ลำดับตอนที่ #13
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ความสัมพันธ์ขาดสะบั้น
ตอนที่ 13  ความสัมพันธ์ขาดสะบั้น
เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปที่ห้องสมุดทันทีแทนที่จะไปกินข้าว  ถึงแม้เธอจะไม่มีอารมณ์จะอ่านหนังสือก็ตาม  แต่ถึงเธออยู่ที่ห้องโถงเธอก็ไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเช่นกัน
เฮอร์ไมโอนี่เดินไล่ไปตามชั้นหนังสืออย่างเหม่อลอย  แววตาของเธอไม่ได้จับจ้องเจ้าวัตถุสี่เหลี่ยมที่ถูกจัดวางเรียงบนชั้นอย่างสวยงามอย่างที่เธอควรจะทำแต่อย่างใด  แต่แววตาของเธอก็ไม่ได้จับจ้องที่อะไรเลย  มันเหม่อลอยราวกับไร้สติ  เธอเดินไปตามชั้นหนังสือเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่เขาหวงห้ามที่มีลูกกรงกั้นอย่างแน่นหนาโดยที่ไม่รู้ตัว  เฮอร์ไมโอนี่มองเข้าไปข้างในเขตหวงห้าม  เรื่องราวที่เคยผ่านไปได้ไม่นานนักก็กลับมาเด่นชัดในความทรงจำของเธออีกครั้ง
เธอคงคิดสินะว่าฉันตั้งใจจะขโมยคนรักของเธอ  แต่ขอให้คิดใหม่ได้เลยนะเพราะว่าเดรโกน่ะไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจำไว้นะว่าฉันรักเธอเกรนเจอร์
ใบลอเรนซ์ก็แปลว่า ‘ ชัยชนะ ’ ยังไงล่ะ
ก็ได้  เกรนเจอร์
ถ้าเธอต้องการ  ก็ได้!
และแล้วน้ำตาใส ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ก็รินเอ่อดวงตาคู่สวยนั้น  เธอรีบปาดมันทิ้งในทันที 
เธอต้องไม่ร้องไห้  เฮอร์ไมโอนี่
ต้องไม่ร้องไห้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้!
เฮอร์ไมโอนี่สั่งตัวเองอย่างลำบากยากเย็น
หลังจากเลือกหนังสือที่นี่สนใจได้ราว 2 3 เล่มแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ก็ยืมมันมาจากห้องสมุดและกะจะกลับไปอ่านที่ห้องนั่งเล่นรวมเพราะที่ห้องสมุดนั้นมีคนพลุกพล่านจนเธอออาจจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ( วันนี้เป็นวันอาทิตย์คนจึงมาเข้าห้องสมุดเยอะ ) แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่คิดอีกทีถ้าเธอกลับไปที่ห้องสมุดเธอคงจะต้องเจอแฮร์รี่  กับรอนเป็นแน่  เพราะว่าตอนนี้การแข่งควิดดิชก็เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดแล้ว  แอนเจลิน่าจึงให้พวกเขาพักซ้อมได้ชั่วคราว  ( รอนนั้นดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ) ซึ่งเมื่อเจอทั้งสองคนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ขี้เกียจที่จะตอบคำถามซ้ำซากอีก ( ต้องคอยพูดว่า ’ ฉันไม่เป็นไร ’ ) โดยเฉพาะแฮร์รี่ที่รู้เรื่องของเธอกับมัลฟอยดีกว่ารอน    ( ที่ไม่รู้อะไรเลย ) เฮอร์ไมโอนี่จึงไม่อยากเสียงที่จะถูกถามในเรื่องที่เธอไม่อยากพูดถึงมันอีก  เธอเลยตัดสินใจที่จะตรงไปที่ทะเลสาปแทน
เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงข้าง ๆ ต้นบีชริมทะเลสาป  ถึงแม้อากาศนอกปราสาทจะหนาวเย็นไปหน่อยแต่ก็เงียบสงบดีกว่าที่ไหน ๆ เฮอร์ไมโอนี่เอาหนังสือเล่มหนึ่งมากางมันมีชื่อว่า ‘ ประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ในโลกยุคกลาง ’ และเริ่มอ่าน  สายลมอ่อน ๆ แต่หนาวเหน็บพัดมาปะทะที่ตัวเด็กสาวเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่เอามือลูบแขน  “น่าจะเอาเสื้อหนาวลงมาด้วย” เธอคิด  และทันใดนั้นเองก็มีร่าง ๆ หนึ่งมายืนอยู่ใกล้ ๆ เธอ  เขายืนพิงต้นไม้อยู่อย่างสบายอารมณ์  หากแต่ในมือมีเสื้อโค้ชตัวใหญ่
“ใส่ซะสิ” เสียงยานคางที่คุ้นเคยดังขึ้น  มันออกมาจากริมฝีปากเรียวที่ดูซีดกว่าทุกวัน
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานอย่างตกใจ  แววตาก็มองมัลฟอยที่สวมเพียงแค่เสื้อยืดกับเสื้อสแวตเตอร์  เพราะเขาเอาเสื้อของเขามายื่นให้เธอ  แต่เธอก็ไม่ได้รับมันมาสวมแต่อย่างใด
“ฉันนั่งด้วยได้ไหม” เขาเอ่ยแต่ไม่ทันที่เธอจะอนุญาติ  มัลฟอยก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เธอหลังพิงต้นบีช
“ใครให้นายนั่งน่ะ  ลุกไปเลยนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาด
“แค่ขอนั่งไม่ได้รึไง” มัลฟอยพูด  ดูงง ๆ กับท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่ “ไม่ให้นั่งนี่หรือว่า  จะให้นั่งตักเธอแทน” เขาพูดอย่างกวนอารมณ์พร้อมกับส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เธอ
“เงียบไปเลยนะมัลฟอย  นายมัน ” เฮอร์ไมโอนี่ตั้งท่าจะด่าเขา  แต่เธอก็คิดได้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะไปด่าว่าคนที่ไม่มีท่าที่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเธอ
“ได้  ถ้านายไม่ไปฉันไปเอง!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแข็งพลางหอบหนังสือทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนและลุกขึ้นยืน  “เดี๋ยวเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด  ฉุดแขนเด็กสาวไว้ “เธอจะไปจริง ๆ เหรอเกรนเจอร์” เขาถาม
“ก็จริงน่ะสิ  ปล่อยฉัน!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดพร้อมกับสะบัดมือมัลฟอยออก  แต่เขาไม่ยอมปล่อยมือเธอ
“เธอรังเกียจฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ  เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดเสียงเศร้า  ใบหน้าซีดเซียวของเขานั้นมีความรู้สึกผิดแฝงอยู่  เฮอร์ไมโอนี่อึ้งกับคำพูดเขา
“นายต่างหากมัลฟอย  นายต่างหากที่รังเกียจฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดพยายามแกะมือเขาออกจากแขนเธอ  ซึ่งคราวนี้มัลฟอยยอมปล่อยเธอแต่โดยดี “นายเองไม่ใช่เหรอที่รังเกียจเลือดสีโคลนอย่างฉันนักหนา  ทำไมไม่เอาเวลาอันแสนมีค่าของนายไปอยู่กับแม่คู่หมั้นเลือดบริสุทธ์ของนายล่ะมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ประชดเขา  ส่วนมัลฟอยนั้นไม่ได้ทำอะไรนอกจากนิ่งเงียบ  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เห็นเช่นนั้น  เธอก็กำลังจะเดินขึ้นไปที่ปราสาท
“ฉันขอโทษ  เกรนเจอร์” คำพูดของมัลฟอยนั้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับชะงัก  ก็มัลฟอยเคยพูดขอโทษเธอจริง ๆ จัง  ๆ ซักกี่ครั้งเชียวล่ะ  แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงนิ่งเงียบ  เธอปล่อยให้มัลฟอยพูดต่อไป
“ฉันหึงเธอ” มัลฟอยพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ฉันไม่พอใจที่เธอเป็นห่วงเจ้าวีสลีย์นั่น  จนไล่ฉันออกจากห้อง”
“รอนเป็นเพื่อนรักฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  ไม่อยากเชื่อว่ามัลฟอยจะคิดมากขนาดนี้ 
“และเธอก็เป็นห่วงมันมาก” เขาพูดน้ำเสียงน้อยใจ
“ก็นายเป็นคนสาปรอนเองนะมัลฟอย  ฉันจะไม่ห่วงเขาได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา
“แต่ที่เธอทำอย่างนั้นกับฉัน” มัลฟอยพูดมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีซีดของเขา “เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไง” มัลฟอยยังคงพูดต่อไป  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่รู้เลยว่าเธอควรจะพูดอะไรออกไปดี
“แล้วยิ่งเรื่องไอ้เจ้าครัมนั่นอีก”  มัลฟอยพูดกัดริมฝีปากอย่างเคียดแค้น
“ไรอันเป็นเพื่อนฉัน” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา  ดูหนักใจไม่น้อยกับการหึงไม่เลือกหน้าของมัลฟอย
“แล้วถ้ามันไม่ได้คิดอย่างเดียวกับเธอล่ะ” มัลฟอยพูด
“แล้วฉันจะทำยังไงได้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมา  ทำไมเขาถึงไม่ยอมเข้าใจอะไรบ้างนะ
“แปลว่าเธอจะยอมให้มันเป็นอย่างนี้เหรอ  เธอจะสนิมสนมกับมันไปอย่างนี้เหรอ” มัลฟอยพูดจากน้ำเสียงสังเกตได้ว่าอารมณ์เสียขึ้นมาอีกแล้ว
“แล้วเธอต้องการให้ฉันทำอะไรล่ะ  มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาอย่างรำคาญ “เธอจะให้ฉันเลิกคบกับไรอันเพียงเพราะเธอคิดว่าเขาจะไม่คิดกับฉันแค่เพื่อนงั้นเหรอ” 
“แล้วทำไมมันต้องมาสนิทสนมกับเธอด้วยล่ะ!” มัลฟอยเริ่มขึ้นเสียง
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันกับไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง “เป็นแค่เพื่อนกัน!”
“เพื่อน  เพื่อน  เพื่อน!” มัลฟอยคำรามอย่างเหลืออด “กับไอ้เจ้าวีสลีย์ก็บอกว่าเป็นเพื่อน  ไอ้เจ้าพอตเตอร์ก็เหมือนกันแล้วเป็นไงล่ะ  มันคิดกับเธอแค่เพื่อนไหม!”
“อย่าพาดพึงถึงแฮร์รี่นะมัลฟอย  เขาไม่เกี่ยว!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
“ไม่เกี่ยว!” มัลฟอยพึมพำรอดไรฟันออกมา “ใช่ซิปกป้องกันเข้าไป  ทั้งเจ้าพอตเตอร์  วีสลีย์  แล้วก็ไอ้เจ้าครัมนั่นด้วย” เขาตะโกน
“ทีนายล่ะมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเจ็บแค้นพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา “ทีนายยังไปสนิทกับยัยซิลเวียนั่นเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบือนหน้าหนีเขา
“เห็นตามติดกันไม่ห่าง  ขนาดยัยนั่นมาพูดจาถากถางฉัน  นายยังไม่เห็นพูดอะไรซักคำเลย!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนออกมา  น้ำตาของเธอไหลมาอย่างสุดกลั้น  เธอสุดจะทนกับความไร้เหตุผลของมัลฟอยแล้วจริง ๆ แล้วตอนนี้น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ก็ไหลอาบแก้มขาวเนียนของเธอ  และเมื่อมัลฟอยเห็นมันเขาก็เหมือนกับว่าจะรู้ตัวว่าเขาทำรุนแรงไปแล้ว
“เกรนเจอร์  ฉันขอโทษ” มัลฟอยเอ่ยตะกุกตะกัก  เขารู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูกทุกทีเวลาเฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้
เขายื่นมือจะไปซับน้ำตาให้เธอ หากแต่เด็กสาวปัดมือของเขาทิ้งซะก่อน
“เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดเหมือนวิงวอนให้เธอหันมาคุยกับเขา  แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นกลับทำในทางตรงกันข้าม  คือเบือนหน้าหนีเขา
“ฉันขอโทษเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดเดินเข้าไปหาเด็กสาวที่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่
“อย่ามายุ่งกับฉัน” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเสียงสั่นเครือ
“เกรนเจอร์  เธอโกรธฉันเหรอ” มัลฟอยถามเธอ  ซึ่งความจริงเขาก็น่าจะรู้คำตอบอยู่ดี
แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นกลับนิ่งเงียบ  ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่มัลฟอยถามเธอ
“เกรน ” มัลฟอยเดินเข้ามาข้างหน้าเธอ  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าอยู่  เธอเอามือปาดน้ำตา
“นายถาม .ใช่มั้ย .ว่าฉัน โกรธนายรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับเขา  พยายามจะควบคุมอารมณ์อย่างมาก  หากแต่เสียงที่มัลฟอยได้ยินนั้นกลับยังสั่นเทาอยู่
“แล้วนาย ก็ถาม ว่ารู้มั้ยว่านาย รู้สึกยังไงใช่มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่พูดไปเรื่อย ๆ พยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้มาก่อนพูดจบ “แล้วนายเคย ถามฉันมั้ยว่า ฉันรู้สึก ยังไงตอนที่นาย อยู่กับยัยซิลเวียนั่น!”
“เกรนเจอร์!” มัลฟอยพูดออกมาอย่างตกใจ  ราวกับเขาเพิ่งรู้ตัวว่าทำเด็กสาวเสียใจเพียงไร
“นายรู้ไหมว่าฉันเสียใจแค่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่พูด ครั้งนี้เสียงของเธอไม่สั่นแล้ว  หากแต่เธอกลับเบือนหน้าหนีสายตาของมัลฟอยที่จ้องหน้าเธออยู่
“ตอนที่นายไม่สนใจฉัน  ไม่แม้แต่จะมองตาฉันเลย!” เฮอร์ไมโอนี่ ระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลมาอีกรอบ
“เกรนเจอร์ฉันขอโทษ” มัลฟอยพูดด้วยแววตาสำนึกผิด  อีกทั้งยังสงสารเธอด้วย “ตอนนั้นฉันหึงเธอ  เธอก็รู้ว่าฉันอารมณ์ไม่ดี”
“งั้นเหรอ!” เฮอร์ไมโอนี่พูด “อารมณ์ไม่ดีก็เลยควง  ยัยนั่นมาให้ฉันเห็นตำตางั้นเหรอมัลฟอย!”
“ทีเธอยังมากับเจ้าครัมเลย” มัลฟอยพูดแก้ตัว  แต่มันยิ่งเหมือนกับเอาน้ำมันไปราดกองไฟมากกว่า
“นายจะหาว่าทั้งหมดเป็นเพราะฉันงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดน้ำตาคลอเอ่อ  เธอรีบเอามือปาดมันทิ้ง
“เกรนเจอร์ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” มัลฟอยรีบอธิบาย  แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีทีท่าว่าจะฟังเขาเลย
“ได้” เธอเอ่ยออกมาในที่สุด “ถ้านายคิดอย่างนั้นก็ได้มัลฟอย”
“ขอโทษด้วยและกันนะ  กับอะไรก็ตามที่ฉันทำไป” เฮอร์ไมโอนี่พูดประชดเขา “ขอโทษจริง ๆ !”
พอพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งกลับไปที่ปราสาทอย่างรวดเร็ว  เร็วเกินกว่าที่มัลฟอยจะได้กล่าวคำขอโทษหรือจะได้อธิบายอะไรด้วยซ้ำ
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งกลับไปที่ปราสาทอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงเรียกของมัลฟอยที่ตะโกนเรียกเธอมาจากทางทะเลสาปแม้สักนิดเดียว  ที่เธอต้องการตอนนี้คือให้พ้นจากตรงนั้น 
    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาในตัวปราสาทเธอก็หยุดวิ่ง  หอบหายใจอย่างรุนแรงเพราะความเหนื่อยและรู้สึกเจ็บซี่โครงจากการวิ่งเมื่อกี๊นี้  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเดินขึ้นบันได
“ว่าไงยัยเลือดสีโคลน!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงสลิธีรินกลุ่มใหญ่ยืนขวางทางอยู่  ส่วนเจ้าของเสียงนั้นก็ไม่ใช่ใคร  แพนซี่  พาร์กินสัน  นั่นเองเธอยืนอยู่ข้าง ๆ  มิลลิเซนด์  บัลสโตรด เด็กหญิงร่างใหญ่ที่เฮอร์ไมโอนี่เคยจับคู่ต่อสู้ด้วยในชมรมการสู้ตัวต่อตัวเมื่อปี 2
“ขอทางด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรำคาญ  นี่วันนี้เธอยังเจอเรื่องร้าย ๆ มาไม่พออีกเหรอไงนะ
“สงบเสงี่ยมเจียมตัวเชียวนะยัยเลือดสีโคลน” แพนซี่พูดขึ้นพร้อม ๆ กับมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาดูถูก
“วันนี้ไม่มีองค์รักษ์มาด้วยนี่” เสียงของนักเรียนบ้านสลิธีรินคนหนึ่งดังขึ้น
“ใช่  วันนี้แกไม่มีองค์รักษ์มาด้วย  เราจะทำยังไงกับแกก็ได้!” แพนซี่พูดขึ้นพร้อมกับหยิบไม้กายสิทธ์มาชี้ที่เฮอร์ไมโอนี่  แต่ช้าไปเสียแล้ว  เพราะตอนนี้เองก็มีร่าง ๆ หนึ่งชี้ไม้กายสิทธ์มาที่แพนซี่เช่นเดียวกัน
มัลฟอยนั่นเอง
“เดรโก!”  แพนซี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไว้ด้วยความตกใจ  ส่วนนักเรียนที่เหลือต่างมองการกระทำของมัลฟอยอย่างงง ๆ
“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยแพนซี่  ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก” มัลฟอยเอ่ยเสียงกร้าว  ชี้ปลายไม้กายสิทธิ์ของเขาไปที่ลำคอของแพนซี่
“ทำไม  เดรโก  ทำไมเธอต้องปกป้องมันอีกแล้ว” แพนซี่กรีดเสียงร้องออกมา  ส่วนมัลฟอยนั้นยังไม่ได้ลดไม้กายสิทธ์ลงแต่อย่างใด
“ฉันไม่ได้ปกป้องใคร  เธอต่างหากที่ผิดแพนซี่  เธอต่างหากที่มาหาเรื่องยัยนี่ก่อน” มัลฟอยพูด  และคำพูดของเขาก็สร้างความประหลาดใจอย่างมหาศาลให้กับทุก ๆ คนในที่นี้รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ด้วย
“เห็นไหม  ฉันบอกแล้วว่าเดรโกหลงยัยนี่  เธอหลงมันจนลืมเพื่อน  ลืมแม้กระทั่งสายเลือดตัวเอง!” แพนซี่ตะโกน  ส่วนมัลฟอยนั้นยิ่งได้ยินคำพูดของเธอเขายิ่งเดือดดาล
“ฉันไม่ได้หลงใคร!” มัลฟอยตวาด “เธอจะทำให้บ้านเราเสียคะแนนได้ถ้าหากคนที่มาเห็นไม่ใช่ฉัน”
“ไม่ได้หลง ใช่ซิ  เธอคงไม่รู้ตัวหรอกเดรโกว่าเธอน่ะหลงมันแค่ไหน”  แพนซี่พูดน้ำตาคลอเบ้า
“ฉันบอกแล้วไงพาร์กินสันว่าฉันไม่ได้หลงใคร!” มัลฟอยตะโกนก้อง  เสียงดังจนเด็กสลิธีรินทุกคนสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน “แล้วยัยนี่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันด้วย” มัลฟอยพูดเสียงเย็น
“ไม่จริง  เมื่อวันก่อนเธอยังบอกว่าเธอรักยัยนี่อยู่เลย” แพนซี่กรีดเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง  น้ำตาที่คลอเอ่อดวงตาบัดนี้ไหลอาบข้างแก้มของเธอ “เธอหลงมันจนทำร้ายฉัน!”
“ฉันไม่ได้รักยัยนี่!!!” มัลฟอยแผดเสียงดังกว่าเดิมจนแพนซี่สะดุ้งขึ้นอีกครั้ง  เขาหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาเย็นชา “ไม่เลยซักนิด” มัลฟอยกัดฟันพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับจิตใจของเขาโดยสิ้นเชิงออกไป  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด 
อีกแล้วรึนี่
เธอทำฉันเจ็บอีกแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่คิด
“จริงรึเดรโก”  แพนซี่พูดเสียงสั่น  ใบหน้าหงิกงอนั้นกลับมีรอยยิ้มขึ้นมาทันตา “เธอบอกว่าไม่รักยัยเลือดสีโคลนนี่จริงรึ”
“ใช่” มัลฟอยพูดเสียงเย็นเยียบค่อย ๆ ลดไม้กายสิทธ์ในมือลงช้า ๆ “ฉันไม่รักยัยนี่เลย” มัลฟอยพูดออกมาแต่ดวงตาของเขานั้นไม่ได้จ้องมองเฮอร์ไมโอนี่ในขณะที่พูดเลย  มันดูเหมือนเขาจงใจหลบตาเธอด้วยซ้ำ
“เดรโก!” แพนซี่พูดอย่างดีใจทำท่าจะกระโดดกอดเขาแต่มัลฟอยเบี่ยงตัวหลบทันท่วงที
“งั้นคงไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเย็น  มองมัลฟอยด้วยสายตาแข็งกร้าวหากแต่แฝงแววเศร้าเอาไว้
“นายพูดออกมาอย่างนี้ก็ดีมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันพูด  พยายามห้ามน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาจากดวงตาของเธอ  ท่ามกลางความงงงวยของเด็กสลิธีรินคนอื่น ๆ
“ทุกอย่างมันจะได้จบซักที” เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก
“เกรนเจอร์ ”
“ระหว่างฉันกับนายไม่มีอะไรเกี่ยวกันอีกแล้ว!” เฮอร์ไมโอนี่พูดรอดไรฟันออกมา  ถึงแม้เสียงจะแผ่วเบาแต่มัลฟอยกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน  ทุกถ้อยคำ!
ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร  ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไปนั้น  เฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งจากเขาไปแล้ว
มัลฟอยทำได้เพียงมองด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่ที่วิ่งไปตามทางเดินด้วยสายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน!
หวัดดีค่ะ  ช่วงนี้มีเวลาว่างเยอะเลยอัพได้เร็วหน่อยค่ะ อยากให้เพื่อน ๆ อ่านแล้วช่วยคอมเม้นกันมาเยอะ ๆ ได้ป่ะ จะได้ปรับปรุง หรือถ้ามีอะไรเข้ามาคุยกันได้นะ piksi_12@hotmail.com ( เมล์ที่ใช้อยู่ปัจจุบันจ๊ะ )
เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปที่ห้องสมุดทันทีแทนที่จะไปกินข้าว  ถึงแม้เธอจะไม่มีอารมณ์จะอ่านหนังสือก็ตาม  แต่ถึงเธออยู่ที่ห้องโถงเธอก็ไม่มีความรู้สึกอยากอาหารเช่นกัน
เฮอร์ไมโอนี่เดินไล่ไปตามชั้นหนังสืออย่างเหม่อลอย  แววตาของเธอไม่ได้จับจ้องเจ้าวัตถุสี่เหลี่ยมที่ถูกจัดวางเรียงบนชั้นอย่างสวยงามอย่างที่เธอควรจะทำแต่อย่างใด  แต่แววตาของเธอก็ไม่ได้จับจ้องที่อะไรเลย  มันเหม่อลอยราวกับไร้สติ  เธอเดินไปตามชั้นหนังสือเรื่อย ๆ จนมาหยุดที่เขาหวงห้ามที่มีลูกกรงกั้นอย่างแน่นหนาโดยที่ไม่รู้ตัว  เฮอร์ไมโอนี่มองเข้าไปข้างในเขตหวงห้าม  เรื่องราวที่เคยผ่านไปได้ไม่นานนักก็กลับมาเด่นชัดในความทรงจำของเธออีกครั้ง
เธอคงคิดสินะว่าฉันตั้งใจจะขโมยคนรักของเธอ  แต่ขอให้คิดใหม่ได้เลยนะเพราะว่าเดรโกน่ะไม่ได้เป็นของเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นจำไว้นะว่าฉันรักเธอเกรนเจอร์
ใบลอเรนซ์ก็แปลว่า ‘ ชัยชนะ ’ ยังไงล่ะ
ก็ได้  เกรนเจอร์
ถ้าเธอต้องการ  ก็ได้!
และแล้วน้ำตาใส ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ก็รินเอ่อดวงตาคู่สวยนั้น  เธอรีบปาดมันทิ้งในทันที 
เธอต้องไม่ร้องไห้  เฮอร์ไมโอนี่
ต้องไม่ร้องไห้เพียงเพราะเรื่องแค่นี้!
เฮอร์ไมโอนี่สั่งตัวเองอย่างลำบากยากเย็น
หลังจากเลือกหนังสือที่นี่สนใจได้ราว 2 3 เล่มแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ก็ยืมมันมาจากห้องสมุดและกะจะกลับไปอ่านที่ห้องนั่งเล่นรวมเพราะที่ห้องสมุดนั้นมีคนพลุกพล่านจนเธอออาจจะอ่านหนังสือไม่รู้เรื่อง ( วันนี้เป็นวันอาทิตย์คนจึงมาเข้าห้องสมุดเยอะ ) แต่เมื่อเฮอร์ไมโอนี่คิดอีกทีถ้าเธอกลับไปที่ห้องสมุดเธอคงจะต้องเจอแฮร์รี่  กับรอนเป็นแน่  เพราะว่าตอนนี้การแข่งควิดดิชก็เลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดแล้ว  แอนเจลิน่าจึงให้พวกเขาพักซ้อมได้ชั่วคราว  ( รอนนั้นดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต ) ซึ่งเมื่อเจอทั้งสองคนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็ขี้เกียจที่จะตอบคำถามซ้ำซากอีก ( ต้องคอยพูดว่า ’ ฉันไม่เป็นไร ’ ) โดยเฉพาะแฮร์รี่ที่รู้เรื่องของเธอกับมัลฟอยดีกว่ารอน    ( ที่ไม่รู้อะไรเลย ) เฮอร์ไมโอนี่จึงไม่อยากเสียงที่จะถูกถามในเรื่องที่เธอไม่อยากพูดถึงมันอีก  เธอเลยตัดสินใจที่จะตรงไปที่ทะเลสาปแทน
เฮอร์ไมโอนี่ทรุดตัวลงข้าง ๆ ต้นบีชริมทะเลสาป  ถึงแม้อากาศนอกปราสาทจะหนาวเย็นไปหน่อยแต่ก็เงียบสงบดีกว่าที่ไหน ๆ เฮอร์ไมโอนี่เอาหนังสือเล่มหนึ่งมากางมันมีชื่อว่า ‘ ประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ในโลกยุคกลาง ’ และเริ่มอ่าน  สายลมอ่อน ๆ แต่หนาวเหน็บพัดมาปะทะที่ตัวเด็กสาวเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่เอามือลูบแขน  “น่าจะเอาเสื้อหนาวลงมาด้วย” เธอคิด  และทันใดนั้นเองก็มีร่าง ๆ หนึ่งมายืนอยู่ใกล้ ๆ เธอ  เขายืนพิงต้นไม้อยู่อย่างสบายอารมณ์  หากแต่ในมือมีเสื้อโค้ชตัวใหญ่
“ใส่ซะสิ” เสียงยานคางที่คุ้นเคยดังขึ้น  มันออกมาจากริมฝีปากเรียวที่ดูซีดกว่าทุกวัน
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานอย่างตกใจ  แววตาก็มองมัลฟอยที่สวมเพียงแค่เสื้อยืดกับเสื้อสแวตเตอร์  เพราะเขาเอาเสื้อของเขามายื่นให้เธอ  แต่เธอก็ไม่ได้รับมันมาสวมแต่อย่างใด
“ฉันนั่งด้วยได้ไหม” เขาเอ่ยแต่ไม่ทันที่เธอจะอนุญาติ  มัลฟอยก็ทรุดตัวลงนั่งข้าง ๆ เธอหลังพิงต้นบีช
“ใครให้นายนั่งน่ะ  ลุกไปเลยนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาด
“แค่ขอนั่งไม่ได้รึไง” มัลฟอยพูด  ดูงง ๆ กับท่าทีของเฮอร์ไมโอนี่ “ไม่ให้นั่งนี่หรือว่า  จะให้นั่งตักเธอแทน” เขาพูดอย่างกวนอารมณ์พร้อมกับส่งรอยยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้เธอ
“เงียบไปเลยนะมัลฟอย  นายมัน ” เฮอร์ไมโอนี่ตั้งท่าจะด่าเขา  แต่เธอก็คิดได้ว่าเปล่าประโยชน์ที่จะไปด่าว่าคนที่ไม่มีท่าที่รู้สึกรู้สาอะไรกับคำพูดของเธอ
“ได้  ถ้านายไม่ไปฉันไปเอง!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงแข็งพลางหอบหนังสือทั้งหมดไว้ในอ้อมแขนและลุกขึ้นยืน  “เดี๋ยวเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด  ฉุดแขนเด็กสาวไว้ “เธอจะไปจริง ๆ เหรอเกรนเจอร์” เขาถาม
“ก็จริงน่ะสิ  ปล่อยฉัน!” เฮอร์ไมโอนี่ตวาดพร้อมกับสะบัดมือมัลฟอยออก  แต่เขาไม่ยอมปล่อยมือเธอ
“เธอรังเกียจฉันขนาดนั้นเชียวเหรอ  เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดเสียงเศร้า  ใบหน้าซีดเซียวของเขานั้นมีความรู้สึกผิดแฝงอยู่  เฮอร์ไมโอนี่อึ้งกับคำพูดเขา
“นายต่างหากมัลฟอย  นายต่างหากที่รังเกียจฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดพยายามแกะมือเขาออกจากแขนเธอ  ซึ่งคราวนี้มัลฟอยยอมปล่อยเธอแต่โดยดี “นายเองไม่ใช่เหรอที่รังเกียจเลือดสีโคลนอย่างฉันนักหนา  ทำไมไม่เอาเวลาอันแสนมีค่าของนายไปอยู่กับแม่คู่หมั้นเลือดบริสุทธ์ของนายล่ะมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ประชดเขา  ส่วนมัลฟอยนั้นไม่ได้ทำอะไรนอกจากนิ่งเงียบ  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เห็นเช่นนั้น  เธอก็กำลังจะเดินขึ้นไปที่ปราสาท
“ฉันขอโทษ  เกรนเจอร์” คำพูดของมัลฟอยนั้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับชะงัก  ก็มัลฟอยเคยพูดขอโทษเธอจริง ๆ จัง  ๆ ซักกี่ครั้งเชียวล่ะ  แต่เฮอร์ไมโอนี่ยังคงนิ่งเงียบ  เธอปล่อยให้มัลฟอยพูดต่อไป
“ฉันหึงเธอ” มัลฟอยพูดขึ้นอย่างช้า ๆ “ฉันไม่พอใจที่เธอเป็นห่วงเจ้าวีสลีย์นั่น  จนไล่ฉันออกจากห้อง”
“รอนเป็นเพื่อนรักฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  ไม่อยากเชื่อว่ามัลฟอยจะคิดมากขนาดนี้ 
“และเธอก็เป็นห่วงมันมาก” เขาพูดน้ำเสียงน้อยใจ
“ก็นายเป็นคนสาปรอนเองนะมัลฟอย  ฉันจะไม่ห่วงเขาได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา
“แต่ที่เธอทำอย่างนั้นกับฉัน” มัลฟอยพูดมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาสีซีดของเขา “เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกยังไง” มัลฟอยยังคงพูดต่อไป  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นไม่รู้เลยว่าเธอควรจะพูดอะไรออกไปดี
“แล้วยิ่งเรื่องไอ้เจ้าครัมนั่นอีก”  มัลฟอยพูดกัดริมฝีปากอย่างเคียดแค้น
“ไรอันเป็นเพื่อนฉัน” เฮอร์ไมโอนี่บอกเขา  ดูหนักใจไม่น้อยกับการหึงไม่เลือกหน้าของมัลฟอย
“แล้วถ้ามันไม่ได้คิดอย่างเดียวกับเธอล่ะ” มัลฟอยพูด
“แล้วฉันจะทำยังไงได้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องออกมา  ทำไมเขาถึงไม่ยอมเข้าใจอะไรบ้างนะ
“แปลว่าเธอจะยอมให้มันเป็นอย่างนี้เหรอ  เธอจะสนิมสนมกับมันไปอย่างนี้เหรอ” มัลฟอยพูดจากน้ำเสียงสังเกตได้ว่าอารมณ์เสียขึ้นมาอีกแล้ว
“แล้วเธอต้องการให้ฉันทำอะไรล่ะ  มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาอย่างรำคาญ “เธอจะให้ฉันเลิกคบกับไรอันเพียงเพราะเธอคิดว่าเขาจะไม่คิดกับฉันแค่เพื่อนงั้นเหรอ” 
“แล้วทำไมมันต้องมาสนิทสนมกับเธอด้วยล่ะ!” มัลฟอยเริ่มขึ้นเสียง
“ก็บอกแล้วไงว่าฉันกับไรอัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง “เป็นแค่เพื่อนกัน!”
“เพื่อน  เพื่อน  เพื่อน!” มัลฟอยคำรามอย่างเหลืออด “กับไอ้เจ้าวีสลีย์ก็บอกว่าเป็นเพื่อน  ไอ้เจ้าพอตเตอร์ก็เหมือนกันแล้วเป็นไงล่ะ  มันคิดกับเธอแค่เพื่อนไหม!”
“อย่าพาดพึงถึงแฮร์รี่นะมัลฟอย  เขาไม่เกี่ยว!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง
“ไม่เกี่ยว!” มัลฟอยพึมพำรอดไรฟันออกมา “ใช่ซิปกป้องกันเข้าไป  ทั้งเจ้าพอตเตอร์  วีสลีย์  แล้วก็ไอ้เจ้าครัมนั่นด้วย” เขาตะโกน
“ทีนายล่ะมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเจ็บแค้นพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา “ทีนายยังไปสนิทกับยัยซิลเวียนั่นเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบือนหน้าหนีเขา
“เห็นตามติดกันไม่ห่าง  ขนาดยัยนั่นมาพูดจาถากถางฉัน  นายยังไม่เห็นพูดอะไรซักคำเลย!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนออกมา  น้ำตาของเธอไหลมาอย่างสุดกลั้น  เธอสุดจะทนกับความไร้เหตุผลของมัลฟอยแล้วจริง ๆ แล้วตอนนี้น้ำตาของเฮอร์ไมโอนี่ก็ไหลอาบแก้มขาวเนียนของเธอ  และเมื่อมัลฟอยเห็นมันเขาก็เหมือนกับว่าจะรู้ตัวว่าเขาทำรุนแรงไปแล้ว
“เกรนเจอร์  ฉันขอโทษ” มัลฟอยเอ่ยตะกุกตะกัก  เขารู้สึกว่าทำอะไรไม่ถูกทุกทีเวลาเฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้
เขายื่นมือจะไปซับน้ำตาให้เธอ หากแต่เด็กสาวปัดมือของเขาทิ้งซะก่อน
“เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดเหมือนวิงวอนให้เธอหันมาคุยกับเขา  แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นกลับทำในทางตรงกันข้าม  คือเบือนหน้าหนีเขา
“ฉันขอโทษเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดเดินเข้าไปหาเด็กสาวที่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่
“อย่ามายุ่งกับฉัน” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยเสียงสั่นเครือ
“เกรนเจอร์  เธอโกรธฉันเหรอ” มัลฟอยถามเธอ  ซึ่งความจริงเขาก็น่าจะรู้คำตอบอยู่ดี
แต่เฮอร์ไมโอนี่นั้นกลับนิ่งเงียบ  ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่มัลฟอยถามเธอ
“เกรน ” มัลฟอยเดินเข้ามาข้างหน้าเธอ  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าอยู่  เธอเอามือปาดน้ำตา
“นายถาม .ใช่มั้ย .ว่าฉัน โกรธนายรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับเขา  พยายามจะควบคุมอารมณ์อย่างมาก  หากแต่เสียงที่มัลฟอยได้ยินนั้นกลับยังสั่นเทาอยู่
“แล้วนาย ก็ถาม ว่ารู้มั้ยว่านาย รู้สึกยังไงใช่มั้ย” เฮอร์ไมโอนี่พูดไปเรื่อย ๆ พยายามอย่างมากที่จะไม่ร้องไห้มาก่อนพูดจบ “แล้วนายเคย ถามฉันมั้ยว่า ฉันรู้สึก ยังไงตอนที่นาย อยู่กับยัยซิลเวียนั่น!”
“เกรนเจอร์!” มัลฟอยพูดออกมาอย่างตกใจ  ราวกับเขาเพิ่งรู้ตัวว่าทำเด็กสาวเสียใจเพียงไร
“นายรู้ไหมว่าฉันเสียใจแค่ไหน” เฮอร์ไมโอนี่พูด ครั้งนี้เสียงของเธอไม่สั่นแล้ว  หากแต่เธอกลับเบือนหน้าหนีสายตาของมัลฟอยที่จ้องหน้าเธออยู่
“ตอนที่นายไม่สนใจฉัน  ไม่แม้แต่จะมองตาฉันเลย!” เฮอร์ไมโอนี่ ระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อม ๆ กับน้ำตาที่ไหลมาอีกรอบ
“เกรนเจอร์ฉันขอโทษ” มัลฟอยพูดด้วยแววตาสำนึกผิด  อีกทั้งยังสงสารเธอด้วย “ตอนนั้นฉันหึงเธอ  เธอก็รู้ว่าฉันอารมณ์ไม่ดี”
“งั้นเหรอ!” เฮอร์ไมโอนี่พูด “อารมณ์ไม่ดีก็เลยควง  ยัยนั่นมาให้ฉันเห็นตำตางั้นเหรอมัลฟอย!”
“ทีเธอยังมากับเจ้าครัมเลย” มัลฟอยพูดแก้ตัว  แต่มันยิ่งเหมือนกับเอาน้ำมันไปราดกองไฟมากกว่า
“นายจะหาว่าทั้งหมดเป็นเพราะฉันงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดน้ำตาคลอเอ่อ  เธอรีบเอามือปาดมันทิ้ง
“เกรนเจอร์ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” มัลฟอยรีบอธิบาย  แต่เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีทีท่าว่าจะฟังเขาเลย
“ได้” เธอเอ่ยออกมาในที่สุด “ถ้านายคิดอย่างนั้นก็ได้มัลฟอย”
“ขอโทษด้วยและกันนะ  กับอะไรก็ตามที่ฉันทำไป” เฮอร์ไมโอนี่พูดประชดเขา “ขอโทษจริง ๆ !”
พอพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งกลับไปที่ปราสาทอย่างรวดเร็ว  เร็วเกินกว่าที่มัลฟอยจะได้กล่าวคำขอโทษหรือจะได้อธิบายอะไรด้วยซ้ำ
เฮอร์ไมโอนี่วิ่งกลับไปที่ปราสาทอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงเรียกของมัลฟอยที่ตะโกนเรียกเธอมาจากทางทะเลสาปแม้สักนิดเดียว  ที่เธอต้องการตอนนี้คือให้พ้นจากตรงนั้น 
    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาในตัวปราสาทเธอก็หยุดวิ่ง  หอบหายใจอย่างรุนแรงเพราะความเหนื่อยและรู้สึกเจ็บซี่โครงจากการวิ่งเมื่อกี๊นี้  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเดินขึ้นบันได
“ว่าไงยัยเลือดสีโคลน!” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นไปมองก็พบกับกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงสลิธีรินกลุ่มใหญ่ยืนขวางทางอยู่  ส่วนเจ้าของเสียงนั้นก็ไม่ใช่ใคร  แพนซี่  พาร์กินสัน  นั่นเองเธอยืนอยู่ข้าง ๆ  มิลลิเซนด์  บัลสโตรด เด็กหญิงร่างใหญ่ที่เฮอร์ไมโอนี่เคยจับคู่ต่อสู้ด้วยในชมรมการสู้ตัวต่อตัวเมื่อปี 2
“ขอทางด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรำคาญ  นี่วันนี้เธอยังเจอเรื่องร้าย ๆ มาไม่พออีกเหรอไงนะ
“สงบเสงี่ยมเจียมตัวเชียวนะยัยเลือดสีโคลน” แพนซี่พูดขึ้นพร้อม ๆ กับมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาดูถูก
“วันนี้ไม่มีองค์รักษ์มาด้วยนี่” เสียงของนักเรียนบ้านสลิธีรินคนหนึ่งดังขึ้น
“ใช่  วันนี้แกไม่มีองค์รักษ์มาด้วย  เราจะทำยังไงกับแกก็ได้!” แพนซี่พูดขึ้นพร้อมกับหยิบไม้กายสิทธ์มาชี้ที่เฮอร์ไมโอนี่  แต่ช้าไปเสียแล้ว  เพราะตอนนี้เองก็มีร่าง ๆ หนึ่งชี้ไม้กายสิทธ์มาที่แพนซี่เช่นเดียวกัน
มัลฟอยนั่นเอง
“เดรโก!”  แพนซี่พูดด้วยเสียงแผ่วเบาแต่แฝงไว้ด้วยความตกใจ  ส่วนนักเรียนที่เหลือต่างมองการกระทำของมัลฟอยอย่างงง ๆ
“ฉันบอกเธอแล้วใช่มั้ยแพนซี่  ว่าอย่าทำอย่างนี้อีก” มัลฟอยเอ่ยเสียงกร้าว  ชี้ปลายไม้กายสิทธิ์ของเขาไปที่ลำคอของแพนซี่
“ทำไม  เดรโก  ทำไมเธอต้องปกป้องมันอีกแล้ว” แพนซี่กรีดเสียงร้องออกมา  ส่วนมัลฟอยนั้นยังไม่ได้ลดไม้กายสิทธ์ลงแต่อย่างใด
“ฉันไม่ได้ปกป้องใคร  เธอต่างหากที่ผิดแพนซี่  เธอต่างหากที่มาหาเรื่องยัยนี่ก่อน” มัลฟอยพูด  และคำพูดของเขาก็สร้างความประหลาดใจอย่างมหาศาลให้กับทุก ๆ คนในที่นี้รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ด้วย
“เห็นไหม  ฉันบอกแล้วว่าเดรโกหลงยัยนี่  เธอหลงมันจนลืมเพื่อน  ลืมแม้กระทั่งสายเลือดตัวเอง!” แพนซี่ตะโกน  ส่วนมัลฟอยนั้นยิ่งได้ยินคำพูดของเธอเขายิ่งเดือดดาล
“ฉันไม่ได้หลงใคร!” มัลฟอยตวาด “เธอจะทำให้บ้านเราเสียคะแนนได้ถ้าหากคนที่มาเห็นไม่ใช่ฉัน”
“ไม่ได้หลง ใช่ซิ  เธอคงไม่รู้ตัวหรอกเดรโกว่าเธอน่ะหลงมันแค่ไหน”  แพนซี่พูดน้ำตาคลอเบ้า
“ฉันบอกแล้วไงพาร์กินสันว่าฉันไม่ได้หลงใคร!” มัลฟอยตะโกนก้อง  เสียงดังจนเด็กสลิธีรินทุกคนสะดุ้งขึ้นพร้อมกัน “แล้วยัยนี่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับฉันด้วย” มัลฟอยพูดเสียงเย็น
“ไม่จริง  เมื่อวันก่อนเธอยังบอกว่าเธอรักยัยนี่อยู่เลย” แพนซี่กรีดเสียงร้องขึ้นอีกครั้ง  น้ำตาที่คลอเอ่อดวงตาบัดนี้ไหลอาบข้างแก้มของเธอ “เธอหลงมันจนทำร้ายฉัน!”
“ฉันไม่ได้รักยัยนี่!!!” มัลฟอยแผดเสียงดังกว่าเดิมจนแพนซี่สะดุ้งขึ้นอีกครั้ง  เขาหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาเย็นชา “ไม่เลยซักนิด” มัลฟอยกัดฟันพูดในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับจิตใจของเขาโดยสิ้นเชิงออกไป  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นมองเขาด้วยแววตาเจ็บปวด 
อีกแล้วรึนี่
เธอทำฉันเจ็บอีกแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่คิด
“จริงรึเดรโก”  แพนซี่พูดเสียงสั่น  ใบหน้าหงิกงอนั้นกลับมีรอยยิ้มขึ้นมาทันตา “เธอบอกว่าไม่รักยัยเลือดสีโคลนนี่จริงรึ”
“ใช่” มัลฟอยพูดเสียงเย็นเยียบค่อย ๆ ลดไม้กายสิทธ์ในมือลงช้า ๆ “ฉันไม่รักยัยนี่เลย” มัลฟอยพูดออกมาแต่ดวงตาของเขานั้นไม่ได้จ้องมองเฮอร์ไมโอนี่ในขณะที่พูดเลย  มันดูเหมือนเขาจงใจหลบตาเธอด้วยซ้ำ
“เดรโก!” แพนซี่พูดอย่างดีใจทำท่าจะกระโดดกอดเขาแต่มัลฟอยเบี่ยงตัวหลบทันท่วงที
“งั้นคงไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเย็น  มองมัลฟอยด้วยสายตาแข็งกร้าวหากแต่แฝงแววเศร้าเอาไว้
“นายพูดออกมาอย่างนี้ก็ดีมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่กัดฟันพูด  พยายามห้ามน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมาจากดวงตาของเธอ  ท่ามกลางความงงงวยของเด็กสลิธีรินคนอื่น ๆ
“ทุกอย่างมันจะได้จบซักที” เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปาก
“เกรนเจอร์ ”
“ระหว่างฉันกับนายไม่มีอะไรเกี่ยวกันอีกแล้ว!” เฮอร์ไมโอนี่พูดรอดไรฟันออกมา  ถึงแม้เสียงจะแผ่วเบาแต่มัลฟอยกลับได้ยินมันอย่างชัดเจน  ทุกถ้อยคำ!
ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร  ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรออกไปนั้น  เฮอร์ไมโอนี่ก็วิ่งจากเขาไปแล้ว
มัลฟอยทำได้เพียงมองด้านหลังของเฮอร์ไมโอนี่ที่วิ่งไปตามทางเดินด้วยสายตาที่เจ็บปวดไม่แพ้กัน!
หวัดดีค่ะ  ช่วงนี้มีเวลาว่างเยอะเลยอัพได้เร็วหน่อยค่ะ อยากให้เพื่อน ๆ อ่านแล้วช่วยคอมเม้นกันมาเยอะ ๆ ได้ป่ะ จะได้ปรับปรุง หรือถ้ามีอะไรเข้ามาคุยกันได้นะ piksi_12@hotmail.com ( เมล์ที่ใช้อยู่ปัจจุบันจ๊ะ )
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น