ลำดับตอนที่ #18
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #18 : ความเสียใจของแพนซี่
***Chapter 18 ***  ความเสียใจของแพนซี่
“นายทำฉันตกใจนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  มัลฟอยเลิกคิ้ว
“เธอเองก็ทำหน้าอย่างกับเห็นผีเชียว” เขาพูดก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังหนังสือบนโต๊ะของเฮอร์ไมโอนี่
“ทำอะไรอยู่หรือ” มัลฟอยถาม  เด็กสาวรีบปิดมันในทันที
“ไม่มีอะไร” เธอพูดอย่างรวดเร็ว  มัลฟอยมองเธออย่างสงสัย  แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร
“นายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ” เธอว่า 
“ฉันหนียัยแพนซี่มา  น่ารำคาญชะมัดตามติดฉันอยู่ได้  แล้วพอดีฉันเห็นเธอเดินมาในนี้ก็เลยตามเธอมา” เขาเล่า
“ฉันนึกว่าเธอจะมาหาหนังสืออ่านเสียอีก” เฮอร์ไมโอนี่พูด  มัลฟอยยักไหล่
“ฉันไม่เหมือนเธอนี่  ที่จะต้องอ่านหนังสือสามเวลาหลังอาหารน่ะ” เขาพูด  และหยิบพจนานุกรมอักษรรูนที่หนาหลายพันหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาดูพลางทำหน้าสยดสยอง  เด็กสาวคว้ามันมาจากมือเขาทันที
“อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้อ่านมันเลยน่ะ” มัลฟอยไหวไหล่ “นี่มันใกล้จะสอบแค่ไหนแล้วรู้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ดุเขา  เธอรุดไปที่ชั้นหนังสือและเริ่มหยิบหนังสือเตรียมสอบว.พ.ร.ส.ต่าง ๆ ออกมา
“ความจริงนายน่าจะเริ่มอ่านหนังสือพวกนี้ได้แล้วรู้ไหม  ก่อนที่จะอ่านไม่ทัน” เธอพูด 
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้เธอหาหนังสือเตรียมสอบให้อ่านหรอกนะ” มัลฟอยพูด  เขาเข้ามาประชิดตัวเด็กสาวมากขึ้น  ทั้งสองกำลังอยู่ในมุมหนึ่งของห้องสมุดที่ลับตาผู้คนและแสนเงียบสงัด
“นายหมายความว่ายังไงกัน” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  เอามือกอดอก
“หมายความว่าฉันคิดถึงเธอเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด โน้มหน้าเข้ามาใกล้ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับดันตัวเด็กหนุ่มออก
“ที่นี่มันห้องสมุดนะมัลฟอย” เธอพูดเสียงดุ  และผลักแผ่นอกของเขาออกแรง ๆ แต่มัลฟอยยังคงดื้อดึงไม่ยอมขยับไปไหน
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า  ถ้าเธอไม่ส่งเสียงออกมา” เขาพูดยียวน  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“นาย!” เธอว่า  แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้  เมื่อมัลฟอยเริ่มโน้มใบ้หน้าเข้ามาใกล้
อีกด้านหนึ่ง  แพนซี่  พาร์กินสัน  เพิ่งเดินเข้ามาในห้องสมุด  เธอตรงไปที่โต๊ะบรรณารักษ์และยิ้มหวานให้มาดามพินซ์
“สวัสดีค่ะ  มาดาม” เธอทักอย่างเสแสร้ง  “ไม่ทราบว่ามาดามเห็นเดรโก  มัลฟอย  เข้ามาที่นี่ไหมคะ”
มาดามพินซ์ทำท่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ 
“เขาเพิ่งเข้ามาในนี้ได้ไม่นานนักหรอก  ฉันเห็นเขาเดินไปตรงชั้นหนังสือแถบนั้นน่ะ” มาดามพินซ์บอกพร้อมกับชี้มือไปทางมุมหนึ่งของห้องสมุดที่มัลฟอยเพิ่งเดินไป  แพนซี่ยิ้มอย่างพอใจ
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าว  และรุดไปยังที่ตรงนั้น
“ไม่เอาน่ามัลฟอย  ปล่อยฉันทีเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เธอพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของมัลฟอย  ด้วยความกลัวที่ว่าจะมีใครมาเห็นภาพของพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน  แต่มัลฟอยกลับไปยอมปล่อยเฮอร์ไมโอนี่ไปง่าย ๆ
“เมื่อไหร่จะเลิกเรียกฉันอย่างนั้นเสียที” เขาบ่น  เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพู “ฉันก็มีชื่อของฉันนะ”
“แต่ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เรียกนี่” เธอร้อง  “ปล่อยฉันเถอะมัลฟอย”
“ไม่” เด็กหนุ่มส่ายหัวด้วยอาการราวกับเด็กเอาแต่ใจ  “เรียกชื่อฉันก่อน”
“ถ้าฉันไม่อยากเรียกนายก็บังคับฉันไม่ได้หรอกนะ  ปล่อยฉันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แต่เธอก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดไปเมื่อมัลฟอยยิ้มมุมปาก
“เธอแน่ใจหรือว่าฉันบังคับเธอไม่ได้น่ะ” เขาพูดเจ้าเล่ห์  พร้อมกับหอมแก้มเธอหนัก ๆ เฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงตัวหนี
“อย่าทำอย่างนี้เลยมัลฟอย” เธอพูดพร้อมกับดันตัวออกห่าง  มัลฟอยมีท่าทีไม่พอใจเมื่อถูกเฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ
“จะตามใจฉันบ้างไม่ได้เลยรึ” เขาพูดอย่างหน่าย ๆ เฮอร์ไมโอนี่มองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่อ่อนลง
“ฉันขอโทษ” เธอพูดเสียงแผ่ว “แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะเรียกชื่อเธอ  เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน” มัลฟอยกรอกตา
“แล้วทีเจ้าพอตเตอร์กับเจ้าวีสลีย์ล่ะ” มัลฟอยสวน 
“ไม่เกี่ยวกับพวกเขาซะหน่อย  แค่ฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น” เธอพูดอย่างมีเหตุผล  มัลฟอยถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ก็ตามใจเธอ” เขาว่า  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม  แต่รอยยิ้มของเธอก็ต้องหายไปเมื่อมือของมัลฟอยเริ่มอยู่ไม่สุข 
“อย่านะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดและแกะมือของเด็กหนุ่มออกจากเอวของเธอ  แต่มัลฟอยไม่ยอมปล่อยเธออีกต่อไป  เขาคว้าร่างของเฮอร์ไมโอนี่มาไว้ในอ้อมแขน  เด็กสาวมองมัลฟอยอย่างไม่พอใจ
“ตามใจฉันสักเรื่องเถอะนะเกรนเจอร์” เขาพูดออดอ้อน  เด็กสาวถอนใจอย่างเสียไม่ได้
“ถ้าเธอทำหน้าเหมือนถูกบังคับอย่างนั้นก็ไม่ต้องก็ได้” มัลฟอยพูดอย่างน้อยใจเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีไม่เต็มใจเท่าไหร่นักกับการกระทำของเขา
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ  มัลฟอย” เธอพูดและมองเขาด้วยแววตาที่อ่อนลง  “แต่ฉันกลัวใครจะมาเห็นเข้า”
“แล้วถ้าไม่มีใครเห็นก็ได้ใช่ไหม” มัลฟอยพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์  เฮอร์ไมโอนี่รู้ทันทีว่าเธอติดกับเด็กหนุ่มเข้าให้แล้ว 
“นายนี่มันเจ้าเล่ห์จริง ๆ ” เธอโวยวายแล้วเริ่มทุบเขา  เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก
“ถ้าไม่เจ้าเล่ห์ก็ไม่ใช่ฉันสิ” เขาว่า  มองเด็กสาวด้วยสายตาที่มีความหมาย  เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีไม่พอใจเท่าไหร่นัก  แต่ในที่สุดเด็กสาวก็หลับตาลงแล้วมัลฟอยก็ก้มลงไปประทับริมฝีปากกับเธออย่างอ่อนโยน
แต่ทั้งสองจะรู้ไหมว่าในขณะที่ริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกัน  แพนซี่กำลังอยู่ที่ชั้นหนังสือถัดไปไม่ที่ชั้น  และกำลังมองพวกเขาทั้งสองจูบกับด้วยความตกใจอย่างที่สุด
*************************************************
เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมให้มัลฟอยทำอะไรเธอไปมากกว่าการจูบ  ยิ่งเป็นในห้องสมุดด้วยแล้ว  เด็กสาวก็ยิ่งขัดขืนเขาสุดกำลัง  แม้เด็กหนุ่มจะเสียดายไปบ้างที่เฮอร์ไมโอนี่เสนอให้เขานั่งอ่านหนังสือกับเธอหลังจากนั้น  แต่มัลฟอยก็คิดว่ามันดีไม่น้อยที่เขาได้อยู่กับเธอสองคนตลอดทั้งวัน  จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนเย็น  มัลฟอยตรงกลับห้องนั่งเล่นรวมก่อนที่จะไปทานอาหาร 
ภายในห้องนั่งเล่นรวมสลิธีรินนั้นเกือบว่างเปล่า  เพราะเด็กทุกคนต่างลงไปทานอาหารกันจนหมด  แต่ที่มัลฟอยต้องกลับมาที่นี่ก่อนที่จะลงไปที่ห้องโถงก็เพราะเขาต้องเอาหนังสือเตรียมสอบว.พ.ร.ส. ที่เฮอร์ไมโอนี่คะยั้นคะยอให้เขายืมมาจากห้องสมุดมาเก็บ  แต่เมื่อมัลฟอยลงมาจากหอนอนหลังจากเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว  เขาก็ต้องแปลกใจที่พบว่าแพนซี่กำลังอยู่ในห้องนั่งเล่นรวม
“ไม่ลงไปกินข้าวเหรอแพนซี่” มัลฟอยถาม  เด็กสาวมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ” แพนซี่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ฉันถึงมารอเธอที่นี่ทั้งวัน”
“มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยทีหลังได้ไหม  ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว” มัลฟอยพูดพลางลูบท้องที่กำลังร้องครวญครางของเขา
“ไม่ได้  ฉันต้องคุยกับเธอเดี๋ยวนี้” แพนซี่พูดพลางฉุดแขนของมัลฟอยไว้  เขามองแพนซี่อย่างแปลกใจก่อนที่จะแกะมือของเธอออก
“ฉันบอกว่ามีอะไรไว้คุยทีหลังไง  ฉันจะลงไปกินข้าว” มัลฟอยพูดเสียงเข้มและหันหลังกลับ  กำลังจะเดินออกจากห้องไป
“รวมทั้งเรื่องของเธอกับเกรนเจอร์ด้วยใช่ไหม” แพนซี่พูด  มัลฟอยชะงัก  เขาหันหลังกลับทันที
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะแพนซี่” เขาถามด้วยความสงสัย  แพนซี่กอดอก
“ไม่ต้องมาทำไขสือหรอกมัลฟอย  ฉันรู้เรื่องของเธอกับยัยเกรนเจอร์หมดแล้ว” แพนซี่พูด  แววตาสีดำของเธอที่มองมัลฟอยดูเศร้าสร้อยและผิดหวัง
“ฉันเห็นเธอจูบกับมันที่ห้องสมุดวันนี้”
.................................................
“นี่เธอแอบตามฉันไปหรือแพนซี่” มัลฟอยพูดอย่างโมโห 
“ถ้าฉันไม่ตามเธอไป  ฉันจะรู้หรือว่าเธอแอบไปพบยัยเลือดสีโคลนที่นั่น!” แพนซี่โต้กลับเสียงดัง  แววตาของเธอดูปวดร้าว 
“ถ้าฉันไม่ทำอย่างนั้นฉันจะรู้หรือว่าเธอจะทรยศฉันไปยุ่งกับมันน่ะ!” แพนซี่พูด  มัลฟอยรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว  ตอนนี้เรื่องที่เขากลัวก็กลายเป็นจริงแล้ว  มีคนอื่นรู้เรื่องของเขากับเฮอร์ไมโอนี่เสียแล้ว
“เธอแอบเจอกับมันมานานเท่าไหร่แล้ว  ตอนที่ไปฮอกมี้ดส์ด้วยใช่ไหม  ฉันไม่ได้ตาฝาดหรือว่ามองผิดไปหรอก  แต่ฉันเห็นเธอไปเที่ยวฮอกมี้ดส์กับเกรนเจอร์จริง ๆ ใช่ไหม” แพนซี่คาดคั้น  เธอกระชากแขนของมัลฟอยและเขย่าราวกับต้องการคำตอบ  มัลฟอยหลับตาลงอย่างสับสน
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปโกหกเธอ  ในเมื่อเธอรู้เรื่องจนถึงขนาดนี้แล้ว
“ใช่แพนซี่” เขาตอบ “ฉันไปฮอกมี้ดส์กับเกรนเจอร์มา  ฉันแอบพบกับเขาลับ ๆ โดยไม่ให้ใครรู้มานานแล้ว” มัลฟอยสารภาพ  แพนซี่ดูตกตะลึง  เธอปล่อยมือที่เกาะกุมมัลฟอยออก
“ทำไม  ทำไมเธอต้องทำอย่างนี้กับมันด้วย!” แพนซี่ร้อง “ทำไมเธอต้องลดตัวลงไปคบหากับมัน ทำไมกัน......มันเป็นพวกเลือดสีโคลนนะมัลฟอย  นังเกรนเจอร์มันเป็นพวกเลือดสกปรก.....!!!!”  แพนซี่แผดเสียง
“ฉันรู้เรื่องนั้นดี!” มัลฟอยพูดเสียงดัง  ราวกับต้องการตอกย้ำคำ ๆ นี้กับตัวของเขาเองด้วย 
“ฉันรู้ดีว่าเกรนเจอร์เป็นยังไง” เขาพูด “แต่ฉันก็ยังรู้สึกดีกับเขา  เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน  ฉันรู้สึกว่าฉันสบายใจมากกว่าเวลาอยู่กับคนอื่น  อย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อน  แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องเป็นเกรนเจอร์  แต่เท่าที่ฉันรู้คือฉันชอบเขา  ฉันชอบเกรนเจอร์!” มัลฟอยสารภาพ  แพนซี่ตกตะลึง
“ไม่จริง!” แพนซี่ร้อง “ไม่จริง  มัลฟอย  เธอจะชอบมันได้ยังไง....แล้วฉันล่ะ!” เธอถาม  มัลฟอยมีท่าทีลำบากใจ
“ฉันชอบเธออย่างเพื่อนเท่านั้น  ฉันไม่เคยคิดกับเธอเป็นอย่างอื่นเลย” มัลฟอยพูดตามตรง  แพนซี่ชะงัก 
“แล้วที่ผ่านมาเธอไม่เคยคิดกับฉันเกินเพื่อนเลยหรือ” เธอพึมพำ  น้ำตาเอ่อคลอดวงตาสีดำเหมือนนิล  มัลฟอยถอนใจ  เด็กหนุ่มส่ายหน้า
“ไม่เลย  ฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเกินไปกว่าคำว่าเพื่อนเลยแพนซี่”  มัลฟอยบอกเธอ  น้ำตาของแพนซี่ไหลอาบแก้ม “และตอนนี้คนที่ฉันชอบ ไม่สิ  คนที่ฉันคิดจะรักก็มีเพียงเกรนเจอร์เท่านั้น”
พอมัลฟอยพูดจบ  แพนซี่ก็ดูตกตะลึงมากกว่าครั้งไหน  ไม่ช้าเธอก็รัวกำปั้นลงบนอกของมัลฟอยอย่างอัดอั้น  น้ำตาของเธอพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เธอบ้าไปแล้วหรือไง!!!” แพนซี่ตะโกน  “เธอ....เธอรู้รึเปล่าว่าเธอพูดอะไรออกมา  เธอรู้รึเปล่าว่าเธอพูดอะไรออกมาน่ะ” แพนซี่มองเขาอย่างตกใจ  มัลฟอยนิ่งเงียบ
“ฉันรู้ดี” เขาพูดเรียบ ๆ แพนซี่ดูตกใจอย่างที่สุด 
“ไม่จริง  เธอจะรักมันได้ยังไง  เธอไม่มีทางรักมัน  ไม่มีทางหรอกมัลฟอย” แพนซี่พูดพร่ำ  ราวกับว่าเธอยังรับกับความจริงที่เด็กหนุ่มบอกไม่ได้  “มันทำอะไรเธอ  เธอถึงพูดออกมาอย่างนี้” จู่ ๆ เด็กสาวก็นึกอะไรบางอย่างออก
“หรือว่ามันทำเสน่ห์เธอ”
*************************************************
“เธอเอาอะไรมาพูดน่ะ”  มัลฟอยพูด  เขาดูตกใจไม่น้อย
“หรือว่ามันทำเสน่ห์เธอมัลฟอย  เธอถึงได้กลายเป็นอย่างนี้” แพนซี่ตาลุกวาว “เธอถึงได้คิดว่าเธอรักมัน  ทั้ง ๆ ที่เธอไม่มีทางจะรักมันได้”
“หยุดเพ้อเจ้อซักทีเถอะแพนซี่” มัลฟอยเตือน  แต่แพนซี่กลับไม่ฟัง
“หรือมันไม่จริง  ถ้าเป็นเธอจริง ๆ เธอจะไม่มีทางรักมันได้แน่ ๆ อย่าว่าแต่รักมันเลยมัลฟอย  แค่จะถูกตัวมันเธอยังรังเกียจเลย  แล้วเธอจะไปรักมันได้ยังไง” แพนซี่พูดราวกับเธอต้องการเตือนสติของมัลฟอย  เด็กหนุ่มหยุดชะงักชั่วครู่
นั่นสิ  ทำไมเขาถึงต้องการสัมผัสร่างกายเนียนนุ่มของเธอด้วยนะ  ทั้ง ๆ ที่เขาสมควรจะรังเกียจมัน 
ทำไมเขาต้องคิดถึงใบหน้าของเธอทุกครั้งที่เขาหลับตา
และทำไมเขาถึงต้องการให้เธอมาอยู่มาอยู่ใกล้ ๆ เขาตลอดเวลาด้วยล่ะ 
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่น่าจะรู้สึกอย่างนี้กับเลือดสีโคลนอย่างเธอ!
“เธอต้องโดนมันทำอะไรกับเธอสักอย่างแน่ ๆ เลยมัลฟอย  ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก” แพนซี่พูด 
มัลฟอยชะงักราวกับเขานึกอะไรบางอย่างออก  เด็กหนุ่มค่อย ๆ ผลักแพนซี่ออกห่าง
“ฉันไม่ได้โดนยาเสน่ห์อะไรทั้งนั้น” เขาพูด
“แต่เธอกำลังโดนมันหลอกอยู่นะ!” แพนซี่พูดเสียงดัง  แต่มัลฟอยไม่สนใจ
“ฉันชอบเกรนเจอร์ในสิ่งที่เขาเป็น  ไม่ใช่เพราะด้วยสิ่งอื่น”  มัลฟอยพูดเสียงเข้ม  ก่อนจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นรวมไปทันทีก่อนที่แพนซี่จะทันรั้งตัวเขา
แพนซี่มองตามแผ่นหลังของมัลฟอยไปอย่างปวดร้าวและสับสน  เธอพึมพำกับตัวเอง
“ฉันจะทำให้เธอกลับมาเป็นอย่างเดิมให้ได้  คอยดูสิ”
.................................................
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเฮอร์ไมโอนี่ก็เอาหนังสือวิชาพยากรณ์ที่หยิบผิดไปคืนรอน  แม้ในใจของเธอจะยังหวาดหวั่นอยู่กับเรื่องราวที่เธอเพิ่งได้ค้นพบจากหนังสือเรื่อวนี้ก็ตามแต่เธอก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกของเธอที่มีต่อมัลฟอยได้
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่น้ำหนังสือกลับไปคืนรอนที่เพิ่งซ้อมควิดดิชเสร็จ 
“หนังสือของเธอน่ะรอน  ฉันหยิบผิดไป” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เธอกำลังอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมกับเพื่อนทั้งสอง  รอนที่ถูกแอนเจลิน่าบังคับให้ซ้อมควิดดิชตลอดทั้งวันกำลังนั่งทำการบ้านกองโตของเขาอยู่
“อ๋อ ไปอยู่ที่เธอเองหรอกเหรอ” รอนพูดอย่างไม่ใส่ใจเขารับหนังสือมาจากเฮอร์ไมโอนี่และวางมันลงบนโต๊ะ
“แต่ฉันไม่ต้องใช้มันแล้วล่ะ  เพราะว่าฉันทำการบ้านวิชาพยากรณ์เสร็จแล้ว”
“แต่มันเป็นหนังสือของห้องสมุดนี่รอน  เธอต้องเอาไปคืนนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางพลิกดูที่ปกหลัง “เธอต้องคืนมันวันนี้ด้วย” เด็กสาวพูด
“ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยไปคืนให้ฉันหน่อยสิ  ฉันมีการบ้านอีกเยอะเลยที่ยังทำไม่เสร็จ” รอนพูด  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าไม่พอใจ
“น่านะ  เฮอร์ไมโอนี่  ถือว่าช่วยฉันเถอะ” รอนขอร้อง
“ตามใจ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเสียไม่ได้และเดินออกจากห้องนั่งเล่นรวมไป
*************************************************
เอามาลงให้แล้วนะจ๊ะ  หมู่นี้ยุ่งมาก ๆ เลย  เพราะเป็นช่วงเปิดเทอม  เราเลยมาอีพให้ได้แค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้นน่ะจ๊ะ  อย่าว่ากันเลยนะ แต่เราจะอัพให้อย่างสม่ำเสมอทุก ๆ อาทิตย์และกัน  สำหรับเพื่อน ๆ นักเขียนที่มาฝากเรื่องไว้ให้อ่านน่ะ  เราจะพยายามหาเวลาเข้าไปอ่านนะจ๊ะ  ยังไงก็มีเรื่องมาบอกแค่นี้แหละ  และอาทิตย์หน้าจะมาอัพให้ใหม่นะ 
“นายทำฉันตกใจนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  มัลฟอยเลิกคิ้ว
“เธอเองก็ทำหน้าอย่างกับเห็นผีเชียว” เขาพูดก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังหนังสือบนโต๊ะของเฮอร์ไมโอนี่
“ทำอะไรอยู่หรือ” มัลฟอยถาม  เด็กสาวรีบปิดมันในทันที
“ไม่มีอะไร” เธอพูดอย่างรวดเร็ว  มัลฟอยมองเธออย่างสงสัย  แต่เขาก็ไม่ได้ติดใจอะไร
“นายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ” เธอว่า 
“ฉันหนียัยแพนซี่มา  น่ารำคาญชะมัดตามติดฉันอยู่ได้  แล้วพอดีฉันเห็นเธอเดินมาในนี้ก็เลยตามเธอมา” เขาเล่า
“ฉันนึกว่าเธอจะมาหาหนังสืออ่านเสียอีก” เฮอร์ไมโอนี่พูด  มัลฟอยยักไหล่
“ฉันไม่เหมือนเธอนี่  ที่จะต้องอ่านหนังสือสามเวลาหลังอาหารน่ะ” เขาพูด  และหยิบพจนานุกรมอักษรรูนที่หนาหลายพันหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาดูพลางทำหน้าสยดสยอง  เด็กสาวคว้ามันมาจากมือเขาทันที
“อย่าบอกนะว่านายยังไม่ได้อ่านมันเลยน่ะ” มัลฟอยไหวไหล่ “นี่มันใกล้จะสอบแค่ไหนแล้วรู้ไหม” เฮอร์ไมโอนี่ดุเขา  เธอรุดไปที่ชั้นหนังสือและเริ่มหยิบหนังสือเตรียมสอบว.พ.ร.ส.ต่าง ๆ ออกมา
“ความจริงนายน่าจะเริ่มอ่านหนังสือพวกนี้ได้แล้วรู้ไหม  ก่อนที่จะอ่านไม่ทัน” เธอพูด 
“ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้เธอหาหนังสือเตรียมสอบให้อ่านหรอกนะ” มัลฟอยพูด  เขาเข้ามาประชิดตัวเด็กสาวมากขึ้น  ทั้งสองกำลังอยู่ในมุมหนึ่งของห้องสมุดที่ลับตาผู้คนและแสนเงียบสงัด
“นายหมายความว่ายังไงกัน” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  เอามือกอดอก
“หมายความว่าฉันคิดถึงเธอเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด โน้มหน้าเข้ามาใกล้ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับดันตัวเด็กหนุ่มออก
“ที่นี่มันห้องสมุดนะมัลฟอย” เธอพูดเสียงดุ  และผลักแผ่นอกของเขาออกแรง ๆ แต่มัลฟอยยังคงดื้อดึงไม่ยอมขยับไปไหน
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า  ถ้าเธอไม่ส่งเสียงออกมา” เขาพูดยียวน  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดง
“นาย!” เธอว่า  แต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้  เมื่อมัลฟอยเริ่มโน้มใบ้หน้าเข้ามาใกล้
อีกด้านหนึ่ง  แพนซี่  พาร์กินสัน  เพิ่งเดินเข้ามาในห้องสมุด  เธอตรงไปที่โต๊ะบรรณารักษ์และยิ้มหวานให้มาดามพินซ์
“สวัสดีค่ะ  มาดาม” เธอทักอย่างเสแสร้ง  “ไม่ทราบว่ามาดามเห็นเดรโก  มัลฟอย  เข้ามาที่นี่ไหมคะ”
มาดามพินซ์ทำท่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ 
“เขาเพิ่งเข้ามาในนี้ได้ไม่นานนักหรอก  ฉันเห็นเขาเดินไปตรงชั้นหนังสือแถบนั้นน่ะ” มาดามพินซ์บอกพร้อมกับชี้มือไปทางมุมหนึ่งของห้องสมุดที่มัลฟอยเพิ่งเดินไป  แพนซี่ยิ้มอย่างพอใจ
“ขอบคุณค่ะ” เธอกล่าว  และรุดไปยังที่ตรงนั้น
“ไม่เอาน่ามัลฟอย  ปล่อยฉันทีเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เธอพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากอ้อมแขนของมัลฟอย  ด้วยความกลัวที่ว่าจะมีใครมาเห็นภาพของพวกเขาทั้งสองอยู่ด้วยกัน  แต่มัลฟอยกลับไปยอมปล่อยเฮอร์ไมโอนี่ไปง่าย ๆ
“เมื่อไหร่จะเลิกเรียกฉันอย่างนั้นเสียที” เขาบ่น  เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีชมพู “ฉันก็มีชื่อของฉันนะ”
“แต่ฉันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่เรียกนี่” เธอร้อง  “ปล่อยฉันเถอะมัลฟอย”
“ไม่” เด็กหนุ่มส่ายหัวด้วยอาการราวกับเด็กเอาแต่ใจ  “เรียกชื่อฉันก่อน”
“ถ้าฉันไม่อยากเรียกนายก็บังคับฉันไม่ได้หรอกนะ  ปล่อยฉันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด  แต่เธอก็รู้สึกว่าตัวเองคิดผิดไปเมื่อมัลฟอยยิ้มมุมปาก
“เธอแน่ใจหรือว่าฉันบังคับเธอไม่ได้น่ะ” เขาพูดเจ้าเล่ห์  พร้อมกับหอมแก้มเธอหนัก ๆ เฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงตัวหนี
“อย่าทำอย่างนี้เลยมัลฟอย” เธอพูดพร้อมกับดันตัวออกห่าง  มัลฟอยมีท่าทีไม่พอใจเมื่อถูกเฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ
“จะตามใจฉันบ้างไม่ได้เลยรึ” เขาพูดอย่างหน่าย ๆ เฮอร์ไมโอนี่มองเด็กหนุ่มด้วยสายตาที่อ่อนลง
“ฉันขอโทษ” เธอพูดเสียงแผ่ว “แต่ฉันยังไม่พร้อมที่จะเรียกชื่อเธอ  เรายังไม่ได้เป็นอะไรกัน” มัลฟอยกรอกตา
“แล้วทีเจ้าพอตเตอร์กับเจ้าวีสลีย์ล่ะ” มัลฟอยสวน 
“ไม่เกี่ยวกับพวกเขาซะหน่อย  แค่ฉันคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น” เธอพูดอย่างมีเหตุผล  มัลฟอยถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ก็ตามใจเธอ” เขาว่า  เฮอร์ไมโอนี่ยิ้ม  แต่รอยยิ้มของเธอก็ต้องหายไปเมื่อมือของมัลฟอยเริ่มอยู่ไม่สุข 
“อย่านะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดและแกะมือของเด็กหนุ่มออกจากเอวของเธอ  แต่มัลฟอยไม่ยอมปล่อยเธออีกต่อไป  เขาคว้าร่างของเฮอร์ไมโอนี่มาไว้ในอ้อมแขน  เด็กสาวมองมัลฟอยอย่างไม่พอใจ
“ตามใจฉันสักเรื่องเถอะนะเกรนเจอร์” เขาพูดออดอ้อน  เด็กสาวถอนใจอย่างเสียไม่ได้
“ถ้าเธอทำหน้าเหมือนถูกบังคับอย่างนั้นก็ไม่ต้องก็ได้” มัลฟอยพูดอย่างน้อยใจเมื่อเห็นว่าเฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีไม่เต็มใจเท่าไหร่นักกับการกระทำของเขา
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะ  มัลฟอย” เธอพูดและมองเขาด้วยแววตาที่อ่อนลง  “แต่ฉันกลัวใครจะมาเห็นเข้า”
“แล้วถ้าไม่มีใครเห็นก็ได้ใช่ไหม” มัลฟอยพูดพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์  เฮอร์ไมโอนี่รู้ทันทีว่าเธอติดกับเด็กหนุ่มเข้าให้แล้ว 
“นายนี่มันเจ้าเล่ห์จริง ๆ ” เธอโวยวายแล้วเริ่มทุบเขา  เด็กหนุ่มยิ้มมุมปาก
“ถ้าไม่เจ้าเล่ห์ก็ไม่ใช่ฉันสิ” เขาว่า  มองเด็กสาวด้วยสายตาที่มีความหมาย  เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีไม่พอใจเท่าไหร่นัก  แต่ในที่สุดเด็กสาวก็หลับตาลงแล้วมัลฟอยก็ก้มลงไปประทับริมฝีปากกับเธออย่างอ่อนโยน
แต่ทั้งสองจะรู้ไหมว่าในขณะที่ริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกัน  แพนซี่กำลังอยู่ที่ชั้นหนังสือถัดไปไม่ที่ชั้น  และกำลังมองพวกเขาทั้งสองจูบกับด้วยความตกใจอย่างที่สุด
*************************************************
เพราะเฮอร์ไมโอนี่ไม่ยอมให้มัลฟอยทำอะไรเธอไปมากกว่าการจูบ  ยิ่งเป็นในห้องสมุดด้วยแล้ว  เด็กสาวก็ยิ่งขัดขืนเขาสุดกำลัง  แม้เด็กหนุ่มจะเสียดายไปบ้างที่เฮอร์ไมโอนี่เสนอให้เขานั่งอ่านหนังสือกับเธอหลังจากนั้น  แต่มัลฟอยก็คิดว่ามันดีไม่น้อยที่เขาได้อยู่กับเธอสองคนตลอดทั้งวัน  จนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปจนถึงตอนเย็น  มัลฟอยตรงกลับห้องนั่งเล่นรวมก่อนที่จะไปทานอาหาร 
ภายในห้องนั่งเล่นรวมสลิธีรินนั้นเกือบว่างเปล่า  เพราะเด็กทุกคนต่างลงไปทานอาหารกันจนหมด  แต่ที่มัลฟอยต้องกลับมาที่นี่ก่อนที่จะลงไปที่ห้องโถงก็เพราะเขาต้องเอาหนังสือเตรียมสอบว.พ.ร.ส. ที่เฮอร์ไมโอนี่คะยั้นคะยอให้เขายืมมาจากห้องสมุดมาเก็บ  แต่เมื่อมัลฟอยลงมาจากหอนอนหลังจากเก็บหนังสือเรียบร้อยแล้ว  เขาก็ต้องแปลกใจที่พบว่าแพนซี่กำลังอยู่ในห้องนั่งเล่นรวม
“ไม่ลงไปกินข้าวเหรอแพนซี่” มัลฟอยถาม  เด็กสาวมองเขาด้วยสายตาแปลก ๆ
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ” แพนซี่พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ “ฉันถึงมารอเธอที่นี่ทั้งวัน”
“มีเรื่องอะไรไว้ค่อยคุยทีหลังได้ไหม  ฉันหิวจะแย่อยู่แล้ว” มัลฟอยพูดพลางลูบท้องที่กำลังร้องครวญครางของเขา
“ไม่ได้  ฉันต้องคุยกับเธอเดี๋ยวนี้” แพนซี่พูดพลางฉุดแขนของมัลฟอยไว้  เขามองแพนซี่อย่างแปลกใจก่อนที่จะแกะมือของเธอออก
“ฉันบอกว่ามีอะไรไว้คุยทีหลังไง  ฉันจะลงไปกินข้าว” มัลฟอยพูดเสียงเข้มและหันหลังกลับ  กำลังจะเดินออกจากห้องไป
“รวมทั้งเรื่องของเธอกับเกรนเจอร์ด้วยใช่ไหม” แพนซี่พูด  มัลฟอยชะงัก  เขาหันหลังกลับทันที
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะแพนซี่” เขาถามด้วยความสงสัย  แพนซี่กอดอก
“ไม่ต้องมาทำไขสือหรอกมัลฟอย  ฉันรู้เรื่องของเธอกับยัยเกรนเจอร์หมดแล้ว” แพนซี่พูด  แววตาสีดำของเธอที่มองมัลฟอยดูเศร้าสร้อยและผิดหวัง
“ฉันเห็นเธอจูบกับมันที่ห้องสมุดวันนี้”
.................................................
“นี่เธอแอบตามฉันไปหรือแพนซี่” มัลฟอยพูดอย่างโมโห 
“ถ้าฉันไม่ตามเธอไป  ฉันจะรู้หรือว่าเธอแอบไปพบยัยเลือดสีโคลนที่นั่น!” แพนซี่โต้กลับเสียงดัง  แววตาของเธอดูปวดร้าว 
“ถ้าฉันไม่ทำอย่างนั้นฉันจะรู้หรือว่าเธอจะทรยศฉันไปยุ่งกับมันน่ะ!” แพนซี่พูด  มัลฟอยรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว  ตอนนี้เรื่องที่เขากลัวก็กลายเป็นจริงแล้ว  มีคนอื่นรู้เรื่องของเขากับเฮอร์ไมโอนี่เสียแล้ว
“เธอแอบเจอกับมันมานานเท่าไหร่แล้ว  ตอนที่ไปฮอกมี้ดส์ด้วยใช่ไหม  ฉันไม่ได้ตาฝาดหรือว่ามองผิดไปหรอก  แต่ฉันเห็นเธอไปเที่ยวฮอกมี้ดส์กับเกรนเจอร์จริง ๆ ใช่ไหม” แพนซี่คาดคั้น  เธอกระชากแขนของมัลฟอยและเขย่าราวกับต้องการคำตอบ  มัลฟอยหลับตาลงอย่างสับสน
ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปโกหกเธอ  ในเมื่อเธอรู้เรื่องจนถึงขนาดนี้แล้ว
“ใช่แพนซี่” เขาตอบ “ฉันไปฮอกมี้ดส์กับเกรนเจอร์มา  ฉันแอบพบกับเขาลับ ๆ โดยไม่ให้ใครรู้มานานแล้ว” มัลฟอยสารภาพ  แพนซี่ดูตกตะลึง  เธอปล่อยมือที่เกาะกุมมัลฟอยออก
“ทำไม  ทำไมเธอต้องทำอย่างนี้กับมันด้วย!” แพนซี่ร้อง “ทำไมเธอต้องลดตัวลงไปคบหากับมัน ทำไมกัน......มันเป็นพวกเลือดสีโคลนนะมัลฟอย  นังเกรนเจอร์มันเป็นพวกเลือดสกปรก.....!!!!”  แพนซี่แผดเสียง
“ฉันรู้เรื่องนั้นดี!” มัลฟอยพูดเสียงดัง  ราวกับต้องการตอกย้ำคำ ๆ นี้กับตัวของเขาเองด้วย 
“ฉันรู้ดีว่าเกรนเจอร์เป็นยังไง” เขาพูด “แต่ฉันก็ยังรู้สึกดีกับเขา  เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน  ฉันรู้สึกว่าฉันสบายใจมากกว่าเวลาอยู่กับคนอื่น  อย่างที่ฉันไม่เคยรู้สึกมาก่อน  แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องเป็นเกรนเจอร์  แต่เท่าที่ฉันรู้คือฉันชอบเขา  ฉันชอบเกรนเจอร์!” มัลฟอยสารภาพ  แพนซี่ตกตะลึง
“ไม่จริง!” แพนซี่ร้อง “ไม่จริง  มัลฟอย  เธอจะชอบมันได้ยังไง....แล้วฉันล่ะ!” เธอถาม  มัลฟอยมีท่าทีลำบากใจ
“ฉันชอบเธออย่างเพื่อนเท่านั้น  ฉันไม่เคยคิดกับเธอเป็นอย่างอื่นเลย” มัลฟอยพูดตามตรง  แพนซี่ชะงัก 
“แล้วที่ผ่านมาเธอไม่เคยคิดกับฉันเกินเพื่อนเลยหรือ” เธอพึมพำ  น้ำตาเอ่อคลอดวงตาสีดำเหมือนนิล  มัลฟอยถอนใจ  เด็กหนุ่มส่ายหน้า
“ไม่เลย  ฉันไม่เคยคิดอะไรกับเธอเกินไปกว่าคำว่าเพื่อนเลยแพนซี่”  มัลฟอยบอกเธอ  น้ำตาของแพนซี่ไหลอาบแก้ม “และตอนนี้คนที่ฉันชอบ ไม่สิ  คนที่ฉันคิดจะรักก็มีเพียงเกรนเจอร์เท่านั้น”
พอมัลฟอยพูดจบ  แพนซี่ก็ดูตกตะลึงมากกว่าครั้งไหน  ไม่ช้าเธอก็รัวกำปั้นลงบนอกของมัลฟอยอย่างอัดอั้น  น้ำตาของเธอพรั่งพรูออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“เธอบ้าไปแล้วหรือไง!!!” แพนซี่ตะโกน  “เธอ....เธอรู้รึเปล่าว่าเธอพูดอะไรออกมา  เธอรู้รึเปล่าว่าเธอพูดอะไรออกมาน่ะ” แพนซี่มองเขาอย่างตกใจ  มัลฟอยนิ่งเงียบ
“ฉันรู้ดี” เขาพูดเรียบ ๆ แพนซี่ดูตกใจอย่างที่สุด 
“ไม่จริง  เธอจะรักมันได้ยังไง  เธอไม่มีทางรักมัน  ไม่มีทางหรอกมัลฟอย” แพนซี่พูดพร่ำ  ราวกับว่าเธอยังรับกับความจริงที่เด็กหนุ่มบอกไม่ได้  “มันทำอะไรเธอ  เธอถึงพูดออกมาอย่างนี้” จู่ ๆ เด็กสาวก็นึกอะไรบางอย่างออก
“หรือว่ามันทำเสน่ห์เธอ”
*************************************************
“เธอเอาอะไรมาพูดน่ะ”  มัลฟอยพูด  เขาดูตกใจไม่น้อย
“หรือว่ามันทำเสน่ห์เธอมัลฟอย  เธอถึงได้กลายเป็นอย่างนี้” แพนซี่ตาลุกวาว “เธอถึงได้คิดว่าเธอรักมัน  ทั้ง ๆ ที่เธอไม่มีทางจะรักมันได้”
“หยุดเพ้อเจ้อซักทีเถอะแพนซี่” มัลฟอยเตือน  แต่แพนซี่กลับไม่ฟัง
“หรือมันไม่จริง  ถ้าเป็นเธอจริง ๆ เธอจะไม่มีทางรักมันได้แน่ ๆ อย่าว่าแต่รักมันเลยมัลฟอย  แค่จะถูกตัวมันเธอยังรังเกียจเลย  แล้วเธอจะไปรักมันได้ยังไง” แพนซี่พูดราวกับเธอต้องการเตือนสติของมัลฟอย  เด็กหนุ่มหยุดชะงักชั่วครู่
นั่นสิ  ทำไมเขาถึงต้องการสัมผัสร่างกายเนียนนุ่มของเธอด้วยนะ  ทั้ง ๆ ที่เขาสมควรจะรังเกียจมัน 
ทำไมเขาต้องคิดถึงใบหน้าของเธอทุกครั้งที่เขาหลับตา
และทำไมเขาถึงต้องการให้เธอมาอยู่มาอยู่ใกล้ ๆ เขาตลอดเวลาด้วยล่ะ 
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่น่าจะรู้สึกอย่างนี้กับเลือดสีโคลนอย่างเธอ!
“เธอต้องโดนมันทำอะไรกับเธอสักอย่างแน่ ๆ เลยมัลฟอย  ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่เป็นอย่างนี้หรอก” แพนซี่พูด 
มัลฟอยชะงักราวกับเขานึกอะไรบางอย่างออก  เด็กหนุ่มค่อย ๆ ผลักแพนซี่ออกห่าง
“ฉันไม่ได้โดนยาเสน่ห์อะไรทั้งนั้น” เขาพูด
“แต่เธอกำลังโดนมันหลอกอยู่นะ!” แพนซี่พูดเสียงดัง  แต่มัลฟอยไม่สนใจ
“ฉันชอบเกรนเจอร์ในสิ่งที่เขาเป็น  ไม่ใช่เพราะด้วยสิ่งอื่น”  มัลฟอยพูดเสียงเข้ม  ก่อนจะเดินออกจากห้องนั่งเล่นรวมไปทันทีก่อนที่แพนซี่จะทันรั้งตัวเขา
แพนซี่มองตามแผ่นหลังของมัลฟอยไปอย่างปวดร้าวและสับสน  เธอพึมพำกับตัวเอง
“ฉันจะทำให้เธอกลับมาเป็นอย่างเดิมให้ได้  คอยดูสิ”
.................................................
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จเฮอร์ไมโอนี่ก็เอาหนังสือวิชาพยากรณ์ที่หยิบผิดไปคืนรอน  แม้ในใจของเธอจะยังหวาดหวั่นอยู่กับเรื่องราวที่เธอเพิ่งได้ค้นพบจากหนังสือเรื่อวนี้ก็ตามแต่เธอก็ไม่อาจห้ามความรู้สึกของเธอที่มีต่อมัลฟอยได้
เมื่อเฮอร์ไมโอนี่น้ำหนังสือกลับไปคืนรอนที่เพิ่งซ้อมควิดดิชเสร็จ 
“หนังสือของเธอน่ะรอน  ฉันหยิบผิดไป” เฮอร์ไมโอนี่พูด  เธอกำลังอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมกับเพื่อนทั้งสอง  รอนที่ถูกแอนเจลิน่าบังคับให้ซ้อมควิดดิชตลอดทั้งวันกำลังนั่งทำการบ้านกองโตของเขาอยู่
“อ๋อ ไปอยู่ที่เธอเองหรอกเหรอ” รอนพูดอย่างไม่ใส่ใจเขารับหนังสือมาจากเฮอร์ไมโอนี่และวางมันลงบนโต๊ะ
“แต่ฉันไม่ต้องใช้มันแล้วล่ะ  เพราะว่าฉันทำการบ้านวิชาพยากรณ์เสร็จแล้ว”
“แต่มันเป็นหนังสือของห้องสมุดนี่รอน  เธอต้องเอาไปคืนนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางพลิกดูที่ปกหลัง “เธอต้องคืนมันวันนี้ด้วย” เด็กสาวพูด
“ถ้าอย่างนั้นเธอช่วยไปคืนให้ฉันหน่อยสิ  ฉันมีการบ้านอีกเยอะเลยที่ยังทำไม่เสร็จ” รอนพูด  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าไม่พอใจ
“น่านะ  เฮอร์ไมโอนี่  ถือว่าช่วยฉันเถอะ” รอนขอร้อง
“ตามใจ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเสียไม่ได้และเดินออกจากห้องนั่งเล่นรวมไป
*************************************************
เอามาลงให้แล้วนะจ๊ะ  หมู่นี้ยุ่งมาก ๆ เลย  เพราะเป็นช่วงเปิดเทอม  เราเลยมาอีพให้ได้แค่อาทิตย์ละครั้งเท่านั้นน่ะจ๊ะ  อย่าว่ากันเลยนะ แต่เราจะอัพให้อย่างสม่ำเสมอทุก ๆ อาทิตย์และกัน  สำหรับเพื่อน ๆ นักเขียนที่มาฝากเรื่องไว้ให้อ่านน่ะ  เราจะพยายามหาเวลาเข้าไปอ่านนะจ๊ะ  ยังไงก็มีเรื่องมาบอกแค่นี้แหละ  และอาทิตย์หน้าจะมาอัพให้ใหม่นะ 
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น