ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย

    ลำดับตอนที่ #9 : ความหวาดกลัวและคำสาบาน

    • อัปเดตล่าสุด 12 เม.ย. 48


    ***Chapter 9  ความหวาดกลัวและคำสาบาน***



    “มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “มัลฟอย  มัลฟอยนายเป็นอะไร!” เธอพูดอย่างร้อนรน  เด็กหนุ่มยังคงชักไม่หยุด  เธอเขย่าตัวเขาอย่างตกใจ

    “นายเป็นอะไร ตอบฉันสิมัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ละล่ำละลั่กอย่างตกใจ  เธอเขย่าตัวเขา  เด็กหนุ่มเริ่มชักรุนแรงขึ้น  มือทั้งสองกำที่คอแน่นราวกับต้องการไขว่คว้าอากาศหายใจ

    “ฉันจะไปตามคนมาช่วย รอก่อนนะ” เธอพูดอย่างร้อนรน  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้ลุกไปไหนมือของมัลฟอยก็ขว้าแขนของเธอไว้เสียก่อน  เด็กหนุ่มมองตาเฮอร์ไมโอนี่  อาการชักเริ่มลดลง

    “มัลฟอย!” เด็กสาวร้อง  ขยับตัวเข้าไปใกล้เขาอีกครั้ง  ดูเหมือนครั้งนี้เขาต้องการจะพูดอะไรกับเธอ  แต่จู่ ๆ มือที่จับแขนของเธอก็ปล่อยลงพร้อมกับสติสัมปชัญญะของเด็กหนุ่มที่ดับวูบไป!

    “มัลฟอย!!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  เธอมองร่างของเด็กหนุ่มที่เพิ่งหมดสติอย่างร้อนรน  ใบหน้าของเธอยืนเข้าไปใกล้หน้าของเขาพร้อมกับค่อย ๆ เอานิ้วอังที่จมูกเพื่อทดสอบลมหายใจ  และเธอก็พบว่าเขายังหายใจอยู่  แต่ก่อนที่เด็กสาวจะออกไปตามคนมาช่วยก็มีอ้อมแขนแข็งแรงมารัดร่างของเธอเอาไว้และรั้งให้หน้าของเธอเข้ามาชิดใกล้กับใบหน้าของเขาพร้อมกับประทับริมฝีปากกับเธอทันที!  

    .................................................

    เฮอร์ไมโอนี่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจสุดขีด  เด็กสาวผละตัวออกจากอ้อมกอดของมัลฟอยทันที

    “จะทำอะไรน่ะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเอาหลังมือเช็ดกับริมฝีปาก  มัลฟอยกำลังยันตัวขึ้นมาจากพื้นด้วยท่าทีแตกต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง  เด็กหนุ่มกำลังยิ้มสบาย ๆ ไม่ได้ชักดิ้นชักงอแต่อย่างใด  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาปราดเดียวเธอก็เดาออก

    “นายแกล้งทำงั้นเหรอ!” เธอร้องเสียงแหลม  มัลฟอยยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ  เด็กสาวถลึงตาใส่เขา

    “ทุ....เรศที่สุด!” เฮอร์ไมโอนี่พูด  กำลังจะลุกจากพื้นแต่มือของมัลฟอยคว้าเอาแขนของเธอไว้ได้ก่อน  จึงทำให้ร่างของเด็กสาวล้มลงไปกลิ้งกับพื้น  ตามด้วยมัลฟอยที่เข้ามาคร่อมร่างของเธอไว้อีกรอบ  มือแข็งแรงจับแขนของเฮอร์ไมโอนี่กดไว้กับพื้นแน่น

    “จะรีบไปไหนหรือเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดอย่างเจ้าเล่ห์  เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าตัวเธอกำลังเสียเปรียบอย่างหนัก  เด็กสาวดิ้นรนอย่างที่สุดเพื่อจะหลุดพ้นจากอ้อมแขนของมัลฟอย  แต่ความพยายามของเธอกลับไม่ประสบผลสำเร็จเลยแม้แต่น้อย

    “นายจะทำอะไรกัน” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความหวาดกลัว  มัลฟอยยิ้มกริ่ม

    “เธอไม่รู้หรอกเหรอว่าฉันจะทำอะไร” เขาพูด

    “เธอไม่รู้หรอกหรือว่าผู้ชายจะทำอะไรผู้หญิงในสถานการณ์อย่างนี้  เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดพร้อมกับยิ้มชั่วร้าย  เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ  เธอพยายามดิ้นหนักขึ้น  แต่มือของมัลฟอยก็กดร่างของเธอไว้แน่นกับพื้นและไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีเขาไปไหน

    “นายทำอย่างนั้นไม่ได้นะ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงสั่น  ท่าทีของเต็มไปด้วยความหวาดกลัว  ในห้องนี้มีเพียงแค่เขาและเธอเท่านั้น  และแน่นอนว่าถ้ามัลฟอยต้องการจะทำอะไรเฮอร์ไมโอนี่จริง ๆ คงจะไม่มีใครมารบกวนเขาแน่

    “แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะ” มัลฟอยถาม  แววตาสีซีดของเขานั้นดูชั่วร้ายกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น

    “อย่าคิดเชียวนะว่าจะมีใครมาช่วยเธอ  รวมทั้งบอร์ดี้การ์ดของเธอด้วย  ป่านนี้พวกมันคงหลับสบายไปแล้วมั้ง  เจ้าพอตตี้กับวีเซิ่ลน่ะ” มัลฟอยพูดอย่างพอใจ  

    เฮอร์ไมโอนี่ใบหน้าซีดเผือด  ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะส่งเสียงร้อง  และทันทีที่เขาพูดจบมัลฟอยก็ก้มลงมาประทับริมฝีปากของเธออีกรอบ  และครั้งนี้มันรุนแรงกว่าครั้งใด ๆ มัลฟอบบดขยี้ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่อย่างพอใจก่อนจะเลื่อนใบหน้ามาที่ซอกคอของเธอแทน

    “อย่า!!!!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องสุด  พยายามดิ้นรนสุดกำลัง  แต่แรงของเธอไม่อาจสู้แรงผู้ชายอย่างเขาได้  มัลฟอยจูบซอกคอของเธอแล้วมือของเขาก็ค่อย ๆ เลื่อนมาที่เสื้อของเธอและกระชากมันออกทันที!!!



    *************************************************



    “ม่ายยยยยยยยยยย!” เด็กสาวกรีดร้องสุดเสียง  น้ำตาไหลพรากด้วยความกลัว  มัลฟอยชะงักการกระทำของเขาทันที  เขามองไปที่เด็กสาวตรงหน้าอย่างสับสน  เฮอร์ไมโอนี่กำลังสะอื้นตัวโยน

    “เกรนเจอร์......” มัลฟอยพูดเสียงแผ่ว  เด็กสาวร้องไห้อย่างหนัก  มัลฟอยไม่รู้ว่าทำไมและเพราะอะไร  แต่เมื่อเขาได้เห็นน้ำตาของเธอ  ความรู้สึกผิดมากมายก็ถาโถมเข้ามาจนตัวเขาเองยังแปลกใจ  เขารู้สึกผิดมากเสียจนไม่กล้าจะสัมผัสร่างสั่นเทาที่อยู่ตรงหน้านั้นอีกครั้ง

    “เกรนเจอร์  ฉัน....” มัลฟอยพูด  แต่เขากลับหยุดปากตัวเองไว้ก่อนที่จะกล่าวคำขอโทษเธอ  ทำไมเขาต้องมาขอโทษเลือดสีโคลนที่น่ารังเกียจอย่างเธอด้วยล่ะ

    “อย่าร้อง” เด็กหนุ่มพูดก่อนที่จะเอามือลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างปลอบโยน เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อย

    “ไม่ต้องกลัว  ฉันจะไม่ทำอะไรเธอ” มัลฟอยพูดทันที  เด็กสาวเงยหน้ามองเขาด้วยความสงสัย  ดวงตาของเธอซ้ำแดงและมีคราบน้ำตามากมายติดอยู่ทั้งที่ขอบตาและสองแก้ม  มัลฟอยไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร  แต่เขากลับยื่นมือไปเช็ดน้ำตาให้เธอเบา ๆ เด็กสาวสะดุ้งทันทีที่เขาถูกตัว  แต่เธอไม่ได้พูดอะไรออกไป

    มัลฟอยเช็ดคราบน้ำตาให้เธอเสร็จ  เมื่อเขาถอนมือออกมาเขาก็เอนหลังพิงกำแพงข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวดูไม่หวาดกลัวและไม่ร้องไห้อีกต่อไปแล้ว  เพียงแต่เธอไม่พูดอะไรออกมาสักคำเลย

    ความเงียบที่น่าอึดอัดปกคลุมพวกเขาทั้งสอง  เวลาค่อย ๆ ผ่านไปช้า ๆ ซึ่งมันยิ่งเพิ่มความอึดอัดเข้าไปอีก  เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไรออกมาซักคำเช่นเดียวกับมัลฟอย จนกระทั่งเวลาผ่านไปสักครู่  เธอก็ยอมเปิดปากพูด

    “มัลฟอย....” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ย  เด็กหนุ่มเลิกคิ้วอย่างสงสัยและมองหน้าเธอ “ทำไมนายถึง......”

    “อย่าถาม  เกรนเจอร์” เขารีบพูดดักคอ  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างต้องการหาคำตอบ “อย่าถามว่าทำไมฉันทำอย่างนั้นกับเธอ  เพราะฉันก็ยังไม่รู้” มัลฟอยตอบตามความจริง  เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไรออกไป  เธอกัดริมฝีปาก

    “แต่ฉันก็ยังยืนยันคำพูดเดิมนะ” มัลฟอยว่า “ที่ฉันบอกว่าฉันไม่เคยพิศวาสเธอ....”

    “แต่เธอทำไปเพราะต้องการแก้แค้นเท่านั้น  ใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถามเสียงเย็น  มัลฟอยจนแต้มกับคำถามนี้  เขานิ่งเงียบอยู่นานก่อนที่จะตอบเธอออกมา

    “ใช่  ฉันยอมรับว่าฉันคิดอย่างนั้น”

    .................................................

    เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้แสดงปฏิกิริยาใด ๆ ต่อคำพูดที่มัลฟอยพูดออกมามากนัก  แม้ว่าสีหน้าของเธอจะดูตกใจเล็กน้อยตอนที่ได้ยินคำตอบของเขา  แต่หลังจากนั้นสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉย  แต่เด็กหนุ่มก็สังเกตได้ว่ามือของเธอนั้นกำแน่น  และเธอกัดริมฝีปากอีกครั้ง  ซึ่งครั้งนี้ดูรุนแรงกว่าเมื่อครู่  มันดูราวกับเธอกำลังเผชิญหน้ากับความเครียดหรือความกดดันอยู่

    แต่มัลฟอยคิดผิด  ที่เฮอร์ไมโอนี่ทำเช่นนั้นเพราะเธอต้องการสงบอารมณ์  เล็บของเธอจิกเข้าไปในอุ้งมือแน่นเพราะเธอพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา  และเธอก็ทำสำเร็จ  ถึงแม้เธอจะไม่รู้เลยว่าน้ำตาที่เธอพยายามกลั้นมันไว้นั้นเกิดมาจากความโกรธหรือเป็นเพราะความเสียใจกันแน่

    แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่มัลฟอยจะมารักหรือหลงเสน่ห์เธอ  และตอนนี้เธอก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้แม้ว่าเขาจะบังเอิญดื่มยาเสน่ห์ของเธอเข้าไปเต็ม ๆ แต่อย่างที่คู่มือบอกสรรพคุณยาระบุไว้นั่นแหละว่ายานี้ไม่ใช่ยาเสน่ห์ที่จะทำให้ใครมาหลงรักคุณจนหัวปักหัวปำได้   แต่มันต้องขึ้นอยู่กับตัวของคุณและเขา  ซึ่งแน่นอนว่าเธอกับมัลฟอยไม่มีทางมีความรักต่อกันได้



    ‘ไม่ว่าการเริ่มความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองจะเป็นอย่างไร  จะเป็นคนแปลกหน้า  เพื่อนสนิทที่ไม่เคยหันมามองคุณในสายตา  หรือแม้กระทั่งศัตรูคู่แค้น’  



    ประโยคในคู่มือที่แนบมากับยาเสน่ห์ผุดขึ้นมาในสมองของเฮอร์ไมโอนี่  เธอคิดว่าผู้ที่คิดค้นยาสูตรนี้คงทำพลาดไป ตรงที่เขาสรุปเอาว่าคนที่เป็นศัตรูกันจะสามารถมารักกันได้  ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ได้พิสูจน์แล้วว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้

    เพราะว่าน้ำยานั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกของมัลฟอยที่มีต่อเธอเลยแม้แต่น้อย

    เฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอสมควรจะยินดีกับเรื่องนี้  กับการที่เธอรู้ว่ามัลฟอยไม่ได้คิดพิศวาสเธอและเธอก็จะไม่ต้องกลัวว่ายาเสน่ห์จะออกฤทธิ์กับเขา  อาจจะเป็นเพราะว่าความเป็นศัตรูของพวกเขาทั้งสองนั้นแน่นแฟ้นมากไปกว่าจะเปลี่ยนแปลงได้เพราะน้ำยาเพียงแค่ขวดเดียว

    แต่การที่ได้รู้ว่ามัลฟอยทำเช่นนั้นกับเธอไปเพื่อการแก้แค้นนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดูหมิ่นศักดิ์ศรีของเธอมาก

    “นายทำเรื่องแบบนั้นกับฉันเพราะว่านายต้องการแก้แค้นฉัน เรื่องที่นายทำไปทั้งหมดรวมทั้งครั้งนี้ด้วย  ก็เพราะว่านายเกลียดฉัน  นายต้องการเหยียบย่ำความรู้สึกของฉัน  และต้องการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของฉันใช่ไหม”  เด็กสาวกัดฟันพูดอย่างรวดเร็ว  เธอรู้สึกราวกับคำพูดเหล่านั้นกำลังตอกย้ำตัวของเธอเอง  มัลฟอยเงียบไปนานก่อนที่เขากัดฟันตอบออกสิ่งที่ไม่ตรงกับใจออกไป

    “ใช่!”



    *************************************************



    ความเงียบที่น่าอึดอัดกว่าครั้งก่อนได้เข้ามาปกคลุมทั้งสองอีกครั้ง  และครั้งนี้ดูยาวนานกว่าเดิมมากนัก  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้แสดงอาการใด ๆ ออกมาอย่างที่เธอควรจะทำ  เธอไม่ได้แสดงท่าทีโกรธถึงแม้ว่ามัลฟอยจะรู้อยู่เต็มอกว่าไม่มีทางที่เธอจะไม่โกรธ  เธอไม่ได้ลุกขึ้นมาสาปเขาให้เป็นตัวเฟเร็ตและส่งเขากระเด้งกระดอนไปรอบ ๆ หอพรีเฟ็คอย่างที่มู้ดดี้ตัวปลอมเคยทำ  เธอไม่ได้ด่าเขาว่าเขานั้นชั่วช้าเลวทราม

    แต่เธอกลับไม่ทำอะไรเลย..............................

    เงียบกันไปอยู่นาน  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้พูดอะไร  เช่นเดียวกับมัลฟอย  แต่ไม่นานนักเด็กสาวก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบออกมาเสียก่อน  เธอพูดกับมัลฟอยด้วยน้ำเสียงที่ไร้ความรู้สึก  ไม่ได้มีแววชิงชังอยู่บนน้ำเสียงของเธอหรือดวงตาสีน้ำตาลที่มองมาทางเขา  แต่ก็ไม่มีอะไรเลย  มันดูว่างเปล่าจนน่าใจหาย

    “ถ้านายต้องการทำอย่างนี้เพื่อความสนุกและเพื่อต้องการแก้แค้นฉันล่ะก็  ฉันคิดว่านายไม่ควรทำมันอีก” เธอพูดอย่างราบเรียบจนมัลฟอยไม่กล้าจะโต้ตอบกลับไป

    “ฉันคิดว่านายคงมีวิธีอื่นที่จะแกล้งฉันอีกแยะ และฉันก็จะไม่ปริปากบ่นหากนายใช้มัน” เธอพูดเสียงเย็น  “แต่การที่นายใช้วิธีแบบนี้...........” เธอเน้นคำพูดสุดท้ายอย่างชัดเจน  พร้อมกับตวัดไม้กายสิทธิ์มาชี้ที่คอของเด็กหนุ่ม  โดยที่เขาไม่มีโอกาสขัดขืนเธอแม้แต่น้อย

    “มันสกปรกเกินกว่าที่ฉันจะรับได้  และฉันจะไม่ยอมให้นายมาทำแบบนี้กับฉันอีกครั้งแน่  ฉันสาบาน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเฉียบขาด  แววตาสีน้ำตาลทอประกายอย่างที่เขาไม่เคยเห็น  เธอจ้องตาเขาอยู่ไม่นาน  เด็กสาวก็ลดไม้กายสิทธิ์ในมือลงเธอหมุนตัวกลับและกำลังจะเดินออกจากห้อง

    และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่กำลังจะก้าวออกจากหอพรีเฟ็ค  เสียงของมัลฟอยก็ดังขึ้น

    “ฉันเองก็จะไม่ทำแบบนั้นกับเธออีก  ฉันสาบาน”

    .................................................

    ราวกับคำพูดของมัลฟอยเป็นการยุติเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครรู้ระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่ลงตรงนั้น  แน่นอนว่ามัลฟอยยังคงหาเรื่องเล่นงานพวกเขาทั้งสามอยู่ แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่เขาจะใช้กำลังทำกับเธออย่างที่เขาเคยทำ  แม้ว่าจะเป็นตอนที่พวกเขาทั้งสองต้องอยู่ด้วยกันตามลำพังก็ตาม  สำหรับเฮอร์ไมโอนี่แล้วเธอก็เพิ่งเคยเห็นมัลฟอยรักษาสัญญาเป็นครั้งแรก  ซึ่งนั่นก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกับเธอแล้ว

    ดีกับเธอแล้วจริง ๆ น่ะหรือ

    หลังจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์ไปเรียบร้อยแล้ว  เด็กนักเรียนก็ถูกกระชากกลับมาสู่โลกแห่งความจริงที่ว่าการสอบว.พ.ร.ส. นั้นใกล้เข้ามามากแค่ไหนแล้ว  เด็กนักเรียนปีห้าทุกคนพยายามใช้เวลาที่มีทั้งหมดไปกับการทำการบ้านและทบทวนตำราเรียนต่าง ๆ สำหรับการสอบที่ใกล้เข้ามา  แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มากที่สุด  เพราะว่าเธอลงเรียนมากกว่าคนอื่นถึงแม้ว่าเธอจะดรอปวิชามักเกิ้ลศึกษากับวิชาพยากรณ์ไปแล้วเมื่อตอนปีสาม  แต่วิชาที่เธอเรียนอยู่ในปัจจุบันนั้นก็ยังมากและหนักกว่าคนอื่นหลายเท่านัก  เฮอร์ไมโอนี่มักจะอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมหรือไม่ก็ห้องสมุดทุกเวลาที่เธอว่างโดยมีกองหนังสือกองใหญ่วางอยู่จนเกือบพ้นศีรษะ  และเธอจะอารมณ์เสียทุกครั้งเมื่อมีใครมาทำเสียงดังและทำลายสมาธิของเธอในการท่องหนังสือ

    วันต่อมากริฟฟินดอร์ต้องเรียนปรุงยากับสลิธีริน  ซึ่งเป็นวิชาที่พวกกริฟฟินดอร์ชอบน้อยที่สุดตรงข้ามกับสลิธีริน  ยิ่งการที่ต้องเข้าไปในคุกใต้ดินที่หนาวเหน็บในช่วงเดือนกุมพาพันธ์อย่างนี้ยิ่งทำให้ความอยากเรียนวิชานี้ของเด็กกริฟฟินดอร์ลดลงจนแทบเหลือศูนย์ทีเดียว

    “เอาล่ะวันนี้เราจะมาปรุงน้ำยาล่องหนกัน” สเนปเอ่ยเรียบ ๆ ในชั้นเรียน “น้ำยาล่องหนมีประสิทธิภาพให้ร่างก่ายของพวกเธอล่องหนได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง  แน่นอนว่ามันมีประโยชน์มากสำหรับพวกเธอที่ต้องการออกไปจากเตียงยามดึกโดยที่ไม่ถูกจับได้  โดยเฉพาะพวกไม่ได้บังเอิญมีผ้าคลุมล่องหนหรือได้รับมันเป็นมรดกมา” สเนปพูดพลางปรายมามองมาทางแฮร์รี่อย่างจงใจ

    “และแน่นอนว่าน้ำยาชนิดนี้มีส่วนผสมที่ซับซ้อน  ชนิดที่เธอไม่มีวันปรุงได้เองโดยไม่ต้องอาศัยส่วนผสมบางอย่างจากตู้ของฉัน  เพราะฉะนั้นขอให้เลิกล้มความคิดที่จะคิดแอบปรุงยาขนานนี้กันเองรวมทั้งการขโมยของจากตู้ในห้องทำงานของฉัน  เพราะพวกเธอต้องชดใช้ความสนุกของเธอด้วยมูลค่าที่สูงลิ่วทีเดียว” สเนปพูดอีกครั้ง  เขาถอนสายตาที่อยู่ที่แฮร์รี่ไปจับจ้องที่เนวิลล์ที่กำลังตัวสั่นงก ๆ โดยแยกไม่ออกว่าสั่นเพราะความหนาวหรือเพราะความกลัวกันแน่แทน

    “และฉันหวังว่าพวกเธอจะใช้มันสมองกลวง ๆ ของเธอตั้งใจปรุงมันอย่างเต็มที่ด้วยตัวเอง ใช่  ด้วยตัวเองเท่านั้นลองบอตท่อม”  เขาจ้องไปที่เนวิลล์อย่างมุ่งร้าย  ตัวของเนวิลล์สั่นแรงกว่าเดิม

    “และถ้าท้ายชั่วโมงน้ำยาของเธอยังไม่เป็นสีฟ้าใสอย่างที่มันควรจะเป็นล่ะก็  ฉันจะใช้มันทดลองกับตัวของเธอเองดูสิว่าจะเกิดอาการอย่างไร” สเนปขู่พลางปล่อยให้เด็กนักเรียนปรุงยากันเองโดยอาศัยสูตรยาบนกระดาน  นักเรียนต่างก้มหน้าก้มตาปรุงยากันอย่างตั้งใจ  โดยเฉพาะเด็กกริฟฟินดอร์ที่ถือคติว่าการทำอะไรพลาดในชั่วโมงของสเนปเป็นอันตรายพอ ๆ กับการไปแหย่โทรลล์ที่กำลังหลับทีเดียว

    .................................................

    เมื่อเวลาใกล้หมดชั่วโมง  น้ำยาของเนวิลล์ก็ยังไม่เป็นสีฟ้าใสอย่างที่ต้องการเสียที  แถมการที่สเนปเฉียดมาใกล้เขาบ่อย ๆ มันทำเขายิ่งประสาทและใส่ส่วนผสมผิดมากขึ้น  จนกระทั่งเมื่อสเนปหันหลังไปและกำลังสนใจน้ำยาของรอน  เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบกระซิบบอกวิธีแก้กับเนวิลล์ทันที

    “มิสเกรนเจอร์!” เสียงของสเนปดังลั่นคุกใต้ดิน เฮอร์ไมโอนี่และเนวิลล์สะดุ้งขึ้นพร้อมกัน  แถมเนวิลล์ยังทำดีงูทั้งขวดตกแตกทั่วโต๊ะและพื้นที่รอบ ๆ แต่ดูเหมือนสเนปจะไม่สนใจกับความผิดพลาดนั้น  เขาหันมามองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตามุ่งร้าย

    “เธอคิดว่าตัวเองเป็นใครมิสเกรนเจอร์” เขาพูดเรียบ ๆ  เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้านิ่ง “เธอคงคิดว่าเป็นอาจารย์สินะ  หรือคิดว่าตัวเองเก่งไปหมดถึงได้เที่ยวอวดความรู้มากของเธอให้คนอื่นเขารู้กันจนทั่ว” สเนปพูดอย่างร้ายกาจ  แฮร์รี่และรอนจ้องมองเขาอย่างเคียดแค้นขณะที่พวกบ้านสลธีรินต่างพากันหัวเพราะคิกคัก  โดยเฉพาะแพนซี่  พาร์กินสันที่กำลังนั่งติดกับมัลฟอย

    “สมน้ำหน้า!” เธอพูดขึ้นพลางปิดปากหัวเราะอย่างร่าเริง  มัลฟอยมองไปทางเฮอร์ไมโอนี่แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป

    “หักกริฟฟินดอร์สิบคะแนน” สเนปพูด “เป็นบทเรียนแก่เธอว่าอย่าเที่ยวอวดรู้อีก  อย่างน้อยก็ในชั้นเรียนของฉัน” เด็กกริฟฟินดอร์มีท่าทีไม่พอใจกับความลำเอียงของสเนปแต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรออกมา  ตรงกันข้ามกับเด็กบ้านสลิธีรินที่พากันหัวเราะอย่างครื้นเครงอีกครั้ง

    “แล้วเกรนเจอร์เก็บข้าวของของเธอขึ้นมาซะ  เธอด้วยพาร์กินสันฉันจะให้พวกเธอสลับที่นั่งกัน”



    *************************************************



    มาอัพแว้ววววววววววว  เห่อ ๆ ขอโทษที่หายไปหลายวัน จนหลายคนบ่น  คราวหน้าจะอัพเร็ว ๆ แระกันนะ  

    เพราะว่าช่วงสงกรานต์เราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน T-T ยังไงอ่านแล้วก็ช่วยกันเม้นด้วยเน้อ  นักอ่านที่น่ารักทั้งหลาย
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×