเรื่องการแหกคุกหมู่กับแฮร์รี่  และเมื่อเขาเงียบดัมเบิลดอร์ก็พูดต่อ

    “หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นทางกระทรวงก็มีนโยบายให้เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น  โดยเฉพาะกับนักเรียนอย่างพวกเธอ  และทางกระทรวงก็ขอความร่วมมือจากเราในการคุ้มครองเยาวชนของเราไม่ให้ได้รับอันตรายจากผู้เสพความตาย”  ดัมเบิลดอร์พูดเสียงเรียบ

    “เพราะฉะนั้นเลยมีคำสั่งออกมาใช้ฮอกวอต์เป็นสนามสอบ ว.พ.ร.ส. และ ส.พ.บ.ส.”

    “ปกติเขาก็ใช้ที่นี่เป็นสนามสอบอยู่แล้วนี่”  รอนพูดแต่เมื่อเขาเห็นสายตาขุ่นเขียวที่ศาสตรจารย์มักกอนนากัลส่งมา  เขาก็ยอมเงียบแต่โดยดี

    “ดังนั้นโรงเรียนของเราจำเป็นที่จะต้องต้อนรับนักเรียนจากต่างโรงเรียน  เพื่อมาทำการเรียนการสอน  และการสอบทั้งสองระดับ” เมื่อเขาพูดจบก็มีเสียงซุบซิบดังขึ้นทั่วห้องโถง

    “แต่พวกเราทุกคนไม่ต้องแปลกใจ  เพราะนักเรียนที่จะมาเรียนและสอบร่วมกับเรานั้น  มาจากโรงเรียนที่พวกเธอรู้จักดี”  ดัมเบิลดอร์พูดต่อไป

    “ฉันขอต้อนรับนักเรียนจากเดิร์มแสตรงค์และโบซ์บาตง”  ดัมเบิลดอร์ประกาศและผายมือออกไปทางประตูห้องโถง  และเมื่อประตูเปิดขึ้นนักเรียนจากทั้งสองโรงเรียนก็เดินเรียงแถวเข้ามาในห้องโถง  ท่ามกลางสายตาของนักเรียนฮอกวอต์ทุกคนที่มองอย่างสนอกสนใจ

    “นักเรียนที่จะมาอยู่กับเราตลอดภาคเรียนที่เหลืออยู่นี้มีเฉพาะนักเรียนชั้นปีที่ 5 และ 7 หรือก็คือเฉพาะนักเรียนที่จะทำการสอบ ว.พ.ร.ส.  และ  ส.พ.บ.ส.  เท่านั้น”  ดัมเบิลดอร์พูดเขามองไปทางนักเรียนจากเดิร์มแตรงค์และโบซ์บาตงที่ยืนอยู่

    “ฉันขอให้พวกเธอทำการต้อนรับเขาอย่างดีอย่างเช่นปีที่แล้ว  และขอให้พวกเธอจำเอาไว้ว่าพวกเธอทุกคนคือเพื่อนกัน  ให้ช่วยเหลือกันและคิดซะว่าพวกเราก็เปรียบเหมือนนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน  เอาล่ะต่อไปศาสตราจารย์มักกอนนากัลมีอะไรจะพูด”  ดัมเบิลดอร์พูดจบก็นั่งลง  ส่วนศาสตราจารย์มักกอนนากัล  ก้าวมาข้างหน้าพร้อมถือแป้นสูงและหมวกคัดสรรมาด้วย

    “นี่ถ้าต้องคัดสรรกันทีละคน  แล้วเมื่อไหร่ฉันจะไหร่กินล่ะ”  รอนบ่นเอามือลูบท้องที่ร้องครวญครางของเขา  และก็เหมือนกับว่าศาสตราจาย์มักกอนนากัลจะได้ยินทีเขาพูด  เธอกระแอมออกมาทีนึงก่อนที่จะพูดว่า

    “ฉันจะขอบอกไว้ว่าเราจะไม่มีการคัดสรรนักเรียนเข้าบ้านใด ๆ อย่างที่พวกเธอคิด  นักเรียนจากเดิร์มแสตรงค์และโบซ์บาตงนั้นจะไอ้อาศัยอยู่กับพวกเพื่อน ๆ โรงเรียนเดียวกับเขา  ซึ่งเราได้จัดหาสถานที่ไว้ให้แล้ว  แต่พวกเขาก็ยังจะได้ทานอาหารพร้อมพวกเธอ  และทำกิจกรรมหลายอย่างร่วมกับพวกเธอ”  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดเสียงเรียบ

    “แต่ตอนนี้ที่ฉันต้องการก็คือการคัดสรรเพื่อหาหัวหน้า  หรือก็คือพรีเฟ็คนั่นเอง  หมวกคัดสรรจะเลือกนักเรียนที่เหมาะสมที่สุดจากแต่ละโรงเรียนเพียงคนเดียวเท่านั้น  และเขาก็จะมาเป็นหัวหน้าที่จะมารับผิดชอบและดูแลพวกเธอระหว่างที่พวกเธออยู่ที่นี่”  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดมองไปที่นักเรียนจากเดิร์มแสตรงค์และโบซ์บาตง

    “เอาล่ะ  ฉันจะเริ่มการคัดสรรนักเรียนจากโบซ์บาตงก่อนแล้วกัน”  และเมื่อเธอพูดจบเธอก็เอารายชื่อในมือวางบนแป้นสูง  และวางหมวกคัดสรรทับอีกทีหนึ่ง  สายตาของทุกคนในห้องโถง ( รวมทั้งนักเรียนเดิร์มแสตงค์และโบซ์บาตงด้วย )  ต่างจ้องมองมาที่หมวกคัดสรรที่กำลังทำท่าเหมือนครุ่นคิดอยู่

    “ยากจริง ๆ ที่จะหาคนที่เหมาะสมได้  ยากมาก ๆ แต่ฉันว่าฉันเจอแล้วล่ะ”  หมวกคัดสรรพึมพำ

    “มิสซิลเวีย  เดอ  เวซอง”  มันร้องออกมา  และก็มีเสียงเซ็งแซ่ขึ้นมาจากทางนักเรียนโบซ์บาตง

    “เชิญมิสเดอ เวซองออกมาข้างหน้านี่”  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด  ชี้มาทางที่เธอยืนอยู่

    และแล้วก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่มนักเรียนโบซ์บาตง  เธอเดินผ่านโต๊ะกริฟฟินดอร์ไป  เท่าที่เฮอร์ไมโอนี่สังเกตเธอเป็นผู้หญิงที่สูงทีเดียว  รูปร่างของเธอนั้นผอมเพรียวอย่างนางแบบ  ผมสีดำขลับยาวถึงกลางหลัง  พลิ้วไหวไปตามจังหวะที่เธอเดิน  ดวงตาของเธอเป็นสีน้ำเงินเหมือนสีของทะเลสาบ  มันดูลึกลับยากที่จะหยั่งถึง  รูปหน้าของเธอนั้นเรียวสวย  เครื่องหน้าของเธอเรียงตัวกันอย่างงดงามและดูลงตัวที่สุด  ผิวเธอก็ขาวราวกับไข่มุก  เฮอร์ไมโอนี่นึกไปถึง  เฟลอร์  เดอ  ลากูร์  เด็กสาวที่เคยแข่งประลองเวทย์ไตรภาคีเมื่อปีก่อน  เธอยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้สวยไม่แพ้เฟลอร์หรือพวกวีล่าเลย

    เมื่อซิลเวียเดินมาถึงด้านหน้าของห้องโถง  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็เอากระดาษอีกแผ่นในมือไปวางบนแป้นสูงแทนรายชื่อนักเรียนจากโบซ์บาตง  และหมวกคัดสรรก็เริ่มครุ่นคิดอีกครั้ง

    “อืม  อันนี้ก็ยากไม่แพ้กัน  เพราะมีคนที่มีคุณสมบัติพอเยอะทีเดียว  แต่ฉันต้องเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด  อืม  ฉันรู้แล้วว่าใคร”  หมวกคัดสรรพึมพำ  ส่วนพวกนักเรียนคนอื่น ๆ ก็ตั้งใจฟังอย่างดี

    “ไรอัน  ครัม”  หมวกคัดสรรร้องออกมาท่ามกลางความตกตะลึงของนักเรียนทั่วทั้งห้องโถง  โดยเฉพาะเฮอร์ไมโอนี่  สาเหตุก็มาจากนามสกุลของเขาที่ดันไปเหมือนกับวิคเตอร์  ครัม  เด็กชายจากเดิร์มแสตรงค์ที่เคยเป็นคู่กับเธอในงานเต้นรำเมื่อปีก่อนน่ะสิ

    “เชิญมิสเตอร์ครัมออกมาข้างหน้านี่หน่อย”  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด

    และเมื่อเขาเดินออกมาจากกลุ่มนักเรียนเดิร์มแสตรงค์นั้นก็มีสายตาทุกคู่ในห้องโถงจ้องมองมาทางเขา  แต่เขาไม่ได้แสดงอาการประหม่าออกมาแต่อย่างใด  เขาเดินไปยืนข้างซิลเวียด้วยท่าทีมั่นใจ  และก็ไม่สนใจสายตาหรือเสียงซุบซิบที่ดังขึ้นตามหลังเขาไปติด ๆ เลย

    เมื่อปีก่อนตอนที่วิคเตอร์มาอยู่ที่นี่นั้น  เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าอาการ ‘ วิคเตอร์  ฟีเวอร์ ’ ( อันนี้เฮอร์ไมโอนี่ตั้งขึ้นเอง ) ที่เกิดขึ้นในฮอกวอต์นั้นรุนแรงแล้ว  แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันกำลังจะกลับมาอีกรอบ  อาจจะรุนแรงกว่าเก่าด้วยซ้ำ  เพราะว่าดู ๆ ไปแล้วไรอันนั้นก็หล่อกว่าวิคเตอร์มากทีเดียว  ใบหน้าของเขาคมคาย  รูปร่างสูงแต่กำยำ  ผมสีน้ำตาลเข้มเช่นเดียวกับแววตาของเขา  และเฮอร์ไมโอนี่ก็สังเกตเห็นสาว ๆ  โต๊ะกริฟฟินดอร์  ( รวมทั้งลาเวนเดอร์และปาราวตี )  ทำสีหน้าเคลิบเคลิ้มมองไรอันไม่วางตา  

    “เอาล่ะ  หมวกคัดสรรได้เลือกเธอทั้งสองคนแล้ว  สำหรับตำแหน่งหัวหน้าของนักเรียนโบซ์บาตงและเดิร์มแสตรงค์  พวกเธอมีหน้าที่ดูแลและรับผิดชอบเพื่อน ๆ ของพวกเธอตลอดเวลาที่พวกเขาอยู่ที่นี่  หรือจนกว่าจะจบภาคเรียนนี้  พวกเธอมีอำนาจเหมือนพรีเฟ็ค  คือสามารถตักเตือนเมื่อคนอื่นทำผิดได้  แม้เขาจะไม่ใช่นักเรียนโรงเรียนเดียวกับเธอก็ตาม  มันอาจจะเป็นภาระที่หนักสักหน่อยนะ  แต่อย่างที่หมวกคัดสรรพูด  พวกเธอคือคนที่เหมาะสมที่สุดในการทำหน้าที่นี้ พวกเธอเต็มใจที่จะรับตำแหน่งนี้ไหม”  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถาม  มองไปที่พวกเขาทั้งสองคน

    “เต็มใจครับ”  ไรอันตอบด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

    “เต็มใจค่ะ”  ซิลเวียก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่กังวาลใส  และกระตือรือล้นเช่นเดียวกัน

    “เอาล่ะงั้นการคัดสรรก็สิ้นสุด  พวกเธอสองคนหลังทานอาหารเสร็จแล้วไปพบฉันที่ห้องทำงาน  รวมทั้งพวกพรีเฟ็คด้วย”  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลบอกพลางเก็บหมวกคัดสรรกับแป้นสูงไป

    “เอาล่ะ  ทานได้แล้ว  เอ้อฉันลืมไป”  ดัมเบิลดอร์พูดมองไปที่นักเรียนโบซ์บาตงและเดิร์มแสตรงค์ที่ยังยืนอยู่  และเขาก็โบกไม้กายสิทธ์  โต๊ะอาหารขนาดใหญ่เท่าโต๊ะอาหารประจำบ้านต่าง ๆ ก็ปรากฏขึ้นเป็นแนวขวางกับโต๊ะที่มีอยู่เดิมทั้งสี่  และบนโต็ะก็มีอาหารจำนวนมากอยู่บนจานทอง

    “อาจจะขลุกขลักซักนิดหน่อยนะ  เอาเป็นว่าเชิญพวกเธอนั่งและทานได้เลย”  พอดัมเบิลดอร์พูดจบนักเรียนจากเดิร์มแสตรงคและโบซ์บาตงก็นั่งลงบนโต๊ะ  พร้อม ๆ กับที่นักเรียนคนอื่น ๆ เริ่มจัดการกับอาหาร



    หลังจากทานอาหารเสร็จเฮอร์ไมโอนี่ต้องไปพบศาสตราจารย์มักกอนนากัลที่ห้องทำงานของเธอ  และก็คงไม่ใช่เรื่องอื่นนอกจากเรื่องนักเรียนจากเดิร์มแสตรงค์และโบซ์บาตง  

    “เธอกินเสร็จหรือยังรอน” เฮอร์ไมโอนี่ถามขณะเอากระเป๋าพาดบนบ่า

    “เอออะอีบไอไอ๋อ่ะ  เอออายโออี่”  รอนพูดขณะเคี้ยวแกะอบอยู่  ส่วนเฮอร์ไมโอทำหน้าประมาณว่า       ‘ เธอจะพูดภาษาคนให้ฉันฟังหน่อยได้ไหม ’

    “รอนบอกว่าเธอจะรีบไปไหนน่ะ  เฮอร์ไมโอนี่”  แฮร์รี่แปลให้  เหมือนกับว่าเขาได้กลิ่นสงครามที่มันไม่ได้เกิดขึ้นมานานอีกครั้ง

    “ก็เราต้องไปหาอาจารย์ไง  เธอไม่ได้ฟังที่มักกอนนากัลพูดเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเสียงเขียว  ส่วนรอนนั้นก็ยังคงกินต่อ  อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

    “งั้นฉันไปคนเดียวก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างอารมณ์เสีย  เธอเดินปึงปังออกจากห้องโถงไป

    และที่หน้าห้องโถงเธอก็ได้พบใครบางคน

    “เป็นอะไรหน้าบูดเชียว”  เสียงยานคางดังขึ้น  ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าเป็นใคร

    มัลฟอยที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องโถงทักเฮอร์ไมโอนี่  วันนี้เขาไม่ได้มีลูกน้องร่างยักษ์  แครบกับกอยล์คอยติดตามเหมือนแต่ก่อน

    “อยู่คนเดียวเหรอ  แล้วพรรคพวกนายล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  

    “ฉันบอกให้พวกมันกลับไปแล้ว  คอยตามฉันอยู่ได้  น่ารำคาญ”  มัลฟอยพูดอย่างไม่ใส่ใจ  

    “แล้วนายจะไปไหนล่ะ  มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเดินไปตามระเบียง

    “น่ะ  อย่างนี้ต้องลงโทษซะแล้ว”  มัลฟอยพูดเสียงเจ้าเล่ห์  เดินเข้ามาใกล้เฮอร์ไมโอนี่

    “อย่ามัลฟอย  นี่มันระเบียงทางเดินนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องแต่มัลฟอยไม่สนใจที่เธอพูด  เขายิ่งขยับเข้ามาใกล้เธออีก  จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่เอาไม้กายสิทธิ์ของเธอชี้ไว้ที่เขาเขาจึงยอมหยุด

    “ดุจังนะ  เอ้าแล้วเธอจะไปไหนเนี่ยเกรนเจอร์”  มัลฟอยเปลี่ยนมาเรียกนามสกุลเธอแทนท่าทางน้อยใจ

    “ฉันก็จะไปหาศาสตราจารย์มักกอนนากัลน่ะสิ  นายก็ต้องไปเหมือนกันนี่” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    “เออจริงสิ  งั้นไปด้วยกันเลยนะ”  มัลฟอยพูดพร้อมกับเอามือโอบไหล่เธอ  แต่เขาก็กระโดดหลบแทบไม่ทันเมื่อเฮอร์ไมโอนี่จะโจมตีเขาด้วยคาถาจี้เส้น  และเมื่อถึงห้องทำงานของศาสตราจารย์มักกอนนากัล  ทั้งสองเข้าไปในห้องซึ่งมี  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลนั่งอยู่ตรงโต๊ะทำงานของเธอ  ส่วนซิลเวียและไรอันนั้นยืนอยู่ข้าง ๆ

    “ฉันนึกว่าพวกเธอจะตรงเวลากว่านี้ซะอีกนะ”  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด  ”แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ”

    “ยังไม่มาเลยค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  นี่พวกพรีเฟ็คที่เหลือไปไหนหมดนะ

    “เอาล่ะงั้นก็คุยกันแค่นี้ก็ได้  มิสเกรนเจอร์  มิสเตอร์มัลฟอย  ฉันขอแต่งตั้งเธอเลยและกันนะให้เธอทั้งสองคนทำหน้าที่ดูแลนักเรียนเดิร์มแสตรงค์และโบซ์บาตงระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่นี่”  สิ้นเสียงของศาสตราจารย์มักกอนนากัลมัลฟอยก็เถียงขึ้นมาทันที

    “ผมเนี่ยนะ  ทำไมต้องเป็นผมด้วย”  เขาบ่น

    “ฉันจะให้เธอทั้งสองคนทำงานร่วมกับมิสเดอ เวซอง  และมิสเตอร์ครัม”  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลไม่สนใจเขา  เธอพูดต่อไป

    “แต่”  มัลฟอยตั้งท่าจะเถียงแต่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลไม่ให้โอกาสเขาพูดต่อ

    “ฉันหวังว่าเธอคงจะทำหน้าที่อย่างดีนะ  พวกเธอทั้งสี่คนต้องทำงานร่วมกัน  แล้วถ้าเธอข้องใจว่าทำไมต้องเป็นเธอนะมิสเตอร์มัลฟอย  เพราะเธอเป็นพรีเฟ็ค  และเมื่อฉันได้มอบหน้าที่นี้ให้เธอแล้ว  ฉันก็คิดว่าเธอคงไม่ทำให้ฉันผิดหวังหรอกนะ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดอย่างรวดเร็ว  เธอมองไปที่มัลฟอยที่ทำหน้าเซ็ง ๆ

    “เอาเป็นว่าฉันจะให้พวกเธอทำความรู้จักกันก่อนแล้วกัน  ตอนนี้ฉันคิดว่าหมดธุระแล้วล่ะ”  เธอพูด  และพวกเขาทั้งสี่ก็เดินออกมาจากห้อง  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตื่นเต้นกับหน้าที่ ๆ ได้รับ  ส่วนมัลฟอยนั้นรู้สึกตรงกันข้ามกับเธอ

    “ยินดีที่ได้รู้จักนะ  ฉันเฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์  อยู่บ้านกริฟฟินดอร์” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงใส  ยื่นมือให้ซิลเวียจับ  แต่เธอกลับทำท่าลังเลอยู่นานกว่าจะยื่นมือมาจับมือเฮอร์ไมโอนี่อย่างรวดเร็วและก็เอามันไปเช็ดกับเสื้อคลุม  ราวกับว่ามือเธอเปื้อนอะไรเข้างั้นแหละ

    “ผมไรอัน  ยินดีที่รู้จัก  เฮอร์ไมโอนี่”  ไรอันจับมือเธอเขย่าอย่างแรง  พร้อมยิ้มกว้าง

    “พี่ผมเคยพูดถึงคุณให้ผมฟัง”  เขาบอกอย่างกระตือรือร้น

    “พี่เธอ  หรือว่าเธอจะเป็น” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ยิ้มอย่างดีใจ

    “ครับ  ผมเป็นน้องวิคเตอร์  ครัม  คุณเคยไปงานเต้ารำคู่กับพี่เมื่อปีก่อนใช่มั้ย”  ไรอันถาม  

    “ใช่ ๆ เธอเป็นน้องเค้างั้นเหรอ  แล้วตอนนี้เขาเป็นไงบ้างล่ะ  ฉันเคยเขียนจดหมายหาเขาอยู่”  แต่ไม่ทันที่บทสนทนาจะยืดยาวไปกว่านั้น  มันก็ถูกขัดด้วยน้ำเสียงยานคางตามแบบฉบับ

    “เธอจะคุยกันไปจนหอปิดเลยใช่มั้ย”  มัลฟอยถามมองไรอันอย่างไม่พอใจ

    “เอ่อ  แล้วนี่  เดรโก  มัลฟอย  เขาอยู่บ้านสลิธีริน” เฮอร์ไมโอนี่แนะนำมัลฟอยกับไรอัน  และซิลเวีย

    “เขาเป็นพรีเฟ็คเหมือนฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ  และมัลฟอยก็ดึงเธอมาโอบต่อหน้าทั้งสอง

    “ไม่บอกเขาไปด้วยล่ะว่าฉันเป็นแฟนเธอ”  มัลฟอยพูดส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นดิ้นออกจากอ้อมกอดของเขา

    “มัลฟอยนาย  ทำอย่างงี้ได้ไง” เฮอร์ไมโอนี่พูดรอดไรฟันเพราะไม่อยากให้คนอื่นได้ยิน

    “ฉันว่าฉันกลับหอดีกว่า”  ซิลเวียพูดออกมาอย่างหน่าย ๆ ซึ่งทำให้ทุกคนหันมามองเธอ

    “เอ่อ  อาจารย์ให้เธอพักอยู่ที่ไหนล่ะ  ฉันไปส่งไหมเธอเพิ่งเดี๋ยวจะหลงทางเอาได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับเธออย่างเป็นมิตร  แต่ซิลเวียกลับทำหน้าเฉยชา

    “ไม่ต้อง  ฉันกลับเองได้”  ซิลเวียพูด

    “แต่  เธออาจจะหลงได้นะ” เฮอร์ไมโอนี่แย้ง  ฮอกวอตส์น่ะไม่ใช่เล็ก ๆ เลยนะ

    “ฉันบอกว่าฉันไปเองได้ไง  ฉันไม่อยากจะยุ่งกับพวกเลือดสีโคลนอย่างเธอเท่าไหร่หรอกนะ”  ซิลเวียพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจ  และมองเฮอร์ไมโอนี่ตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “นี่พูดจาดี ๆ หน่อยนะ”  มัลฟอยเข้ามาปกป้องเธอ  ส่วนไรอันทำหน้าไม่พอใจ  แต่ซิลเวียดูไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด  เธอมองพวกเขาด้วยหางตาแวบนึงก่อนที่จะเดินจากไป

    “เอาเถอะอย่าไปว่าเขาเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมา  มองดูซิลเวียเดินลับตาไปด้วยท่าทีปลง  ๆ

    “แต่ยัยนั่นเรียกเธอว่า”  มัลฟอยทำท่าจะเถียง

    “ทีเธอก็ยังเคยเรียกเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เมื่อมัลฟอยได้ยินเขาก็ยอมเงียบโดยดี

    “ใกล้เวลาหอปิดแล้ว  ฉันไปส่งเธอที่หอดีกว่า”  มัลฟอยพูด  

    “แล้วไรอันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แย้งมองไปทางไรอัน  “เขาไม่รู้ทางในฮอกวอตส์นะ”  

    “ไม่เป็นไรผมกลับเองได้  ไม่ต้องห่วงหรอก”  ไรอันพูดกับเธอ  เขายิ้มกว้างตามแบบของเขา

    “เหรอ  งั้นราตรีสวัสดิ์นะ” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา

    “ครับราตรีสวัสดิ์”  ไรอันตอบ  เมื่อเขาพูดจบมัลฟอยก็คว้าตัวเฮอร์ไมโอนี่มาโอบและพาเธอเดินออกจากตรงนั้น

    “พรุ่งนี้เจอกันครับ”  ไรอันตะโกนบอกเธอ  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่ยิ้มรับเมื่อเห็นอย่างนั้นมัลฟอยยิ่งรีบลากเธอออกจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×