คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : Nightmare [ฝันร้าย]
***Chapter 7 Nightmare [ฝันร้าย] ****
“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างตกใจระคนดีใจ แต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรมากไปกว่านั้นมัลฟอยก็เข้ามาปิดปากเธอไว้เสียก่อน เด็กหนุ่มเหลียวซ้ายแลขวาอย่างระมัดระวัง
“มานี่” เขาคว้าข้อมือของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ก่อนจะลากเธอไปด้านหลังชั้นหนังสือที่ไร้ผู้คน
“นี่มันอะไรกันน่ะ” เธอเอ่ยขึ้นทันทีเมื่อมัลฟอยและเธอหลบอยู่หลังเงามืดของชั้นหนังสือที่สูงจรดเพดาน ตรงนี้เป็นมุมอับที่ปราศจากผู้คนและเงียบเชียบขัดกับบรรยากาศคึกคักด้านล่างของร้านเหลือเกิน
“เธอตามฉันมาทำไม” เด็กหนุ่มถามตามตรง และคำถามนั้นทำเอาเฮอร์ไมโอนี่ต้องหลบตาเขาขณะตอบออกไป
“ฉันเปล่าตามเธอซะหน่อย ฉันแค่จะมาซื้อหนังสือ” เธอเถียง
“มาซื้อหนังสือรึ ทั้ง ๆ ที่หนังสือเรียนทั้งหมดก็มีขายอยู่ข้างล่างแล้วเนี่ยนะ อย่ามาโกหกฉันหน่อยเลยเกรนเจอร์ เธอไม่ได้มาซื้อหนังสือ แต่เธอตามฉันมา เธอตามฉันมาตั้งแต่ฉันเข้าไปที่ร้านบอร์เจ็นและเบิร์กแล้ว” มัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่ตาโต นี่เขารู้ได้อย่างไรกัน
“บอร์เจ็นบอกฉันเรื่องที่เธอเดินทะเล่อทะล่าเข้าไปในร้านของเขาแล้วเกรนเจอร์ และถ้าคิดดูแล้วคนอย่างเธอคงไม่สนใจของศาสตร์มืดสักเท่าไหร่ของ จริงไหม” มัลฟอยพูดพลางเอามือหมุนปอยผมของเฮอร์ไมโอนี่เล่น
แม้การกระทำของเขาจะดูราวกับพวกเขากำลังพูดคุยเรื่องทั่ว ๆ ไปกันอยู่ แต่แววตาสีเทาเยือกเย็นของมัลฟอยกลับบอกเธอว่าเขาไม่เกรงใจเธอแน่หากเธอไม่ยอมพูดความจริงกับเขาเสียที
“ใช่ ฉันไปที่ร้านนั่นจริง ๆ แต่ฉันไม่ได้ตามนายไปเสียหน่อย เอ๋ เดี๋ยวก่อน นายบอกว่าบอร์เจ็นบอกนายว่าฉันเข้าไปในร้านของเขาน่ะเหรอ เขาจะบอกนายได้ยังไงกันในเมื่อนายไม่ได้กลับไปที่ร้านนั้นอีก” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวอย่างสงสัย
“งั้นเธอก็ยอมรับแล้วสิว่าเธอตามฉันไปจริง ๆ น่ะ” เขาพูด
“ถึงฉันจะแอบตามเธอไปก็เถอะ แต่เธอจะรู้ได้ยังไงว่าฉันเข้าไปที่ร้านนั่น ไม่สิ บอร์เจ็นบอกว่าฉันเข้าไปที่ร้านของเขากับนายด้วยวิธีไหนกันนายถึงรู้เร็วขนาดนี้” เธอถามตามตรง มัลฟอยยิ้มมุมปากแปลก ๆ มันเป็นยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ซึ่งเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เห็นมันปรากฏบนริมฝีปากของเขามานานแล้ว
“ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน” เด็กหนุ่มพูดพลางวางแขนลงบนไหล่เธอ
“แล้วมันวิธีไหนกันล่ะ ที่ทำให้บอร์เจ็นสามารถติดต่อกับเธอได้เร็วอย่างนั้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างสงสัย มัลฟอยไม่ตอบเธอ
“นั่นมันเรื่องของฉันเกรนเจอร์”
“ทำไมนายต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ด้วย ทำไมนายถึงต้องการของบางอย่างจากบอร์เจ็น และทำไมนายถึงไม่เอาซื้อมันไปเลยในวันนี้ ทำไมนายต้องถามบอร์เจ็นถึงวีธีการซ่อมของบางอย่างที่เหมือนจะเป็นคู่กันกับของอย่างแรก แล้วทำไมนายถึงต้องเอาคนที่ชื่อ เฟนเรีย เกรย์แบ็กมาขู่เขาด้วย!” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปโดยไม่ทันจะคิด เธอถามคำถามที่เธอสงสัยและอยากรู้ออกไปเสียหมด โดยลืมคิดไปว่าเพราะคำพูดของเธอมันจะทำให้มัลฟอยรู้ว่าบทสนทนาระหว่างเขาและนายบอร์เจ็นนั้นไม่ได้เป็นความลับอย่างที่คิดไว้!
มัลฟอยพุ่งเข้าใส่เฮอร์ไมโอนี่ทันทีที่เธอพูดประโยคสุดท้ายจบ เด็กหนุ่มดันร่างของเธอไปติดกับชั้นหนังสือ แววตาราวโรจน์น่ากลัว
“เธอรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง รวมทั้งเรื่อง ‘ เฟนเรีย เกรย์แบ็ก ’ ด้วย” มัลฟอยถามด้วยสีหน้าดุดัน ในตอนแรกที่บอร์เจ็นส่งข่าวมาถึงเขาว่ามีเด็กสาวผมสีน้ำตาลคนหนึ่งเดินเข้าไปในร้านของเขาเกือบจะทันทีที่มัลฟอยเดินออกมาจากร้าน เธออ้างตัวว่าเป็นเพื่อนของเด็กหนุ่ม และพยายามหลอกถามว่ามัลฟอยได้จองอะไรไว้ในร้านของเขา ตั้งแต่ตอนนั้นมัลฟอยก็รู้ดีว่าเด็กสาวคนนั้นคือเฮอร์ไมโอนี่ และเธอคงตามเขามาที่ร้านของบอร์เจ็นแล้วคงบังเอิญได้ยินอะไรเกี่ยวกับของที่เขาต้องการจองไว้เข้า แต่การที่เฮอร์ไมโอนี่จะรู้เรื่องของ ‘ เฟนเรีย เกรย์แบ็ก ’ นั้นมันคงเป็นมากกว่าความบังเอิญแน่ ๆ
“นี่นายเป็นบ้าอะไรน่ะมัลฟอย ปล่อยฉันนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ เมื่อร่างของเธอตกอยู่ในพันธนาการของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“เธอจะบอกฉันมาดี ๆ หรือเปล่า” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่านั่นคือคำขาด และเมื่อเป็นเช่นนั้นเด็กสาวก็ยอมพูดออกมาแต่โดยดี
“ฉันแอบตามเธอไปที่นั่น และได้ยินที่เธอคุยกับบอร์เจ็นจากหูยืดยาว” เธอสารภาพ
“อ้อ ไอ้ของเล่นนั่นเองเรอะ” มัลฟอยพูดเยาะ ๆ
“เธอรู้จักมันด้วยเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยอย่างแปลกใจ มันคงจะแปลกมากถ้ามัลฟอยจะสนใจของอะไรก็ตามที่ประดิษฐ์ขึ้นโดยฝาแฝดวีสลีย์
“นั่นมันเรื่องของฉัน แล้วเธอได้ยินฉันพูดอะไรกับบอร์เจ็นบ้าง” มัลฟอยถามเธอกลับโดยไม่สนใจที่จะตอบคำถามเธอ
“ก็ได้ยินทั้งหมดนั่นแหละ เราฟังนายคุยกับบอร์เจ็นจนนายออกจากร้านไป”
“เราอย่างนั้นรึ เธอหมายถึงพอตเตอร์กับวีสลีย์รึเปล่า” เมื่อมัลฟอยถามเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ว่าเธอหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไปเสียแล้ว
“เอ่อ” เด็กสาวอีกอัก
“ตอบมา!” เขาพูดพลางออกแรงบีบแขนเล็ก ๆ ของเธอแน่น
“ใช่ ฉันไปกับแฮร์รี่กับรอน พวกเราเห็นนายเดินอยู่นอกร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์คนเดียวเลยตามนายไปที่ร้านบอร์เจ็นและเบิร์ก ฉันรวมทั้งแฮร์รี่กับรอนได้ยินเรื่องที่นายพูดกับบอร์เจ็นตั้งแต่ต้นจนจบจากหูยืดยาว และหลังจากที่นายออกจากร้านมาฉันก็ตัดสินใจตามนายมาคนเดียว เพราะฉันอยากรู้ว่าที่นายทำทั้งหมดนั่นมันอะไรกันมัลฟอย นายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ ทำไมถึงต้องทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อย่างนี้ด้วย!” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปอย่างหมดความอดทน เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่ามัลฟอยเป็นอะไรไป ทำไมเขาถึงทำตัวลึกลับขนาดนี้ แล้วทำไมเขาถึงทำกับเธอแบบนี้ มัลฟอยคนเดิมที่เคยอ่อนโยนกับเธอหายไปไหนเสียแล้ว!
และดูเหมือนกับมัลฟอยเองก็อับจนในคำถามเหล่านี้ของเธอ เด็กหนุ่มไม่ได้ตอบอะไรออกมา แต่เขาก็ดูสงบนิ่งลง แววตาสีซีดดูอ่อนลงกว่าที่เคย
“ฉันบอกเธอไม่ได้” เขาพูดออกมาในที่สุด
“บอกไม่ได้งั้นเหรอ นี่เป็นคำพูดเดียวที่เธอพูดเป็นงั้นสินะ คำก็บอกไม่ได้ คำก็เรื่องของฉัน เธอเป็นอะไรไปน่ะมัลฟอย เมื่อก่อนเธอไม่เคยพูดกับฉันอย่างนี้เลยนี่” เด็กสาวเอ่ยอย่างตัดพ้อ
“ฉันบอกเธอแล้วไงเกรนเจอร์ว่าทุกอย่างระหว่างเรามันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ตอนนี้ชีวิตของฉันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว มันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว” เขาเถียง
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอต้องเจอกับอะไรบ้างตั้งแต่พ่อของเธอถูกจับ แต่ที่ฉันหวังมาตลอดว่าสิ่งที่จะยังคงอยู่ก็คือความรักของเราที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่ฉันไม่นึกเลย....” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง “ฉันยังรักเธอเหมือนเดิม เพียงแต่....”
“เพียงแต่ฉันยังบอกเธอไม่ได้ถึงสิ่งที่ฉันกำลังเผชิญ สิ่งที่ฉันกำลังเจออยู่ในตอนนี้ ฉันบอกเธอไม่ได้จริง ๆ และฉันก็ไม่อาจพูดได้ว่าความรักของเราจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เพราะถ้าฉันพูดออกไปก็เท่ากับฉันโกหก” เด็กหนุ่มพยายามอธิบาย
“ฉันพูดได้แค่ว่า ฉันยังรักเธอเหมือนเดิม และไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอ ฉันสัญญา” มัลฟอยพูดพลางลูบศีรษะเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ เด็กสาวพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ขอโทษนะที่พูดไม่ดีกับเธอน่ะ” เขาพูดพลางลูบแก้มเนียนของเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้เห็นดวงตาสีน้ำตาลคู่นี้ นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้สัมผัสพวงแก้มเนียนของเด็กสาวคนนี้
“ช่างมันเถอะ เธอเคยพูดกับฉันแรงกว่านี้อีกนี่ จำได้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ มัลฟอยยิ้มขึ้นมา เขามองดูเด็กสาวตรงหน้าอย่างห่วงหา ความคิดถึงตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นทบทวีอยู่ภายในอกของเขา
มัลฟอยเลื่อนมือไปสัมผัสผิวรอบดวงตาของเด็กสาวอย่างเบามือ
“ตาเธอหายเขียวแล้วนี่” เขาพูดกวน ๆ ก่อนจะเลื่อนมือลงมาที่ริมฝีปากอวบอิ่ม
นานเท่าไหร่แล้วนะที่เขาไม่ได้สัมผัสริมฝีปากคู่นี้ของเธอ
โดยไม่ได้การบอกล่วงหน้า เด็กหนุ่มก็ก้มหน้าลงไปประทับริมฝีปากกับเด็กสาวตรงหน้า มัลฟอยรั้งร่างของเฮอร์ไมโอนี่มาชิดใกล้มากขึ้นในขณะที่ทั้งสองกำลังแลกจูบที่อ่อนโยนและแสนจะหอมหวานนั้นราวกับทั้งคู่กำลังถ่ายทอดความคิดถึงผ่านริมฝีปากที่สัมผัสกันอยู่
.
เฮอร์ไมโอนี่กลับถึงร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ในเวลาต่อมา แม้ว่าเธอจะไม่อยากแยกจากมัลฟอยเพียงไรก็ตาม และช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ทั้งสองได้พบกันตามลำพังนั้นก็ไม่เพียงพอที่จะให้พวกเขาได้ถ้ายทอดความคิดถึงที่มีต่อกัน แต่เด็กทั้งสองก็ไม่อาจดึงรั้งช่วงเวลาอันแสนหวานนี้ให้ยาวนานออกไปได้ เพราะมัลฟอยเองก็ต้องรีบกลับไปหาแม่ของเขาก่อนที่หล่อนจะสงสัย ในขณะเดียวกันเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจหายไปจากร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์เป็นเวลานานกว่านี้ได้แล้ว
เด็กสาวผลักประตูหน้าร้านออก และพยายามเบียดเสียดกับคนจำนานมากเพื่อเข้าไปในร้าน แต่แม้จะอยู่ท่ามกลางฝูงชนที่แน่นขนัด แต่ก็มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่อยู่ในความคิดคำนึงของเธอ นั่นก็คือถ้อยคำที่เด็กหนุ่มได้ฝากไว้กับเธอก่อนที่ทั้งสองจะจากกัน
‘ จำไว้นะว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอ ’ มัลฟอยกล่าวพลางจูบหน้าผากเฮอร์ไมโอนี่อย่างอ่อนโยนก่อนจะจำใจผละออกจากเธอไป
เฮอร์ไมโอนี่มัวแต่เหม่อลอยอยู่ท่ามกลางฝูงชนจนไม่สนใจเสียงเรียกชื่อของเธอเอง
“เฮอร์ไมโอนี่ เฮอร์ไมโอนี่!” เสียงของรอนดังมาอีกทาง เขาและแฮร์รี่กำลังแหวกผู้คนเพื่อเดินมาหาเธอ
เด็กสาวหันไปเห็นเพื่อนทั้งสอง
“ทำไมเธอไปนานจังล่ะ พวกเรารอเธอตั้งนาน” รอนพูดขึ้น
“นั่นสิ แล้วไหนหนังสือที่เธอว่าจะไปซื้อล่ะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูดเสริม
“คือ พอดีมันหมดน่ะ ฉันก็เลยไม่ได้ซื้อมา” เธอปด
“งั้นเหรอ ฉันว่าเราน่าจะได้เวลากลับแล้วนะ” รอนพูดในมือถือถุงบรรจุของเล่นตลกที่ซื้อมา “แถมแม่ยังเริ่มสงสัยเรื่องที่เราหายไปแล้วล่ะ ถ้ายังไงเรารีบไปให้พ่อกับแม่เห็นหน้าพร้อมกันก่อนที่เขาจะรู้ว่าเราแอบไปทำอะไรมาดีกว่า” เขาเสนอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ทำอะไรนอกจากพยักหน้าและเดินตามรอนไปแต่โดยดี
*************************************************
หลังจากที่เด็ก ๆ กลับมาจากตรอกไดแอกอนปิดเทอมฤดูร้อนดูเหมือนจะผ่านไปรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิมอีกไม่กี่วันพวกเขาก็จะต้องเดินทางกลับฮอกวอตส์แล้ว เด็ก ๆ จึงเลือกที่จะใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของปิดเทอมนี้ให้คุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งสำหรับรอนแล้วหมายถึงการนอนอยู่เฉย ๆ อย่างเกียจคร้านทั้งวัน ซึ่งเป็นการพักผ่อนเพื่อเตรียมตัวรับศึกหนักในช่วงเปิดเทอมของเขา ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นเธอหมกมุ่นอยู่กับหนังสือเป็นส่วนใหญ่ น้อยครั้งเหลือเกินที่ใครต่อใครจะได้เห็นใบหน้าเต็ม ๆ ของเธอนอกจากส่วนตาและคิ้วที่โผล่พ้นปกหนังสือ สำหรับแฮร์รี่นั้นเขาใช้เวลาเกือบทั้งอาทิตย์คาดเดาว่ามัลฟอยเข้าไปทำอะไรในร้านบอร์เจ็นและเบิร์กในวันนั้น
จริง ๆ แล้วแฮร์รี่ไม่ใช่คนเดียวที่ครุ่นคิดเรื่องของมัลฟอยตลอดเวลา เพราะเฮอร์ไมโอนี่เป็นอีกคนที่ครุ่นคิดเรื่องของเขาพอ ๆ หรืออาจจะมากกว่าที่แฮร์รี่เพื่อนของเธอคิดด้วยซ้ำ เพียงแต่เฮอร์ไมโอนี่เลือกที่จะไม่พูดถึงความสงสัยและข้อสันนิฐานของตัวเองออกมา เพราะเธอไม่ต้องการให้เพื่อนทั้งสองคิดว่าเธอสนใจมัลฟอยมากเกินไป และมันอาจจะทำให้เธอเผลอหลุดปากเรื่องที่เธอไปเจอเด็กหนุ่มที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกในวันเดียวกันนั้นออกมาก็ได้
ตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมาแฮร์รี่กับรอนไม่รู้เลยว่าที่เฮอร์ไมโอนี่ตั้งหน้าตั้งหาอ่านหนังสือทุกวันนั้นไม่ใช่เพราะเธอต้องการทบทวนบทเรียนมาตรฐานปีหกใหม่อีกรอบ แต่เธอกำลังศึกษาเครื่องมือและวัตถุที่มีอำนาจต่าง ๆ จากหนังสือ คู่มืออุปกรณ์และวัตถุที่มีอำนาจพิเศษ เพื่อหาว่ามีวัตถุเวทย์มนตร์ใดบ้างที่จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อมีคู่ของมันเท่านั้น
แต่หลังจากผ่านไปหลายวันเฮอร์ไมโอนี่กลับไม่ประสบความสำเร็จในการค้นหาวัตถุเวทย์มนตร์นี้ แถมแฮร์รี่เพื่อนรักของเธอยังพยายามหาทฤษฏีใหม่ ๆ ที่จะมาเป็นคำตอบของพฤติกรรมแปลกประหลาดของมัลฟอยอยู่ทุกวัน ซึ่งทุกครั้งที่แฮร์รี่คาดคะเนได้เด็กสาวก็จำพยายามปฏิเสธความคิดของเขาทุกครั้ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่เห็นด้วยกับความคิดของเพื่อนรักหรอกนะ แต่เธอกลัวที่จะยอมรับมันมากกว่า และที่สำคัญถ้ามัลฟอยเป็นอย่างที่แฮร์รี่พยายามคิดจริง ๆ เธอก็ไม่อยากให้แฮร์รี่เป็นคนรู้เรื่องนี้เร็วนัก การปรามเพื่อนของเธอและพยายามพูดว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นเป็นเรื่องไร้สาระเกินกว่าที่จะเกิดขึ้นได้จริงนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอพอจะทำได้ในตอนนี้
แต่แล้วความอดทนของเฮอร์ไมโฮนี่ก็จบลงเมื่อแฮร์รี่พูดประโยคหนึ่งเข้าหลังจากเข้าพยายามประติดประต่อเรื่องต่าง ๆ เข้าหากันเป็นเวลาหลายต่อหลายวัน
“เขาเป็นผู้เสพความตาย!” แฮร์รี่พูด “เขาเป็นผู้เสพความตายแทนพ่อของเขา!”
เฮอร์ไมโอนี่เอ่ยขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยหลังจากที่รอนระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ดูไม่น่าจะเป็นไปได้นะแฮร์รี่” เธอว่า “อะไรทำให้เธอคิดอย่างนั้น” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
‘ มัลฟอยน่ะเหรอจะเป็นผู้เสพความตาย ไร้สาระน่า! ’ นั่นเป็นความคิดแรกที่ผุดขึ้นในหัวของเฮอร์ไมโอนี่ แต่เมื่อผ่านการตรึกตรองที่ดีแล้ว ความคิดต่อไปก็ตามมา
‘ มันก็อาจจะเป็นไปได้นะที่เขาจะเป็นผู้เสพความตาย หลังจากที่พ่อเขาล้มเหลวเมื่อครั้งก่อนแล้วถูกจับ จอมมารคงต้องการใครสักคนมาทำงานแทนนายลูเซียส และคนที่เหมาะสมที่สุดก็คือเดรโก ลูกชายของเขา ’
เสียงเล็ก ๆ นั้นดังขึ้นในหัวของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อตอกย้ำความคิดที่เลวร้ายนั้น ความกลัวที่สุดของเธอ แต่ถ้าลองมานั่งคิดดูดี ๆ แล้ว การเป็นผู้เสพความตายนั้นสามารถอธิบายถึงพฤติกรรมแปลก ๆ ของมัลฟอยได้ทั้งหมด ความจริงแล้วเฮอร์ไมโอนี่สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ก่อนหน้านี้แล้ว และเธอก็สามารถคาดเดาคำตอบง่าย ๆ นี้ได้ก่อนแฮร์รี่ด้วยซ้ำ แต่ที่เธอไม่อยากจะพูดมันออกไป เป็นเพราะมันคือสิ่งที่เธอกลัว เธอกลัวที่จะต้องรับรู้ว่าผู้ชายที่เธอรักได้กลายเป็นผู้เสพความตาย กลายเป็นสมุนของจอมมารไปแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่ตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตัวเองจนลืมใส่ใจแฮร์รี่ไปเสียสนิท ในตอนนี้เด็กหนุ่มกำลังพยายามหาเหตุผลต่าง ๆ นานามาสนับสนุนความคิดของเขาเอง จนกระทั่งแฮร์รี่หยิบเรื่องตรามารขึ้นมาพูด แต่ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่กลับทำท่าไม่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด ( เฮอร์ไมโอนี่พยายามทำหน้าตาเรียบเฉยที่สุดทั้ง ๆ ที่ในใจของเธอกังวลเป็นอย่างมาก ) แฮร์รี่ก็ผุนผลันออกไป
หลังจากแฮร์รี่เดินออกจากห้องไปรอนก็หันมาพูดกับเฮอร์ไมโอนี่
“เธอคิดว่ามัลฟอยจะเป็นอย่างที่แฮร์รี่พูดไหม” เขาถาม
“ถ้าเธอหมายถึงเป็นผู้เสพความตายล่ะก็ ฉันว่าไม่หรอก ไม่น่าจะเป็นไปได้” เธอพูดเบา ๆ ทั้ง ๆ ที่ในใจปั่นป่วนอย่างร้ายกาจ “อย่างมัลฟอยน่ะ” เธอตั้งท่าจะพูดแต่ก็กลับหยุดชะงักไป
‘ อย่างหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นอกจากตัวฉันแล้ว ก็คือเรื่องของเรา ฉันคงต้องบอกเธอนะว่าต่อไปนี้เรื่องของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ’
ถ้อยคำในจดหมายเพียงฉบับเดียวที่มัลฟอยส่งหาเธอตลอดทั้งหน้าร้อนนี้ผุดขึ้นมาในสมอง
“อย่างเขาน่ะไม่น่าจะเป็นผู้เสพความตายได้ใช่ไหม” รอนต่อให้ “ฉันก็คิดเหมือนเธอแหละเฮอร์ไมโอนี่ ว่าคนที่เธอก็รู้ว่าใครจะเอาเจ้าขี้แพ้นั่นไปเป็นลูกสมุนน่ะนะ บ้าสิ้นดี” เด็กหนุ่มพูดในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเงียบ
“ฉันเองก็หวังอย่าให้เขาเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เลย” เด็กสาวพูด รอนมองเธออย่างแปลกใจ
“ฉันหมายความว่าถ้าเขาเป็นผู้เสพความตายจริง ๆ ก็เท่ากับภาคีต้องเป็นศัตรูกับเขา” เธอตอบ
“ก็ใช่น่ะสิ แต่เธอพูดเหมือนกับว่าตอนนี้เจ้านั่นไม่ได้เป็นศัตรูของเรางั้นแหละเฮอร์ไมโอนี่! ทุกวันนี้เรากับมันก็แทบจะฆ่ากันตายไปข้างนึงอยู่แล้ว” รอนพูด เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้ว
“ฉันแค่เปรียบเทียบน่ะ” เขาต่อเมื่อเห็นสีหน้าของเด็กสาว
“ก็ดีแล้วที่มันเป็นแค่คำเปรียบ” เธอพูดเสียงเรียบ “เพราะถ้ามัลฟอยได้เป็นสมุนจอมมารจริง ๆ แล้วล่ะก็ เรากับเขาก็คงจะต้องฆ่ากันต่างจริง ๆ อย่างแน่นอน” เด็กสาวเดินออกจากห้องทันทีที่จบประโยค รอนมองตามแผ่นหลังของเฮอร์ไมโอนี่ไปอย่างสงสัย ทำไมนะเขาถึงรู้สึกว่าเธอไม่เหมือนเฮอร์ไมโอนี่ที่เขาเคยรู้จัก
*************************************************
ท้องฟ้ายามราตรีมืดมิดดำขลับราวกับกำมะหยี่ปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างสองร่างอยู่บนเนินเขาแห่งหนึ่ง ร่างทั้งสองยืนหันหน้าไปยังทิศทางเดียวกัน ร่างแรกเป็นชายหนุ่มผมบลอนด์ใบหน้าซีดขาวผู้สวมชุดดำตั้งแต่หัวจรดเท้า แววตาสีซีดของเขาราวกับกำลังจ้องมองไปยังที่ไกลแสนไกล ในขณะที่ร่างที่ยืนอยู่ด้านหลังเขานั้นเป็นหญิงสาวผมสีน้ำตาลหยักศก เธอบาดเจ็บที่ไหล่ซ้าย เลือดไหลซึมออกมาจากเสื้อคลุมของเธอ หญิงสาวใช้อีกมือหนึ่งประคองแขนซ้ายไว้
“เธอรู้ใช่ไหมว่ามันจะต้องเป็นอย่างนี้” มัลฟอยถาม เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเล็กน้อย เธอจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยแววตาสีน้ำตาลที่แลดูโศกเศร้าหากแต่อ่อนโยน
ใช่ เธอรู้อยู่แล้วว่ามันต้องลงเอยเช่นนั้น เธอรู้อยู่เต็มอก ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าจะจบเช่นไร แต่เธอก็ยังดึงดันที่จะเดินบนเส้นทางนี้ต่อ ทั้ง ๆ ที่เธอรู้ทั้งรู้ว่าจุดจบของมันไม่น่าพิสมัยเลยแม้แต่น้อย!
“แต่เธอก็ยังรักฉันอย่างนั้นหรือ” มัลฟอยพูด แววตาสีเงินที่จ้องมองเฮอร์ไมโอนี่นั้นดูล้ำลึกยิ่งนัก ราวกับเขาต้องการจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้ไว้เป็นอย่างดี เพราะนี่คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้เห็นเขา
“ฉันรักเธอเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น
“รักทั้ง ๆ ที่ฉันทำอย่างนี้น่ะนะ ฉันสัญญาไว้ว่าจะไม่ทำร้ายเธอ แต่ฉันก็ทำไม่ได้ ฉันรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับเธอไม่ได้!” มัลฟอยพูดอย่างเกรี้ยวกราด! เขาเลือกที่จะระบายอารมณ์ด้วยการระเบิดต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ จนเป็นจุล!
เฮอร์ไมโอนี่ตกใจกับการกระทำของเขาเล็กน้อย แต่เธอรู้จักเขามากพอที่จะเคยชินกับนิสัยชอบทำอะไรรุนแรงของเขาเสียแล้ว
“ฉันไม่เคยโกรธเธอเลยสักนิด” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเดินเข้าไปใกล้เขา หญิงสาวแตะแขนเขาด้วยมือข้างที่ไม่ได้บาดเจ็บ มัลฟอยหันมามองเธอ
“กับเรื่องทั้งหมดที่ฉันทำอย่างนั้นหรือ” มัลฟอยพูดอย่างราวกับจะเย้ยหยันตัวเอง ใช่ เขาทำเรื่องเลวร้ายลงไป เลวร้ายเกินกว่าที่เธอจะใช้อภัย แต่เธอก็ยังคงบอกว่าเธอไม่โกรธเขา
“ใช่ อย่าลืมสิว่าฉันยกโทษให้เธอได้เสมอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยรอยยิ้ม มัลฟอยก้มลงมองบาดแผลของเธอเบา ๆ บาดแผลที่เขาเป็นคนทำ!
“เธอคงเจ็บมากสินะ” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าเล็กน้อยถึงแม้ว่าเธอจะเจ็บมากก็ตาม แต่ความเจ็บปวดที่กายนั้นไม่ได้ครึ่งหนึ่งของความเจ็บปวดที่ใจเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้หัวใจของเธอนั้นราวกับถูกดึงทึ้งออกเป็นชิ้น ๆ
เฮอร์ไมโอนี่โผเข้ากอดมัลฟอย เขารับเธอเข้าไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ลังเล เธอผู้เปรียบเสมือนทุกสิ่งที่อย่างในชีวิตของเขา แต่เขากลับทำร้ายเธอด้วยมือของเขาเอง!
“ฉันขอโทษเฮอร์ไมโอนี่ ฉันขอโทษจริง ๆ ” เขาเอ่ยพลางก้มลงจูบหัวไหล่ของเธอ จูบบาดแผลอันเกิดขึ้นจากฝีมือของเขาบนเรือนร่างของผู้หญิงที่เขารัก
เฮอร์ไมโอนี่ซุกใบหน้าลงในอกอุ่นของมัลฟอย นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้ทำเช่นนี้ นานเท่าไหร่แล้วที่เธอไม่ได
สัมผัสถึงความอบอุ่นจากผู้ชายคนนี้ ชายคนที่เธอรักมากที่สุด ชายผู้เป็นศัตรูของเธอ
ชายผู้เป็นผู้เสพความตาย!
“ฉันรักเธอเดรโก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันก็ยังคงจะรักเธอ แม้ว่าเธอจะเป็นคนที่ทำร้ายฉัน หรือจะเป็นคนฆ่าฉันก็ตามฉันก็จะไม่โกรธแค้นเธอเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูด มัลฟอยหลับตาลง
“ในที่สุดทุกอย่างมันก็ต้องเป็นอย่างนี้สินะ” เขาพูดขึ้น “ในที่สุดฉันก็ต้องเป็นคนฆ่าเธอกับมือใช่ไหม” ชายหนุ่มพูดประโยคที่เจ็บปวดที่สุดออกมา
เฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ในอ้อมกอดของเขาเงยหน้าขึ้นมองมัลฟอย เธอรู้คำตอบดี
“ใช่ ตามคำทำนายเธอต้องเป็นคนฆ่าฉันกับมือ นั่นเป็นบทสรุปเรื่องของเรา” เธอพูดช้า ๆ
มัลฟอยหัวเราะขึ้นมา เขาหัวเราะเบา ๆ ราวกับต้องการเย้ยหยันในโชคชะตาของตนเองที่ช่างกลั่นแกล้งเขานัก โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเขาเหลือเกิน มันทำให้เขาพบผู้หญิงที่เขารักจนหมดหัวใจ มันทำให้เขาและเธอต้องเป็นศัตรูกัน และสุดท้ายนี้มันกำลังจะทำให้เขาต้องฆ่าเธอด้วยมือของเขาเอง!
ชายหนุ่มกอดหญิงสาวเอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับเขากลัวว่าเธอกำลังจะละลายหายไปในอากาศในเวลาต่อมา เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเหมือนเวลาหยุดเดิน บาดแผลที่ไหล่ไม่สร้างความเจ็บปวดให้เธออีกแต่อย่างใด ในอ้อมกอดนี้ทำให้เธอลืมเลือนทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับว่าทั้งโลกนี้มีเพียงเขาและเธอสองคนเท่านั้น
เฮอร์ไมโอนี่สัมผัสความสุขนั้นได้ไม่นานนัก เสียงเฮและเสียงฝีเท้าที่ดังมานั้นปลุกเธอให้ตื่นจากภวังค์ หญิงสาวผละออกจากอ้อมกอดของมัลฟอย
“พวกนั้นกำลังมา” เขาพูดเรียบ ๆ พลางมองไปยังพื้นที่ที่ถูกเนินเขาลูกเล็ก ๆ บังเอาไว้ แววตื่นตระหนกปรากฏบนใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ เธอสบตามัลฟอยอย่างกังวล “มันถึงเวลาแล้ว” เขาเสริม
ถึงเวลาที่จะยอมรับชะตากรรมแล้ว!
“ถ้าอย่างนั้นก็ลงมือเถอะ” หญิงสาวพูดเรียบ ๆ “ฆ่าฉันซะเถอะ”
“ไม่! ฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอ” เขาพูด
“ฆ่าฉันซะ แล้วกลับไปหาพวกนั้น เธอต้องฆ่าฉันตามคำทำนาย เธอถึงจะมีชีวิตรอดต่อไป” เฮอร์ไมโอนี่
“เธอจะให้ฉันฆ่าเธอเพื่อเอาตัวรอดน่ะเหรอ ถ้าอย่างนั้นฉันยอมตายดีกว่า” เขาว่า
“ไม่ เธอต้องฆ่าฉัน รักษาชีวิตได้เดรโก เพื่อฉัน” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น ในขณะที่เสียงเฮนั้นเริ่มเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ
“ไม่ ฉันไม่ทำ ถ้ามีใครจะต้องตายล่ะก็ คน ๆ นั้นก็คือฉัน” มัลฟอยพูดพลางยื่นไม้กายสิทธิ์ในมือของเขาให้เธอ “ฆ่าฉันเถอะเฮอร์ไมโอนี่ ฆ่าฉันแล้วเอาไม้นี่ไปซะ แล้วหนีไป” เขาบอก
“ฉันทำไม่ได้......”
“ต้องได้สิ คำทำนายบอกว่าเราคนใดคนหนึ่งต้องฆ่ากันเอง ถ้าอย่างนั้นฉันขอเป็นฝ่ายถูกเธอฆ่า พอเธอฆ่าฉันแล้วก็หนีไปซะ ก่อนที่จอมมารจะมา” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยน้ำตาที่ไหลพรากเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ
“ฆ่าฉันซะเฮอร์ไมโอนี่ แต่ก่อนฉันตาย ฉันอยากให้เธอรู้ว่าฉันรักเธอ รักเธอเหลือเกิน” เขาพูด แววตาสีซีดของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อเธอ ความรักมากพอที่จะทำให้เขาสละชีวิตตัวเองเพื่อช่วยเธอได้
มือที่ถือไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่นั้นสั่นเทา เธอไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะต้องมาลงเอยแบบนี้ เธอไม่ได้อยากทำอย่างนี้เลย แต่เมื่อสบตาดวงตาสีเทาคู่นั้นแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอร้องครั้งสุดท้ายของมัลฟอยได้
หญิงสาวหลับตาลงพลางชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่มัลฟอยด้วยมือที่วสั่นเทา ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างช้า ๆ เตรียมพร้อมรับชะตากรรม
แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้ร่ายคาถาก็มีเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น
“เอ็กซ์เปลลิอาร์มัส!” ไม้กายสิทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ลอยหวือไปในทันที หญิงสาวหันไปมองทางต้นเสียง
ที่ยืนอยู่ตรงนั้นและเป็นผู้ปลดไม้กายสิทธิ์เฮอร์ไมโอนี่ก็คือจอมมาร! ผู้เสพความตายจำนวนมากตามหลังมาติด ๆ และหนึ่งในนั้นคือลูเซียส มัลฟอย พ่อของเดรโก เขาถึงกับถอดหน้ากากของตัวเองออกมาเพื่อให้มองภาพตรงหน้าชัด ๆ ภาพที่ลูกชายของเขาไปเกลือกกลั้วกับเลือดสีโคลน
“แก!” ลูเซียสคำรามพลางควักไม้กายสิทธิ์ออกมาและตรงไปยังเดรโก แต่จอมมารยกมือห้ามไว้เสียก่อน
“เจ้านาย!” นายมัลฟอยพูด
“ลูเซียส ปล่อยให้ข้าจัดการเอง” เขาพูดด้วยเสียงขู่ฟ่อ ๆ เจ้าแห่งศาสตร์มืดย่างกรายเข้ามา เสื้อคลุมสีดำสะบัดพลิ้วตามแรงลม เขามองดูเชลยทั้งสองด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์
“ผู้เสพความตายสมุนข้ากับนังเลือดสีโคลนคนของดัมเบิลดอร์” จอมมารกล่าว “ช่างโรแมนติกเสียนี่กระไร” เขาเอ่ยอย่างประชดประชัน ผู้เสพความตายที่เหลือพากันหัวเราะครืน
“ข้าควรจะลงโทษพวกเจ้าอย่างไรดี” จอมมารพูด “โดยเฉพาะเจ้าเดรโกเจ้ายังจำได้หรือไม่ว่าโทษฐานของการทรยศข้าคืออะไร” เขาถามพลางยิ้มราวโรจน์
“เจ้านาย ได้โปรดส่งลูกทรยศคนนี้มาให้ข้า ข้าจะจัดการมันด้วยมือของข้าเอง” ลูเซียสเอ่ยขึ้นท่ามกลางเสียงหัวเราะเย้ยหยันของเหล่าผู้เสพความตาย
“เงียบซะลูเซียส!” จอมมารตะคอกด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว “เดรโกเป็นสมุนของข้า ข้าจะลงโทษเขาด้วยตัวข้าเอง” จ้าวแห่งศาสตร์มืดหันไปทางชายหนุ่ม สีหน้าของเขาแสดงออกถึงความขยะแขยงยิ่งนัก
“เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลย เดรโก”
“สิ่งที่ผู้ทรยศควรได้รับคือ.......ความตาย” ชายหนุ่มพูดพลางกลืนน้ำลาย เขาไม่เกรงกลัวความตายเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดคือโทษทัณฑ์ที่ต้องได้รับก่อนที่เขาจะตาย และคนที่จะต้องทนทุกข์ทรมานนั้นไม่ใช่แค่เขา แต่เป็นหญิงสาวที่เขารักด้วย
มัลฟอยชำเลืองตามองเฮอร์ไมโอนี่ที่อยู่ข้าง ๆ จอมมารสังเกตเห็น เขายิ้มเหยียดหยัน
“น่ารังเกียจ ทั้ง ๆ ที่เจ้ามีเลือดบริสุทธิ์ที่สูงส่ง แต่กลับลดตัวลงไปเกลือกกลั้วกับพวกเลือดสีโคลน” จอมมารเอ่ย
“แต่ตัวท่านก็ไม่ใช่เลือดบริสุทธิ์มิใช่รึ” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้น ทุกสายตามองมาทางเธออย่างดุดัน
“นังโสโครก! เจ้ากล้าพูดกับท่านอย่างนั้นเชียวรึ! กล้าเอาริมฝีปากเปื้อนโคลนของเจ้าพูดกับเจ้าแห่งศาสตร์มืด” เบลลาทริกซ์ เลสแสตรงค์เอ่ยอย่างเกรี้ยวกราดชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางเฮอร์ไมโอนี่ด้วยมือที่สั่นเทาด้วยความโกรธ
“เบลลา” จอมมารเอ่ยขึ้นเบา ๆ
“เจ้านายโปรดให้ข้าจัดการกับนางเลือดโสโครกนี่ด้วยเถอะค่ะ มันบังอาจ!” เบลลากรีดเสียง
“ไม่เบลลา ไม่ใช่เจ้า แต่เป็นเจ้าเดรโก!” เจ้าแห่งศาสตร์มืดพูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก ทุกคนหันมามองมัลฟอยเป็นตาเดียว
“ฆ่ามันซะ แล้วข้าจะให้อภัยที่เข้าทรยศ” จอมมารพูดพลางยื่นไม้กายสิทธิ์ในมือคืนให้เขา “ฆ่ามันด้วยมือของเจ้าเอง”
“ไม่! ข้าทำไม่ได้! เจ้านายได้โปรดฆ่าข้าเสีย แล้วปล่อยเธอไป” เดรโกอ้อนวอน
“แก! ถึงขนาดนี้แล้วยังกล้าขัดคำสั่งจอมมารอีกรึ” นายมัลฟอยพูด
“ฆ่านางเสียเดรโก” จอมมารพูดพลางโยนไม้กายสิทธิ์ลงบนพื้นหญ้าตรงหน้าชายหนุ่ม “ไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเสียทั้งคู่”
“ข้ายอมตายพร้อมเธอ ดีกว่าต้องฆ่าเธอด้วยมือของข้าเอง” เดรโกพูดด้วยยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใบหน้าลอร์ดโวลเดอร์มอร์กระตุกด้วยความโกรธ
“ฆ่านางซะ ถ้าไม่อย่างนั้นข้าจะฆ่าพ่อของเจ้าด้วย!” ไม้กายสิทธิ์ในมือโวลเดอร์มอร์ตวัดไปทางลูเซียส มัลฟอยทันที เดรโกเบิกตาโต
“เดรโก ฆ่าฉันเสียเถอะ ลงมือซะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ ด้วยน้ำเสียงกระซิบ เธอรู้ดีว่าตอนนี้ไม่มีทางเลือกสำหรับเขาอีกต่อไป ถ้าเธอไม่ฆ่าเขาซะอีกสองชีวิตก็จะต้องมาสังเวยเพราะเธอ เธอไม่ต้องการเลย
“ฉันทำอย่างนั้นไม่ได้เฮอร์ไมโอนี่ ฉันเคยสัญญากับเธอ” เขาพูด
“ลืมสัญญานั่นซะ ฆ่าฉันแล้วรักษาชีวิตไว้” เธอพูดเบา ๆ แววตาสีน้ำตาลคู่นั้นราวกับจะอ้อนวอนเขา
“เฮอร์ไมโอนี่”
“ลงมือเสียเถอะเดรโก ฉันจะไม่เสียใจเลยที่ตายด้วยมือเธอ”
เดรโกชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางเธอ เขาไม่มีทางเลือกจริง ๆ
“ฉันขอโทษเฮอร์ไมโอนี่” เขาพูด มองเธอด้วยแววตาปวดร้าว
“ฉันไม่เคยโกรธเธอเลย เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับหลับตาลง เธอรู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดนี่มันจะต้องเกิดขึ้น เธอรู้อยู่ตั้งนานแล้ว และเธอก็ยินดีที่จะให้จบลงในแบบนี้ ดีกว่าที่เขาจะต้องสละชีวิตของตัวเองไปพร้อมกับเธอ
แสงสีเขียวที่สว่างวาบบาดตาเป็นสิ่งสุดท้ายที่เฮอร์ไมโอนี่ได้เห็นก่อนที่เธอจะสะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน เด็กสาวหอบหายใจอย่างรุนแรง เหงื่อกาฬไหลชุ่มใบหน้าและแผ่นหลัง!
*************************************************
เด็กสาวมองไปรอบ ๆ ทันทีที่ตื่นและเธอก็รู้สึกดีใจยิ่งนักที่พบว่าเธออยู่ใบห้องนอนของจินนี่ในบ้านโพรงกระต่าย และเหตุการณ์ทั้งหมดที่เธอเห็นเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
เฮอร์ไมโอนี่ลุกขึ้นจากเตียงไปยังหน้าต่าง เธอรู้สึกว่าแผ่นหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ เด็กสาวเปิดหน้าต่างออกเพื่อให้อากาศระบาย คืนนี้เป็นคืนที่อากาศร้อนอบอ้าวยิ่งนัก แต่คงร้อนรุ่มไม่เท่าจิตใจของเฮอร์ไมโอนี่ในตอนนี้
สายลมเย็น ๆ พัดมากระทบใบหน้า เด็กสาวปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ความฝันที่เธอเห็นช่างน่ากลัวยิ่งนัก และมันต่างกับภาพที่เธอเห็นในลูกแก้วคราวที่แล้วเหลือเกิน
‘ ถึงแม้มันจะแตกต่างกัน แต่จุดจบก็เหมือนกันอยู่ดี ’ เฮอร์ไมโอนี่คิดพลางถอนหายใจ ท้ายที่สุดมัลฟอยก็ต้องฆ่าเธอด้วยมือเขาใช่ไหม ไม่ว่ายังไงก็ตามเรื่องมันก็คงต้องลงเอยดังเช่นภาพที่เธอเห็น
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจ เธอมองเห็นอนาคตดำมืดพอ ๆ กับท้องฟ้ายามราตรีอยู่เบื้องหน้า บางทีโชคชะตาก็เป็นสิ่งที่ยากจะฝืน เธอเคยคิดเช่นนั้นมาตลอดจนกระทั่งมีใครบางคนมาหยิบยื่นความหวังให้กับเธอ
‘ฉันสาบานว่าฉันจะไม่มีวันทำร้ายเธอ ไม่มีวัน ’
เสียงของเด็กหนุ่มดังก้องอยู่ในหูของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับเขามากระซิบอยู่ข้างหู
‘ ฉันควรจะเชื่อเธอเหรอมัลฟอย ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้เธอไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ’ เด็กสาวคิด ใช่ ตอนนี้มัลฟอยไม่ใช่คนเดิมที่เธอเคยรู้จักแล้ว เขาเปลี่ยนไป เขามีความลับบางอย่างที่เขาปกปิดเธอ ความลับบางอย่างที่น่าจะเกี่ยวกับเรื่องชั่วร้าย
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ คำพูดของแฮร์รี่เมื่อเย็นก็ผุดขึ้นในหัวของเฮอร์ไมโอนี่
‘ เขาเป็นผู้เสพความตาย! เขาเป็นผู้เสพความตายแทนพ่อของเขา! ‘
เธอหลับตาลงอย่างสับสน ขออย่าให้มันเป็นอย่างที่เธอคิดเลย เพราะถ้าความกลัวของเธอเป็นจริง มันก็เป็นเครื่องยืนยันว่าสิ่งที่เธอฝันอาจจะเป็นจริงเข้าสักวัน!
“เธอคงไม่ได้เป็นผู้เสพความตายจริง ๆ ใช่ไหมมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำ
“พี่เฮอร์ไมโอนี่” เสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเธอ เด็กสาวหันไปมอง จินนี่ยืนอยู่ตรงนั้น เธอสวมชุดนอนสีชมพูพลางขยี้ตาอย่างงัวเงีย “พี่นอนไม่หลับเหรอ”
“จ๊ะ พี่ร้อนก็เลยลุกขึ้นมาเปิดหน้าต่าง เธอคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมจินนี่” เด็กสาวพูด
“ไม่หรอกค่ะ ฉันแค่ตื่นมาแล้วไม่เห็นพี่บนที่นอน ก็เลยลุกมาดู”
“ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ พี่ว่าเราไปนอนกันเถอะ” เธอพูดพลางเดินนำจินนี่กลับไปที่เตียง
เด็กสาวทั้งสองเข้านอนโดยไม่รู้เลยว่าในสถานที่ที่ไกลออกไป ภาพเหตุการณ์ทั้งหมดในห้องนั้น ตั้งแต่ความฝันที่น่าสะพรึงกลัวของเฮอร์ไมโอนี่ จนถึงภาพที่เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงนั้นปรากฏอยู่ในลูกแก้วสีขาวขุ่น โดยมีดวงตาสีดำขลับของโรสเฝ้าสังเกตอยู่ไม่ห่าง
***********************************************
ความคิดเห็น