คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Lord Vortdermorts Orders [คำสั่งของลอร์ดโวลเดอมอร์]
***Chapter 2 Lord Vortdermort’s Orders [คำสั่งของลอร์ดโวลเดอมอร์]***
“แกเป็นใคร! เข้ามาทำอะไรในบ้านฉัน!” มัลฟอยพูดพร้อมกับชี้ไม้กายสิทธิ์ไปทางหางหนอนที่ไม่มีท่าทีหวั่นเกรงต่อสถานะภาพเสียเปรียบของตัวเองเลย เขาดูเหมือนจะไม่สนใจปลายไม้ของเดรโกที่ชี้มาทางเขาเท่าไหร่นัก ตรงกันข้ามหางหนอนกลับก้าวเข้ามาทางเดรโกและแม่ของเขาอีกสองก้าว
“ถ้าแกเข้ามาอีกฉันจะสาปแกแน่!” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกว่าถ้าขืนเข้ามาใกล้กว่านี้เขาเอาจริงแน่! และเมื่อเป็นเช่นนั้นหางหนอนจึงยอมหยุดฝีเท้าโดยดี แววตาหยีเล็กของเขาจ้องมองที่มัลฟอย ก่อนจะเลื่อนไปยังนาร์ซิลซาร์ที่ตอนนี้กำลังใช้แผ่นหลังลูกชายเป็นเกราะกำบังอยู่
“ผมคิดว่าคุณนายได้บอกลูกชายของคุณนายแล้วเรื่องการมาเยือนของผมแล้วเสียอีก” หางหนอนพูดกับนางนาร์ซิลซาร์ที่มีสีหน้ากระอักกระอ่วนใจ
“แต่เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่รู้อะไรเลย” หางหนอนจบประโยคด้วยการเลื่อนสายตาไปมองหน้าเดรโกอีกครั้ง
“เขาเพิ่งกลับมาถึงบ้าน ฉันยังไม่ทันได้บอกเขาเลย” นางนาร์ซิลซาร์พูดขึ้น มัลฟอยหันไปมองแม่เขาทันที พร้อมกับถามขึ้นว่า
“มีอะไรหรือแม่ แม่จะบอกผมเรื่องอะไร”เด็กหนุ่มถามมารดาของเขาที่มีสีหน้าลำบากใจราวกับไม่อยากให้ลูกชายได้รับรู้เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ถ้าคุณยังไม่บอกเขา งั้นผมคงต้องคุยกับเขาเองแล้วล่ะ” หางหนอนพูดขึ้น พร้อมกับพาร่างอ้วนเตี้ยไปยังโซฟาหน้าเตาผิง และนั่งลงก่อนที่เจ้าของบ้านจะได้เชื้อเชิญ
“นี่แก!” มัลฟอยพูดขึ้นอย่างไม่พอใจนัก เพราะโซฟาราคาแพงของพ่อเขาไม่คู่ควรถูกสัมผัสด้วยผิวหนังสกปรกของชายคนนี้เลยแม้แต่น้อย แต่ก่อนที่เด็กหนุ่มจะได้พูดอะไรออกไปมากกว่านั้น นางนาร์ซิลซาร์ก็มาเข้ามาลากลูกชายให้ไปนั่งที่โซฟาเสียก่อน
มัลฟอยนั่งลงตรงข้ามกับหางหนอน พลางสำรวจอากัปกิริยาของอีกฝ่าย เด็กหนุ่มไม่เข้าใจเลยว่าเหตุใดแม่ของเขาถึงต้องต้อนรับชายร่างเตี้ยท่าทางน่าเกลียดคนนี้ด้วย แทนที่จะสั่งให้เอลฟ์โยนมันออกไปข้างนอก โทษฐานบุกรุกคฤหาสน์ของเขา
“ที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อทำตามคำสั่งของเจ้านาย” หางหนอนเกริ่นขึ้น “แต่เห็นได้ชัดว่าลูกชายของคุณยังไม่ได้รับรู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่น้อย คุณนายมัลฟอย เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าผมเป็นใคร” เขาพูดพลางมองเดรโกและนาร์ซิลซาร์สลับกันไปมา
“ฉันบอกให้ก็ได้ว่าแกมันก็แค่ไอ้โสโครกคนหนึ่งที่สมควรถูกจับโยนออกไปข้างนอกเพราะว่าแกบุกรุกเข้ามาในคฤหาสน์ของฉัน!” มัลฟอยเอ่ยอย่างมีโทสะ นางนาร์ซิลซาร์ตาโตและทำท่าจะปรามลูกชาย แต่หางหนอนพูดขึ้นก่อน
“ฉันจะไม่ถือสากับความอวดดีของเธอนะ และฉันก็จะบอกด้วยว่าจริงแล้ว ๆ ชื่อของฉันคือหางหนอน” เขาพูด เกิดความเงียบขึ้นทันทีที่เขาพูดจบ
“แกน่ะเหรอคือหางหนอน สมุนของจอมมาร” มัลฟอยพูดขึ้นราวกับไม่เชื่อ แต่เมื่อผ่านไปสักสองสามวินาทีเด็กหนุ่มก็เปลี่ยนความคิดของเขาไปโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าชายรูปร่างอ้วนเตี้ยคนนี้จะดูยังไง ๆ ก็ไม่เหมือนว่าเป็นผู้เสพความตายก็เถอะ แต่จากที่พ่อของมัลฟอยเคยเล่าให้เขาฟังนั้น หางหนอนเป็นคนที่ขี้ขลาด ถึงขนาดยอมขายเพื่อนเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองไว้ และอีกอย่างการที่หางหนอนกลับมารับใช้ลอร์ดโวลเดอมอร์อีกครั้งก็เพราะว่าเขาสิ้นหนทางไป ที่หางหนอนอยู่รับใช้จอมมารจนถึงทุกวันนี้ก็เพราะความหวาดกลัว ไม่ใช่เพราะความจงรักภักดีแต่อย่างใด
ความเงียบที่เกิดขึ้นถูกทำลายด้วยคำพูดต่อไปของหางหนอน คำพูดที่ทำให้มัลฟอยได้รู้ถึงชะตากรรมของเขาต่อจากนี้ไป
“ที่ฉันมาที่นี่ในวันนี้ก็เพราะฉันได้รับคำสั่งจากจอมมาร เรื่องของเธอเดรโก” หางหนอนพูด นางมัลฟอยขยำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ใบหน้าของนางซีดขาว
“คำสั่งจากจอมมารรึ” มัลฟอยทวนคำ “ท่านต้องการอะไรจากผม” เด็กหนุ่มถาม หางหนอนมองหน้าเขาแวบหนึ่ง ด้วยแววตาที่ดูเหมือนจะเห็นใจ ก่อนจะพูดออกมาว่า
“จอมมารต้องการให้เธอเข้าร่วมเป็นผู้เสพความตาย และหลังจากนั้นเขาจะมอบภารกิจบางอย่างให้เธอ”
................................................
“เข้าร่วมเป็นผู้เสพความตาย ผมน่ะเหรอ!” มัลฟอยทวนคำอย่างสับสน เขารู้สึกตกใจไม่น้อยที่ได้ยินเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะรู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าสักวันจอมมารคงต้องการให้เขาไปรับใช้ท่าน อย่างที่พ่อของเขาเคยทำ แต่มัลฟอยไม่คิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้!
“ใช่ จอมมารได้กำหนดวันที่จะประทับตรามารให้เธอเรียบร้อยแล้ว ในคืนวันเสาร์หลังจากนี้อีกสองอาทิตย์ เหล่าผู้เสพความตายจะมารวมตัวกันที่สุสานครอบครัวริดเดิ้ล เพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่” หางหนอนพูด
“แต่ผมยังไม่พร้อม.......ผมหมายถึง.......ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจอมมารจะรับคนอายุอย่างผมเป็นผู้เสพความตาย” มัลฟอยแย้งขึ้น
“เดิมทีก็เป็นอย่างนั้น แต่ในตอนนี้สถานการ์ณได้เปลี่ยนไปแล้ว” หางหนอนอธิบาย “จริงอยู่ แต่ก่อนจอมมารจะไม่รับคนที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะมาเป็นสมุนรับใช้ เพราะว่าคนพวกนั้นทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว ตอนนี้จอมมารต้องการกำลังคนสำหรับทำงานใหญ่ อย่างที่ฉันบอกนั่นแหละ ท่านจะมอบหมายงานสำคัญอย่างหนึ่งให้เธอทำหลังจากที่เธอได้รับการประทับตราแล้ว และถ้าเธอทำงานนี้สำเร็จเธอจะได้ความดีความชอบอย่างมากทีเดียว” หางหนอนจบประโยคด้วยเสียงแหบพร่า ความเงียบเข้ามาปกคลุมคนทั้งสามอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันช่างยาวนานและน่าอึดอัดยิ่งนัก มัลฟอยพิงแผ่นหลังลงบนโซฟา เขาสัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็นเฉียบเต็มแผ่นหลัง
จอมมารต้องการตัวเขาไปรับใช้เพื่อทำงานสำคัญอย่างหนึ่ง มัลฟอยรู้ดีว่าเขาไม่มีทางปฏิเสธอะไรได้ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่าชะตาชีวิตของเขามันต้องเดินมาในทางนี้ แต่มัลฟอยไม่คิดเลยว่าเรื่องทุกอย่างมันจะเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างนี้
อีกครั้งหนึ่งที่ความเงียบได้ถูกทำลายลง และครั้งนี้ผู้ที่เอ่ยปากพูดขึ้นมาก็คือนางนาร์ซิลซาร์ มารดาของเดรโก
“ทำไมต้องเป็นเขาด้วย” นาร์ซิลซาร์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแปลกเปร่ง ราวกับว่าเธอต้องใช้ความพยายามอย่างมากบังคับเสียงของเธอให้ฟังดูราบเรียบที่สุด “จอมมารก็มีสมุนมากมายไม่ใช่รึ แล้วทำไมต้องจำเพาะเจาะจงให้เดรโกไปทำงานสำคัญนั้นด้วย” นางถามหางหนอนที่กำลังถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ
“จริงอยู่ว่าจอมมารมีสมุนอยู่มากมาย และงานสำคัญนี้ก็ไม่ได้มีเขาทำแค่คนเดียว แต่มีผู้เสพความตายอีกหลายต่อหลายคนที่พร้อมจะช่วยเหลือเขา แต่ถึงอย่างไรงานนี้ก็จะสำเร็จไม่ได้ ถ้าไม่มีเดรโก” หางหนอนพูด นางนาร์ซิลซาร์ดูอึ้งไปพักหนึ่ง แต่ในที่สุดเธอก็ทำท่าทีเหมือนยอมรับได้
“ผมมาเพื่อแจ้งทุกอย่างตามนี้ และผมก็คิดว่าหน้าที่ของผมได้จบลงแล้ว” หางหนอนพูดพลางลุกขึ้นยืน “ ฉันจะมาที่นี่อีกครั้งในคืนวันเสาร์อีกสองอาทิตย์ข้างหน้าเพื่อมารับตัวเธอ” หางหนอนพูดกับเดรโก เขามองเด็กหนุ่มด้วยดวงตาหยีเล็ก ก่อนจะเลื่อนสายตามายังนางนาร์ซิลซาร์
“แล้วเจอกันนะครับ คุณนายมัลฟอย” เขากล่าวอำลา หลังจากนั้นเสียงดังขวับราวกับแส้ฟาดอากาศก็ดังขึ้น เมื่อมัลฟอยลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หางหนอนก็หายตัวไปแล้ว
ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง นาร์ซิลซาร์หันมามองลูกชายของนางอย่างอับจนในคำพูด
“แม่เสียใจ เดรโก” นางมัลฟอยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “แม่ไม่ต้องการให้เป็นอย่างนี้เลย แม่บอกเขาแล้วว่าลูกยังเด็กเกินไป” หล่อนพูด มัลฟอยมองแม่ของเขาอย่างสงสาร
“ไม่เป็นไรครับแม่ มันไม่ใช่ความผิดของแม่หรอก ผมรู้ครับว่าแม่ไม่มีทางเลือก เราไม่มีทางเลือก” มัลฟอยพูด
“แต่ถึงอย่างไรแม่ก็ไม่อยากให้ลูกไปอยู่ดี งานสำคัญที่จอมมารให้ทำ แม่นึกไม่ออกเลยว่ามันจะอันตรายแค่ไหน” นางมัลฟอยพูดพลางขยี้ผ้าเช็ดหน้าเข้ากับดวงตา
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับแม่ ผมว่าผมเอาตัวรอดได้” มัลฟอยพูดอย่างปลอบโยน แม้ในใจของเขาก็ยังหวั่นกลัวกับภารกิจที่จะได้รับอยู่ไม่น้อยก็ตาม
“ลูกไม่กลัวเลยรึเดรโก” นางนาร์ซิลซาร์เงยหน้าขึ้นถามลูกชาย มัลฟอยเงียบไปสักพักหนึ่ง คำพูดของใครบางคนแวบเข้ามาในหัวสมอง
‘ ความกลัวนั้นไม่มีอยู่ในพจนานุกรมของลูกผู้ชายตระกูลมัลฟอย ทายาทของตระกูลนี้ต้องไม่รู้จักกับคำว่ากลัว แม้ว่าจะอยู่ในสถานะการณ์ไหนก็ตาม ‘
นั่นเป็นคำพูดของลูเซียส มัลฟอย พ่อของเดรโกที่เคยสอนเขาไว้ตั้งแต่เล็ก และจนบัดนี้มัลฟอยก็ยังยึดมั่นคำสอนนี้ไว้ในใจเสมอ
“ไม่เลยครับ” มัลฟอยพูดขึ้น “ผมยินดีทำตามที่ท่านต้องการ ผมไม่กลัวเลยสักนิด” เขาพูดอย่างหนักแน่น นางมัลฟอยดูโล่งอกขึ้นทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น
“ถึงยังไงแม่ก็ยังเป็นห่วงลูกอยู่ดี แต่พอได้ยินอย่างนี้แม่ก็ค่อยเบาใจได้หน่อย” นางนาร์ซิลซาร์พูดพลางยกผ้าเช็ดหน้าในมือขึ้นซับหัวตาเบา ๆ สีหน้าของนางดูดีขึ้นมากแม้ว่ามันจะแฝงความกังวลเอาไว้บ้างก็ตาม ตรงกันข้ามกับมัลฟอย ดวงตาสีเทาของเด็กหนุ่มดูเหม่อลอย ราวกับว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
“ลูกคิดอะไรอยู่หรือ เดรโก” นางนาร์ซิลซาร์พูดขึ้นราวกับว่าเธออ่านใจลูกชายออก มัลฟอยส่ายหน้าน้อย ๆ
“เปล่าครับ แม่” มัลฟอยตอบ “ผมคิดว่าจะกลับห้องแล้ว แม่จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่” เขาว่า นางมัลฟอยมองลูกชายเพียงคนเดียวด้วยความกังวล
“งั้นก็ได้จ๊ะ แล้วแม่จะให้เอลฟ์ไปเรียกตอนอาหารเย็นนะ” นางมัลฟอยพูดพลางเดินมาส่งลูกชายที่ประตูห้อง มัลฟอยพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ห้องนอนของมัลฟอยตั้งอยู่อีกปีกหนึ่งของคฤหาสน์ มันเป็นห้องที่กว้างขวางรองลงมาจากห้องนอนใหญ่ของพ่อและแม่ของเขา ห้องนอนของเด็กหนุ่ม ถูกตกแต่งด้วยเฉดสีเขียวและเงินเช่นเดียวกับห้องทุกห้องในคฤหาสน์หลังนี้
เมื่อมัลฟอยกลับไปถึงห้องนอน สัมภาระของเขาก็ถูกขนมาไว้ที่ห้องเรียบร้อยแล้ว มัลฟอยมองกระเป๋าของตนที่วางอยู่บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางโต๊ะหนังสือที่ตั้งอยู่อีกมุมหนึ่งของห้อง เด็กหนุ่มเปิดลิ้นชักก่อนจะดึงกระดาษ ปากกา และขวดหมึกออกมา
มัลฟอยคลี่กระดาษออก เขาจุ่มปากกาขนนกอินทรีลงในขวดหมึกเบา ๆ ก่อนจะจรดปลายปากกาลงบนแผ่นกระดาษ สิ่งที่เขาเขียนอ่านได้สั้น ๆ ว่า
‘ ถึง เกรนเจอร์ ’
................................................
นาฬิกาปลุกที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างเตียงบอกเวลาเที่ยงคืนตรง เฮอร์ไมโอนี่กำลังนั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนของเธอ และที่วางตรงหน้าเธอก็คือหนังสือการแปลงร่างขั้นสูงที่เปิดค้างไว้ เด็กสาวละสายตาจากหนังสือและเหม่อมองไปยังท้องฟ้าสีเข้มยามค่ำคืนเพื่อพักสายตาหลังจากที่เธอใช้มันอ่านหนังสือมาตั้งแต่หัวค่ำ
เฮอร์ไมโอนี่กลับมาอยู่บ้านในช่วงปิดเทอมได้หนึ่งอาทิตย์แล้ว และเด็กสาวก็ใช้เวลาทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาหมดไปกับการอ่านหนังสือเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเรียนในชั้นปีที่หก และกังวลเรื่องผลสอบว.พ.ร.ส.ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ อันที่จริงแล้วเรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่กังวลนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องผลสอบอย่างเดียวเท่านั้น หลายต่อหลายครั้งที่เด็กสาวเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง และคิดว่าเมื่อไหร่นะเขาจะเขียนจดหมายมาถึงเธอบ้าง
แน่นอนว่า ‘ เขา ’ ที่เฮอร์ไมโอนี่หมายถึงนั้นก็คือ เดรโก มัลฟอย เด็กหนุ่มเลือดบริสุทธิ์ที่มีฐานะเป็นศัตรูตัวฉกาจของเธอและเพื่อนรักทั้งสอง แต่ในขณะเดียวกันมัลฟอยก็มีฐานะเป็นคนรักของเธอด้วย
เฮอร์ไมโอนี่เหม่อมองออกไปยังท้องฟ้าที่มีดวงดาวประดับอยู่ประปราย เธอรู้สึกคิดถึงมัลฟอยอย่างประหลาด แม้ว่าจะผ่านไปได้แค่อาทิตย์เดียว แต่การที่เธอไม่ได้ยินข่าวคราวใด ๆ จากเขาเลยมันทำให้เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเป็นห่วงเขาอย่างมาก
เงาดำทาบทับลงบนดวงจันทร์ เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองภาพนั้นอย่างสงสัย จู่ ๆ เงานั้นก็ขยายใหญ่ขึ้น มันเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีจนเธอพอจะมองออกว่าเป็นอะไร นกฮูกตัวหนึ่งกางปีกบินอยู่ท่ามกลางความมืดยามราตรี มันกระพือปีกเบา ๆ สองครั้งเพื่อทรงตัวก่อนจะลดระดับให้ต่ำลง ขณะที่มันบินอยู่เหนือสวนสาธารณะใกล้บ้านเฮอร์ไมโอนี่ แสงไฟจากถนนทำให้เด็กสาวมองเห็นรูปร่างของมันอย่างชัดเจน
มันคือ ‘ แอรัล ’ นกฮูกแก่หงำเหงือกของครอบครัววีสลีย์ และด้วยเหตุผลบางอย่างเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่รู้ว่ามันไม่ใช่นกฮูกเหยี่ยวของมัลฟอย
เฮอร์ไมโอนี่รีบเปิดหน้าต่างออกทันที แอรัลร่อนลงบนโต๊ะหนังสือของเธอที่ตั้งอยู่ริมหน้าต่างก่อนจะลื่นไถลแล้วหล่นจากโต๊ะไป
“โถ่เอ๊ย ให้ตายสิ!” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหัวเสียพลางก้มลงไปหิ้วแอรัลขึ้นมาจากพื้น แล้ววางมันลงบนหนังสือวิชาแปลงร่างของเธอที่เปิดค้างไว้ ที่ขาของนกฮูกชรามีจดหมายผูกอยู่ เฮอร์ไมโอนี่แกะมันออกแล้วจึงเปิดอ่าน ลายมือหวัด ๆ ของรอนเป็นสิ่งแรกที่เด็กสาวเห็น
ถึง เฮอร์ไมโอนี่
ฉันเพิ่งจะมีโอกาสได้เขียนถึงเธอนี่แหละ เพราะตอนนี้ที่บ้านฉันเกิดเรื่องวุ่ยวายขึ้น แต่ไม่ขอบอกเธอว่ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นนะ เอาไว้ฉันเจอเธอแล้วฉันค่อยเล่าให้ฟังละกัน เรื่องมันยาวมากเกินกว่าจะเขียนลงในนี้ได้น่ะ อีกอย่างฉันไม่อยากส่งอะไรมามากเกินไป กลัวว่าเจ้าแก่แอรัลจะเป็นลมก่อนบินไปถึงบ้านเธอน่ะ แล้วถ้าเธออยากรู้นะว่าทำไมฉันถึงไม่ใช้พิกวิดเจียน ก็เพราะว่าจินนี่แอบเอามันไปใช้ส่งจดหมายหาดีน โทมัสอยู่น่ะสิ แล้วเจ้านกงี่เง่านั่นก็จำทางกลับบ้านไม่ได้ จนป่านนี้มันยังไม่ได้กลับมาเลย
เข้าเรื่องกันดีกว่า ที่ฉันเขียนมาวันนี้ก็เพราะว่าพ่อกับแม่บอกให้ชวนเธอมาอยู่ที่บ้านเราตอนปิดเทอมนี้ ถ้าเธอตกลงก็ให้รีบตอบกลับมาเลยนะ เพราะแม่กับพ่อฉันจะไปรับเธอในวันเสาร์หน้า ส่วนแฮร์รี่นั้นพ่อฉันบอกว่าเขาจะต้องอยู่ที่บ้านลุงไปก่อนจนกว่าดัมเบิลดอร์จะไปรับเขามาด้วยตัวเอง ที่จะบอกเธอก็มีเท่านี้แหละ อย่าลืมเขียนตอบกลับมาล่ะ
ป.ล. อ้อ อย่าใช้เวลาอ่านหนังสือมากจนเกินไปล่ะ
รัก
รอน วีสลีย์
พอเฮอร์ไมโอนี่อ่านจดหมายจบเธอก็เอามือจิ้มแอรัลที่นอนอยู่เบา ๆ เพื่อทดสอบว่ามันยังพอบินไหวอยู่รึเปล่า แอรัลทำเสียงแปลก ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับตัวนิด ๆ
‘ ก็คงพอไหว ’ เฮอร์ไมโอนี่คิดพลางดึงกระดาษและปากกาออกมาจากลิ้นชัก ก่อนจะลงมือเขียนจดหมายตอบรอน
ถึง รอน
ฉันดีใจจริง ๆ ที่เธอชวนฉันไปพักที่บ้าน แน่นอนว่าฉันจะไป แต่ฉันคงต้องขออนุญาตพ่อกับแม่ก่อนนะ แต่ฉันก็คิดว่าพวกเขาจะอนุญาตแหละ
ความจริงแล้วเธอไม่เห็นต้องรีบร้อนส่งจดหมายมาให้ฉันก็ได้นะ ถ้าพิกวิดเจียนไม่ว่างเธอก็ไม่ควรใช้แอรัลอีก เพราะตอนนี้มันเป็นลมอยู่บนหนังสือของฉัน และฉันหวังก็ว่ามันคงจะพอมีแรงบินกลับไปหาเธอนะรอน
เธอบอกว่าพ่อกับแม่เธอจะมารับฉันในวันเสาร์หน้าใช่ไหม ฉันจะได้เตรียมเก็บข้าวของไว้ แล้วเจอกันตอนวันเสาร์ล่ะ
ป.ล. ฉันคิดว่าเธอควรจะเอาเวลาไปอ่านหนังสือบ้างนะ
รัก
เฮอร์ไมโอนี่
เฮอร์ไมโอนี่พับจดหมายใส่ซองแล้วผูกไว้ที่ขาแอรัลที่ดูเหมือนยังมึน ๆ ไม่หาย ก่อนที่มันจะบินเซ ๆ ออกจากห้องนอนของเธอ เด็กสาวเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งอยู่ข้างเตียง มันบอกว่าตอนนี้ใกล้ตีหนึ่งแล้ว
เฮอร์ไมโอนี่หยิบที่คั่นหนังสือมาวางบนหน้าที่เธออ่านค้างไว้ก่อนจะปิดหนังสือเล่มหนาเบา ๆ เด็กสาวเอื้อมมือไปปิดหน้าต่างห้องนอนก่อนจะเดินมาที่เตียงของเธอและล้มตัวลงนอน เฮอร์ไมโอนี่ไม่รู้ว่าเธอหลับไปได้นานเท่าไหร่ แต่เท่าที่เธอรู้เสียงใครบางคนเคาะหน้าต่างทำให้เธอตื่น เธอลุกขึ้นจากที่นอนพร้อมกับมองไปยังต้นเสียง
นกฮูกเหยี่ยวบินอยู่นอกหน้าต่างห้องนอนของเฮอร์ไมโอนี่ มันใช้เท้าหน้าเคาะกระจกเบา ๆ เด็กสาวรีบลุกขึ้นจากเตียงและเดินไปเปิดหน้าต่างให้มันทันที นกฮูกของมัลฟอยถลาลงบนโต๊ะหนังสืออย่างสง่างามต่างจากแอรัลโดยสิ้นเชิง มันพองขนอย่างเย่อหยิ่งเมื่อเฮอร์ไมโอนี่เอื่อมมือมาแกะจดหมายที่ผูกอยู่ตรงขา และเมื่อทำหน้าที่เสร็จ นกฮูกหนุ่มก็ออกบินไปในทันทีโดยไม่รอจดหมายตอบจากเฮอร์ไมโอนี่
“อ้าว เดี๋ยวก่อนสิ!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องพลางชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่าง แต่ช้าไปแล้ว นกฮูกเหยี่ยวของมัลฟอยบินหายไปในความมืดยามราตรีเสียแล้ว
‘ เหมือนเจ้าของซะจริง ๆ ’ เด็กสาวคิดอย่างระอาก่อนจะเปิดจดหมายออกอ่าน
ถึง เกรนเจอร์
ตามที่ฉันเคยพูดไว้ว่าจะเขียนจดหมายมาหาเธอเมื่อฉันว่าง ซึ่งตอนนี้ฉันก็ได้ทำตามนั้นแล้ว และต่อจากนี้ไปฉันเสียใจด้วยนะที่ต้องบอกว่า ฉันจะไม่เขียนจดหมายมาหาเธออีก ตลอดหน้าร้อนนี้
อย่าถามฉันว่าทำไมฉันถึงจะไม่เขียนถึงเธออีก เพราะฉันมีเหตุผลของฉัน และเป็นเหตุผลที่ฉันบอกเธอไม่ได้เสียด้วย ในฤดูร้อนปีนี้มีหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตของฉันที่เปลี่ยนแปลงไป มันช่างรวดเร็วจนฉันแทบจะตั้งตัวไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มีทางเลือก ถึงอย่างไรฉันก็ต้องปรับตัวกับความเปลี่ยนแปลงนั้นให้ได้
แต่อย่างหนึ่งที่จะได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นอกจากตัวฉันแล้ว ก็คือเรื่องของเรา ฉันคงต้องบอกเธอนะว่าต่อไปนี้เรื่องของเราจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ฉันรู้ว่าเธอคงตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ฉันก็หวังอย่างยิ่งว่าเธอจะเข้าใจฉัน และสิ่งที่ฉันจะต้องทำลงไปหลังจากนี้
ฉันไม่สามารถบอกรายละเอียดกับเธอผ่านทางจดหมายนี่ได้ แต่ฉันหวังว่าเธอคงจะเข้าใจและยกโทษให้ฉัน แต่ถึงอย่างไรฉันก็จะขอย้ำคำพูดเดิมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่มีทางทำร้ายเธอเด็ดขาด ขอให้เธอมั่นใจได้
รัก
เดรโก มัลฟอย
เฮอร์ไมโอนี่มองจดหมายที่อยู่ในมือด้วยแววตาสีน้ำตาลที่ดูสับสน เธอตกใจเหลือเกินกับสิ่งที่มัลฟอยได้บอกเธอผ่านจดหมายฉบับนี้ มันดูราวกับว่ากำลังจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น บางสิ่งบางอย่างที่กำลังจะแยกพวกเขาสองคนออกจากกัน!
‘ เรื่องของเราจะไม่มีทางเหมือนเดิมอีกต่อไปอย่างนั้นหรือ ’ เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างเศร้าสร้อย แต่ความจริงแล้วเรื่องของเธอและมัลฟอยนั้นไม่ควรจะเกิดขึ้นตั้งแต่แรกด้วยซ้ำ เด็กสาวยังแปลกใจเลยว่าทำไมมันถึงดำเนินมาจนถึงป่านนี้ได้
เฮอร์ไมโอนี่พับจดหมายของมัลฟอยเก็บลงในซองอย่างเบามือ ก่อนจะใส่มันลงไปในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือ เด็กสาวปิดโคมไฟบนโต๊ะก่อนจะเดินมาที่เตียงและล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกว่ามันยากที่ข่มตาหลับอีกต่อไป
เด็กสาวลืมตาโพลงท่ามกลางความมืดและเหม่อมองไปยังเพดาน ในใจของเธอสับสนอย่างประหลาด เธอรู้ดีว่ามีอุปสรรคมากมายรอเธอและมัลฟอยอยู่ในภายภาคหน้า และเธอก็ไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าเธอและเขาจะผ่านพ้นมันไปได้ไหม แต่ในตอนนี้ที่เธอมั่นใจได้เพียงอย่างเดียวก็คือสิ่งที่มัลฟอยได้บอกเธอไปเมื่อครู่
‘ แต่ถึงอย่างไรฉันก็จะขอย้ำคำพูดเดิมว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะไม่มีทางทำร้ายเธอเด็ดขาด ‘
เป็นเพราะคำพูดนั้นทำให้เฮอร์ไมโอนี่ปิดเปลือกตาลงอย่างเป็นสุข และพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่รอคอยเธอและเขาอยู่ในภายภาคหน้า
************************************************
ความคิดเห็น