คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : นาร์ซิสซา มัลฟอย: Narcissa Malfoy
***Chapter 6 นาร์ซิสซา มัลฟอย: Narcissa Malfoy***
เด็กสาวรู้สึกว่าเพิ่งล้มตัวลงนอนไปได้ครู่เดียวเท่านั้นก็มีคนมาปลุกเธอให้ตื่นขึ้นแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นด้วยท่าทีงัวเงีย แต่สิ่งที่ปรากฏสู่สายตาของเธอกลับไม่ใช่เพดานสีเทาหม่นอย่างที่คุ้นเคย แต่กลับเป็นดวงตาสีเงินและริมฝีปากเรียวซีดที่มีรอยยิ้มเย้ยหยันอยู่
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่อุทาน รีบดีดตัวพรวดขึ้นจากที่นอน แต่มัลฟอยกลับกดร่างของเธอไว้ได้ทัน
“ตกใจอะไรกันเกรนเจอร์” เขาพูดเสียงเจ้าเล่ห์
“นายเข้ามาทำอะไรที่นี่!” เธอถามอย่างตกใจ พร้อมกับพยายามดิ้นรนให้หลุดจากการเกาะกุมของเด็กหนุ่ม แต่แรงของเขามีมากเหลือเกิน
“ฉันมีสิทธิ์ไปได้ทุกที่ในบ้านของฉัน” มัลฟอยตอบ “และฉันก็มีสิทธิ์ในทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของตระกูลมัลฟอย” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่าแววตาสีเงินของเขาโลมเลียไปทั่วร่างกายของเธออย่างจงใจ
“รวมทั้งตัวของเธอด้วยยายเลือดสีโคลน!” มัลฟอยแผดเสียง พร้อมกับก้มลงไปประกบปากเธออย่างรวดเร็ว เฮอร์ไมโอนี่กรีดร้อง ความหวาดกลัวแล่นจับขั้วหัวใจ
“อย่า!” เธอร้องเมื่อมัลฟอยละริมฝีปากจากปากของเธอ และค่อย ๆ เลื่อนมาที่ซอกคอขาวผ่อง อีกมือหนึ่งของเขาฉีกทึ้งเสื้อผ้าของเธอออกอย่างไม่ปราณี!
“ไม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่ม่!!!!!!!!!!!!!!”
“คุณคะ คุณคะ” เสียงแหลมเล็กดังขึ้นพร้อมกับมือน้อย ๆ ที่ออกแรงเขย่าร่างของเฮอร์ไมโอนี่อย่างร้อนรน
“คุณคะ เป็นอะไรไปคะ” เสียงแหลมเล็กของเอลฟ์ประจำบ้านฟังดูราวกับมันกำลังตกใจ ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาและเธอก็พบกับดวงตาสีฟ้าที่คุ้นเคย
ดีน่านั่นเอง
“เป็นคุณอะไรหรือเปล่าคะ” เสียงของเอลฟ์สาวดีน่าฟังดูหวาดหวั่น มันได้ยินเสียงเฮอร์ไมโอนี่กรีดร้องและดิ้นรนมาซักครู่หนึ่งแล้ว
เด็กสาวค่อย ๆ ยันกายขึ้นจากเตียง เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นบนใบหน้า เธอค่อย ๆ มองไปรอบ ๆ ห้องอย่างหวาดกลัว และพบว่าเธอกำลังอยู่ในห้องนอนของตัวเอง แต่ว่าไม่มีมัลฟอยอยู่ด้วย เด็กหนุ่มไม่ได้อยู่ในห้องนี้ เขาไม่ได้ทำอะไรเธอ มันเป็นเพียงความฝันเท่านั้น
เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก และยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก มันช่างเป็นความฝันที่เหมือนจริงเสียเหลือเกินและมันทำให้เธอหวาดกลัวได้จับใจทีเดียว
“คุณคะ” ดีน่าพูด เพื่อเรียกให้สายตาที่เหม่อลอยของเฮอร์ไมโอนี่มาหยุดอยู่ที่มัน
“มีอะไรหรือดีน่า” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ เธอรู้สึกราวกับน้ำเสียงได้เหือดหายไปหมด
“นายน้อยให้เธอมาตามคุณไปพบค่ะ” เอลฟ์พูดขึ้นอย่างระมัดระวัง “นายน้อยบอกว่าต้องการให้คุณคืนไม้กายสิทธิ์ของนายน้อยมา”
ความหวาดกลัวจากฝันร้ายเมื่อครู่ยังไม่ทันจางไป ก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่มาปลุกเร้าความกลัวในจิตใจของเฮอร์ไมโอนี่ให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก เพราะตอนนี้มัลฟอยรู้แล้วว่าไม้กายสิทธิ์ของเขาหายไป และเขาก็คงเดาได้ง่าย ๆ ว่าใครเป็นคนหยิบมันไป
เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น ดวงตาสีน้ำตาลมีแวววิตก ถ้าเธอไม่ยอมคืนมันให้มัลฟอย เขาคงต้องใช้กำลังบังคับเอามันมาแน่ แต่ถ้าเธอคืนไม้กายสิทธิ์ให้มัลฟอยไปก็เท่ากับว่าเธอปล่อยโอกาสที่จะหนีออกจากที่นี่ให้หลุดมือไปตลอดกาล
“คุณคะ กรุณาคืนไม้กายสิทธิ์ให้นายน้อยเถอะค่ะ” ดีน่ารบเร้า
“แล้วถ้าฉันบอกว่ามันไม่ได้อยู่ที่ฉันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดโดยพยายามบังคับน้ำเสียงให้ดูเป็นปกติ
“แต่นายน้อยบอกว่ามันอยู่กับคุณ และถ้าคุณไม่ยอมคืนมันให้นายน้อยไปดี ๆ” พอพูดถึงตรงนี้ดีน่าก็ทำสีหน้าหวาดกลัว “นายน้อยจะมาเอามันคืนด้วยตัวนายน้อยเองค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น
เด็กสาวรู้ดีถึงความหมายที่ดีน่าต้องการจะบอกเธอ ว่ามัลฟอยคงโกรธแค่ไหนถ้าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมคืนไม้ให้เขา และเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเวลาที่เขาโกรธนั้นมันเป็นอย่างไร
แววตาสีน้ำตาลของเด็กสาวฉายแววครุ่นคิด จนในที่สุดเธอก็ได้คำตอบที่ดีต่อตัวเธอที่สุดออกมา
“ก็ได้ ฉันจะคืนมันให้เขา” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงเรียบ
“ขอบคุณค่ะ คุณ ขอบคุณมากค่ะ” ดีน่าพูดอย่างดีอกดีใจ
“แต่เดี๋ยวฉันจะเอาขึ้นไปให้เขาที่ห้องเองนะ เธอไปทำอย่างอื่นก่อนเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับดีน่า เอลฟ์สาวมองเธออย่างสงสัย
“แต่ คุณคะ.....” มันลังเล
“เดี๋ยวฉันจะเอาไปให้เขาเอง เชื่อฉันสิ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับยิ้มให้มัน ดีน่าพยักหน้าช้า ๆ อย่างเข้าใจ ก่อนจะหายตัวไป
พอเฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่าดีน่าได้ออกไปจากห้องแล้ว เด็กสาวก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาจากลิ้นชัก เธอมองมันแล้วถอนใจ นี่คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว
.................................................
หลังจากนั้นเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอคิดผิดจริง ๆ ที่บอกดีน่าว่าจะเอาไม้กายสิทธิ์ไปคืนมัลฟอยเอง เพราะว่าเธอแทบจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าห้องนอนของมัลฟอยนั้นอยู่ส่วนไหนของบ้าน
ความจริงจะเรียกว่าบ้านก็ไม่ถูกนัก เพราะคฤหาสน์มัลฟอยนั้นกว้างขวางเกินกว่าที่เรียกว่าบ้านธรรมดาได้นั่นเอง และถึงแม้เฮอร์ไมโอนี่จะอยู่ที่นี่ในฐานะคนรับใช้ก็ตาม แต่ครอบครัวมัลฟอยก็ไม่ได้อนุญาตให้เธอเข้าไปในบริเวณที่เป็นห้องนอนของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
และสำหรับห้องนอนของเดรโกนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็เพิ่งได้เข้าไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือตอนที่เธอไปเฝ้าไข้เขา มันจึงเป็นอะไรที่ลำบากไม่น้อยที่จะหาห้องของเขาให้เจอภายในคฤหาสน์ที่กว้างขวางเช่นนี้
หลังจากเดินวนอยู่นาน หนทางที่คดเคี้ยววกวนของคฤหาสน์มัลฟอยทำให้เฮอร์ไมโอนี่หลงทาง เธอแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เธออยู่ส่วนไหนของคฤหาสน์ จนในที่สุดเด็กสาวก็เดินพรวดพราดไปชนกับนางนาร์ซิสซาเข้า
ทั้งเฮอร์ไมโอนี่และนางมัลฟอยต่างล้มลงกับพื้น
“ขอโทษค่ะ” เด็กสาวพูดพลางช่วยประคองเธอให้ลุกขึ้น และสิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกหลังจากสัมผัสตัวนางนาร์ซิสซาก็คือ นางไม่ได้มีท่าทีรังเกียจกับการที่ทีเลือดสีโคลนอย่างเฮอร์ไมโอนี่มาแตะต้องตัวแต่อย่างใด
“คุณเป็นอะไรไหมคะ คุณนายมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูด หลังจากช่วยเธอให้ลุกขึ้นยืนได้แล้ว
แต่นางมัลฟอยกลับไม่ตอบเธอ ดวงตาสีฟ้าของนางดูเหม่อลอยอย่างแปลกประหลาด และเฮอร์ไมโอนี่ก็สังเกตุเห็นว่า วันนี้เธอไม่ได้มีเอลฟ์มาคอยติดตามเช่นทุกวัน
“เอ่อ ความจริงหนูไม่ได้ตั้งใจเข้ามาแถวนี้หรอกนะคะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับนาง
“มัลฟอย เอ่อ เดรโกเขาเรียกหนูไปพบที่ห้องน่ะคะ แต่หนูหลงทาง”
“คุณพอจะบอกทางไปห้องเดรโก ให้หนูได้ไหมคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม แต่นางมัลฟอยกลับนิ่งเงียบ
“คุณนายมัลฟอยคะ เอ่อ ช่วยบอกทางไปห้องเดรโกให้หน่อยได้ไหมคะ หรือไม่คุณก็ไปกับหนูไหมคะ หนูคิดว่าคุณคงอยากไปเยี่ยมเขา” เฮอร์ไมโอนี่พูด
เพราะตั้งแต่มัลฟอยป่วย เธอก็ไม่เห็นแม่เขาเคยมาเยี่ยมเขาสักครั้ง ซึ่งถ้าเป็นครอบครัวเธอถ้าเธอไม่สบายอย่างนั้น แม่ของเธอคงต้มซุปร้อน ๆ ให้ทานและมานอนเฝ้าไข้เธอไปแล้วแน่ ๆ
แต่นางมัลฟอยก็ยังคงนิ่งเงียบ
“คุณนายมัลฟอยคะ คุณจะไปเยี่ยมเดรโกกับหนูไหมคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเป็นครั้งสุดท้าย
เธอชักเริ่มสงสัยในพฤติกรรมแปลก ๆ ของนางนาร์ซิสซาเสียแล้วสิ แต่ในที่สุดนางก็ตอบคำถามของเด็กสาวกลับมา แม้คำพูดนั้นจะเป็นแค่เสียงแผ่วเบาก็ตาม
“เดรโก” นางพูดเหมือนละเมอ
“เดรโกคือใคร”
เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะถามนางนาร์ซิสซาต่อว่า เธอจำลูกชายตัวเองไม่ได้หรือ เพราะว่า เดรโก มัลฟอยก็คือลูกชายแท้ ๆ ของเธอ แต่เด็กสาวไม่มีโอกาสทำเช่นนั้น เพราะว่ามีเอลฟ์ประจำบ้านปรากฏตัวขึ้นและพานางนาร์ซิสซาเข้าห้องนอนไปเสียก่อน
และเอลฟ์ตัวนั้นก็กำชับกับเฮอร์ไมโอนี่อย่างหนักแน่น เช่นเดียวกับที่เดรโกเคยบอกเธอตั้งแต่วันแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่แล้วว่าอย่ามายุ่งหรือเข้าใกล้แม่ของเขาอีก
แม้จะตกใจอยู่มาก แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็สามารถพาตัวเองไปให้ถึงห้องนอนของมัลฟอยได้โดยอาศัยความช่วยเหลือจากเอลฟ์ประจำบ้าน และสิ่งแรกที่เธอยินหลังจากที่มัลฟอยรู้ว่าเธอมาถึงแล้วคือ
“เธอหายไปไหนมายายเลือดสีโคลน” เด็กหนุ่มพูด เขากำลังนอนอยู่บนเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ของเขา สวมชุดสีดำสนิท ศีรษะถูกพันด้วยผ้าพันแผลสีขาวที่มีเลือดซึม
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบอะไร เธอเดินไปหาเขาที่เตียงช้า ๆ และยื่นไม้กายสิทธิ์ให้
มัลฟอยรับมันมาและพิจารณาไม้กายสิทธิ์ของเขาอย่างสงสัย
“เธอไม่ได้ทำอะไรกับมันใช่ไหม” เด็กหนุ่มถาม
“ฉันไม่ได้ทำอะไรกับมัน” เธอตอบ มัลฟอยลองเอาไม้กายสิทธิ์มาโบก และเสกลูกไฟสองสามลูกออกมาจากปลายไม้ จากนั้นเด็กหนุ่มก็ลองตรวจสอบคาถาสุดท้ายที่ไม้อันนี้ใช้ โดยใช้ไม้กายสิทธิ์สำรองอีกอันที่เขาเก็บไว้ในลิ้นชัก
“แสดงว่าเธอไม่ได้ทำอะไรกับมันจริง ๆ” มัลฟอยพูด ก่อนจะเก็บไม้กายสิทธิ์ของเขาไว้ในเสื้อคลุม และมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยแววตาที่อ่อนลง
“ทำไมเธอถึงไม่หนีไปเกรนเจอร์” มัลฟอยถามขึ้นขณะที่เด็กสาวเลิกคิ้ว
“ทำไมถึงไม่หนีไปตั้งแต่ตอนที่เธอตีหัวฉัน เธอมีไม้กายสิทธิ์ เธอมีโอกาสที่จะหนีไปจากที่นี่”
“เพราะฉันไม่อยากจะกลายเป็นฆาตรกรโดยไม่ตั้งใจน่ะสิ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ “ถ้านายตายไป สิ่งที่ฉันทำมันก็จะกลายเป็นตราบาปติดตัวฉันไปตลอดชีวิต” เด็กสาวพูด
“เธอจะบอกว่าเธอเป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่งอย่างนั้นรึเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดอย่างขัน ๆ
“ฉันไม่ได้อยากทำตัวเป็นคนดีหรอก แต่ฉันไม่ได้อยากให้ตัวเองเป็นฆาตกร เพียงเพราะต้องฆ่านาย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
มัลฟอยมองเธออย่างแปลกใจ เช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่ เธอมองมัลฟอยเต็มตา และเฮอร์ไมโอนี่ก็สังเกตว่าที่จ้องเธอกลับมาไม่ใช่แววตาสีเงินที่เต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและดูแคลนอย่างเมื่อก่อนอีกแล้ว แต่มันหมายความว่าอะไรนั้นเธอไม่อาจบอกได้
เสียงป็อปดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของเอลฟ์ประจำบ้านตัวหนึ่ง ดีน่านั่นเอง
“จดหมายของนายน้อยเจ้าค่ะ” มันพูด พร้อมกับส่งจดหมายซองสีดำสนิทให้มัลฟอย
“จากใคร” เด็กหนุ่มถาม
“นายท่านเจ้าค่ะ” ดีน่าตอบ “นายให้เรียนนายน้อยว่านายท่านจะกลับมาที่นี่ในอีกสองสามวัน” ดีน่าพูดขึ้นพร้อม ๆ กับมัลฟอยที่ฉีกซองจดหมายออก และเริ่มอ่าน
ถึงเดรโก
ฉันติดธุระสำคัญ อีกสักสองสามวันฉันจะกลับคฤหาสน์ และจะอยู่ที่นั่นซักพัก เพราะอาทิตย์หน้าฉันต้องไปภารกิจให้กับจอมมาร เป็นงานใหญ่เชียว และคงไม่ได้กลับบ้านอีกนานพอดู
แต่ท่างานนี้สำเร็จ เราก็จะเริ่มดำเนินการขั้นต่อไปเลย นั่นก็คือการใช้ยายเด็กเลือดสีโคลนนั่นเป็นตัวล่อแฮร์รี่ พอตเตอร์ ออกมา เพราะฉะนั้นแกต้องเฝ้ายายเด็กนั่นไว้ให้ดีล่ะ เพราะเธอเป็นเหยื่อล่อชิ้นเยี่ยมของเรา
แล้วที่สำคัญ ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ แกดูแม่แกไว้ดี ๆ ด้วย ถ้าเธอเกิดขัดขืนขึ้นมา ก็ทำอย่างที่ฉันเคยทำแทนฉัน เข้าใจไหม
ป.ล. ที่สำคัญ ถ้าแกอ่านจดหมายนี้แล้วทำลายมันทิ้งทันที
จาก พ่อของแก
เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจอย่างมากที่เห็นมัลฟอยขยำจดหมายในมือแน่นทันทีที่อ่านจบ และดูจากสีหน้าของเด็กหนุ่มนั้นราวกับเขาต้องการขยี้มันให้แหลกคามือ
“มัลฟอย
” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้นเบา ๆ เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไรออกมา ในไม่ช้า เขาก็ควักไม้กายสิทธิ์ออกมาและร่ายคาถาจุดไฟใส่มัน
จดหมายที่ติดไฟไหม้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนจะร่วงลงบนพื้น และเด็กหนุ่มก็เสกมันให้หายไปได้เพียงแค่เขาตวัดไม้กายสิทธิ์เพียงครั้งเดียว
“มีอะไรรึมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเขา แววตาสีเงินของมัลฟอยตวัดมามองที่เด็กสาว คราวนี้มันไม่ใช่แววตาที่เขาใช้มองเธอเมื่อครู่อีกต่อไปแล้ว
เพราะแววที่เด็กหนุ่มใช้มองเฮอร์ไมโอนี่คราวนี้มันทำให้เด็กสาวหวาดกลัวได้ทีเดียว
“มัลฟอย มีอะไร......” เฮอร์ไมโอนี่รวบรวมความกล้าเพื่อจะพูดขึ้น
“มันไม่เกี่ยวกับเธอยายเลือดสีโคลน!” เด็กหนุ่มตวาดก้อง เฮอร์ไมโอนี่ถึงกับก้าวถอยหลังไปเล็กน้อยด้วยความตกใจ
“ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งหรอกนะ” เธอสวนขึ้นทันควัน ทั้งความโกรธทั้งความกลัวปะปนกันไปหมด
“แต่การที่เธอต้องการให้ตัวเองดูเข้มแข็ง เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเห็นความอ่อนแอของเธอมันเป็นเรื่องที่โง่มาก ๆ เลยนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“เธอเป็นคนรับใช้ของฉันนะเกรนเจอร์ ฉันไม่ได้ใช้ให้เธอมาเทศนาหรือมาสั่งสอนอะไรฉัน!” มัลฟอยตะโกน “หรือแม้แต่มายุ่งกับเรื่องของครอบครัวฉัน!”
“ฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเรื่องของครอบครัวนายหรอกนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดเบา ๆ
“ถ้าฉันไม่บังเอิญรู้ว่าแม่ของนายไม่รู้ด้วยซ้ำว่านายคือใคร” ทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบ มัลฟอยก็ตาลุกโพลง เขาลุกขึ้นจากเตียงและย่างสามขุมมาที่เฮอร์ไมโอนี่ทันที!
“เธอมายุ่งอะไรกับแม่ฉัน!!!” มัลฟอยพูด เขาดูโมโหมากกว่าทุกครั้งที่เธอเคยเห็น
“ฉันไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งกับแม่ของเธอสักนิด” เฮอร์ไมโอนี่พูด เธอพยายามทำสีหน้าเรียบเฉย ทั้ง ๆ ที่เธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะข่มความหวาดกลัวเอาไว้
“ฉันแค่ถามแม่เธอเท่านั้นเองว่าอยากไปเยี่ยมเธอกับฉันไหม แต่แม่เธอจำเธอไม่ได้ หล่อนไม่รู้ว่าเดรโก มัลฟอยคือใคร” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปก่อนที่เธอจะห้ามตัวเองทัน
และเด็กสาวก็คาดว่าเธอจะได้เห็นแววตาสีซีดที่แทบจะลุกเป็นไฟอีกครั้งหนึ่งแล้ว เหมือนกับตอนที่มัลฟอยเกือบจะกำลังขืนใจเธอ! แต่มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น แววตาที่เคยดูโกรธเคืองของเขากลับอ่อนลง ถ้าเฮอร์ไมโอนี่มองไม่ผิด มันเกือบจะเปลี่ยนเป็นโศกเศร้าด้วยซ้ำ เด็กหนุ่มทรุดตัวลงบนเตียงอย่างหมดแรง เขาดูอ่อนล้าและทุกข์ทรมาน
“แม่ฉัน เขาจำฉันไม่ได้เลยรึ” มัลฟอยพูดขึ้นช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงที่เลื่อนลอยและผิดหวัง และเพราะคำพูดของเขาคำนี้เอง มันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกผิดที่เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง
“เธอถามฉันว่าเดรโกคือใคร” เฮอร์ไมโอนี่เล่า มัลฟอยยกมือขึ้นเสยผมสีบลอนด์อย่างลวก ๆ
“มันเกิดอะไรขึ้นกับแม่ของนายมัลฟอย เธอความจำเสื่อมเหรอ หรือเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ทำไมเธอถึงจำนายไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้นอย่างขลาด ๆ
“เธอไม่ได้ความจำเสื่อม” มัลฟอยพูด แววตาสีซีดของเขามองเลยใบหน้าเธอออกไปยังหน้าต่างสู่ท้องฟ้าด้านนอก มันดูเหม่อลอยและสิ้นหวังยิ่งนัก เด็กหนุ่มเค้นคำพูดต่อไปออกมาจากปากอย่างยากเย็น
“แต่เธอถูกพ่อเสกคาถาสะกดใจใส่มาตลอดเวลาหนึ่งปีที่ผ่านมานี่ต่างหาก”
*************************************************
ความคิดเห็น