คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์: Princess of Nornheim
คุยกันก่อนอ่านนะคะ
ตอนนี้นางเอกของเราออกโรงแล้วนะคะ เพื่อนๆ คนไหนที่ชอบหรือไม่ชอบ หรืออ่านฟิคเรื่องนี้แล้วคิดยังไงก็ลองแสดงความคิดเห็นไว้นะคะ ตอนต่อไปจะลงภายใน 1 วีคค่ะ
***Chapter 3 Princess of Nornheim: เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์***
ในขณะเดียวกับที่โลกิเดินทางกลับพระราชวังแอสการ์ด ณ พระราชวังนอร์นไฮม์ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของกษัตริย์ธีอาซีมาก่อนก็วุ่นวายโกลาหลไม่น้อยจากเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อนางกำลังนางหนึ่งรีบผลีผลามเข้าไปภายในห้องบรรทมของเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ซึ่งเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของกษัตริย์ธีอาซีด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
เมื่อประตูเปิดขึ้น องค์หญิงสกาฎี (อ่านว่าสะ-กา-ดี นะคะ เธอเป็นตัวละครหนึ่งในตำนานเทพนอร์สซึ่งเราเอามาดัดแปลงให้เป็นนางเอกเรื่องนี้ค่ะ – ผู้เขียน) ผู้กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งข้างหน้าต่างก็เงยหน้าขึ้นมองร่างที่เพิ่งมาเยือนในทันที ดวงตาของนางแลดูแปลกใจเมื่อเห็นร่างของนางกำนัลที่รีบผลีผลามเข้ามาในห้อง รวมทั้งเมื่อนางได้เห็นสีหน้าที่ขาวซีดของนางกำนัลคนสนิทแล้วสกาฎีก็รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินไปหาร่างที่เพิ่งมาใหม่ในทันที
“มีอะไรอย่างนั้นหรือ เอลล่า” สกาฎีเอ่ยปากถาม ดวงตาสีน้ำตาลของนางจับจ้องใบหน้าขาวซีดของนางกำนัลคนสนิทด้วยท่าทีร้อนใจ เมื่อเอลล่าอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่งจึงยอมพูดออกมา ริมฝีปากของนางสั่นระริกเมื่อนางต้องเอ่ยปากแจ้งข่าวร้ายให้แก่องค์หญิงของนางทราบ ในขณะเดียวกันนั้นเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ก็รอคอยสิ่งที่นางกำนัลของนางกำลังจะพูดออกมาอย่างใจจดใจจ่อ
ริมฝีปากของเอลล่าสั่นระริกในขณะที่นางพยายามจะพูดออกมา ท่าทีของนางราวกับนางต้องการมาแจ้งเรื่องที่สำคัญมาก หากแต่ในขณะเดียวกันนางก็ไม่สามารถพูดเรื่องดังกล่าวออกมาได้เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมององค์หญิงของนางด้วยแววตาโศกเศร้า และเมื่อเห็นเช่นนั้น เจ้าหญิงสกาฎีที่รู้อยู่แล้วว่าข่าวที่เอลล่านำมาแจ้งแก่นางนั้นจะต้องไม่ใช่ข่าวดีแน่ ๆ ก็ยื่นมือออกไปหมายจะสัมผัสมือของนางกำนัล
“เจ้าบอกข้ามาเถอะเอลล่า” นางพูดพร้อมกับจับมือนางกำนัลคนสนิทไว้ ก่อนที่หญิงสาวตรงหน้านางและพูดออกมาด้วยริมฝีปากที่สั่นระริกและแววตาที่เศร้าโศก
“องค์หญิงเพคะ พระบิดาของท่าน กษัตริย์ธีอาซีสิ้นพระชนม์แล้วเพคะ!” นางกำนัลเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ!
เมื่อได้ทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของบิดา ดวงตาสีน้ำตาลขององค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์ก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ! มือเล็กของนางที่เคยกุมมือนางกำนัลอยู่ก็ผละออกมาจากมือของเอลล่าในทันที ดวงตาสีของสกาฎีที่ลืมขึ้นนั้นมองสบกับดวงตาที่มีน้ำตาคลอเอ่อและใบหน้าที่ขาวซีดของนางกำนัลคนสนิท หากแต่ดวงหน้าที่ขาวซีดและดูหมองเศร้าของเอลล่านั้นไม่อาจเทียบกับดวงหน้างามที่ซีดเซียวและดูทุกข์ระทมของเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ได้เลย ริมฝีปากอิ่มของนางสั่นระริก และในวินาทีต่อมาหยดน้ำตาใสก็ไหลอาบแก้มเนียนของนาง เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ต้องใช้เวลาอยู่ครู่หนึ่งหลังจากได้รับรู้ข่าวดังกล่าวกว่าที่นางจะสามารถพูดออกมาได้ นางเม้มริมฝีปากที่แห้งผากก่อนจะมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าของเอลล่าอย่างค้นหาแล้วจึงถามขึ้น
“ที่เจ้าบอกข้ามาเมื่อครู่เป็นความจริงหรือ” นางถามด้วยน้ำเสียงที่แห้งผากและเต็มไปด้วยความตกใจ มือเล็กของนางยกขึ้นบีบมือกำนัลคนสนิทราวกับนางคิดว่าสิ่งที่เอลล่าได้บอกนางเมื่อครู่นั้นไม่ใช่ความจริง แต่ถึงจะถามออกไปเช่นนั้นก็ตาม สกาฎีก็รู้ดีว่าเอลล่าไม่มีวันที่จะโกหกนางเป็นแน่ โดยเฉพาะในเรื่องที่สำคัญยิ่งแบบนี้ ดังนั้นเรื่องราวที่นางเพิ่งได้รับรู้มาเมื่อครู่นั้นก็ต้องเป็นความจริงอย่างที่นางไม่อาจจะหลีกเลี่ยงได้!
ส่วนทางด้านนางกำนัลเอลล่าที่ถูกตั้งคำถามนั้น บัดนี้น้ำตาใสก็ไหลอาบแก้มของนาง นางได้แต่พยักหน้าอย่างโศกเศร้าก่อนจะพูดขึ้น
“เป็นความจริงเพคะ ม้าเร็วเพิ่งมาแจ้งข่าวจากสนามรบเมื่อครู่เองเพคะ” นางกำนัลกล่าว และเมื่อได้รับการยืนยันว่าข่าวร้ายที่สุดสำหรับนางเป็นเรื่องจริงนั้น สกาฎีก็แทบจะยืนไม่อยู่ นางรู้สึกราวกับโลกทั้งใบมืดมนลงกระทันหัน นางรู้สึกราวกับมีแรงดูดมหาศาลที่ดูดนางให้จมดิ่งลงสู่พื้นพสุธา ความรู้สึกมึนงงและคลื่นเหียนเข้าครอบงำเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์จนนางแทบจะทรงตัวยืนอยู่ไม่ไหว และหากไม่ใช่เพราะความเข้มแข็งเยี่ยงขัตติยนารีที่บิดาของนางเคยพร่ำสอนนางมาตั้งแต่เยาว์ที่ช่วยพยุงร่างเล็กของนางให้ยืนอยู่บนพื้นไว้ได้ในตอนนี้ นางก็คงล้มลงไปร้องไห้คว่ำครวญอยู่กับพื้นแล้วเป็นแน่
ทางด้านเอลล่านั้น เมื่อเห็นว่าองค์หญิงของนางมีท่าทีราวกับจะยืนไม่ไหว นางก็รีบเข้ามาประคองร่างบางเบื้องหน้าเอาไว้ แต่ทันทีมือของนางกำนัลแตะโดนแขนของสกาฎี เจ้าหญิงก็ยกมือห้ามเอาไว้ ดวงตาสีฟ้าเงยหน้าขึ้นสบนางกำนัลคนสนิทก่อนที่นางจะพูดขึ้นอีกครั้ง
“เจ้าพอรู้ไหมว่าท่านพ่อของข้าตายยังไง แล้วพระศพของท่านล่ะ” องค์หญิงถามด้วยท่าทีเข้มแข็ง แม้ว่าบัดนี้หัวใจของนางแทบจะแตกสลายด้วยความโศกเศร้าก็ตาม และเมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้นนางกำนัลเอลล่าก็มองเจ้าหญิงของนางด้วยท่าทีลังเลราวกับนางไม่กล้าพอที่จะพูดในสิ่งที่นายหญิงของนางกำลังถามนางออกมา
“ตอบข้ามาสิ เอลล่า ท่านพ่อตายยังไง ใครเป็นคนสังหารท่าน นักรบแอสการ์ดอย่างนั้นหรือ” เจ้าหญิงถามซ้ำ ขณะที่เอลล่าหลบสายตาของนางด้วยท่าทีอึดอัดใจ แต่ในไม่ช้านางกำนัลก็ตัดสินใจว่านางจำเป็นต้องตอบคำถามองค์หญิงในสิ่งที่นางต้องการรู้ออกมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หลังจากใช้เวลาตัดสินใจอยู่เพียงชั่วครู่ริมฝีปากของนางกำนัลขยับอีกครั้งก่อนที่นางจะพูดขึ้น
“ฝ่าบาทมิได้ถูกสังหารด้วยน้ำมือของทหารแอสการ์ด หากแต่พระองค์สิ้นพระชนม์จากการประลองตัวต่อตัวกับราชาแห่งแอสการ์ดที่เสด็จมายังสนามรบในวันนี้เพคะ ฝ่าบาทหลงกลศัตรูของพระองค์ในการประลองจนต้องสิ้นพระชนม์เพคะ” นางเอ่ย ขณะที่สกาฎีนั้นตาโตเมื่อได้รู้ความจริงที่ว่าบิดาของนางนั้นสิ้นพระชนม์ด้วยน้ำมือของ โลกิ ราชาแห่งแอสการ์ดผู้เป็นศัตรูและเป็นสาเหตุที่ทำให้นอร์นไฮม์เปิดศึกกับแอสการ์ดในครั้งนี้
“ราชาแห่งแอสการ์ดอย่างนั้นหรือ ที่เป็นผู้สังหารท่านพ่อของข้า” นางพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ดวงตาสีฟ้าที่เคยเศร้าโศกบัดนี้มันกลับแลดูครุ่นคิดและที่ยิ่งไปกว่านั้นมันเต็มไปด้วยประกายความแค้น ขณะที่เอลล่าซึ่งกำลังกุมมือเล็กที่สั่นเทาขององค์หญิงอยู่นั้นพยักหน้าเบา ๆ
“แล้วพระศพของท่านล่ะ เอลล่า” นางถามต่อด้วยดวงตาที่คลอเอ่อไปด้วยน้ำตา และเมื่อเป็นเช่นนั้นดวงตาของนางกำนัลก็กลับยิ่งแสดงออกถึงความไม่สบายใจมากขึ้น มือของนางเลื่อนไปบีบมือเจ้าหญิงแน่นขึ้นก่อนที่นางจะเอ่ยปากพูดออกมา
“องค์หญิงของข้า พระบิดาของท่านหลงกลโลกิจนพลัดตกหน้าผา ทำให้เราไม่สามารถนำศพของพระองค์กลับมาได้เพคะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นดวงตาของสกาฎีก็เบิกกว้างด้วยความตกใจ ในวินาทีนั้นเองที่องค์หญิงแห่งนอร์มไฮม์รู้สึกว่าความเข้มแข็งทั้งหมดของนางได้มลายหายสูญไปสิ้น เมื่อเข่าเล็ก ๆ ของนางอ่อนยวบยาบพร้อม ๆ กับที่นางรู้สึกว่าร่างกายหมดเรี่ยวแรงขึ้นมาในทันใดนั้นเอง และสิ่งต่อมาที่เจ้าหญิงคนแห่งนอร์นไฮม์รู้สึกก็คือความมืดที่เข้าปกคลุมสติสัมปชัญญะของนางเมื่อร่างบางของสกาฎีล้มลงกับพื้นภายใต้เสียงร้องอย่างตกใจของนางกำนัลคนสนิท
…………………………………………………………………..
หลังจากได้รับชัยชนะจากการรบที่นอร์นไฮม์มาหมาด ๆ ซึ่งเป็นเพราะการประลองระหว่างเขากับธีอาซีที่ทำให้การศึกทั้งหมดจบลงอย่างรวดเร็วแถมมันยังนำเอาชัยชนะมาให้แอสการ์ดได้อย่างง่ายดายด้วยนั้น โลกิก็สั่งให้จัดงานฉลองขึ้นหลังจากที่นักรบแอสการ์ดเกือบทั้งหมดกลับมาจากนอร์นไฮม์แล้ว เขาจัดงานเลี้ยงฉลองชัยชนะขึ้นเฉกเช่นเดียวกับที่ธอร์เคยทำทุกครั้งที่ชนะการรบมา แต่ถึงกระนั้นโลกิกลับพบว่างานเลี้ยงฉลองชัยชนะในครั้งนี้นั้นน่าเบื่อไม่แพ้กับการนั่งอยู่บนบัลลังค์แอสการ์ดเพื่อมองดูความเป็นไปของโลกทั้งเก้าเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำหลังจากงานเลี้ยงฉลองโลกิก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ
ในตอนแรกราชาแห่งแอสการ์ดคิดจะหาอะไรทำแก้เบื่อเสียหน่อย บางทีเขาอาจจะกลับไปที่นอร์นไฮม์อีกครั้งเพื่อตรวจดูการทำงานของทหารแอสการ์ดบางส่วนที่ยังคงอยู่ที่นั่น เพื่อที่เขาจะสามารถแน่ใจว่านอร์นไฮม์นั้นยอมสวามิภักดิ์กับเขาจริง ๆ และถ้าหากการเดินทางไปยังนอร์นไฮม์ซึ่งบัดนี้ได้กลับมาอยู่ภายใต้การปกครองของเขาไม่ได้ช่วยให้เขาหายเบื่อขึ้นมาได้ เขาก็ตัดสินใจว่าจะไปท่องเที่ยวยังอาณาจักรอื่นเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดดีกว่าที่จะต้องมาอุดอู้อยู่แต่บนบัลลังค์แอสการ์ดแบบนี้ แต่ยังไม่ทันที่โลกิจะตัดสินใจขี่ม้าไปยังสะพานไบฟรอสท์เพื่อเดินทางไปยังนอร์นไฮม์นั้น ทหารนายคนหนึ่งก็รุดเข้ามารายงานเขาก่อนที่เขาจะทานอาหารเช้าเสร็จด้วยซ้ำว่าไฮม์ดัลต้องการพบเขาด้วยเรื่องสำคัญ
แม้ว่าจะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ราชาแห่งแอสการ์ดก็พอจะรู้ว่าสาเหตุที่ไฮม์ดัลต้องการพบเขานั้นต้องเป็นเรื่องสำคัญอย่างที่ทหารคนดังกล่าวมารายงานเขาเป็นแน่ เพราะตั้งแต่โลกิครองบัลลังค์มานั้น ไฮม์ดัลก์ไม่เคยส่งทหารมาเชิญเขาไปยังสะพานไบฟรอสท์เลยแม้แต่ครั้งเดียว แม้กระทั่งตอนที่นอร์นไฮม์ก่อกบฎไฮม์ดัลก็เลือกที่จะส่งทหารมาแจ้งข่าวกับเขามากกว่าจะต้องใช้ราชาแห่งแอสการ์ดอย่างเขาเป็นฝ่ายไปพบไฮม์ดัลด้วยตัวเอง
เมื่อเป็นเช่นนั้นโลกิจึงตัดสินใจขี่ม้าไปยังสะพานไบฟรอสท์ในทันที และเมื่อเขาไปถึงจุดหมาย เขาก็เห็นไฮม์ไดล์ในชุดสีทองที่กำลังยืนมองความเป็นไปของอาณาจักรทั้งเก้าอยู่ด้วยท่าทีสงบ
โลกิเดินเข้าไปใกล้ไฮม์ดัลก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“เจ้าบอกว่ามีเรื่องสำคัญต้องพบข้า มีอะไรอย่างนั้นหรือ” นายทวารละสายตาจากพิภพเบื้องล่างก่อนจะหันมามองเจ้าเหนือหัวของเขา
“มีการก่อกบฎขึ้น ข้าจึงจำเป็นต้องรายงานท่าน” เขากล่าว ขณะที่โลกิขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
“กบฎอีกแล้วอย่างนั้นหรือ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยมีคนชอบข้าซักเท่าไหร่เลยนะ” เขาพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ “แล้วที่ไหนกันล่ะคราวนี้ วานาไฮม์ หรืออัลไฟม์กันล่ะ” เขาพูดด้วยท่าทีไม่ยี่หระ ในขณะที่ไฮม์ดัลส่ายหน้าช้า ๆ
“เป็นที่นอร์นไฮม์ต่างหาก ฝ่าบาท” นายทวารตอบ และเมื่อได้ยินเช่นนั้นรอยยิ้มยียวนก็จางหายออกไปจากริมฝีปากบางของโลกิ เขาหรี่ตาลงอย่างสงสัยก่อนจะถามออกมา
“นอร์นไฮม์หรือ แต่ข้าแน่ใจว่าข้าสังหารราชาแห่งนอร์นไฮม์ไปแล้วนี่” เขากล่าว
“แน่นอนว่าท่านสังหารธีอาซีไปแล้ว แต่คราวนี้มีคนต้องการล้างแค้นแทนเขา” ไฮม์ดัลรายงานก่อนจะละสายตาจากเจ้าเหนือหัวของเขาก่อนจะจ้องมองลงไปยังพิภพเบื้องล่างอีกครั้ง
…………………………………………………………………..
ณ จุดไบฟรอสท์ที่นอร์นไฮม์ มีร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งแต่งตัวด้วยชุดนักรบแบบเต็มยศกำลังยืนอยู่ท่ามกลางพายุหิมะที่พัดกระหน่ำ นางสวมบูธลุยหิมะสูงเท่าเข่า เสื้อเกราะของนางส่องแสงแวววาวปะทะลมหนาว มือหนึ่งของนางถือโล่ขณะที่อีกมือหนึ่งถือดาบเล่มยาว ผมสีทองปลิวสยายไปตามสายลม ท่ามกลางพายุอันหนาวเหน็บนางยืนป่าวประกาศท้าทายให้ราชาแห่งแอสการ์ดลงมาสู้ตัวต่อตัวกับนางอยู่ได้พักหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าหญิงสาวคนนั้นคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากสกาฎี เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ผู้เพิ่งเสียพระบิดาไปจากการประลองตัวต่อตัวระหว่างเขากับโลกิ
“ถ้าท่านมีเกียรติสมกับเป็นราชาผู้ปกครองอาณาจักรทั้งเก้าจริงก็ลงมาสู้กับข้าตัวต่อตัวสิ!” นางป่าวร้องท่ามกลางสายลมหนาว แม้ว่าริมฝีปากของนางจะซีดเซียวเพราะความหนาว แม้ว่าพวงแก้มเนียนจะขึ้นสีด้วยเหตุผลเดียวกัน และแม้ว่านางจะยืนอยู่ตรงนี้เพื่อรอคอยการปรากฎตัวของราชาแห่งแอสการ์ดมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม และแม้ว่านางจะไม่รู้ว่าเขาจะรับคำท้าที่จะต่อสู้กับผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างนางหรือไม่ หากแต่นางไม่มีทางเลือกอื่นที่จะแก้แค้นให้บิดานอกจากรอคอยการปรากฎตัวของเขาเท่านั้น
ทางด้านผู้ถูกนางท้าทายอย่างราชาแห่งแอสการ์ดผู้กำลังยืนอยู่ซึ่งสะพานไบฟรอสท์ข้าง ๆ ไฮม์ดัลนายทวารนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เห็นภาพรวมถึงได้ยินคำกล่าวของเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์เหมือนไฮม์ดัลก็ตาม แต่โลกิก็สามารถรับรู้เรื่องราวทั้งหมดได้จากการบอกเล่าของไฮม์ดัลผู้สามารถมองเห็นความเป็นไปของพิภพทั้งเก้าได้
“ใครกันที่ต้องการแก้แค้นให้เจ้าอสูรธีอาซี พวกประชาชนที่จงรักภักดีของมันอย่างนั้นหรือ” โลกิถามอย่างยี่หระ เขาเกือบจะพูดออกไปแล้วว่าถ้าหากเป็นอย่างที่เขาคิดจริง เขาจะส่งกองทัพของแอสการ์ดไปปราบนอร์นไฮม์เสียให้ราบเป็นหน้ากลองให้สมกับความกำแหงของพวกมัน หากแต่คำตอบที่อีกฝ่ายบอกเขานั้นกลับแตกต่างจากที่เขาคิดไว้เป็นอย่างมากเมื่อไฮม์ดัลพูดขึ้นขณะที่ดวงตาของเขายังคงจ้องมองไปยังอาณาจักรทั้งเก้าว่า
“ผู้ที่ต้องการแก้แค้นท่านคือหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งเท่านั้น นางเป็นธิดาของธีอาซีที่ท่านเพิ่งสังหารไป นางมาป่าวประกาศท้าทายให้ท่านมาสู้กับนางตัวต่อตัวอยู่ครู่หนึ่งแล้ว” กษัตริย์แห่งแอสการ์ดมีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีหลังจากที่ไฮม์ดัลพูดจบ โลกิเดินเข้ามาใกล้จุดที่นายทวารยืนอยู่อีกสองก้าว ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขาจ้องมองไปยังพิภพเบื้องล่างราวกับว่าเขาสามารถมองเห็นพิภพเหล่านั้นได้เหมือนไฮม์ดัลก่อนที่เขาจะเอ่ยปากถามขึ้นมา
“เจ้าว่า ธิดาของธีอาซีมาท้าประลองกับข้าอย่างนั้นหรือ” เขาถาม
“ใช่ นางเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของธีอาซี เป็นเจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์” อีกฝ่ายตอบกลับมา
“แล้วชื่อของนางล่ะ” โลกิถาม ไฮม์ดัลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบออกมา
“สกาฎี นามของนางคือสกาฎี”
เป็นชื่อที่แปลกประหลาดเสียเหลือเกิน แต่ถึงกระนั้นการกระทำของเจ้าหญิงนางนี้กลับน่าแปลกประหลาดยิ่งกว่านามของนางหลายเท่านัก เพราะใคร ๆ ต่างก็รู้ดีว่าการกระทำของนาง คือการที่นางมาท้าทายอำนาจของเขาผู้เป็นราชาแห่งแอสการ์ดและผู้ปกครองอาณาจักรทั้งเก้านั้นเปรียบเสมือนการพาตัวเองเดินเข้าหาความตายก็ไม่ปาน แต่หญิงนางนี้กลับทำสิ่งที่ร้ายแรงยิ่งกว่าการท้าทายอำนาจของเขาซึ่งก็คือการเอ่ยปากท้าประลองกับเขาทั้ง ๆ ที่มันไม่มีทางที่นางจะชนะการประลองและแก้แค้นให้บิดาของนางได้สำเร็จ แต่ถึงจะเห็นว่าการกระทำของเจ้าหญิงนอร์นไฮม์คนนี้เป็นเรื่องบ้าบิ่นและน่าขบขันขนาดไหนก็ตาม แต่ก็โลกิก็ไม่อาจปล่อยให้นางท้าทายเขาไปนานมากกว่านี้ได้พอ ๆ กับที่เขารู้ดีว่าเขาไม่ต้องการลดตัวไปประลองกับผู้หญิงไร้ความคิดอย่างนางเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นราชาแห่งแอสการ์ดจึงถามขึ้นอีกครั้ง
“นางเป็นคนยังไง จากที่เจ้าจับตามองนอร์นไฮม์โดยตลอด” และเพราะคำถามนั้นทำให้ไฮม์ดัลนิ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนที่เขาจะตอบออกมา
“นางถูกเลี้ยงมาเยี่ยงขัตติยนารี นางเป็นนักรบหญิงที่มีฝีมือ แม้ว่าจะไม่แข็งแกร่งและเก่งกาจเท่าเลดี้ซิฟก็ตาม แต่นางก็เชี่ยวชาญอาวุธหลายแขนง นางเลือกใช้ดาบมาสู้กับท่าน” เมื่อได้ยินคำตอบ โลกิก็มีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามต่อ
“เจ้าบอกว่านางเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของธีอาซี แสดงว่านางเป็นผู้สืบทอดบัลลังค์ต่อจากเขาอย่างนั้นหรือ นางมีพี่ชายหรือน้องชายหรือเปล่า” เมื่อได้ยินคำถามนั้น ไฮม์ดัลก็ตอบออกมาในทันที
“ไม่มี นางเป็นธิดาเพียงองค์เดียวของเขา และแน่นอนว่านางเป็นผู้สืบทอดบัลลังค์ต่อจากบิดาของนาง”
“แต่นางก็เลือกที่จะท้าประลองกับข้าตัวต่อตัว แทนที่จะระดมกำลังทหารมาทำสงครามกับแอสการ์ดอย่างนั้นสิ” โลกิเอ่ยราวกับต้องการพูดกับตัวเองมากกว่าจงใจถามคำถามนั้นกับไฮม์ดัล แต่ถึงกระนั้นผู้เป็นนายทวารก็ตอบคำถามของเขาออกมาแต่โดยดี
“เป็นอย่างที่ท่านคิด” เขากล่าว “นางคงไม่ต่างจากบิดาของนางที่ห่วงใยประชาชนและไม่ต้องการให้เกิดการนองเลือดขึ้น นางถึงตัดสินใจมาท้าประลองกับท่านตัวต่อตัว” ไฮม์ดัลตอบตามตรง และเพราะคำตอบนั้นของเขาทำให้รอยยิ้มเล็ก ๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากบางของโลกิ
“เจ้ากำลังจะบอกข้าอย่างนั้นหรือว่าธิดาของธีอาซีรักและเป็นห่วงประชาชนของนางไม่ต่างจากบิดาหน้าโง่ของนางน่ะ” ราชาแห่งแอสการ์ดกล่าวพลางจ้องมองลงไปยังพิภพเบื้องล่างราวกับเขาสามารถมองเห็นเจ้าหญิงผู้อหังการของนอร์นไฮม์ได้เช่นเดียวกับไฮม์ดัล ขณะที่อีกฝ่ายตอบคำถามของเขาออกมา
“ข้าก็เพียงตอบตามที่ข้าเห็นเท่านั้น” นายทวารกล่าว ขณะที่โลกิมีท่าทีครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะถามต่อ
“นางมาที่สะพานไบฟรอสท์เพียงลำพังอย่างนั้นหรือ หรือว่านางขนกองทัพมาด้วย เผื่อว่าถ้าข้ายอมลดตัวไปประลองกับนางแล้วชนะนางขึ้นมา นางจะให้ทหารของนางมาลอบสังหารข้ารึเปล่า” เขาถามพลางยิ้มพรายราวกับว่าเขาไม่ใส่ใจกับคำตอบที่จะได้รับเท่าไหร่นัก แต่ถึงกระนั้นโลกิก็เป็นคนเจ้าเล่ห์และรอบคอบเกินกว่าที่จะไม่ประเมินกำลังของคู่ต่อสู้ แม้ว่าคู่ต่อสู้ของเขาคนนี้จะเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็ก ๆ ก็ตาม
ไฮม์ดัลนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบออกมา
“นางตั้งใจมาสู้ตัวต่อตัวกับท่านเพียงอย่างเดียว เพราะไม่มีใครมากับนางด้วยเลยแม้แต่องครักษ์ มีเพียงนางกำนัลติดตามมาคนหนึ่งและม้าอีกสองตัวเท่านั้น” เขารายงาน และเมื่อได้ยินเช่นนั้นโลกิก็หรี่ตาลงด้วยท่าทีครุ่นคิด ราชาแห่งแอสการ์ดกำลังตัดสินใจว่าเขาจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้ดี เขาสมควรจะรับคำท้าแล้วลดตัวลงไปประลองกับหญิงสาวผู้อาจหาญนางนี้ดี หรือเขาจะทำเพียงแค่ส่งนักรบลงไปสังหารนางเสียเพื่อตอบแทนความอวดดีของนาง อาจจะไม่ต้องถึงขั้นส่งนักรบลงไปก็ได้ แค่เพียงหุ่นดิสตรอยเยอร์เท่านั้นก็เพียงพอที่จะกำจัดเจ้าหญิงอวดดีแห่งนอร์นไฮม์คนนี้เสีย แต่ถ้าเขาทำเช่นนั้นก็จะกลับกลายเป็นว่าเขาหมิ่นเกียรติของตนเองด้วยการทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้อย่างนางซึ่งอาจจะทำให้ชาวนอร์นไฮม์ที่เพิ่งจะสวามิภักดิ์ต่อเขาไปหมาด ๆ แข็งข้อกับเขาขึ้นมาอีกก็ได้ แต่ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ต้องการจะรับคำท้าประลองของนางซึ่งดูเหมือนเป็นการปล่อยให้นางมาจูงจมูกเขา อีกทั้งหลังจากที่เขาเพิ่งลดตัวลงไปประลองกับบิดาของนางและได้รับชัยชนะมาหมาด ๆ โลกิก็ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะต่อสู้กับใคร แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจจะปล่อยให้เจ้าหญิงแห่งนอร์นไฮม์ท้าทายเขาไปนานมากกว่านี้ได้อีกแล้ว
ใช่ เขาไม่อาจจะปล่อยให้นางทำตัวอวดดีมาท้าทายเขาไปนานกว่านี้ได้อีกแล้ว
และเมื่อคิดได้เช่นนั้นโลกิก็ออกคำสั่งกับไฮม์ดัลด้วยท่าทีที่ไม่มีความลังเลใจเลยแม้แต่น้อย
“พานางมาที่นี่ ไฮม์ดัล แต่เฉพาะเจ้าหญิงตัวยุ่งนั่นเท่านั้นนะ ไม่ต้องพานางกำนัลหรือม้าของนางมาด้วย” เขาพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ขณะที่ไฮม์ดัลเงยหน้ามองเจ้าเหนือของหัวของเขาด้วยท่าทีสงสัย
“แต่นางต้องการแก้แค้นท่านนะ ฝ่าบาท ถ้าข้านำตัวนางมาที่นี่อาจจะเป็นอันตรายต่อท่านได้” นายทวารเตือน แต่โลกิกลับไม่สนใจฟังคำพูดของไฮม์ดัลเลยแม้แต่น้อยเมื่อเขาพูดขึ้นว่า
“เจ้าคิดว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างนางจะทำอะไรข้าได้อย่างนั้นหรือ ข้าสั่งให้เอาตัวนางมาพบข้ายังไงล่ะ” เขาสั่งเสียงเข้มที่ท้ายประโยคและเมื่อได้ยินเช่นนั้นไฮม์ดัลก็จำเป็นต้องเปิดสะพานไบฟรอสท์เพื่อนำตัวองค์หญิงแห่งนอร์นไฮม์มายังแอสการ์ดตามบัญชาของเจ้าเหนือหัวเขาแต่โดยดี
************************************************************
ความคิดเห็น