ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Thor] Fire and Ice [Loki/OC]

    ลำดับตอนที่ #4 : การแก้แค้นของเจ้าหญิง: The Avenge of the Princess

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 57




    ***Chapter 4 The Avenge of the Princess: การแก้แค้นของเจ้าหญิง***

     

    ทางด้านสกาฎี  องค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์นั้น  นางได้มายืนป่าวประกาศท้าสู้ตัวต่อตัวกับโลกิมาเป็นเวลานานแล้ว  แต่กลับไม่มีวี่แววการปรากฏตัวของราชาแห่งแอสการ์ดหรือแม้กระทั่งคนที่เขาส่งมาเลย  แต่ถึงกระนั้นธิดาแห่งกษัตริย์ธีอาซีผู้เพิ่งสูญเสียพระบิดาไปด้วยน้ำมือของโลกิแห่งแอสการ์ดนั้นก็ยังคงยืนรอคอยการตอบรับคำท้าจากอีกฝ่ายอยู่ท่ามกลางสายลมหนาวที่พัดกระหน่ำ  จนกระทั่งนางกำนัลผู้เป็นห่วงองค์หญิงของนางมากกว่าอะไรทั้งหมดพูดขึ้น

    องค์หญิง  ข้าว่าท่านเสด็จกลับเถอะเพคะ  จนป่านนี้แล้วทางแอสการ์ดคงไม่ตอบรับคำท้าของท่านแล้ว เอลล่า  นางกำนัลของสกาฎีพูดขึ้น  ท่ามกลางสายลมหนาวที่พัดกระหน่ำ  แต่ถึงกระนั้นดูเหมือนว่าองค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์จะไม่สนใจคำพูดของนางกำนัลคนสนิทของนางเลยแม้แต่น้อย

    ข้าบอกแล้วไง  เอลล่า  ว่าข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่าข้าจะแก้แค้นให้ท่านพ่อได้  หรือไม่ก็จนกว่าข้าจะสิ้นชีพเท่านั้น นางหันไปพูดกับนางกำนัลด้วยท่าทีเข็มแข็งก่อนจะเงยหน้าขึ้นบนฟ้าที่เต็มไปด้วยเสียงหวีดหวิวของลมพายุ

    ว่าไงล่ะราชาแห่งแอสการ์ด  ทำไมไม่ปรากฎตัวเสียที  หรือว่าท่านกลัวที่จะสู้กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างข้า  แต่ถ้าท่านเป็นลูกผู้ชายอย่างแท้จริงท่านก็คงไม่หวาดกลัวที่จะมาสู้กับข้ากระมัง นางป่าวประกาศร้องท้าทายราชาแห่งแอสการ์ดต่อ  แม้ในใจจะคิดว่าสิ่งที่นางได้รับก็คงไม่มีอะไรนอกจากความเงียบงันและเสียงลมหวีดหวิวที่พัดตอบกลับมาเหมือนกับก่อนหน้านี้  แต่ในครั้งนี้นางกลับคิดผิด  เพราะเมื่อองค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าเบื้องบนอีกครั้งนางก็ได้ยินเสียงกึกก้องราวกับฟ้าคำรามพร้อมกับแสงสว่างเจิดจ้าที่สาดส่องครอบคลุมร่างของนาง  และก่อนที่สกาฎีจะได้ทันตั้งตัวลำแสงดังกล่าวก็ดูดร่างของนางจากพื้นดินที่ยืนอยู่ไปยังจุดหมายปลายทางที่ไกลเกินกว่านางจะจินตนาการได้เสียแล้ว

     

    เมื่อรู้สึกตัวอีกทีองค์หญิงสกาฎีก็พบว่านางกำลังยืนอยู่ในห้องโถงที่ประดับประดาด้วยผนังสีทองที่มีลวยลายสวยงาม  เบื้องหน้าของนางเป็นร่างของชายผู้หนึ่งที่สวมชุดเกราะสีทองซึ่งเป็นสีเดียวกับผนังห้อง  เขามองมาทางนางจากแท่นสูงด้วยท่าทีเรียบเฉย  และในขณะที่นางกำลังสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับนาง  และเป็นเพราะการที่สกาฎีมองสำรวจไปรอบกายด้วยเพื่อต้องการหาคำตอบนั้นเองทำให้สายตาของหญิงสาวไปสะดุดกับอีกร่างหนึ่ง  เขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงผู้มีผมสีดำ  ดวงตาสีฟ้าอมเขียวรวมทั้งผิวขาวซีดของเขารับกับเครื่องแต่งกายสีเขียวและทองที่เขาสวมใส่อยู่อย่างประหลาด  รวมทั้งท่าทีของเขานั้นที่แลดูเย่อหยิ่งและถือตัวนั้นก็รับกับหมวกรูปทรงแปลกตาที่เขาสวมอยู่ไม่น้อยทีเดียว

      แม้นางจะไม่รู้จักเขามาก่อนแต่รอยยิ้มเจ้าเล่ห์รวมทั้งสายตาของเขาใช้มองมาทางนางนั้นทำให้สกาฎีรู้ในทันทีว่านางไม่ควรจะไว้ใจชายผู้นี้  แต่ก่อนที่องค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์จะได้มีโอกาสเอ่ยปากถามไถ่ว่าในตอนนี้นางกำลังอยู่ที่ไหนนั้นสายตาของนางก็ไปสะดุดเข้ากับคฑาในมือของชายหนุ่มผมดำตรงหน้าเสียก่อน  มันเป็นคฑาสีทองด้ามยาวที่มีลักษณะเฉพาะ  และที่สำคัญนางเคยเห็นมันมาก่อน  ในหนังสือที่ท่านพ่อมักอ่านให้นางฟังประจำตอนที่นางยังเป็นเด็ก  เกี่ยวกับผู้คุ้มครองอาณาจักรทั้งเก้า  คฑาอันนี้คือคฑาของเทพบิดาผู้ปกครองแอสการ์ดและเป็นผู้คุ้มครองอาณาจักรทั้งเก้า  มันคือคฑาของโอดินซึ่งบัดนี้ตกอยู่ในมือของผู้ปกครองแอสการ์ดคนใหม่ซึ่งก็คือโลกิ  ผู้ที่สังหารบิดาของนางนั่นเอง!

    และเมื่อเห็นเช่นนั้นความโกรธเกรี้ยวรวมทั้งความปรารถนาที่จะแก้แค้นก็เข้ามาเกาะกุมจิตใจของสกาฎี  ในวินาทีต่อมาองค์หญิงก็ยกดาบในมือขึ้นและพุ่งไปยังชายหนุ่มที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า!

     

    …………………………………………………………………..

     

    แม้จะรู้ดีว่าคมดาบนั้นพุ่งมาเพื่อปลิดชีพเขาก็ตาม  แต่โลกิก็ไม่มีท่าทีหวั่นไหวหรือตกใจแต่อย่างใด  เพราะทันทีที่องค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์พุ่งดาบมาใส่เขา  ราชาแห่งแอสการ์ดใช้เวทย์มนต์ทำให้ร่างของเขาจางหายไปจากจุดที่เขายืนอยู่เมื่อครู่  ส่งผลให้องค์หญิงนอร์นไฮม์ที่พุ่งเข้าโจมตีเขาเมื่อครู่นั้นเสียหลักจนล้มลงไปกองกับพื้น  และถึงแม้ว่านางจะมีท่าทีงงงวยอยู่ไม่น้อยกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น  แต่เมื่อสกาฎีเห็นโลกิปรากฎตัวขึ้นบริเวณด้านหลังของนางห่างจากแท่นไบฟรอสท์ไปไม่ไกลนัก  เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ก็ลุกขึ้นพร้อมกับพุ่งดาบใส่เขา  แต่ราชาแห่งแอสการ์ดก็ไม่อาจยอมให้นางเข้ามาทำร้ายเขาได้เมื่อเขายกคฑาของเทพบิดาขึ้นก่อนจะใช้มันปลดอาวุธจากมือของหญิงสาว  และในวินาทีต่อมาลำแสงจากคฑาในมือของโลกิที่พุ่งไปยังดาบของฝ่ายตรงข้ามก็ส่งผลให้มันกระเด็นออกไปอีกทิศทางหนึ่ง

    แต่ถึงอย่างไรก็ตามการโจมตีนั้นมีเจตนาเพียงเพื่อปลดอาวุธฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นทำให้หญิงสาวไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด  และเมื่อองค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์พบว่านางไม่อาจทำอันตรายโลกิได้เนื่องจากอาวุธของนางได้หลุดจากมือไปแล้ว  สกาฎีก็มองราชาแห่งแอสการ์ดที่เป็นศัตรูของนางด้วยสายตาเคียดแค้น

    ท่านขี้โกงนี่ที่ใช้คฑาของเทพบิดาในการประลองแบบนี้!” นางกล่าว  ก่อนจะยืนขึ้นประจันหน้าเขา  ขณะที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหานางด้วยท่าทีสบาย ๆ ดวงตาสีเขียวของโลกิมองสำรวจหญิงสาวอย่างสนอกสนใจก่อนที่เขาจะตอบออกมา

    ใครบอกกันว่าข้าจะประลองกับเจ้า  ข้าแค่นำตัวเจ้ามาที่นี่ก็เท่านั้นเอง เขาพูดด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์  ขณะที่เจ้าหญิงผู้เพิ่งรู้ตัวว่านางเสียรู้ราชาแห่งแอสการ์ดเข้าเสียแล้วได้แต่พูดออกมาอย่างโกรธแค้นว่า

    ท่าน!”

    อย่าเพิ่งโมโหไปเลยองค์หญิง  ข้านำตัวเจ้ามาที่นี่เพื่อต้องการจะเจรจายุติเรื่องระหว่างสองอาณาจักรเท่านั้น โลกิกล่าวขณะที่เขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าสกาฎีพลางมองสำรวจนาง 

     

    ร่างตรงหน้าของเขานั้นเป็นหญิงสาวผู้มีใบหน้ารูปไข่เรียวสวย  ล้อมกรอบไปด้วยผมสีบลอนด์เกือบขาวที่ยาวสยายถึงเอว  และแม้ว่ารูปร่างของนางจะบอบบางจนดูไม่เข้ากับชุดเกราะเทอะทะที่นางสวมอยู่นี้ก็ตาม  แต่ดวงตาสีฟ้าของนางกลับดูเข้มแข็งและเด็ดเดี่ยวราวกับว่ามันสามารถแสดงความปรารถนาที่จะแก้แค้นเขาออกมาให้เขารับรู้ได้

    หลังจากสำรวจร่างตรงหน้าอยู่ครู่หนึ่ง  โลกิก็อดที่จะยอมรับไม่ได้ว่าเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์คนนี้นั้นเป็นหญิงที่งดงามไม่น้อย  แม้ว่าในตอนนี้นางจะกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก็ตาม  แต่ไม่ทันที่เขาจะได้มองสำรวจนางให้ละเอียดไปมากกว่านี้  เสียงขององค์หญิงสกาฎีก็ดังขึ้น

    ไม่มีอะไรจะต้องเจรจากันอีกแล้ว  ในเมื่อท่านสังหารบิดาของข้าสำหรับท่านกับข้ามีเพียงการสู้รบกันเท่านั้น!” นางบอกอย่างเด็ดเดี่ยว  ขณะที่ราชาแห่งแอสการ์ดยิ้มให้กับความดื้อรั้นของนาง

    อะไรที่ทำให้เจ้าคิดว่าข้าจะประลองกับเจ้ากัน เขาถาม  และเพราะคำถามนี้ที่ทำให้นางนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา

    ท่านจะประลองกับข้าเพราะท่านไม่อยากเสียศักดิ์ศรี  เพราะท่านไม่ต้องการจะถูกประณามว่าไม่กล้าประลองแม้กระทั่งกับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างข้า นางตอบ  แต่โลกิกลับยิ้มราวกับเขารู้สึกขบขันในคำตอบของนาง

    แล้วเจ้าไม่คิดหรือว่าถ้าข้าประลองกับเจ้าแล้วข้าชนะขึ้นมาก็จะกลายเป็นว่าข้ารังแกผู้หญิงน่ะสิ เขาย้อน  แต่หญิงสาวตรงหน้าก็ไม่ต้องเสียเวลาคิดนานเท่าไหร่นักก่อนที่นางจะตอบออกมา

    แต่ถ้าท่านไม่ประลองผู้อื่นก็จะประนามว่าท่านกลัวผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างข้า นางตอบ  และโลกิก็ยิ้มกว้างให้นาง

    ถ้าข้ารักศักดิ์ศรีของข้าถึงเพียงนั้น  และไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าข้ามีปัญหาในการประลองกับเจ้า  สู้ข้าฆ่าเจ้าปิดปากเสียไม่ดีกว่าหรือ  ทีนี้ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องที่เจ้ามาท้าข้าประลองแล้ว  มันง่ายออกจริงไหม  โดยเฉพาะการสังหารเจ้าในตอนที่เจ้าไม่มีอาวุธป้องกันตัวแบบนี้ด้วย เขาพูดพลางมองนางด้วยดวงตาสีฟ้าอมเขียวที่ฉายแววเจ้าเล่ห์  ขณะที่อีกฝ่ายตาโตเพราะคำพูดของเขา

    ท่านไม่ทำเช่นนั้นหรอก สกาฎีเถียงออกมา  แต่โลกิกลับมองนางด้วยสายตากรุ้มกริ่มก่อนจะพูดต่อ

    ทำไมข้าจะทำไม่ได้ล่ะ  ในเมื่อเจ้ามาอยู่ในกำมือข้าแล้วตอนนี้  หรือไม่ข้าอาจจะจับเจ้าไปขังที่คุกใต้ดิน  และขังเจ้าไว้ที่นั่นจนเจ้าไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันโทษฐานที่เจ้าก่อกบฏต่อข้าก็เป็นได้  ซึ่งเท่าที่ข้าดูเจ้าก็มีความผิดจริง เขาพูดอย่างไม่ยี่หระ  ขณะที่เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์นั้นเริ่มหน้าซีด  นางเพิ่งรู้ตัวในตอนนี้เองว่านางเสียเปรียบฝ่ายตรงข้ามมากแค่ไหน  แต่ถึงกระนั้นนางก็จะไม่มีวันยอมให้โลกิล่วงรู้เป็นอันขาดว่าเขามีอำนาจเหนือนาง  นางไม่มีทางยอมให้เขารู้เป็นอันขาดว่านางเกรงกลัวเขา  ดังนั้นองค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์จึงพูดออกไป

    ข้าอาจจะก่อกบฎต่อท่านจริง  แต่ที่ข้าทำได้เพราะต้องการแก้แค้นให้ท่านพ่อของข้า  และสาเหตุที่ท่านพ่อของข้า  รวมถึงนอร์นไฮม์ของเราก่อกบฎขึ้นก็เพราะเราไม่ยอมรับการครองบัลลังค์ของท่าน  เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านจะมาบังคับเอาความจงรักภักดีจากเราได้อย่างไร  ในเมื่อท่านพ่อของข้า  ตัวข้า  รวมทั้งประชาชนนอร์นไฮม์ไม่มีมันให้ท่าน  และในเมื่อข้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นแทนพ่อ  ทำไมท่านจึงไม่มาประลองกับข้าให้มันจบ ๆ ไปเสียล่ะ นางกล่าวโดยพยายามควบคุมอารมณ์รวมทั้งน้ำเสียงของนางไม่ให้แสดงออกถึงความหวาดกลัวต่อสิ่งที่นางกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้  ขณะที่อีกฝ่ายนั้นกลับมีท่าทีสบาย ๆ ราวกับพวกเขากำลังคุยกันเรื่องลมฟ้าอากาศกันอยู่

    ข้าบอกแล้วไงว่าข้าจะไม่เปลืองแรงไปประลองกับเจ้า  แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะข้าก็สงสัยเหมือนกันว่าเจ้าคิดหรือเปล่าว่าถ้าเจ้าแพ้ขึ้นมา  จะเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า เขาถามพลางมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าของหญิงสาว  ขณะที่สกาฎีหายใจกระตุกราวกับนางไม่เคยคิดมาก่อนถึงผลของการพ่ายแพ้ให้แก่ราชาแห่งแอสการ์ด  แต่ถึงกระนั้นองค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์ก็สามารถเรียกสติของนางกลับมาได้อย่างรวดเร็วพอ ๆ กับที่นางค้นพบคำตอบของคำถามที่เพิ่งถูกถามออกมาได้ว่า  ถ้าหากนางพ่ายแพ้ในการประลองกับโลกิจริง  ผลลัพธ์ของมันก็คือความตายเป็นแน่  ไม่ต่างจากที่พ่อของนางต้องเผชิญมาก่อนหน้านี้  และเมื่อคิดได้เช่นนั้นเจ้าหญิงก็เชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทีมั่นใจก่อนจะเอ่ยออกไป

    ถ้าข้าแพ้ท่านสามารถจัดการข้าได้ตามใจท่านปรารถนา  ข้าจะไม่ปริปากขอความเมตตาจากท่านเลยแม้แต่น้อย  และข้าก็รู้ดีว่าถ้าหากท่านชนะท่านก็คงไม่ปล่อยให้ข้ามีชีวิตรอดเป็นแน่  สิ่งที่ข้าต้องเผชิญก็มีเพียงความตายเท่านั้น  แต่ความตายก็เป็นสิ่งเดียวที่ท่านต้องเผชิญเช่นกัน  หากท่านพ่ายแพ้ให้แก่ข้า นางกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยวแม้ว่าโอกาสในการชนะการประลองของนางกับโลกิจะริบหรี่ยิ่งกว่าแสงเทียนที่ถูกตั้งทิ้งไว้ท่ามกลางสายลมหนาวก็ตาม  แต่นางก็ยังมีท่าทีเด็ดเดี่ยวและมั่นคงในสิ่งที่นางได้ตัดสินใจลงไปราวกับว่านางพร้อมที่สละสิ้นทุกอย่างแม้กระทั่งชีวิตของนางเพียงเพื่อโอกาสในการแก้แค้นให้บิดาเท่านั้น  และเพราะท่าทีมั่นใจรวมทั้งแววตาที่แสดงถึงความเด็ดเดี่ยวของหญิงสาวนั้นเองที่ทำให้โลกิเกิดสนใจนางขึ้นมา  บางทีนางอาจจะน่าสนใจพอที่เขาจะลองเจรจากับนางต่อเพื่อยืดเวลาชีวิตของนางต่อไปอีกเสียหน่อยก็ได้

    และเมื่อคิดได้เช่นนั้นโลกิเคลื่อนกายเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้น  เขามองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าที่มองเขากลับมาอย่างไม่ไว้วางใจก่อนจะพูดขึ้นว่า

    เจ้าเข้าใจผิดเสียแล้วล่ะองค์หญิง  มีหลายสิ่งที่เลวร้ายมากกว่าความตายยิ่งนัก เขาพูดพร้อมกับเดินห่างออกจากนาง  โลกิก้าวขึ้นไปบนแท่นควบคุมไบฟรอสท์หลังจากที่ไฮม์ดัลหลีกทางให้เขา  ราชาแห่งแอสการ์ดยืนอยู่เบื้องหน้าแท่นควบคุมโดยที่สายตาของเขามองเลยองค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์ไปยังพิภพเบื้องล่างที่ไม่มีอะไรไปมากกว่าจักรวาลและดวงดาวนับพันในสายตาของผู้อื่นที่ไม่ใช่นายทวารอย่างไฮม์ดัลก่อนจะพูดขึ้น

    และสิ่งหนึ่งที่น่าจะเลวร้ายมากกว่าความตายสำหรับเจ้า  ก็น่าจะเป็นความตายของประชาชนนอร์นไฮม์ของเจ้า!” โลกิพูดพร้อมกับจับดาบของไฮม์ดัลที่ปักอยู่ที่แท่นไบฟรอสท์  ส่งผลให้มีกระแสไฟฟ้าซึ่งส่องแสงสว่างเจิดจ้าไปทั่วห้องโถง  แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ลงมือเปิดสะพานไบฟรอสท์แต่อย่างใด

    ท่านหมายความว่ายังไงสกาฎีกล่าวด้วยสีหน้าที่ผสมปนเปไประหว่างความสงสัยและความตื่นตระหนกขณะที่โลกิยิ้มให้นาง

    ข้าหมายความว่าข้าสามารถทำลายนอร์นไฮม์ที่เจ้ารักได้โดยไม่ต้องเปลืองแรงเลยโดยใช้สะพานไบฟรอสท์นี่  ข้าบอกเจ้าตามตรงเลยแล้วกัน  ว่าที่จริงแล้วข้าคิดจะให้มันกำจัดพวกเจ้าตั้งแต่ตอนแรกแล้วด้วยซ้ำ  เพียงแต่มันง่ายดายเกินไปเท่านั้น  ดังนั้นข้าจึงส่งกองทัพของข้าลงไปกำราบพวกเจ้าแทน เขาพูดพร้อมกับจ้องมองร่างเล็กของหญิงสาวตรงหน้า ข้าสังหารประชาชนของเจ้า  รวมทั้งพ่อของเจ้าในโทษฐานที่พวกเจ้าบังอาจก่อการบกฎขึ้นต่อข้าผู้เป็นราชาปกครองอาณาจักรทั้งเก้า  และในตอนนี้ข้าก็กำลังจะลงโทษเจ้าที่บังอาจมาท้าประลองกับข้าด้วยการทำลายอาณาจักรของเจ้า!” เขาพูดพร้อมกับกุมดาบในมือ  เตรียมพร้อมที่จะกดมันลงกับแท่นเพื่อทำการเปิดสะพานไบฟรอสท์ในทันที  แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำเช่นนั้นร่างเล็กของสกาฎีก็เข้าปรี่เข้ามาตรงหน้าแท่นควบคุม  นางร้องห้ามเขาอย่างที่เขาคาดเอาไว้

    ไม่ท่านทำแบบนั้นไม่ได้!” นางละล่ำละลักด้วยใบหน้าขาวซีด  ดวงตาของนางแสดงถึงความตกใจจนเกือบจะเรียกได้ว่าตื่นตระหนก  แต่ที่มากไปกว่านั้นมันดูราวกับนางกำลังวิงวอนขอความเมตตาจากเขาอยู่

    ทำไมข้าจะทำเช่นนั้นไม่ได้ล่ะ  องค์หญิง  ในเมื่อข้ามีสิทธิทุกอย่างที่จะจำกัดอาณาจักรที่บังอาจก่อบกฎต่อข้า  ข้าสามารถจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเจ้าได้ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ  และหลังจากที่ข้าทำเช่นนั้นแล้วเจ้าก็จะเป็นชาวนอร์นไฮม์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในอาณาจักรทั้งเก้า  อ้อ  จริง ๆ ข้าต้องพูดว่าแปดสินะ  หลังจากที่ข้าทำลายอาณาจักรของเจ้าไปแล้ว เขาพูดขณะที่โน้มร่าวลงมาส่งยิ้มให้หญิงสาวที่บัดนี้กำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขา  ขณะที่สกาฎีตั้งท่าจะพูดอะไรบางอย่างออกมา  แต่โลกิก็ขัดขึ้นก่อน

    และเมื่อถึงตอนนั้น  ตอนที่เจ้าได้กลายมาเป็นชาวนอร์นไฮม์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ในจักรวาลนี้แล้ว  บางที  ข้าอาจจะใจดีไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ โลกิพูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มโหดเหี้ยมมาให้นาง  สายตาที่ราชาแห่งแอสการ์ดมองเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์นั้นทำให้นางรู้สึกราวกับนางเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือที่เขาสามารถบีบให้ตายคามือของเขาได้อย่างง่ายดายก็ไม่ปาน  และถึงแม้ว่านางจะรู้สึกเจ็บใจที่นางเสียเปรียบชายตรงหน้ารวมทั้งแม้ว่านางจะแค้นเคืองเขามากเพียงใดก็ตาม แต่สกาฎีก็ทำได้แค่เก็บความเคียดแค้นนั้นไว้ในใจพร้อม ๆ กับที่มือเล็กของนางกำแน่นจนเล็บของหญิงสาวจิกเข้าไปในอุ้งมือของนางเอง  เมื่อเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์เงยหน้าขึ้นมองราชาแห่งแอสการ์ดผู้เป็นศัตรูคู่แค้นของนางก่อนจะพูดออกมา

    ท่านจะไม่ทำลายอาณาจักรของข้าหรอก  เพราะนั่นเป็นการกระทำที่เสียเกียรติ  และราชาแห่งแอสการ์ดอย่างท่านก็คงมีเกียรติหลงเหลืออยู่บ้างจริงไหม นางโต้ตอบอย่างเฉลียวฉลาด  แถมคำพูดของนางยังเป็นการพูดกระทบกระแทกฝ่ายตรงข้ามอย่างเห็นได้ชัด  แต่โลกิกลับยิ้มพรายให้กับความพยายามของหญิงสาวตรงหน้า  แน่นอนว่าราชาแห่งแอสการ์ดไม่หลงกลต่อคำพูดของนางพอ ๆ กับที่เขารู้ดีว่าถ้อยคำกระทบกระแทกของไม่สามารถทำอะไรเขาได้เมื่อเขาพูดขึ้นอีกครั้ง

    เจ้าคิดผิดแล้วองค์หญิงที่คิดว่าข้าสนใจเรื่องเกียรติขนาดนั้น เขาพูดอย่างไม่ยี่หระ  แต่มือของเขายังคงกุมดาบที่ปักอยู่ที่แท่นควบคุมไบฟรอสท์อยู่ และข้าก็ลองคิดดูแล้วว่าการทำลายอาณาจักรของเจ้าก็ไม่เป็นการกระทำที่เสียเกียรติเท่าไหร่หรอก  ถ้าหากมันเป็นการทำลายอาณาจักรที่คิดแข้งข้อต่อข้าก่อน  อีกอย่างหลังจากที่ข้าฆ่าล่างเผ่าพันธุ์ของเจ้าแล้วก็คงไม่เหลือชาวนอร์นไฮม์คนไหนนอกจากเจ้าที่จะมาประณามข้าในเรื่องนี้ได้หรอก  จริงไหม เขาพูดอย่างยียวนราวกับว่าสิ่งที่ทั้งสองกำลังพูดกันนั้นไม่ได้เกี่ยวกับความเป็นความตายของนอร์นไฮม์และผู้คนจำนวนนับล้านเลย

    แต่อาณาจักรทั้งเก้าต้องประณามท่านแน่……” สกาฎีพยายามพูด  หากแต่นางกลับถูกขัดด้วยคำพูดของชายผู้กุมชะตากรรมของนอร์นไฮม์ไว้ในมือ

    เมื่อถึงตอนนั้น  แม้ว่าอาณาจักรที่เหลือจะมีแค่แปดจะประณามข้าก็ตาม  แต่ข้าก็สามารถกำจัดศัตรูที่อาจหาญมาต่อกรกับข้าได้  ศัตรูที่มีความผิดโทษฐานก่อการบกฎต่อข้าก่อน  และด้วยเหตุนี้ข้าคิดว่าข้าคงไม่ถูกอาณาจักรที่เหลือประณามมากเท่าไหร่หรอกจริงไหมโลกิกล่าว  และเมื่อมาถึงตรงนี้สกาฎีก็ไม่อาจจะหาเหตุผลใดมาโต้เถียงกับราชาแห่งแอสการ์ดได้อีกแล้ว  เมื่อเขาพูดถูกทุกอย่าง  ว่าเขามีอำนาจที่จะทำลายล้างอาณาจักรของนางได้อย่างง่ายดาย  โดยที่นางไม่มีทางแม้แต่จะขัดขืนหรือต่อกรกับเขา  นางรวมทั้งประชาชนชาวนอร์นไฮม์ของนางนั้นไม่ต่างจากมดตัวเล็ก ๆ ที่เขาจะเหยียบให้จมดินเมื่อไหร่ก็ได้

    และเมื่อมาถึงตอนนั้น  เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ก็เพิ่งรู้ตัวว่านางโง่เขลาเบาปัญญาเพียงใดที่คิดจะมาท้าประลองกับราชาแห่งแอสการ์ดอย่างเขา  เพราะนอกจากนางจะไม่มีทางต่อกรของเขาได้แล้ว  การกระทำของนางยังนำเอาหายนะมาสู่ประชาชนของนางผ่านโทสะของโลกิที่บัดนี้เตรียมจะทำลายอาณาจักรของนางอีกด้วย!

    และเมื่อเป็นเช่นนั้น  เมื่อรู้ดีว่านางไม่มีกำลังอะไรไปขัดขืนหรือแม้กระทั่งปกป้องอาณาจักรของนางจากการลงทัณฑ์ของราชากุมชะตากรรมของอาณาจักรทั้งเก้าไว้ในมือได้  ก็มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่นางจะสามารถทำได้เพื่อรักษาอาณาจักรของนางรวมทั้งประชาชนชาวนอร์นไฮม์ไว้ได้  และเมื่อคิดได้เช่นนั้นองค์หญิงสกาฎีจึงเงยหน้าขึ้นมองชายผู้กุมชะตากรรมของนางและนอร์นไฮม์ไว้ในมือก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า

    ท่านทำเช่นนั้นไม่ได้…….ท่านทำลายนอร์นไฮม์ไม่ได้……..ได้โปรดนางพูดออกมาในที่สุด  แม้ว่ามันจะเสียเกียรติสำหรับนางมากก็ตามที่นางจะต้องมาขอร้องชายผู้สังหารบิดาของนางแบบนี้  แต่ถึงกระนั้นสกาฎีก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะปกป้องอาณาจักรของนางจากการทำลายล้างของโลกินอกจากร้องขอความเมตตาจากเขาเท่านั้น  ขณะที่อีกฝ่ายยิ้มให้กับการกระทำของเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ก่อนจะพูดขึ้น

    ข้าบอกแล้วไง  องค์หญิง  ว่าข้าสามารถทำลายนอร์นไฮม์ของเจ้าได้ง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

    ข้าหมายถึงท่านทำเช่นนั้นไม่ได้  ได้โปรดข้าขอร้องท่าน  ได้โปรดอย่าทำลายอาณาจักรของข้า!” นางพูดออกมา  ดวงตาสีฟ้าที่ก่อนหน้านี้เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น  บัดนี้คลอเอ่อไปด้วยน้ำตา  และเมื่อเห็นเช่นนั้นโลกิก็กลับยิ่งรู้สึกพอใจกับการกระทำของตนมากขึ้น

    นี่ข้าหูฝาดไปหรือเปล่า  เจ้ากำลังขอร้องข้าอยู่อย่างนั้นหรือ  ไหนเจ้าเคยบอกไว้ว่าเจ้าจะไม่ร้องขอความเมตตาจากข้ายังไงล่ะ  เจ้าหญิง เขาพูดยียวน  หากแต่สกาฎีนั้นไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะโกรธเคืองรวมทั้งโต้เถียงเขาออกไปได้ ในสถานการณ์ที่ชะตากรรมของอาณาจักรของนางอยู่ในกำมือของเขาแบบนี้

    ท่านสามารถทำอะไรกับข้าก็ได้…….” นางพูดออกมาราวกับนางไม่ต้องเสียหยุดคิดเลย โทษฐานที่ข้าล่วงเกินท่าน  แต่ได้โปรดปล่อยประชาชนของข้าไป นางพูดราวกับนางไม่อาทรในชีวิตของนางอีกต่อไปแล้ว  และเป็นเพราะคำพูดนั้นของนางนั่นเองที่ทำให้โลกิปล่อยมือจากดาบที่อยู่บนแท่นควบคุมไบฟรอสท์  ราชาแห่งแอสการ์ดเดินลงจากแท่นควบคุมอย่างเชื่องช้า  ขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณาอยู่

    เจ้าบอกว่าข้าจะทำอย่างไรกับเจ้าก็ได้  เพียงแค่ข้าปล่อยประชาชนของเจ้าไปอย่างนั้นหรือ โลกิทวนคำพูดของนาง  ขณะที่สกาฎีที่กำลังเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่เพิ่งมายืนอยู่ตรงหน้านางอยู่นั้นกลืนน้ำลายก่อนจะตอบออกมา

    ใช่  ท่านจะฆ่าจะแกงข้ายังไงก็ได้  ข้าขอเพียงแค่……..” นางกำลังจะพูดต่อ  แต่โลกิก็กลับหยุดนางไว้เสียก่อน

    ชู่ว์ เขากล่าวก่อนจะขยับเข้ามาใกล้หญิงสาวมากขึ้น  ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขามองสำรวจนางอย่างใกล้ชิด  ก่อนที่มือใหญ่ของเขาจะเลื่อนมาเชยคางของเธอไว้

    ข้ายังไม่ได้คิดจะฆ่าจะแกงเจ้าในตอนนี้หรอก  เจ้าหญิง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเดิม  หากแต่สายตาของเขาที่ใช้มองหญิงสาวตรงหน้านั้นกลับดูไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย เพียงแต่ข้าสงสัยว่าเจ้าจะยอมเสียสละแค่ไหน  เพื่อประชาชนของเจ้ากัน เขากล่าวพลางมองอย่างพินิจพิเคราะห์  ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามนั้นตอบออกมาแทบจะในทันที

    ข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อประชาชนของข้า  ข้ายอมแม้กระทั่งสละชีวิตเพื่อพวกเขา  ประชาชนนอร์นไฮม์ของข้าไม่มีความผิด  ที่ผ่านมาพวกเขาเพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น  ได้โปรดละเว้นพวกเขา  ท่านจะฆ่าจะแกงข้ายังไงก็ได้  ข้ายอมทุกอย่าง…..เพียงแค่ท่านไว้ชีวิตพวกเขาเท่านั้น นางเริ่มพูดแต่ก็ถูกโลกิขัดขึ้นอีกครั้ง

    ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าข้าจะไม่ได้ฆ่าไม่แกงเจ้า…..ในตอนนี้ เขาลงน้ำหนักเสียงที่ท้ายประโยคก่อนจะพูดต่อ

    จากที่เจ้าพูดมา  ถ้าหากข้ารับปากว่าจะไม่ทำลายอาณาจักรของเจ้า…….” เขาเว้นระยะราวกับเขาต้องใช้เวลาครุ่นคิดก่อนจะพูดออกมา เจ้าก็จะยอมสละชีวิตของเจ้าให้ข้าอย่างนั้นหรือ น้ำเสียงของเขาช่างฟังดูอันตรายยิ่งนัก  และเพียงแค่ได้ยินคำพูดของฝ่ายตรงข้ามเท่านั้นมันก็พอจะทำให้เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ขนลุกเพราะความหวาดกลัวได้  แต่ถึงกระนั้นนางก็ไม่อาจจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะช่วยเหลืออาณาจักรของนางไว้ลงง่าย ๆ เมื่อนางตอบออกมา

    ท่านคิดถูกแล้ว โลกิยิ้มให้กับคำตอบนั้นก่อนจะถามต่อ

    แล้วถ้าข้าไม่ต้องการชีวิตของเจ้าล่ะ  องค์หญิง  เจ้าพร้อมที่จะสละสิ่งอื่นให้ข้าแทนได้ไหม เขาพูดก่อนจะปล่อยมือที่กุมคางนางไว้และหันหลังกลับเพื่อเดินไปยังแท่นควบคุมไบฟรอสท์อีกครั้ง  ทิ้งให้สกาฎีมองตามแผ่นหลังของเขาไปด้วยความสงสัย

    ท่านหมายความว่าอย่างไร นางถามเมื่อโลกิหันกลับมาเผชิญหน้าเขาอีกครั้ง  บัดนี้เขาได้กลับไปยืนอยู่บนแท่นควบคุมไบฟรอสท์ที่กุมชะตากรรมของอาณาจักรของนางเอาไว้  สายตาของเจ้าหญิงมองไปยังดาบที่ปักอยู่บนแท่นอย่างหวาดกลัวเมื่อนางเกรงกลัวว่าโลกิอาจจะกดดาบลงบนแท่นและเพื่อเปิดสะพานไบฟรอสท์ทำลายอาณาจักรของนางในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

    ข้าต้องการจะรู้ว่าเจ้าพร้อมจะเสียสละแค่ไหนเพื่ออาณาจักรของเจ้า เขาถาม

    ท่านก็รู้ว่าข้ายอมตายได้เพื่อประชาชนของข้า องค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์ตอบออกไป  ดวงตาของนางที่มองราชาแห่งแอสการ์ดนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย  ขณะที่อีกฝ่ายนั้นกำลังมองนางอย่างประเมินพร้อม ๆ กับกำลังครุ่นคิดแผนการอยู่ในใจ

    แต่การฆ่าเจ้าก็ไม่ทำให้ข้าได้ประโยชน์อะไรจริงไหม  แม้ว่ามันจะเป็นการจำกัดคนที่ต้องการชีวิตข้าไปอีกคนนึงก็ตาม เขากล่าว  และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวขมวดคิ้วเพราะคำพูดของเขา  โลกิจึงพูดต่อ

    การที่ข้าเอาชีวิตเจ้าไปไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรกับข้าเลย  แต่ในทางตรงกันข้าม  การที่เจ้ามอบชีวิตให้ข้านั้นดูน่าจะเป็นประโยชน์ต่อข้ารวมทั้งต่อแอสการ์ดมากกว่าเขาพูดก่อนจะมองสกาฎีด้วยสายตาอันตรายซึ่งหญิงสาวไม่อาจจะอ่านเจตนาของเขาที่แฝงอยู่ในดวงตาคู่นั้นออกได้  และเมื่อเป็นเช่นนั้นหญิงสาวจึงถามออกไป

    ท่านต้องการอะไรจากข้ากันแน่ เพราะคำพูดนั้นของเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์เองที่ทำให้ราชาแห่งแอสการ์ดจ้องมองนางด้วยสายตาเจ้าเล่ห์  รอยยิ้มฝุดขึ้นบนริมฝีปากบางของเขาก่อนที่เขาจะพูดออกมา

    สิ่งที่ข้าต้องการก็คืออาณาจักรของเจ้า  คือการที่นอร์นไฮม์จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับแอสการ์ด  และมันจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อเจ้าแต่งงานกับข้า

     

     

     

    ************************************************************

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×