ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Thor] Fire and Ice [Loki/OC]

    ลำดับตอนที่ #2 : การสู้รบของสองราชันย์: King VS King

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 57



    ***Chapter 2 King VS King: การสู้รบของสองราชันย์***

     

    ฝ่าบาท  ท่านต้องการพบพวกเราอย่างนั้นหรือ เลดี้ซิฟกล่าวขึ้นขณะที่นางและสามสหายนักรบของนางกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าโลกิ  แววตาทั้งสี่คู่ที่จ้องมองมาทางเจ้าเหนือหัวของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยความจงรักภักดี  และแน่นอนว่าดวงตาทุกคู่นั้นล้วนเป็นสีฟ้าอ่อนเพราะมันต้องมนต์สะกดจากพลังอำนาจของเทสเซอร์แรคที่โลกิใช้สะกดคนที่เขาแน่ใจว่าจะต้องขัดขืนเขาเอาไว้

    โลกิยิ้มให้นักรบทั้งสี่ก่อนจะกล่าวขึ้น

    ข้าได้ข่าวว่านอร์นไฮม์ก่อกบฎขึ้น  อาจจะเป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมรับในสิทธิการครองบัลลังค์ของข้า เขาเริ่มพูดพร้อมกับเดินวนไปมาหน้าบัลลังค์

    พวกนั้นช่างไร้ความคิดที่ไม่ยอมรับท่านเป็นกษัตริย์เหนือหัวของพวกเขา เลดี้ซิฟพูดขึ้นมา  และเพราะคำพูดนั้นเองที่ทำให้โลกิชะงักฝีเท้าและหันไปยิ้มให้กับนาง

    แน่นอนว่าข้าไม่สนใจว่าพวกนั้นจะคิดยังไง  หรือจะยอมรับข้าหรือไม่ เขาพูด  ขณะที่ในใจเขาคิดว่า  แน่นอนว่าเจ้าคงคิดแบบเดียวกัน  หากเจ้าไม่ตกอยู่ในมนต์สะกดแบบนี้  ซิฟ  แต่แน่นอนว่าโลกิก็ฉลาดพอที่จะไม่พูดความในใจของเขาออกไปจนหมด  ตรงกันข้ามเขาพูดขึ้นว่า

    ที่ข้าต้องการมีเพียงแค่ความสงบสุขของแอสการ์ดและอาณาจักรทั้งเก้าเท่านั้น  พวกเจ้าจงนำทัพไปปราบนอร์นไฮม์และสั่งสอนพวกมัน  ให้พวกมันรู้ผลของการกระทำครั้งนี้เสีย โลกิพูดขณะที่เขายืนประจันหน้านักรบทั้งสี่  ก่อนที่ทั้งหมดจะก้มศีรษะพร้อมกับรับคำอย่างหนักแน่น

    เราจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง  ฝ่าบาท เลดี้ซิฟพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจก่อนที่นางและนักรบทั้งสามจะก้มศีรษะเพื่อเป็นการทำความเคารพกษัตริย์ของพวกเขาแล้วจึงเดินจากไปเพื่อทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย  โดยมีเสียงของโลกิดังไล่หลังตามมา

    ข้าจะดูการรบของพวกเจ้าอยู่บนนี้ โลกิกล่าวก่อนจะนั่งลงบนบัลลังค์ของโอดินที่ทำให้ผู้นั่งสามารถมองเห็นความเป็นไปในอาณาจักรทั้งหลายได้อีกครั้ง  ขณะที่เขามองเลดี้ซิฟและนักรบทั้งสามเดินออกไปจากท้องพระโรงด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความพึงพอใจ

     

    …………………………………………………………………..

     

    แม้ว่าจะรู้สึกพอใจที่การเปิดศึกกับนอร์นไฮม์ทำให้การปกครองในรัชสมัยของเขาน่าเบื่อน้อยลงก็ตาม  แต่ถึงหลังจากผ่านไปไม่นานนักโลกิก็รู้สึกว่าการนั่งดูภาพสมรภูมิจากบังลังค์ของแอสการ์ดช่างน่าเบื่อเสียนี่กระไร  ความสนุกสนานตื่นเต้นจากการเปิดสงครามคงอยู่ได้ไม่กี่วันก่อนที่เขาจะกลับสู่สภาพเบื่อหน่ายอีกครั้งเมื่อโลกิพบว่าเขาไม่มีอะไรให้ทำมากไปกว่าการนั่งมองภาพสงครามที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นทุกที  หากแต่ภาพเหล่านั้นก็เป็นภาพเดิม ๆ เหมือนที่เขาเคยเห็นมาก่อนหน้านี้  ภาพทหารล้มตาย  ภาพกองทัพแอสการ์ดเข้าโรมรันกับชาวนอร์นไฮม์อย่างดุเดือด  และภาพชาวนอร์นไฮม์ล้มตายเหลือคณานับ 

    ในตอนแรกหลังจากที่พบว่าการเปิดศึกกับนอร์นไฮม์นั้นไม่สามารถให้ความรู้สึกตื่นเต้นแปลกใหม่กับเขาได้อีกต่อไป  โลกิก็คิดว่าเขาจะทำลายนอร์นไฮม์ด้วยสะพานไบฟรอสท์เสีย  เช่นเดียวกับที่เขาเคยจะใช้มันทำลายโยธันไฮม์เมื่อก่อนหน้านี้  แต่แน่นอนว่าเขาคิดจะทำเช่นนั้นหลังจากที่เขาเรียกกองทัพของเขากลับมายังแอสการ์ดแล้ว  หากแต่โลกิก็ต้องล้มเลิกความคิดนี้เมื่อเขาคิดได้ว่าการทำลายนอร์นไฮม์นั้นจะทำให้เรื่องทั้งหมดจบลงอย่างรวดเร็วเกินไป  ซึ่งมันจะน่าเบื่อเสียยิ่งกว่าการนั่งดูฉากการรบที่แทบจะไม่มีอะไรตื่นเต้นในสายตาของเขาแบบในตอนนี้เลยด้วยซ้ำ  ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจล้มเลิกความคิดนี้เสีย  ก่อนจะตัดสินใจดูฉากการรบที่นอร์นไฮม์ซึ่งน่าสนใจมากกว่าการนั่งอยู่บนบัลลังค์เฉย ๆ ไม่มากเท่าไหร่นักต่อไป

    แต่หลังจากตัดสินใจนั่งดูฉากการรบไปได้ไม่นานเท่าใดนัก  โลกิก็เปลี่ยนใจ  เมื่อเขาพบว่าความรู้สึกเบื่อหน่ายของเขาได้พุ่งสูงถึงขีดสุดแล้ว  โลกิก็ตัดสินใจลุกจากบัลลังค์แอสการ์ด  ก่อนจะเดินออกจากท้องพระโรงไป

     

    ในไม่กี่อึดใจ  โลกิก็มาปรากฏตัวที่สะพานไบฟรอสท์บนหลังม้าสีดำสนิท  ซึ่งมีไฮม์ดัลผู้ทำหน้าที่นายทวารกำลังยืนอยู่ประจำตำแหน่งของเขา  ดวงตาต้องมนต์สะกดของไฮม์ดัลละจากกการเฝ้าดูโลกทั้งเก้ามาจ้องมองเจ้าเหนือหัวของเขาอย่างแปลกใจ

    ท่านเสด็จมาที่นี่ด้วยธุระอันใดหรือฝ่าบาท เขาถาม

    เปิดไบฟรอสท์ให้ข้า ไฮม์ดัล  ข้าต้องการไปยังนอร์นไฮม์ โลกิกล่าว

    แต่ที่นั่นกำลังเกิดสงคราม  กองทัพของเขากำลังโรมรันชาวนอร์นไฮม์อยู่  ที่นั่นเป็นสมรภูมิอันตราย เขาพูดขณะที่โลกิเดินอยู่มาอยู่เบื้องหน้าเขา

    เพราะเป็นเช่นนั้นข้าถึงจะไปยังไงล่ะ  กษัตริย์องค์ก่อน ๆ ของแอสการ์ดล้วนต่อสู้มาในสมรภูมินับครั้งไม่ถ้วนและตอนนี้ข้าก็กำลังจะทำเช่นนั้น  เปิดไบฟรอสท์ให้ข้า  ไฮม์ดัล โลกิสั่ง  สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจราวกับว่าการปรากฎตัวของเขาจะสามารถช่วยให้แอสการ์ดชนะศึกได้เร็วขึ้น  และเมื่อเป็นเช่นนั้นไฮม์ดัลจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการยอมเปิดสะพานไบฟรอสท์ให้โลกิแต่โดยดี

    ตามแต่ท่านจะบัญชา นายทวารกล่าวก่อนจะเสียบดาบของเขาเข้ากับแท่นวางเพื่อเปิดสะพาน  ดวงตาของไฮม์ดัลจับจ้องที่ใบหน้ายิ้มกระหย่องซึ่งเต็มไปด้วยความมั่นใจของโลกิเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างของนายเหนือหัวของเขาจะหายลับไป

     

    …………………………………………………………………..

     

    สิ่งที่โลกิรู้สึกต่อมาก็คือสายลมเย็นที่พัดเข้าปะทะใบหน้าเมื่อกีบม้าที่เขากำลังขี่อยู่แตะลงบนพื้นหญ้าที่มีน้ำแข็งเกาะ  และเมื่อมองไปรอบ ๆ กาย  เขาก็พบว่ากำลังอยู่บนเนินเขาที่เบื้องล่างเป็นสมรภูมิสู้รบระหว่างทหารแอสการ์ดและพวกกบฎนอร์นไฮม์  ทั้งสองฝ่ายกำลังโรมรันต่อสู้กันอย่างดุเดือด  ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บและเสียงลมหวีดหวิวของนอร์นไฮม์  และเมื่อพิจารณาจากภูมิประเทศรอบด้านแล้ว  โลกิก็เข้าใจในทันทีว่าเป็นเพราะนอร์นไฮม์เป็นอาณาจักรที่มีอากาศหนาวเหน็บตลอดปีนี่เองที่เป็นข้อได้เปรียบทางภูมิอากาศของดินแดนแห่งนี้ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้แอสการ์ดไม่สามารถเผด็จศึกครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็วอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรก 

    เพราะแท้ที่จริงแล้วพวกนอร์นไฮม์นั้นเป็นชนเผ่าที่ไม่มีพลังพิเศษเหมือนดังเช่นทวยเทพแห่งแอสการ์ด  แม้ว่าพวกเขาจะเป็นนักรบที่แกร่งกล้าและมีความเข้มแข็งผิดกับพวกมนุษย์ที่มีรูปร่างภายนอกเหมือนกับพวกเขาก็ตาม  แต่ถึงกระนั้นชาวนอร์นไฮม์ซึ่งไม่มีพลังพิเศษหรือเวทย์มนต์ใด ๆ ก็คงไม่อาจจะต้านทานกองกำลังแอสการ์ดได้นานไปกว่านี้แน่หากไม่ได้ภูมิอากาศที่หนาวเหน็บเป็นตัวตัดกำลังกองทัพแอสการ์ดในการสู้รบแบบนี้

    แต่ถึงกระนั้นก็ตามอากาศหนาวเหน็บของนอร์นไฮม์ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อโลกิแต่อย่างใด  เนื่องจากกำเนิดที่แท้จริงของเขาเป็นยักษ์น้ำแข็ง  อีกทั้งอากาศที่นอร์นไฮม์ก็ไม่ได้หนาวเหน็บและโหดร้ายเท่าโยธันไฮม์เลยแม้แต่น้อย  แต่เขาก็เข้าใจว่าภูมิอากาศที่แตกต่างจากอากาศที่อบอุ่นของแอสการ์ดบวกกับพายุที่พัดหวีดหวิวนำความหนาวเย็นยะเยือกมาให้ตลอดการสู้รบที่เองทำให้ทหารแอสการ์ดไม่อาจเผด็จศึกครั้งนี้ได้อย่างรวดเร็วอย่างที่มันควรจะเป็น

    ขณะที่เขาทอดสายตามองภาพการสู้รบท่ามกลางสมรภูมิที่หนาวเหน็บแห่งนี้  โลกิก็อดคิดไปถึงครั้งที่เขาและธอร์  รวมทั้งเหล่าสหายนักรบไปเหยียบโยธันไฮม์เป็นครั้งแรกไม่ได้  กระแสความคิดของโลกิหวนไปถึงวันที่ธอร์เข้าไปโรมรันกับพวกยักษ์น้ำแข็ง  วันที่เขาได้พบลาฟฟี่ซึ่งแท้ที่จริงแล้วก็คือบิดาบังเกิดเกล้าของเขาเป็นครั้งแรก  รวมทั้งวันที่เขาได้ค้นพบว่าแท้จริงแล้วกำเนิดของเขาไม่ใช่ชาวแอสการ์ดแต่อย่างใด  หากแต่เขาเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจร้ายที่โอดินและทหารแอสการ์เคยฆ่าทำลายมาแล้วนับไม่ถ้วน

    เป็นเพราะกำลังหวนนึงถึงอดีตที่ผ่านมาของตนเองอยู่นั้นเองที่ทำให้โลกิลืมระมัดระวังตัวและลืมตัวไปชั่วขณะว่าเขากำลังอยู่ในสนามรบ  และเมื่อโลกิรู้สึกตัวอีกครั้งเขาก็ได้ยินเสียงหวีดหวิวของอาวุธที่พุ่งแหวกอากาศเข้ามาทางเขา

    หอกเล่มนั้นพุ่งเฉียดใบหน้าของเขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น  และการเบี่ยงตัวหลบหอกของคู่ต่อสู้อย่างจวนตัวทำให้โลกิเสียหลักตกลงจากหลังม้า  และเมื่อราชาแห่งแอสการ์ดรู้สึกตัวอีกที  เขาก็กำลังยืนประจันหน้ากับกองทัพม้าของนอร์นไฮม์ซึ่งเป็นศัตรูของเขาในสมรภูมินี้

    รวดเร็วเท่ากับความคิด  เมื่อโลกิตั้งตัวได้เขาก็ใช้คฑาของเทพบิดาทำร้ายกองทัพม้าที่กำลังรุดหน้าเข้ามาในทันที  นายทหารบนหลังม้าคนหนึ่งล้มลงกับพื้น  ก่อนที่คนที่อีกสองจะดาหน้าเข้ามาหาเขา  โลกิใช้คฑาของโอดินกำจัดพวกมันที่ประจันหน้าเข้ามาอย่างไม่ละเว้น  และเมื่อกษัตริย์แห่งแอสการ์ดรู้ตัวอีกที  เบื้องหน้าของเขาก็มีร่างไร้วิญญาณของทั้งม้าและทหารของนอร์นไฮม์ที่กองสูงอยู่ตรงหน้าเขาราวกับเนินเขาย่อม ๆ เสียแล้ว

    เมื่อเป็นเช่นนั้นกองทหารที่ไล่หลังมาเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้าก็เกิดความลังเลใจที่จะเข้ามาโรมรันกับโลกิ  และเมื่อเห็นเช่นนั้นกษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักรทั้งเก้าจึงกระทุ้งคฑาของเขาเข้ากับพื้นที่มีน้ำแข็งจับของแผ่นดินนอร์นไฮม์เกิดเป็นเสียงดังกึกก้องไปทั่ว  พร้อมกับประกาศขึ้นว่า

    พวกเจ้าชาวนอร์นไฮม์ทั้งหลายช่างโง่เขลายิ่งนักที่บังอาจมาก่อการกบฎต่อข้า  ซึ่งเป็นเจ้าเหนือหัวผู้ปกครองอาณาจักรทั้งเก้ารวมถึงอาณาจักรของพวกเจ้าด้วย!” เขากล่าวข้าส่งกองทัพแอสการ์ดของข้ามาที่นี่ก็เพื่อมาสั่งสอนให้พวกเจ้ารู้จักกับความสูญเสีย  เพื่อเป็นการลงโทษที่ในความอวดดีของพวกเจ้า  แต่พวกเจ้าก็ยังไม่เข็ดหลาบ  ยังบังอาจยกทัพเข้ามาโรมรันกับกองทัพแอสการ์ดของข้า  ข้าจึงต้องมาที่นี่เพื่อปราบปรามพวกเจ้าด้วยตัวเอง!”

    ในฐานะของเทพบิดาผู้ปกครองอาณาจักรทั้งเก้า  ข้าขอสั่งให้พวกเจ้ายอมจำนนเสีย  ก่อนที่กองทัพของข้าจะทำลายนอร์นไฮม์จนราบเป็นหน้ากอง!” เขาประกาศ  สิ้นเสียงของโลกิก็มีเสียงดังขึ้นว่า

    เราไม่ยอมรับการปกครองของเจ้า!” ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของกษัตริย์ของแอสการ์ดตวัดไปมองทางต้นเสียงซึ่งเขาพบทีหลังว่าเป็นเพียงทหารคนหนึ่งในกองทัพของนอร์นไฮม์เท่านั้น  และเมื่อเป็นเช่นนั้นโลกิจึงยกคฑาของเขาขึ้นพร้อมกับพูดว่า

    ข้าเป็นผู้ปกครองอาณาจักรทั้งเก้า  หากเจ้าไม่ยอมรับการปกครองของข้า  เจ้าก็ไม่ควรจะยืนอยู่ตรงนี้ เขาแสยะยิ้มพร้อมกับชี้ไม้คฑาไปที่ทหารคนดังกล่าว  แต่ก่อนที่เขาจะได้จัดการส่งทหารสามหาวคนนั้นไปลงนรก  เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

    ช้าก่อน น้ำเสียงห้าวหาญของชายคนหนึ่งดังมาจากหมู่ทหาร  และในไม่ช้าเหล่าทหารนอร์นไฮม์ก็พากันหลีกทางให้กับร่างนั้นที่กำลังเดินมาหาเขาซึ่งต่อมาโลกิพบว่ามันเป็นร่างของชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่สวมชุดนักรบแบบเต็มยศ  อีกทั้งชุดเกราะและเครื่องประดับของเขายังคงบ่งบอกถึงฐานะอันสูงส่งของเขาอีกด้วย

    ไม่มีประโยชน์อะไรที่เจ้าจะฆ่าเขา  ในเมื่อผู้ก่อศึกครั้งนี้คือข้า ชายคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบห้าว  เขามีผมสีน้ำตาลเข้มและมีดวงตาสีฟ้าสดใส  แม้ว่าอายุของเขาจะล่วงเข้าวัยกลางคนไปแล้วก็ตาม  แต่ท่าทางและน้ำเสียงที่ห้าวหาญของเขานั้นบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งในวัยหนุ่มที่ยังหลงเหลืออยู่ในตัวเขา  โลกิจ้องมองชายตรงหน้าอย่างพิจารณาก่อนจะพูดขึ้น

    เจ้าพูดว่าศึกครานี้เป็นของเจ้า  ถ้าข้าเดาไม่ผิด  เจ้าคงเป็น…….” โลกิเอ่ยปากถาม

    ข้าคือธีอาซี  ราชาแห่งนอร์นไฮม์ ร่างนั้นตอบด้วยน้ำเสียงเข้มแข็ง  ขณะที่อีกฝ่ายนั้นยิ้มมุมปากพลางมองร่างตรงหน้าด้วยแววตาเป็นประกายอีกรอบ

    งั้นก็เป็นเจ้านี่เองที่ไม่ยอมรับการปกครองของข้าจนทำให้ต้องเกิดศึกสงครามแบบนี้โลกิกล่าว

    ข้าไม่อาจยอมรับสิทธิในการปกครองของเจ้าได้  เพราะเจ้าไม่ได้เป็นผู้ที่มีสิทธิในการครองบัลลังค์แอสการ์ดอย่างแท้จริง  และเมื่อเป็นเช่นนั้น  นอร์นไฮม์จึงจะแยกตัวจากการอยู่ใต้อำนาจของแอสการ์ด ธีอาซีเอ่ย  ดวงตาสีฟ้าที่แลดูแข็งแกร่งจ้องมองโลกิไม่ละสายตา  ขณะที่อีกฝ่ายนั้นเดินวนไปมาช้า ๆ เบื้องหน้าเขาด้วยอากัปกิริยาราวกับทั้งสองไม่ได้อยู่ในสนามรบ

    แล้วเจ้าไม่คิดหรือว่าการไม่ยอมรับในสิทธิการปกครองบัลลังค์ของข้าทำให้ทหารของเจ้าต้องล้มตายมากมายขนาดนี้น่ะ โลกิกล่าวพลางปรายตาไปยังสมรภูมิเบื้องล่าง  ถึงแม้ว่าเบื้องหน้าของเขาจะหยุดการสู้รบเพราะการปรากฏตัวของผู้ปกครองของทั้งสองอาณาจักรแล้วก็ตาม  แต่ในบริเวณห่างออกไปนั้นทหารทั้งสองฝ่ายก็ยังพุ่งรบกันอยู่อย่างต่อเนื่อง

    และอาจจะเป็นเพราะคำพูดของโลกิหรือไม่ก็อาจเป็นเพราะการได้เห็นภาพสมรภูมิที่เต็มไปด้วยซากศพของนักรบนอร์นไฮม์ซึ่งไม่อาจบ่งบอกจำนวนได้  ทำให้สีหน้าของธีอาซีหมองเศร้าลง  ดวงตาสีฟ้าของราชาแห่งนอร์นไฮม์ฉายแววสะท้อนใจออกมาชั่วครู่ก่อนที่มันจะเปลี่ยนมาจับจ้องอยู่ที่ราชาแห่งแอสการ์ดผู้เป็นศัตรูคนสำคัญของเขาในตอนนี้

    ก็เป็นเพราะสาเหตุที่เจ้าพูดนี่แหละ  ข้าถึงต้องการจะเจรจากับเจ้า ธีอาซีเอ่ย  ขณะที่โลกิกระหยิ่มยิ้ม

    อย่าบอกข้านะว่าเจ้าจะเปลี่ยนใจยอมแพ้ง่าย ๆ น่ะ เขาพูดพลางมองอีกฝ่ายด้วยแววตาพึงพอใจ

    แน่นอนว่าไม่ ราชาแห่งนอร์นไฮม์ตอบออกมาอย่างเข้มแข็งแต่ข้ามีวิธีที่จะไม่ต้องเสียเลือดเนื้อทั้งสองฝ่ายไปมากกว่านี้  คือข้ากับเจ้ามาสู้กับตัวต่อตัว  หากฝ่ายใดแพ้ก็จะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้สงครามในครั้งนี้ เขากล่าวอย่างชาญฉลาด  ขณะที่โลกิมองฝ่ายตรงข้ามด้วยท่าทีสนใจ

    แล้วถ้าหากเจ้าแพ้ล่ะ  เจ้าจะว่ายังไง ราชาแห่งแอสการ์ดถาม

    ข้าก็จะยอมจำนนกับเจ้า  สุดแล้วแต่เจ้าจะจัดการ  เพียงแต่ให้เจ้าไว้ชีวิตคนของข้าเพียงเท่านั้น ธีอาซีกล่าว “แต่ถ้าหากเจ้าแพ้  เจ้าก็ต้องยอมรับการแยกตัวของนอร์นไฮม์ที่จะไม่ขึ้นกับการปกครองของแอสการ์ดอีกต่อไป โลกิยิ้มกับคำพูดของฝ่ายตรงข้าม

    ข้อเสนอของเจ้าน่าสนใจ  เอาเป็นว่าข้ารับปากเจ้าแล้วกัน  เราจะเริ่มกันเลยดีไหม เขาพูดพร้อมกับกระชับมือที่ถือคฑา  หากแต่ก่อนที่โลกิจะยกมันขึ้นเพื่อใช้โจมตีธีอาซี  ราชาแห่งนอร์นไฮม์ก็ยกมือขึ้นก่อน

    เดี๋ยว  ที่ข้าพูดนี้หมายถึงการสู้กันตัวต่อตัว  ไม่ใช่ด้วยคฑาของเทพบิดาที่เจ้ากำลังถืออยู่ เขาเสนอ

    ข้อเสนอของเจ้ามันออกจะเอาเปรียบข้าเกินไปหน่อยนะ  ราชาแห่งนอร์นไฮม์  ที่จะให้ข้าสู้กับเจ้าโดยไม่มีอาวุธน่ะ โลกิกล่าว  เขายังคงไม่ยอมวางคฑาในมือลงแต่อย่างใด

    ถ้าเช่นนั้นเจ้ากับข้าก็เลือกอาวุธมาคนละอย่าง  แต่ต้องไม่ใช่คฑาของเจ้า ธีอาซีเสนอ  และหลังจากใช้เวลาคิดอยู่เพียงชั่วครู่เท่านั้นโลกิก็รับคำอย่างง่ายดาย

    ข้าตกลงตามนั้น เขาพูด  แต่ก่อนที่โลกิจะลดไม้คฑาของเขาลง  เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นท่ามกลางการเหล่าทหารที่มามุงดูเหตุการณ์นั้น

    ฝ่าบาท  ฝ่าบาท!” สิ้นเสียงดังกล่าว  เลดี้ซิฟก็พาร่างเพรียวบางหากแต่แข็งแกร่งของนางแหวกเหล่าทหารนอร์นไฮม์เข้ามาถึงตัวโลกิ

    ข้าไม่เห็นด้วยที่ท่านจะไปประลองกับอสูรต่ำต้อยตนนี้  ถ้าอย่างไรให้ข้าประลองเองเถอะ เลดี้ซิฟกล่าวด้วยความเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้าเหนือหัวของตนซึ่งมันคงไม่มีทางปรากฏให้เห็นเป็นแน่หากนางไม่ต้องมนต์สะกดอยู่เช่นนี้

    และท่ามกลางสีหน้าร้อนรนของซิฟ  และสถานการณ์ที่ตึงเครียดของเหล่าทหารที่รายรอบอยู่นั้นโลกิกับยิ้มด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะส่งคฑาในมือให้ซิฟถือ

    เฉยไว้น่าซิฟ  แค่นี้ข้าจัดการได้ โลกิกล่าว  หลังจากที่ส่งคฑาไปให้ซิฟแล้วเขาก็หยิบมีดสั้นที่มักพกติดตัวขึ้นมา  เขาตวัดมันให้ธีอาซีเห็นก่อนจะกล่าวขึ้น

    ข้าเลือกมีดสั้นเป็นอาวุธสู้กับเจ้า  เจ้าจะได้ไม่หาว่าข้าใช้อำนาจของเทพบิดามารังแกชาวนอร์นไฮม์อย่างเจ้า  แค่นี้เจ้าพอใจไหม เขากล่าว  ขณะที่ธีอาซีมีสีหน้าพอใจ

    ราชาแอสการ์ดอุตส่าห์ลดตัวลงมาสู้ตัวต่อตัวกับข้า  นับว่าเป็นเกียรติของข้าอย่างยิ่ง ธีอาซีกล่าวก่อนจะกระชับดาบในมือแล้วจึงพุ่งมันเข้าใส่โลกิ!

     

    …………………………………………………………………..

     

    ทันทีที่คมดาบของราชาแห่งนอร์นไฮม์พุ่งเข้ามาใส่เขา  โลกิก็เบี่ยงตัวหลบอย่างทันท่วงที  ราชาแห่งแอสการ์ดตอบโต้อีกฝ่ายด้วยการตวัดมีดสั้นเข้าใส่  แต่ธีอาซีก็สามารถหลบได้  แม้ว่าจะเฉียวฉิวมากก็ตาม  กษัตริย์ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือดท่ามกลางสายตาของทหารทั้งสองฝ่ายที่เฝ้ามองอย่างลุ้นระทึก  และถึงแม้ว่าธีอาซีนั้นจะมีพละกำลังมากกว่ารวมทั้งอาวุธที่เขาใช้นั้นจะดูแข็งแกร่งและทรงพลังมากกว่ามีดสั้นเล่มเล็ก ๆ ที่โลกิเลือกเป็นอาวุธในการต่อสู้ก็ตาม  แต่ด้วยความชาญฉลาดและเล่ห์เหลี่ยมไหวพริบที่มีอยู่เต็มเปี่ยมนั้นก็ทำให้โลกิรอดพ้นจากการโจมตีของธีอาซีได้ทุกครั้งไป  หนำซ้ำเขายังมีโอกาสเอาคืนราชาแห่งนอร์นไฮม์ผู้บังอาจเหิมเกริมคิดก่อการกบฎต่อเขาด้วย  หลังจากที่เขาหลบคมดาบของธีอาซีได้ครั้งแล้วครั้งเล่าโลกิก็ใช้มีดสั้นของเขาตวัดทำร้ายชายผู้มีทั้งอายุและพละกำลังที่มากกว่าจนเกิดบาดแผลขึ้นหลายแผล  แต่ถึงกระนั้นบาดแผลเหล่านั้นก็ไม่หนักหนาพอที่จะทำให้ราชแห่งนอร์นไฮม์ยอมแพ้หรือตัดพละกำลังของเขาลงได้

    และเมื่อโลกิตัดสินใจตวัดมีดสั้นในมือของเขาเพื่อจ้วงแทงธีอาซีอีกหน  คราวนี้ราชาแห่งนอร์นไฮม์ก็ตวัดดาบขึ้นเพื่อรับมันไว้ทัน  หลังจากออกแรงงัดข้อกันอยู่ไม่นานนัก  ธีอาซีซึ่งมีกำลังมากกว่าก็สามารถตวัดมีดของโลกิให้หลุดออกจากมือได้

    ทันทีที่มีดของโลกิกระเด็นไปกระทบพื้นหินในระยะที่ไกลเกินกว่าที่เขาจะเอื้อมถึงได้นั้น  ราชาแห่งแอสการ์ดก็ไร้อาวุธป้องกันตัวเสียแล้ว  และเมื่อเป็นเช่นนั้นธีอาซีผู้คิดก่อกบฎต่อการปกครองของแอสการ์ดก็ย่างสามขุมเข้ามาหาโลกิเพื่อเผด็จศึกเขา  ในขณะเดียวกับที่ฝ่ายตรงข้ามนั้นหันไปมองรอบกายและก็พบว่าบัดนี้เขาได้มายืนอยู่ใกล้ปากเหวซึ่งปกคลุมไปด้วยหิมะซึ่งเบื้องล่วงเป็นแม่น้ำสายหนึ่งที่ไหลเชี่ยวกราก

    เจ้าแพ้เสียแล้ว  ราชาแห่งแอสการ์ด ธีอาซีพูดกับโลกิที่ปราศจากอาวุธขณะที่เขาย่างสามขุมเข้ามาหาชายที่ไร้ทางสู้

    ถ้าเช่นนั้นก็ฆ่าข้าเสียสิ  ราชาแห่งนอร์นไฮม์  ข้าจะไม่ปริปากร้องขอความเมตตาจากเจ้าซักคำโลกิกล่าวพร้อมกับเชิดหน้ามองฝ่ายตรงข้ามด้วยสีหน้าเรียบเฉย  ราวกับว่าเขาไม่ได้ตกอยู่ในเงื้อมมือของศัตรูที่อาจจะสังหารเขาในพริบตาแต่อย่างใด

    ถ้าเจ้าพูดเช่นนี้  ข้าก็จะถือว่าเจ้าได้ตายอย่างนักรบที่หาญกล้าก็แล้วกัน!ธีอาซีพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเงื้อดาบและพุ่งเข้าสู่โลกิ  หากแต่ดาบของราชาแห่งนอร์นไฮม์ไม่อาจสัมผัสร่างกายของราชาแห่งแอสการ์ดได้เพราะร่างของโลกิเลือนหายไปเมื่อมันต้องคมดาบของคู่ต่อสู้  ทำให้ธีอาซีผู้ถูกล่อลวงให้พุ่งสังหารศัตรูของตนเองนั้นเสียหลักตกจากหน้าผาซึ่งอยู่ถัดจากบริเวณที่ร่างแปลงของโลกิยืนอยู่เมื่อครู่ไปในทันที

    สิ่งที่เหล่าทหารของทั้งสองฝ่ายรับรู้ก็คือเสียงร้องด้วยความโกรธระคนตกใจของธีอาซีที่บัดนี้ร่างของเขากำลังดิ่งลงหุบเหวเบื้องล่างพร้อม ๆ กับการปรากฏตัวของราชาแห่งแอสการ์ดห่างไปจากจุดที่เขาลวงให้ศัตรูของตนต้องพบจุดจบไปไม่ไกลนัก

    หลังจากมองภาพริมหน้าผาที่ราชาแห่งนอร์นไฮม์เพิ่งร่วงหล่นลงไปด้วยสายตาพอใจอยู่ครู่หนึ่งแล้วนั้น  โลกิก็หันหลับมายังด้านหลังที่คลาคล่ำไปด้วยนักรบของทั้งสองฝ่ายซึ่งมาล้อมวงดูการต่อสู้อยู่  เขาก้าวออกไปข้างหน้าช้า ๆ มือหนึ่งของเขาเอื้อมไปรับคฑาเทพบิดาจากซิฟมาถือไว้ก่อนจะพูดขึ้น

    กษัตริย์ของเจ้าพ่ายแพ้ให้แก่ข้าแล้ว  ก็ถือว่าศึกครั้งนี้จบลงด้วยชัยชนะของข้า  จากนี้ไปพวกเจ้ามีหน้าที่ที่จะจงรักภักดีต่อราชาแห่งแอสการ์ด  เฉกเช่นที่พวกเจ้าเคยจงรักภักดีต่อบิดาของข้า เขากล่าวขณะที่วาดมือมาที่อกของตัวเองพลางมองเหล่าทหารนอร์นไฮม์ที่ยืนปะปนกับทหารแอสการ์ดด้วยท่าทีประเมิน  หากแต่ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขาก็ส่อแววสนุกสนานและพอใจไม่น้อยเมื่อเขาเห็นสีหน้ายอมจำนนของคนเหล่านั้น

    แต่ท่านขี้โกง!  ท่านใช้เล่ห์กลสกปรก  ท่านใช้เวทย์มนต์ล่อลวงกษัตริย์ของเราในการต่อสู้!” เสียงหนึ่งดังมาจากกลุ่มทหาร  ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของโลกิตวัดไปมองที่มาของมันทันทีและเขาก็พบว่ามันดังมาจากทหารปากดีคนหนึ่งในเหล่าทหารนอร์นไฮม์ที่บัดนี้ใบหน้าของเขาซีดเผือดเมื่อถูกราชาแห่งแอสการ์ดจ้องมอง

    ถ้าเจ้าหาว่าข้าใช้เล่ห์สกปรกเมื่อครู่  ถ้าอย่างนั้นข้าก็จะใช้เวทย์มนต์กับเจ้าบ้าง โลกิกล่าวก่อนจะพลิกฝ่ามือเพื่อร่ายเวทย์มนต์เบา ๆ และในไม่ช้าหมวกของทหารคนนั้นก็เปลี่ยนเป็นงูตัวขนาดเท่าท่อนแขนของผู้หญิงที่บัดนี้ได้เลื้อยรัดรอบคอของนายทหารผู้เคราะห์ร้ายคนนั้น

    เหล่าทหารนอร์นไฮม์แตกฮือแทบจะในทันทีที่ได้เห็นภาพนั้น  ซึ่งก็คือภาพทหารผู้เคราะห์ร้ายคนดังกล่าวร้องอย่างโหยหวนเมื่อเขาถูกงูพิษรัดคอขณะที่ผู้เสกงูตัวนั้นขึ้นกลับมองภาพเบื้องหน้าด้วยสีหน้าพออกพอใจราวกับมันเป็นโชว์สุดพิเศษสำหรับเขา  ทหารเคราะห์ร้ายคนนั้นดิ้นรนอยู่ได้ไม่นานร่างของเขาก็กระตุกก่อนจะล้มลงสิ้นใจแทบเท้าเพื่อนทหารอีกหลายคนที่บัดนี้พยายามหนีห่างเหตุการณ์สยดสยองที่เกิดขึ้น 

    และเพราะเหตุการณ์ดังกล่าวนี้เองที่ทำให้แววตาของทหารนอร์นไฮม์ทุกคนที่มองมาทางราชาแห่งแอสการ์ดนั้นแปรเปลี่ยนไป  เพราะในตอนนี้มันเปลี่ยนจากแววตาที่แสดงออกถึงความเจ็บแค้นเป็นแววตาที่บ่งบอกถึงความหวาดกลัว  ขณะที่ผู้ที่กำลังถูกทหารเหล่านั้นจ้องมองก็กระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความพอใจยิ่ง

    มีใครสงสัยในชัยชนะของข้าอีกหรือไม่ โลกิถามพลางก้าวเข้าไปใกล้หมู่ทหารอีกสองก้าว  และเมื่อสิ่งที่เขาได้รับกลายเป็นเสียงเงียบกริบอย่างไม่มีการโต้แย้งของเชลยศึกเหล่านั้น  ราชาแห่งแอสการ์ดก็พูดขึ้นอีกครั้ง

    ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าก็จงแสดงความจงรักภักดีต่อข้า  คุกเข่าเสีย!” เขาประกาศก้อง  และแม้ว่าจะมีท่าทีลังเลบ้างก็ตาม  แต่ในไม่ช้าทหารนอร์นไฮม์ก็ต่างก้มลงคุกเข่าให้เขาจนหมด  แม้กระทั่งทหารที่อยู่ในสมรภูมิที่ไกลออกไป  เมื่อพวกเขาได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้น  รวมทั้งสิ่งที่เพื่อนทหารร่วมชาติของเขากำลังทำอยู่ในขณะนี้  พวกเขาก็จำต้องคุกเข่าตามอย่างเสียไม่ได้  ราวกับว่าการคุกเข่าให้ราชาแห่งแอสการ์ดนั้นเป็นโรคระบาดไปเสียแล้ว  ส่วนทางด้านโลกินั้นก็ชื่นชมภาพเบื้องหน้าของเขาด้วยท่าทีพอใจยิ่งอยู่ครู่หนึ่ง  ก่อนที่เขาจะหันไปสั่งการกับซิฟ

    จัดการคุมตัวพวกเชลยเหล่านี้เสีย  ใครที่ขัดขืนให้ฆ่าทิ้งได้ทันที  ข้าฝากที่เหลือด้วย  ให้ประกาศออกไปให้ทั่วว่าธีอาซี  ราชาแห่งนอร์นไฮม์สิ้นแล้ว  ให้พวกมันจงรักภักดีต่อข้าเท่านั้นโลกิสั่ง  และเมื่อเห็นว่าซิฟรับคำเป็นอย่างดีแล้ว  และเขาเองก็ได้ดื่มด่ำกับภาพทหารชาวนอร์นไฮม์จำนวนนับร้อยนับพันคุกเข่าให้เขาซึ่งเป็นการแสดงถึงการยอมจำนนของพวกมันต่อเขาแล้วชายร่างสูงก็เดินกลับไปจุดไบฟรอสท์  เขาพึมพำเพื่อออกคำสั่งกับไฮม์ดัลเบา ๆ ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขามองภาพชาวนอร์นไฮม์ที่กำลังถวายความจงรักภักดีต่อเขาอยู่ด้วยท่าทีที่พอใจ  ก่อนที่แสงเจิดจ้าจากสะพานไบฟรอสท์จะปรากฎขึ้นครอบคลุมตัวเขา  และเมื่อรู้ตัวอีกทีโลกิก็พบว่าตนเองได้กลับมาอยู่ที่แอสการ์ด  และกำลังยืนอยู่หน้าไฮม์ดัลเทพผู้มีหน้าที่เป็นนายทวารเสียแล้ว

    ข้าขอแสดงความยินดีกับฝ่าบาทในการชนะศึกครั้งนี้ด้วย ไฮม์ดัลที่ต้องมนต์สะกดกล่าวสั้น ๆ ส่วนทางด้านโลกินั้นได้แต่ยิ้มมุมปากด้วยท่าทีเจ้าเล่ห์

    ก็แค่เรื่องให้ข้าทำแก้เบื่อเท่านั้น  ไฮม์ดัล เขากล่าวก่อนจะเดินจากไปด้วยรอยยิ้ม

     

     

     

    ************************************************************



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×