ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย ภาค 2

    ลำดับตอนที่ #2 : Lord Vortdermort’s Orders [คำสั่งของลอร์ดโวลเดอมอร์]

    • อัปเดตล่าสุด 30 ต.ค. 52




                           

                    ***Chapter 2 Lord Vortdermort’s Orders [คำสั่งของลอร์ดโวลเดอมอร์]***

                   

                    แกเป็นใคร!  เข้ามาทำอะไรในบ้านฉัน!” มัลฟอยพูดพร้อมกับชี้ไม้กายสิทธิ์ไปทางหางหนอนที่ไม่มีท่าทีหวั่นเกรงต่อสถานะภาพเสียเปรียบของตัวเองเลย  เขาดูเหมือนจะไม่สนใจปลายไม้ของเดรโกที่ชี้มาทางเขาเท่าไหร่นัก  ตรงกันข้ามหางหนอนกลับก้าวเข้ามาทางเดรโกและแม่ของเขาอีกสองก้าว

                    ถ้าแกเข้ามาอีกฉันจะสาปแกแน่!” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าถ้าขืนเข้ามาใกล้กว่านี้เขาเอาจริงแน่!  และเมื่อเป็นเช่นนั้นหางหนอนจึงยอมหยุดฝีเท้าโดยดี  แววตาหยีเล็กของเขาจ้องมองที่มัลฟอย  ก่อนจะเลื่อนไปยังนาร์ซิลซาร์ที่ตอนนี้กำลังใช้แผ่นหลังลูกชายเป็นเกราะกำบังอยู่

                    ผมคิดว่าคุณนายได้บอกลูกชายของคุณนายแล้วเรื่องการมาเยือนของผมแล้วเสียอีกหางหนอนพูดกับนางนาร์ซิลซาร์ที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ

                    แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่รู้อะไรเลยหางหนอนจบประโยคด้วยการเลื่อนสายตาไปมองหน้าเดรโกอีกครั้ง 

                    เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน  ฉันยังไม่ทันได้บอกเขาเลยนางนาร์ซิลซาร์พูดขึ้น  มัลฟอยหันไปมองแม่เขาทันที  พร้อมกับถามขึ้นว่า

                    มีอะไรหรือแม่  แม่จะบอกผมเรื่องอะไรเด็กหนุ่มถามมารดาของเขาที่มีสีหน้าลำบากใจราวกับไม่อยากให้ลูกชายได้รับรู้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น

                    ถ้าคุณยังไม่บอกเขา  งั้นผมคงต้องคุยกับเขาเองแล้วล่ะหางหนอนพูดขึ้น  พร้อมกับพาร่างอ้วนเตี้ยไปยังโซฟาหน้าเตาผิง  และนั่งลงก่อนที่เจ้าของบ้านจะได้เชื้อเชิญ

                    นี่แก!” มัลฟอยพูดขึ้นอย่างไม่พอใจนัก  เพราะโซฟาราคาแพงของพ่อเขาไม่คู่ควรถูกสัมผัสด้วยผิวหนังสกปรกของชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย  แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้พูดอะไรออกไปมากกว่านั้น  นางนาร์ซิลซาร์ก็มาเข้ามาลากลูกชายให้ไปนั่งที่โซฟาเสียก่อน

                    มัลฟอยนั่งลงตรงข้ามกับหางหนอน  พลางสำรวจอากัปกิริยาของอีกฝ่าย  เด็กหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดแม่ของเขาถึงต้องต้อนรับชายร่างเตี้ยท่าทางน่าเกลียดคนนี้ด้วย  แทนที่จะสั่งให้เอลฟ์โยนมันออกไปข้างนอก  โทษฐานบุกรุกคฤหาสน์ของเขา

                    ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อทำตามคำสั่งของเจ้านายหางหนอนเกริ่นขึ้น แต่เห็นได้ชัดว่าลูกชายของคุณยังไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย  คุณนายมัลฟอย  เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าผมเป็นใครเขาพูดพลางมองเดรโกและนาร์ซิลซาร์สลับกันไปมา

                    ฉันบอกให้ก็ได้ว่าแกมันก็แค่ไอ้โสโครกคนหนึ่งที่สมควรถูกจับโยนออกไปข้างนอกเพราะว่าแกบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ของฉัน!” มัลฟอยเอ่ยอย่างมีโทสะ  นางนาร์ซิลซาร์ตาโตและทำท่าจะปรามลูกชาย  แต่หางหนอนพูดขึ้นก่อน

                    ฉันจะไม่ถือสากับความอวดดีของเธอนะ  และฉันก็จะบอกด้วยว่าจริงแล้ว ๆ ชื่อของฉันคือหางหนอนเขาพูด  เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ

                    แกน่ะเหรอคือหางหนอน  สมุนของจอมมารมัลฟอยพูดขึ้นราวกับไม่เชื่อ  แต่เมื่อผ่านไปสักสองสามวินาทีเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนความคิดของเขาไปโดยสิ้นเชิง  ถึงแม้ว่าชายรูปร่างอ้วนเตี้ยคนนี้จะดูยังไง ๆ ก็ไม่เหมือนว่าเป็นผู้เสพความตายก็เถอะ  แต่จากที่พ่อของมัลฟอยเคยเล่าให้เขาฟังนั้น  หางหนอนเป็นคนที่ขี้ขลาด  ถึงขนาดยอมขายเพื่อนเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองไว้  และอีกอย่างการที่หางหนอนกลับมารับใช้ลอร์ดโวลเดอมอร์อีกครั้งก็เพราะว่าเขาสิ้นหนทางไป  ที่หางหนอนอยู่รับใช้จอมมารจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะความหวาดกลัว  ไม่ใช่เพราะความจงรักภักดีแต่อย่างใด

                   

                    ความเงียบที่เกิดขึ้นถูกทำลายด้วยคำพูดต่อไปของหางหนอน  คำพูดที่ทำให้มัลฟอยได้รู้ถึงชะตากรรมของเขาต่อจากนี้ไป

                    ที่ฉันมาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะฉันได้รับคำสั่งจากจอมมาร  เรื่องของเธอเดรโกหางหนอนพูด  นางมัลฟอยขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น  ใบหน้าของนางซีดขาว

                    คำสั่งจากจอมมารรึมัลฟอยทวนคำ ท่านต้องการอะไรจากผมเด็กหนุ่มถาม  หางหนอนมองหน้าเขาแวบหนึ่ง  ด้วยแววตาที่ดูเหมือนจะเห็นใจ  ก่อนจะพูดออกมาว่า

                    จอมมารต้องการให้เธอเข้าร่วมเป็นผู้เสพความตาย  และหลังจากนั้นเขาจะมอบภารกิจบางอย่างให้เธอ

     

                    ................................................

     

                    เข้าร่วมเป็นผู้เสพความตาย  ผมน่ะเหรอ!” มัลฟอยทวนคำอย่างสับสน  เขารู้สึกตกใจไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้น  แม้ว่าเขาจะรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าสักวันจอมมารคงต้องการให้เขาไปรับใช้ท่าน  อย่างที่พ่อของเขาเคยทำ  แต่มัลฟอยไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้!

                    ใช่  จอมมารได้กำหนดวันที่จะประทับตรามารให้เธอเรียบร้อยแล้ว  ในคืนวันเสาร์หลังจากนี้อีกสองอาทิตย์  เหล่าผู้เสพความตายจะมารวมตัวกันที่สุสานครอบครัวริดเดิ้ล  เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่หางหนอนพูด

                    แต่ผมยังไม่พร้อม.......ผมหมายถึง.......ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจอมมารจะรับคนอายุอย่างผมเป็นผู้เสพความตายมัลฟอยแย้งขึ้น 

                    เดิมทีก็เป็นอย่างนั้น  แต่ในตอนนี้สถานการ์ณได้เปลี่ยนไปแล้วหางหนอนอธิบาย จริงอยู่  แต่ก่อนจอมมารจะไม่รับคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาเป็นสมุนรับใช้  เพราะว่าคนพวกนั้นทำงานได้ไม่เต็มที่  แต่ตอนนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว  ตอนนี้จอมมารต้องการกำลังคนสำหรับทำงานใหญ่  อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ  ท่านจะมอบหมายงานสำคัญอย่างหนึ่งให้เธอทำหลังจากที่เธอได้รับการประทับตราแล้ว  และถ้าเธอทำงานนี้สำเร็จเธอจะได้ความดีความชอบอย่างมากทีเดียวหางหนอนจบประโยคด้วยเสียงแหบพร่า  ความเงียบเข้ามาปกคลุมคนทั้งสามอีกครั้ง  แต่ครั้งนี้มันช่างยาวนานและน่าอึดอัดยิ่งนัก  มัลฟอยพิงแผ่นหลังลงบนโซฟา  เขาสัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็นเฉียบเต็มแผ่นหลัง

                   

                    จอมมารต้องการตัวเขาไปรับใช้เพื่อทำงานสำคัญอย่างหนึ่ง  มัลฟอยรู้ดีว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธอะไรได้  เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าชะตาชีวิตของเขามันต้องเดินมาในทางนี้  แต่มัลฟอยไม่คิดเลยว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างนี้

                    อีกครั้งหนึ่งที่ความเงียบได้ถูกทำลายลง  และครั้งนี้ผู้ที่เอ่ยปากพูดขึ้นมาก็คือนางนาร์ซิลซาร์  มารดาของเดรโก

                    ทำไมต้องเป็นเขาด้วยนาร์ซิลซาร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกเปร่ง  ราวกับว่าเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากบังคับเสียงของเธอให้ฟังดูราบเรียบที่สุด จอมมารก็มีสมุนมากมายไม่ใช่รึ  แล้วทำไมต้องจำเพาะเจาะจงให้เดรโกไปทำงานสำคัญนั้นด้วย นางถามหางหนอนที่กำลังถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ

                    จริงอยู่ว่าจอมมารมีสมุนอยู่มากมาย  และงานสำคัญนี้ก็ไม่ได้มีเขาทำแค่คนเดียว  แต่มีผู้เสพความตายอีกหลายต่อหลายคนที่พร้อมจะช่วยเหลือเขา  แต่ถึงอย่างไรงานนี้ก็จะสำเร็จไม่ได้  ถ้าไม่มีเดรโกหางหนอนพูด  นางนาร์ซิลซาร์ดูอึ้งไปพักหนึ่ง  แต่ในที่สุดเธอก็ทำท่าทีเหมือนยอมรับได้

                    ผมมาเพื่อแจ้งทุกอย่างตามนี้  และผมก็คิดว่าหน้าที่ของผมได้จบลงแล้วหางหนอนพูดพลางลุกขึ้นยืน ฉันจะมาที่นี่อีกครั้งในคืนวันเสาร์อีกสองอาทิตย์ข้างหน้าเพื่อมารับตัวเธอหางหนอนพูดกับเดรโก  เขามองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาหยีเล็ก  ก่อนจะเลื่อนสายตามายังนางนาร์ซิลซาร์

                    แล้วเจอกันนะครับ  คุณนายมัลฟอยเขากล่าวอำลา  หลังจากนั้นเสียงดังขวับราวกับแส้ฟาดอากาศก็ดังขึ้น  เมื่อมัลฟอยลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง  หางหนอนก็หายตัวไปแล้ว

                   

                    ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  นาร์ซิลซาร์หันมามองลูกชายของนางอย่างอับจนในคำพูด 

                    แม่เสียใจ  เดรโกนางมัลฟอยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ แม่ไม่ต้องการให้เป็นอย่างนี้เลย  แม่บอกเขาแล้วว่าลูกยังเด็กเกินไปหล่อนพูด  มัลฟอยมองแม่ของเขาอย่างสงสาร

                    ไม่เป็นไรครับแม่  มันไม่ใช่ความผิดของแม่หรอก  ผมรู้ครับว่าแม่ไม่มีทางเลือก  เราไม่มีทางเลือกมัลฟอยพูด

                    แต่ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้ลูกไปอยู่ดี  งานสำคัญที่จอมมารให้ทำ  แม่นึกไม่ออกเลยว่ามันจะอันตรายแค่ไหนนางมัลฟอยพูดพลางขยี้ผ้าเช็ดหน้าเข้ากับดวงตา 

                    ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่  ผมว่าผมเอาตัวรอดได้มัลฟอยพูดอย่างปลอบโยน  แม้ในใจของเขาก็ยังหวั่นกลัวกับภารกิจที่จะได้รับอยู่ไม่น้อยก็ตาม

                    ลูกไม่กลัวเลยรึเดรโกนางนาร์ซิลซาร์เงยหน้าขึ้นถามลูกชาย  มัลฟอยเงียบไปสักพักหนึ่ง  คำพูดของใครบางคนแวบเข้ามาในหัวสมอง

     

                     ความกลัวนั้นไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของลูกผู้ชายตระกูลมัลฟอย  ทายาทของตระกูลนี้ต้องไม่รู้จักกับคำว่ากลัว  แม้ว่าจะอยู่ในสถานะการณ์ไหนก็ตาม

     

                    นั่นเป็นคำพูดของลูเซียส  มัลฟอย  พ่อของเดรโกที่เคยสอนเขาไว้ตั้งแต่เล็ก  และจนบัดนี้มัลฟอยก็ยังยึดมั่นคำสอนนี้ไว้ในใจเสมอ

                    ไม่เลยครับมัลฟอยพูดขึ้น ผมยินดีทำตามที่ท่านต้องการ  ผมไม่กลัวเลยสักนิดเขาพูดอย่างหนักแน่น  นางมัลฟอยดูโล่งอกขึ้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น

                    ถึงยังไงแม่ก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ดี  แต่พอได้ยินอย่างนี้แม่ก็ค่อยเบาใจได้หน่อยนางนาร์ซิลซาร์พูดพลางยกผ้าเช็ดหน้าในมือขึ้นซับหัวตาเบา ๆ สีหน้าของนางดูดีขึ้นมากแม้ว่ามันจะแฝงความกังวลเอาไว้บ้างก็ตาม  ตรงกันข้ามกับมัลฟอย  ดวงตาสีเทาของเด็กหนุ่มดูเหม่อลอย  ราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ

                    ลูกคิดอะไรอยู่หรือ  เดรโกนางนาร์ซิลซาร์พูดขึ้นราวกับว่าเธออ่านใจลูกชายออก  มัลฟอยส่ายหน้าน้อย ๆ

                    เปล่าครับ  แม่มัลฟอยตอบ ผมคิดว่าจะกลับห้องแล้ว  แม่จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่เขาว่า  นางมัลฟอยมองลูกชายเพียงคนเดียวด้วยความกังวล           

                    งั้นก็ได้จ๊ะ  แล้วแม่จะให้เอลฟ์ไปเรียกตอนอาหารเย็นนะนางมัลฟอยพูดพลางเดินมาส่งลูกชายที่ประตูห้อง  มัลฟอยพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องไป

                   

                    ห้องนอนของมัลฟอยตั้งอยู่อีกปีกหนึ่งของคฤหาสน์  มันเป็นห้องที่กว้างขวางรองลงมาจากห้องนอนใหญ่ของพ่อและแม่ของเขา  ห้องนอนของเด็กหนุ่มกดุถูกตกแต่งด้วยเฉดสีเขียวและเงินเช่นเดียวกับห้องทุกห้องในคฤหาสน์หลังนี้ 

                    เมื่อมัลฟอยกลับไปถึงห้องนอน  สัมภาระของเขาก็ถูกขนมาไว้ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว  มัลฟอยมองกระเป๋าของตนที่วางอยู่บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจนัก  ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางโต๊ะหนังสือที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง  เด็กหนุ่มเปิดลิ้นชักก่อนจะดึงกระดาษ ปากกา  และขวดหมึกออกมา

                    มัลฟอยคลี่กระดาษออก  เขาจุ่มปากกาขนนกอินทรีลงในขวดหมึกเบา ๆ  ก่อนจะจรดปลายปากกาลงบนแผ่นกระดาษ  สิ่งที่เขาเขียนอ่านได้สั้น ๆ ว่า

                   

                    ถึง  เกรนเจอร์ 

     

                    ................................................

     

                    นาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงบอกเวลาเที่ยงคืนตรง  เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนของเธอ  และที่วางตรงหน้าเธอก็คือหนังสือการแปลงร่างขั้นสูงที่เปิดค้างไว้  เด็กสาวละสายตาจากหนังสือและเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีเข้มยามค่ำคืนเพื่อพักสายตาหลังจากที่เธอใช้มันอ่านหนังสือมาตั้งแต่หัวค่ำ

                    เฮอร์ไมโอนี่กลับมาอยู่บ้านในช่วงปิดเทอมได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว  และเด็กสาวก็ใช้เวลาทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาหมดไปกับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนในชั้นปีที่หก  และกังวลเรื่องผลสอบว.พ.ร.ส.ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์  อันที่จริงแล้วเรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่กังวลนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องผลสอบอย่างเดียวเท่านั้น  หลายต่อหลายครั้งที่เด็กสาวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง  และคิดว่าเมื่อไหร่นะเขาจะเขียนจดหมายมาถึงเธอบ้าง

                    แน่นอนว่า เขาที่เฮอร์ไมโอนี่หมายถึงนั้นก็คือ  เดรโก  มัลฟอย  เด็กหนุ่มเลือดบริสุทธิ์ที่มีฐานะเป็นศัตรูตัวฉกาจของเธอและเพื่อนรักทั้งสอง  แต่ในขณะเดียวกันมัลฟอยก็มีฐานะเป็นคนรักของเธอด้วย 

                    เฮอร์ไมโอนี่เหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่มีดวงดาวประดับอยู่ประปราย  เธอรู้สึกคิดถึงมัลฟอยอย่างประหลาด  แม้ว่าจะผ่านไปได้แค่อาทิตย์เดียว  แต่การที่เธอไม่ได้ยินข่าวคราวใด ๆ จากเขาเลยมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเป็นห่วงเขาอย่างมาก

                   

                    เงาดำทาบทับลงบนดวงจันทร์  เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองภาพนั้นอย่างสงสัย  จู่ ๆ เงานั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น  มันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีจนเธอพอจะมองออกว่าเป็นอะไร  นกฮูกตัวหนึ่งกางปีกบินอยู่ท่ามกลางความมืดยามราตรี  มันกระพือปีกเบา ๆ สองครั้งเพื่อทรงตัวก่อนจะลดระดับให้ต่ำลง  ขณะที่มันบินอยู่เหนือสวนสาธารณะใกล้บ้านเฮอร์ไมโอนี่  แสงไฟจากถนนทำให้เด็กสาวมองเห็นรูปร่างของมันอย่างชัดเจน

                    มันคือ แอรัลนกฮูกแก่หงำเหงือกของครอบครัววีสลีย์  และด้วยเหตุผลบางอย่างเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่รู้ว่ามันไม่ใช่นกฮูกเหยี่ยวของมัลฟอย

                    เฮอร์ไมโอนี่รีบเปิดหน้าต่างออกทันที  แอรัลร่อนลงบนโต๊ะหนังสือของเธอที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างก่อนจะลื่นไถลแล้วหล่นจากโต๊ะไป

                    โถ่เอ๊ย  ให้ตายสิ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหัวเสียพลางก้มลงไปหิ้วแอรัลขึ้นมาจากพื้น  แล้ววางมันลงบนหนังสือวิชาแปลงร่างของเธอที่เปิดค้างไว้  ที่ขาของนกฮูกชรามีจดหมายผูกอยู่  เฮอร์ไมโอนี่แกะมันออกแล้วจึงเปิดอ่าน  ลายมือหวัด ๆ ของรอนเป็นสิ่งแรกที่เด็กสาวเห็น

     

                    ถึง  เฮอร์ไมโอนี่

     

                    ฉันเพิ่งจะมีโอกาสได้เขียนถึงเธอนี่แหละ  เพราะตอนนี้ที่บ้านฉันเกิดเรื่องวุ่ยวายขึ้น  แต่ไม่ขอบอกเธอว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนะ  เอาไว้ฉันเจอเธอแล้วฉันค่อยเล่าให้ฟังละกัน  เรื่องมันยาวมากเกินกว่าจะเขียนลงในนี้ได้น่ะ  อีกอย่างฉันไม่อยากส่งอะไรมามากเกินไป  กลัวว่าเจ้าแก่แอรัลจะเป็นลมก่อนบินไปถึงบ้านเธอน่ะ  แล้วถ้าเธออยากรู้นะว่าทำไมฉันถึงไม่ใช้พิกวิดเจียน  ก็เพราะว่าจินนี่แอบเอามันไปใช้ส่งจดหมายหาดีน  โทมัสอยู่น่ะสิ  แล้วเจ้านกงี่เง่านั่นก็จำทางกลับบ้านไม่ได้  จนป่านนี้มันยังไม่ได้กลับมาเลย

                    เข้าเรื่องกันดีกว่า  ที่ฉันเขียนมาวันนี้ก็เพราะว่าพ่อกับแม่บอกให้ชวนเธอมาอยู่ที่บ้านเราตอนปิดเทอมนี้  ถ้าเธอตกลงก็ให้รีบตอบกลับมาเลยนะ  เพราะแม่กับพ่อฉันจะไปรับเธอในวันเสาร์หน้า  ส่วนแฮร์รี่นั้นพ่อฉันบอกว่าเขาจะต้องอยู่ที่บ้านลุงไปก่อนจนกว่าดัมเบิลดอร์จะไปรับเขามาด้วยตัวเอง  ที่จะบอกเธอก็มีเท่านี้แหละ  อย่าลืมเขียนตอบกลับมาล่ะ 

     

                    ป.ล. อ้อ  อย่าใช้เวลาอ่านหนังสือมากจนเกินไปล่ะ 

     

                    รัก 

     

                    รอน  วีสลีย์

     

                    พอเฮอร์ไมโอนี่อ่านจดหมายจบเธอก็เอามือจิ้มแอรัลที่นอนอยู่เบา ๆ เพื่อทดสอบว่ามันยังพอบินไหวอยู่รึเปล่า  แอรัลทำเสียงแปลก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวนิด ๆ

                    ก็คงพอไหวเฮอร์ไมโอนี่คิดพลางดึงกระดาษและปากกาออกมาจากลิ้นชัก  ก่อนจะลงมือเขียนจดหมายตอบรอน 

     

                    ถึง  รอน

     

                    ฉันดีใจจริง ๆ ที่เธอชวนฉันไปพักที่บ้าน  แน่นอนว่าฉันจะไป  แต่ฉันคงต้องขออนุญาตพ่อกับแม่ก่อนนะ  แต่ฉันก็คิดว่าพวกเขาจะอนุญาตแหละ 

                    ความจริงแล้วเธอไม่เห็นต้องรีบร้อนส่งจดหมายมาให้ฉันก็ได้นะ  ถ้าพิกวิดเจียนไม่ว่างเธอก็ไม่ควรใช้แอรัลอีก  เพราะตอนนี้มันเป็นลมอยู่บนหนังสือของฉัน  และฉันหวังก็ว่ามันคงจะพอมีแรงบินกลับไปหาเธอนะรอน

                    เธอบอกว่าพ่อกับแม่เธอจะมารับฉันในวันเสาร์หน้าใช่ไหม  ฉันจะได้เตรียมเก็บข้าวของไว้  แล้วเจอกันตอนวันเสาร์ล่ะ

     

                    ป.ล. ฉันคิดว่าเธอควรจะเอาเวลาไปอ่านหนังสือบ้างนะ    

     

                    รัก

     

                    เฮอร์ไมโอนี่

     

                    เฮอร์ไมโอนี่พับจดหมายใส่ซองแล้วผูกไว้ที่ขาแอรัลที่ดูเหมือนยังมึน ๆ ไม่หาย  ก่อนที่มันจะบินเซ ๆ ออกจากห้องนอนของเธอ  เด็กสาวเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ข้างเตียง  มันบอกว่าตอนนี้ใกล้ตีหนึ่งแล้ว

                    เฮอร์ไมโอนี่หยิบที่คั่นหนังสือมาวางบนหน้าที่เธออ่านค้างไว้ก่อนจะปิดหนังสือเล่มหนาเบา ๆ เด็กสาวเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างห้องนอนก่อนจะเดินมาที่เตียงของเธอและล้มตัวลงนอน  เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าเธอหลับไปได้นานเท่าไหร่  แต่เท่าที่เธอรู้เสียงใครบางคนเคาะหน้าต่างทำให้เธอตื่น  เธอลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับมองไปยังต้นเสียง

                    นกฮูกเหยี่ยวบินอยู่นอกหน้าต่างห้องนอนของเฮอร์ไมโอนี่  มันใช้เท้าหน้าเคาะกระจกเบา ๆ เด็กสาวรีบลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดหน้าต่างให้มันทันที  นกฮูกของมัลฟอยถลาลงบนโต๊ะหนังสืออย่างสง่างามต่างจากแอรัลโดยสิ้นเชิง  มันพองขนอย่างเย่อหยิ่งเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เอื่อมมือมาแกะจดหมายที่ผูกอยู่ตรงขา  และเมื่อทำหน้าที่เสร็จ  นกฮูกหนุ่มก็ออกบินไปในทันทีโดยไม่รอจดหมายตอบจากเฮอร์ไมโอนี่

     

                    อ้าว  เดี๋ยวก่อนสิ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพลางชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่าง  แต่ช้าไปแล้ว  นกฮูกเหยี่ยวของมัลฟอยบินหายไปในความมืดยามราตรีเสียแล้ว

                    เหมือนเจ้าของซะจริง ๆ  เด็กสาวคิดอย่างระอาก่อนจะเปิดจดหมายออกอ่าน

     

                    ถึง  เกรนเจอร์

     

                    ตามที่ฉันเคยพูดไว้ว่าจะเขียนจดหมายมาหาเธอเมื่อฉันว่าง  ซึ่งตอนนี้ฉันก็ได้ทำตามนั้นแล้ว  และต่อจากนี้ไปฉันเสียใจด้วยนะที่ต้องบอกว่า  ฉันจะไม่เขียนจดหมายมาหาเธออีก  ตลอดหน้าร้อนนี้

                    อย่าถามฉันว่าทำไมฉันถึงจะไม่เขียนถึงเธออีก  เพราะฉันมีเหตุผลของฉัน  และเป็นเหตุผลที่ฉันบอกเธอไม่ได้เสียด้วย  ในฤดูร้อนปีนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของฉันที่เปลี่ยนแปลงไป  มันช่างรวดเร็วจนฉันแทบจะตั้งตัวไม่ทัน  แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือก  ถึงอย่างไรฉันก็ต้องปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงนั้นให้ได้

                    แต่อย่างหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นอกจากตัวฉันแล้ว  ก็คือเรื่องของเรา  ฉันคงต้องบอกเธอนะว่าต่อไปนี้เรื่องของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว  ฉันรู้ว่าเธอคงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น  แต่ฉันก็หวังอย่างยิ่งว่าเธอจะเข้าใจฉัน  และสิ่งที่ฉันจะต้องทำลงไปหลังจากนี้

                    ฉันไม่สามารถบอกรายละเอียดกับเธอผ่านทางจดหมายนี่ได้  แต่ฉันหวังว่าเธอคงจะเข้าใจและยกโทษให้ฉัน  แต่ถึงอย่างไรฉันก็จะขอย้ำคำพูดเดิมว่า  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ฉันจะไม่มีทางทำร้ายเธอเด็ดขาด  ขอให้เธอมั่นใจได้

     

                    รัก

     

                    เดรโก  มัลฟอย 

     

                    เฮอร์ไมโอนี่มองจดหมายที่อยู่ในมือด้วยแววตาสีน้ำตาลที่ดูสับสน  เธอตกใจเหลือเกินกับสิ่งที่มัลฟอยได้บอกเธอผ่านจดหมายฉบับนี้  มันดูราวกับว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น  บางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะแยกพวกเขาสองคนออกจากกัน!

     

                    เรื่องของเราจะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไปอย่างนั้นหรือเฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างเศร้าสร้อย  แต่ความจริงแล้วเรื่องของเธอและมัลฟอยนั้นไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ  เด็กสาวยังแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงดำเนินมาจนถึงป่านนี้ได้

                    เฮอร์ไมโอนี่พับจดหมายของมัลฟอยเก็บลงในซองอย่างเบามือ  ก่อนจะใส่มันลงไปในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือ  เด็กสาวปิดโคมไฟบนโต๊ะก่อนจะเดินมาที่เตียงและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง  แต่ในครั้งนี้เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกว่ามันยากที่ข่มตาหลับอีกต่อไป 

                    เด็กสาวลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดและเหม่อมองไปยังเพดาน  ในใจของเธอสับสนอย่างประหลาด  เธอรู้ดีว่ามีอุปสรรคมากมายรอเธอและมัลฟอยอยู่ในภายภาคหน้า  และเธอก็ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเธอและเขาจะผ่านพ้นมันไปได้ไหม  แต่ในตอนนี้ที่เธอมั่นใจได้เพียงอย่างเดียวก็คือสิ่งที่มัลฟอยได้บอกเธอไปเมื่อครู่

     

                    แต่ถึงอย่างไรฉันก็จะขอย้ำคำพูดเดิมว่า  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ฉันจะไม่มีทางทำร้ายเธอเด็ดขาด

     

                    เป็นเพราะคำพูดนั้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่ปิดเปลือกตาลงอย่างเป็นสุข  และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่รอคอยเธอและเขาอยู่ในภายภาคหน้า 

     

     

    ************************************************

            
                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×