ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ความทรงจำที่ขาดหาย
ตอนที่ 2 ความทรงจำที่ขาดหาย
“เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่ร้องอย่างตกใจ  เขารีบเข้าไปประคองร่างหมดสติของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาพื้น  ในขณะที่แพนซี่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  เธอมองเฮอร์ไมโนี่อย่างสะใจที่สุด
แกไม่มีวัน  ไม่มีวันจะได้มีครอบครองเดรโกอีกต่อไป!!!
“เธอ!” แฮร์รี่คำราม “รีคัตโต!” เขาตะโกนชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่แพนซี่และเธอเมื่อเธอล้มลงกับพื้นแฮร์รี่ก็เสกเชือกเวทย์มนตร์มามัดเธอไว้
“แฮร์รี่  เฮอร์ไมโอนี่เป็นอะไรไป!” รอนพูดอย่างตกใจเมื่อเขาเห็นแฮร์รี่อุ้มร่างไร้สติของเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากห้องนั้น
“เธอได้รับบาดเจ็บ  เราต้องพาเธอไปโรงพยาบาล” แฮร์รี่พูดอย่างร้อนรน “ฝากทางนี้ด้วยนะรอน” เขาพูดและเมื่อรอนพยักหน้ารับแฮร์รี่ก็หายตัวไปทันที
*************************************************
เพล้ง!!!  กรอบรูปใบสวยที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของมัลฟอยหล่นลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ  เศษแก้วแตกกระจายเต็มพื้นห้องของเขา  มัลฟอยค่อย ๆ ก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาช้า ๆ เขาค่อย ๆ หยิบภาพของเฮอร์ไมโอนี่มาจากกองเศษแก้วนั้น
“โอ๊ย!” มัลฟอยร้องเมื่อเศษแก้วอันเล็ก ๆ บาดเข้าไปในเนื้อของเขาจนเลือดออก  แต่มัลฟอยกลับดึงมันออกอย่างไม่ใส่ใจ  ในมือของเขาก็ถือรูปของเฮอร์ไมโอนี่ไว้อย่างทะนุถนอม
“เฮอร์ไมโอนี่” เขาพึมพำเบา ๆ ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจอย่างแปลกประหลาด  แม้มัลฟอยจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร  แต่เขาก็พอจะรู้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีซักเท่าไหร่
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่พบว่าตัวเองกำลังหลงทางอยู่ในความมืด  ไม่ว่าเธอมองไปทางไหนก็ไม่มีสิ่งใดนอกจากความมืดมิด  ราวกลับว่าเธอกำลังหลงทางอยู่ในขวดหมึกใบใหญ่ 
ที่นี่มันที่ไหนกัน  เฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิด  ทำไมเธอถึงไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้
เฮอร์ไมโอนี่ลองก้าวเดินไปอย่างไร้ทิศทาง  แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันก็ไม่ต่างกับที่เธอยืนอยู่กับที่สุกเท่าไหร่เลย  เพราะไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหนเธอก็ไม่อาจหลุดพ้นมันไปได้
“ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนออกมาอย่างหมดหวัง เธอทรุดตัวลงกับพื้นและเริ่มร้องไห้
“เป็นอะไร  เฮอร์ไมโอนนี่” เสียงยานคางที่คุ้นเคยดังขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นทันที  และเธอก็พบเขา  เดรโก  มัลฟอย  กำลังจ้องมองเธออยู่
“เดรโก!” หญิงสาวตะโกนออกมาอย่างดีใจ  เธอโผกอดเขาในทันที “ฉันกลัว” เธอสะอื้นขณะที่ชายหนุ่มลูบหัวเธออย่างปลอบโยน
“เธอกลัวอะไร” เขาถามอย่างอ่อนโยน
“ฉัน ” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก “ฉันก็ไม่รู้” หญิงสาวตอบ
“ฉันก็อยู่นี่ไง  เธอไม่ต้องกลัวอีกแล้ว” ชายหนุ่มกระชับร่างของหญิงสาวให้แน่นขึ้น  เหมือนย้ำเตือนให้เธอมั่นใจ  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ไม่ต้องกลัว  ฉันจะอยู่ใกล้ ๆ เธอไม่ไปไหน” มัลฟอยพูด  มองตาหญิงสาว “ฉันรักเธอ”
“ฉันเองก็รักเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และมัลฟอยก็ก้มหน้าลงมาเพื่อจะจูบเธอ  แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกัน  ร่างของมัลฟอยก็สลายกลายเป็นควันไปต่อหน้าต่อตาเฮอร์ไมโอนี่!
“เดรโก!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเขา “เดรโก  เดรโก!”
”เดรโก!!!”
เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นจากฝัน  เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอราวกับเธอเพิ่งผ่านการออกกำลังกายอย่างหนักมา  แต่แปลกตรงที่เมื่อเธอตื่นเธอกลับจำเรื่องราวที่เธอฝันไม่ได้เลย  ซักนิดเดียว!
ที่นี่ที่ไหน  เฮอร์ไมโอนี่คิด  เธอมองไปรอบ ๆ ห้องที่ถูกทาสีขาวสะอาดตา  ผ้าม่านสีขาวไหวเบา ๆ ไปตามแรงลม  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้สำรวจห้องไปมากกว่านั้น  ประตูสีขาวที่อยู่ไม่ห่างจากเตียงของเธอก็เปิดขึ้นเสียก่อน  ชายหนุ่มสองคนกำลังเดินเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน  ตามด้วยชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาด 
“เฮอร์ไมโอนี่!” ชายหนุ่มผมแดง  ใบหน้าตกกระคนหนึ่งพูดอย่างร้อนรน “เธอเป็นอย่างไรบ้าง!”
“นั่นสิ  เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งผู้มีผมดำยุ่งเหยิง  สวมแว่นทรงกลม  และมีรอยแผลรูปสายฟ้าที่หน้าผากพูดด้วยท่าทีไม่ต่างจากชายหนุ่มคนแรกเท่าไหร่นัก  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรพวกเขาไป  เธอเพียงแค่จ้องหน้าพวกเขาราวกับคนสายตาสั้นที่ลืมใส่แว่นมา  และเธอก็เริ่มพูด
“แฮร์รี่ รอน .” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำด้วยท่าทีราวกับคนสมองช้า
“ก็ใช่พวกเราน่ะสิ” รอนร้อง “ให้ตายสิเฮอร์ไมโอนี่  เธอโอเคไหมเนี่ย” เขาพูด
“ฉันต่างหากที่ต้องพูดอย่างนั้น” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงแหลม “ให้ตายสิ  ทำไมพวกเธอถึงตัวโตอย่างนี้” เธอพูดมองเพื่อนทั้งสองอย่างแปลกใจ  “ฉันรู้แล้ว  พวกเธอต้องไปกินลูกอมประหลาดของเฟร็ดกับจอร์จอีกแล้วใช่ไหม  ฉันบอกเขาแล้วนะว่าอย่าเอาของพวกนี้มาทดลองกับนักเรียนอีก” เฮอร์ไมโอนี่พูดยาวเหยียด  ส่วนรอนและแฮร์รี่นั้นมองเธอด้วยสีหน้างงงวยอย่างที่สุด
“เฮ้ นี่เธอละเมอหรือไงเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดอย่างตกใจเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พูดราวกับว่าเธอยังเป็นนักเรียนที่ฮอกวอตส์อยู่ทั้ง ๆ ทีมันผ่านไปนานแล้ว  แต่ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะไม่สนใจที่เขาพูดเลย
“เธอไม่ได้ละเมอหรอกครับ  แต่เป็นผลจากคาถาต่างหาก” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ในห้องพูดขึ้น
“แล้วเธอเป็นอะไรล่ะครับ  คุณหมอ” แฮร์รี่ถามด้วยท่าทีกังวล
“ความทรงจำของเธอคงขาดหายไปน่ะครับ” เขาพูดด้วยสีหน้าวิตก “คาถาที่เธอโดนก็คือคาถาลบควมาทรงจำ” หมอพูดและเมื่อแฮร์รี่และรอนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ถึงกับกลืนน้ำลาย  พวกเขารู้ผลที่ตามมาดี
“แต่คาถาที่เธอโดนไม่สมบูรณ์นัก  อาจจะเนื่องมาจากผู้ที่ตั้งใจสาปเธอไม่มีพลังพอ  หรืออาจจะมาจากสาเหตุอื่น ๆ เลยทำให้ความทรงจำของเธอไม่ได้หายไปทั้งหมด  แค่เพียงขาดหายไปเท่านั้น” คุณหมออธิบาย
“แต่  เธอก็จำพวกเราได้นี่ครับ” แฮร์รี่พูด  เพราะจากที่เขาดูแล้วเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้มีสภาพแน่ถึงขนาดจำอะไรไม่ได้เหมือนล็อกฮาร์ท
“ครับ  เพราะว่าความทรงจำส่วนที่มีพวกคุณอยู่ของเธอไม่ได้ขาดหายไปทั้งหมด” คุณหมออธิบายในขณะที่คนอื่น ๆ ทำหน้าไม่เข้าใจ  “ผมคาดว่าความทรงจำของเธอคงขาดหายไปเพียงบางช่วงเวลาเท่านั้น  แต่เป็นช่วงเวลาใดผมไม่อาจบอกได้ครับ  คุณคงต้องให้ตัวคนไข้ตอบเอง” และเมื่อเขาพูดจบทุกคนก้หันไปมองที่เฮอร์ไมโอนี่ 
“แฮร์รี่  รอน  นี่มันอะไรกัน” เธอพูดอย่างสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“เธอจำพวกเราได้ใช่ไหม  เฮอร์ไมโอนี่” รอนถามอย่างหวั่น ๆ
“ก็ได้น่ะสิ  แล้วทำไมฉันจะจำพวกเธอไม่ได้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างหวั่น ๆ เช่นกัน
“งั้น  คุณจำอะไรได้บ้างครับ” คุณหมอถามเฮอร์ไมโอนี่
“ฉัน  เอ่อ ” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก
“พูดมาเถอะครับ  คุณจำได้ไหมว่าคุณเป็นใคร” เขาถามอย่างใจเย็น
“ฉันชื่อ  เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์” เธอพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ฉันเป็นนักเรียนชั้นปีห้าของฮอกวอตส์”
*************************************************
ณ  ตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงลอนดอน  เดรโก  มัลฟอย  กำลังเข้าประชุมในฐานะของผู้ถือหุ้นมากที่สุดในบริษัท  ขณะที่การประชุมกำลังดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด
“ผมคิดว่าเราควรจะร่วมทำการค้ากับนายทุนอเมริกา  พวกเราสามารถซื้อสินค้าของเขา  โดยให้ราคาต่ำกว่าที่เราค้าขายอยู่กับยุโรป” ชายหนุ่มวัยกลางคน ๆ หนึ่งกล่าวในที่ประชุมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  เขามีศีรษะที่ล้านเลี่ยน
“ทำไมคุณถึงอยากจะเปิดการค้ากับอเมริกานักล่ะ” มัลฟอยซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะในฐานะ ‘ ประธานบริษัท ‘ กล่าวถามด้วยสายตาคบกริบ 
“ก็ผมบอกไปแล้วไงว่าทางอเมริกาจะขายสินค้าให้ในราคาต่ำกว่ายุโรป” ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทีโผงผาง  ในขณะที่มัลฟอยขัดขึ้นมาทันทีที่เขาพูดจบ
“ที่คุณต้องการให้ทางบริษัทเราเปิดการค้ากับอเมริกาไม่ใช่เพราะว่าคุณต้องการเงินที่เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาเสนอให้โดยไม่ผ่านบริษัทหรือ” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หากแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ  จนชายที่ถูกเอ่ยถึงสะดุ้ง
“คุณจะหาว่าผมคิดจะคอรัปชั่นงั้นเหรอคุณมัลฟอย” ชายคนนั้นพูดด้วยใบหน้าที่เป็นสีแดง
“ผมยังไม่ได้พูดอย่างนั้นเลยคุณเฮนสัน” มัลฟอยพูดอย่างเรียบเฉย “คุณร้อนตัวไปเองมากกว่ากระมัง”
“แต่ถึงยังไงผมก็ยังยืนยันในความคิดของผม  ผมคิดว่าบริษัทของเราจะได้รับกำไรมหาศาลหากเราเปิดการค้ากับทางอเมริกา” มิสเตอร์เฮนสันหันไปพูดกับผู้ร่วมประชุมคนอื่น ๆ และก็มีเสียงพึมพำทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
“กำไรมหาศาลงั้นหรือ”  มัลฟอยพึมพำด้วย  เขากำลังทำท่าเหมือนครุ่นคิด “เราสามารถซื้อสินค้าจากอเมริกาได้ในราคาถูกกว่ายุโรป  แต่ไม่มีการรับประกันว่าสินค้านั้นจะมีคุณภาพเท่ายุโรปรึเปล่า  และที่สำคัญกำไรมหาศาลที่บริษัทสมควรจะได้รับอาจจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่น  โดยที่ทางบริษัทไม่รู้” มัลฟอยพูดจงใจมองไปที่มิสเตอร์เฮนสันด้วยสายตาเฉียบคม
“ผมก็แค่เสนอความคิดเห็นเท่านั้น  ผมเห็นว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง” มิสเตอร์เฮนสันเอ่ยตะกุกตะกัก
“เราจะไม่เปิดการค้ากับอเมริกาตอนนี้  มีใครไม่เห็นด้วยกับผมไหม” มัลฟอยเอ่ยอย่างเด็ดขาด  และทั้งห้องประชุมก็เงียบกริบ  มัลฟอยมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างพอใจ
“ดี” เขาพูด  “เอาล่ะต่อไปเราจะพูดกันเรื่อง .”
“ก๊อก ๆ ๆ ” เสียงเคาะประตูอย่างเกรง ๆ ดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของมัลฟอย  ประตูห้องประชุมค่อย ๆ เปิดออกหลังเผยให้เห็นร่างชายหนุ่มคนหนึ่ง  แซมนั่นเอง
“ฉันสั่งแล้วใช่ไหมว่าเวลาประชุมห้ามรบกวน” มัลฟอยพูดเสียงเข้ม  แววตาไม่พอใจการกระทำของลูกน้องคนสนิท 
“มีจดหมายด่วนถึงท่านครับ  ผมคิดว่าท่านควรอ่าน” แซมพูดในมือถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้  มีตราประทับหน้าจดหมายว่า  ‘ ด่วนมาก ‘ มัลฟอยรับมันมาดูอย่างงง ๆ มันไม่มีชื่อผู้ส่งประทับอยู่  และเมื่อเขาฉีกมันมาอ่าน
ถึง  มัลฟอย
เฮอร์ไมโอนี่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าจับกุมมือปราบมารในวันนี้  ตอนนี้เธออยู่ที่เซนต์มังโก  ฉันคิดว่านายควรรู้
จาก  พอตเตอร์
       
เมื่อมัลฟอยอ่านจดหมายจบเขาก็ขยำมันคามือของเขา  ใบหน้าเป็นสีแดง 
“แซม  บอกทุกคนว่าปิดประชุมแค่นี้” เขากล่าวพูด
“ครับ  ท่าน  ท่านไม่มีอะไรจะบอกพวกเขาใช่ไหมครับ” แซมถามมองไปที่คนทั้งห้องประชุมที่กำลังส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นมาที่มัลฟอย
“ไม่ต้อง  บอกแค่นั้นแหละ!” มัลฟอยกัดฟันก่อนที่จะหายตัวไปจากห้องประชุม  ในทันที!
*************************************************
“เธอบอกว่าเธออยู่ปีห้างั้นเหรอ  เฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็ทำหน้างง ๆ กับคำถามของรอน
“ก็ใช่น่ะสิ  รอน  เธอเองก็อยู่ปีห้า” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“แสดงว่าความทรงจำของเธอขาดหายไปในช่วงที่เธออายุ 15 จนถึงปัจจุบัน” คุณหมอสรุป “แล้วคุณจำอะไรนอกจากนั้นได้ไหมครับคุณเกรนเจอร์”
“ฉัน ฉันจำได้ว่าฉันเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์  ฉันจำได้ว่า” เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าครุ่นคิด “ตอนนี้ใกล้สอบ ว.พ.ร.ส. แล้วด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่แน่ใจ  ส่วนแฮร์รี่กับรอนเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็แน่ใจว่าเธอยังคงเป็นเฮอร์ไมโอนี่ที่พวกเขารู้จัก  เธอไม่เคยลืมเรื่องเรียนแม้แต่วินาทีเดียว
“แล้วยังมีอะไรที่คุณจำได้อีกไหมครับ” คุณหมอถาม  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นทำหน้าครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะส่ายศีรษะตอบเขา
“ถ้างั้นผมว่าพวกคุณควรเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังแล้วล่ะครับ” คุณหมอหันไปพูดกับแฮรี่และรอน
“แล้ว  มีทางที่เราจะรักษาเธอได้ไหมครับ” แฮร์รี่ถามอย่างวิตก เขาไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นแบบนี้
“ทางมันก็พอมีหรอกครับ  แต่มันต้องใช้เวลา  และต้องขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วยด้วย  เอาเป็นว่าตอนนี้พวกคุณอธิบายให้เธอทราบถึงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนดีกว่าครับ  แล้วเดี๋ยวผมจะให้คนจัดยามาให้” เขาพูดและเดินออกจากห้องไป  ทิ้งให้แฮร์รี่และรอนเผชิญกับความหนักใจเป็นที่สุด
“เอ่อ  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่กล่าวพลางนั่งลงบนโต๊ะข้าง ๆ เตียงที่เธอนอนอยู่
“ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่” เฮอร์ไมโอนี่ถามทันทีที่แฮร์รี่พูดจบ  ส่วนรอนนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งตามแฮร์รี่ “ฉันเป็นอะไรกันแน่” เธอถาม  แฮร์รี่และรอนมองหน้ากันแวบนึงก่อนที่จะตอบ
“อย่างที่คุณหมดพูดแหละเฮอร์ไมโอนี่  ความทรงจำของเธอขาดหายไป” แฮร์รี่ตอบ
“หมายความว่ายังไง” เธอถาม
“คือ  ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นเด็กนักเรียนอายุ 15 น่ะสิเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดขึ้นมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“แล้วฉันเป็นอะไร” เธอถามอีกครั้ง  มองหน้าเพื่อนรักของเธอทีละคน
“เธอเป็นมือปราบมาร  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ตอบเธอ “และตอนนี้เธอก็อายุ 21 แล้ว”
“ฉันเนี่ยนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ  ถ้าที่พวกเขาพูดเป็นความจริงความทรงจำของเธอก็ต้องขาดหายไปถึง 6 ปีน่ะสิ
“ใช่  ไม่เชื่อเธอลองดูกระจกสิ” รอนพูดพลางยื่นกระจกเงาแบบถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงให้เธอ  เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ก็รับมาดูเธอก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น  อย่างที่รอนบอกจริง ๆ เธอไม่ใช่เด็กสาววัย 15 อีกต่อไปแล้ว เธอดูโตขึ้น  เธอโตเป็นผู้หญิงเช่นเดียวกับแฮร์รี่และรอน  เฮอร์ไมโอนี่เอามือสัมผัสใบหน้าตัวเองราวกับจะทดสอบว่าที่เธอเห็นคือภาพลวงตาหรือเปล่า
“เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” เธอหันมาถามเพื่อนทั้งสอง  ที่ตอนนี้หันมาสบตากันเองเหมือนจะปรึกษากันในใจว่า  ‘ นายแหละ  เล่าให้เธอฟัง ’
“มันเป็นอุบัติเหตุ” แฮร์รี่เริ่มพูด “พวกเรา  เธอ  ฉัน  และรอนได้รับคำสั่งให้บุกเข้าจับกุมผู้เสพความตายกลุ่มหนึ่ง” เสียงของแฮร์รี่ขาดห้วงไป  เขาหยุดพูดและถอนหายใจ “แต่โชคร้ายที่เธอโดน  เอ่อ  ผู้เสพควมาตายคนหนึ่งสาป  แต่อย่างที่คุณหมดบอกคำสาปไม่สรบูรณ์  ความทรงจำของเธอเลยขาดหายไปเพียงบางส่วนเท่านั้น” แฮร์รี่อธิบายโดยไม่เอ่ยชื่อของแพนซี่ “ฉนหมายความว่า  ความทรงจำของเธอในช่วงปีห้าจนถึงทำงานหายไปน่ะ” แฮร์รี่กล่าว  โดยที่เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าตกใจระคนสงสัย
“เอ่อ  งั้น  เธอช่วยเล่าเรื่อง  เอ่อ  ต่อจากที่ฉันจำได้  ฉันหมายถึงเรื่องที่ฉันลืมไปน่ะให้ฟังได้ไหม” เธอพูดตะกุกตะกัก
“ได้ซิ” แฮร์รี่ตอบ “หลังจากนั้นเธอก็เรียนจบ  เอ่อ  เธอได้เป็นประธานนักเรียนด้วยแล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะเป็นมือปราบมารเหมือนพวกเรา  แล้วพวกก็เลือกเธอ  เฮอร์ไมโอนี่  และ ” แฮร์รี่เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เฮอร์ไมโอนี่ฟัง
“แล้วฉัน  เอ้อ  มีคนรักไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างไม่แน่ใจ  เพราะเธอจำไม่ได้จริง ๆ ว่าหลังจากนั้นเธอได้รักใครรึเปล่า  เธอจำได้เพียงแค่ เธอชอบแฮร์รี่เท่านั้น
“เอ่อ  เธอ” แฮร์รี่อึกอักเขาหันไปสบตารอน  นี่เฮอร์ไมโอนี่จำเรื่องระหว่างเธอกับมัลฟอยไม่ได้รึ  แฮร์รี่คิด  และก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรออกไป  ประตูห้องก็เปิดอย่างแรง  เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์  ผิวซีดคนหนึ่ง  มัลฟอยนั่นเอง
“เฮอร์ไมโอนี่!” เขาวิ่งไปหาเธอท่ามกลางความงงงวยของเฮอร์ไมโอนี่และสวมกอดเธอทันที  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าตกใจก่อนจะผลักเขาออกห่าง
“นายจะทำอะไรน่ะ  มัลฟอย!” เธอตะโกนลั่นห้องพัก  ส่วนมัลฟอยนั้นยืนมองเธออย่างแปลกใจ
“ทำไมล่ะ  ฉันเป็นห่วงเธอนะ” มัลฟอยพูดกระท่อนกระแท่น  เขารู้สึกว่าสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ที่มองมาทางเขานั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“พอตเตอร์  วีสลีย์  แกทำอะไรเธอ!!!” มัลฟอยพูดอย่างโกรธแค้นพลางชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา  ส่วนแฮร์รี่กับรอนก็ไม่รอช้า  พวกเขาต่างชักไม้กายสิทธิ์ของตนเองขึ้นมาเช่นกัน
“หยุดนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ลุกจากเตียงลงมาห้ามพวกเขา “นี่มันอะไรกันนี่!” เธอพูดอย่างตกใจ
“พวกแกทำอะไรเธอ!” มัลฟอยคำรามสีหน้าดุดัน
“ฉันไม่เคยทำอะไรเพื่อนรักของฉันหรอกมัลฟอย” แฮร์รี่พูดพยายามเก็บอารมณ์อย่างมาก
“ใช่  คนที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เป็นอย่างนี้ก็คือยัยหน้าหงิกพาร์กินสันยังไงล่ะ” รอนพูดเสริม
“เฮอร์ไมโอนี่เป็นอะไร” มัลฟอยพูด  ลดไม้กายสิทธิ์ในมือลง
“ความทรงจำเธอขาดหายไป” แฮร์รี่พูด “เป็นเวลา 6 ปี”
“หมายความว่ายังไง” มัลฟอยพูดมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ
“ก็หมายความว่าเธอจำเรื่องราวของนายไม่ได้น่ะสิ  มัลฟอย” แฮร์รี่ตอบเสียงเรียบ
*************************************************
อ่า  ขอเว้นว่างการอัพไปจนกว่าจาเปิดเทอมน้า  เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องไปเชียงใหม่กว่าจะกลับก็เปิดเทอมพอดี ยังไงจะรีบกลับมาอัพนะจ๊ะ เพื่อน ๆ อย่าเพิ่งบ่นว่าหายไปนานอ่า  แล้วช่วยคอมเม้นด้วยจะขอบคุณทั่นอย่างยิ่ง 
“เฮอร์ไมโอนี่!” แฮร์รี่ร้องอย่างตกใจ  เขารีบเข้าไปประคองร่างหมดสติของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาพื้น  ในขณะที่แพนซี่กำลังหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  เธอมองเฮอร์ไมโนี่อย่างสะใจที่สุด
แกไม่มีวัน  ไม่มีวันจะได้มีครอบครองเดรโกอีกต่อไป!!!
“เธอ!” แฮร์รี่คำราม “รีคัตโต!” เขาตะโกนชี้ไม้กายสิทธิ์ไปที่แพนซี่และเธอเมื่อเธอล้มลงกับพื้นแฮร์รี่ก็เสกเชือกเวทย์มนตร์มามัดเธอไว้
“แฮร์รี่  เฮอร์ไมโอนี่เป็นอะไรไป!” รอนพูดอย่างตกใจเมื่อเขาเห็นแฮร์รี่อุ้มร่างไร้สติของเฮอร์ไมโอนี่ออกมาจากห้องนั้น
“เธอได้รับบาดเจ็บ  เราต้องพาเธอไปโรงพยาบาล” แฮร์รี่พูดอย่างร้อนรน “ฝากทางนี้ด้วยนะรอน” เขาพูดและเมื่อรอนพยักหน้ารับแฮร์รี่ก็หายตัวไปทันที
*************************************************
เพล้ง!!!  กรอบรูปใบสวยที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของมัลฟอยหล่นลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ  เศษแก้วแตกกระจายเต็มพื้นห้องของเขา  มัลฟอยค่อย ๆ ก้มลงไปเก็บมันขึ้นมาช้า ๆ เขาค่อย ๆ หยิบภาพของเฮอร์ไมโอนี่มาจากกองเศษแก้วนั้น
“โอ๊ย!” มัลฟอยร้องเมื่อเศษแก้วอันเล็ก ๆ บาดเข้าไปในเนื้อของเขาจนเลือดออก  แต่มัลฟอยกลับดึงมันออกอย่างไม่ใส่ใจ  ในมือของเขาก็ถือรูปของเฮอร์ไมโอนี่ไว้อย่างทะนุถนอม
“เฮอร์ไมโอนี่” เขาพึมพำเบา ๆ ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจอย่างแปลกประหลาด  แม้มัลฟอยจะไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร  แต่เขาก็พอจะรู้ว่ามันคงไม่ใช่เรื่องดีซักเท่าไหร่
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่พบว่าตัวเองกำลังหลงทางอยู่ในความมืด  ไม่ว่าเธอมองไปทางไหนก็ไม่มีสิ่งใดนอกจากความมืดมิด  ราวกลับว่าเธอกำลังหลงทางอยู่ในขวดหมึกใบใหญ่ 
ที่นี่มันที่ไหนกัน  เฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิด  ทำไมเธอถึงไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้
เฮอร์ไมโอนี่ลองก้าวเดินไปอย่างไร้ทิศทาง  แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันก็ไม่ต่างกับที่เธอยืนอยู่กับที่สุกเท่าไหร่เลย  เพราะไม่ว่าเธอจะเดินไปทางไหนเธอก็ไม่อาจหลุดพ้นมันไปได้
“ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนออกมาอย่างหมดหวัง เธอทรุดตัวลงกับพื้นและเริ่มร้องไห้
“เป็นอะไร  เฮอร์ไมโอนนี่” เสียงยานคางที่คุ้นเคยดังขึ้น  เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นทันที  และเธอก็พบเขา  เดรโก  มัลฟอย  กำลังจ้องมองเธออยู่
“เดรโก!” หญิงสาวตะโกนออกมาอย่างดีใจ  เธอโผกอดเขาในทันที “ฉันกลัว” เธอสะอื้นขณะที่ชายหนุ่มลูบหัวเธออย่างปลอบโยน
“เธอกลัวอะไร” เขาถามอย่างอ่อนโยน
“ฉัน ” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก “ฉันก็ไม่รู้” หญิงสาวตอบ
“ฉันก็อยู่นี่ไง  เธอไม่ต้องกลัวอีกแล้ว” ชายหนุ่มกระชับร่างของหญิงสาวให้แน่นขึ้น  เหมือนย้ำเตือนให้เธอมั่นใจ  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา
“ไม่ต้องกลัว  ฉันจะอยู่ใกล้ ๆ เธอไม่ไปไหน” มัลฟอยพูด  มองตาหญิงสาว “ฉันรักเธอ”
“ฉันเองก็รักเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และมัลฟอยก็ก้มหน้าลงมาเพื่อจะจูบเธอ  แต่ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะสัมผัสกัน  ร่างของมัลฟอยก็สลายกลายเป็นควันไปต่อหน้าต่อตาเฮอร์ไมโอนี่!
“เดรโก!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเรียกเขา “เดรโก  เดรโก!”
”เดรโก!!!”
เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นจากฝัน  เม็ดเหงื่อมากมายผุดขึ้นบนใบหน้าของเธอราวกับเธอเพิ่งผ่านการออกกำลังกายอย่างหนักมา  แต่แปลกตรงที่เมื่อเธอตื่นเธอกลับจำเรื่องราวที่เธอฝันไม่ได้เลย  ซักนิดเดียว!
ที่นี่ที่ไหน  เฮอร์ไมโอนี่คิด  เธอมองไปรอบ ๆ ห้องที่ถูกทาสีขาวสะอาดตา  ผ้าม่านสีขาวไหวเบา ๆ ไปตามแรงลม  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้สำรวจห้องไปมากกว่านั้น  ประตูสีขาวที่อยู่ไม่ห่างจากเตียงของเธอก็เปิดขึ้นเสียก่อน  ชายหนุ่มสองคนกำลังเดินเข้ามาในห้องอย่างรีบร้อน  ตามด้วยชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อคลุมสีขาวสะอาด 
“เฮอร์ไมโอนี่!” ชายหนุ่มผมแดง  ใบหน้าตกกระคนหนึ่งพูดอย่างร้อนรน “เธอเป็นอย่างไรบ้าง!”
“นั่นสิ  เธอเป็นอะไรรึเปล่า” ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งผู้มีผมดำยุ่งเหยิง  สวมแว่นทรงกลม  และมีรอยแผลรูปสายฟ้าที่หน้าผากพูดด้วยท่าทีไม่ต่างจากชายหนุ่มคนแรกเท่าไหร่นัก  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็ไม่ได้ตอบอะไรพวกเขาไป  เธอเพียงแค่จ้องหน้าพวกเขาราวกับคนสายตาสั้นที่ลืมใส่แว่นมา  และเธอก็เริ่มพูด
“แฮร์รี่ รอน .” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำด้วยท่าทีราวกับคนสมองช้า
“ก็ใช่พวกเราน่ะสิ” รอนร้อง “ให้ตายสิเฮอร์ไมโอนี่  เธอโอเคไหมเนี่ย” เขาพูด
“ฉันต่างหากที่ต้องพูดอย่างนั้น” เฮอร์ไมโอนี่ร้องเสียงแหลม “ให้ตายสิ  ทำไมพวกเธอถึงตัวโตอย่างนี้” เธอพูดมองเพื่อนทั้งสองอย่างแปลกใจ  “ฉันรู้แล้ว  พวกเธอต้องไปกินลูกอมประหลาดของเฟร็ดกับจอร์จอีกแล้วใช่ไหม  ฉันบอกเขาแล้วนะว่าอย่าเอาของพวกนี้มาทดลองกับนักเรียนอีก” เฮอร์ไมโอนี่พูดยาวเหยียด  ส่วนรอนและแฮร์รี่นั้นมองเธอด้วยสีหน้างงงวยอย่างที่สุด
“เฮ้ นี่เธอละเมอหรือไงเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดอย่างตกใจเมื่อเฮอร์ไมโอนี่พูดราวกับว่าเธอยังเป็นนักเรียนที่ฮอกวอตส์อยู่ทั้ง ๆ ทีมันผ่านไปนานแล้ว  แต่ดูเหมือนเฮอร์ไมโอนี่จะไม่สนใจที่เขาพูดเลย
“เธอไม่ได้ละเมอหรอกครับ  แต่เป็นผลจากคาถาต่างหาก” ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ในห้องพูดขึ้น
“แล้วเธอเป็นอะไรล่ะครับ  คุณหมอ” แฮร์รี่ถามด้วยท่าทีกังวล
“ความทรงจำของเธอคงขาดหายไปน่ะครับ” เขาพูดด้วยสีหน้าวิตก “คาถาที่เธอโดนก็คือคาถาลบควมาทรงจำ” หมอพูดและเมื่อแฮร์รี่และรอนได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็ถึงกับกลืนน้ำลาย  พวกเขารู้ผลที่ตามมาดี
“แต่คาถาที่เธอโดนไม่สมบูรณ์นัก  อาจจะเนื่องมาจากผู้ที่ตั้งใจสาปเธอไม่มีพลังพอ  หรืออาจจะมาจากสาเหตุอื่น ๆ เลยทำให้ความทรงจำของเธอไม่ได้หายไปทั้งหมด  แค่เพียงขาดหายไปเท่านั้น” คุณหมออธิบาย
“แต่  เธอก็จำพวกเราได้นี่ครับ” แฮร์รี่พูด  เพราะจากที่เขาดูแล้วเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้มีสภาพแน่ถึงขนาดจำอะไรไม่ได้เหมือนล็อกฮาร์ท
“ครับ  เพราะว่าความทรงจำส่วนที่มีพวกคุณอยู่ของเธอไม่ได้ขาดหายไปทั้งหมด” คุณหมออธิบายในขณะที่คนอื่น ๆ ทำหน้าไม่เข้าใจ  “ผมคาดว่าความทรงจำของเธอคงขาดหายไปเพียงบางช่วงเวลาเท่านั้น  แต่เป็นช่วงเวลาใดผมไม่อาจบอกได้ครับ  คุณคงต้องให้ตัวคนไข้ตอบเอง” และเมื่อเขาพูดจบทุกคนก้หันไปมองที่เฮอร์ไมโอนี่ 
“แฮร์รี่  รอน  นี่มันอะไรกัน” เธอพูดอย่างสับสนกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“เธอจำพวกเราได้ใช่ไหม  เฮอร์ไมโอนี่” รอนถามอย่างหวั่น ๆ
“ก็ได้น่ะสิ  แล้วทำไมฉันจะจำพวกเธอไม่ได้ล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบอย่างหวั่น ๆ เช่นกัน
“งั้น  คุณจำอะไรได้บ้างครับ” คุณหมอถามเฮอร์ไมโอนี่
“ฉัน  เอ่อ ” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก
“พูดมาเถอะครับ  คุณจำได้ไหมว่าคุณเป็นใคร” เขาถามอย่างใจเย็น
“ฉันชื่อ  เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์” เธอพูดด้วยสีหน้าครุ่นคิด “ฉันเป็นนักเรียนชั้นปีห้าของฮอกวอตส์”
*************************************************
ณ  ตึกสูงระฟ้าใจกลางกรุงลอนดอน  เดรโก  มัลฟอย  กำลังเข้าประชุมในฐานะของผู้ถือหุ้นมากที่สุดในบริษัท  ขณะที่การประชุมกำลังดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด
“ผมคิดว่าเราควรจะร่วมทำการค้ากับนายทุนอเมริกา  พวกเราสามารถซื้อสินค้าของเขา  โดยให้ราคาต่ำกว่าที่เราค้าขายอยู่กับยุโรป” ชายหนุ่มวัยกลางคน ๆ หนึ่งกล่าวในที่ประชุมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม  เขามีศีรษะที่ล้านเลี่ยน
“ทำไมคุณถึงอยากจะเปิดการค้ากับอเมริกานักล่ะ” มัลฟอยซึ่งนั่งอยู่หัวโต๊ะในฐานะ ‘ ประธานบริษัท ‘ กล่าวถามด้วยสายตาคบกริบ 
“ก็ผมบอกไปแล้วไงว่าทางอเมริกาจะขายสินค้าให้ในราคาต่ำกว่ายุโรป” ชายคนนั้นพูดด้วยท่าทีโผงผาง  ในขณะที่มัลฟอยขัดขึ้นมาทันทีที่เขาพูดจบ
“ที่คุณต้องการให้ทางบริษัทเราเปิดการค้ากับอเมริกาไม่ใช่เพราะว่าคุณต้องการเงินที่เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาเสนอให้โดยไม่ผ่านบริษัทหรือ” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ หากแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจ  จนชายที่ถูกเอ่ยถึงสะดุ้ง
“คุณจะหาว่าผมคิดจะคอรัปชั่นงั้นเหรอคุณมัลฟอย” ชายคนนั้นพูดด้วยใบหน้าที่เป็นสีแดง
“ผมยังไม่ได้พูดอย่างนั้นเลยคุณเฮนสัน” มัลฟอยพูดอย่างเรียบเฉย “คุณร้อนตัวไปเองมากกว่ากระมัง”
“แต่ถึงยังไงผมก็ยังยืนยันในความคิดของผม  ผมคิดว่าบริษัทของเราจะได้รับกำไรมหาศาลหากเราเปิดการค้ากับทางอเมริกา” มิสเตอร์เฮนสันหันไปพูดกับผู้ร่วมประชุมคนอื่น ๆ และก็มีเสียงพึมพำทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
“กำไรมหาศาลงั้นหรือ”  มัลฟอยพึมพำด้วย  เขากำลังทำท่าเหมือนครุ่นคิด “เราสามารถซื้อสินค้าจากอเมริกาได้ในราคาถูกกว่ายุโรป  แต่ไม่มีการรับประกันว่าสินค้านั้นจะมีคุณภาพเท่ายุโรปรึเปล่า  และที่สำคัญกำไรมหาศาลที่บริษัทสมควรจะได้รับอาจจะตกไปอยู่ในมือของคนอื่น  โดยที่ทางบริษัทไม่รู้” มัลฟอยพูดจงใจมองไปที่มิสเตอร์เฮนสันด้วยสายตาเฉียบคม
“ผมก็แค่เสนอความคิดเห็นเท่านั้น  ผมเห็นว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีทางหนึ่ง” มิสเตอร์เฮนสันเอ่ยตะกุกตะกัก
“เราจะไม่เปิดการค้ากับอเมริกาตอนนี้  มีใครไม่เห็นด้วยกับผมไหม” มัลฟอยเอ่ยอย่างเด็ดขาด  และทั้งห้องประชุมก็เงียบกริบ  มัลฟอยมองไปรอบ ๆ ห้องอย่างพอใจ
“ดี” เขาพูด  “เอาล่ะต่อไปเราจะพูดกันเรื่อง .”
“ก๊อก ๆ ๆ ” เสียงเคาะประตูอย่างเกรง ๆ ดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของมัลฟอย  ประตูห้องประชุมค่อย ๆ เปิดออกหลังเผยให้เห็นร่างชายหนุ่มคนหนึ่ง  แซมนั่นเอง
“ฉันสั่งแล้วใช่ไหมว่าเวลาประชุมห้ามรบกวน” มัลฟอยพูดเสียงเข้ม  แววตาไม่พอใจการกระทำของลูกน้องคนสนิท 
“มีจดหมายด่วนถึงท่านครับ  ผมคิดว่าท่านควรอ่าน” แซมพูดในมือถือจดหมายฉบับหนึ่งไว้  มีตราประทับหน้าจดหมายว่า  ‘ ด่วนมาก ‘ มัลฟอยรับมันมาดูอย่างงง ๆ มันไม่มีชื่อผู้ส่งประทับอยู่  และเมื่อเขาฉีกมันมาอ่าน
ถึง  มัลฟอย
เฮอร์ไมโอนี่ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าจับกุมมือปราบมารในวันนี้  ตอนนี้เธออยู่ที่เซนต์มังโก  ฉันคิดว่านายควรรู้
จาก  พอตเตอร์
       
เมื่อมัลฟอยอ่านจดหมายจบเขาก็ขยำมันคามือของเขา  ใบหน้าเป็นสีแดง 
“แซม  บอกทุกคนว่าปิดประชุมแค่นี้” เขากล่าวพูด
“ครับ  ท่าน  ท่านไม่มีอะไรจะบอกพวกเขาใช่ไหมครับ” แซมถามมองไปที่คนทั้งห้องประชุมที่กำลังส่งสายตาอยากรู้อยากเห็นมาที่มัลฟอย
“ไม่ต้อง  บอกแค่นั้นแหละ!” มัลฟอยกัดฟันก่อนที่จะหายตัวไปจากห้องประชุม  ในทันที!
*************************************************
“เธอบอกว่าเธออยู่ปีห้างั้นเหรอ  เฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็ทำหน้างง ๆ กับคำถามของรอน
“ก็ใช่น่ะสิ  รอน  เธอเองก็อยู่ปีห้า” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“แสดงว่าความทรงจำของเธอขาดหายไปในช่วงที่เธออายุ 15 จนถึงปัจจุบัน” คุณหมอสรุป “แล้วคุณจำอะไรนอกจากนั้นได้ไหมครับคุณเกรนเจอร์”
“ฉัน ฉันจำได้ว่าฉันเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์  ฉันจำได้ว่า” เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าครุ่นคิด “ตอนนี้ใกล้สอบ ว.พ.ร.ส. แล้วด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่แน่ใจ  ส่วนแฮร์รี่กับรอนเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็แน่ใจว่าเธอยังคงเป็นเฮอร์ไมโอนี่ที่พวกเขารู้จัก  เธอไม่เคยลืมเรื่องเรียนแม้แต่วินาทีเดียว
“แล้วยังมีอะไรที่คุณจำได้อีกไหมครับ” คุณหมอถาม  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นทำหน้าครุ่นคิดอีกครั้งก่อนจะส่ายศีรษะตอบเขา
“ถ้างั้นผมว่าพวกคุณควรเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังแล้วล่ะครับ” คุณหมอหันไปพูดกับแฮรี่และรอน
“แล้ว  มีทางที่เราจะรักษาเธอได้ไหมครับ” แฮร์รี่ถามอย่างวิตก เขาไม่คิดว่าเรื่องทั้งหมดจะเป็นแบบนี้
“ทางมันก็พอมีหรอกครับ  แต่มันต้องใช้เวลา  และต้องขึ้นอยู่กับสภาพของผู้ป่วยด้วย  เอาเป็นว่าตอนนี้พวกคุณอธิบายให้เธอทราบถึงเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนดีกว่าครับ  แล้วเดี๋ยวผมจะให้คนจัดยามาให้” เขาพูดและเดินออกจากห้องไป  ทิ้งให้แฮร์รี่และรอนเผชิญกับความหนักใจเป็นที่สุด
“เอ่อ  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่กล่าวพลางนั่งลงบนโต๊ะข้าง ๆ เตียงที่เธอนอนอยู่
“ตกลงมันเป็นยังไงกันแน่” เฮอร์ไมโอนี่ถามทันทีที่แฮร์รี่พูดจบ  ส่วนรอนนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งตามแฮร์รี่ “ฉันเป็นอะไรกันแน่” เธอถาม  แฮร์รี่และรอนมองหน้ากันแวบนึงก่อนที่จะตอบ
“อย่างที่คุณหมดพูดแหละเฮอร์ไมโอนี่  ความทรงจำของเธอขาดหายไป” แฮร์รี่ตอบ
“หมายความว่ายังไง” เธอถาม
“คือ  ตอนนี้เธอไม่ได้เป็นเด็กนักเรียนอายุ 15 น่ะสิเฮอร์ไมโอนี่” รอนพูดขึ้นมาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
“แล้วฉันเป็นอะไร” เธอถามอีกครั้ง  มองหน้าเพื่อนรักของเธอทีละคน
“เธอเป็นมือปราบมาร  เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ตอบเธอ “และตอนนี้เธอก็อายุ 21 แล้ว”
“ฉันเนี่ยนะ” เฮอร์ไมโอนี่ร้องอย่างตกใจ  ถ้าที่พวกเขาพูดเป็นความจริงความทรงจำของเธอก็ต้องขาดหายไปถึง 6 ปีน่ะสิ
“ใช่  ไม่เชื่อเธอลองดูกระจกสิ” รอนพูดพลางยื่นกระจกเงาแบบถือที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงให้เธอ  เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ก็รับมาดูเธอก็ต้องตกใจกับภาพที่เห็น  อย่างที่รอนบอกจริง ๆ เธอไม่ใช่เด็กสาววัย 15 อีกต่อไปแล้ว เธอดูโตขึ้น  เธอโตเป็นผู้หญิงเช่นเดียวกับแฮร์รี่และรอน  เฮอร์ไมโอนี่เอามือสัมผัสใบหน้าตัวเองราวกับจะทดสอบว่าที่เธอเห็นคือภาพลวงตาหรือเปล่า
“เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” เธอหันมาถามเพื่อนทั้งสอง  ที่ตอนนี้หันมาสบตากันเองเหมือนจะปรึกษากันในใจว่า  ‘ นายแหละ  เล่าให้เธอฟัง ’
“มันเป็นอุบัติเหตุ” แฮร์รี่เริ่มพูด “พวกเรา  เธอ  ฉัน  และรอนได้รับคำสั่งให้บุกเข้าจับกุมผู้เสพความตายกลุ่มหนึ่ง” เสียงของแฮร์รี่ขาดห้วงไป  เขาหยุดพูดและถอนหายใจ “แต่โชคร้ายที่เธอโดน  เอ่อ  ผู้เสพควมาตายคนหนึ่งสาป  แต่อย่างที่คุณหมดบอกคำสาปไม่สรบูรณ์  ความทรงจำของเธอเลยขาดหายไปเพียงบางส่วนเท่านั้น” แฮร์รี่อธิบายโดยไม่เอ่ยชื่อของแพนซี่ “ฉนหมายความว่า  ความทรงจำของเธอในช่วงปีห้าจนถึงทำงานหายไปน่ะ” แฮร์รี่กล่าว  โดยที่เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าตกใจระคนสงสัย
“เอ่อ  งั้น  เธอช่วยเล่าเรื่อง  เอ่อ  ต่อจากที่ฉันจำได้  ฉันหมายถึงเรื่องที่ฉันลืมไปน่ะให้ฟังได้ไหม” เธอพูดตะกุกตะกัก
“ได้ซิ” แฮร์รี่ตอบ “หลังจากนั้นเธอก็เรียนจบ  เอ่อ  เธอได้เป็นประธานนักเรียนด้วยแล้วเธอก็ตัดสินใจที่จะเป็นมือปราบมารเหมือนพวกเรา  แล้วพวกก็เลือกเธอ  เฮอร์ไมโอนี่  และ ” แฮร์รี่เล่าเรื่องราวที่ผ่านมาให้เฮอร์ไมโอนี่ฟัง
“แล้วฉัน  เอ้อ  มีคนรักไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างไม่แน่ใจ  เพราะเธอจำไม่ได้จริง ๆ ว่าหลังจากนั้นเธอได้รักใครรึเปล่า  เธอจำได้เพียงแค่ เธอชอบแฮร์รี่เท่านั้น
“เอ่อ  เธอ” แฮร์รี่อึกอักเขาหันไปสบตารอน  นี่เฮอร์ไมโอนี่จำเรื่องระหว่างเธอกับมัลฟอยไม่ได้รึ  แฮร์รี่คิด  และก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรออกไป  ประตูห้องก็เปิดอย่างแรง  เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มผมบลอนด์  ผิวซีดคนหนึ่ง  มัลฟอยนั่นเอง
“เฮอร์ไมโอนี่!” เขาวิ่งไปหาเธอท่ามกลางความงงงวยของเฮอร์ไมโอนี่และสวมกอดเธอทันที  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าตกใจก่อนจะผลักเขาออกห่าง
“นายจะทำอะไรน่ะ  มัลฟอย!” เธอตะโกนลั่นห้องพัก  ส่วนมัลฟอยนั้นยืนมองเธออย่างแปลกใจ
“ทำไมล่ะ  ฉันเป็นห่วงเธอนะ” มัลฟอยพูดกระท่อนกระแท่น  เขารู้สึกว่าสายตาของเฮอร์ไมโอนี่ที่มองมาทางเขานั้นเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
“พอตเตอร์  วีสลีย์  แกทำอะไรเธอ!!!” มัลฟอยพูดอย่างโกรธแค้นพลางชักไม้กายสิทธิ์ขึ้นมา  ส่วนแฮร์รี่กับรอนก็ไม่รอช้า  พวกเขาต่างชักไม้กายสิทธิ์ของตนเองขึ้นมาเช่นกัน
“หยุดนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ลุกจากเตียงลงมาห้ามพวกเขา “นี่มันอะไรกันนี่!” เธอพูดอย่างตกใจ
“พวกแกทำอะไรเธอ!” มัลฟอยคำรามสีหน้าดุดัน
“ฉันไม่เคยทำอะไรเพื่อนรักของฉันหรอกมัลฟอย” แฮร์รี่พูดพยายามเก็บอารมณ์อย่างมาก
“ใช่  คนที่ทำให้เฮอร์ไมโอนี่เป็นอย่างนี้ก็คือยัยหน้าหงิกพาร์กินสันยังไงล่ะ” รอนพูดเสริม
“เฮอร์ไมโอนี่เป็นอะไร” มัลฟอยพูด  ลดไม้กายสิทธิ์ในมือลง
“ความทรงจำเธอขาดหายไป” แฮร์รี่พูด “เป็นเวลา 6 ปี”
“หมายความว่ายังไง” มัลฟอยพูดมองหน้าหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจ
“ก็หมายความว่าเธอจำเรื่องราวของนายไม่ได้น่ะสิ  มัลฟอย” แฮร์รี่ตอบเสียงเรียบ
*************************************************
อ่า  ขอเว้นว่างการอัพไปจนกว่าจาเปิดเทอมน้า  เพราะว่าพรุ่งนี้เราต้องไปเชียงใหม่กว่าจะกลับก็เปิดเทอมพอดี ยังไงจะรีบกลับมาอัพนะจ๊ะ เพื่อน ๆ อย่าเพิ่งบ่นว่าหายไปนานอ่า  แล้วช่วยคอมเม้นด้วยจะขอบคุณทั่นอย่างยิ่ง 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น