ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Meanness : รักลวงหลอก [เฮอร์ไมโอนี่/แฮร์รี่/เดรโก]

    ลำดับตอนที่ #4 : Welcome to Malfoy Manor

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 53



    ***Chapter 4 Welcome to Malfoy Manor***

     

    หลังจากรอนกลับจากคอนโดของเดรโกในกลางดึกคืนนั้นแล้วชายหนุ่มก็ไม่ได้นอนอีกเลย  ไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขามัวแต่ครุ่นคิดเรื่องการทุ่มเถียงระหว่างกับรอนที่ไม่ได้เกิดขึ้นมานานแล้ว  เดรโกคิดถึงคำพูดที่เพื่อนรักของเขาทิ้งท้ายไว้ก่อนเขาจะกลับ

     

                    ฉันจะรอวันที่เฮอร์ไมโอนี่รู้ความจริงทั้งหมด  เดรโก ฉันจะรอวันที่เธอเกลียดชังนายอย่างที่เธอไม่เคยเกลียดใครมาก่อน

     

    คำพูดนั้นของรอนยังคงก้องอยู่ในหัวของเดรโกแม้ในยามที่เจ้าตัวจากไปแล้วก็ตาม  และชายหนุ่มเองก็ยอมรับว่าสิ่งที่เพื่อนรักของเขาพูดออกมานั้นเป็นสิ่งที่เขากลัวมากที่สุดว่ามันจะเกิดขึ้น

     

    ถ้าหากว่าเธอรู้ว่านายหลอกลวงเธอ  เธอจะเกลียดนายไปชั่วชีวิต  เสียงเล็ก ๆ ที่ดังขึ้นในหัวนั้นเตือนเขาให้นึกถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นหากเขายังคงหลอกลวงเฮอร์ไมโอนี่ต่อไปแบบนี้และเดรโกเองก็ยอมรับว่าผลลัพธ์ที่ว่านั้นมันไม่น่าพิสมัยเลยแม้แต่น้อย

    แต่ที่เขาทำไปทั้งหมดนี่ก็เพราะเขารักเธอ!  เดรโกเถียง  ที่เขายอมเป็นคนหลอกลวง  ยอมถูกเพื่อนรักเกลียดชัง  ทั้งหมดนี่ก็เพราะเรารักเธอ  เขาต้องการทำให้เธอมีความสุขเพราะเขารักเธออย่างที่เขาไม่เคยรักใครมาก่อน!

     

    แล้วนายคิดว่าเธอจะยอมฟังที่นายพูดงั้นเหรอ  ถ้าเธอรู้ความจริงขึ้นมาเธอจะยอมยกโทษให้นายเพียงเพราะที่นายทำลงไปเพราะว่านายรักเธออย่างนั้นเหรอเสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง  และดูเหมือนว่าคราวนี้ชายหนุ่มจะหมดหนทางโต้เถียงกับมันเสียแล้ว

     

    เดรโกหลับตาลงพลางใช้นิ้วทั้งสองบีบตรงหว่างคิ้วเบา ๆ เพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายลงบ้าง

    ช่างเถอะ  ถ้าวันนั้นมาถึงจริง ๆ ต่อให้เธอจะโกรธหรือจะเกลียดฉันก็ตาม  ฉันก็จะใช้ความรักของฉันรั้งเธอให้อยู่กับฉันได้อยู่ดีเขาคิดก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้

     

     เดรโกเดินกลับไปที่ห้องนอน  ชายหนุ่มตรงไปยังห้องแต่งตัวซึ่งเต็มไปด้วยตู้เสื้อผ้าบิวด์อินเรียงรายอยู่ตลอดด้านหนึ่งของผนัง  เขาคว้าเสื้อคลุมมาเปลี่ยนโดยไม่ใส่ใจว่ามันจะเป็นชุดไหน  และหลังจากที่แต่งตัวเสร็จชายหนุ่มก็หายตัวกลับไปยังคฤหาสน์ของเขา

     

    เท้าของเดรโกแตะลงบนพื้นหินแกรนิตในห้องโถงของคฤหาสน์มัลฟอย  เขาสำรวจไปรอบ ๆ บ้านที่เขาไม่ได้มาเหยียบเป็นเวลาหลายปี  ทุกอย่างดูไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว  ทุกอย่างในคฤหาสน์ยังคงเหมือนกับวันสุดท้ายที่เขาอยู่ที่นี่ก่อนที่เขาจะย้ายออกไปเนื่องจากเดรโกไม่อาจทำใจอยู่ในที่ที่พ่อกับแม่ของเขาสิ้นใจลงได้

    แค่ไม่กี่อึดใจต่อมาหลังจากเดรโกมาเหยียบคฤหาสน์ของเขา  เสียงป๊อปก็ดังขึ้นรอบกายของชายหนุ่มพร้อมกับการปรากฏตัวของเอลฟ์ประจำบ้านจำนวนมาก  เอลฟ์เหล่านั้นดูปิติยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นเขา  พวกมันก้มศีรษะลงต่ำในเชิงทำความเคารพและพร้อมใจพูดออกมาว่า ยินดีต้อนรับกลับบ้านขอรับนายท่าน

    เดรโกโบกมือให้เอลฟ์เหล่านั้นอย่างไม่ใส่ใจกับท่าทีพินอบพิเทาเกินควรของพวกมัน  จนกระทั่งมีเอลฟ์ที่ดูสูงอายุกว่าตัวอื่น ๆ ก้าวออกมาหาเขา  ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันเป็นหัวหน้าเอลฟ์ในบ้านของเขา

    พวกเราไม่ทราบว่านายท่านจะกลับมาที่นี่ดึกขนาดนี้  ไม่งั้นเราคงจะเตรียมอาหารและของว่างไว้ต้อนรับนายท่านแล้วเอลฟ์ชรานามว่า คอลี่พูดขึ้น [ชื่อเอลฟ์อาจจะซ้ำกะฟิคเรื่องอื่นนะคะ  เพราะเราคิดไม่ออกอ่ะ - -“]

    ไม่เป็นไร  ความจริงฉันก็ไม่ได้คิดว่าจะกลับคฤหาสน์ในคืนนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วชายหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจแต่ที่ฉันเปลี่ยนใจเป็นเพราะฉันอยากมาดูว่าพวกแกทำงานที่ฉันสั่งได้เรียบร้อยหรือยังเขาถามคอลี่

    พวกเราจัดการตามที่นายท่านสั่งเรียบร้อยทุกอย่างแล้วขอรับคอลี่กล่าวอย่างภาคภูมิใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำความสะอาดคฤหาสน์ใหม่ทั้งหมด  ปิดตายห้องใต้ดินของนายท่านคนก่อน  รวมทั้งจัดหาข้าวของเครื่องใช้ให้คุณผู้หญิงด้วยขอรับ  เอลฟ์ชราอธิบาย  เดรโกมีสีหน้าพอใจ

    งั้นก็ดี  ว่าแต่แกจัดห้องของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ข้าง ๆ ห้องของฉันรึเปล่าเขาถามและเริ่มเดินไปทางบันไดขนาดใหญ่ที่มีราวจับสีเงินและปูด้วยพรมสีเขียวเข้ม  อันที่จริงแล้วทุกอย่างในคฤหาสน์หลังนี้ล้วนเป็นสีเขียวและเงินทั้งนั้น  เพราะมันอีกทางหนึ่งที่แสดงออกว่าตระกูลมัลฟอยภูมิใจกับความเป็นสลิธีรินของพวกเขามากเพียงใด

    แน่นอนขอรับ คอลี่บอกขณะที่มันและเอลฟ์อีกสองตัวเดินตามเขามาติด ๆ ส่วนเอลฟ์ที่เหลือต่างไปหาน้ำชามารองรับเจ้านายของพวกมันกระผมจัดห้องของคุณผู้หญิงไว้ข้าง ๆ ห้องของนายท่านขอรับ  และตระเตรียมทุกอย่างสำหรับคุณผู้หญิงไว้เรียบร้อยแล้วขอรับ  เหลือแต่รอเธอย้ายเข้ามาเท่านั้น  แต่ที่กระผมหนักใจก็คือเรื่อง............เสียงของคอลี่ขาดหายไป  เดรโกมองมันอย่างสงสัย

    เรื่องอะไรชายหนุ่มถามเสียงเข้ม  ขณะที่คอลี่มีท่าทีราวกับมันไม่ต้องการจะพูดออกมา

    อภัยให้คอลี่ด้วยเถอะขอรับนายท่าน  แต่คอลี่ไม่ต้องการอาจจะ....มันอึกอัก

    ฉันบอกให้พูดมา!” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกได้ว่านั่นเป็นคำขาด  และนี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาพูดแบบนี้กับเอลฟ์ประจำบ้าน  เพราะตั้งแต่เป็นเพื่อนกับเฮอร์ไมโอนี่ชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปปฏิบัติกับเอลฟ์ประจำบ้านอย่างดีมาตลอด

    คอลี่หนักใจเรื่องที่.............ที่นายท่านจะพาคุณผู้หญิงเข้ามาอยู่ที่นี่.......ไม่ใช่สิขอรับ  คอลี่หนักใจเรื่องที่นายท่านจะพาเธอมานอนที่ห้องนั้นมากกว่า  เพราะนายมันเป็นห้องพิเศษ.......เป็นห้องที่คู่กับห้องนอนของนายท่าน  และผู้หญิงที่สมควรจะมานอนที่ห้องนั้นก็ควรจะเป็นนายหญิงคนต่อไปขอคลอนี่เอลฟ์อธิบาย  น้ำเสียงของมันสั่นเทาอย่างน่าสงสาร  ราวกลับมันกลัวว่าจะถูกมัลฟอยลงโทษก่อนที่จะพูดจบ

    เรื่องที่คอลี่พูดนั้นเกี่ยวกับห้องนอนที่เดรโกสั่งให้เอลฟ์จัดเตรียมไว้สำหรับเฮอร์ไมโอนี่  เพราะตั้งแต่เธอยอมตกลงมาอยู่กับเขาหลังจากออกจากโรงพยาบาล  ชายหนุ่มก็สั่งให้คอลี่เปิดห้องนอนที่คู่กับห้องนอนของเขาและจัดห้องนั้นเพื่อรอต้อนรับเฮอร์ไมโอนี่  ซึ่งอันที่จริงแล้วห้องนอนที่ว่านั้นเป็นห้องนอนที่อยู่ติดกับห้องนอนของเดรโกและมีประตูเชื่อมถึงกัน  และมันเป็นห้องที่จะเตรียมไว้ให้เจ้าสาวของเขาในอนาคตอยู่ 

    ตามธรรมเนียมของตระกูลมัลฟอยแล้ว  สามีภรรยาจะไม่นอนห้อง ๆ เดียวกัน  แต่ทั้งสองจะมีห้องนอนที่ติดกันและมีประตูเชื่อมห้องทั้งสองเข้าด้วยกัน  ในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถที่จะปิดประตูนั้นและอยู่ในห้องของตัวเองได้  และตอนนี้เดรก็เข้าใจแล้วว่าทำไมคอลี่ถึงได้หนักใจเรื่องที่เขาจะพามาเฮอร์ไมโอนี่มานอนที่ห้องนั้นนัก  เพราะว่าคอลี่ซึ่งเป็นเอลฟ์ที่อาวุโสที่สุดในบ้านยังคงยึดถือธรรมเนียมเก่าแก่ของตระกูลที่ว่าผู้หญิงที่จะมานอนในห้องนอนที่คู่กับห้องของเดรโกได้นั้นจะต้องเป็นเจ้าสาวของเขาเท่านั้น

    ชายหนุ่มมองเอลฟ์ที่กำลังตัวสั่นงันงกด้วยสายตาที่เรียบเฉย  ขณะที่คอลี่กำลังคิดว่าเจ้านายจะลงโทษมันด้วยวิธีไหนเดรโกก็พูดขึ้น

    แกไม่ต้องกังวลว่ามันจะผิดธรรมเนียมของตระกูลหรอก  เพราะผู้หญิงที่ฉันจะพามานี่คือว่าที่นายหญิงมัลฟอยคนต่อไปเขาพูดท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของเอลฟ์ประจำบ้าน  แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะยังไม่รักเขา  และยังไม่ได้ตอบรับคำขอแต่งงานที่ชายหนุ่มเองยังไม่เคยขอเธอก็ตาม  แต่เดรโกรู้ดีว่าเขาสามารถทำให้เธอรักเขาได้ไม่ยากหากเธอลืมแฮร์รี่ออกไปจากใจของเธอได้แล้ว  และเมื่อถึงวันที่เธอรักเขาจนหมดหัวใจเมื่อไหร่เดรโกก็จะขอเธอแต่งงาน  เขาจะทำทุกอย่างเพื่อที่จะผูกมัดเธอให้อยู่กับเขาตลอดไปโดยการให้เธอเป็นเจ้าสาวของเขา  เป็นคุณนายมัลฟอยของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น

     

    เฮอร์ไมโอนี่  จีน  มัลฟอย  อย่างนั้นรึ  เป็นชื่อที่เพราะอยู่ไม่น้อยทีเดียวชายหนุ่มยิ้มให้กับความคิดนั้นก่อนจะเดินขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์เพื่อไปดูห้องนอนของว่าที่ เจ้าสาวของเขา

     

     

    .................................................

     

     

    หลังจากจัดการเรื่องที่คฤหาสน์เสร็จเรียบร้อยแล้วเดรโกก็มาที่โรงพยาบาลในตอนเช้าเพื่อมารับเฮอร์ไมโอนี่กลับไปกับเขา  ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะเข้าไปที่ห้องของเธอเขาก็พบกับผู้บำบัดส่วนตัวของหญิงสาวเสียก่อน

    อรุณสวัสดิ์ค่ะ  คุณมัลฟอย  มาแต่เช้าเชียวนะคะมารี  ที่เป็นผู้บำบัดของเฮอร์ไมโอนี่ทักขึ้น  เดรโกยิ้มให้เธอ

    อรุณสวัสดิ์ครับ  คุณก็รู้นี่ว่าทำไมผมถึงต้องมาแต่เช้าชายหนุ่มตอบ

    แน่นอนว่าฉันรู้ค่ะว่าคุณจะมารับเธอกลับบ้านมารีพูดด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว

    อาการของเธอเป็นยังไงบ้างครับ  แล้วนี่เธอตื่นหรือยังเดรโกถาม

    ยังค่ะ  เมื่อคืนเราให้ยานอนหลับเธอไปเพราะต้องการให้เธอพักผ่อน  อาการของเธอดีขึ้นมากแล้วค่ะแต่คุณต้องเช็คกับคุณยอร์กอีกทีนะคะ  คุณก็รู้ว่าฉันเป็นแค่ผู้บำบัดฝึกหัดเท่านั้นหญิงสาวผมบลอนด์พูด  ดูจากภายนอกแล้วเธอน่าจะอายุอ่อนกว่าเดรโกไม่มากนัก

    ตกลงครับ  แต่ผมขอไปเยี่ยมเฮอร์ไมโอนี่ก่อนนะครับเขาพูดพลางเอื้อมมือไปจับที่ลูกบิดประตู

    เชิญเลยค่ะ  แต่อย่าเผลอปลุกเธอเข้านะคะมารีพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเธอล้อเล่นมากกว่าจะหมายความตามนั้นจริง ๆ ขณะที่ชายหนุ่มเข้าไปในห้องของเฮอร์ไมโอนี่

    หญิงสาวกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง  ท่ามกลางแสงแดดอ่อน ๆ ที่ส่องมาจากหน้าต่าง  มันทำให้ดูงดงามเหลือเกินแม้ในยามที่ใบหน้าของเธอไร้การแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางใด ๆ ก็ตาม

    เดรโกเดินไปที่เตียงของเธอช้า ๆ พลางนั่งลงบนโต๊ะข้าง ๆ มัน  เข้าเฝ้าดูเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังหลับด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรัก  และเพราะความงดงามของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหวที่จะก้มลงไปจูบเธอ

    เดรโกจูบเฮอร์ไมโอนี่ที่หน้าผากอย่างแผ่วเบาราวกับเขาไม่ต้องการให้เธอตื่นเพียงเพราะสัมผัสของเขา  และมันก็เป็นดังเช่นที่เขาต้องการ  เพราะแม้ว่าชายหนุ่มจะถอนใบหน้าของเขาออกมาแล้วหญิงสาวก็ยังคงนอนหลับอย่างสงบนิ่งอยู่บนเตียง

    เดรโกยิ้มให้กับภาพที่เห็น  เขาไม่ต้องการปลุกเธอให้ตื่นมาเลยแม้แต่น้อย  ตรงกันข้ามเขากลับอยากนั่งมองเธอนอนกลับแบบนี้ไปนาน  ๆ เสียด้วยซ้ำ  ชายหนุ่มคิดขณะที่มือใหญ่ของเขาเลื่อนไปลูบศีรษะของหญิงสาวผู้เป็นที่รักอย่างแผ่วเบา  เดรโกเฝ้ามองเธออยู่เงียบ ๆ เพื่อรอเธอตื่นขึ้นมา

     

    .................................................

     

    มันผ่านไปนานแค่ไหนแล้วเดรโกไม่ทราบแน่ชัด  เพราะกว่าเขาจะรู้สึกอีกทีก็เป็นเวลาที่เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ปรือตาขึ้นมา  ขนตาที่เป็นแพงอนงามของเธอกระพริบเบา ๆ สู้แสงแดดที่ส่องมาจากหน้าต่างในยามสาย  ก่อนที่ดวงตาสีน้ำตาลของเธอจะหันมาสบกับดวงตาเงินของชายหนุ่ม

    เดรโกนั่นเป็นสิ่งที่เธอพูดขึ้นเป็นครั้งแรกของวันนี้  แต่หญิงสาวก็ไม่อาจจะพูดอะไรได้มากไปกว่านั้นเมื่อชายหนุ่มจูบเธอที่ริมฝีปากเบา ๆ

    อรุณสวัสดิ์เขาพูด  พลางจูบเธอซ้ำที่แก้มอีกครั้ง  และทำให้แก้มของเธอขึ้นสีได้อย่างไม่ยาก

    อรุณสวัสดิ์  เธอมานานแล้วเหรอเฮอร์ไมโอนี่ถาม  เดรโกยิ้มให้เธอ

    ไม่นานนักหรอก  ฉันไม่อยากปลุกเธอน่ะเขาโกหก  ความจริงจะเรียกว่าโกหกก็ไม่ถูกนัก  เพราะเขาเองก็จำไม่ได้ว่าเขานั่งมองเธอหลับมาเป็นเวลานานเท่าไหร่

    แล้วทำไมวันนี้มาเช้าจังล่ะหญิงสาวถามขึ้น  ใบหน้าของเธอเป็นสีเข้มขึ้นอีกเมื่อรู้ว่าก่อนหน้านี้ชายหนุ่มนั่งมองเธอหลับมาก่อน 

     ก็วันนี้เธอจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้วนี่นา  ฉันเลยมารับเธอเช้าหน่อยเขาพูด  แต่สีหน้าของเฮอร์ไมโอนี่กลับสลดลงเมื่อเธอได้ยินคำว่า ออกจากโรงพยาบาลและแน่นอนว่าเดรโกสังเกตเห็นความไม่สบายใจของเธอได้ไม่ยากนัก

    เป็นอะไรไปเหรอชายหนุ่มถามขึ้นขณะที่หญิงสาวหลบตาเขา

    เปล่า ฉันแค่กังวลเท่านั้นเธอตอบออกมาด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก  และเมื่อเป็นเช่นนั้นเดรโกจึงเลื่อนมือใหญ่ของเขาไปกุมมือของเฮอร์ไมโอนี่ไว้

    เธอกังวลอะไรเขาถามอย่างอ่อนโยนขณะที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นสบตาเขา

    ฉัน....มันไม่มีอะไรมากหรอกเดรโก......ฉันแค่กังวลเรื่องที่ฉันต้องออกจากโรงพยาบาลเท่านั้น  ที่เธอจะให้ฉันไปอยู่ที่บ้านของเธอน่ะ  ฉันหมายความว่าฉันไปอยู่กับเธอได้จริง ๆ เหรอ  แล้วพ่อแม่ของเธอล่ะเธอพูดออกมาตามตรง  ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ กับคำพูดนั้น

    เธอไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น  เฮอร์ไมโอนี่  เธอไปอยู่กับฉันได้อย่างแน่นอน  เพราะถึงยังเธอก็เป็นคนรักของฉัน  เราเป็นคนรักกันเขาย้ำประโยคสุดท้ายอย่างชัดเจน บ้านของฉันก็เหมือนกับบ้านของเธอ  แล้วถ้าเธอกังวลเรื่องพ่อแม่ของฉันล่ะก็เธอก็ไม่ต้องห่วงหรอกนะ  เพราะพวกท่านตายจากฉันไปนานแล้ว  ฉันเองก็เหมือนเธอที่สูญเสียพ่อแม่ไปในสงครามเฮอร์ไมโอนี่ตาโตเมื่อได้ยินเช่นนั้น

    เดรโก  ฉันขอโทษ  ฉันหมายถึงฉันจำไม่ได้เลยเรื่องพ่อแม่ของเธอ  ฉันเสียใจหญิงสาวพูดออกมา  แต่ชายหนุ่มกลับยิ้มให้เธอและเอื้อมมือมาลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างรักใคร่

    ฉันรู้  ฉันไม่โกรธเธอหรอก  ว่าแต่เธอพร้อมจะกลับบ้านกับฉันหรือยังเขาถาม

    เอ่อ  ฉันว่าฉันพร้อมแล้วนะ  แต่ฉันต้องขออาบน้ำแต่งตัวก่อน  ก็เธอเล่นมาซะเช้าแบบนี้นี่นาเฮอร์ไมโอนี่พูด  และใบหน้าของเธอก็เป็นสีแดงอีกครั้งเมื่อชายหนุ่มก้มลงมาจูบเธอที่หน้าผากเบา ๆ

    งั้นก็ได้  ระหว่างรอเธอแต่งตัวฉันจะไปคุยกับผู้บำบัดซักหน่อย  ว่าแต่เธออาบน้ำคนเดียวได้ใช่ไหม  เธอต้องการให้ใครช่วยรึเปล่าเขาถามออกไปก่อนที่จะลืมคิดถึงความหมายอีกแง่หนึ่งของคำถามนั้น

    ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่แดงก่ำเสียยิ่งกว่าตอนที่ชายหนุ่มจูบเธอเป็นไหน ๆ

    ฉันหมายความว่าเธออยากให้มารีมาช่วยเธอแต่งตัวรึเปล่าน่ะเดรโกรีบพูดทันทีเมื่อเขาเห็นท่าทีเขินอายของเฮอร์ไมโอนี่  แต่ชายหนุ่มก็ชอบไม่น้อยเวลาที่เธออายแบบนี้  เพราะมันทำให้เขาอยากกอดเธอไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ยอมปล่อยให้ไปไหน

    ไม่ต้องหรอก  แค่อาบน้ำแต่งตัวฉันทำเองได้เธอพูดโดยที่ไม่ยอมสบตาเขา  และเริ่มลุกจากเตียง  เดรโกประคองเธอเดินไปจนถึงห้องน้ำ [ ความจริงนอกจากอาการสูญเสียความทรงจำแล้วเฮอร์ไมโอนีบาดแผลอื่น ๆ บนร่างกายของเธอก็ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้นเดรโกก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่าเธอยังไม่แข็งแรงพอที่จะทำอะไรเองยู่ดี ] และชายหนุ่มก็ส่งเสื้อผ้าชุดใหม่ที่เขาซื้อมาเธอ  หลังจากหญิงสาวหายลับไปในห้องน้ำแล้วเขาก็เดินออกไปจากห้องพักของเฮอร์ไมโอนี่เพื่อคุยกับผู้บำบัดเรื่องพาเธอออกจากโรงพยาบาล

     

    .................................................

     

    เฮอร์ไมโอนี่อาบน้ำแต่งตัวเสร็จโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เดรโกกลับมาจากการพูดคุยกับผู้บำบัด  โดยผู้บำบัดได้บอกเขาว่าแม้เฮอร์ไมโอนี่จะอาการดีขึ้นจนสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว  แต่สภาพจิตใจของเธอยังไม่เป็นปรกติเท่าไหร่นัก  และเขาก็แนะนำให้เดรโกดูแลเธออย่างใกล้ชิดรวมทั้งหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระทบกระเทือนจิตใจของเธอ  และชายหนุ่มต้องพาเธอมาตรวจที่นี่ทุกสัปดาห์และเขายังสั่งยาให้เธอไปทานที่บ้านด้วย

    หลังจากหารือกับผู้บำบัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เดรโกก็ให้เฮอร์ไมโอนี่รอเขาที่ห้องพักระหว่างที่เขาไปรับยาของเธอกับจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนที่ชายหนุ่มจะกลับมาที่ห้องพักเพื่อหาเธอหายตัวกลับไปยังคฤหาสน์ของเขา ซึ่งก่อนออกจากโรงพยาบาลเฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่ลืมที่จะบอกลามารี  ผู้บำบัดฝึกหัดที่ดูแลเธอตลอดเวลาที่เธออยู่ที่นี่

    ลาก่อนนะคะ  ขอบคุณมากสำหรับทุกอย่างค่ะหญิงสาวพูดกับผู้บำบัดผมบลอนด์ที่มีหน้าที่ดูแลเธออย่างใกล้ชิดมาตลอดระยะเวลาหลายสัปดาห์

    ไม่เป็นไรค่ะ  ขอให้คุณโชคดีและหายเร็ว ๆ นะคะมารีพูดพลางยิ้มให้เฮอร์ไมโอนี่  หญิงสาวมีรอยยิ้มที่อ่อนหวานราวกับแม่พระสมกับชื่อของเธอจริง ๆ

    เราต้องไปแล้วครับมารี  ขอบคุณคุณมากที่ช่วยดูแลเฮอร์ไมโอนี่เดรโกพูดขณะที่เขาโอบเอวหญิงสาวที่เขารักไว้ด้วยแขนข้างหนึ่ง

    ยินดีค่ะคุณมัลฟอย  แล้วเจอกันใหม่นะคะเธอกล่าว

    ครับ  แล้วเจอกันใหม่ชายหนุ่มว่าก่อนจะกอดเฮอร์ไมโอนี่แน่นก่อนจะหาเธอหายตัวไป

     

    .................................................

     

    เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเธอก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่หน้าคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ดูโอ่อ่าราวกับพระราชวัง  แต่ต่างมันต่างจากพระราชวังตรงที่คฤหาสน์หลังนี้ถูกตกแต่งด้วยสไตส์โกธิคที่ดูลึกลับหากแต่ก็สวยงามในคราวเดียวกัน  หญิงสาวมองสำรวจพื้นหินแกรนิตสีดำที่เธอกำลังยืนอยู่ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังประตูบานยักษ์ที่ถูกตกแต่งด้วยกระจกสีต่าง ๆ และหันกลับมาหาชายหนุ่มที่เธอเข้าใจว่าเป็นคนรักของเธอ  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้พูดอะไรออกไปเสียงป็อปดังขึ้นเสียก่อน

    เอลฟ์ประจำบ้านจำนวนห้าตนปรากฏกายขึ้นตรงหน้าพวกเขาทั้งสอง  ทุกตัวล้วนแต่ตัวเล็กกระจ้อยร่อยและสวมอะไรบางอย่างที่ไม่อาจเรียกว่าเสื้อผ้าได้  แต่ถึงกระนั้นพวกมันก็ไม่ได้ดูเหมือนเอลฟ์ที่อดอยากหรือถูกใช้งานอย่างทารุณ  ตรงกันข้ามพวกมันกลับดูอยู่ดีกินดีเสียด้วยซ้ำ

    ยินดีต้อนรับนายท่ายและนายหญิงขอรับ/เจ้าค่ะเอลฟ์พูดอย่างพร้อมเพรียงกันก่อนจะพากันก้มศีรษะลงจนจมูกแทบจรดกับพื้น และในวินาทีนั้นเองเดรโกก็ดึงตัวเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาใกล้ ๆ และกระซิบกับเธอเบาๆ

    ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์มัลฟอยเขาบอกเธอ  ก่อนจะหันไปสั่งงานเอลฟ์ตรงหน้า

    อาหารเช้าเรียบร้อยหรือยังชายหนุ่มถาม  และก็เอลฟ์ตัวหนึ่งตอบกลับมาในทันทีว่าเรียบร้อยแล้ว เดรโกพยักหน้าอย่างพอใจก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไป

    งั้นพวกแกมาเอาของของนายหญิงไปไว้ในห้องนอน  แล้วก็จัดเก็บให้เรียบร้อยด้วยล่ะเขาสั่ง  และก็มีเอลฟ์สองตัวเดินเตาะแตะมาหยิบกระเป๋าที่มีข้าวของของเฮอร์ไมโอนี่ซึ่งเดรโกนำกลับมาจากโรงพยาบาลมาด้วยขึ้นไปไว้บนห้อง

    เมื่อเห็นภาพเอลฟ์ประจำบ้านถูกใช้งาน  เฮอร์ไมโอนี่ก็อดไม่ได้ที่จะมองชายหนุ่มอย่างตำหนิซึ่งหญิงสาวเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นเพราอะไร  แต่เธอก็ต้องแปลกใจไม่น้อยที่เขาดูไม่มีท่าทีประหลาดใจกับสายตาของเธอเลย

    ฉันรู้ว่าเธอรักเอลฟ์ประจำบ้านมากแค่ไหน  แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้ใช้งานพวกมันเยี่ยงทาสอย่างที่เธอคิดหรอกนะเขาพูดพลางจูบแก้มเฮอร์ไมโอนี่ที่มีท่าทีประหลาดใจ

    เธอว่าฉันรักเอลฟ์ประจำบ้านอย่างนั้นเหรอเธอถามพลางมองเดรโกอย่างค้นหา  ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ให้เธอก่อนจะตอบออกมา

    ใช่  เธอเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วล่ะ ว่าแต่เราจะเข้าบ้านกันได้หรือยังเดรโกพูด  และเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าเบา ๆ ชายหนุ่มก็ออกแรงอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขน

    ว้าย!” หญิงสาวร้องขึ้นมา ทำอะไรน่ะ

    ก็พาเธอเข้าบ้านน่ะสิเดรโกพูดพร้อมกับพาเธอเดินเข้าไปในตัวบ้าน  ในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่ทำท่าจะประท้วง  แต่เมื่อชายหนุ่มก้มลงมาจูบเธอเบา ๆ คำพูดนั้นของเธอก็จางหายไปกับจูบนั้นในทันที  เธอจึงทำได้แค่ซุกใบหน้ากับอกของเดรโกขณะที่เขาพาเดินเข้าไปในบ้านเท่านั้น

    แม้ว่าภายนอกของคฤหาสน์มัลฟอยจะดูโอ่อ่ามากก็ตาม  แต่มันก็เทียบมาได้กับสิ่งที่อยู่ข้างในเลย  ตั้งแต่วินาทีแรกที่เดรโกพาเฮอร์ไมโอนี่ก้าวเข้ามาในคฤหาสน์ [หรือจะพูดให้ถูกก็คือเขาอุ้มเธอเข้ามา]  หญิงสาวก็สัมผัสได้ถึงความเก่าแก่หากแต่ว่าหรูหรา  ภายในเป็นห้องโถงเพดานสูงที่ถูกตกแต่งเป็นอย่างดี  พื้นหินแกรนิตสีดำสนิทรับกับวอลเปเปอร์สีเข้มและเครื่องเรือนโบราณที่เธอไม่อาจประเมินค่าได้  ทางขวามือมีบันไดที่มาราวจับสีเงินและปูด้วยพรมสีเขียวเข้มอยู่  ตรงผนังริมบันไดนั้นประดับประดาไปด้วยภาพเขียนเก่าแก่จำนวนนับไม่ถ้วน

    เฮอร์ไมโอนี่สองสำรวจรอบ ๆ คฤหาสน์อย่างตื่นตาตื่นใจ  แม้เธอจะพอดูออกว่าชายหนุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นคนรักของเธอเป็นคนมีฐานะ  แต่เธอเคยไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะร่ำรวยขนาดนี้

    เธออาศัยอยู่ที่นี่เหรอหญิงสาวพูดออกไปก่อนที่จะทันห้ามตัวเองทัน  และเธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่น่าถามคำถามแบบนั้นออกไปเลย  เพราะมันคงฟังดูโง่เง่ามากแน่ ๆ ในสายตาของชายหนุ่ม

    แต่เดรโกกลับยิ้มบาง ๆ ให้เธอก่อนตอบออกมา

    ฉันโตขึ้นมาที่นี่  แต่ฉันย้ายออกไปหลังจากสงครามจบลง  ฉันมีคอนโดอยู่ในลอนดอนอีกที่หนึ่งและมีบ้านพักตากอากาศสองสามแห่ง  แต่หลัง ๆ มานี่ฉันจะอยู่ที่คอนโดมากกว่าเดรโกพูดก่อนที่จะคิดขึ้นได้ว่าคำพูดนี้ของเขาอาจจะนำคำถามต่อไปมาสู่ตัวเขาเอง

    และก็เป็นยังที่เดรโกคาด  เพราะเฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วราวกับไม่เข้าใจในคำตอบนั้นก่อนจะถามเขาขึ้นมาอีกครั้ง

    แล้วทำไมเธอถึงไม่พาฉันไปอยู่ที่คอนโดของเธอแทนล่ะชายหนุ่มเงียบไปพักหนึ่งก่อนตอบออกมา

    มันไม่ค่อยสะดวกน่ะ  ถ้าเธอมาอยู่ที่นี่ฉันจะได้ให้เอลฟ์คอยดูแลเธอได้เวลาที่ฉันไม่อยู่บ้าน  เพราะคอนโดของฉันตั้งอยู่ในเขตมักเกิ้ล  มันคงไม่ดีแน่ถ้าหากจะมีเอลฟ์ประจำบ้านอยู่ที่นั่น  อีกอย่างที่คอนโดของฉันก็มีคนมาหาบ่อยที่นี่น่าจะสะดวกให้เธอพักผ่อนมากกว่าเดรโกเลือกที่จะไม่บอกเหตุผลที่แท้จริงของเขาในการพาเธอมาอยู่ที่นี่  เพราะเหตุผลนั้นก็คือชายหนุ่มไม่ต้องการให้เธอเจอคนรู้จักคนอื่น  รวมทั้งเขาไม่ต้องการให้เพื่อนร่วมงานของเธอคนใดมาเยี่ยมเธอทั้งสิ้น  เพราะเขากลัวว่าคนพวกนั้นจะเล่าเรื่องของแฮร์รี่ให้เธอฟัง

    แล้วเธอจะอยู่ที่นี่กับฉันตลอดรึเปล่า  หรือเธอต้องกลับไปที่คอนโดของเธอด้วยหญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงกังวล  เดรโกจึงยิ้มให้เธออย่างเอ็นดู

    แน่นอนว่าฉันจะอยู่กับเธอที่นี่  เฮอร์ไมโอนี่  ฉันจะไม่ทิ้งเธอไปไหนทั้งนั้นนอกเสียจากว่าฉันต้องออกไปทำงานเท่านั้นเขาบอกเพื่อให้เธอสบายใจ ว่าแต่เราขึ้นไปดูห้องนอนของเธอกันดีกว่ามั๊ยเขาเสนอ

    ได้สิ  แต่เธอน่าจะปล่อยฉันก่อนนะ  เดรโกหญิงสาวอ้อมแอ้มออกมา  ใบหน้าของเธอยังคงเป็นสีแดง

    ไม่  ฉันอุ้มเธอขึ้นไปแบบนี้แหละ  เราน่าจะทำตามธรรมเนียมกันหน่อยจริงไหมชายหนุ่มล้อ  และผลที่ตามมาก็คือใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีจัดยิ่งกว่าเดิมราวกับเธอไข้ขึ้นกะทันหัน

    เราไม่ได้แต่งงานกันซะหน่อยนะเธอท้วง

    แล้วอยากแต่งไหมล่ะเดรโกหยอกเธอ  เขาชอบเหลือเกินเวลาที่เฮอร์ไมโอนี่อาย  เพราะมันทำให้เธอดูเหมือนเจ้าหญิงน้อย ๆ ที่ดูใสซื่อบริสุทธิ์มากกว่าอะไรทั้งหมด

    บ้า!” เฮอร์ไมโอนี่พูดพร้อมกับรัวกำปั้นใส่อกของชายหนุ่ม  แต่เขากลับไม่รู้สึกเจ็บเลย  แต่เมื่อเดรโกเห็นใบหน้าแดงก่ำของหญิงสาวเขาก็รู้ว่าควรเลิกแกล้งเธอได้แล้ว

    ล้อเล่นนิดเดียวเอง  ฉันว่าเราไปดูห้องของเธอกันดีกว่าเขาบอกพลางจูบแก้มเธอเบา ๆ อย่างเอาใจก่อนจะอุ้มเธอขึ้นบันไดไป

     

    ………………………………………………………...

     

     

    ห้องที้เดรโกพาเฮอร์ไมโอนี่ไปนั้นเป็นห้องนอนที่ถูกกว้างขวางโอ่อ่าและถูกตกแต่งเป็นอย่างดี  มีเตียงสี่เสาขนาดใหญ่ตั้งอยู่กลางห้อง  ชุดรับแขก  เตาผิง  ชั้นหนังสือ  แต่ที่น่าแปลกก็คือห้อง ๆ นี้ถูกตกแต่งในแบบที่แตกต่างจากส่วนอื่น ๆ ของคฤหาสน์  มันดูอบอุ่นและอ่อนโยนมากกว่า  โทนสีที่ใช้ในห้องรวมทั้งเครื่องเรือนก็ดูเป็นสีที่อ่อนกว่าที่ใช้ตกแต่งห้องโถงราวกับมันเป็นห้องนอนที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ

    และแน่นอนว่าเดรโกก็เดาความคิดของหญิงสาวออกได้ไม่ยาก  เขาเฉลยสิ่งที่เธอสงสัยออกมาหลังจากชายหนุ่มวางเธอลงบนโซฟาหน้าเตาผิงแล้ว

    นี่เคยเป็นห้องของแม่ฉันน่ะเขาพูดพลางยิ้มให้เธอ  แต่ชายหนุ่มก็ไม่อาจปกปิดน้ำเสียงโศกเศร้าของเขาไว้ได้  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างสงสารขณะที่เดรโกนั่งลงบนโซฟา

    ทำไมเธอไม่เคยเล่าเรื่องพ่อแม่ของเธอให้ฉันฟังเลยล่ะ  เดรโก  ฉันหมายถึงฉันอาจจะรู้อยู่ก่อนแล้ว  แต่หลังจากที่ฉันสูญเสียความทรงจำเธอก็ไม่เคยพูดถึงครอบครัวของเธอให้ฉันฟังเลยหญิงสาวถามขึ้นมา

    ชายหนุ่มมีสีหน้าครุ่นคิด  เขาถอนใจก่อนจะตอบออกมา

    ที่ฉันไม่ได้เล่าเรื่องครอบครัวให้เธอฟังเพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร  ไม่ใช่สิ  มันไม่ใช่เรื่องที่ฉันควรจะเล่าให้เธอฟัง  เพราะฉันกลัวว่ามันจะให้เธอตกใจเฮอร์ไมโอนี่มีสีหน้าประหลาดใจกับคำพูดนั้น

    แล้วทำไมฉันจะต้องตกใจด้วยล่ะ  ในเมื่อฉันคนเดิม  หมายถึงฉันในตอนก่อนสูญเสียความทรงจำก็น่าจะรู้เรื่องครอบครัวของเธอดีนี่นาเธอถาม  เดรโกพยักหน้า

    ใช่  เธอรู้เรื่องของฉันดี  และอาจจะดีมากกว่าใครด้วยซ้ำชายหนุ่มพูด  ใช่แล้ว  เฮอร์ไมโอนี่เป็นคนที่รู้เรื่องครอบครัวของเขาดีมากที่สุดรองจากตัวของเขาเอง  แม้ว่ามันอาจจะฟังดูแปลกอยู่บ้างที่เลือดสีโคลนอย่างเธอจะมาล่วงรู้ความเป็นไปของครอบครัวเลือดบริสุทธ์อย่างครอบครัวมัลฟอยดีกว่าใครทั้งหมด  แต่นั่นก็เป็นเพราะเดรโกเป็นคนเล่าให้เธอฟัง  เขาเป็นคนเล่าเรื่องครอบครัวที่เขาเพิ่งสูญเสียไปให้เธอฟังด้วยตนเองหลังจากที่เขามาเข้าร่วมภาคีเรียบร้อยแล้ว

    ชายหนุ่มนึกย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน  ตอนที่พ่อกับแม่ของเขาเพิ่งเสียชีวิตลงไม่นานด้วยน้ำมือของจอมมารและนั่นเป็นเพราะสาเหตุนั้นที่ทำให้เขาก็เข้าร่วมกับภาคีโดยไม่ลังเลใจเลย  ด้วยจุดประสงค์เพียงอย่างเดียวก็คือ เพื่อแก้แค้นให้แม่ของเขาที่เพิ่งตายลงไป  แต่ถึงแม้มันจะผ่านไปหลายเดือนแล้วนับตั้งแต่วันที่เธอจากเขาไป  แต่เดรโกก็ไม่อาจจะลืมเลือนเธอได้เลย  ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ  ชายหนุ่มไม่อาจจะทำใจลืมเธอได้ต่างหาก  แม้ว่าการคิดถึงเธอจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดยิ่งนักสำหรับเขา  แต่การต้องใช้ทำชีวิตอยู่โดยไม่คิดถึงเธอและพยายามลืมเธอไปจากใจของเขานั้นมันกลับเป็นเรื่องที่เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าสำหรับเขา

     

     

    Flash Back

     

    เดรโก  มัลฟอยกำลังนั่งอยู่ในห้องหนังสือที่เหม็บอับของกริมโมลด์เพลซเลยที่สิบสองซึ่งเป็นกองบัญชาการภาคีนกฟินิกซ์มานับตั้งแต่โวลเดอมอร์หวนคืนสู่อำนาจ  ชายหนุ่มมาเข้าร่วมกับภาคีมาเป็นเวลาร่วมหนึ่งเดือนแล้ว  และมันก็ผ่านมาได้สามเดือนแล้วนับตั้งแต่ที่พ่อกับแม่จากเขาไป  แต่เดรโกก็ไม่อาจจะลืมพวกเขาได้เลย  ต้องพูดว่าเขาไม่อาจจะลืมเธอได้เลยถึงจะถูก  ชายหนุ่มไม่อาจจะลืมแม่ผู้เป็นที่รักของเขาได้เลย 

    แต่สำหรับพ่อของเขานั้น  เดรโกยอมรับว่าตอนที่เกิดเรื่องขึ้นใหม่ ๆ เขาโทษว่าเรื่องทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของพ่อ  เป็นเพราะพ่อไปรับใช้จอมมารจึงทำให้เขารวมทั้งแม่ต้องตาย  และมันทำให้ชายหนุ่มไม่ได้เสียใจกับการตายของพ่อเท่ากับการตายของแม่เลย  แต่เขากลับคิดว่าที่แม่ของเขาต้องมาตายนั้นเป็นเพราะพ่อของเขาเป็นต้นเหตุ 

    แต่หลังจากเขาได้ผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตไปได้  ชายหนุ่มก็เริ่มเข้าใจทุกอย่างมากขึ้นเขาก็เลิกโทษว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของพ่อ  ตรงกันข้ามเดรโกกลับรู้สึกเสียใจกับการจากไปของเขาไม่ต่างไปจากแม่เลย  เพราะถึงแม้นายลูเซียสจะเป็นคนที่เย็นชาแม้กระทั่งกับลูกและภรรยา  แต่เดรโกก็รู้ดีว่าลึก ๆ แล้วพ่อของเขารักเขาและแม่มากทีเดียว  อย่างน้อย ๆ เขาก็คงรักเดรโกและแม่พอ ๆ กับที่ผู้ชายคนอื่นจะรักลูกและภรรยาของตัวเองได้

    เดรโกจำได้ดีว่าระหว่างที่เขากำลังนั่งเหม่อลอยโดยมีล็อกเก็ตซึ่งเป็นของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวของแม่ที่เขานำติดตัวมาด้วยอยู่ในมือนั้นเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น  เสียงนั้นเบามากจนเขาแทบจะไม่ได้ยิน  แต่สิ่งที่มาปลุกชายหนุ่มขึ้นจากภวังค์ก็คือเสียงของหญิงสาวคนหนึ่ง

    อุ๊ย ฉันขอโทษเฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์พูดขึ้นเมื่อเธอเห็นมัลฟอยกำลังนั่งเหม่ออยู่ในห้องหนังสือขณะที่ชายหนุ่มก็เพิ่งสังเกตการมาของเธอ  เขาเห็นว่าในมือของเธอมีหนังสือจำนวนสองสามเล่มอยู่ด้วย

    เกรนเจอร์เขาพึมพำออกมาขณะหันมามองเธอ

    โทษที  มัลฟอย  ฉันไม่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่หญิงสาวอ้อมแอ้มและกำลังจะเดินออกจากห้อง  แต่เดรโกกลับรั้งเธอไว้ด้วยคำถามของเขาเสียก่อน

    เธอมาทำอะไรที่นี่เขาถามขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วให้เขา

    ฉันก็เข้ามาหาที่เงียบ ๆ อ่านหนังสือน่ะสิหญิงสาวพูดด้วยท่าทีราวกับต้องการจะบอกเพิ่มว่า นี่นายไม่เห็นหรือไงว่าฉันถือหนังสือมาด้วยน่ะ ’ “แต่ฉันไม่รู้ว่านายอยู่ที่นี่  เพราะฉะนั้น.....

    เธอไม่ต้องออกไปไหนหรอกเกรนเจอร์  ฉันกำลังจะไปอยู่พอดีเดรโกพูดก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้  แต่เขากลับทำสร้อยในมือหล่นเสียก่อน

    ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะก้มลงไปเก็บมัน  หญิงสาวก็ก้าวเข้ามาและหยิบสร้อยเส้นนั้นขึ้นมาจากพื้น  เธอมีท่าทีสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นรูปในล็อกเกตที่กำลังเปิดอยู่  เพราะมันเป็นรูปของนาร์ซิลซาร์  มัลฟอย  และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่จึงเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมเดรโกถึงได้ปลีกตัวมานั่งอยู่คนเดียวในห้องนอนที่เหม็นอับและไม่มีใครอยากจะเข้ามาแบบนี้  มันคงเป็นเพราะเดรโกไม่ต้องการให้มีใครมาเห็นเขาตอนที่กำลังอ่อนแอเพราะคิดถึงครอบครัวที่จากไปแบบนี้

    ขอของของฉันคืนด้วย  เกรนเจอร์ชายหนุ่มพูดขึ้น  ขณะที่หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยแววตาเห็นใจก่อนจะส่งของล็อกเกตในมือไปให้เขา  ชายหนุ่มบรรจงปิดมันและเก็บใส่กระเป๋าเสื้ออย่างระวัง

    ฉันไม่ได้ตั้งใจจะดูมันเลย  มัลฟอย  ฉันขอโทษเธอพูด

    ช่างมันเถอะเดรโกพูดออกมาเรียบ ๆ ราวกับเขาไม่ใส่ใจใด ๆ ต่อการกระทำนั้น  แต่ก่อนที่เขาจะเดินออกจากห้องไปเฮอร์ไมโอนี่ก็พูดขึ้นก่อน

    ความจริงเธอพูดกับฉันได้นะ  มัลฟอย  ฉันหมายถึงถ้าเธอมีเรื่องไม่สบายใจฉันยินดีให้คำปรึกษา เธอพูดขึ้น

    ขอบใจ  เกรนเจอร์  แต่ฉันคิดว่าฉันไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเธอเขาตอบเสียงเย็น

    แต่ฉันช่วยเธอได้นะ  เพราะตอนนี้ฉันเองก็เป็นแบบเดียวกับเธอ  ฉันคิดว่าฉันน่าจะข้าใจความรู้สึกของเธอเฮอร์ไมโอนี่พูด

    เธอไม่มีวันเข้าใจฉันหรอกเดรโกหันกลับมาเผชิญหน้ากับเธอ  แม้ว่าดวงตาสีเงินที่มองมาทางหญิงสาวจะดูเย็นชาอยู่มากก็ตาม  แต่มันก็ไม่ได้มีแววเหยียดหยามเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

    แต่ฉันก็รับฟังได้นี่นา  ฉันหมายความว่า  ฉันรู้นะว่ามันแย่มาก ๆ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอ  รวมถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันด้วย  แล้วฉันก็ผ่านเวลาช่วงนั้นมาแล้วถึงแม้มันจะลำบากมากก็ตาม  แต่ฉันเชื่อว่าเธอต้องผ่านมันไปได้แน่  เพราะฉะนั้นให้ฉันช่วยเธอเถอะนะ  มัลฟอย  ฉันต้องการจะช่วยเธอจริง ๆ เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น  และจู่ ๆ โดยที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่คาดคิดมาก่อน  ชายหนุ่มก็ยิ้มออกมา  มันนับว่าเป็นรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่เดรโกสูญเสียพ่อแม่ของเขาไป  และดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่ก็งุนงงกับมันอยู่ไม่น้อย

    เธอนี่มันตื๊อไม่เลิกจริง ๆ นะยายหัวฟูเขาเหน็บเธอ  หญิงสาวจึงนิ่วหน้าใส่เขา

    อย่างน้อยฉันก็ทำให้เธอยิ้มได้ละกันน่า  อีกอย่างเลิกเรียกฉันแบบนั้นได้แล้ว  เพราะอย่างน้อยผมฉันก็ไม่ได้ฟูเหมือนแต่ก่อนแล้วนะเฮอร์ไมโอนี่พูด  และก็เป็นอย่างที่เธอว่าจริง ๆ เพราะในตอนนี้เธอได้เปลี่ยนจากเด็กสาวผมสีน้ำตาลฟูฟ่องที่ชอบหิ้วหนังสือไม่ต่ำกว่าสิบเล่มไว้ในอ้อมแขนเมื่อหลายปีก่อนมาเป็นหญิงสาวผู้มีผมหยักศกยาวสลวยที่รับกับดวงตาสีน้ำตาลกลมโตและใบหน้าที่อ่อนหวาน  แม้ว่าเดรโกจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงมาก่อนหน้านี้ก็ตาม  แต่ชายหนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะจ้องมองใบหน้าที่งดงามของเธออย่างไม่ปิดบังในคราวนี้

    เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกประหลาดใจไม่น้อยกับสายตาที่ชายหนุ่มจ้องมองมา  แต่เธอก็แกล้งหาเรื่องอื่นพูดเพื่อกลบเกลื่อนเสียก่อน

    แล้วตกลงเธอจะเล่าให้ฉันฟังได้ไหม  เรื่องของเธอน่ะหญิงสาวพูดขึ้น  เดรโกมีท่าทีครุ่นคิดก่อนที่เขาจะตอบออกมา

    อาจจะนะ  ถ้าฉันเกิดอยากจะเล่าขึ้นมา

    แต่ฉันเป็นห่วงเธอนะ  มัลฟอยเฮอร์ไมโอนี่สารภาพ  ขณะที่เดรโกเลิกคิ้ว  ถึงแม้จะแปลกใจอยู่บ้างแต่ชายหนุ่มก็รู้ดีว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นยายจอมจุ้นมากพอ ๆ กับที่เป็นยายรู้มาก  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อดรู้สึกดีไม่ได้ที่มีใครซักคนมาเป็นห่วงเขาหลังจากที่ทุกคนที่รักเขาตายจากเขาไปจนหมด

    ฉันหมายถึงตอนนี้เราไม่ใช่ศัตรูกันแล้ว  เธอเป็นสมาชิกของภาคีเพราะฉะนั้นเธอก็นับได้ว่าเป็นเพื่อนกับฉันเหมือนกัน.........หญิงสาวกำลังจะพูดต่อ  แต่เดรโกกลับห้ามเธอไว้เสียก่อนเพราะชายหนุ่มรู้ดีว่าถ้าเขาปล่อยให้เธอพูดต่อไปมีหวังเขาต้องหูแฉะแน่ ๆ

    ตกลง  เกรนเจอร์  ฉันตกลงจะเล่าเรื่องของฉันให้เธอฟังในตอนที่ฉันกลุ้มใจชายหนุ่มพูดออกมา  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกว้าง  แต่รอยยิ้มของเธอก็ต้องจางลงเมื่อเดรโกพูดประโยคต่อไป

    แต่ไม่ใช่ตอนนี้นะ  ฉันไม่มีอารมณ์อยากคุยกับใครตอนนี้  ฉันเหนื่อยและอยากพักผ่อนแล้วด้วย  แต่ฉันสัญญาว่าถ้าฉันกลุ้มใจขึ้นมาเมื่อไหร่  ฉันจะบอกเธอเป็นคนแรก  ตกลงไหมเธอยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อเขาพูด

    ตกลง  มัลฟอยหญิงสาวพูดพลางส่งยิ้มที่แสนจะอ่อนโยนให้เขา  และนั่นเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกว่าเขาหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มของเลือดสีโคลนที่เคยเป็นศัตรูตัวฉกาจของเขาอย่างเฮอร์ไมโอนี่

     

    End of Flash Back

     

    เดรโกเสียงหวานที่เรียกชื่อเขาทำให้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาจากภวังค์  และสิ่งที่เขาเห็นเป็นเวลาต่อมาก็คือดวงตาสีน้ำตาลกลมโตที่จ้องมองมาทางเขา

    เอ่อ  โทษที  เมื่อกี๊เธอพูดว่าไงนะเขาถามขึ้นขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว

    ฉันยังไม่ได้พูดอะไรเลย  จู่ ๆ เธอก็เงียบไป  แต่ก่อนหน้านั้นฉันถามเธอว่าทำไมเธอถึงไม่เคยเล่าเรื่องครอบครัวของเธอให้ฉันฟังเลย  แล้วเธอก็บอกว่าเธอกลัวว่าฉันจะกลัวถ้าหากเธอเล่าเรื่องครอบครัวให้ฉันฟังหญิงสาวพูด และชายหนุ่มก็มีท่าทีราวกับเขาเพิ่งจำบทสนทนาที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ได้

    เดรโกเลื่อนแขนทั้งสองข้างไปโอบกอดเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้และยกร่างของเธอขึ้นมานั่งบนตักของเขา

    เดรโกหญิงสาวประท้วงขึ้นมา  แต่เสียงนั้นก็เงียบหายไปเมื่อชายหนุ่มเข้าไปจูบเธอเบา ๆ ที่ริมฝีปากก่อนจะมองเธอด้วยแววตาสีเงินที่เต็มไปด้วยความลังเลใจ  และหญิงสาวก็สังเกตได้ถึงความอึดอัดใจของเขา

    ถ้าเธอไม่อยากพูดถึงเรื่องครอบครัวให้ฉันฟังก็ไม่เป็นไรนะ  ฉันไม่ว่าเธอหรอกเฮอร์ไมโอนี่รีบพูดขึ้นมา  แต่เดรโกกลับส่ายหน้า

    ฉันอยากเล่าทุกเรื่องเกี่ยวกับฉันให้เธอฟัง  เฮอร์ไมโอนี่  แต่อย่างที่ฉันได้พูดไปแล้วว่าฉันกลัวว่าเธอจะกลัวเสียก่อนถ้าหากฉันเล่าเรื่องอดีตทั้งหมดของฉันให้เธอฟัง เขาพูดอย่างสับสน  แต่จู่ ๆ หญิงสาวก็ยื่นมือมาสัมผัสใบหน้าของเขาเบา ๆ เธอลูบแก้มของเขาอย่างแผ่วเบาด้วยมือที่อ่อนนุ่มของเธอก่อนจะส่งรอยยิ้มที่แสนจะอ่อนโยนมาให้เขา

    ก็เธอบอกว่าเราเป็นคนรักกันไม่ใช่เหรอ  แล้วฉันจะไปกลัวเรื่องของเธอได้ยังไงกันล่ะ  อีกอย่างฉันก็บอกไปแล้วนี่นาว่าถ้าฉันคนเก่าก่อนที่จะสูญเสียความทรงจำรับได้กับอดีตของเธอ  แล้วทำไมฉันในตอนนี้จะรับไม่ได้ล่ะ  จริงไหมหญิงสาวพูดเบา ๆ ขณะที่ชายหนุ่มมองเธออย่างหลงใหล 

     

    เธอยังเป็นเฮอร์ไมโอนี่คนเดิมของเขาจริง ๆ ถึงแม้ว่าเธอจะสูญเสียความทรงจำไปแล้วก็ตาม  แต่ความอ่อนโยนและความห่วงใยที่เธอมีให้ต่อเขาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากแต่ก่อนเลยแม้แต่น้อย  แถมมันดูจะเพิ่มพูนมากขึ้นด้วยซ้ำ  เพราะในอดีตความห่วงใยที่เฮอร์ไมโอนี่มีต่อเดรโกนั้นถูกจำกัดอยู่แค่ในฐานะเพื่อนเท่านั้น  แต่ในตอนนี้หญิงสาวคิดว่าเธอเป็นคนรักของเขาตามที่เขาได้บอกเธอ  เพราะฉะนั้นความรู้สึกที่เธอมีให้เขา  ความห่วงใยที่เธอมอบให้เขามันจึงลึกซึ้งและมากมายกว่าที่เขาเคยได้รับยิ่งนัก

    และแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่มีวันยอมสูญเสียความรู้สึกที่แสนดีอย่างนี้ไปเป็นอันขาด  เขาจะไม่มีวันยอมสูญเสียเฮอร์ไมโอนี่ที่แสนอ่อนโยนซึ่งในตอนนี้เป็นของเขาแค่เพียงคนเดียวไปอย่างแน่นอน  แม้ว่าเขาจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนโกหกหลอกลวง  หรือแม้แต่คนทรยศก็ตาม

    เดรโกจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาว  และเธอก็จ้องตอบกลับมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยิ้มให้เขา

    ใช่  ฉันคิดผิดไป  ฉันกลัวไปเองทั้งนั้นเขาสารภาพออกมาพลางลูบผมเธอเบา ๆ ฉันกลัวว่าถ้าฉันเล่าเรื่องครอบครัวของฉัน  ทั้งหมด  ให้เธอฟังเธอจะกลัวแล้วก็วิ่งหนีฉันไปเลยเขาพูดตามตรง  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขบขันกับความคิดนั้น  แต่ก็เธอได้แต่ยิ้มหวานให้เขา  มือทั้งสองข้างของหญิงสาวลูบใบหน้าซีดขาวของเขาเบา ๆ

    ฉันไม่มีวันหนีเธอไปไหนเธอก็รู้  เธอเป็น.......เธอมองเขาด้วยแววตาที่ล้ำลึก เธอเป็นสิ่งสุดท้ายที่ฉันเหลืออยู่ในโลกนี้  เธอเป็นเพียงคนเดียวที่ดีกับฉันและเป็นคนเดียวที่ช่วยเหลือฉันตั้งแต่ฉันสูญเสียความทรงจำเธอพูดออกมา  และเพราะเหตุผลบางประการเดรโกรู้สึกเจ็บปวดเพราะคำพูดนั้น  เขาเจ็บปวดที่เธอเชื่อคำโกหกของเขาอย่างหมดใจ  เขาปวดร้าวที่ต้องหลอกลวงเธอ  เธอที่ไร้เดียงสา  บริสุทธิ์และอ่อนโยนมากกว่าใคร  ทั้ง ๆ ที่เธอเชื่อใจเขามากกว่าใครทั้งหมด  แต่เขากลับหลอกลวงเธอเพียงเพราะเขาต้องการได้เธอมาเป็นของเขา  พระเจ้า  ช่วยบอกเขาได้ไหมว่าในโลกนี้จะมีใครที่เห็นแก่ตัวไปกว่าเขาอีก!  เขาซึ่งหลอกลวงได้แม้กระทั่งผู้หญิงที่เขารัก!

    แต่ที่เขาทำลงไปทั้งหมดก็เพราะเขารักเธอ!  ถึงแม้มันจะเป็นการทำสิ่งที่ผิดก็ตาม  แต่ที่เขาทำลงไปทั้งหมดก็เพื่อให้เธอมีความสุข!  ถ้าหากเธอไม่รู้ความจริงที่เขาปิดบังเธอไว้เธอจะใช้ชีวิตที่เหลืออย่างปลอดภัยและมีความสุข   และเขาจะเป็นคนปกป้องเธอเอง  เขาจะเป็นคนทำให้เธอมีความสุขเองโดยไม่จำเป็นที่จะต้องให้เธอรับรู้เรื่องอดีตเลยแม้แต่น้อย!

     

    นายแน่ใจเหรอว่านายจะปิดบังเธอได้ตลอดไปน่ะ  ถ้าซักวันความทรงจำของเธอกลับคืนมาล่ะ เสียงเล็ก ๆ ที่ชั่วร้ายดังขึ้นในหัวของเดรโก  แต่ในครั้งนี้เขาเลือกที่จะไม่สนใจมัน

     

    ชายหนุ่มคิดพลางสะบัดศีรษะน้อย ๆ เพื่อไล่ความคิดนั้นออกไป  ก่อนจะหันมาสบดวงตาสีน้ำตาลที่มีแววสงสัยของเฮอร์ไมโอนี่  แต่เธอก็ไม่ได้ถามอะไรออกมา

    เดรโกฝืนยิ้มให้เธอ

    ฉันดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น  เฮอร์ไมโอนี่  แต่ถึงเธอจะพูดแบบนั้นฉันก็จะขอยืนยันว่าฉันจะไม่มีวันยอมปล่อยให้เธอจากฉันไปไหนเป็นอันขาด  เพราะถึงเธอจะวิ่งหนีฉันไปฉันก็จะไม่ลังเลที่จะไล่ตามเธอ  เพราะฉันรู้ว่าชีวิตของฉันไม่อาจจะมีความสุขโดยปราศจากเธอได้เขาสารภาพความในใจของมา  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกแปลกใจกับคำพูดนั้น 

    เธอรักฉันขนาดนั้นเชียวเหรอเดรโกเธอถามเบา ๆ และมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ  อันที่จริงไม่มีเหตุผลอะไรที่เฮอร์ไมโอนี่จะเคลือบแคลงในความรู้สึกของเดรโกที่มีต่อเธอ  เพราะเขาก็แสดงมันออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาจริงจังกับเธอแค่ไหน  เพียงแต่ที่หญิงสาวไม่แน่ใจก็คือความโชคดีของเธอนั่นเอง  เพราะในสายตาของเฮอร์ไมโอนี่  เธอคิดว่ามันจะเป็นไปได้เหรอที่หญิงสาวหน้าตาธรรมดา ๆ ไม่มีอะไรสะดุดตาอย่างเธอจะมีคนรักที่ทั้งหล่อเหลา  สมบูรณ์  แสนดีและรักเธอมากขนาดนี้  เธอไม่อยากจะเชื่อในเรื่องนี้เลย

    หากแต่หญิงสาวไม่รู้หรอกว่า  ในสายตาของเดรโก  รวมทั้งผู้ชายที่ได้ใกล้ชิดเธอแทบจะทุกคนนั้นล้วนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า  เธอไม่ได้เป็นแค่หญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่ไม่มีอะไรสะดุดตาเลยแม้แต่น้อย  

    เธอก็น่าจะรู้นี่ว่าฉันรักเธอแค่ไหนเขากระซิบพลางจูบเธอที่ใบหู  ก่อนจะถอนใบหน้าออกมาเพื่อจ้องมองเธออีกครั้ง

    ปัญหามันอยู่ที่ว่า  เธอรักฉันบ้างไหมเฮอร์ไมโอนี่  ฉันรู้ว่ามันอาจจะเร็วไปที่จะถามแบบนี้เดรโกรีบพูดเมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดใจของหญิงสาว ฉันรู้ดีว่าความทรงจำของเธอยังไม่กลับมา  แต่ฉันไม่ได้อยากรู้ความรู้สึกของเธอที่มีต่ออดีตของเรา

    เพราะเราไม่เคยมีอดีตต่อกันและกัน ความคิดนั้นผุดขึ้นในหัวสมองของชายหนุ่ม  แต่เขากลับเลือกที่จะไม่พูดมันออกมา  ไม่ใช่สิ  เขาพูดมันออกมาไม่ได้  ตราบที่เขาไม่อยากจะเสี่ยงต่อการสูญเสียเธอไป

    ฉันแค่อยากรู้ว่าในตอนนี้  วินาทีนี้  เธอรักฉันบ้างไหมเขาถามออกไปพร้อมกับจ้องมองเข้าไปในแววตาของหญิงสาว  และสิ่งเดียวที่ได้รับจากการอ่านสายตาของเธอก็คือ  ความสับสน  ใจหนึ่งของเดรโกคิดว่าหญิงสาวคงจะไม่ให้คำตอบเขาออกมาในทันทีเป็นแน่  หรือถ้าเธอตอบออกมามันก็คงเป็นคำตอบที่ทำให้เขาผิดหวัง  แต่ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าโชคของเขาในวันนี้นั้นมันดีเกินกว่าที่เขาคาดหวังเอาไว้มากนัก

    เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีลังเลอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะตอบออกมา

    ฉันไม่แน่ใจนะเดรโกว่า  ว่ามันใช่อย่างที่เธออยากจะได้ยินรึเปล่า  แต่เท่าที่ฉันรู้ก็คือ  ฉันรู้สึกดีเวลาที่มีเธออยู่ใกล้ ๆ  ความจริงมันมากกว่าแค่รู้สึกดีซะอีก  ฉันหมายถึงหัวใจของฉันเต้นแรงตลอดเวลาที่เราอยู่ด้วยกันหญิงสาวพูดด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ  เธอพยายามจะหลบตาเขา  แต่เดรโกกลับใช้มือเชยคางของเธอให้กลับมาสบตาเขาดังเดิม  ขณะที่ชายหนุ่มมองเธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังขณะที่เขารอฟังประโยคต่อไปด้วยใจที่เต้นระทึก

    ถ้าการที่เราคิดถึงใครทุกลมหายใจหรือ  รู้สึกอยากให้เขามาอยู่ใกล้ ๆ เราตลอดเวลามันเรียกว่าความรักล่ะก็  ฉันคิดว่าฉันคงจะรู้สึกไม่ต่างจากเธอในตอนนี้หรอกเดรโก........ฉันคิดว่าฉันอาจจะรักเธอเธอพูดออกมา  แม้ว่าคำพูดนั้นจะฟังดูลังเลและไม่แน่ใจอยู่มากก็ตาม  แต่น้ำเสียงและแววตาที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเฮอร์ไมโอนี่ก็บอกให้ชายหนุ่มรู้ว่าเธอพูดทุกอย่างมาจากใจจริง ๆ รวมทั้งคำว่า เธออาจจะรักเขาด้วย

    เดรโกนิ่งอึ้งเพราะคำพูดนั้น  เขามองเธอด้วยแววตาที่สับสนระคนประหลาดใจจนเฮอร์ไมโอนี่นึกว่าเธอคงพูดอะไรผิดไป

    ฉันพูดอะไรผิดไปรึเปล่า  เดรโก  ฉันขอโทษ.....ฉัน.........แต่จู่ ๆ เสียงของหญิงสาวก็ขาดหายไปเมื่อเดรโกเลื่อนริมฝีปากร้อน ๆ เข้ามาจูบปิดปากของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่ตกใจอยู่ชั่วครู่ก่อนจะจูบตอบโดยไม่ลังเล  แต่แล้วดวงตาสีน้ำตาลของหญิงสาวก็ต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อชายหนุ่มเลื่อนริมฝีปากของเขาลงไปที่ลำคอของเธอ  พร้อมกับมือแข็งแกร่งของเขาที่รั้งร่างของเธอลงบนโซฟา!

     

     

    *************************************************   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×