ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การพบกันโดยบังเอิญ
***Chapter 2 การพบกันโดยบังเอิญ***
เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงที่พบว่าร่างนั้นคือมัลฟอย  ส่วนเด็กหนุ่มนั้นก็มีท่าทีตกใจไม่แพ้กัน  เขารีบชักมือออกอย่างรวดเร็ว
“เกรนเจอร์!”
“เธอมาทำอะไรที่นี่มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  เด็กหนุ่มมองเธออย่างดูแคลน
“ฉันมาทำอะไรที่นี่แล้วมันเป็นธุระกงการอะไรของเธอหรือไงยัยเลือดสีโคลน!” เขาพูด  เฮอร์ไมโอนี่ชะงักกับคำพูดนั้น  แต่เธอพยายามทำตีสีหน้าเรียบเฉย
“มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของฉันหรอกนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ว่า “และฉันก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับคนอย่างเธอด้วย”
“คนอย่างฉันมันทำไมเกรนเจอร์  คนอย่างฉันมันคงสะอาดเกินกว่าที่เธอจะสัมผัสหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยล่ะสินะ” มัลฟอยอย่างดูแคลน  เฮอร์ไมโอนี่มองเขา  เธอยิ้มเย็นชา
“เปล่าหรอก  ที่ฉันคิดก็คือฉันไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกที่บริสุทธิ์แต่สายเลือด  แต่จิตใจกลับตกต่ำเลวทราม!” เฮอร์ไมโอนี่เน้นคำพูดสุดท้ายอย่างชัดเจน  ใบหน้าขาวซีดของมัลฟอยเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธทันที  และก่อนที่เด็กสาวจะพูดอะไรไปมากกว่านั้น  เขาก็กดเธอเข้ากับชั้นหนังสือ  หลังของเฮอร์ไมโอนี่กระแทกกับชั้นอย่างแรง
“โอ๊ย!” เด็กสาวร้องด้วยความเจ็บ  แต่มัลฟอยไม่สนใจ
“เมื่อกี๊เธอพูดว่าอะไร!” มัลฟอยคำราม  สีหน้าดุดัน  ดวงตาสีซีดจ้องเขม็งมาที่เธอ 
“ฉันไม่ได้พูดชื่อนาย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงกร้าว  ไม่มีความหวาดกลัวอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น
“ถ้านายอยากจะรับ” เธอเค้นเสียง “ก็รับไปสิ!!!”
พอเฮอร์ไมโอนี่พูดจบมัลฟอยก็จับร่างของเธอกระแทกกับชั้นหนังสืออีกครั้ง  เฮอร์ไมโอนี่อุทานด้วยความเจ็บ  แต่แววตาของเธอยังคงดูแข็งกร้าว 
“เธอกล้ามากนะที่มาดูถูกคนอย่างฉัน  เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดรอดไรฟัน  แววตาราวโรจน์ “แต่ก็อย่าลืมนะว่าข้างบนนี้มีแค่ฉันกับเธอ  ถ้าฉันจัดการเธอที่นี่ก็จะไม่มีใครรู้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย  เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีตกใจ  มือของเธอพุ่งไปที่กระเป๋าเพื่อคว้าไม้กายสิทธิ์  แต่มัลฟอยเร็วกว่า
“อ๊ะ!!!” เธอร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อมือของมัลฟอยบีบข้อมือเธออย่างแรงราวกับโดนคีมหนีบ  ไม้กายสิทธิ์หลุดออกจากมือของเธออย่างง่ายดาย  และตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรเขาได้
“อย่าคิดลองดีกับฉันเกรนเจอร์” มัลฟอยบอก “เพราะเธอต้องเสียใจกับการกระทำนั้นไปอีกนาน” เขาขู่พลางเอามืออีกข้างมาบีบคางของเธอไว้  ใบหน้าของเขานั้นอยู่ห่างกับเธอไม่มากนัก  มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังดิ้นรนอย่างหมดหนทางด้วยความสะใจ
“นาย .จะ .ทำ ..อะไร .” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาอย่างยากลำบาก  รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ใบหน้า  มัลฟอยแสยะยิ้ม  เขามองเธออย่างดูแคลน
“อย่าแม้แต่คิดว่าฉันจะทำอะไรอย่างนั้นกับเธอเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดอย่างรังเกียจ “แค่ตัวเธอฉันยังไม่อยากจะสัมผัสเลยด้วยซ้ำ” เขาบอก
“ฉันแค่กำลังนึกอยู่ว่าคาถาที่ฉันเสกใส่เธอตอนปีก่อนนั้นมันต้องพูดว่าอย่างไร  ถ้าฉันนึกได้นะเธอก็จะได้มีฟันยาว ๆ งอกออกมาจากปากอีกครั้งไงล่ะ  แล้วคราวนี้จะไม่มีใครมาร่ายคาถาแก้ให้เธอด้วย” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ  เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ  ภาพความทรงจำตอนที่มัลฟอยเสกคาถาพลาดมาโดนเธอจนฟันของเธองอกยาวมาถึงคางเมื่อตอนปีสี่ปรากฏขึ้นในสมอง  เด็กสาวส่ายหัวดิก  พยายามดิ้นรนสุดแรง  แต่มือทั้งสองของมัลฟอยบีบแขนและปากของเธอไว้แน่น  เฮอร์ไมโอนี่เจ็บจนน้ำตาไหล   
“สงสัยว่าเธอจะพร้อมแล้วใช่ไหม” มัลฟอยยิ้มอย่างสะใจก่อนที่จะค่อย ๆ ลดมือจากปากของเธอเพื่อไปหยิบไม้กายสิทธิ์  และเฮอร์ไมโอนี่ก็อาศัยจังหวะนั้นกัดกร้วมเข้าที่มือของเขา
“โอ๊ย!!!” มัลฟอยร้องด้วยความเจ็บ  แต่เขาก็ปล่อยร่างของเธอออกทันที  เด็กหนุ่มมองเธออย่างโกรธแค้น  “อยากโดนดีนักใช่ไหม!” เขาพูดพลางสะบัดไม้กายสิทธิ์  แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ร่ายคาถา
“นายต่างหากล่ะมัลฟอย” เสียงของรอนดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเขา  ไม้กายสิทธิ์ของรอนชี้เข้าตรงกลางแผ่นหลังของมัลฟอย
“วีสลีย์?” มัลฟอยพึมพำ
“ใช่ฉันเอง  ลดไม้กายสิทธิ์ลงซะถ้านายไม่อยากโดยสาปให้เป็นตัวเฟเร็ตขนปุยอีกรอบ” รอนขู่  มัลฟอยกัดฟันกรอด  เขาพึมพำออกมาเบา ๆ
“ไม่ทันไรก็มีองค์รักษ์มาช่วยแล้วนะ”
“ฉันบอกให้ลดไม้กายสิทธิ์ลง” รอนพูดซ้ำด้วยเสียงดังกว่าเก่า  มัลฟอยกัดฟัน  และค่อย ๆ ลดไม้กายสิทธิ์ลงอย่างเสียไม่ได้ 
“เอาล่ะค่อย ๆ หันมามัลฟอย” รอนสั่ง  มัลฟอยแสยะยิ้ม  เขาพูดรอดไรฟัน
“ใครจะไปทำตามคำสั่งแก” ทันใดนั้นมัลฟอยก็คว้าร่างของเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาและผลักเธอเข้าหารอนในทันที!
“เอ็กซ์เปสลิอาร์มัส!” มัลฟอยตะโกน  ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่รอน  ร่างของเขาลอยไปกระแทกชั้นหนังสืออย่างแรง  ไม้ของรอนลอยจากมือไปกลางอากาศ  แต่ก่อนที่มัลฟอยจะรับมันได้  เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบคว้าไม้กายสิทธิ์ของเธอที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมา 
“เอ็กซิโอ  ไม้กายสิทธิ์!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  และไม้กายสิทธิ์ของรอนก็มาอยู่ในมือเธอ  และเธอก็ชี้ไม้ของเธอไปที่มัลฟอย
“อย่าคิดตุกติกมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ขู่พลางชี้ไม้กายสิทธิ์ของเธอไปที่คอของเขา “ถ้าไม่อยากโดนคาถาสะกดนิ่งเข้าไปเต็ม ๆ ”
เสียงวิ่งตึงตังดังมาจากชั้นล่างและมาหยุดตรงหน้าของทั้งสอง  เจ้าของร้านตัวบรรจงและหยดหมึกเข้ามาเห็นภาพที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังเอาไม้กายสิทธิ์จ่อคอมัลฟอยอยู่พอดี
“โอ  แม่หนู  นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย  แล้วพ่อหนูนั่นอีก” เขาดูตกใจเป็นอย่างมาก  และมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่ารอนถูกกองหนังสือที่หล่นมาจากชั้นทับเสียจนเกือบมองไม่เห็นร่างของเขา   
เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ลดไม้กายสิทธิ์ลงช้า ๆ มัลฟอยมองเธออย่างโกรธแค้น  เขารู้สึกอับอายมากกว่าอะไรทั้งหมดที่มีคนมาเห็นเขาพ่ายแพ้ต่อเลือดสีโคลนอย่างเฮอร์ไมโอนี่
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเลือดสีโคลน!” มัลฟอยพึมพำรอดไรฟัน  เขามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างอาฆาตเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะสะบัดเสื้อคลุมจากไป 
เมื่อมัลฟอยจากไปแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่รีบเข้าไปพยุงรอนขึ้นมาจากกองหนังสือ  และโชคดีที่เขาไม่เป็นไรมาก  เจ้าของร้านตัวบรรจงและหยดหมึกถามพวกเขา
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับแม่หนูและพ่อหนูกันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่อ้ำอึ้งแต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไป
“เอ่อ  มันเป็นอุบัติเหตุครับ” รอนพูด  เจ้าของร้านมองมาที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างต้องการคำตอบ  เธอเม้มปากเล็กน้อย
“ค่ะ  มันเป็นอุบัติเหตุ”
*************************************************
และเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดก็จบลงด้วยการที่เฮอร์ไมโอนี่ช่วยเจ้าของร้านจัดการกับความเสียหายที่เกิดขึ้น  แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่แค่โบกไม้กายสิทธิ์ทีเดียวหนังสือทุกเล่มก็กลับไปอยู่บนตู้ของมันตามเดิม  เธอและรอนกล่าวคำขอโทษเจ้าของร้านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกมาภายนอกร้าน
“ให้ตายสิ  จะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกไหมเนี่ย” รอนบ่นทันทีที่พวกเขาเดินออกจากมาร้านตัวบรรจงและหยดหมึกสู่ถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่ง  รอนสาบานไว้เลยว่าเขาจะไม่เข้ามาร้านนี้อีกเลยถ้าไม่จำเป็น 
“ความจริงฉันน่าจะจัดการมันเร็วกว่านี้นะ  ไม่งั้นมันคงได้เป็นตัวเฟเร็ตอีกรอบแน่  หรือใช้คาถาจี้เส้นก็ไม่เลวนะ” รอนบ่น  โดยที่เฮอร์ไมโอนี่เลือกที่จะไม่พูดอะไร
“ฉันว่าคาถาสะกดนิ่งน่าจะดีที่สุด  เพราะถ้าฉันสาปมันด้วยคาถาจี้เส้น  ต้องมีคนได้ยินมันหัวเราะแน่” เขาพูดพลางเอากำปั้นทุบมืออย่างเคียดแค้น
“ถ้ากลับโรงเรียนไปเมื่อไหร่นะ  ฉันจะไปจัดการมันแน่ ๆ เจ้าซีดมัลฟอย!!!” รอนพูดด้วยเสียงอันดัง  จนคนข้าง ๆ เริ่มหันมามอง  เฮอร์ไมโอนี่สะกิดเขาและบอกว่ารอนพูดดังไป ( แล้ว )
“เอ้อ  ขอโทษ” เด็กหนุ่มบอก  หน้าเป็นสีชมพู  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ว่าอะไร
“แล้วเจ้าหมอนั่นมันทำอะไรเธอรึเปล่า  เฮอร์ไมโอนี่” รอนถาม  เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น
“ไม่มีอะไรหรอกรอน” เฮอร์ไมโอนี่บอกปัด  รอนขมวดคิ้ว
“ไม่มีอะไรได้ยังไง  ก็ตอนที่ฉันไปถึงมันกำลัง .”
“ช่างมันเถอะ  เขาก็แค่พูดจาดูถูกฉัน  ก็เท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรำคาญ  รอนเถียงเธอ
“แต่ฉันเห็นว่าเจ้านั่นน่ะ กำลังจะทำร้ายเธอนะ!” เขาขึ้นเสียง 
“เธอก็รู้นี่ว่าเขาคือมัลฟอย  มัลฟอยน่ะทำเรื่องดี ๆ เป็นที่ไหนกันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ว่า “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกรอน  ฉันไม่ปล่อยให้เขามาทำอะไรฉันง่าย ๆ หรอก  อีกอย่างนะฉันเองก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แต่เธอก็คิดว่าถ้ารอนไม่เข้ามาช่วยเธอไว้ทันอาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วอีกครั้งก็ได้ 
“แต่จะไม่ให้ฉันห่วงเธอได้ยังไงกันล่ะ” รอนร้อง  เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา
“คือ .เธอเป็นเพื่อนฉันนะ  เฮอร์ไมโอนี่” เขาตอบ  ใบหน้าเป็นสีชมพู  เด็กสาวพยักหน้ารับอย่างไม่ติดใจอะไร 
“งั้นเรากลับกันดีไหม  ฉันว่าป่านนี้แม่เธอคงกลับจากโรงพยาบาลแล้วแหละ” เฮอร์ไมโอนี่เสนอ  “อ้อ  แล้วอีกอย่างนะ  อย่าบอกแฮร์รี่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ไหม  ฉันไม่อยากให้เขากลุ้มใจน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ขอ 
“ได้สิ” รอนรับคำ “ฉันเองก็ไม่รู้เลยว่าถ้ากลับไปแล้วฉันจะได้พูดกับเขารึเปล่า”
*************************************************
เด็กทั้งสองใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาถึงกริมโมลด์เพลซอีกครั้ง  นางวีสลีย์กล่าวขอบคุณเธอยกใหญ่ที่ช่วยเป็นธุระให้  โดยที่มีรอนทำหน้าบูดบึ้งอยู่ข้าง ๆ เพราะว่าแม่ของเขาไม่ได้ชมเขาเลยซักคำ  แถมเขายังโดนดุเรื่องที่เอาทองมาไม่ครบตามจำนวนอีกด้วย
ในวันนั้นเด็ก ๆ ทั้งหมดตัดสินใจไปหาแฮร์รี่ที่ห้องที่เขาเก็บตัวอยู่  เขาดูแปลกใจไม่น้อยที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่นี่  หลังจากการสนทนาผ่านไปได้พักหนึ่ง  แฮร์รี่ก็ได้รับการยืนยันจากจินนี่ว่าเขาไม่ได้ถูก ‘ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ’ ครอบงำแต่อย่างใด  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่าเขาดูดีใจมาก
หลังจากนั้นพวกเขาก็ใช้เวลาวันหยุดทั้งหมดอยู่ที่กริมด์โมลเพลซ  จะมีบ้างบางครั้งที่พวกเขาไปเยี่ยมนายวีสลีย์ที่โรงพยาบาล  และพวกเขาทั้งสามก็ไปเจอศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ตที่กำลังรักษาความทรงจำของตัวเองเข้าโดยบังเอิญ  จากที่เธอเห็นเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเขาน่าจะสบายดี
วันหยุดช่วงคริสต์มาสหมดลงอย่างรวดเร็ว  เด็ก ๆ ต้องเดินทางกลับโรงเรียนด้วยรถเมล์อัศวินราตรี  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่ารอนทำสีหน้าสยองเมื่อได้ยินเช่นนั้น  และพวกเขาก็เดินทางกลับโรงเรียนโดยมีสมาชิกภาคีเป็นผู้คุ้มกันของเขาไปตลอดทาง  รถเมล์อัศวินราตรีใช้เวลาเดินทางนานพอดู  ( ถึงแม้ว่ามันจะน้อยกว่าการเดินทางด้วยรถไฟก็ตาม ) กว่าจะพาพวกเขาทั้งหมดมาส่งที่โรงเรียนได้ 
บรรยากาศของโรงเรียนคึกคักไม่น้อยทีเดียว  เพราะนักเรียนทั้งหมดเดินทางกลับมาในวันนี้  แฮร์รี่ได้พบโช  แชง  เด็กสาวจากบ้านเรเวนคลออีกครั้ง  เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาพองโตเมื่อเธอมาคุยด้วย  และนั่นเป็นสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่สังเกตได้
เด็กสาวจึงลากรอนกลับไปที่ห้องนั่งเล่นรวมในทันทีและปล่อยให้พวกเขาได้คุยกันตามลำพัง 
“มิสเกรนเจอร์  มิสเตอร์วีสลีย์” เสียงของศาสตราจารย์มักกอนนากัลดังขึ้น  ทั้งสองหันไปมอง  เธอกำลังเดินตรงมาที่พวกเขา  ในมือมีแฟ้มเอกสารจำนวนมาก
“ฉันมีเรื่องที่ต้องแจ้งแก่เธอทั้งสองคน” เธอพูด  เฮอร์ไมโอนี่และรอนพยักหน้ารับ
“จะมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่เกี่ยวกับพวกพรีเฟ็คเล็กน้อย” เธอพูด  คลี่ม้วนกระดาษในอ้อมแขนขึ้นมาอ่าน “พวกเธอจะต้องย้ายไปประจำที่หอพรีเฟ็คเพื่อที่จะได้สะดวกในการทำงานและการที่อาจารย์จะตามตัวพวกเธอ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด  รอนโอดครวญเสียงดังราวกับโดนบังคับให้ร้องเพลง ’ วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา ’
“ทำไมล่ะคะอาจารย์” เฮอร์ไมโอนี่ถาม 
“เพราะมันเป็นคำสั่ง  มิสเกรนเจอร์” เธอตอบ “แต่พวกเธอสามารถกลับไปค้างที่หอนอนของพวกเธอได้เป็นบางครั้ง  และพวกเธอมีอภิสิทธิ์ในการกลับหอดึกได้” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด  เธอจ้องมองม้วนกระดาษอีกครั้ง
“งั้นพวกเราก็ไปนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นรวมตามปรกติได้ใช่ไหมครับ” รอนพูดอย่างมีความหวัง  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพยักหน้า
“ใช่  หอพรีเฟ็คมีไว้เพื่อความสะดวกในการทำงานเท่านั้น  พวกเธอไม่จำเป็นต้องไปค้างที่นั่นทุกคืน” พอเธอพูดจบ  รอนก็มีท่าทีลิงโลดด้วยความดีใจ
“แล้วอีกอย่างหนึ่ง” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดพลางคลี่ม้วนกระดาษอีกอันออก  เฮอร์ไมโอนี่ตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด
“จะมีการเปลี่ยนคู่ของพรีเฟ็คในการตรวจบริเวณและการทำงานต่าง ๆ ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเอ่ย  เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“ทำไมล่ะคะ  อาจารย์” เธอถาม
“ก็เพราะว่าอาจารย์ใหญ่ได้รับรายงานมาว่ามีพรีเฟ็คบางบ้านชอบใช้อำนาจของตัวเองในทางที่ผิด  อย่างเช่นรังแกเด็กบ้านอื่น ๆ ” เธอพูด  เฮอร์ไมโอนี่กับรอนมองหน้ากัน  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นใคร
“เพราะฉะนั้นอาจารย์ใหญ่จึงมีคำสั่งให้เอาพรีเฟ็คต่างบ้านมาคู่กัน  เพื่อจะได้ลดการเกิดปัญหานี้” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเอ่ยก่อนที่จะอ่านรายชื่อ
“มิสเตอร์วีสลีย์คู่กับมิสพาติล” รอนยิ้มอย่างโล่งอก  อย่างน้อยปัทมาก็เป็นคนที่ใช้ได้ทีเดียว
“ส่วนมิสเกรนเจอร์  คู่กับมิสเตอร์มัลฟอย”
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่ตกตะลึงที่พบว่าร่างนั้นคือมัลฟอย  ส่วนเด็กหนุ่มนั้นก็มีท่าทีตกใจไม่แพ้กัน  เขารีบชักมือออกอย่างรวดเร็ว
“เกรนเจอร์!”
“เธอมาทำอะไรที่นี่มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  เด็กหนุ่มมองเธออย่างดูแคลน
“ฉันมาทำอะไรที่นี่แล้วมันเป็นธุระกงการอะไรของเธอหรือไงยัยเลือดสีโคลน!” เขาพูด  เฮอร์ไมโอนี่ชะงักกับคำพูดนั้น  แต่เธอพยายามทำตีสีหน้าเรียบเฉย
“มันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของฉันหรอกนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ว่า “และฉันก็ไม่คิดจะยุ่งเกี่ยวอะไรกับคนอย่างเธอด้วย”
“คนอย่างฉันมันทำไมเกรนเจอร์  คนอย่างฉันมันคงสะอาดเกินกว่าที่เธอจะสัมผัสหรือเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยล่ะสินะ” มัลฟอยอย่างดูแคลน  เฮอร์ไมโอนี่มองเขา  เธอยิ้มเย็นชา
“เปล่าหรอก  ที่ฉันคิดก็คือฉันไม่ควรจะไปยุ่งเกี่ยวกับพวกที่บริสุทธิ์แต่สายเลือด  แต่จิตใจกลับตกต่ำเลวทราม!” เฮอร์ไมโอนี่เน้นคำพูดสุดท้ายอย่างชัดเจน  ใบหน้าขาวซีดของมัลฟอยเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธทันที  และก่อนที่เด็กสาวจะพูดอะไรไปมากกว่านั้น  เขาก็กดเธอเข้ากับชั้นหนังสือ  หลังของเฮอร์ไมโอนี่กระแทกกับชั้นอย่างแรง
“โอ๊ย!” เด็กสาวร้องด้วยความเจ็บ  แต่มัลฟอยไม่สนใจ
“เมื่อกี๊เธอพูดว่าอะไร!” มัลฟอยคำราม  สีหน้าดุดัน  ดวงตาสีซีดจ้องเขม็งมาที่เธอ 
“ฉันไม่ได้พูดชื่อนาย” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงกร้าว  ไม่มีความหวาดกลัวอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้น
“ถ้านายอยากจะรับ” เธอเค้นเสียง “ก็รับไปสิ!!!”
พอเฮอร์ไมโอนี่พูดจบมัลฟอยก็จับร่างของเธอกระแทกกับชั้นหนังสืออีกครั้ง  เฮอร์ไมโอนี่อุทานด้วยความเจ็บ  แต่แววตาของเธอยังคงดูแข็งกร้าว 
“เธอกล้ามากนะที่มาดูถูกคนอย่างฉัน  เกรนเจอร์” มัลฟอยพูดรอดไรฟัน  แววตาราวโรจน์ “แต่ก็อย่าลืมนะว่าข้างบนนี้มีแค่ฉันกับเธอ  ถ้าฉันจัดการเธอที่นี่ก็จะไม่มีใครรู้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงชั่วร้าย  เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีตกใจ  มือของเธอพุ่งไปที่กระเป๋าเพื่อคว้าไม้กายสิทธิ์  แต่มัลฟอยเร็วกว่า
“อ๊ะ!!!” เธอร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อมือของมัลฟอยบีบข้อมือเธออย่างแรงราวกับโดนคีมหนีบ  ไม้กายสิทธิ์หลุดออกจากมือของเธออย่างง่ายดาย  และตอนนี้เฮอร์ไมโอนี่ก็ไม่สามารถขัดขืนอะไรเขาได้
“อย่าคิดลองดีกับฉันเกรนเจอร์” มัลฟอยบอก “เพราะเธอต้องเสียใจกับการกระทำนั้นไปอีกนาน” เขาขู่พลางเอามืออีกข้างมาบีบคางของเธอไว้  ใบหน้าของเขานั้นอยู่ห่างกับเธอไม่มากนัก  มัลฟอยมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังดิ้นรนอย่างหมดหนทางด้วยความสะใจ
“นาย .จะ .ทำ ..อะไร .” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมาอย่างยากลำบาก  รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ใบหน้า  มัลฟอยแสยะยิ้ม  เขามองเธออย่างดูแคลน
“อย่าแม้แต่คิดว่าฉันจะทำอะไรอย่างนั้นกับเธอเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดอย่างรังเกียจ “แค่ตัวเธอฉันยังไม่อยากจะสัมผัสเลยด้วยซ้ำ” เขาบอก
“ฉันแค่กำลังนึกอยู่ว่าคาถาที่ฉันเสกใส่เธอตอนปีก่อนนั้นมันต้องพูดว่าอย่างไร  ถ้าฉันนึกได้นะเธอก็จะได้มีฟันยาว ๆ งอกออกมาจากปากอีกครั้งไงล่ะ  แล้วคราวนี้จะไม่มีใครมาร่ายคาถาแก้ให้เธอด้วย” มัลฟอยพูดอย่างร้ายกาจ  เฮอร์ไมโอนี่เบิกตากว้างด้วยความตกใจ  ภาพความทรงจำตอนที่มัลฟอยเสกคาถาพลาดมาโดนเธอจนฟันของเธองอกยาวมาถึงคางเมื่อตอนปีสี่ปรากฏขึ้นในสมอง  เด็กสาวส่ายหัวดิก  พยายามดิ้นรนสุดแรง  แต่มือทั้งสองของมัลฟอยบีบแขนและปากของเธอไว้แน่น  เฮอร์ไมโอนี่เจ็บจนน้ำตาไหล   
“สงสัยว่าเธอจะพร้อมแล้วใช่ไหม” มัลฟอยยิ้มอย่างสะใจก่อนที่จะค่อย ๆ ลดมือจากปากของเธอเพื่อไปหยิบไม้กายสิทธิ์  และเฮอร์ไมโอนี่ก็อาศัยจังหวะนั้นกัดกร้วมเข้าที่มือของเขา
“โอ๊ย!!!” มัลฟอยร้องด้วยความเจ็บ  แต่เขาก็ปล่อยร่างของเธอออกทันที  เด็กหนุ่มมองเธออย่างโกรธแค้น  “อยากโดนดีนักใช่ไหม!” เขาพูดพลางสะบัดไม้กายสิทธิ์  แต่ก่อนที่เขาจะมีโอกาสได้ร่ายคาถา
“นายต่างหากล่ะมัลฟอย” เสียงของรอนดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของเขา  ไม้กายสิทธิ์ของรอนชี้เข้าตรงกลางแผ่นหลังของมัลฟอย
“วีสลีย์?” มัลฟอยพึมพำ
“ใช่ฉันเอง  ลดไม้กายสิทธิ์ลงซะถ้านายไม่อยากโดยสาปให้เป็นตัวเฟเร็ตขนปุยอีกรอบ” รอนขู่  มัลฟอยกัดฟันกรอด  เขาพึมพำออกมาเบา ๆ
“ไม่ทันไรก็มีองค์รักษ์มาช่วยแล้วนะ”
“ฉันบอกให้ลดไม้กายสิทธิ์ลง” รอนพูดซ้ำด้วยเสียงดังกว่าเก่า  มัลฟอยกัดฟัน  และค่อย ๆ ลดไม้กายสิทธิ์ลงอย่างเสียไม่ได้ 
“เอาล่ะค่อย ๆ หันมามัลฟอย” รอนสั่ง  มัลฟอยแสยะยิ้ม  เขาพูดรอดไรฟัน
“ใครจะไปทำตามคำสั่งแก” ทันใดนั้นมัลฟอยก็คว้าร่างของเฮอร์ไมโอนี่เข้ามาและผลักเธอเข้าหารอนในทันที!
“เอ็กซ์เปสลิอาร์มัส!” มัลฟอยตะโกน  ชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่รอน  ร่างของเขาลอยไปกระแทกชั้นหนังสืออย่างแรง  ไม้ของรอนลอยจากมือไปกลางอากาศ  แต่ก่อนที่มัลฟอยจะรับมันได้  เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบคว้าไม้กายสิทธิ์ของเธอที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมา 
“เอ็กซิโอ  ไม้กายสิทธิ์!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  และไม้กายสิทธิ์ของรอนก็มาอยู่ในมือเธอ  และเธอก็ชี้ไม้ของเธอไปที่มัลฟอย
“อย่าคิดตุกติกมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ขู่พลางชี้ไม้กายสิทธิ์ของเธอไปที่คอของเขา “ถ้าไม่อยากโดนคาถาสะกดนิ่งเข้าไปเต็ม ๆ ”
เสียงวิ่งตึงตังดังมาจากชั้นล่างและมาหยุดตรงหน้าของทั้งสอง  เจ้าของร้านตัวบรรจงและหยดหมึกเข้ามาเห็นภาพที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังเอาไม้กายสิทธิ์จ่อคอมัลฟอยอยู่พอดี
“โอ  แม่หนู  นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย  แล้วพ่อหนูนั่นอีก” เขาดูตกใจเป็นอย่างมาก  และมากกว่าเดิมเมื่อเห็นว่ารอนถูกกองหนังสือที่หล่นมาจากชั้นทับเสียจนเกือบมองไม่เห็นร่างของเขา   
เฮอร์ไมโอนี่ค่อย ๆ ลดไม้กายสิทธิ์ลงช้า ๆ มัลฟอยมองเธออย่างโกรธแค้น  เขารู้สึกอับอายมากกว่าอะไรทั้งหมดที่มีคนมาเห็นเขาพ่ายแพ้ต่อเลือดสีโคลนอย่างเฮอร์ไมโอนี่
“ฝากไว้ก่อนเถอะยัยเลือดสีโคลน!” มัลฟอยพึมพำรอดไรฟัน  เขามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างอาฆาตเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะสะบัดเสื้อคลุมจากไป 
เมื่อมัลฟอยจากไปแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่รีบเข้าไปพยุงรอนขึ้นมาจากกองหนังสือ  และโชคดีที่เขาไม่เป็นไรมาก  เจ้าของร้านตัวบรรจงและหยดหมึกถามพวกเขา
“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับแม่หนูและพ่อหนูกันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่อ้ำอึ้งแต่ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไรออกไป
“เอ่อ  มันเป็นอุบัติเหตุครับ” รอนพูด  เจ้าของร้านมองมาที่เฮอร์ไมโอนี่อย่างต้องการคำตอบ  เธอเม้มปากเล็กน้อย
“ค่ะ  มันเป็นอุบัติเหตุ”
*************************************************
และเหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดก็จบลงด้วยการที่เฮอร์ไมโอนี่ช่วยเจ้าของร้านจัดการกับความเสียหายที่เกิดขึ้น  แน่นอนว่าเฮอร์ไมโอนี่แค่โบกไม้กายสิทธิ์ทีเดียวหนังสือทุกเล่มก็กลับไปอยู่บนตู้ของมันตามเดิม  เธอและรอนกล่าวคำขอโทษเจ้าของร้านเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเดินออกมาภายนอกร้าน
“ให้ตายสิ  จะมีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกไหมเนี่ย” รอนบ่นทันทีที่พวกเขาเดินออกจากมาร้านตัวบรรจงและหยดหมึกสู่ถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนคับคั่ง  รอนสาบานไว้เลยว่าเขาจะไม่เข้ามาร้านนี้อีกเลยถ้าไม่จำเป็น 
“ความจริงฉันน่าจะจัดการมันเร็วกว่านี้นะ  ไม่งั้นมันคงได้เป็นตัวเฟเร็ตอีกรอบแน่  หรือใช้คาถาจี้เส้นก็ไม่เลวนะ” รอนบ่น  โดยที่เฮอร์ไมโอนี่เลือกที่จะไม่พูดอะไร
“ฉันว่าคาถาสะกดนิ่งน่าจะดีที่สุด  เพราะถ้าฉันสาปมันด้วยคาถาจี้เส้น  ต้องมีคนได้ยินมันหัวเราะแน่” เขาพูดพลางเอากำปั้นทุบมืออย่างเคียดแค้น
“ถ้ากลับโรงเรียนไปเมื่อไหร่นะ  ฉันจะไปจัดการมันแน่ ๆ เจ้าซีดมัลฟอย!!!” รอนพูดด้วยเสียงอันดัง  จนคนข้าง ๆ เริ่มหันมามอง  เฮอร์ไมโอนี่สะกิดเขาและบอกว่ารอนพูดดังไป ( แล้ว )
“เอ้อ  ขอโทษ” เด็กหนุ่มบอก  หน้าเป็นสีชมพู  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ว่าอะไร
“แล้วเจ้าหมอนั่นมันทำอะไรเธอรึเปล่า  เฮอร์ไมโอนี่” รอนถาม  เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น
“ไม่มีอะไรหรอกรอน” เฮอร์ไมโอนี่บอกปัด  รอนขมวดคิ้ว
“ไม่มีอะไรได้ยังไง  ก็ตอนที่ฉันไปถึงมันกำลัง .”
“ช่างมันเถอะ  เขาก็แค่พูดจาดูถูกฉัน  ก็เท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรำคาญ  รอนเถียงเธอ
“แต่ฉันเห็นว่าเจ้านั่นน่ะ กำลังจะทำร้ายเธอนะ!” เขาขึ้นเสียง 
“เธอก็รู้นี่ว่าเขาคือมัลฟอย  มัลฟอยน่ะทำเรื่องดี ๆ เป็นที่ไหนกันล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ว่า “แต่ไม่ต้องห่วงหรอกรอน  ฉันไม่ปล่อยให้เขามาทำอะไรฉันง่าย ๆ หรอก  อีกอย่างนะฉันเองก็ไม่ได้เป็นอะไรด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แต่เธอก็คิดว่าถ้ารอนไม่เข้ามาช่วยเธอไว้ทันอาจจะเกิดเหตุการณ์อย่างที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้วอีกครั้งก็ได้ 
“แต่จะไม่ให้ฉันห่วงเธอได้ยังไงกันล่ะ” รอนร้อง  เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขา
“คือ .เธอเป็นเพื่อนฉันนะ  เฮอร์ไมโอนี่” เขาตอบ  ใบหน้าเป็นสีชมพู  เด็กสาวพยักหน้ารับอย่างไม่ติดใจอะไร 
“งั้นเรากลับกันดีไหม  ฉันว่าป่านนี้แม่เธอคงกลับจากโรงพยาบาลแล้วแหละ” เฮอร์ไมโอนี่เสนอ  “อ้อ  แล้วอีกอย่างนะ  อย่าบอกแฮร์รี่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ไหม  ฉันไม่อยากให้เขากลุ้มใจน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ขอ 
“ได้สิ” รอนรับคำ “ฉันเองก็ไม่รู้เลยว่าถ้ากลับไปแล้วฉันจะได้พูดกับเขารึเปล่า”
*************************************************
เด็กทั้งสองใช้เวลาในการเดินทางไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาถึงกริมโมลด์เพลซอีกครั้ง  นางวีสลีย์กล่าวขอบคุณเธอยกใหญ่ที่ช่วยเป็นธุระให้  โดยที่มีรอนทำหน้าบูดบึ้งอยู่ข้าง ๆ เพราะว่าแม่ของเขาไม่ได้ชมเขาเลยซักคำ  แถมเขายังโดนดุเรื่องที่เอาทองมาไม่ครบตามจำนวนอีกด้วย
ในวันนั้นเด็ก ๆ ทั้งหมดตัดสินใจไปหาแฮร์รี่ที่ห้องที่เขาเก็บตัวอยู่  เขาดูแปลกใจไม่น้อยที่เห็นเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่นี่  หลังจากการสนทนาผ่านไปได้พักหนึ่ง  แฮร์รี่ก็ได้รับการยืนยันจากจินนี่ว่าเขาไม่ได้ถูก ‘ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ’ ครอบงำแต่อย่างใด  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่าเขาดูดีใจมาก
หลังจากนั้นพวกเขาก็ใช้เวลาวันหยุดทั้งหมดอยู่ที่กริมด์โมลเพลซ  จะมีบ้างบางครั้งที่พวกเขาไปเยี่ยมนายวีสลีย์ที่โรงพยาบาล  และพวกเขาทั้งสามก็ไปเจอศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ตที่กำลังรักษาความทรงจำของตัวเองเข้าโดยบังเอิญ  จากที่เธอเห็นเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเขาน่าจะสบายดี
วันหยุดช่วงคริสต์มาสหมดลงอย่างรวดเร็ว  เด็ก ๆ ต้องเดินทางกลับโรงเรียนด้วยรถเมล์อัศวินราตรี  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุว่ารอนทำสีหน้าสยองเมื่อได้ยินเช่นนั้น  และพวกเขาก็เดินทางกลับโรงเรียนโดยมีสมาชิกภาคีเป็นผู้คุ้มกันของเขาไปตลอดทาง  รถเมล์อัศวินราตรีใช้เวลาเดินทางนานพอดู  ( ถึงแม้ว่ามันจะน้อยกว่าการเดินทางด้วยรถไฟก็ตาม ) กว่าจะพาพวกเขาทั้งหมดมาส่งที่โรงเรียนได้ 
บรรยากาศของโรงเรียนคึกคักไม่น้อยทีเดียว  เพราะนักเรียนทั้งหมดเดินทางกลับมาในวันนี้  แฮร์รี่ได้พบโช  แชง  เด็กสาวจากบ้านเรเวนคลออีกครั้ง  เขารู้สึกว่าหัวใจของเขาพองโตเมื่อเธอมาคุยด้วย  และนั่นเป็นสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่สังเกตได้
เด็กสาวจึงลากรอนกลับไปที่ห้องนั่งเล่นรวมในทันทีและปล่อยให้พวกเขาได้คุยกันตามลำพัง 
“มิสเกรนเจอร์  มิสเตอร์วีสลีย์” เสียงของศาสตราจารย์มักกอนนากัลดังขึ้น  ทั้งสองหันไปมอง  เธอกำลังเดินตรงมาที่พวกเขา  ในมือมีแฟ้มเอกสารจำนวนมาก
“ฉันมีเรื่องที่ต้องแจ้งแก่เธอทั้งสองคน” เธอพูด  เฮอร์ไมโอนี่และรอนพยักหน้ารับ
“จะมีการเปลี่ยนแปลงหน้าที่เกี่ยวกับพวกพรีเฟ็คเล็กน้อย” เธอพูด  คลี่ม้วนกระดาษในอ้อมแขนขึ้นมาอ่าน “พวกเธอจะต้องย้ายไปประจำที่หอพรีเฟ็คเพื่อที่จะได้สะดวกในการทำงานและการที่อาจารย์จะตามตัวพวกเธอ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด  รอนโอดครวญเสียงดังราวกับโดนบังคับให้ร้องเพลง ’ วีสลีย์นั้นราชันย์ของเรา ’
“ทำไมล่ะคะอาจารย์” เฮอร์ไมโอนี่ถาม 
“เพราะมันเป็นคำสั่ง  มิสเกรนเจอร์” เธอตอบ “แต่พวกเธอสามารถกลับไปค้างที่หอนอนของพวกเธอได้เป็นบางครั้ง  และพวกเธอมีอภิสิทธิ์ในการกลับหอดึกได้” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูด  เธอจ้องมองม้วนกระดาษอีกครั้ง
“งั้นพวกเราก็ไปนั่งเล่นที่ห้องนั่งเล่นรวมตามปรกติได้ใช่ไหมครับ” รอนพูดอย่างมีความหวัง  ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพยักหน้า
“ใช่  หอพรีเฟ็คมีไว้เพื่อความสะดวกในการทำงานเท่านั้น  พวกเธอไม่จำเป็นต้องไปค้างที่นั่นทุกคืน” พอเธอพูดจบ  รอนก็มีท่าทีลิงโลดด้วยความดีใจ
“แล้วอีกอย่างหนึ่ง” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลพูดพลางคลี่ม้วนกระดาษอีกอันออก  เฮอร์ไมโอนี่ตั้งใจฟังสิ่งที่เธอกำลังจะพูด
“จะมีการเปลี่ยนคู่ของพรีเฟ็คในการตรวจบริเวณและการทำงานต่าง ๆ ” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเอ่ย  เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“ทำไมล่ะคะ  อาจารย์” เธอถาม
“ก็เพราะว่าอาจารย์ใหญ่ได้รับรายงานมาว่ามีพรีเฟ็คบางบ้านชอบใช้อำนาจของตัวเองในทางที่ผิด  อย่างเช่นรังแกเด็กบ้านอื่น ๆ ” เธอพูด  เฮอร์ไมโอนี่กับรอนมองหน้ากัน  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นใคร
“เพราะฉะนั้นอาจารย์ใหญ่จึงมีคำสั่งให้เอาพรีเฟ็คต่างบ้านมาคู่กัน  เพื่อจะได้ลดการเกิดปัญหานี้” ศาสตราจารย์มักกอนนากัลเอ่ยก่อนที่จะอ่านรายชื่อ
“มิสเตอร์วีสลีย์คู่กับมิสพาติล” รอนยิ้มอย่างโล่งอก  อย่างน้อยปัทมาก็เป็นคนที่ใช้ได้ทีเดียว
“ส่วนมิสเกรนเจอร์  คู่กับมิสเตอร์มัลฟอย”
*************************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น