คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : Back to Hogwarts [การเดินทางกลับฮอกวอตส์]
***Chapter 9 Back to Hogwarts [การเดินทางกลับฮอกวอตส์]***
เฮอร์ไมโอนี่ตื่นนอนตอนเช้าด้วยอาการที่ไม่สดชื่นเท่าไหร่นัก เด็กสาวรู้สึกว่าเธอนอนยังไม่เต็มอิ่มเอาเสียเลยขณะที่นางวีสลีย์มาปลุกเธอและจินนี่ให้ไปทานอาหารเช้า การเดินทางจากบ้านโพรงกระต่ายไปยังสถานีคิงครอสต์นั้นเป็นไปอย่างราบลื่น ทางกระทรวงส่งรถส่วนตัวมารับพวกเขาถึงสองคันและส่งมือปราบมารมาคุ้มครองพวกเด็ก ๆ จนถึงชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ หรือถ้าจะพูดให้ถูกก็คือทางกระทรวงส่งคนมาคุ้มครองแฮร์รี่อย่างใกล้ชิดจนกว่าเขาจะขึ้นรถไฟกลับฮอกวอตส์ เพราะตั้งแต่โวลเดอมอร์หวนคืนสู่อำนาจเมื่อสองปีก่อนแฮร์รี่ก็ถือได้ว่าเป็นบุคลลอันดับหนึ่งที่โวลเดอมอร์ไม่ต้องการให้มีชีวิตอยู่
มือปราบมารที่ถูกส่งมาคุ้มครองเด็ก ๆ นั้นไม่ได้มีแค่คนของภาคีที่เฮอร์ไมโอนี่รู้จัก บางคนก็เป็นมือปราบมารที่เธอไม่คุ้นหน้ามาก่อน แต่พวกเขาก็ทำงานของเขาได้อย่างไม่มีที่ติหรือบางทีอาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ เพราะเด็กสาวเห็นว่าแฮร์รี่มีท่าทีไม่พอใจเมื่อมือปราบมารที่ได้รับหน้าที่ให้คุ้มครองเขา คว้าต้นแขนของเขาเพื่อพาแฮร์รี่เดินผ่านแผงกั้นระหว่างชานชาลาที่เก้ากับสิบราวกับเขาเป็นเด็กเล็ก ๆ ที่เพิ่งหัดเดิน แต่แน่นอนว่าแฮร์รี่ก็กล่าวกับมือปราบมารคนนั้นอย่างสุภาพว่าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือแต่อย่างใด
เมื่อเด็กทั้งหมดเข้าไปยังชานชาลาเรียบร้อยแล้ว แฮร์รี่ก็ชวนเฮอร์ไมโอนี่กับรอนไปหาห้องว่างในรถไฟกัน แต่เธอต้องปฏิเสธเขา ว่าเธอและรอนไปกับเขาไม่ได้เพราะทั้งสองต้องไปอยู่ที่ตู้พรีเฟ็คในช่วงเช้า แฮร์รี่ดูมีสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเด็กสาวพูดเช่นนั้น แต่เด็กหนุ่มผมดำก็พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่และรอนจะเดินไปทางด้านต้นขบวนของรถไฟ
เด็กสาวเดินนำรอนไปจนถึงตู้พรีเฟ็คซึ่งเป็นตู้ขนาดใหญ่สองตู้ตรงต้นขบวนถัดมาจากตู้ของอาจารย์และตู้ประธาน เธอเปิดประตูตู้ออกและพบว่ามีพรีเฟ็คบางคนอยู่ที่นั่นเรียบร้อยแล้ว เออร์นี่ มักมิลลัน กับ แฮนนาห์ อับบอต ฟรีเฟ็คของบ้านฮัฟเฟิลพัฟนั่นอยู่ติดกันตรงมุมตู้ ปัทมา พาติล ฟรีเฟ็คบ้านเรเวรคลอซึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้วมองมาทางพวกเขาทันทีที่ประตูเปิดขึ้น แต่เมื่อปัทมาเห็นรอนเธอก็เบือนหน้าไปทางอื่นอย่างเย็นชาซึ่งเห็นได้ชัดว่าเธอยังไม่ลืมเรื่องที่เขาไม่เอาใจใส่เธอในงานเลี้ยงเต้นรำตอนปีสี่แม้ว่ามันจะผ่านมาเกือบสองปีแล้วก็ตาม
เฮอร์ไมโอนี่กับรอนเข้าไปนั่งในตู้และในอีกสองนาทีต่อมาแอนโทนี โกลด์สตีน พรีเฟ็คของบ้านเรเวนคลออีกคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น เด็กสาวเห็นว่าปัทมาเขยิบที่นั่งข้าง ๆ เธอให้แอนโทนีนั่งอย่างจงใจ เพราะเธอต้องการหนีห่างจากรอนให้มากที่สุด ในตอนนี้พรีเฟ็คจากทุกบ้านก็มากันพร้อมหน้าแล้วขาดแต่พรีเฟ็คของบ้านสลิธีรินซึ่งก็คือเดรโก มัลฟอย และแพนซี่ พาร์กินสันเท่านั้น
เฮอร์ไมโอนี่มองไปยังประตูตู้อย่างใจจดใจจ่อ เธอกำลังรอมัลฟอยอยู่ เธอมองหาเขามาตั้งแต่ตอนที่เธอเข้ามาที่ชานชาลาแล้วแต่เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเด็กหนุ่ม เด็กสาวมองไปที่ประตูและหวังว่าในอีกไม่กี่นาทีต่อมามันจะเปิดออกพร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ [ ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่คงดีใจมากถ้าเขาจะปรากฏตัวขึ้นเพียงคนเดียวโดยไม่หนีบยายแพนซี่ พาร์กินสันมาด้วย ] มัลฟอยจะก้าวเข้ามาในตู้พร้อมกับมองไปรอบ ๆ ตู้พรีเฟ็คด้วยสายตาดูแคลนแบบที่เขาชอบใช้ และเขาจะเลือกที่นั่งให้ห่างจากรอนมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้อย่างที่เขาเคยทำ
ไม่ทันที่ความคิดของเฮอร์ไมโอนี่จะดำเนินต่อไปจนจบประตูตู้ก็เปิดขึ้น เด็กสาวเงยหน้าขึ้นและพบว่าร่างที่ยืนอยู่ตรงประตูตู้นั้นไม่ใช่เด็กหนุ่มที่เธออยากเจอมากกว่าอะไรทั้งหมด แต่ร่างนั้นกลับเป็นศาสตราจารย์มักกอนนากัล อาจารย์วิชาแปลงร่างของเธอ
ศาสตราจารย์มักกอนนากัลปรากฏตัวในเสื้อคลุมสีแดงเลือดหมูพร้อมกับหมวกทรงสูงแบบที่เธอใส่เป็นประจำ ในมือของเธอถือม้วนกระดาษจำนวนมาก เธอมองไปรอบ ๆ ตู้ด้วยสายตาคมกริบก่อนจะพูดออกมาว่า
“พรีเฟ็คจากสลิธีรินหายไปไหน” นักเรียนของเธอทั้งหมดมองหน้ากันเอง และเมื่อเธอพบว่าไม่มีนักเรียนคนไหนสามารถตอบคำถามของเธอได้ ศาสตราจารย์มักกอลนากัลจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“พรีเฟ็คปีหกของสลิธีริน มิสเตอร์มัลฟอย กับมิสพาร์กินสันมีใครเห็นพวกเขาบ้าง” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถามซ้ำขึ้นมาแต่ก่อนที่พรีเฟ็คที่เหลือจะได้ตอบคำถามของเธอ ก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างหลังของอาจารย์ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่จำได้ดีว่าร่างนั้นเป็นเด็กสาวหน้าหงิกจากบ้านสลิธีรินที่เป็นคู่อริของเธอมานาน แพนซี่ พาร์กินสันนั่นเอง
“ค่ะ อาจารย์” แพนซี่พูดขึ้นอย่างเกรง ๆ ขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลหันมาทางเธอ
“มิสพาร์กินสัน แล้วมิสเตอร์มัลฟอยล่ะ” เธอถามด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
“คือ.....มัลฟอยเขา” แพนซี่อ้ำอึ้งในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วรอฟังสิ่งที่แพนซี่กำลังจะพูดอย่างใจจดใจจ่อ
“มิสเตอร์มัลฟอย เขาทำไม” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลถามขึ้นอีกครั้งด้วยสีหน้ารำคาญใจ
“มัลฟอยเขาฝากมาบอกว่าเขาไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ เขาอาจจะมาเดินตรวจบริเวณไม่ได้ในวันนี้” แพนซี่พูด หน้าเธอซีดเล็กน้อยเมื่อศาสตราจารย์มักกอนนากัลจ้องเธอด้วยแววตาเฉียบคม อาจารย์มองแพนซี่อยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะพูดออกมา
“ถ้ามิสเตอร์มัลฟอยไม่สบายจนไม่สามารถปฏิบัติงานได้ ฉันก็เกรงว่าเธอต้องรับหน้าที่ตรวจบริเวณคนเดียวในวันนี้ มิสพาร์กินสัน” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลว่า
“เอาล่ะ เธอเข้าไปนั่งในตู้ก่อนฉันมีเรื่องจะแจ้งพวกเธอทุกคน” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดกับสีหน้าแปลกใจของแพนซี่ รวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ด้วย
“แต่ปีที่แล้วหนูไม่ได้ตรวจบริเวณคู่มัลฟอยไม่ใช่เหรอคะ” เธอถามขึ้นด้วยสีหน้างุนงง เพราะเมื่อปีก่อนมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของพรีเฟ็คทำให้เธอต้องไปทำงานร่วมกับเออร์นี่ มักมิลลัน ขณะที่มัลฟอยต้องไปตรวจบริเวณคู่กับเฮอร์ไมโอนี่แทน
“มีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของพรีเฟ็คเล็กน้อยในปีนี้ เข้าไปนั่งในตู้ก่อนแล้วฉันจะอธิบายให้ฟัง” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวพลางเดินตามแพนซี่เข้าไปในตู้พรีเฟ็ค
*************************************************
เมื่อแพนซี่เข้ามานั่งในตู้แล้ว [ เธอเลือกนั่งให้ไกลจากเฮอร์ไมโอนี่มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ] ศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ตามเธอเข้ามา หลังจากประตูตู้พรีเฟ็คปิดลงเธอก็เริ่มคลี่ม้วนเอกสารในมือขึ้นอ่าน
“ในปีนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงกฎของโรงเรียนบางข้อ ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัย รวมทั้งมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่ของพรีเฟ็คอย่างพวกเธอด้วย” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวขณะมองไปยังพรีเฟ็คปีหกทุกคนที่อยู่ในตู้
“การรักษาความปลอดภัยของทางโรงเรียนในปีนี้จะเข้มงวดมากกว่าปีที่ผ่านมาหลายเท่า เนื่องจากเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และฉันก็จำเป็นต้องบอกพวกเธอด้วยว่าฮอกวอตส์อาจจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุดอีกต่อไปถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากพวกเธอ” ศาสตราจารย์มักกอนากัลพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“สัมภาระของนักเรียนทุกคนจำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบก่อนจะนำเข้าปราสาท เพื่อป้องกันการแอบเอาสิ่งของที่มีเวทย์มนตร์มืดเข้ามาในโรงเรียน ทางเข้าออกทุกทางของโรงเรียนจะมีมือปราบมารเฝ้าอยู่เพื่อความปลอดภัยของโรงเรียนและที่สำคัญของตัวนักเรียนเองด้วย” เธอกวาดสายตาอันเฉียบคมไปยังพรีเฟ็คทุกคนที่กำลังตั้งใจฟังเธออยู่
“เนื่องจากโรงเรียนของเราอาจจะไม่ใช่ที่ที่ปลอดภัยที่สุดอีกต่อไป ดังนั้นฉันจึงจำเป็นต้องขอความร่วมมือจากพวกเธอทุกคน พรีเฟ็คของทุกบ้านต้องมารายงานอาจารย์ประจำบ้านทันทีที่พบอะไรผิดปกติ นอกจากนั้นพวกเธอยังได้รับอนุญาตให้ยึดสิ่งของของนักเรียนมาตรวจสอบได้หากเธอพบว่ามันน่าสงสัย” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลกล่าวขณะที่รอนแอบกระซิบกับเฮอร์ไมโอนี่ว่า ‘ เยี่ยมไปเลย ’ ส่วนเด็กสาวก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่เธอรู้ดีว่ารอนอยากให้พรีเฟ็คมีอำนาจยึดของเล่นของพวกรุ่นน้องมานานแล้ว
“ส่วนเรื่องการเดินตรวจบริเวณ พวกเธอยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ตามเดิมแต่ต้องระมัดระวังมากยิ่งขึ้น แม้ว่าทางเข้าของโรงเรียนทุกทางจะถูกจับตาดู แต่ฉันก็ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอระหว่างที่ปฏิบัติหน้าที่ ถ้าหากเธอพบอะไรไม่ชอบมาพากลฉันขอย้ำไว้เลยว่าอย่าเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงอย่างเด็ดขาด ให้เธอไปแจ้งอาจารย์ทันทีเข้าใจไหม” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลย้ำประโยคสุดท้ายอย่างชัดเจนขณะที่พรีเฟ็คทุกคนพยักหน้าตามอย่างเคร่งครัด
“นอกจากนี้พวกเธอทุกคนจำเป็นต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดในปีนี้ โดยเฉพาะการเดินตรวจบริเวณนั้นห้ามมีการละเว้นใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าหากเธอไม่ป่วยหนักหรือมีเหตุจำเป็นจริง ๆ การโดดงานถือว่าเป็นความผิดที่ใหญ่หลวงและถ้าพรีเฟ็คคนใดทำเช่นนั้นฉันแน่ใจว่าเขาหรือเธอจะทำให้บ้านของตัวเองเสียแต้มอย่างมหาศาลไปเลยทีเดียว” เธอย้ำกับสีหน้าขาวซีดของเด็ก ๆ
“อีกอย่างในปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงการทำงานของพรีเฟ็คเล็กน้อย อาจารย์ใหญ่มีคำสั่งให้ยกเลิกการจับคู่ระหว่างพรีเฟ็คต่างบ้านในปีก่อน และให้พรีเฟ็คบ้านเดียวกันมาทำงานร่วมกันตามเดิม” หลังจากศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดจบก็มีเสียงถอนหายใจอย่างโล่งอกมาจากพรีเฟ็คหลายคน แต่ที่แน่ ๆ คนที่เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินอย่างชัดเจนว่าถอนหายใจนั้นก็คือ รอนและแพนซี่ ในขณะที่เด็กสาวซึ่งตกตะลึงกับคำสั่งนี้พูดออกไปก่อนที่เธอจะทันห้ามตัวเอง
“อะไรนะคะ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง ศาสตราจารย์มักกอนนากัลรวมถึงพรีเฟ็คคนอื่น ๆ มองมาทางเธออย่างแปลกใจ
“เธอว่าอะไรนะมิสเกรนเจอร์” อาจารย์ถามเธอ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงก่ำเมื่อรู้ว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
“เอ้อ.....หนู....เปล่าค่ะ......คือหนูต้องกลับไปคู่กับรอนใช่ไหมคะ” เธออ้อมแอ้มออกมา รู้สึกอับอายไม่น้อย ขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลยังมองเธอด้วยท่าทีสงสัยอยู่
“ใช่แล้ว มิสเกรนเจอร์ เธอต้องกลับไปทำงานร่วมกับมิสเตอร์วีสลีย์ตามเดิม ซึ่งฉันคิดว่าเธอน่าจะพอใจกับคำสั่งนี้เสียนี้เสียอีกนะ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด
“เอ่อ....ค่ะ....หนูพอใจมากเลยค่ะ” เด็กสาวแกล้งตอบ ทั้ง ๆ ที่ใจจริงแล้วเธออยากจะร่วมงานกับมัลฟอยตามเดิมมากกว่า เพราะมันทำให้เธอมีโอกาสอยู่กับเขาตามลำพังและเธอจะได้อาศัยโอกาสนั้นถามเขาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดพลางมองไปยังพรีเฟ็คที่เหลือ “พวกเธอมีอะไรสงสัยอีกไหม” พรีเฟ็คที่เหลือต่างพากันเงียบกริบ จนกระทั่ง แอนโทนี โกลด์สตีน พรีเฟ็คบ้านเรเวนคลอถามขึ้นมา
“แล้วคำสั่งใหม่ที่ว่านี่เริ่มใช้ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”
“แน่นอนว่าตั้งแต่เดี๋ยวนี้ มิสเตอร์โกลด์สตีน อ้อ แล้วฉันก็อยากแน่ใจด้วยนะว่าพวกเธอเดินตรวจตามทางเดินให้เรียบร้อย เพราะฉันคิดว่าคงมีเด็กจำนวนไม่น้อยที่ซื้อของเล่นจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์มาแล้วอยากจะลองใช้มันบนรถไฟน่ะ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดขณะที่รอนกระซิบกับเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ ว่า ‘ อย่างน้อยก็ฉันคนนึงล่ะ ’
.................................................
หลังจากอธิบายคำสั่งต่าง ๆ ให้พรีเฟ็คทั้งหมดเข้าใจแล้วศาสตราจารย์มักกอนนากัลก็ขอตัวไปคุยกับประธานนักเรียนที่ตู้ประธานต่อ เธอกำชับให้พวกเขาเริ่มเดินตรวจตามทางเดินได้ในทันที และอาจารย์ก็ไม่ลืมที่จะหันไปบอกแพนซี่ให้แจ้งมัลฟอยให้ทราบเรื่องการประชุมในวันนี้ด้วย รวมทั้งให้เธอบอกเขาว่าเขาจำเป็นต้องมาร่วมการประชุมพรีเฟ็คในครั้งต่อไปอย่างไม่มีข้อแม้ เว้นแต่เขาจะไม่สบายจนถูกส่งไปเซนต์มังโกเขาถึงจะขาดการประชุมได้
“ระหว่างนี้เธอต้องเดินตรวจทางเดินคนเดียวไปก่อนนะมิสพาร์กินสัน แล้วอย่าลืมที่ฉันสั่งให้บอกมิสเอตร์มัลฟอยล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินศาสตราจารย์มักกอนนากัลย้ำกับแพนซี่ ก่อนที่เธอกับรอนจะเดินออกมาจากตู้
“ค่ะ อาจารย์ หนูจะบอกเขาทันทีที่หนูกลับถึงตู้เลยค่ะ ตอนนี้เขาไม่สบายมากเลยนอนพักอยู่ที่ตู้น่ะค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วกับคำพูดของแพนซี่ มัลฟอยไม่สบายมากอย่างนั้นหรือ
“ถ้าเขาไม่สบายมากอย่างที่เธอว่าจริง ๆ ฉันก็อยากจะไปดูเขาเสียหน่อยนะ มิสพาร์กินสัน เผื่อว่าฉันจะช่วยอะไรได้บ้างหากเขาเกิดเป็นอะไรขึ้น” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดอย่างเป็นห่วงขณะที่แพนซี่ตาโต
“ไม่ค่ะ อาจารย์ไม่ต้องไปดูเขาหรอกค่ะ......คือเขา.....เขา.....” เด็กสาวผมดำอ้ำอึ้ง
“เขาทำไม มิสพาร์กินสัน” อาจารย์ถาม เธอมองสีหน้าของแพนซี่อย่างแปลกใจ
“คือเขาไม่เชิงไม่สบายทางร่างกายอย่างเดียวน่ะค่ะ......หนูคิดว่ามันน่าจะมาจากทางด้านจิตใจของเขามากกว่า เขาเครียดมากค่ะเรื่อง......อาจารย์ก็รู้ใช่ไหมคะว่าเรื่องอะไร มัลฟอยบอกว่าเขาปวดหัวเลยมาประชุมไม่ได้ และตอนนี้เขานอนพักอยู่คนเดียวในตู้ หนูคิดว่าถ้าเขาได้พักผ่อนแล้วก็คงดีขึ้นน่ะค่ะ อาจารย์ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ” แพนซี่พยายามอธิบาย และศาสตราจารย์มักกอนนากัลรวมทั้งเฮอร์ไมโอนี่ที่ฟังอยู่ก็เข้าใจว่าเรื่องที่มัลฟอยเครียดน่าจะเป็นเรื่องที่พ่อของเขาถูกจับเข้าคุก
“ถ้าอย่างนั้นก็ปล่อยให้เขาพักไปก่อนแล้วกัน แต่ถ้าอาการของเขายังไม่ดีขึ้นเขาก็ควรจะไปให้มาดามพินซ์ตรวจสักหน่อยนะ อ้อ แล้วอย่าลืมเรื่องที่ฉันฝากบอกเขาด้วยล่ะ มิสพาร์กินสัน” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลย้ำกับแพนซี่เป็นครั้งสุดท้าย
“ไม่ลืมค่ะ อาจารย์” เธอพูดขณะที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะเดินออกจากตู้ไป
เมื่อร่างของศาสตราจารย์มักกอนนากัลรวมทั้งแพนซี่ลับประตูตู้ไปแล้ว รอนก็สะกิดเฮอร์ไมโอนี่ที่แขน เธอหันไปมองเด็กหนุ่มผมแดงด้วยสายตาราวกับจะพูดว่า ‘ อะไร ’
“เราจะไปกันรึยัง” เขาถามกับสีหน้างุนงงของเด็กสาว
“ไปไหน” เธอถามกลับมา รอนมองเธออย่างงุนงงไม่แพ้กัน
“ก็ไปเดินตรวจทางเดินไงล่ะ ให้ตายเถอะเฮอร์ไมโอนี่ เธอเป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย” เด็กหนุ่มถามขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะเท่าทีเขาเห็นก็คือเฮอร์ไมโอนี่ยืนฟังศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดกับแพนซี่โดยไม่ยอมออกไปจากตู้พรีเฟ็คเสียที ซึ่งในตอนแรกรอนคิดว่าเธอจะรอให้อาจารย์และแพนซี่ออกไปเสียก่อน แต่พอสองคนนั้นเดินออกไปจากตู้แล้ว เธอก็กลับยืนเหม่อลอยอยู่อย่างนี้
“ฉัน....ไม่เป็นไรรอน” เฮอร์ไมโอนี่สะบัดศีรษะแรง ๆ และพยายามยิ้มกลบเกลื่อน
“แต่ฉันว่าเธอเป็นอยู่นา” รอนมองเธออย่างไม่วางใจ
“โถ่ รอน ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ว่าแต่เธอพูดเรื่องเดินตรวจทางเดินใช่ไหม” เด็กสาวถามขณะที่เด็กหนุ่มพยักหน้า
“งั้นฉันว่าเราน่าจะเริ่มกันได้แล้วนะ เธอไปตรวจช่วงกลาง ๆ ขบวนแล้วกัน ส่วนฉันจะไปตรวจช่วงท้ายขบวน เสร็จแล้วเราค่อยไปเจอกันที่ตู้ที่แฮร์รี่อยู่นะ” เธอว่า
“แต่ทำไมเราถึงไม่เดินตรวจด้วยกันล่ะ อีกอย่างตรงท้ายขบวนมีแต่พวกสลิธีรินนะ” รอนท้วงขึ้นมา เขารู้ดีว่าพวกสลิธีรินมักจะนั่งอยู่ตู้ท้าย ๆ ของขบวนรถไฟเสมอและเขาก็ไม่อยากให้เฮอร์ไมโอนี่ไปเดินตรวจทางเดินบริเวณนั้นคนเดียว
“ฉันไม่เป็นไรหรอกรอน อีกอย่างถ้าเราแยกกันตรวจมันจะได้เสร็จเร็วขึ้นไง เธอก็รู้ว่าแฮร์รี่คงอยากให้เราไปหาเขาที่ตู้เร็ว ๆ ” เธอพูดอย่างมีเหตุผล แต่ในความจริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่มีเหตุผลอื่นมากกว่านั้นในการขอรอนไปตรวจทางเดินเพียงลำพัง
“ก็ได้ งั้นเจอกันที่ตู้ของแฮร์รี่นะ” เด็กหนุ่มผมแดงพูด
“ตกลง เจอกันรอน” เด็กสาวพูดพลางยิ้มให้เขา
*************************************************
หลังจากแยกกับรอนแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ตรงไปยังท้ายขบวนรถไฟทันที แต่จุดประสงค์ของเธอไม่ใช่การไปตรวจทางเดินอย่างที่รอนเข้าใจ แต่เธอไปที่นั่นเพราะเธอต้องการพบเดรโก มัลฟอยต่างหาก!
จากที่แพนซี่บอกศาสตราจารย์มักกอนนากัลว่ามัลฟอยไม่สบายและนอนพักอยู่ที่ตู้ของเขาเพียงคนเดียวนั่นก็แปลว่าเขาต้องไล่แครบและกอยล์ออกไปจากตู้เพื่อจะพักผ่อนตามลำพังแน่นอน เฮอร์ไมโอนี่ไม่แน่ใจว่ามัลฟอยไม่สบายจริงอย่างที่แพนซี่บอกหรือเขาแกล้งไม่สบายเพื่อจุดประสงค์อื่นกันแน่ เพราะเท่าที่เธอรู้จักเขามามัลฟอยไม่เคยป่วยหนักจนถึงกับต้องขาดงานแบบนี้เลย และเด็กหนุ่มมักจะชอบเสมอเวลาเขาที่ต้องปฏิบัติงานในตำแหน่งพรีเฟ็ค เพราะมันหมายถึงการที่เขาสามารถใช้อำนาจข่มเหงเด็กรุ่นน้องได้ [ แม้ว่าพักหลัง ๆ นี้เขาจะเลิกทำแบบนั้นแล้วก็ตาม ] และมัลฟอยก็เป็นคนที่มีความรับผิดชอบพอตัวขนาดที่เขาคงไม่ยอมโดดงานเพราะปวดหัวเล็ก ๆ น้อย ๆ แน่
‘ หรือว่าเขาเครียดมากจริง ๆ ‘ เฮอร์ไมโอนี่คิด
แวบหนึ่งเด็กสาวคิดว่าเขาอาจจะเครียดเรื่องพ่อของเขาจนล้มป่วยก็เป็นได้ แต่หลังจากเธอลองไตร่ตรองเรื่องนั้นดูแล้ว ก็มีความคิดอีกความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาค้านกับความคิดแรกของเฮอร์ไมโอนี่ มันจะเป็นไปได้หรือที่เขาคิดมากเรื่องพ่อของเขาจนล้มป่วย ถึงแม้เด็กสาวจะรู้ดีว่ามัลฟอยรักพ่อของเขามากและเด็กหนุ่มก็เสียใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขา แต่เขาก็มีท่าทีว่าเขาทำใจได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงก่อนปิดเทอมแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่มีวันยกโทษให้เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้พ่อของเขาต้องเข้าคุกเป็นแน่ แต่ถ้ามัลฟอยไม่ได้กังวลเรื่องพ่อของเขา แล้วเขากังวลเรื่องใดมากถึงขนาดทำให้เขาเจ็บป่วยกัน
‘ ในฤดูร้อนปีนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของฉันที่เปลี่ยนแปลงไป มันช่างรวดเร็วจนฉันแทบจะตั้งตัวไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรฉันก็ต้องปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงนั้นให้ได้ ’
ถ้อยคำในจดหมายแวบเข้ามาในหัวสมองของเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิดขณะที่เธอเดินผ่านตู้ของเด็กฮัฟเฟิลพัฟ เป็นไปได้ไหมว่ามัลฟอยจะคิดมากเรื่อง ‘ ความเปลี่ยนแปลง ‘ นั้นจนเขาไม่สบาย และความเปลี่ยนแปลงที่ว่านั้นมันจะใช่อย่างเดียวกับที่เธอกลัวรึเปล่า
‘ ไม่ว่ามันจะเป็นยังไงฉันก็ต้องหาคำตอบให้ได้ แล้วฉันจะต้องรู้มันในวันนี้ด้วย! ’ เด็กสาวคิดอย่างมุ่งมั่น เธอตัดสินใจไว้แล้วว่าเธอจะต้องถามมัลฟอยให้รู้เรื่องถึงเรื่องพฤติกรรมแลปประหลาดของเขา และที่เธอกำลังเดินไปยังท้ายขบวนก็เพื่อจุดประสงค์นี้ ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่เธอจะได้อยู่กับเขาแค่สองต่อสอง เพราะแพนซี่ต้องไปเดินตรวจทางเดิน และแครบกับกอยล์ก็คงถูกมัลฟอยไล่ออกมาจากตู้แล้วแน่ ๆ ตอนนี้เป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นที่เธอจะเข้าไปถามเขาถึงเรื่องที่เธอสงสัยได้ และถ้าพลาดจากตอนนี้ไปเธออาจจะไม่มีโอกาสได้อยู่กับเขาตามลำพังอีกต่อไป เพราะเธอและเขาไม่ได้ทำงานร่วมกันอีกต่อไปแล้วตามคำสั่งใหม่ของอาจารย์
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปจนถึงช่วงท้ายขบวนซึ่งมีแต่ตู้ของเด็กสลิธีริน พวกนั้นมองเธออย่างแปลกใจไม่น้อยว่าทำไมเด็กกริฟฟินดอร์อย่างเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้ แต่เนื่องจากเฮอร์ไมโอนี่เป็นพรีเฟ็คจึงไม่มีเด็กบ้านสลิธีรินคนไหนกล้าเข้ามาหาเรื่องเธอเท่าไหร่นัก
เด็กสาวเดินผ่านตู้ของเด็กปีหกกลุ่มหนึ่งและเธอก็ดีใจที่เธอเห็นแครบและกอยล์กำลังสวาปามขนมจำนวนมากอยู่ในตู้นั้น ขณะที่ซาบินี่ เบลสกำลังอ่านนิตยสารควิดดิชอยู่
เฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านตู้ของซาบินี่ไปจนเกือบถึงตู้สุดท้ายของขบวนซึ่งแทบไม่มีใครนั่ง และเธอก็พบมัลฟอยอยู่ที่นั่น เขานั่งอยู่คนเดียวในตู้ ศีรษะของเขาก้มต่ำเหมือนกำลังหลับอยู่ ใบหน้าของเด็กหนุ่มหันออกไปทางหน้าต่าง ผมสีทองของเขาล้อแสงแดดที่ส่องมาจากภายนอก
เฮอร์ไมโอนี่เดินเข้าไปใกล้ประตูตู้ของเขา เธอมองเขาผ่านกระจกที่ฝ้ามัว หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความคิดถึง เด็กสาวรู้สึกดีใจและเจ็บปวดในคราวเดียวกันที่ได้เห็นหน้าเขาอีกครั้ง ราวกันความคิดถึงที่เธอมีต่อเขาตลอดหน้าร้อนที่ผ่านมาซึ่งทับถมอยู่ในอกของเธอนั้นเริ่มล้นปรี่ออกมาเสียแล้ว เฮอร์ไมโอนี่มองภาพเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างโหยหาก่อนจะละสายตามาจากเขาและมองไปรอบด้าน เด็กสาวพอใจไม่น้อยเมื่อเธอพบว่าไม่มีเด็กคนไหนอยู่ตรงทางเดินแถบนี้เลย
เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เฮอร์ไมโอนี่ก็เอื้อมมือที่สั่นเทาของเธอไปจับที่จับประตูตู้ และเปิดมันออกก่อนจะก้าวเข้าไปในตู้นั้น
*************************************************
เดรโก มัลฟอยเผลอหลับไป เขารู้สึกตัวอีกทีเมื่อมีใครซักคนเปิดประตูเข้ามา ในตอนแรกเด็กหนุ่มคิดว่าคงเป็นแครบกับกอยล์หรือไม่ก็แพนซี่ แต่เมื่อเขาลืมตาขึ้นเขากลับพบว่าร่างที่ยืนอยู่ตรงประตูตู้นั้นคือ เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ศัตรูและคนรักของเขา
“เกรนเ......” เด็กหนุ่มทำท่าจะพูด แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นก่อน เด็กสาวหันไปร่ายคาถากันรบกวนที่ประตู เธอดึงม่านลงมาปิดหน้าต่างเพื่อไม่ให้คนข้างนอกมองเข้ามาภายในห้องได้ จากนั้นเธอจึงหันกลับมาหาเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“เธอมาทำอะไรที่นี่” เขาพูดเมื่อเห็นเฮอร์ไมโอนี่เดินมานั่งลงข้างเขา
“เธอก็รู้ว่าฉันมาหาเธอ” เด็กสาวพูดขึ้นทันทีที่เขาถามจบ “ทำไมเธอถึงไม่ไปที่ตู้พรีเฟ็ค”
“นั่นมันเรื่องของฉันเกรนเจอร์ ไม่เกี่ยวกับเธอ” เขาตอบด้วยน้ำเสียงรำคาญใจ แต่เฮอร์ไมโอนี่ดูออกว่าเขาแกล้งทำมันขึ้นมา
“ฉันได้ยินว่าเธอไม่สบายเลยอยากมาดูเธอเท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่ว่า และเพราะคำพูดที่อ่อนโยนของเด็กสาวมันทำให้เด็กหนุ่มมีท่าที่อ่อนลง มัลฟอยหัวเราะในลำคอ
“แพนซี่บอกอาจารย์อย่างนั้นรึ” เขาถามขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“ใช่ นายไม่ได้ไม่สบายหรอกเหรอ” เธอถาม
“เปล่า” มัลฟอยพูดขณะยกแขนขึ้นหนุนศีรษะ “ฉันแค่บอกว่าฉันอยากอยู่คนเดียวไม่อยากให้ใครมากวน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำเลยว่ายายนั่นไปบอกอาจารย์ว่ายังไง” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่โน้มตัวเข้าไปใกล้เขา
“แพนซี่บอกอาจารย์ว่านายไม่สบายเลยไปที่ตู้พรีเฟ็คไม่ได้” เธอพูด
“เธอก็เลยมาตามฉันไปทำหน้าที่อย่างนั้นน่ะเหรอ” เด็กหนุ่มถามขึ้น เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้า
“เปล่า.....ความจริงแพนซี่ต่างหากที่ได้ทำงานร่วมกับนาย ตอนนี้อาจารย์เปลี่ยนคู่พรีเฟ็คใหม่แล้ว อาจารย์ให้พวกเรากลับไปคู่กับพรีเฟ็คบ้านเดียวกันตามเดิม” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย “ตอนนี้นายก็ไม่ต้องทำงานร่วมกับฉันอีกแล้ว”
มัลฟอยเลิกคิ้วเพราะคำพูดของเธอ เขาดูแปลกใจไม่น้อย
“อย่างนั้นเหรอ” เขาเอนศีรษะลงพิงแขนทั้งสองข้างอีกครั้ง
“ใช่” เด็กสาวตอบ และแล้วความเงียบก็เข้ามาปกคลุมทั้งสอง มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่มองหน้ากันและต่างฝ่ายก็ต่างรู้สึกถึงความคิดถึงที่อยู่ในแววตาของอีกฝ่ายหนึ่ง มีแววโหยหาอยู่ในดวงตาสีเทาของมัลฟอยขณะที่เขาใช้มันจ้องมองเธอ
และในวินาทีต่อมา โดยไม่มีการเตือนใด ๆ ทั้งสิ้น เด็กหนุ่มก็คว้าตัวเด็กสาวเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เขามองสำรวจทั่วใบหน้าของเธออย่างโหยหา ราวกับต้องการมองเธอให้เต็มอิ่มเพื่อชดเชยช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสองต้องจากกัน ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ก็สัมผัสใบหน้าของเขาอย่างรักใคร่ ทุกอณูในร่างกายของเธอเรียกร้องเขา พระเจ้า! เธอคิดถึงเขาเหลือเกิน!
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงอะไรเย็น ๆ ที่ไหลจากดวงตามาสัมผัสแก้มของเธอ แต่ก่อนที่มันจะไหลลงไปยังคางของเธอ มือแข็งแกร่งของมัลฟอยก็มาเช็ดมันออกไปเสียก่อน เด็กสาวมองเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างโหยหา เธอกระซิบออกมาเบา ๆ เสียงของเธอสั่นเครือยิ่งนักยามที่เธอพูดออกมา
“ฉันคิดถึงเธอ” เฮอร์ไมโอนี่สารภาพ
มัลฟอยไล้นิ้วโป้งของเขาไปตามแก้มของเด็กสาวจนมันมาสุดที่คางของเธอ เขาจูบแก้มเธอบริเวณที่น้ำตาของเธอไหลออกมาเบา ๆ ราวกับเขาต้องการใช้ริมฝีปากของเขาเช็ดน้ำตาให้กับเธอ
“ฉันเองก็คิดถึงเธอ” เขาพูดพร้อมกับใช้มือของเขาเชยคางของเธอและดึงใบหน้าของเธอให้เงยขึ้น เด็กหนุ่มหลับตาลง เขากำลังจะจูบเธอ แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกัน เฮอร์ไมโอนี่กลับพูดขึ้นมาเสียก่อน
“ฉันมีเรื่องจะถามเธอ”
.................................................
มัลฟอยลืมตาขึ้น เขามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างงุนงง
“ฉันอยากจะถามเธอเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่รวบรวมความกล้าพูดออกมาในขณะที่มัลฟอยจ้องเธออย่างแปลกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหัวเราะในลำคอ เขานึกอยู่แล้วเชียวว่าเธอไม่ได้มาหาเขาเพราะแค่คิดถึงเพียงอย่างเดียวแน่
“ฉันอยากจะรู้ว่า ‘ ความเปลี่ยนแปลง ’ ที่เธอเคยพูดถึงในจดหมายนั้นมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องของเรา มันจะทำให้เรื่องของเรา.....ไม่มีวันเหมือนเดิมได้อย่างไร ฉันอยากให้เธอบอกฉัน รวมทั้งเรื่องพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอที่ตรอกนอร์กเทิร์นในวันนั้นด้วย มัลฟอย ฉันต้องการรู้ความจริงทั้งหมดจากเธอ” เด็กสาวพูดออกมาอย่างมุ่งมั่น แววตาสีน้ำตาลของเธอดูเด็ดเดี่ยวยิ่งนักยามที่มันจ้องมองเขา มันเด็ดเดี่ยวซะจนเด็กหนุ่มแน่ใจว่าเธอคงคิดเรื่องนี้มาเป็นอาทิตย์ก่อนที่จะมาถามเขา
เฮอร์ไมโอนี่มองไปทางมัลฟอยหลังจากพูดจบ เธอรอคอยคำตอบจากเขา แต่เมื่อเธอทำเช่นนั้นเด็กหนุ่มผมบลอนด์กลับลุกขึ้นจากเบาะที่นั่งอยู่แล้วเดินไปยืนอยู่ข้างหน้าต่างแทน
“ฉันเคยพูดแล้วไง เกรนเจอร์ ว่าฉันบอกเธอไม่ได้” เขาพูดอย่างเย็นชาขณะหันหลังให้เธออยู่
“ฉันไม่ได้ต้องการคำตอบแบบนี้ มัลฟอย แต่ฉันต้องการให้เธอบอกฉันถึงสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนั่น” เธอยืนยันเสียงแข็งขณะที่มัลฟอยหันกลับบมาเผชิญหน้าเธอ
“เธอก็รู้ว่าฉันบอกเธอไม่ได้ ฉันให้เธอรู้เรื่องนี้ไม่ได้” เขาพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ
“แล้วถ้าฉันยืนยันว่าฉันต้องการจะรู้ล่ะ” เธอพูดเสียงแข็งพลางจ้องเขาอย่างไม่เกรงกลัว และนี่เป็นครั้งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่าเขาตัวสูงขึ้นมากทีเดียวในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมานี่ เพราะตอนนี้เธอสูงเลยไหล่เขามาหน่อยเดียวเท่านั้น
เด็กหนุ่มถอนหายใจแล้วหลบตาเธอ
“มัลฟอย” เธอพูดพลางยื่นมือมาจับแขนของเขาไว้
“ฉันต้องการรู้จริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เธอถึง.......ทำตัวแปลกไปขนาดนี้ เธอไม่รู้หรือไงว่าฉันกังวลแค่ไหนที่เธอเป็นแบบนี้ เธอรู้ไหมว่าฉันเสียใจแค่ไหนตอนที่เธอบอกฉันว่าเรื่องของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว” เธอพูดด้วยน้ำเสียงปวดร้าว เด็กสาวอยากจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบเมื่อเธอถึงนึกข้อความที่อยู่ในจดหมาย ข้อความที่บอกเธอว่าเรื่องของเขาและเธอจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป!
มัลฟอยมีสีหน้าลำบากใจอย่างที่สุด ความอึดอัดของเขาแสดงออกมาทางดวงตาสีเทาที่ใช้มองเธอ
“ถึงยังไงฉันก็ยังยืนยันคำเดิม เกรนเจอร์” เขาพูดขึ้น
“ฉันบอกเธอไม่ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญอยู่ สิ่งที่อาจจะทำให้เรื่องของเราไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ถึงยังไงฉันก็ยังยืนยันว่าฉันยังคงรักเธอเหมือนเดิม และฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม” มัลฟอยพูดขึ้นด้วยสีหน้าปวดร้าว และเพราะสีหน้านั้นของเขามันทำให้เฮอร์ไมโอนี่เกือบจะใจอ่อน เธอเกือบจะล้มเลิกความตั้งใจในการค้นหาความจริงของเธอเสียแล้วเมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดใจของเด็กหนุ่ม แต่เด็กสาวก็เตือนตัวเองได้ทันว่าเธอมาที่นี่เพื่อจุดประสงค์อะไร เพราะเธอต้องการรู้ความจริงทั้งหมดไม่ใช่หรือ แล้วเธอก็จะไม่ยอมเลิกราจนกว่ามัลฟอยจะยอมบอกเธอถึงสาเหตุที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปถึงขนาดนี้!
“เธอแน่ใจรึมัลฟอยว่าเธอจะไม่มีวันทำร้ายฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ซึ่งมันเป็นเสียงที่เด็กหนุ่มไม่คิดว่าเธอจะใช้กับเขา “อะไรทำให้เธอแน่ใจขนาดนั้นว่าเธอจะไม่มีวันทำร้ายฉัน”
แววตาสีซีดของเราดูปวดร้าวกับคำพูดของเธอ
“เธอไม่เชื่อฉันอย่างนั้นหรือ” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่แปลกแปร่ง
“ฉันไม่ได้ไม่เชื่อเธอ มัลฟอย ฉันแค่ต้องการคำยืนยัน ฉันต้องการรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่ แต่เธอก็ปฏิเสธที่จะบอกฉัน ฉันเองก็อยากจะเชื่อเธอ แต่เธอจะให้ฉันเชื่อเธอได้ยังไงในเมื่อตอนนี้เธอก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว” เด็กสาวเอ่ยขึ้น เธอรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลมาอีกรอบ และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ น้ำตาของเธอไหลมาจากดวงตาสีน้ำตาลคู่สวยอีกครั้ง เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะเช็ดมันออกแต่มัลฟอยเร็วกว่า เด็กหนุ่มยกมือซ้ายของเขาขึ้นเช็ดน้ำตาให้เธอ เด็กสาวมองเขาอย่างสับสนก่อนที่เธอจะนึกอะไรขึ้นได้
เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขวาของเธอขึ้นทาบกับมือของมัลฟอยที่อยู่ตรงแก้มของเธอ เพื่อให้มันแนบกับใบหน้าของเธอก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมา
“ยังไงเธอก็จะไม่ยอมบอกฉันถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถามซ้ำ เดรโกส่ายหน้าอย่างจนใจ
“ฉันขอโทษ เกรนเจอร์ ฉันบอกเธอไม่ได้จริง ๆ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าเขาเสียใจ ในขณะที่เด็กสาวกลืนน้ำลาย ถ้าอย่างนั้นมันก็คงเหลืออยู่ทางเดียวแล้วสินะ ทางเดียวสำหรับเธอในการค้นหาความจริงอันนี้
มัลฟอยจ้องลึกไปในดวงตาเธอ มีแววเสียใจอยู่ในดวงตาสีซีดของเขาขณะที่เขาใช้มันจ้องมองเธอ เด็กหนุ่มละสายตาไปจากเธอพร้อมกับถอนมือของเขาออกจากใบหน้าของเธอ แต่เขาไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เมื่อเฮอร์ไมโอนี่กลับจับมันไว้ มัลฟอยมองเธอด้วยสีหน้าประหลาดใจ และเขาก็พบว่าดวงตาสีน้ำคู่นั้นของเธอจ้องเขากลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว
เฮอร์ไมโอนี่สูดลมหายใจและพูดขึ้นอย่างช้า ๆ
“ถ้าเธอบอกฉันไม่ได้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น มันก็มีอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้ฉันหายสงสัยเกี่ยวกับพฤติกรรมแปลก ๆ ของเธอ โดยที่เธอไม่ต้องอธิบายอะไรทั้งสิ้น” เด็กสาวพูด และก่อนที่มัลฟอยจะทันได้ตีความหมายของสิ่งที่เธอพูดออกมา เฮอร์ไมโอนี่ก็หยิบไม้กายสิทธิ์ของเธอขึ้นมาและชี้ไปที่เขา
“ฉันเสียใจที่ต้องทำแบบนี้ มัลฟอย” เธอพูดพลางชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่คอของเด็กหนุ่มที่มีสีหน้าตกตะลึง
“แต่มันเป็นทางเดียวที่ฉันจะได้คำตอบที่ฉันต้องการ และที่เธอต้องทำก็ไม่มีอะไรมาก แค่เธอเปิดแขนเสื้อข้างซ้ายให้ฉันดูเท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่พูดในขณะที่มัลฟอยหน้าซีดเผือด มือขวาของเขาเลื่อนไปกุมแขนข้างที่มีตรามารอยู่ทันที!
*************************************************
คุยกันหลังอ่านนะคะ
นักอ่านทุกท่านอ่านตอนที่ 9 แล้วอย่าเพิ่งเรียกหาตอนที่ 10 นะคะ อิอิ ส่วนใครที่อ่านแล้วอยากบ่นว่าทำม๊าย ทำไม มันถึงจบได้ค้างคาแบบนี้ คือก็เพราะเราอยากให้มันเป็นอย่างนี้อ่ะนะ อยากให้เพื่อน ๆ ลุ้นกันเล็กน้อย [แอบทรมานคนอ่านค่ะ] แต่สัญญาว่าจะพยายามจัดตอนต่อไปให้เร็ว ๆ นะคะ สำหรับเรื่องที่จะอัพเป็นเรื่องต่อไปคือ เธอคือทาสหัวใจของฉันค่ะ รออ่านกันนะคะ
ตอบคอมเม้นนะคะ
ตอบคุณ 9Lives นะคะ ขอบคุณสำหรับคอมเม้นที่คราวนี้สั้นลงกว่าเดิมนะคะ ความจริงเม้นมายาว ๆ ก็ได้นะคะจะได้คุยกันให้หายคิดถึง ส่วนคอมเม้นของคุณพิกตอบไปให้สั้น ๆ ก่อนอยู่ใน iD ของพิกนะคะ แต่พิกกะว่าจะไปตอบให้ยาว ๆ อีกรอบนึงน่ะค่ะ แต่รอว่าง ๆ ก่อน [กะจะไปตอบให้พรุ่งนี้แหละค่ะ] ส่วนเรื่องที่บอกว่าไม่ได้อัพมานาน ขอสองตอนติดนั้น เอาเป็นว่าจัดให้ตอนเดียวก่อนละกันนะคะ สัญญาว่าตอนต่อไปจะตามมาอย่างรวดเร็ว แต่ตอนนี้ก็ถือว่ายาวกว่าตอนอื่น ๆ ที่ผ่านมาเลยนะคะ เพราะมันมีตั้ง 10 หน้าแน่ะ [มานไม่เกี่ยวเลยนะพิก] เอาเป็นว่าขอโทษด้วยนะคะที่อัพช้าเล็กน้อย จะพยายามปั่นให้เร็ว ๆ นะคะ แล้วเราขอไปตอบคอมเม้นที่เหลือใน iD ของเราแทนนะคะเพราะที่นี่มันจะยาวเกิน อิอิ
ตอบน้องขวัญ ขอบคุณน้องสาวที่น่ารักมากที่ช่วยพี่สแกนคำผิดของตอนที่ 9 นี้ และก็ขอบคุณที่เข้าใจว่าพี่สาวกำลังอยู่ในช่วงมึน ๆ [เพราะแต่งฟิคดึกไปหน่อย] แต่น้องขวัญก็ช่วยพี่ได้เยอะเลยนะคะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
นอกจากนี้ขอบคุณน้องตะวัน นะคะสำหรับคอมเม้นและรูปสวย ๆ พี่มาอัพให้แล้วนะ [ช้าไปรึเปล่า] ขอบคุณ คุณพี่นางฟ้า น้อง apooney คุณ Will_Will คุณ mickey คุณ i_fresh_kab และคุณ NaMeZaa²___,,,♥ สำหรับ กำลังใจ มาอัพให้แล้วนะคะ ถูกใจไม่ถูกใจยังไงกับตอนนี้เข้ามาคุยกันได้นะคะ แล้วเจอกันอีกครั้งพร้อม เธอคือทาสหัวใจค่ะ
ความคิดเห็น