ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : การกักบริเวณ
***Chapter 5  การกักบริเวณ***
เดรโก  มัลฟอยกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธีรินที่มีผู้คนคับคั่ง  ตรงหน้าของเขามีรายงานวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ที่เขาต้องทำให้เสร็จ  เพราะว่ามัลฟอยยังมีการบ้านวิชาอื่นอีกมากมายที่ต้องจัดการ 
“ทำงานอยู่หรือมัลฟอย” เสียงหวานทักเขา  มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมอง  แพนซี่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลนักและในไม่ช้าเธอก็เข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เขา  “วิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์” เธอพูด  ชะโงกดูรายงานของมัลฟอย
“นี่พวกเธอยังทำมันไม่เสร็จอีกหรือ” แพนซี่ถาม หันไปมองแครบกับกอยส์ที่มีสภาพไม่ต่างจากมัลฟอยเท่าไหร่นัก
“ก็เราไม่ได้มีเวลาว่าง ๆ อย่างเธอนี่แพนซี่  พวกเราต้องซ้อมควิดดิชนะ” กอยส์พูด  แต่แพนซี่ไม่สนใจเขา  เธอกำลังตรวจดูรายงานที่มัลฟอยทำอยู่
“เธอเขียนผิดนี่” แพนซี่พูดเอานิ้วชี้ไปที่บรรทัดหนึ่งของรายงาน “ปีที่ก็อบลินให้โรงแรมในฮอกมี้ดส์เป็นสถานที่สำหรับปฏิวัติก็คือปี 1612 ไม่ใช่ 1621” เธอว่า  มัลฟอยขีดรายงานของเขาทิ้งเป็นครั้งที่สาม  เขาไม่ถนัดพวกวิชาท่องจำเอาเสียเลย  และทันทีที่เขาแก้จุดที่ผิดเสร็จ  เสียงของแพนซี่ก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“แล้วก็เธอยังเรียงลำดับเหตุการณ์ไม่ถูกนะ  อาจารย์สั่งไม่ได้ให้เราเขียนเรื่องสงครามและการแบ่งแยกดินแดนก่อนนี่  ที่อาจารย์ต้องการก็คือ..........” แพนซี่พูด  มัลฟอยรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญ  แค่งานที่อยู่ตรงหน้าก็มากพอสำหรับเขาแล้ว
“พอเถอะแพนซี่” เขาพูด “ฉันคิดว่าฉันน่าจะทำด้วยตัวเองได้”
“ทำไมล่ะมัลฟอย” แพนซี่แย้งด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด “ฉันคิดว่าฉันน่าจะช่วยเธอได้บ้างนะ  อีกอย่างเธอทำ
งานพวกนี้คนเดียวไม่ไหวหรอก  ถ้าไม่มีใครช่วยน่ะ” เด็กสาวพูด โบ้ยใบ้ไปทางการบ้านอีกเป็นกองที่เขายังทำไม่เสร็จ
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็เอางานทั้งหมดนี่ไปทำเองเสียเลยสิ  ถ้าเธอเก่งนักล่ะก็” มัลฟอยพูดผลักม้วนกระดาษรายงานไปหาเด็กสาว  หนังสือเล่มโตไปขนขวดหมึกที่อยู่ใกล้ ๆ จนหกเประเปื้อนรายงานไปหมด  แต่มัลฟอยไม่มีท่าทีว่าจะเก็บมันขึ้นมาแม้แต่น้อย  เขากลับลุกขึ้นจากเก้าอี้และกำลังจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นรวม  แครบและกอยส์ทำท่าจะลุกตาม
“ไม่ต้องตามฉันมา” เขาสั่งกับลูกน้องทั้งสองก่อนที่จะหายลับไป  ทิ้งแพนซี่ที่ทำหน้าไม่พอใจเอาไว้เบื้องหลัง
.................................................
มัลฟอยเดินไปตามระเบียงอย่างหงุดหงิด  เขารู้สึกรำคาญใจที่แพนซี่คอยมาเกาะแกะเขาตลอดเวลา  แถมตอนนี้เธอยังทำตัวอวดเก่งเสียด้วย  ถึงแม้ว่าจริง ๆ เธออาจจะหวังดีกับเขาก็ได้  แต่การกระทำของเขาทำให้เธอนึกถึงใครบางคน
ภาพของเด็กสาวผมสีน้ำตาลผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง  และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรก ๆ ในเวลาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้  มัลฟอยยังจำได้ดีถึงวินาทีที่เขาก้มลงสัมผัสริมฝีปากเนียนนุ่มของเธอ  ผิวขาวเนียนท่ามกลางไอน้ำที่ลอยขึ้นมาจากสระ  ใบหน้าที่เป็นสีแดงน้อย ๆ  และเรือนร่างที่เปียกน้ำของเธอ
มัลฟอยหลับตาลง  หลังของเขาสัมผัสกำแพงหินเย็นเฉียบ แต่ความรู้สึกร้อนรุ่มในวันนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม  วันที่เขาจูบเธอ
เขาไม่ควรนึกถึงเธอสิ  เธอมันก็แค่นังเด็กเลือดสีโคลนอวดดี  แถมยังเป็นพื่อนรักกับเจ้านักบุญพอตเตอร์และเจ้ายาจกวีสลีย์ที่เป็นศัตรูตัวฉกาจกับเขา  เธอเป็นพวกเลือดสีโคลนที่เขารังเกียจ  เธอเป็นคนที่เขาสมควรจะรังเกียจ
แล้วทำไมเขาต้องนึกถึงเธอด้วยล่ะ..............?
เด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างสงสัย  แต่เขาก็ไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้
‘ ฉันต้องไม่คิดถึงเธอสิ  ฉันต้องไม่คิดถึงเธอ ‘ มัลฟอยคิค  แต่เขาไม่อาจทำตามสิ่งที่เขาพร่ำบอกตัวเองไว้ได้  เด็กหนุ่มได้แต่พึมพำด้วยความสับสน
“เธอทำอะไรกับฉันยัยเลือดสีโคลน!”
*************************************************
  เฮอร์ไมโอนี่ย่ำเท้าไปตามทางเดินอย่างหงุดหงิด  เธอหันไปดุเด็กกริฟดอร์สองสามคนที่พูดคุยเสียงดัง  แต่สาเหตุที่ทำให้เธออารมณ์เสียจริง ๆ กลับไม่ใช่เด็กกริฟฟินดอร์เมื่อครู่  หรือเฟร็ดกับจอร์จแต่อย่างใด  แต่กลับเป็นมัลฟอย
เด็กสาวเดินมาหยุดที่ริมระเบียง  ลมหนาวพัดเข้ามาปะทะร่างกาย  หิมะสีขาวกำลังโปรยปรายอยู่ภายนอกปราสาท  เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากช้า ๆ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องอาบน้ำพรีเฟ็ค  แล้วจู่ ๆ เธอก็กลับนำมันไปเช็ดกับหลังมืออย่างแรง
เธอไม่ได้ต้องการจูบกับเขาเสียหน่อย!
เฮอร์ไมโอนี่ถูริมฝีปากกับหลังมือหลายต่อหลายครั้ง  ราวกับต้องการลบรอยสัมผัสของมัลฟอย  แต่การกระทำนั้นก็ไม่อาจลบเลือนความจริงที่ว่าเธอได้จูบกับเขาไปแล้วได้
ซักครู่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกเจ็บ  เด็กสาวหยุดมือ  เธอพึมพำออกมาอย่างเคียดแค้น
“นายมันเลวที่สุด!”
“พูดถึงฉันอยู่หรือเกรนเจอร์” เสียงยานคางที่คุ้นเคยดังขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่หันไปด้านหลังและเธอก็พบว่ามัลฟอยกำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอ
.................................................
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอในระยะประชิด  เธอรีบถอยหลังกรูจนติดกำแพง “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่!” เฮอร์ไมโอนี่พูด  มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แล้วทำไมเธอต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้นด้วยล่ะ” เขาถามกลับ “หรือว่าเธอกลัวฉัน”
“ใครกลัวนายกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรวดเร็ว  แต่ในใจของเธอก็อดหวั่นวิตกไม่ได้  เพราะทั้งระเบียงทางเดินนี้มีเพียงเธอและมัลฟอยเท่านั้น  ไม่มีเด็กคนไหนอยากออกมาอยู่ข้างนอกในเวลาที่อากาศหนาวเช่นนี้
“ไม่ได้กลัวแล้วทำไม่ต้องหลบด้วย” เขาพูด  ก้าวยาว ๆ เข้ามาใกล้เด็กสาวมากขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่รีบห้ามเขาทันที 
“อย่าเข้ามานะ” เธอร้อง  มัลฟอยชะงักฝีเท้า “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน”  เขาหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีของเด็กสาว
“ถ้าเธอพูดอย่างนั้นก็แสดงว่าเธอกลัวฉัน  เกรนเจอร์” เด็กหนุ่มพูดยั่ว  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้กลัวนาย” เธอพูดเสียงดัง “อย่าคิดว่าใครต่อใครก็จะเกรงกลัวนายไปหมดสิมัลฟอย  ถึงใครจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่ใช่ฉันคนหนึ่งล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่เกรงกลัว  มัลฟอยยิ้มสบาย ๆ
“อย่างนั้นรึเกรนเจอร์” เขาพูด  ก้าวเท้าเข้ามาหาเธออีกครั้ง “ฉันนึกว่าเธอจะกลัวว่าฉันจะทำอย่างวันนั้นเสียอีกสิ  แต่เมื่อเธอเป็นคนพูดเองว่าไม่เธอกลัว  งั้นเรามาพิสูจน์กันหน่อยมั้ย” มัลฟอยพูดพร้อมกับร่างของเขาที่ประชิดเข้ามา  เฮอร์ไมโอนี่ตกใจสุดขีดเธอพยายามดิ้นรนแต่ไม่เป็นประโยชน์เพราะมือแข็งแรงของมัลฟอยรั้งร่างของเธอเอาไว้  กองหนังสือและม้วนกระดาษในมือของเฮอร์ไมโอนี่ร่วงลงพื้น 
“อย่าดิ้นรนไปเลย  ฉันไม่คิดว่าเธอจะเอาไม้กายสิทธิ์ออกมาห้องสมุดด้วยหรอก  จริงไหม” เด็กหนุ่มพูดดักคอ  และก็จริงของเขา  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เอามันออกมาจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็พยายามดิ้นรนเพื่อจะหลุดจากอ้อมแขนของมัลฟอย  เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะร้อง  แต่มัลฟอยไม่ยอมให้เธอทำเช่นนั้น
เขารีบก้มลงไปประกบปากเธอทันที!
เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนของมัลฟอย  ในขณะที่เจ้าตัวกำลังขยับริมฝีปากอย่างเพลิดเพลิน  เด็กสาวพยายามกรีดร้อง  แต่เสียงของเธอถูกดูดกลืนไปเสียหมด  สองมือที่เคยบีบรัดร่างเธอไว้แน่นกำลังตระคองกอดเธออยู่และรั้งร่างของเด็กสาวให้เข้ามาใกล้เขามากขึ้น  จนกระทั่งเด็กหนุ่มพอใจ  เขาถึงถอนริมฝีปากออกมา
“ปล่อยฉัน......” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความโกรธ  ต้องการให้มัลฟอยคลายวงแขนที่รัดร่างของเธอไว้  แต่เขาไม่ยอมปล่อยเธอไปไหน 
“นายทำแบบนี้กับฉันไปทำไม” เธอถาม  มัลฟอยยิ้มชั่วร้าย
“ฉันไม่ได้คิดพิศวาสคนอย่างเธอหรอกนะเกรนเจอร์  อย่าสำคัญตัวผิดไป” มัลฟอยเตือน “ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะต้องการแก้แค้นเธอเท่านั้น” เขาพูดอย่างเย็นชา  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตกใจที่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น  ความโกรธเคืองพุ่งเข้ามาอย่างไม่มีสาเหตุ  เด็กสาวรัวกำปั้นเข้ากับอกของมัลฟอยทันทีที่เขาพูดจบ
“นายมันชั่วร้ายที่สุด!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน  ผลักเขาออกห่าง “ทุ...เรศ  น่าเกลียด  สกปรก!” เด็กสาวแผดเสียง  หน้าแดงด้วยความโกรธ  มัลฟอยพุ่งเข้าหาเธอทันที  เขาจับร่างบอบบางไว้  มือแข็งแรงบีบแน่นที่ไหล่ของเธอ
“มันจะมากไปแล้วนะเกรนเจอร์!” เขาพูดด้วยความโกรธ  เด็กสาวจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว  แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรลงไป
“หยุดนะมัลฟอย!”
*************************************************
ทั้งสองหันไปมองทางต้นเสียง  ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นรอน  เขากำลังยืนอยู่ที่เชิงบันไดสวมเสื้อคลุมควิดดิชสีแดงและมีท่าทีเหนื่อยอ่อน  บนบ่าของเขามีไม้กวาดพาดอยู่
“รอน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความดีใจ  รอนย่างสามขุมมาหาพวกเขาและเข้ามายืนขวางระหว่างเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยไว้
“นายจะทำอะไรเฮอร์ไมโอนี่  มัลฟอย” รอนพูด  หูเริ่มเป็นสีแดง  เห็นได้ชัดว่าเขามาเห็นเข้าตอนจังหวะที่มัลฟอยกำลังจะทำร้ายเธอพอดี  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่รอนไม่มาเร็วกว่านี้อีกนิดหนึ่ง  ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องโกรธจนแทบฆ่ามัลฟอยได้แน่ ๆ
“เฮอะ ไม่ทันไรบอดี้การ์ดก็ปรากฏตัวเสียแล้ว” มัลฟอยพ่นลมดังพรืด “แถมบอดี้การ์ดของเธอยังเป็นราชันย์วีเซิ่ลเสียด้วยสิ  เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดอย่างอารมณ์ดี  หน้าของรอนเริ่มเป็นสีแดงพอ  ๆ กับเสื้อคลุมควิดดิชของเขา
“ฉันถามว่านายทำอะไรเธอ!” รอนเริ่มขึ้นเสียง  มัลฟอยยิ้มอย่างไม่หยี่หระ
“ฉันไม่ได้ต้องการยุ่งกับยัยเลือดสีโคลนนี่เท่าไรหรอกนะวีเซิ่ล” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ ”เพราะว่าฉันกลัวว่าโคลนสกปรกของยัยนี่จะมาเปื้อนเสื้อคลุมราคาแพงของฉัน” เขาพูด  รอนกำหมัดแน่น
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะมัลฟอย!” รอนว่า  ใบหน้าและหูเป็นสีแดง มัลฟอยแสยะยิ้ม
“ดูเหมือนว่านายจะเป็นห่วงยัยเลือดสีโคลนนี่เหลือเกินนะวีสลีย์” มัลฟอยพูด  มองพวกเขาหัวจรดเท้าและแสยะยิ้ม “แต่ก็เข้ากันดีจริงไหม  ยัยเลือดสีโคลนเกรนเจอร์กับยาจกวีสลีย์  ถึงแม้ว่าบ้านของนายจะเป็นแค่กระท่อมเน่า ๆ แต่ก็คงไม่ต่างกับบ้านเหม็นโคลนของเกรนเจอร์เท่าไหร่หรอก” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ  รอนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ  และเขาก็คิดว่าเขาไม่อยากจะอดทนอีกต่อไปแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่เองก็เช่นกัน
“หุบปากเน่า ๆ ที่มีหนอนไชของนายไปเสียดีกว่ามัลฟอย” เด็กสาวพูด  ก้าวออกมาข้างหน้า  มัลฟอยยิ้ม
“ปากของฉันไม่ได้เน่า  แต่เธอต่างหากที่เหม็นเน่า  เกรนเจอร์  โคลนสกปรกของเธอมันส่งกลิ่นคละคลุ้งพอ ๆ กับกลิ่นสาปของวีสลีย์ทีเดียว” มัลฟอยพูดอย่างชั่วร้าย  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ  เธอกำลังจะพุ่งเข้าใส่มัลฟอย  แต่รอนเร็วกว่าเธอ  เขาตรงไปที่มัลฟอยโดยไม่ชักไม้กายสิทธิ์  ไม่ได้เตรียมจะร่ายเวทย์มนตร์เพื่อที่สาปเขาให้เป็นตัวเฟเร็ต 
“พลั่ก!!!”
มันรวดเร็วเกินกว่าที่เฮอร์ไมโอนี่จะมองตามให้ทัน  เพราะเมื่อเธอรู้ตัวมัลฟอยก็ล้มลงไปกองกับพื้น  โดยมีรอนยืนอยู่ไม่ห่างจากเขา  และสิ่งที่ทำให้เขาเป็นเช่นนั้นก็คือกำปั้นของรอนนั่นเอง!
มัลฟอยดูตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็ได้ชิมกำปั้นของรอนอีกครั้ง  เด็กหนุ่มเอามือสัมผัสใบหน้าที่ถูกต่อยเบา ๆ รอยเลือดจาง ๆ จากริมฝีปากที่แตกติดมือของเขาออกมา  มัลฟอยมองมันก่อนที่จะหันมามองรอนอย่างเคียดแค้น
“แก!!!”เขาคำราม  ดูโกรธจัด  รอนกำลังจะลงไปซ้ำเขาอีกรอบ  แต่เฮอร์ไมโอนี่ดึงเสื้อคลุมของเขาไว้ก่อน
“มันไม่คุ้มกันหรอก” เธอพูด  มัลฟอยมองรอนอย่างอาฆาต  เขากำลังจะลุกขึ้นตอบโต้  แต่จู่ ๆ แววตาสีซีดของมัลฟอยก็เปลี่ยนเป็นแววตาที่บ่งบอกถึงความดีใจ  เขามองข้ามไหล่ของทั้งสองและแสยะยิ้มที่มุมปาก  เฮอร์ไมโอนี่และรอนหันไปข้างหลังทันที
.................................................
เด็กทั้งสองถึงกับตกตะลึงที่ได้เห็นร่างที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา  เขาไม่ใช่เสนปที่พร้อมจะหักคะแนนบ้านของพวกเขาจนเหลือศูนย์  ไม่ใช่ฟิลซ์ที่จะมอบโทษกักบริเวณให้รอนอย่างไม่ลังเล  แต่มันเลวร้ายกว่านั้นมาก
เพราะคนที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาก็คือ  ศาสตราจารย์อัมบริดจ์!
“สู้กันหรือจ๊ะเด็ก ๆ” อัมบริดจ์พูดพร้อมยิ้มน่าเกลียดที่ทำให้หน้าของดูเหมือนคางคกแก่ ๆ มากกว่าสิ่งใด
“เขาต่อยผมครับศาสตราจารย์” มัลฟอยพูด  เอามือกุมใบหน้าที่ถูกต่อยไว้  “วีสลีย์เขาต่อยผมครับ”
“เป็นอย่างที่มัลฟอยพูดเหรอมิสเตอร์วีสลีย์” เธอหันมาถามรอนด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้ม
“เอ่อ  ครับ” รอนยอมรับ  อัมบริดจ์แสยะยิ้มอย่างพอใจ  เช่นเดียวกับมัลฟอยที่ดูร่าเริงมาก
“โอ้  งั้นเธอคงจะพอรู้โทษของการทำร้ายร่างกายผู้อื่นแล้วสินะ  ฉันคิดไม่ผิดเลยว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องเจริญรอยตามพี่ชายทั้งสองของเธอ  และมันก็เป็นอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ใช่ไหมจ๊ะ  มิสเตอร์วีสลีย์” อัมบริดจ์พูดด้วยเสียงหวานปานน้ำเชื่อม 
“เปล่าครับ” รอนตอบ  แต่อัมบริดจ์ไม่ยอมฟังเขา
“แล้วเธอรู้ไหมว่าฉันได้มอบโทษอย่างไรไปให้พี่ชายกับเพื่อนนอกคอกของเธอเมื่อพวกเขาต่อยมิสเตอร์มัลฟอยที่สนามควิดดิช  และเท่าที่ฉันรู้เธอเองก็เป็นนักกีฬาประจำบ้านกริฟฟินดอร์คนหนึ่งด้วยนี่” อัมบริดจ์พูดอย่างชั่วร้าย  รอนหายใจกระตุก  เขารู้ความหมายของสิ่งอัมบริดจ์กำลังจะพูดดี
เธอต้องการจะไล่เขาออกจากทีมอีกคน  และถ้าเป็นอย่างนั้นทีมกริฟฟินดอร์ก็จะเหลือแค่ผู้เล่นในตำแหน่งเชสเตอร์เท่านั้น
“แต่ศาตราจารย์อัมบริดจ์ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ท้วงขึ้นมา “รอนไม่ผิดนะคะ  มัลฟอยต่างหากที่มาดูถูกพวกเราก่อน”
“เขาดูถูกครอบครัวของรอนและก็ดูถูก....เอ่อ...สายเลือดของหนู” เฮอร์ไมโอนี่พยายามแก้ต่างให้รอน
“งั้นหรือจ๊ะมิสเกรนเจอร์” อัมบริดจ์พูดเสียงหวานฉ่ำ “แต่ฉันเกรงว่าไม่มีกฏข้อไหนในฮอกวอตส์ระบุไว้ว่าห้ามพูดอะไรตามความเป็นจริง  รวมถึงในกฤษฏีกาทางการศึกษาที่ฉันเป็นคนร่างขึ้นมาด้วย” เธอตอบ  มัลฟอยยิ้มอย่างสะใจที่กำลังจะได้เห็นรอนถูกไล่ออกจากทีม
“แต่อาจารย์ไล่เขาออกจากทีมไม่ได้นะคะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “เรื่องครั้งนี้มันไม่เกี่ยวกับควิดดิชสักนิด  อาจารย์ไม่มีเหตุผลที่จะไล่เขาออก” เธอพูด  อัมบริดจ์จ้องเธอเขม็ง  ไม่ค่อยมีเด็กคนไหนกล้าเถียงเธอบ่อยนัก
“ถึงฉันจะไม่สั่งห้ามมิสเตอร์วีสลีย์ไม่ให้เล่นควิดดิช  แต่ฉันก็จำเป็นต้องลงโทษเขานะมิสเกรนเจอร์” เธอพูดพร้อมกับยิ้มน่ารังเกียจ “ฉันคิดว่าการกักบริเวณกับฉันสักหนึ่งสัปดาห์คงพอจะทำให้เธออารมณ์เย็นกว่านี้ได้นะจ๊ะ” เธอตัดสิน
รอนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก  เขารู้ดีทีเดียวว่าเขาต้องเจอกับอะไรบ้างเมื่อถูกลงโทษให้กักบริเวณกับอัมบริดจ์
มัลฟอยแสยะยิ้มอย่างพอใจกับโทษที่รอนได้รับ  อัมบริดจ์หันไปพูดกับเขาว่าให้เขาไปหามาดามพรอมฟรีย์  และก่อนที่เธอจะสะบัดเสื้อคลุมสีชมพูเชย ๆ จากไป
“อาจารย์จะไม่กักบริเวณรอนหรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง  เธอหันมามองพวกเขาทั้งสองอย่างขัดใจ
“แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะมิสเกรนเจอร์” เธอถามด้วยท่าทีเกรี้ยวกราดเล็กน้อย
“ก็เพราะว่าถ้าอาจารย์ทำล่ะก็เราจะได้มีหลักฐานไปบอกอาจารย์คนอื่น ๆ ว่าอาจารย์ทำอะไรกับนักเรียนที่อาจารย์กักบริเวณบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเป็นต่อ  ตาของอัมบริดจ์หรี่ลงเหมือนหนู  เธอดูไม่พอใจมาก
“นี่เธอคิดจะขู่ฉันหรือแม่หนู” เธอพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“เปล่าค่ะ  หนูแค่อยากจะเตือนอาจารย์ว่าศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คงไม่ชอบแน่ ๆ ถ้าเขารู้ว่ามีนักเรียนถูกลงโทษด้วยการเฉือนมือตัวเองเป็นคำพูดงี่เง่าว่า ‘ฉันจะไม่ใช้กำลัง’ ” เธอพูด
“และแน่นอนว่าเขาต้องได้เห็นหลักฐานบนมือของนักเรียนแน่ ๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่รอยจาง ๆ ก็ตาม” พอเฮอร์ไมโอนี่พูดจบ  อัมบริดจ์ก็ดูคล้ายคางคกตัวใหญ่ ๆ ที่กำลังพองลมอย่างมาก  เธอมองทั้งสองด้วยสายตาโกรดเกรี้ยว
“ได้....” อัมบริดจ์พูดออกมาอย่างยากเย็นในที่สุด “ฉันจะไม่กักบริเวณมิสเตอร์วีสลีย์ด้วยตัวเอง”
รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของรอนและเฮอร์ไมโอนี่  แต่แล้วมันก็จางหายไปเมื่อัมบริดจ์พูดประโยคต่อมา
“แต่ฉันจะให้ฟิลซ์รับหน้าที่แทน”
*************************************************
มีเสียงเข้ามาว่ามัลฟอยดูโหด ๆ แน่นอนค่ะว่ามัลฟอยจะดูร้ายขึ้น  โดยเฉพาะในตอนนี้  คนอ่านอย่าเพิ่งเบื่อมัลฟอยเวอร์ชันนี้นะจ๊ะ
เพราะอีกไม่นานมัลฟอยจะกลับมาเป็นมัลฟอยที่น่ารักของนู๋เฮอร์แน่ ๆ จ๊ะ  พิกซี่รับประกัน
สำหรับเพื่อน ๆ ที่คอมเม้นเข้ามาก็ขอบคุณมาก ๆ นะคะ  เราจะพยายามปรับปรุงจ้า
เดรโก  มัลฟอยกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมบ้านสลิธีรินที่มีผู้คนคับคั่ง  ตรงหน้าของเขามีรายงานวิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์ที่เขาต้องทำให้เสร็จ  เพราะว่ามัลฟอยยังมีการบ้านวิชาอื่นอีกมากมายที่ต้องจัดการ 
“ทำงานอยู่หรือมัลฟอย” เสียงหวานทักเขา  มัลฟอยเงยหน้าขึ้นมอง  แพนซี่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลนักและในไม่ช้าเธอก็เข้ามานั่งลงบนเก้าอี้ข้าง ๆ เขา  “วิชาประวัติศาสตร์เวทย์มนตร์” เธอพูด  ชะโงกดูรายงานของมัลฟอย
“นี่พวกเธอยังทำมันไม่เสร็จอีกหรือ” แพนซี่ถาม หันไปมองแครบกับกอยส์ที่มีสภาพไม่ต่างจากมัลฟอยเท่าไหร่นัก
“ก็เราไม่ได้มีเวลาว่าง ๆ อย่างเธอนี่แพนซี่  พวกเราต้องซ้อมควิดดิชนะ” กอยส์พูด  แต่แพนซี่ไม่สนใจเขา  เธอกำลังตรวจดูรายงานที่มัลฟอยทำอยู่
“เธอเขียนผิดนี่” แพนซี่พูดเอานิ้วชี้ไปที่บรรทัดหนึ่งของรายงาน “ปีที่ก็อบลินให้โรงแรมในฮอกมี้ดส์เป็นสถานที่สำหรับปฏิวัติก็คือปี 1612 ไม่ใช่ 1621” เธอว่า  มัลฟอยขีดรายงานของเขาทิ้งเป็นครั้งที่สาม  เขาไม่ถนัดพวกวิชาท่องจำเอาเสียเลย  และทันทีที่เขาแก้จุดที่ผิดเสร็จ  เสียงของแพนซี่ก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
“แล้วก็เธอยังเรียงลำดับเหตุการณ์ไม่ถูกนะ  อาจารย์สั่งไม่ได้ให้เราเขียนเรื่องสงครามและการแบ่งแยกดินแดนก่อนนี่  ที่อาจารย์ต้องการก็คือ..........” แพนซี่พูด  มัลฟอยรู้สึกหงุดหงิดและรำคาญ  แค่งานที่อยู่ตรงหน้าก็มากพอสำหรับเขาแล้ว
“พอเถอะแพนซี่” เขาพูด “ฉันคิดว่าฉันน่าจะทำด้วยตัวเองได้”
“ทำไมล่ะมัลฟอย” แพนซี่แย้งด้วยน้ำเสียงกระเง้ากระงอด “ฉันคิดว่าฉันน่าจะช่วยเธอได้บ้างนะ  อีกอย่างเธอทำ
งานพวกนี้คนเดียวไม่ไหวหรอก  ถ้าไม่มีใครช่วยน่ะ” เด็กสาวพูด โบ้ยใบ้ไปทางการบ้านอีกเป็นกองที่เขายังทำไม่เสร็จ
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็เอางานทั้งหมดนี่ไปทำเองเสียเลยสิ  ถ้าเธอเก่งนักล่ะก็” มัลฟอยพูดผลักม้วนกระดาษรายงานไปหาเด็กสาว  หนังสือเล่มโตไปขนขวดหมึกที่อยู่ใกล้ ๆ จนหกเประเปื้อนรายงานไปหมด  แต่มัลฟอยไม่มีท่าทีว่าจะเก็บมันขึ้นมาแม้แต่น้อย  เขากลับลุกขึ้นจากเก้าอี้และกำลังจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นรวม  แครบและกอยส์ทำท่าจะลุกตาม
“ไม่ต้องตามฉันมา” เขาสั่งกับลูกน้องทั้งสองก่อนที่จะหายลับไป  ทิ้งแพนซี่ที่ทำหน้าไม่พอใจเอาไว้เบื้องหลัง
.................................................
มัลฟอยเดินไปตามระเบียงอย่างหงุดหงิด  เขารู้สึกรำคาญใจที่แพนซี่คอยมาเกาะแกะเขาตลอดเวลา  แถมตอนนี้เธอยังทำตัวอวดเก่งเสียด้วย  ถึงแม้ว่าจริง ๆ เธออาจจะหวังดีกับเขาก็ได้  แต่การกระทำของเขาทำให้เธอนึกถึงใครบางคน
ภาพของเด็กสาวผมสีน้ำตาลผุดขึ้นมาในสมองอีกครั้ง  และมันก็ไม่ใช่ครั้งแรก ๆ ในเวลาตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมานี้  มัลฟอยยังจำได้ดีถึงวินาทีที่เขาก้มลงสัมผัสริมฝีปากเนียนนุ่มของเธอ  ผิวขาวเนียนท่ามกลางไอน้ำที่ลอยขึ้นมาจากสระ  ใบหน้าที่เป็นสีแดงน้อย ๆ  และเรือนร่างที่เปียกน้ำของเธอ
มัลฟอยหลับตาลง  หลังของเขาสัมผัสกำแพงหินเย็นเฉียบ แต่ความรู้สึกร้อนรุ่มในวันนั้นยังคงอยู่เหมือนเดิม  วันที่เขาจูบเธอ
เขาไม่ควรนึกถึงเธอสิ  เธอมันก็แค่นังเด็กเลือดสีโคลนอวดดี  แถมยังเป็นพื่อนรักกับเจ้านักบุญพอตเตอร์และเจ้ายาจกวีสลีย์ที่เป็นศัตรูตัวฉกาจกับเขา  เธอเป็นพวกเลือดสีโคลนที่เขารังเกียจ  เธอเป็นคนที่เขาสมควรจะรังเกียจ
แล้วทำไมเขาต้องนึกถึงเธอด้วยล่ะ..............?
เด็กหนุ่มครุ่นคิดอย่างสงสัย  แต่เขาก็ไม่อาจหาคำตอบให้ตัวเองได้
‘ ฉันต้องไม่คิดถึงเธอสิ  ฉันต้องไม่คิดถึงเธอ ‘ มัลฟอยคิค  แต่เขาไม่อาจทำตามสิ่งที่เขาพร่ำบอกตัวเองไว้ได้  เด็กหนุ่มได้แต่พึมพำด้วยความสับสน
“เธอทำอะไรกับฉันยัยเลือดสีโคลน!”
*************************************************
  เฮอร์ไมโอนี่ย่ำเท้าไปตามทางเดินอย่างหงุดหงิด  เธอหันไปดุเด็กกริฟดอร์สองสามคนที่พูดคุยเสียงดัง  แต่สาเหตุที่ทำให้เธออารมณ์เสียจริง ๆ กลับไม่ใช่เด็กกริฟฟินดอร์เมื่อครู่  หรือเฟร็ดกับจอร์จแต่อย่างใด  แต่กลับเป็นมัลฟอย
เด็กสาวเดินมาหยุดที่ริมระเบียง  ลมหนาวพัดเข้ามาปะทะร่างกาย  หิมะสีขาวกำลังโปรยปรายอยู่ภายนอกปราสาท  เฮอร์ไมโอนี่ยกมือขึ้นสัมผัสริมฝีปากช้า ๆ นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องอาบน้ำพรีเฟ็ค  แล้วจู่ ๆ เธอก็กลับนำมันไปเช็ดกับหลังมืออย่างแรง
เธอไม่ได้ต้องการจูบกับเขาเสียหน่อย!
เฮอร์ไมโอนี่ถูริมฝีปากกับหลังมือหลายต่อหลายครั้ง  ราวกับต้องการลบรอยสัมผัสของมัลฟอย  แต่การกระทำนั้นก็ไม่อาจลบเลือนความจริงที่ว่าเธอได้จูบกับเขาไปแล้วได้
ซักครู่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้สึกเจ็บ  เด็กสาวหยุดมือ  เธอพึมพำออกมาอย่างเคียดแค้น
“นายมันเลวที่สุด!”
“พูดถึงฉันอยู่หรือเกรนเจอร์” เสียงยานคางที่คุ้นเคยดังขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่หันไปด้านหลังและเธอก็พบว่ามัลฟอยกำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอ
.................................................
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่อุทานเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มกำลังยืนอยู่ข้างหลังเธอในระยะประชิด  เธอรีบถอยหลังกรูจนติดกำแพง “ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่!” เฮอร์ไมโอนี่พูด  มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“แล้วทำไมเธอต้องทำหน้าเหมือนเห็นผีอย่างนั้นด้วยล่ะ” เขาถามกลับ “หรือว่าเธอกลัวฉัน”
“ใครกลัวนายกัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรวดเร็ว  แต่ในใจของเธอก็อดหวั่นวิตกไม่ได้  เพราะทั้งระเบียงทางเดินนี้มีเพียงเธอและมัลฟอยเท่านั้น  ไม่มีเด็กคนไหนอยากออกมาอยู่ข้างนอกในเวลาที่อากาศหนาวเช่นนี้
“ไม่ได้กลัวแล้วทำไม่ต้องหลบด้วย” เขาพูด  ก้าวยาว ๆ เข้ามาใกล้เด็กสาวมากขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่รีบห้ามเขาทันที 
“อย่าเข้ามานะ” เธอร้อง  มัลฟอยชะงักฝีเท้า “อย่าเข้ามาใกล้ฉัน”  เขาหัวเราะเมื่อเห็นท่าทีของเด็กสาว
“ถ้าเธอพูดอย่างนั้นก็แสดงว่าเธอกลัวฉัน  เกรนเจอร์” เด็กหนุ่มพูดยั่ว  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้กลัวนาย” เธอพูดเสียงดัง “อย่าคิดว่าใครต่อใครก็จะเกรงกลัวนายไปหมดสิมัลฟอย  ถึงใครจะเป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่ใช่ฉันคนหนึ่งล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่เกรงกลัว  มัลฟอยยิ้มสบาย ๆ
“อย่างนั้นรึเกรนเจอร์” เขาพูด  ก้าวเท้าเข้ามาหาเธออีกครั้ง “ฉันนึกว่าเธอจะกลัวว่าฉันจะทำอย่างวันนั้นเสียอีกสิ  แต่เมื่อเธอเป็นคนพูดเองว่าไม่เธอกลัว  งั้นเรามาพิสูจน์กันหน่อยมั้ย” มัลฟอยพูดพร้อมกับร่างของเขาที่ประชิดเข้ามา  เฮอร์ไมโอนี่ตกใจสุดขีดเธอพยายามดิ้นรนแต่ไม่เป็นประโยชน์เพราะมือแข็งแรงของมัลฟอยรั้งร่างของเธอเอาไว้  กองหนังสือและม้วนกระดาษในมือของเฮอร์ไมโอนี่ร่วงลงพื้น 
“อย่าดิ้นรนไปเลย  ฉันไม่คิดว่าเธอจะเอาไม้กายสิทธิ์ออกมาห้องสมุดด้วยหรอก  จริงไหม” เด็กหนุ่มพูดดักคอ  และก็จริงของเขา  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้เอามันออกมาจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กสาวก็พยายามดิ้นรนเพื่อจะหลุดจากอ้อมแขนของมัลฟอย  เฮอร์ไมโอนี่พยายามจะร้อง  แต่มัลฟอยไม่ยอมให้เธอทำเช่นนั้น
เขารีบก้มลงไปประกบปากเธอทันที!
เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนของมัลฟอย  ในขณะที่เจ้าตัวกำลังขยับริมฝีปากอย่างเพลิดเพลิน  เด็กสาวพยายามกรีดร้อง  แต่เสียงของเธอถูกดูดกลืนไปเสียหมด  สองมือที่เคยบีบรัดร่างเธอไว้แน่นกำลังตระคองกอดเธออยู่และรั้งร่างของเด็กสาวให้เข้ามาใกล้เขามากขึ้น  จนกระทั่งเด็กหนุ่มพอใจ  เขาถึงถอนริมฝีปากออกมา
“ปล่อยฉัน......” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยความโกรธ  ต้องการให้มัลฟอยคลายวงแขนที่รัดร่างของเธอไว้  แต่เขาไม่ยอมปล่อยเธอไปไหน 
“นายทำแบบนี้กับฉันไปทำไม” เธอถาม  มัลฟอยยิ้มชั่วร้าย
“ฉันไม่ได้คิดพิศวาสคนอย่างเธอหรอกนะเกรนเจอร์  อย่าสำคัญตัวผิดไป” มัลฟอยเตือน “ที่ฉันทำแบบนี้ก็เพราะต้องการแก้แค้นเธอเท่านั้น” เขาพูดอย่างเย็นชา  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตกใจที่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น  ความโกรธเคืองพุ่งเข้ามาอย่างไม่มีสาเหตุ  เด็กสาวรัวกำปั้นเข้ากับอกของมัลฟอยทันทีที่เขาพูดจบ
“นายมันชั่วร้ายที่สุด!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน  ผลักเขาออกห่าง “ทุ...เรศ  น่าเกลียด  สกปรก!” เด็กสาวแผดเสียง  หน้าแดงด้วยความโกรธ  มัลฟอยพุ่งเข้าหาเธอทันที  เขาจับร่างบอบบางไว้  มือแข็งแรงบีบแน่นที่ไหล่ของเธอ
“มันจะมากไปแล้วนะเกรนเจอร์!” เขาพูดด้วยความโกรธ  เด็กสาวจ้องหน้าเขาอย่างไม่เกรงกลัว  แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรลงไป
“หยุดนะมัลฟอย!”
*************************************************
ทั้งสองหันไปมองทางต้นเสียง  ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นรอน  เขากำลังยืนอยู่ที่เชิงบันไดสวมเสื้อคลุมควิดดิชสีแดงและมีท่าทีเหนื่อยอ่อน  บนบ่าของเขามีไม้กวาดพาดอยู่
“รอน!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องด้วยความดีใจ  รอนย่างสามขุมมาหาพวกเขาและเข้ามายืนขวางระหว่างเฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยไว้
“นายจะทำอะไรเฮอร์ไมโอนี่  มัลฟอย” รอนพูด  หูเริ่มเป็นสีแดง  เห็นได้ชัดว่าเขามาเห็นเข้าตอนจังหวะที่มัลฟอยกำลังจะทำร้ายเธอพอดี  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมากที่รอนไม่มาเร็วกว่านี้อีกนิดหนึ่ง  ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องโกรธจนแทบฆ่ามัลฟอยได้แน่ ๆ
“เฮอะ ไม่ทันไรบอดี้การ์ดก็ปรากฏตัวเสียแล้ว” มัลฟอยพ่นลมดังพรืด “แถมบอดี้การ์ดของเธอยังเป็นราชันย์วีเซิ่ลเสียด้วยสิ  เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดอย่างอารมณ์ดี  หน้าของรอนเริ่มเป็นสีแดงพอ  ๆ กับเสื้อคลุมควิดดิชของเขา
“ฉันถามว่านายทำอะไรเธอ!” รอนเริ่มขึ้นเสียง  มัลฟอยยิ้มอย่างไม่หยี่หระ
“ฉันไม่ได้ต้องการยุ่งกับยัยเลือดสีโคลนนี่เท่าไรหรอกนะวีเซิ่ล” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ ”เพราะว่าฉันกลัวว่าโคลนสกปรกของยัยนี่จะมาเปื้อนเสื้อคลุมราคาแพงของฉัน” เขาพูด  รอนกำหมัดแน่น
“ถอนคำพูดเดี๋ยวนี้นะมัลฟอย!” รอนว่า  ใบหน้าและหูเป็นสีแดง มัลฟอยแสยะยิ้ม
“ดูเหมือนว่านายจะเป็นห่วงยัยเลือดสีโคลนนี่เหลือเกินนะวีสลีย์” มัลฟอยพูด  มองพวกเขาหัวจรดเท้าและแสยะยิ้ม “แต่ก็เข้ากันดีจริงไหม  ยัยเลือดสีโคลนเกรนเจอร์กับยาจกวีสลีย์  ถึงแม้ว่าบ้านของนายจะเป็นแค่กระท่อมเน่า ๆ แต่ก็คงไม่ต่างกับบ้านเหม็นโคลนของเกรนเจอร์เท่าไหร่หรอก” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ  รอนกำหมัดแน่นด้วยความโกรธ  และเขาก็คิดว่าเขาไม่อยากจะอดทนอีกต่อไปแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่เองก็เช่นกัน
“หุบปากเน่า ๆ ที่มีหนอนไชของนายไปเสียดีกว่ามัลฟอย” เด็กสาวพูด  ก้าวออกมาข้างหน้า  มัลฟอยยิ้ม
“ปากของฉันไม่ได้เน่า  แต่เธอต่างหากที่เหม็นเน่า  เกรนเจอร์  โคลนสกปรกของเธอมันส่งกลิ่นคละคลุ้งพอ ๆ กับกลิ่นสาปของวีสลีย์ทีเดียว” มัลฟอยพูดอย่างชั่วร้าย  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงด้วยความโกรธ  เธอกำลังจะพุ่งเข้าใส่มัลฟอย  แต่รอนเร็วกว่าเธอ  เขาตรงไปที่มัลฟอยโดยไม่ชักไม้กายสิทธิ์  ไม่ได้เตรียมจะร่ายเวทย์มนตร์เพื่อที่สาปเขาให้เป็นตัวเฟเร็ต 
“พลั่ก!!!”
มันรวดเร็วเกินกว่าที่เฮอร์ไมโอนี่จะมองตามให้ทัน  เพราะเมื่อเธอรู้ตัวมัลฟอยก็ล้มลงไปกองกับพื้น  โดยมีรอนยืนอยู่ไม่ห่างจากเขา  และสิ่งที่ทำให้เขาเป็นเช่นนั้นก็คือกำปั้นของรอนนั่นเอง!
มัลฟอยดูตกใจไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็ได้ชิมกำปั้นของรอนอีกครั้ง  เด็กหนุ่มเอามือสัมผัสใบหน้าที่ถูกต่อยเบา ๆ รอยเลือดจาง ๆ จากริมฝีปากที่แตกติดมือของเขาออกมา  มัลฟอยมองมันก่อนที่จะหันมามองรอนอย่างเคียดแค้น
“แก!!!”เขาคำราม  ดูโกรธจัด  รอนกำลังจะลงไปซ้ำเขาอีกรอบ  แต่เฮอร์ไมโอนี่ดึงเสื้อคลุมของเขาไว้ก่อน
“มันไม่คุ้มกันหรอก” เธอพูด  มัลฟอยมองรอนอย่างอาฆาต  เขากำลังจะลุกขึ้นตอบโต้  แต่จู่ ๆ แววตาสีซีดของมัลฟอยก็เปลี่ยนเป็นแววตาที่บ่งบอกถึงความดีใจ  เขามองข้ามไหล่ของทั้งสองและแสยะยิ้มที่มุมปาก  เฮอร์ไมโอนี่และรอนหันไปข้างหลังทันที
.................................................
เด็กทั้งสองถึงกับตกตะลึงที่ได้เห็นร่างที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเขา  เขาไม่ใช่เสนปที่พร้อมจะหักคะแนนบ้านของพวกเขาจนเหลือศูนย์  ไม่ใช่ฟิลซ์ที่จะมอบโทษกักบริเวณให้รอนอย่างไม่ลังเล  แต่มันเลวร้ายกว่านั้นมาก
เพราะคนที่กำลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเขาก็คือ  ศาสตราจารย์อัมบริดจ์!
“สู้กันหรือจ๊ะเด็ก ๆ” อัมบริดจ์พูดพร้อมยิ้มน่าเกลียดที่ทำให้หน้าของดูเหมือนคางคกแก่ ๆ มากกว่าสิ่งใด
“เขาต่อยผมครับศาสตราจารย์” มัลฟอยพูด  เอามือกุมใบหน้าที่ถูกต่อยไว้  “วีสลีย์เขาต่อยผมครับ”
“เป็นอย่างที่มัลฟอยพูดเหรอมิสเตอร์วีสลีย์” เธอหันมาถามรอนด้วยน้ำเสียงหวานเยิ้ม
“เอ่อ  ครับ” รอนยอมรับ  อัมบริดจ์แสยะยิ้มอย่างพอใจ  เช่นเดียวกับมัลฟอยที่ดูร่าเริงมาก
“โอ้  งั้นเธอคงจะพอรู้โทษของการทำร้ายร่างกายผู้อื่นแล้วสินะ  ฉันคิดไม่ผิดเลยว่าสักวันหนึ่งเธอจะต้องเจริญรอยตามพี่ชายทั้งสองของเธอ  และมันก็เป็นอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ใช่ไหมจ๊ะ  มิสเตอร์วีสลีย์” อัมบริดจ์พูดด้วยเสียงหวานปานน้ำเชื่อม 
“เปล่าครับ” รอนตอบ  แต่อัมบริดจ์ไม่ยอมฟังเขา
“แล้วเธอรู้ไหมว่าฉันได้มอบโทษอย่างไรไปให้พี่ชายกับเพื่อนนอกคอกของเธอเมื่อพวกเขาต่อยมิสเตอร์มัลฟอยที่สนามควิดดิช  และเท่าที่ฉันรู้เธอเองก็เป็นนักกีฬาประจำบ้านกริฟฟินดอร์คนหนึ่งด้วยนี่” อัมบริดจ์พูดอย่างชั่วร้าย  รอนหายใจกระตุก  เขารู้ความหมายของสิ่งอัมบริดจ์กำลังจะพูดดี
เธอต้องการจะไล่เขาออกจากทีมอีกคน  และถ้าเป็นอย่างนั้นทีมกริฟฟินดอร์ก็จะเหลือแค่ผู้เล่นในตำแหน่งเชสเตอร์เท่านั้น
“แต่ศาตราจารย์อัมบริดจ์ค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ท้วงขึ้นมา “รอนไม่ผิดนะคะ  มัลฟอยต่างหากที่มาดูถูกพวกเราก่อน”
“เขาดูถูกครอบครัวของรอนและก็ดูถูก....เอ่อ...สายเลือดของหนู” เฮอร์ไมโอนี่พยายามแก้ต่างให้รอน
“งั้นหรือจ๊ะมิสเกรนเจอร์” อัมบริดจ์พูดเสียงหวานฉ่ำ “แต่ฉันเกรงว่าไม่มีกฏข้อไหนในฮอกวอตส์ระบุไว้ว่าห้ามพูดอะไรตามความเป็นจริง  รวมถึงในกฤษฏีกาทางการศึกษาที่ฉันเป็นคนร่างขึ้นมาด้วย” เธอตอบ  มัลฟอยยิ้มอย่างสะใจที่กำลังจะได้เห็นรอนถูกไล่ออกจากทีม
“แต่อาจารย์ไล่เขาออกจากทีมไม่ได้นะคะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “เรื่องครั้งนี้มันไม่เกี่ยวกับควิดดิชสักนิด  อาจารย์ไม่มีเหตุผลที่จะไล่เขาออก” เธอพูด  อัมบริดจ์จ้องเธอเขม็ง  ไม่ค่อยมีเด็กคนไหนกล้าเถียงเธอบ่อยนัก
“ถึงฉันจะไม่สั่งห้ามมิสเตอร์วีสลีย์ไม่ให้เล่นควิดดิช  แต่ฉันก็จำเป็นต้องลงโทษเขานะมิสเกรนเจอร์” เธอพูดพร้อมกับยิ้มน่ารังเกียจ “ฉันคิดว่าการกักบริเวณกับฉันสักหนึ่งสัปดาห์คงพอจะทำให้เธออารมณ์เย็นกว่านี้ได้นะจ๊ะ” เธอตัดสิน
รอนกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก  เขารู้ดีทีเดียวว่าเขาต้องเจอกับอะไรบ้างเมื่อถูกลงโทษให้กักบริเวณกับอัมบริดจ์
มัลฟอยแสยะยิ้มอย่างพอใจกับโทษที่รอนได้รับ  อัมบริดจ์หันไปพูดกับเขาว่าให้เขาไปหามาดามพรอมฟรีย์  และก่อนที่เธอจะสะบัดเสื้อคลุมสีชมพูเชย ๆ จากไป
“อาจารย์จะไม่กักบริเวณรอนหรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเสียงดัง  เธอหันมามองพวกเขาทั้งสองอย่างขัดใจ
“แล้วทำไมฉันจะทำไม่ได้ล่ะมิสเกรนเจอร์” เธอถามด้วยท่าทีเกรี้ยวกราดเล็กน้อย
“ก็เพราะว่าถ้าอาจารย์ทำล่ะก็เราจะได้มีหลักฐานไปบอกอาจารย์คนอื่น ๆ ว่าอาจารย์ทำอะไรกับนักเรียนที่อาจารย์กักบริเวณบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเป็นต่อ  ตาของอัมบริดจ์หรี่ลงเหมือนหนู  เธอดูไม่พอใจมาก
“นี่เธอคิดจะขู่ฉันหรือแม่หนู” เธอพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“เปล่าค่ะ  หนูแค่อยากจะเตือนอาจารย์ว่าศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์คงไม่ชอบแน่ ๆ ถ้าเขารู้ว่ามีนักเรียนถูกลงโทษด้วยการเฉือนมือตัวเองเป็นคำพูดงี่เง่าว่า ‘ฉันจะไม่ใช้กำลัง’ ” เธอพูด
“และแน่นอนว่าเขาต้องได้เห็นหลักฐานบนมือของนักเรียนแน่ ๆ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นแค่รอยจาง ๆ ก็ตาม” พอเฮอร์ไมโอนี่พูดจบ  อัมบริดจ์ก็ดูคล้ายคางคกตัวใหญ่ ๆ ที่กำลังพองลมอย่างมาก  เธอมองทั้งสองด้วยสายตาโกรดเกรี้ยว
“ได้....” อัมบริดจ์พูดออกมาอย่างยากเย็นในที่สุด “ฉันจะไม่กักบริเวณมิสเตอร์วีสลีย์ด้วยตัวเอง”
รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นที่ริมฝีปากของรอนและเฮอร์ไมโอนี่  แต่แล้วมันก็จางหายไปเมื่อัมบริดจ์พูดประโยคต่อมา
“แต่ฉันจะให้ฟิลซ์รับหน้าที่แทน”
*************************************************
มีเสียงเข้ามาว่ามัลฟอยดูโหด ๆ แน่นอนค่ะว่ามัลฟอยจะดูร้ายขึ้น  โดยเฉพาะในตอนนี้  คนอ่านอย่าเพิ่งเบื่อมัลฟอยเวอร์ชันนี้นะจ๊ะ
เพราะอีกไม่นานมัลฟอยจะกลับมาเป็นมัลฟอยที่น่ารักของนู๋เฮอร์แน่ ๆ จ๊ะ  พิกซี่รับประกัน
สำหรับเพื่อน ๆ ที่คอมเม้นเข้ามาก็ขอบคุณมาก ๆ นะคะ  เราจะพยายามปรับปรุงจ้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น