คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Diagon Alley [ตรอกไดแอกอน]
*** Chapter 6 Diagon Alley [ตรอกไดแอกอน]***
วันหยุดช่วงปิดเทอมนั้นผ่านไปรวดเร็วราวกับสายลมร้อนที่พัดผ่าน เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าเธอมาพักอยู่ที่บ้านโพรงกระต่ายได้ไม่นานนักก็ได้เวลาเปิดเทอมเสียแล้ว เด็กสาวได้พบกับแฮร์รี่ในอาทิตย์ที่สองที่เธอมาพักอยู่กับครอบครัววีสลีย์ ดัมเบิลดอร์เป็นคนพาเขามาส่งที่บ้านโพรงกระต่ายด้วยตนเอง และในเช้าวันเดียวกันนั้นผลสอบว.พ.ร.ส. ของพวกเขาก็มาถึง
เฮอร์ไมโอนี่ได้ ‘ ดีเยี่ยม ’ จากว.พ.ร.ส. ทั้งหมดสิบตัว และ ‘ เกินความคาดหมาย ’ หนึ่งตัวจากวิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด ส่วนรอนและแฮร์รี่ได้คะแนนในระดับพอใช้แต่พวกเขาก็ดูมีความสุขดี
หลังจากได้รับจดหมายจากฮอกวอตส์และเมื่อนางวีสลีย์ยืนยันว่าถึงเวลาที่พวกเด็ก ๆ จะต้องไปซื้อของใช้สำหรับเทอมใหม่กันได้แล้ว ในวันเสาร์ครอบครัววีสลีย์ แฮร์รี่ และเฮอร์ไมโอนี่จึงยกขบวนกันไปที่ตรอกไดแอกอน
ตรอกไดแอกอนในเวลานี้นั้นเงียบเหงามาก ร้านหม้อใหญ่รั่วที่เคยคึกคักกลับร้างผู้คน ภายในตรอกที่เคยแน่นขนัดและเต็มไปด้วยร้านรวงที่มีผู้คนคึกคักในตอนนี้กลับดูเงียบเหงา ร้านบางร้านก็ติดป้ายบอกไว้อย่างเด่นชัดว่าปิดกิจการ ส่วนบางร้านนั้นก็ปิดไปเฉย ๆ โดยไม่บอกกล่าว แถมบางร้านก็ดูราวกับเจ้าของถูกลากไปเก็บหรือโดนลักพาตัวไปอย่างกระทันหัน เพราะเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เดินผ่านร้านไอศครีมของฟลอเรียน ฟอร์เตสคิวเธอก็พบว่าร้านทั้งร้านนั้นถูกทำลายยับเยิน เก้าอี้ที่ขาหักกลิ้งระเนระนาดอยู่ภายในร้าน บานกระจกหน้าร้านแตกกระจาย ร่มสีสันสดใสขาดวิ่น
แต่เหมือนว่าสิ่งที่มาทดแทนร้านรวงที่ปิดไปนั้นจะเป็นแผงขายของซึ่งตั้งเรียงรายอยู่ริมทาง มีพ่อมดแก่หง่อมและแม่มดใบหน้าซีดเซียวยืนขายเครื่องรางป้องกันภัยอยู่อย่างเหงาหงอย
..
[ ขออ้างอิงจากเล่ม 6 นิดนึงเน้อ ]
หลังจากตกลงกันเป็นอันเรียบร้อยว่าจะแยกกันเป็นสองกลุ่ม โดยแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่จะไปที่ร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้นโดยมีแฮกริดเป็นผู้ดูแล ส่วนนายและนางวีสลีย์รวมทั้งจินนี่ก็จะไปซื้อหนังสือที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่รวมทั้งแฮกริดจึงรีบก้าวยาว ๆ ผ่านแผงลอยเหล่านั้นมุ่งตรงไปยังร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้น เมื่อมาถึงร้านพวกเขาก็มองผ่านกระจกร้านเข้าไป ในตอนแรกเด็ก ๆ คิดว่าในร้านไม่มีลูกค้า จนกระทั่งเด็กหนุ่มคนหนึ่งโผล่มาจากผ้าม่านตรงหลังร้าน เด็กหนุ่มคนนั้นมีใบหน้าแหลมเสี้ยม ผิวซีดเผือดและผมสีบลอนด์เกือบขาว มัลฟอยนั่นเอง! แต่คราวนี้เขาไม่อยู่ตามลำพังแต่หากมีแม่ของเขา นาร์ซิลซาร์ มัลฟอยมากับเขาด้วย
ไม่นานมัลฟอยก็มองเห็นพวกเขาผ่านทางกระจกเงาภายในร้าน เด็กหนุ่มยิ้มมุมปากอย่างเหยียดหยันก่อนจะเริ่มพูดถากถางเฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่และรอนชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่มัลฟอยทันทีที่เขาทำเช่นนั้น เฮอร์ไมโอนี่รีบเข้ามาห้ามเพื่อนทั้งสองไว้ก่อนที่แฮร์รี่และรอนจะสาปมัลฟอยให้เป็นตัวเฟเร็ต แต่ถึงเธอทำเช่นนั้นมัลฟอยก็ยังไม่หยุดพูดจาถากถางเธอเสียที เด็กหนุ่มสังเกตุเห็นดวงตาเขียวปั๊ดของเฮอร์ไมโอนี่ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ใครทำตาเธอเขียวล่ะเกรนเจอร์ ฉันจะได้ส่งดอกไม้ไปให้พวกนั้น”
แฮร์รี่และรอนตั้งท่าจะตอบโต้ แต่มาดามมัลกิ้นเข้ามาห้ามไว้ได้ทัน เธอขอร้องให้นางมัลฟอยห้ามช่วยหยุดพวกเขาไว้ก่อนที่จะมีเรื่อง แต่การห้ามครั้งนี้ดูเหมือนจะยิ่งเป็นการราดน้ำมันลงบนกองไฟเสียเปล่า ๆ เมื่อแฮร์รี่เริ่มปะทะคารมกับนางนาร์ซิลซาร์แทนที่จะเป็นมัลฟอย
“เก็บไม้กายสิทธิ์ไปซะ ถ้าพวกเธอโจมตีลูกชายฉันอีก ฉันจะทำให้แน่ใจว่านั่นเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเธอจะได้ทำ” นาร์ซิลซาร์ มัลฟอยพูดเสียงเย็น
“งั้นเหรอ จะไปตามผู้เสพความตายเพื่อนคุณมาฆ่าเราหรือไง” แฮร์รี่พูดอย่างไม่เกรงกลัว
“ฉันเห็นแล้วว่าการเป็นคนโปรดของดัมเบิลดอร์ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจเรื่องความปลอดภัยอย่างผิด ๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์” นางมัลฟอยพูด “แต่ดัมเบิลดอร์จะไม่ได้อยู่ปกป้องเธอตลอดไปหรอกนะ”
“ว้าว....ดูสิ...เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ในตอนนี้” แฮร์รี่พูดขึ้นหลังจากที่แกล้งทำเป็นมองไปรอบ ๆ “ถ้างั้นทำไมไม่ลงมือเลยล่ะ พวกเขาอาจจะหาห้องขังคู่ในอัซคาบันให้คุณกับสามีขี้แพ้ของคุณก็ได้!”
ทันทีที่แฮร์รี่พูดเช่นนั้นมัลฟอยก็ออกหน้าปกป้องแม่ของเขาในทันที
“แกอย่าบังอาจพูดกับแม่ของฉันอย่างนั้นเชียวนะพอตเตอร์” มัลฟอยขู่ ใบหน้าเป็นสีชมพูด้วยความโกรธ
“ไม่เป็นไรเดรโก แม่คิดว่าพอตเตอร์คงจะไปสมทบกับซีเรียสที่รักก่อนที่แม่จะไปพบกับคุณพ่อแน่ ๆ ” นางนาร์ซิลซาร์ตอบโต้
แฮร์รี่ยกไม้กายสิทธิ์ขึ้นทันทีที่เธอพูดจบ ราวกับว่าคำว่า ‘ ซีเรียส ’ นั้นไปกระตุ้นต่อมโกรธหรืออะไรสักอย่างในตัวเขา มาดามมัลกิ้นมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีตกใจราวกับเธอกลัวว่าแฮร์รี่จะพังร้านของเธอในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง เธอเลื่อนมือสั่นเทาไปจับแขนซ้ายของมัลฟอยหมายจะเลิกเสื้อคลุมขึ้น
มัลฟอยสะดุ้งและโวยวายขึ้นมาในนาทีนั้นพร้อมกับทิ้งเสื้อคลุมที่ลองแล้วเรียบร้อยลงแทบเท้า เด็กหนุ่มแลดูอารมณ์เสียอย่างเห็นได้ชัด เฮอร์ไมโอนี่มองท่าทีของเขาอย่างนึกประหลาดใจ
สองแม่ลูกเดินออกไปจากร้านในทันทีโดยทิ้งมาดามมัลกิ้นที่ดูจะระอากับมารยาทของทั้งสองไว้เบื้องหลัง เฮอร์ไมโอนี่มองตามแผ่นหลังของมัลฟอยไปจนกระทั่งเขาหายลับไปจากร้าน
*************************************************
หลังจากซื้อเสื้อคลุมเสร็จแล้ว แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ก็ตรงไปสมทบกับนายวีสลีย์ พวกเขาทั้งหมดแวะไปซื้อของอีกสองสามที่ก่อนจะตรงไปยังร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ของเฟร็ดกับจอร์จ
ร้านของเฟร็ดกับจอร์จนั้นเป็นร้านที่มีคนแน่นขนัดและคึกคักที่สุดในตรอกไดแอกอน ผู้คนในร้านแน่นจนเกือบจะล้นออกมาข้างนอก เด็ก ๆ พยายามเบียดเสียดเข้าไปภายในตัวร้านอย่างยากลำบากเพื่อชื่นชมสินค้าที่น่าทึ่งของพวกเขา
ภายในร้านนั้นดูแน่นขนัดกว่าที่คิด รอบ ๆ เต็มไปด้วยชั้นใส่ของตลกมากมายที่บัดนี้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า กล่องอาหารว่างเลี่ยงงานกองสูงเกือบจรดเพดาน ไม้กายสิทธิ์ปลอมมากมายเสียบอยู่ในโถที่ติดราคาไว้ต่าง ๆ กัน ชุดหนองน้ำกระเป๋าหิ้วที่ฝาแฝดเคยทดลองใช้ที่โรงเรียนเมื่อปีที่แล้ววางเรียงรายกันอยู่บนชั้น
เฮอร์ไมโอนี่เบียดเสียดผู้คนเข้าไปหาฝาแฝดวีสลีย์เพื่อจะขอยาแก้อาการตาช้ำของเธอ ในขณะที่แฮร์รี่ รอน และจินนี่นั้นเริ่มเดินสำรวจรอบ ๆ ร้าน หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่สามารถรักษาให้ตาของเธอกลับมาเป็นอย่างเดิมได้ เด็กสาวก็หันไปสมทบกับคนอื่น ๆ ที่เหลือ แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่คงได้แต่เพลิดเพลินไปกับของเล่นตลกภายในร้านไปอีกนานแน่ ๆ ถ้าแฮร์รี่ไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นมัลฟอยเดินอยู่ตรงถนนนอกร้านเพียงคนเดียวเสียก่อน
หลังจากการปรึกษาหารือกันเพียงชั่วครู่ เด็กทั้งสามก็ตัดสินใจว่าจะตามมัลฟอยไป แฮร์รี่ใช้ผ้าคลุมล่องหนคลุมพวกเขาทั้งสามคนไว้และลอบออกจากร้าน พวกเด็ก ๆ ติดตามมัลฟอยไปจนกระทั่งถึงตรอกนอกเทิร์น เด็กหนุ่มผมบลอนด์เหลียวซ้ายแลขวาอย่างระแวดระวังก่อนจะหายเข้าไปในร้านบอร์เจ็นและเบิร์ก
เมื่อประตูร้านปิดลงเด็กทั้งสามก็รู้สึกว่าการแอบตามมัลฟอยมานั้นเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง เพราะพวกเขารู้แค่ว่าเด็กหนุ่มแอบหนีแม่ของเขาออกมาที่ร้านนี้ แต่ไม่รู้จุดประสงค์ในการมาของมัลฟอยจนกระทั่งรอนดึงหูยืดยาวออกมาจากกระเป๋ากางเกง
จากบทสนทนาระหว่างมัลฟอยและนายบอร์เจ็นที่พวกเขาได้ยิน แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่สามารถสรุปได้ว่ามัลฟอยต้องการให้บอร์เจ็นบอกวีธีซ่อมอะไรสักอย่างแก่เขา ซึ่งมัลฟอยไม่สามารถนำมันมาซ่อมที่ร้านนี้ด้วยตัวเองได้ และนอกจากนั้นมัลฟอยยังสั่งให้บอร์เจ็นเก็บของบางสิ่งบางอย่างไว้ให้เขา ฟังดูเหมือนมันเป็นของคู่กันกับชิ้นที่มัลฟอยต้องการจะซ่อม
ในตอนแรกมิสเตอร์บอร์เจ็นก็ทำท่าราวกับไม่อยากตกปากรับคำ จนกระทั่งมัลฟอยก้าวไปใกล้เขาและเปิดเผยบางสิ่งบางอย่างให้นายบอร์เจ็นเห็น
นายบอร์เจ็นทำท่าตกใจอยู่ชั่วครู่ ใบหน้าของเขาซีดเผือดและมันยิ่งซีดขึ้นไปอีกเมื่อมัลฟอยเอาคนชื่อ เฟนเรีย เกรย์แบ็กมาขู่เขา และเมื่อมัลฟอยทำเช่นนั้นนายบอร์เจ็นก็ยอมทำตามที่เขาต้องการอย่างง่ายดาย
หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มัลฟอยก็เดินออกมาจากร้านด้วยท่าทีภาคภูมิใจ แม้ว่าใบหน้าของเด็กหนุ่มจะแลดูพึงพอใจ ริมฝีปากยิ้มกระหย่องแต่ดวงตาของนั้นเขากลับดูกังวลใจอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยเห็นมาก่อน ราวกับว่าเขาพยายามบังคับตัวเองให้ทำแลดูมั่นใจในสิ่งที่ทำอยู่ ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้วเขาอยากจะวิ่งหนีไปจากมันไกล ๆ เลยด้วยซ้ำ
เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยเดินไปจนลับสายตา เด็กสาวขมวดคิ้ว แววตาสีน้ำตาลแลดูเคร่งเครียดเนื่องจากเธอกำลังไตร่ตรองเรื่องทั้งหมดที่เธอเพิ่งได้ยินเมื่อครู่ รวมไปทั้งท่าทีประหลาดของมัลฟอยที่ร้านของมาดามมัลกิ้นด้วย สิ่งเหล่านั้นมันสื่อถึงอะไรนะ มัลฟอยต้องการจะทำอะไรกันแน่ และสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นั้นมันเป็นผลมาจาก ‘ ความเปลี่ยนแปลง ’ ที่เกิดขึ้นในชีวิตของเขาอย่างที่เขาเคยเอ่ยถึงในจดหมายหรือเปล่านะ แล้วมันเป็นเช่นนั้นจริงทำไมมันถึงจะส่งผลกระทบต่อความรักระหว่างเขาและเธอด้วยล่ะ!
หลังจากผ่านการระดมสมองไปชั่วครู่ เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอไม่สามารถหาคำตอบให้กับข้อสงสัยทั้งหมดของเธอได้ เพราะในตอนนี้เธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามัลฟอยกำลังจะทำอะไร เธอไม่รู้แม้กระทั่งว่ามัลฟอยจองของสิ่งใดในร้านบอร์เจ็นและเบิร์กไว้ จากที่แฮร์รี่เคยเล่าให้ฟังร้าน ๆ นี้นั้นเต็มไปด้วยของพวกศาสตร์มืด และพ่อของมัลฟอยก็เคยเอาของส่วนตัวมาขายที่นี่ในตอนที่กระทรวงระดมกำลังค้นหาสิ่งของพวกศาสตร์มืดอยู่ด้วย
เฮอร์ไมโอนี่มองผ่านกระจกที่เต็มไปด้วยฝุ่นของร้านบอร์เจ็นและเบิร์กไปโดยคิดว่าเธอจะได้เห็นของที่มัลฟอยได้จองเอาไว้ ทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้ มีของศาสตร์มืดตั้งเป็นร้อย ๆ ชิ้นในนั้น และเธอก็ไม่รู้เลยว่าชิ้นไหนเป็นของที่มัลฟอยต้องการ
จู่ ๆ เด็กสาวก็คิดอะไรบางอย่างได้ เธอมุดออกจากผ้าคลุมล่องหนและเดินตรงไปยังร้านบอร์เจ็นและเบิร์กก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะเรียกเธอกลับมาทัน มือสั่นเทาของเฮอร์ไมโอนี่ผลักประตูที่เต็มไปด้วยฝุ่นออก เธอเดินเข้าไปในร้านทันทีโดยไม่สนใจฟังเสียงเรียกของแฮร์รี่และรอน!
..
การเข้าไปสืบข้อมูลของเฮอร์ไมโอนี่ในร้านบอร์เจ็นและเบิร์กนั้นล้มไม่เป็นท่า แน่นอนว่านายบอร์เจ็นจะรู้ว่าเธอมาเพื่อจุดประสงค์อะไร และเขาก็จัดการตะเพิดเธอออกมาในเวลาไม่ถึงห้านาทีที่เธอเหยียบเข้าไปในร้านของเขา
แม้ความพยายามครั้งแรกจะล้มเหลว แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ท้อถอย เธออยากรู้สิ่งที่มัลฟอยกำลังวางแผนจะทำพอ ๆ กับที่เธออยากรู้เหลือเกินว่าทำไมเรื่อง ๆ นี้อาจจะส่งผลให้ความรักของทั้งสองไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป แม้แฮร์รี่กับรอนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอบ้าบิ่นมากที่เดินเข้าไปในร้านของนายบอร์เจ็นอย่างนั้น แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่สนใจคำพูดของเพื่อนทั้งสอง เธอตั้งใจแล้วว่าจะต้องสืบให้ได้ว่ามัลฟอยกำลังจะทำอะไร และถ้าการกระทำของเขาในครั้งนี้มีจะส่งผลให้ความรักของเธอและเขาไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมอีก เธอก็จะทำทุกวิถีทางที่จะหยุดเขา ไม่ว่ามันจะเป็นอย่างไรก็ตาม เธอก็จะหยุดเขาให้ได้! เธอจะยอมทำทุกทางเพื่อไม่ให้ความรักของเธอในครั้งนี้ต้องจบลง!
หลังจากเดินออกจากตรอกนอกเทิร์นมาได้ไม่นาน ในขณะที่รอนกำลังบ่นถึงการกระทำของเฮอร์ไมโอนี่ที่ร้านบอร์เจ็นและเบิร์กไม่จบเสียที เด็กสาวก็เสนอให้เพื่อนทั้งสองกลับไปที่ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์ก่อนเพราะว่าเธอต้องการไปซื้อของที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกเพิ่มเติม
“แต่แม่ฉันก็ซื้อหนังสือมาให้พวกเราครบตามรายการแล้วนี่” รอนแย้งออกมาทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบ
“มันก็จริง แต่ฉันอยากจะไปซื้อหนังสือไว้อ่านเล่น ๆ สักสองสามเล่มน่ะ ความจริงฉันก็ดู ๆ ไว้แล้วล่ะว่าจะซื้อเล่มไหน แต่ฉันไม่กล้ารบกวนคุณนายวีสลีย์ให้ไปซื้อให้หรอก แค่หนังสือของพวกเราสามคนก็หนักจะแย่อยู่แล้ว” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย
“งั้นให้พวกเราไปเป็นเพื่อนสิ” แฮร์รี่พูดขึ้น รอนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ไม่ได้หรอก พวกเราแอบออกจากร้านมานะ เธอสองคนต้องกลับไปที่ร้านให้คุณกับคุณนายวีสลีย์เห็นว่าเธอสองคนไม่ได้หายไปไหน ไม่งั้นพ่อกับแม่เธอจะสงสัยเอานะรอน” เธอพูดอย่างมีเหตุมีผล
“แล้วพ่อกับแม่จะไม่สนเรื่องที่เธอหายไปหรือเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดขึ้นบ้าง
“ไม่หรอก ถ้าเธอบอกว่าฉันอยู่ซักที่ในร้านน่ะ พ่อกับแม่ของเธอก็เห็นว่าเราไปไหนด้วยกันเสมอ อีกอย่างในร้านก็คนเยอะจะตายไปพวกเขาคงไม่สงสัยหรอกว่าฉันหายไป แต่ถ้าเราหายไปทั้งสามคนนาน ๆ ล่ะก็พวกเขาอาจจะสงสัยได้” เฮอร์ไมโอนี่พูดราวกับเธอไตร่ตรองเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน
“แต่เราก็เป็นห่วงเธอนะเฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่แย้งขึ้นมา “ยังไงเราไปด้วยกันดีไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกฉันไปคนเดียวได้”
“แต่.....” แฮร์รี่ตั้งท่าจะพูด
“ฉันไม่เป็นไรหรอกน่าแฮร์รี่ ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกน่ะอยู่ห่างออกไปแค่สิบห้าเมตรเอง พวกเธอทำอย่างกับจะปล่อยให้ฉันเดินเข้าป่าต้องห้ามตามลำพังอย่างงั้นแหละ” เด็กสาวพูดอย่างหนักแน่นจนเพื่อนทั้งสองคล้อยตามและยอมแยกกับเธอตรงนั้นเพื่อให้เธอได้ไปที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึก
หลังจากที่แฮร์รี่และรอนเดินจากไปจนลับตา เฮอร์ไมโอนี่ก็เดินไปอีกทางหนึ่งของตรอก เธอตรงไปยังร้านตัวบรรจงและหยดหมึก แต่จุดประสงค์ในการมาที่ร้านของเธอในคราวนี้แตกต่างกับที่เคยบอกเพื่อนทั้งสองไว้โดยสิ้นเชิง
..
ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกยังคงแน่นขนัดอยู่บ้างเมื่อเทียบกับร้านอื่น ๆ ในตรอกไดแอกอน อาจจะเป็นเพราะว่าตอนนี้เป็นช่วงใกล้เปิดเทอมแล้ว พวกเด็ก ๆ จึงพากันมาซื้อตำราเรียนที่ต้องใช้ในเทอมต่อไป
เฮอร์ไมโอนี่มองหามัลฟอยทันทีที่เขาไปในร้าน ที่เด็กสาวแน่ใจดีว่ามัลฟอยจะต้องมาที่ร้านนี้ก็เพราะตอนที่เธอเจอเขาที่ร้านเสื้อคลุมสำหรับทุกโอกาสของมาดามมัลกิ้นเธอไม่เห็นมัลฟอยหรือนางนาร์ซิลซาร์ถือถุงหนังสือออกจากไปร้านแต่อย่างใด และนางมัลฟอยก็พูดอยู่หยก ๆ ว่าจะพาลูกชายไปตัดชุดคลุมที่ร้านทไวล์ฟิตต์และทิตติ้งแทน เมื่อคำนวณเวลาในการลองเสื้อคลุมกับเวลาในการซื้อของใช้จิปาถะอื่น ๆ แล้ว มัลฟอยก็น่าจะมาที่ร้านตัวบรรจงและหยดหมึกเป็นเวลาพอ ๆ กับที่แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่ร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์
เพราะนักเรียนส่วนมากมักจะเลือกซื้อหนังสือเป็นอย่างสุดท้ายเสมอ เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ได้แบกมันไปที่ร้านอื่น ๆ ให้วุ่นวาย อีกอย่างก็คือตอนที่แฮร์รี่เห็นมัลฟอยเดินอยู่ตรงถนนหน้าร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์นั้นทางที่เขามาเป็นทางไปร้านตัวบรรจงและหยดหมึก เฮอร์ไมโอนี่กล้าพนันได้เลยว่าเขาต้องแอบหนีแม่ของเขาไปที่ร้านบอร์เจ็นและเบิร์กตอนที่เขาอยู่ที่ร้านหนังสือโดยอ้างว่าต้องการดูหนังสือสักพักแน่ ๆ
หลังจากพยายามมองหาอยู่ชั่วครู่เฮอร์ไมโอนี่ก็เห็นศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีบลอนด์เงินที่เธอคุ้นเคยอยู่ตรงบริเวณชั้นสองของร้าน เด็กสาวรีบเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนทันที
บนชั้นสองเงียบเหงาและแทบจะไม่มีคนต่างกับชั้นแรกโดยสิ้นเชิง เด็กสาวเดินไปยังชั้นหนังสือตรงที่เธอเห็นมัลฟอยยืนอยู่จากข้างล่างแต่เธอก็พบว่ามันปราศจากผู้คน เด็กสาวมองสำรวจชั้นหนังสืออย่างผ่าน ๆ ก่อนจะหยุดสายตาที่หนังสือเล่มหนาเล่มหนึ่ง เด็กสาวยื่นมือไปสัมผัสปกสีทองของมันเบา ๆ พลางนึกไปถึงวันที่เธอเจอกับมัลฟอยที่นี่เมื่อปีที่แล้ว
ในตอนนั้นเธอและเขายังคงเป็นศัตรูกันอยู่เลย เฮอร์ไมโอนี่จำได้ดีว่าวันนั้นเธอกับมัลฟอยต่างเลือกที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้เหมือน ๆ กัน และเรื่องราวในวันนั้นก็จบลงด้วยการต่อสู้ระหว่างเธอกับเขา
เด็กสาวนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นพร้อมกับยิ้มอย่างเศร้า ๆ น่าแปลกเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่ไม่ถึงปีก่อนเธอยังเป็นศัตรูกับเขาอยู่เลย แต่จู่ ๆ เมื่อเวลาผ่านไปเธอกับเขาก็กลับมารักกันอย่างเช่นวันนี้ เธอและเขารักกันทั้ง ๆ ที่รู้ว่าความรักของทั้งสองเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้นเลย
เฮอร์ไมโอนี่ละมือจากปกหนังสือไปอย่างช้า ๆ ในขณะนั้นเองเสียง ๆ หนึ่งก็ดังขึ้นด้านหลังเธอ
“คิดถึงฉันนักรึไง”
เฮอร์ไมโอนี่หันไปด้านหลังทันทีและที่เธอได้พบก็คือเด็กหนุ่มที่เธอคิดถึงและอยากเจอมากกว่าอะไรทั้งหมด
*************************************************
ความคิดเห็น