ลำดับตอนที่ #19
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : ความสับสนของเฮอร์ไมโอนี่
***Chapter  19  ความสับสนของเฮอร์ไมโอนี่***
เฮอร์ไมโอนี่ออกไปที่ห้องสมุดอีกครั้งเพื่อคืนหนังสือแทนรอน  และเป็นโชคดีของเธอที่ไปถึงห้องสมุดก่อนเวลาปิดเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ฉันกำลังจะปิดห้องสมุดพอดีเลยมิสเกรนเจอร์  ดีนะที่เธอมาทัน” มาดามพินซ์กล่าวขณะที่เธอกำลังจัดหนังสือเข้าชั้น  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มบาง ๆ ให้เธอและวางหนังสือลงบนเคาเตอร์  มาดามพินซ์เดินมารับมันไปสำรวจ
“นี่มันหนังสือที่มิสเตอร์วีสลีย์ยืมไปนี่” มาดามพินซ์พูดพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเธอได้อ่านรายชื่อผู้ยืม
“ค่ะ  รอนไม่ว่างเอามาคืนเอง  หนูก็เลยเอามาคืนแทนเขา” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย  มาดามพินซ์พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะวางหนังสือไว้บนชั้น
“บางทีพวกผู้ชายก็มีนิสัยอย่างนี้แหละนะ  เธออยากจะยืมหนังสืออะไรเพิ่มเติมไหมมิสเกรนเจอร์” มาดามพินซ์ถาม  เฮอร์ไมโอนี่ปฎิเสธอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ  หนูคิดว่าจะอ่านหนังสือที่ยืมไปให้จบเสียก่อน” เด็กสาวกล่าว  บรรณารักษ์ห้องสมุดพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ฉันคิดว่าฉันต้องปิดห้องสมุดแล้วล่ะ  และนี่ก็คงใกล้เวลาหอปิดแล้วด้วย” เธอพูด 
“ค่ะ  ถ้าอย่างนั้นหนูกลับก่อนนะคะ  ขอบคุณมากค่ะมาดาม” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวขอบคุณเธอและเดินออกมาสู่ระเบียงทางเดินที่มืดมิด
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามระเบียงที่ไร้ผู้คน  แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามากระทบเสื้อเกราะและรูปปั้นต่าง ๆ ช่วยทำให้พวกมันดูน่ากลัวกว่าตอนกลางวันมากทีเดียว  เด็กสาวพยายามก้าวยาว ๆ เพื่อเดินผ่านระเบียงมืด ๆ กลับไปสู่หอนอนโดยเร็ว  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะเดินผ่านระเบียงไปได้ก็มีมือ ๆ หนึ่งคว้าร่างของเธอเอาไว้เสียก่อน!
มือลึกลับนั้นคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของเธอ  อีกมือหนึ่งของมันเลื่อนมาปิดปากเธออย่างรวดเร็ว  เฮอร์ไมโอนี่ที่ตกใจสุดขีดจึงหมดหนทางที่จะร้อง  และก่อนที่เด็กสาวจะได้ขัดขืนอะไรออกไปมือลึกลับนั้นก็ออกแรงลากร่างของเธอเข้าไปหลังเสื้อเกราะอันหนึ่ง!
เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นรนขัดขืน แต่เมื่อเธอเห็นโฉมหน้าของผู้ที่กำลังจะปะทุษร้ายเธอท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง  เด็กสาวก็หยุดดิ้นรนทันที
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  มองเด็กหนุ่มผมบลอนด์อย่างกึ่งโกรธกึ่งตกใจ “ทำบ้าอะไรของนายน่ะ......!” เธอโวยวาย  แต่มัลฟอยกลับเอามือจุ๊ปากเธอไว้ก่อน
“เงียบหน่อยสิเกรนเจอร์” เขาเตือน  และมองไปที่ทางเดินด้านนอกอย่างระแวดระวัง
“มีอะไรเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความสงสัย  เมื่อเห็นท่าทีของเด็กหนุ่ม
“ฉันแค่อยากเจอเธอเท่านั้น” มัลฟอยตอบ 
“ถ้าแค่อยากเจอฉัน  ก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลยนี่” เธอพูดอย่างโกรธ ๆ มัลฟอยทำเธอตกใจแทบแย่
“ฉันเองก็ไม่อยากทำแบบนี้  แต่ฉันจำเป็นต้องเจอเธอ  ฉันมีเรื่องต้องบอกเธอ” มัลฟอยอธิบาย
“มีอะไรไว้คุยกันวันพรุ่งนี้ได้ไหม  ตอนนี้มันดึกมากแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และมองสำรวจระเบียงทางเดินที่ว่างเปล่าอย่างหวาดหวั่น  ถ้ามีใครสักคนมาเห็นเธอกับเขาอยู่ด้วยกันสองคนในเวลานี้คงเป็นเรื่องไม่ดีแน่
“แต่ฉันอยากจะพูดกับเธอตอนนี้” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  จนเฮอร์ไมโอนี่ใจอ่อน
“ถ้าอย่างนั้นมีอะไรก็ว่ามา  แต่เร็ว ๆ ก็ดีนะเพราะฉันต้องรีบกลับหอ” เด็กสาวว่า  มัลฟอยมองเธออย่างหนักใจ 
“ฉันอยากให้เธอระวังตัว” มัลฟอยพูด  เขาเอามือมาวางที่ไหล่ของเด็กสาว  ดวงตาสีฟ้าจางดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะว่าตอนนี้แพนซี่รู้เรื่องของเราแล้ว”
*************************************************
“อะไรนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำอย่างตกใจ  มัลฟอยถอนใจออกมาเบา ๆ และพูดซ้ำ
“ฉันบอกว่า  แพนซี่รู้เรื่องของเราแล้ว” เขาตอบอย่างหนักแน่นและชัดเจน  เฮอร์ไมโอนี่ดูตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่ได้ยิน
“แล้ว  เธอรู้เรื่องของเราได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ถาม 
“เธอเห็นเราอยู่ด้วยกันวันนี้ในห้องสมุด” มัลฟอยตอบ  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกใจหายวาบ  ถ้าแพนซี่เห็นเธอกับมัลฟอยอยู่ด้วยกันที่ห้องสมุดจริง ๆ นั่นก็หมายความว่า  แพนซี่เห็นเธอกับมัลฟอยจูบกัน!
และถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าเรื่องราวระหว่างเธอและเขาไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป
“แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ถามอีกครั้ง 
“แพนซี่มาบอกฉัน” มัลฟอยตอบอย่างเคร่งขรึม  หากแต่ดูกังวล “เธอเข้ามาถามฉันเรื่องที่เธอเห็นวันนี้  เธอคาดคั้นฉัน  แล้วฉันก็เลยบอกแพนซี่ไปว่าฉันกับเธอคบกันอยู่” เขาสารภาพ  เฮอร์ไมโอนี่ดูตกใจมาก
“เธอจะบ้าหรือมัลฟอย!” เธอพูดเสียงดัง “ทำไมเธอถึงบอกแพนซี่ไปอย่างนั้น  ฉันกับเธอไม่ได้.....” แววตาสีซีดของมัลฟอยแปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่เฉียบคมในขณะที่มันกำลังจ้องมองเฮอร์ไมโอนี่อยู่
“เธอจะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยอย่างนั้นรึ” เขาพูด 
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  มัลฟอยดูน่ากลัวขึ้นมาในพริบตา “เพียงแต่ว่าเราไม่เคยตกลงว่าเราเป็นอะไรกันก็เท่านั้น”
“แล้วเธอคิดว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อน  หรือศัตรูอย่างนั้นรึ” เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทีไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก
“ฉัน....นี่มันไม่ใช่เวลาที่เราจะมาเถียงเรื่องนี้กันนะ” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก  เธอไม่กล้าสบสายตาที่ดูดุดันของเขาขึ้นมาชั่วขณะ  แต่ที่มัลฟอยพูดก็ถูก  เพราะเพื่อนธรรมดา ๆ คงไม่จูบกันหรอกจริงไหม
“ขอโทษ” เด็กหนุ่มกล่าวเบา ๆ สายตาของเขาดูอ่อนลง 
“แล้ว  แพนซี่มีปฏิกิริยาอย่างไรบ้างตอนที่รู้เรื่องน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามค่อย ๆ
“เธอแทบเป็นบ้าไปเลย” มัลฟอยตอบพร้อมกับนึกถึงท่าทีของแพนซี่แล้วก็ทำท่าสยดสยอง
“เหมือนเธอรับไม่ได้กับเรื่องที่ฉันบอกเธอ  เธอพยายามบอกฉันว่าฉันไม่มีทางคิดอะไรกับเธอได้  แพนซี่พยายามอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานาเพื่อให้ฉันกลับไปคิดอย่างเดิม” มัลฟอยเล่า
“แพนซี่คงอยากให้เธอเกลียดฉันอย่างเดิม” เฮอร์ไมโอนี่เสริม  แววตาครุ่นคิดสับสน
“แต่ฉันก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้หรอก” มัลฟอยว่า  เขามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างมีความหมาย
“ฉันก็เลยบอกแพนซี่ไปว่า  ฉันชอบเธอ” เขาพูด  แม้จะเป็นคำพูดที่ดูจะแสนธรรมดา  แต่มันกลับมีความหมายต่อเฮอร์ไมโอนี่อย่างน่าประหลาด “และคนที่ฉันคิดจะรักก็มีเพียง  เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์เท่านั้น” มัลฟอยพูดและมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน  สายตาที่ราวกับต้องการบอกเธอว่า
ฉันได้ทำตามสัญญาแล้วนะ  สัญญาที่ว่าฉันจะบอกเธอเมื่อฉันรู้ว่าฉันรู้สึกกับเธออย่างไร
ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีชมพูด้วยความเขิน  แม้จะอยู่ท่ามกลางระเบียงที่มืดมิด  แต่แสงจันทร์ที่สาดส่องกลับทำให้เด็กหนุ่มมองเห็นท่าทีเขินอายของเธอได้ไม่ยากเลย
“แล้วแพนซี่ว่ายังไงบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่ถามเพื่อกลบเกลื่อนความอาย
“เธอก็โวยวายใหญ่เลย  เธอหาว่าฉันบ้า  ฉันเสียสติ  แต่ฉันคิดว่าเธอต่างหากที่บ้า  แพนซี่ถึงกับพูดว่าเธอทำเสน่ห์ฉันด้วยรู้ไหม  เพราะเธอคิดว่าคนอย่างฉันไม่มีวันจะมารักเธอ” มัลฟอยเล่าตามความจริง  โดยไม่รู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ชะงักกับคำว่า ‘ ทำเสน่ห์ ’ ที่เขาเอ่ยออกมา
เฮอร์ไมโอนี่นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนวันวาเลนไทน์  ที่มัลฟอยดื่มน้ำยาเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ที่เธอต้องการจะเตรียมไว้ให้แฮร์รี่ดื่มเข้าไปโดยบังเอิญ  และเท่าที่เธอรู้  ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมัลฟอยก็เริ่มงอกเงยขึ้นมาจากตรงนั้น
หรือว่าจะเป็นเพราะยาเสน่ห์นั่น  เขาถึงมาหลงรักเธอ  ถ้าไม่ใช่เพราะมัน  มีหรือที่มัลฟอยจะมาสนใจคนอย่างเธอ!
“เป็นอะไรรึเปล่าเกรนเจอร์” มัลฟอยถาม  เมื่อเห็นท่าทีที่แปลกไปของเฮอร์ไมโอนี่  เด็กสาวสะดุ้งราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์ 
“เปล่า  ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เธอพูด  มัลฟอยมองเธออย่างสงสัย  แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับอาการของเธอ
“แล้ว  เธอจะทำยังไงเรื่องของแพนซี่น่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  เธอพยายามจะดึงสติกลับมา
“ฉันเองก็ไม่รู้” เขาตอบตามตรง  เด็กหนุ่มดูวิตกกังวลกว่าทุกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเห็น “แต่ฉันต้องบอกให้เธอระวังตัวเอาไว้ก่อน  ฉันรู้จักนิสัยแพนซี่ดี  เธอจะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แน่ถ้าเรื่องออกมาเป็นแบบนี้” มัลฟอยเตือย  เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น  เธอเองก็รู้ดีว่าแพนซี่ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อแยกพวกเขาทั้งสองออกจากกัน  แต่จะด้วยวิธีใดนั้นเธอเองก็ไม่รู้
“แต่วางใจเถอะเกรนเจอร์  ฉันจะไม่ยอมให้แพนซี่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเรามากเกินไปหรอก” มัลฟอยพูดอย่างปลอบโยน  แม้ว่าแววตาของเขาจะดูกังวลมากก็ตาม  เด็กหนุ่มลูบศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ ราวกับต้องการบอกว่า ‘ ไม่เป็นไร ’ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น  ในใจกำลังครุ่นคิดกังวลในเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง  ซึ่งแตกต่างจากเรื่องที่มัลฟอยกำลังคิดอยู่โดยสิ้นเชิง
*************************************************
หลังจากร่ำลามัลฟอยเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ก็ตรงกลับหอนอนทันที  เธอพบแฮร์รี่กับรอนอยู่ที่ห้องนั่งรวม  แต่เธอไม่มีเวลาที่จะไปนั่งอยู่กับเพื่อนทั้งสอง  เพราะเฮอร์ไมโอนี่มีเรื่องที่จะต้องทำมากกว่านั้น
เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไปบนหอนอนที่ว่างเปล่า  เพราะเพื่อนคนอื่น ๆ ที่เหลือยังคงอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมอยู่  เด็กสาวตรงไปที่โต๊ะหัวเตียง  เธอเปิดลิ้นชักออกและเริ่มรื้อของในนั้น 
เฮอร์ไมโอนี่หยิบขวดน้ำยาเล็ก ๆ สีชมพูขนาดเท่านิ้วโป้งขึ้นมา  มันถูกห่อไว้ด้วยกระดาษแผ่นหนึ่งที่เป็นคู่มือการใช้งาน  น้ำยาสีกุหลาบในขวดนั้นเหลือเพียงไม่ถึงครึ่งเท่านั้น  เฮอร์ไมโอนี่เอาขวดวางบนลิ้นชัก  และเริ่มอ่านทบทวนสรรพคุณของมันอีกครั้ง 
เธอจำได้ดีว่าเธอเคยได้ยินชื่อของน้ำยาเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ในหนังสือเล่มหนึ่งที่เธอเจอที่ตรอกไดแอกอนก่อนที่เธอจะกลับมาที่โรงเรียนหลังวันหยุดช่วงคริสต์มาส  และถ้าจำไม่ผิดเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ในห้องสมุด  และถ้าเป็นไปได้  เธอก็อยากจะไปอ่านหนังสือเล่มนั้นเพื่อตรวจสอบสรรพคุณของน้ำยาขวดนี้ให้แน่ใจอีกครั้ง  เพราะตอนนี้เด็กสาวเริ่มคิดแล้วว่าความรู้สึกที่มัลฟอยมีให้กับเธออาจจะมาจากน้ำยาเสน่ห์นี่จริง ๆ
มันจะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับเขาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวคุณ ถ้าคุณทั้งสองคนเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ ไม่ว่าการเริ่มความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองจะเป็นอย่างไร  แม้กระทั่งศัตรูคู่แค้น 
คุณทั้งสองก็สามารถลงเอยและเป็นคู่รักกันได้ 
คำบรรยายสรรพคุณของน้ำยาเสน่ห์วนเวียนเข้ามาในหัวสมองของเฮอร์ไมโอนี่ทันทีที่เธออ่านมันจบ  ถ้าเธอไม่ได้เป็นเนื้อคู่กับเขาจริง ๆ แล้วทำไมความสัมพันธ์ของเธอและเขากลับงอกเงยอย่างน่าประหลาดเช่นนี้  แต่จู่ ๆ คำพูดของหญิงสาวลึกลับก็ดังขึ้นในหัวของเฮอร์ไมโอนี่อย่างฉับพลัน
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างสายเลือดที่แตกต่างจะนำมาซึ่งความหายนะที่เธอไม่คาดคิดทีเดียว
เสียงของโรสดังก้องอยู่ในหัวของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับไม่มีวันจบสิ้น  เด็กสาวเม้มปากแน่น  รู้สึกสับสันมากกว่าครั้งไหน 
ถ้าเธอกับเขาไม่สมควรรักกันจริง ๆ แล้วทำไมน้ำยาที่เธอใช้กับเขาถึงได้ผล 
แล้วถ้าเขารักเธอด้วยตัวของเขาเอง  ทำไมความสัมพันธ์ของพวกเธอต้องเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ดื่มน้ำยานั้นไปแล้วด้วย 
เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างสับสน  แต่เธอก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้  เด็กสาวกำมือแน่นอย่างกดดันจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือ  แววตาของเธอดูว่างเปล่าและสับสน 
ถ้ามัลฟอยรักเธอเพราะยาจริง ๆ เธอยังจะต้องการความรักของเขาอยู่อีกน่ะหรือ  แล้วถ้าเขาไม่ได้ดื่มบัตเตอร์เบียร์ขวดนั้นเข้าไปล่ะ  จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเธอ 
และถ้ายาเสน่ห์ที่เธอเคยให้เขาดื่มเกิดหมดฤทธิ์ล่ะ  มันจะเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของเธอและเขา!
ถ้าฉันรักใครสักคน ฉันจะไม่ใช้วิธีอย่างนี้เพื่อจะทำให้เขาหันมาสนใจฉันหรอก
แต่ฉันจะทำให้เขารักฉันด้วยตัวฉันเอง
เฮอร์ไมโอนี่ยังคงจำสิ่งที่เธอเคยบอกกับตัวเองไว้ได้ดี  มันย้อนเข้ามาย้ำเตือนจิตใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก  ในที่สุดเด็กสาวก็ตัดสินใจเก็บขวดยาเสน่ห์พร้อมกับข้อความบอกสรรพคุณลงไปในกระเป๋า  ก่อนจะห่อมันอีกชั้นด้วยผ้าเช็ดหน้าของเธอ 
ถ้าเธอไปค้นที่ห้องสมุดอาจจะมีสรรพคุณเกี่ยวกับยาตัวนี้มากกว่าที่ได้เขียนไว้ในกระดาษ  และไม่แน่ว่า  มันอาจจะมีวิธีแก้ฤทธิ์ของยาชนิดนี้ก็เป็นได้
และถ้ามีวิธีแก้ฤทธิ์ของน้ำยาชนิดนี้  เธอก็จะใช้มันกับมัลฟอย  เพราะว่าเธอคิดว่าเธอไม่ต้องการความรักที่ได้มาด้วยมนตรา  เธอต้องการให้เขารักเธอด้วยจิตใจที่แท้จริงของเขามากกว่า 
เฮอร์ไมโอนี่ปิดกระเป๋าและล้มตัวลงนอน  เด็กสาวเอามือก่ายหน้าผาก  แววตาสีน้ำตาลดูเหม่อลอย 
แล้วถ้าหากเธอสามารถแก้ฤทธิ์ยาได้  แล้วมัลฟอยกลับไปเป็นมัลฟอยคนเดิมล่ะ  เธอจะทำอย่างไร!
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงอย่างสับสน  ความรู้สึกผิดถูกตีกันอยู่ภายในจิตใตที่ยุ่งเหยิงราวกับพายุทีพัดกระหน่ำ  แต่ถึงกระนั้น  เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกหนึ่งอยู่  ความรู้สึกที่ว่าหัวใจของเธอเจ็บปวดอย่างแปลกประหลาด  เมื่อเธอคิดว่ามัลฟอยได้กลับไปเป็นมัลฟอยคนเดิม  มัลฟอยที่ไม่มีอะไรที่จะมอบให้เธอนอกจากสายตาที่เย็นชา
และคำพูดที่ดูแคลน..............
*************************************************
วันต่อมา  เฮอร์ไมโอนี่ทำตัวตามปรกติอย่างที่เธอเคยทำทุกวัน  เด็กสาวไปเรียนวิชาแปลงร่างในช่วงเช้า  ในขณะที่เธอเอาขวดยาเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ติดกระเป๋ามาด้วย  ในตอนกลางวัน  เฮอร์ไมโอนี่ทานอาหารกับแฮร์รี่และรอนตามปรกติ  แต่เธอก็อดที่จะเหลือบมองไปที่โต๊ะสลิธีรินไม่ได้  สายตาของเธอคอยแต่สังเกตอากัปกิริยาของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังนั่งอยู่ไม่ไกลนักอย่างสนใจ  ในขณะเดียวกันนั้นสายตาของมัลฟอยก็มองสบมาทางเฮอร์ไมโอนี่พอดี  ทั้งคู่สบตากันอยู่พักหนึ่งท่ามกลางโต๊ะอาหารที่มีผู้คนล้มหลาม  โดยพยายามจะไม่แสดงออกถึงอาการใด ๆ ผ่านทางใบหน้า  เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น
แต่ทั้งสองคนไม่รู้หรอกว่า  มีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองพวกเขาอยู่ในขณะที่พวกเขาสบตากัน  ดวงตาสีดำสนิทของแพนซี่มองตามสายตาของมัลฟอยไปยังโต๊ะกริฟฟินดอร์  มีร่องรอยความเคียดแค้นและอาฆาตแฝงไปกับสายตาที่เธอมองไปยังเด็กสาวผมสีน้ำตาลโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย   
หลังจากทานอาหารเสร็จ  เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนวิชาต่อไป  ซึ่งก็คือวิชาตัวเลขมหัศจรรย์  และก็เป็นเวลาเดียวกับที่แฮนนา  อับบอต  เด็กสาวจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟเดินมาทางโต๊ะกริฟฟินดอร์พอดี
“มีอะไรหรือแฮนนา” เฮอร์ไมโอนี่ทักเมื่อเด็กสาวเดินเข้ามาใกล้  ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์
“ฉันจะมาบอกเธอว่าวันนี้ศาสตราจารย์แวคเตอร์ไม่สอน  อาจารย์ป่วยเป็นโรคฝีหนอง” แฮนนาบอก  และอธิบายให้เธอฟังว่า  เด็กฮัฟเฟิลพัฟปีหกพยายามจะสาปสมาชิกหน่วยสอบสวนปีเดียวกันด้วยคาถาฝีหนอง  แต่กลับพลาดไปโดยศาสตราจารย์วิคเตอร์แทน  อาจารย์จึงต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องพยาบาลและมาสอนไม่ได้
“ดีใจด้วยนะเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่ต้องไปเรียนน่ะ” รอนบอกพลางเคี้ยวขนมปังไว้ในแก้ม  เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“ไม่ดีเลยนะรอน  มันจะทำให้ฉันเรียนไม่ทันนะ” เธอพูดอย่างอารมณ์เสีย
“แล้วเธอจะทำอะไรต่อไปล่ะ  ตอนบ่ายเธอว่างนี่” แฮร์รี่พูดอย่างอิจฉา  เมื่อเขากับรอนต้องไปเรียนวิชาพยากรณ์
“ไม่รู้สิ  แต่ฉันคงจะไปห้องสมุดล่ะมั้ง” เด็กสาวพูด  รอนร้องโอดโอย ( “ทำไมเธอถึงไม่ไปกินนอนในห้องสมุดเสียเลยล่ะ!” ) แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่ฟังเขา  เด็กสาวยกกระเป๋าขึ้นพาดบ่า  กล่าวอำลาเพื่อนทั้งสอง  และเดินออกจากห้องโถงตรงไปยังห้องสมุดด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกว่าคราวก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่ออกไปที่ห้องสมุดอีกครั้งเพื่อคืนหนังสือแทนรอน  และเป็นโชคดีของเธอที่ไปถึงห้องสมุดก่อนเวลาปิดเพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ฉันกำลังจะปิดห้องสมุดพอดีเลยมิสเกรนเจอร์  ดีนะที่เธอมาทัน” มาดามพินซ์กล่าวขณะที่เธอกำลังจัดหนังสือเข้าชั้น  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มบาง ๆ ให้เธอและวางหนังสือลงบนเคาเตอร์  มาดามพินซ์เดินมารับมันไปสำรวจ
“นี่มันหนังสือที่มิสเตอร์วีสลีย์ยืมไปนี่” มาดามพินซ์พูดพลางขมวดคิ้วอย่างสงสัยเมื่อเธอได้อ่านรายชื่อผู้ยืม
“ค่ะ  รอนไม่ว่างเอามาคืนเอง  หนูก็เลยเอามาคืนแทนเขา” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย  มาดามพินซ์พยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะวางหนังสือไว้บนชั้น
“บางทีพวกผู้ชายก็มีนิสัยอย่างนี้แหละนะ  เธออยากจะยืมหนังสืออะไรเพิ่มเติมไหมมิสเกรนเจอร์” มาดามพินซ์ถาม  เฮอร์ไมโอนี่ปฎิเสธอย่างสุภาพ
“ไม่เป็นไรค่ะ  หนูคิดว่าจะอ่านหนังสือที่ยืมไปให้จบเสียก่อน” เด็กสาวกล่าว  บรรณารักษ์ห้องสมุดพยักหน้าอย่างเข้าใจ
“ฉันคิดว่าฉันต้องปิดห้องสมุดแล้วล่ะ  และนี่ก็คงใกล้เวลาหอปิดแล้วด้วย” เธอพูด 
“ค่ะ  ถ้าอย่างนั้นหนูกลับก่อนนะคะ  ขอบคุณมากค่ะมาดาม” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวขอบคุณเธอและเดินออกมาสู่ระเบียงทางเดินที่มืดมิด
เฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามระเบียงที่ไร้ผู้คน  แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามากระทบเสื้อเกราะและรูปปั้นต่าง ๆ ช่วยทำให้พวกมันดูน่ากลัวกว่าตอนกลางวันมากทีเดียว  เด็กสาวพยายามก้าวยาว ๆ เพื่อเดินผ่านระเบียงมืด ๆ กลับไปสู่หอนอนโดยเร็ว  แต่ก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะเดินผ่านระเบียงไปได้ก็มีมือ ๆ หนึ่งคว้าร่างของเธอเอาไว้เสียก่อน!
มือลึกลับนั้นคว้าหมับเข้าที่ต้นแขนของเธอ  อีกมือหนึ่งของมันเลื่อนมาปิดปากเธออย่างรวดเร็ว  เฮอร์ไมโอนี่ที่ตกใจสุดขีดจึงหมดหนทางที่จะร้อง  และก่อนที่เด็กสาวจะได้ขัดขืนอะไรออกไปมือลึกลับนั้นก็ออกแรงลากร่างของเธอเข้าไปหลังเสื้อเกราะอันหนึ่ง!
เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นรนขัดขืน แต่เมื่อเธอเห็นโฉมหน้าของผู้ที่กำลังจะปะทุษร้ายเธอท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง  เด็กสาวก็หยุดดิ้นรนทันที
“มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  มองเด็กหนุ่มผมบลอนด์อย่างกึ่งโกรธกึ่งตกใจ “ทำบ้าอะไรของนายน่ะ......!” เธอโวยวาย  แต่มัลฟอยกลับเอามือจุ๊ปากเธอไว้ก่อน
“เงียบหน่อยสิเกรนเจอร์” เขาเตือน  และมองไปที่ทางเดินด้านนอกอย่างระแวดระวัง
“มีอะไรเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถามด้วยความสงสัย  เมื่อเห็นท่าทีของเด็กหนุ่ม
“ฉันแค่อยากเจอเธอเท่านั้น” มัลฟอยตอบ 
“ถ้าแค่อยากเจอฉัน  ก็ไม่เห็นต้องทำแบบนี้เลยนี่” เธอพูดอย่างโกรธ ๆ มัลฟอยทำเธอตกใจแทบแย่
“ฉันเองก็ไม่อยากทำแบบนี้  แต่ฉันจำเป็นต้องเจอเธอ  ฉันมีเรื่องต้องบอกเธอ” มัลฟอยอธิบาย
“มีอะไรไว้คุยกันวันพรุ่งนี้ได้ไหม  ตอนนี้มันดึกมากแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และมองสำรวจระเบียงทางเดินที่ว่างเปล่าอย่างหวาดหวั่น  ถ้ามีใครสักคนมาเห็นเธอกับเขาอยู่ด้วยกันสองคนในเวลานี้คงเป็นเรื่องไม่ดีแน่
“แต่ฉันอยากจะพูดกับเธอตอนนี้” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น  จนเฮอร์ไมโอนี่ใจอ่อน
“ถ้าอย่างนั้นมีอะไรก็ว่ามา  แต่เร็ว ๆ ก็ดีนะเพราะฉันต้องรีบกลับหอ” เด็กสาวว่า  มัลฟอยมองเธออย่างหนักใจ 
“ฉันอยากให้เธอระวังตัว” มัลฟอยพูด  เขาเอามือมาวางที่ไหล่ของเด็กสาว  ดวงตาสีฟ้าจางดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เพราะว่าตอนนี้แพนซี่รู้เรื่องของเราแล้ว”
*************************************************
“อะไรนะ!” เฮอร์ไมโอนี่ทวนคำอย่างตกใจ  มัลฟอยถอนใจออกมาเบา ๆ และพูดซ้ำ
“ฉันบอกว่า  แพนซี่รู้เรื่องของเราแล้ว” เขาตอบอย่างหนักแน่นและชัดเจน  เฮอร์ไมโอนี่ดูตกใจไม่น้อยกับเรื่องที่ได้ยิน
“แล้ว  เธอรู้เรื่องของเราได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ถาม 
“เธอเห็นเราอยู่ด้วยกันวันนี้ในห้องสมุด” มัลฟอยตอบ  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกใจหายวาบ  ถ้าแพนซี่เห็นเธอกับมัลฟอยอยู่ด้วยกันที่ห้องสมุดจริง ๆ นั่นก็หมายความว่า  แพนซี่เห็นเธอกับมัลฟอยจูบกัน!
และถ้าเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่าเรื่องราวระหว่างเธอและเขาไม่ได้เป็นความลับอีกต่อไป
“แล้วเธอรู้เรื่องนี้ได้ยังไง” เฮอร์ไมโอนี่ถามอีกครั้ง 
“แพนซี่มาบอกฉัน” มัลฟอยตอบอย่างเคร่งขรึม  หากแต่ดูกังวล “เธอเข้ามาถามฉันเรื่องที่เธอเห็นวันนี้  เธอคาดคั้นฉัน  แล้วฉันก็เลยบอกแพนซี่ไปว่าฉันกับเธอคบกันอยู่” เขาสารภาพ  เฮอร์ไมโอนี่ดูตกใจมาก
“เธอจะบ้าหรือมัลฟอย!” เธอพูดเสียงดัง “ทำไมเธอถึงบอกแพนซี่ไปอย่างนั้น  ฉันกับเธอไม่ได้.....” แววตาสีซีดของมัลฟอยแปรเปลี่ยนไปเป็นแววตาที่เฉียบคมในขณะที่มันกำลังจ้องมองเฮอร์ไมโอนี่อยู่
“เธอจะว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยอย่างนั้นรึ” เขาพูด 
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ  มัลฟอยดูน่ากลัวขึ้นมาในพริบตา “เพียงแต่ว่าเราไม่เคยตกลงว่าเราเป็นอะไรกันก็เท่านั้น”
“แล้วเธอคิดว่าเราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันนอกจากเพื่อน  หรือศัตรูอย่างนั้นรึ” เด็กหนุ่มพูดด้วยท่าทีไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก
“ฉัน....นี่มันไม่ใช่เวลาที่เราจะมาเถียงเรื่องนี้กันนะ” เฮอร์ไมโอนี่อึกอัก  เธอไม่กล้าสบสายตาที่ดูดุดันของเขาขึ้นมาชั่วขณะ  แต่ที่มัลฟอยพูดก็ถูก  เพราะเพื่อนธรรมดา ๆ คงไม่จูบกันหรอกจริงไหม
“ขอโทษ” เด็กหนุ่มกล่าวเบา ๆ สายตาของเขาดูอ่อนลง 
“แล้ว  แพนซี่มีปฏิกิริยาอย่างไรบ้างตอนที่รู้เรื่องน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามค่อย ๆ
“เธอแทบเป็นบ้าไปเลย” มัลฟอยตอบพร้อมกับนึกถึงท่าทีของแพนซี่แล้วก็ทำท่าสยดสยอง
“เหมือนเธอรับไม่ได้กับเรื่องที่ฉันบอกเธอ  เธอพยายามบอกฉันว่าฉันไม่มีทางคิดอะไรกับเธอได้  แพนซี่พยายามอ้างเหตุผลต่าง ๆ นานาเพื่อให้ฉันกลับไปคิดอย่างเดิม” มัลฟอยเล่า
“แพนซี่คงอยากให้เธอเกลียดฉันอย่างเดิม” เฮอร์ไมโอนี่เสริม  แววตาครุ่นคิดสับสน
“แต่ฉันก็ไม่สามารถทำอย่างนั้นได้หรอก” มัลฟอยว่า  เขามองเฮอร์ไมโอนี่อย่างมีความหมาย
“ฉันก็เลยบอกแพนซี่ไปว่า  ฉันชอบเธอ” เขาพูด  แม้จะเป็นคำพูดที่ดูจะแสนธรรมดา  แต่มันกลับมีความหมายต่อเฮอร์ไมโอนี่อย่างน่าประหลาด “และคนที่ฉันคิดจะรักก็มีเพียง  เฮอร์ไมโอนี่  เกรนเจอร์เท่านั้น” มัลฟอยพูดและมองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน  สายตาที่ราวกับต้องการบอกเธอว่า
ฉันได้ทำตามสัญญาแล้วนะ  สัญญาที่ว่าฉันจะบอกเธอเมื่อฉันรู้ว่าฉันรู้สึกกับเธออย่างไร
ใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่เป็นสีชมพูด้วยความเขิน  แม้จะอยู่ท่ามกลางระเบียงที่มืดมิด  แต่แสงจันทร์ที่สาดส่องกลับทำให้เด็กหนุ่มมองเห็นท่าทีเขินอายของเธอได้ไม่ยากเลย
“แล้วแพนซี่ว่ายังไงบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่ถามเพื่อกลบเกลื่อนความอาย
“เธอก็โวยวายใหญ่เลย  เธอหาว่าฉันบ้า  ฉันเสียสติ  แต่ฉันคิดว่าเธอต่างหากที่บ้า  แพนซี่ถึงกับพูดว่าเธอทำเสน่ห์ฉันด้วยรู้ไหม  เพราะเธอคิดว่าคนอย่างฉันไม่มีวันจะมารักเธอ” มัลฟอยเล่าตามความจริง  โดยไม่รู้ว่าเฮอร์ไมโอนี่ชะงักกับคำว่า ‘ ทำเสน่ห์ ’ ที่เขาเอ่ยออกมา
เฮอร์ไมโอนี่นึกย้อนกลับไปถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นในคืนวันวาเลนไทน์  ที่มัลฟอยดื่มน้ำยาเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ที่เธอต้องการจะเตรียมไว้ให้แฮร์รี่ดื่มเข้าไปโดยบังเอิญ  และเท่าที่เธอรู้  ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับมัลฟอยก็เริ่มงอกเงยขึ้นมาจากตรงนั้น
หรือว่าจะเป็นเพราะยาเสน่ห์นั่น  เขาถึงมาหลงรักเธอ  ถ้าไม่ใช่เพราะมัน  มีหรือที่มัลฟอยจะมาสนใจคนอย่างเธอ!
“เป็นอะไรรึเปล่าเกรนเจอร์” มัลฟอยถาม  เมื่อเห็นท่าทีที่แปลกไปของเฮอร์ไมโอนี่  เด็กสาวสะดุ้งราวกับเพิ่งตื่นจากภวังค์ 
“เปล่า  ฉันไม่ได้เป็นอะไร” เธอพูด  มัลฟอยมองเธออย่างสงสัย  แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไรกับอาการของเธอ
“แล้ว  เธอจะทำยังไงเรื่องของแพนซี่น่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  เธอพยายามจะดึงสติกลับมา
“ฉันเองก็ไม่รู้” เขาตอบตามตรง  เด็กหนุ่มดูวิตกกังวลกว่าทุกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่เคยเห็น “แต่ฉันต้องบอกให้เธอระวังตัวเอาไว้ก่อน  ฉันรู้จักนิสัยแพนซี่ดี  เธอจะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ แน่ถ้าเรื่องออกมาเป็นแบบนี้” มัลฟอยเตือย  เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น  เธอเองก็รู้ดีว่าแพนซี่ต้องหาทางทำอะไรสักอย่างเพื่อแยกพวกเขาทั้งสองออกจากกัน  แต่จะด้วยวิธีใดนั้นเธอเองก็ไม่รู้
“แต่วางใจเถอะเกรนเจอร์  ฉันจะไม่ยอมให้แพนซี่มายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของเรามากเกินไปหรอก” มัลฟอยพูดอย่างปลอบโยน  แม้ว่าแววตาของเขาจะดูกังวลมากก็ตาม  เด็กหนุ่มลูบศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ ราวกับต้องการบอกว่า ‘ ไม่เป็นไร ’ ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น  ในใจกำลังครุ่นคิดกังวลในเรื่องอีกเรื่องหนึ่ง  ซึ่งแตกต่างจากเรื่องที่มัลฟอยกำลังคิดอยู่โดยสิ้นเชิง
*************************************************
หลังจากร่ำลามัลฟอยเสร็จเรียบร้อยแล้ว  เฮอร์ไมโอนี่ก็ตรงกลับหอนอนทันที  เธอพบแฮร์รี่กับรอนอยู่ที่ห้องนั่งรวม  แต่เธอไม่มีเวลาที่จะไปนั่งอยู่กับเพื่อนทั้งสอง  เพราะเฮอร์ไมโอนี่มีเรื่องที่จะต้องทำมากกว่านั้น
เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นไปบนหอนอนที่ว่างเปล่า  เพราะเพื่อนคนอื่น ๆ ที่เหลือยังคงอยู่ที่ห้องนั่งเล่นรวมอยู่  เด็กสาวตรงไปที่โต๊ะหัวเตียง  เธอเปิดลิ้นชักออกและเริ่มรื้อของในนั้น 
เฮอร์ไมโอนี่หยิบขวดน้ำยาเล็ก ๆ สีชมพูขนาดเท่านิ้วโป้งขึ้นมา  มันถูกห่อไว้ด้วยกระดาษแผ่นหนึ่งที่เป็นคู่มือการใช้งาน  น้ำยาสีกุหลาบในขวดนั้นเหลือเพียงไม่ถึงครึ่งเท่านั้น  เฮอร์ไมโอนี่เอาขวดวางบนลิ้นชัก  และเริ่มอ่านทบทวนสรรพคุณของมันอีกครั้ง 
เธอจำได้ดีว่าเธอเคยได้ยินชื่อของน้ำยาเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ในหนังสือเล่มหนึ่งที่เธอเจอที่ตรอกไดแอกอนก่อนที่เธอจะกลับมาที่โรงเรียนหลังวันหยุดช่วงคริสต์มาส  และถ้าจำไม่ผิดเฮอร์ไมโอนี่คิดว่าเธอเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ในห้องสมุด  และถ้าเป็นไปได้  เธอก็อยากจะไปอ่านหนังสือเล่มนั้นเพื่อตรวจสอบสรรพคุณของน้ำยาขวดนี้ให้แน่ใจอีกครั้ง  เพราะตอนนี้เด็กสาวเริ่มคิดแล้วว่าความรู้สึกที่มัลฟอยมีให้กับเธออาจจะมาจากน้ำยาเสน่ห์นี่จริง ๆ
มันจะช่วยทำให้ความสัมพันธ์ของคุณกับเขาแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น 
ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับตัวคุณ ถ้าคุณทั้งสองคนเป็นเนื้อคู่กันจริง ๆ ไม่ว่าการเริ่มความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองจะเป็นอย่างไร  แม้กระทั่งศัตรูคู่แค้น 
คุณทั้งสองก็สามารถลงเอยและเป็นคู่รักกันได้ 
คำบรรยายสรรพคุณของน้ำยาเสน่ห์วนเวียนเข้ามาในหัวสมองของเฮอร์ไมโอนี่ทันทีที่เธออ่านมันจบ  ถ้าเธอไม่ได้เป็นเนื้อคู่กับเขาจริง ๆ แล้วทำไมความสัมพันธ์ของเธอและเขากลับงอกเงยอย่างน่าประหลาดเช่นนี้  แต่จู่ ๆ คำพูดของหญิงสาวลึกลับก็ดังขึ้นในหัวของเฮอร์ไมโอนี่อย่างฉับพลัน
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างสายเลือดที่แตกต่างจะนำมาซึ่งความหายนะที่เธอไม่คาดคิดทีเดียว
เสียงของโรสดังก้องอยู่ในหัวของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับไม่มีวันจบสิ้น  เด็กสาวเม้มปากแน่น  รู้สึกสับสันมากกว่าครั้งไหน 
ถ้าเธอกับเขาไม่สมควรรักกันจริง ๆ แล้วทำไมน้ำยาที่เธอใช้กับเขาถึงได้ผล 
แล้วถ้าเขารักเธอด้วยตัวของเขาเอง  ทำไมความสัมพันธ์ของพวกเธอต้องเกิดขึ้นหลังจากที่เขาได้ดื่มน้ำยานั้นไปแล้วด้วย 
เฮอร์ไมโอนี่คิดอย่างสับสน  แต่เธอก็ไม่สามารถหาคำตอบให้ตัวเองได้  เด็กสาวกำมือแน่นอย่างกดดันจนเล็บจิกเข้าไปในอุ้งมือ  แววตาของเธอดูว่างเปล่าและสับสน 
ถ้ามัลฟอยรักเธอเพราะยาจริง ๆ เธอยังจะต้องการความรักของเขาอยู่อีกน่ะหรือ  แล้วถ้าเขาไม่ได้ดื่มบัตเตอร์เบียร์ขวดนั้นเข้าไปล่ะ  จะเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับเธอ 
และถ้ายาเสน่ห์ที่เธอเคยให้เขาดื่มเกิดหมดฤทธิ์ล่ะ  มันจะเกิดอะไรขึ้นกับความสัมพันธ์ของเธอและเขา!
ถ้าฉันรักใครสักคน ฉันจะไม่ใช้วิธีอย่างนี้เพื่อจะทำให้เขาหันมาสนใจฉันหรอก
แต่ฉันจะทำให้เขารักฉันด้วยตัวฉันเอง
เฮอร์ไมโอนี่ยังคงจำสิ่งที่เธอเคยบอกกับตัวเองไว้ได้ดี  มันย้อนเข้ามาย้ำเตือนจิตใจของเธอซ้ำแล้วซ้ำอีก  ในที่สุดเด็กสาวก็ตัดสินใจเก็บขวดยาเสน่ห์พร้อมกับข้อความบอกสรรพคุณลงไปในกระเป๋า  ก่อนจะห่อมันอีกชั้นด้วยผ้าเช็ดหน้าของเธอ 
ถ้าเธอไปค้นที่ห้องสมุดอาจจะมีสรรพคุณเกี่ยวกับยาตัวนี้มากกว่าที่ได้เขียนไว้ในกระดาษ  และไม่แน่ว่า  มันอาจจะมีวิธีแก้ฤทธิ์ของยาชนิดนี้ก็เป็นได้
และถ้ามีวิธีแก้ฤทธิ์ของน้ำยาชนิดนี้  เธอก็จะใช้มันกับมัลฟอย  เพราะว่าเธอคิดว่าเธอไม่ต้องการความรักที่ได้มาด้วยมนตรา  เธอต้องการให้เขารักเธอด้วยจิตใจที่แท้จริงของเขามากกว่า 
เฮอร์ไมโอนี่ปิดกระเป๋าและล้มตัวลงนอน  เด็กสาวเอามือก่ายหน้าผาก  แววตาสีน้ำตาลดูเหม่อลอย 
แล้วถ้าหากเธอสามารถแก้ฤทธิ์ยาได้  แล้วมัลฟอยกลับไปเป็นมัลฟอยคนเดิมล่ะ  เธอจะทำอย่างไร!
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงอย่างสับสน  ความรู้สึกผิดถูกตีกันอยู่ภายในจิตใตที่ยุ่งเหยิงราวกับพายุทีพัดกระหน่ำ  แต่ถึงกระนั้น  เฮอร์ไมโอนี่ก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกหนึ่งอยู่  ความรู้สึกที่ว่าหัวใจของเธอเจ็บปวดอย่างแปลกประหลาด  เมื่อเธอคิดว่ามัลฟอยได้กลับไปเป็นมัลฟอยคนเดิม  มัลฟอยที่ไม่มีอะไรที่จะมอบให้เธอนอกจากสายตาที่เย็นชา
และคำพูดที่ดูแคลน..............
*************************************************
วันต่อมา  เฮอร์ไมโอนี่ทำตัวตามปรกติอย่างที่เธอเคยทำทุกวัน  เด็กสาวไปเรียนวิชาแปลงร่างในช่วงเช้า  ในขณะที่เธอเอาขวดยาเสน่ห์สร้างความสัมพันธ์ติดกระเป๋ามาด้วย  ในตอนกลางวัน  เฮอร์ไมโอนี่ทานอาหารกับแฮร์รี่และรอนตามปรกติ  แต่เธอก็อดที่จะเหลือบมองไปที่โต๊ะสลิธีรินไม่ได้  สายตาของเธอคอยแต่สังเกตอากัปกิริยาของเด็กหนุ่มผมบลอนด์ที่กำลังนั่งอยู่ไม่ไกลนักอย่างสนใจ  ในขณะเดียวกันนั้นสายตาของมัลฟอยก็มองสบมาทางเฮอร์ไมโอนี่พอดี  ทั้งคู่สบตากันอยู่พักหนึ่งท่ามกลางโต๊ะอาหารที่มีผู้คนล้มหลาม  โดยพยายามจะไม่แสดงออกถึงอาการใด ๆ ผ่านทางใบหน้า  เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็น
แต่ทั้งสองคนไม่รู้หรอกว่า  มีสายตาคู่หนึ่งกำลังมองพวกเขาอยู่ในขณะที่พวกเขาสบตากัน  ดวงตาสีดำสนิทของแพนซี่มองตามสายตาของมัลฟอยไปยังโต๊ะกริฟฟินดอร์  มีร่องรอยความเคียดแค้นและอาฆาตแฝงไปกับสายตาที่เธอมองไปยังเด็กสาวผมสีน้ำตาลโดยที่เจ้าตัวไม่ได้รับรู้เลยแม้แต่น้อย   
หลังจากทานอาหารเสร็จ  เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะเก็บข้าวของเพื่อเตรียมตัวเข้าเรียนวิชาต่อไป  ซึ่งก็คือวิชาตัวเลขมหัศจรรย์  และก็เป็นเวลาเดียวกับที่แฮนนา  อับบอต  เด็กสาวจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟเดินมาทางโต๊ะกริฟฟินดอร์พอดี
“มีอะไรหรือแฮนนา” เฮอร์ไมโอนี่ทักเมื่อเด็กสาวเดินเข้ามาใกล้  ทั้งสองเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนวิชาตัวเลขมหัศจรรย์
“ฉันจะมาบอกเธอว่าวันนี้ศาสตราจารย์แวคเตอร์ไม่สอน  อาจารย์ป่วยเป็นโรคฝีหนอง” แฮนนาบอก  และอธิบายให้เธอฟังว่า  เด็กฮัฟเฟิลพัฟปีหกพยายามจะสาปสมาชิกหน่วยสอบสวนปีเดียวกันด้วยคาถาฝีหนอง  แต่กลับพลาดไปโดยศาสตราจารย์วิคเตอร์แทน  อาจารย์จึงต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่ห้องพยาบาลและมาสอนไม่ได้
“ดีใจด้วยนะเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่ต้องไปเรียนน่ะ” รอนบอกพลางเคี้ยวขนมปังไว้ในแก้ม  เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“ไม่ดีเลยนะรอน  มันจะทำให้ฉันเรียนไม่ทันนะ” เธอพูดอย่างอารมณ์เสีย
“แล้วเธอจะทำอะไรต่อไปล่ะ  ตอนบ่ายเธอว่างนี่” แฮร์รี่พูดอย่างอิจฉา  เมื่อเขากับรอนต้องไปเรียนวิชาพยากรณ์
“ไม่รู้สิ  แต่ฉันคงจะไปห้องสมุดล่ะมั้ง” เด็กสาวพูด  รอนร้องโอดโอย ( “ทำไมเธอถึงไม่ไปกินนอนในห้องสมุดเสียเลยล่ะ!” ) แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่ฟังเขา  เด็กสาวยกกระเป๋าขึ้นพาดบ่า  กล่าวอำลาเพื่อนทั้งสอง  และเดินออกจากห้องโถงตรงไปยังห้องสมุดด้วยจุดประสงค์ที่แตกต่างกว่าคราวก่อน ๆ อย่างสิ้นเชิง
*************************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น