ลำดับตอนที่ #14
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ความใกล้ชิด
***Chapter 14  ความใกล้ชิด***
เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยเดินออกมาจากหอพรีเฟ็คและเริ่มเดินตรวจบริเวณต่าง ๆ ของโรงเรียน  ซึ่งตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าร้างผู้คน  เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ต่างไปอยู่ที่ห้องนั่นเล่นรวมกันหมด  แม้กระทั่งพรีเฟ็คบ้านต่าง ๆ ก็ด้วย  จะมีก็แต่เฮอร์ไมโอนี่ที่เคร่งครัดเรื่องหน้าที่ของเธอแม้ว่าสถานะการณ์ในตอนนี้จะวุ่นวายจนไม่อาจใส่ใจเรื่องใดได้
มัลฟอยเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ไปตามระเบียงที่มืดมิด  สายลมเย็นเฉียบพัดเข้ามาถูกตัวของพวกเขาทั้งสอง  แม้ว่าตอนนี้จะใกล้จะฤดูหนาวและเริ่มฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่อากาศในยามกลางคืนก็ยังคงหนาวเย็นไม่น้อยทีเดียว  โดยเฉพาะตอนที่ต้องมาเดินอยู่วนเวียนอยู่ข้างนอกแบบนี้
“เรากลับกันไม่ได้รึไง  ฉันไม่เห็นว่าจะมีใครมาซีเรียสกับคำสั่งของอาจารย์ในเวลาแบบนี้เลย” มัลฟอยบ่น  เมื่อพวกเขากำลังเดินตรวจระเบียงชั้นสามด้วยกัน  เฮอร์ไมโอนี่หันมาทำตาดุใส่เขา
“ก็เพราะมีคนคิดแบบเธอเยอะน่ะสิ  โรงเรียนถึงได้วุ่นวายแบบนี้” เฮอร์ไมโอนี่โต้  พลางเดินนำเขาไปตามทางเดินมืดมิด  ลมหนาวพัดมาปะทะผิวกายอีกครั้ง  เด็กสาวกอดตัวเองเบา ๆ แต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งอาจารย์
มัลฟอยมองเธออย่างจนใจ  เขาส่ายศีรษะช้า ๆ ก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อคลุมมาห่มให้เธอ
“เอ้า  ใส่ซะ” เขาพูดห้วน ๆ เฮอร์ไมโอนี่หันมามองเขาอย่างสงสัย
“แล้วนายไม่หนาวหรือไง” เธอถาม 
“ไม่ล่ะ  เธอเอาไปเถอะ” เขาพูด  เฮอร์ไมโอนี่ดึงเสื้อคลุมของเขาให้กระชับร่างและมองเขาอย่างสงสัย
“นายไม่กลัวเสื้อคลุมของนายเปื้อนโคลนจากตัวฉันหรือ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปก่อนที่เธอจะทันคิด 
“อ้อ  งั้นเธอก็ยอมรับแล้วสิว่าตัวเธอมันเปื้อนโคลนจริง ๆ ” เขาพูดยียวน  เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างโมโห  ก่อนที่จะสะบัดหน้าใส่เขาและออกเดินไปอีกทางหนึ่ง
“เฮ้  เกรนเจอร์  ฉันล้อเล่นน่า” มัลฟอยพูด  รีบก้าวยาว ๆ ตามเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังจ้ำหนีเขา  จนในที่สุดเมื่อเขาถึงตัวเธอเด็กหนุ่มก็คว้าแขนเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้ทัน
“ปล่อยฉันนะ!” เธอร้องและพยายามดิ้นรน  มัลฟอยรั้งแขนเธอไว้
“ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้น  ไม่เห็นต้องโกรธเลยนี่” เขาพูด  พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และใบหน้าที่ไร้ซึ่งความสำนึกผิด  ซึ่งมันยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่โมโหมากขึ้นกว่าเดิน  เธอสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขาและจ้ำพรวดพราดไปที่บันได  โดยลืมไปว่ามันเป็นบันไดกลที่เนวิลล์มักจะลืมประจำว่าต้องกระโดดข้ามขั้นแรก ๆ ไป
“ว้าย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องก่อนที่ขาของเธอจะจมลงไปกับบันไดกล  มัลฟอยรีบถลามาทางเธอทันที
“เกรนเจอร์!” เขาพูด  รีบเข้าไปประคองเด็กสาวซึ่งขณะนี้ขาของเธอจมลงไปครึ่งน่อง เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นรนในขณะที่เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อเท้า  บางทีขาของเธออาจจะแพลง
เด็กสาวคิด  ก่อนที่มัลฟอยจะพยายามพยุงเธอขึ้นมาจากบันไดกล  แต่เพราะขาของเฮอร์ไมโอนี่ที่ค่อย ๆ จมลึกลงไปในนั้นเรื่อย ๆ มันจึงทำให้สิ่งที่เขาพยายามมันเป็นเรื่องยากไม่น้อยทีเดียว
“เอามือโอบคอฉันเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด  ในขณะที่เขาพยายามจะยกร่างของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา 
“เร็วเข้าสิ  อยากให้ขาเธอติดอยู่ในนั้นทั้งคืนหรือไง” เขาว่า  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ทันคิดอะไร  เธอเอามือโอบรอบคอเขา  และมัลฟอยก็ออกแรงยกร่างของเธอออกมาจากบันไดกลสำเร็จโดยที่ทั้งคู่เซถลาลงไปกลิ้งกับพื้น
เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันวาเลนไทน์  อีกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่สัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อระหว่างเธอกับมัลฟอย  เพราะตอนนี้เธอล้มลงกับพื้นโดยมีร่างของมัลฟอยรองรับไว้แทน  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบลุกขึ้นทันทีที่รู้ตัว ในขณะที่มัลฟอยอยากให้เธอทับเขาไปนาน ๆ
“โทษที” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำใบหน้าแดงผ่าว  มัลฟอยค่อย ๆ ยันกายขึ้นจากพื้น  เขาเสยผมบลอนด์ไปข้างหลัง
“ไม่เป็นไร” เขาพูดด้วยท่าทีปรกติ “ลุกไหวไหม” มัลฟอยถาม  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าโดยไม่ยอมมองตาเขา  เธอรู้สึกถึงความอับอายผสมผสานไปกับความเจ็บปวดที่ข้อเท้า  มัลฟอยเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“เอ่อ  ฉันหมายถึง  ไม่รู้น่ะ  แต่ฉัน  เอ่อ....” เด็กสาวพูดติด ๆ ขัด ๆ พลางก้มลงมองดูข้อเท้าตัวเอง  เช่นเดียวกับมัลฟอย  ที่เห็นข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่เริ่มบวมเป่งและห้อเลือด
“ไหนฉันดูซิ  เจ็บไหม” มัลฟอยพูดพลางก้มลงดูอาการของเธอ  และเมื่อเด็กหนุ่มแตะแผล  เธอก็ส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ “เจ็บหรือ” เขาถาม  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า
“อย่างนี้คงต้องไปห้องพยาบาล  เธอลุกไหวไหม” มัลฟอยถามอย่างห่วงใย  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้  ก่อนที่เธอจะพยายามลองลุกดู  ปรากฏว่าเธอไม่สามารถยืนขึ้นได้  และเมื่อมัลฟอยเห็นเช่นนั้นเขาก็เสนอตัวเข้ามาช่วยเธอ
“จับฉันไว้ดี ๆ ล่ะ  ฉันจะพาเธอไปห้องพยาบาล” เด็กหนุ่มพูดก่อนจะออกแรงอุ้มเธอขึ้นมา  เฮอร์ไมโอนี่ดูตกใจเล็กน้อยเธอจึงเกาะมัลฟอยไว้แน่น  มัลฟอยยิ้มให้เธอ
“เอ่อ  เธอไม่ถึงขนาดต้องอุ้มฉันไปก็ได้นะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเกรง ๆ มัลฟอยขมวดคิ้ว
“แน่นอน  เพราะเธอน่ะตัวหนักเป็นบ้าเลยใช่ไหมล่ะ” เขาแหย่  เฮอร์ไมโอนี่หน้างอ  “ฉันล้อเล่น  เอาเป็นว่าฉันว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว  ขอให้เธออยู่เฉย ๆ ก็แล้วกัน” มัลฟอยพูดและเริ่มออกเดินไปห้องพยาบาล
*************************************************
เมื่อพวกเขาไปถึงห้องพยาบาลมัลฟอยก็วางเฮอร์ไมโอนี่ลงบนเตียงและไปตามมาดามพรอมฟรีย์มารักษาเธอ  มาดามพรอมฟรีย์ซึ่งมีฝีมือในการรักษายอดเยี่ยมแต่เข้มงวดเหลือเกินสั่งให้เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงเฉย ๆ และเริ่มทำแผลให้
“ให้ตายสิ  นี่เป็นหนที่สองแล้วนะที่ฉันเห็นเธอกับมิสเตอร์มัลฟอยเกิดเรื่องน่ะ  คราวก่อนก็น้ำยาล่องหนระเบิด  พอคราวนี้ก็บันไดกล  บางทีพวกเธอควรจะอยู่ห่าง ๆ กันบ้างรู้ไหม  จะได้ไม่เกิดเรื่องวุ่น ๆ ขึ้นอีก” มาดามพรอมฟรีย์บ่นพร้อมกับลงมือทายาให้เฮอร์ไมโอนี่  ในขณะที่เด็กสาวกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง  และเธอกำลังนึกถึงคำพูดของใครบางคน
พวกเธอควรจะอยู่ห่าง ๆ กันบ้าง
อย่าเข้าใกล้ศัตรูของเธอมากเกินไป  เขากำลังจะนำความวิบัติมาให้เธอ 
เสียงของโรสก้องอยู่ในศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่  เธอเกือบลืมไปเลยว่าโรสได้มอบคำตือนอะไรบางอย่างให้เธอในวันที่เฮอร์ไมโอนี่ได้พบเธอที่ฮอกมี้ดส์  และดูเหมือนคำเตือนเหล่านั้นจะใกล้เคียงความจริงเสียด้วย  เพราะตั้งแต่เธอได้มาทำงานร่วมกับมัลฟอยก็เกิดเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ มากมาย  บางทีโรสอาจจะต้องการเตือนเธอเรื่องนี้ก็ได้ 
อย่าเข้าใกล้ศัตรูของเธอมากเกินไป
แต่ว่าเรื่องวุ่น ๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรมิใช่หรือ  ถึงแม้มันจะวุ่นวายแต่ก็ไม่ร้ายแรง  ถึงแม้เธอจะเจ็บตัวอย่างคราวนี้  แต่มันก็ไม่ได้ถือเป็นความวิบัตินี่  บางทีโรสอาจจะพูดเกินจริงไปก็ได้
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างสายเลือดที่แตกต่างจะนำมาซึ่งความหายนะที่เธอไม่คาดคิดทีเดียว
คำเตือนสุดท้ายของโรสผุดขึ้นมาในหัว  เธอจำได้ว่าน้ำเสียงของหล่อนในวันนั้นดูจริงจังและน่ากลัวเพียงใด  แต่บางทีเธออาจจะต้องการทำเสียงแบบนั้นเพื่อให้คำพูดของเธอดูขลังเหมือนอย่างศาสตราจารย์ทีลอร์นีย์ก็ได้นี่
“เสร็จแล้วจ๊ะ  มิสเกรนเจอร์” เสียงของมาดามพรอมฟรีย์ปลุกเธอขึ้นจากภวังค์  “เธอใช้ขาได้แล้วนะทีนี้  แต่มันอาจจะรู้สึกเจ็บนิดหน่อย  ยังไงพยายามอย่าวิ่งหรือทำอะไรเสี่ยง ๆ สักสองสามวันนะ  เธอไปได้แล้วจ๊ะ” เธอพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังเหม่อลอยเพราะความคิดในหัว
‘ ฉันไม่ได้รักเขานี่  ฉันไม่ได้รักมัลฟอยสักหน่อย  และก็จะไม่มีวันรักด้วย ’ เธอคิดและเริ่มลุกขึ้นจากเตียง
‘ บางทีเธออาจจะยังไม่รู้ใจตัวเองก็ได้ ’ อีกเสียงหนึ่งในหัวตอบกลับมาอย่างหน่าย ๆ
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาหามัลฟอยที่รออยู่ด้านนอก  และเมื่อเขาเห็นว่าขาของเธอดีขึ้นแล้วมัลฟอยก็ดูเป็นห่วงเธอน้อยลงกว่าเดิม 
“เอ่อ  ขอบใจนะที่ช่วยฉันน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเขิน ๆ เธอไม่กล้ามองหน้าเขา
“ไม่เป็นไร” มัลฟอยตอบอย่างไม่ใส่ใจ  เขาเองก็ไม่ได้มองหน้าเธอเช่นกัน  ทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องพยาบาล “ฉันคิดว่าเราคงไม่ต้องเดินตรวจบริเวณแล้วใช่ไหม” มัลฟอยถาม 
“ฉันว่างั้นนะ” เธอตอบ
“ดี  งั้นฉันไปส่งเธอที่หอแล้วกัน  เผื่อเธอเกิดไปจับกบที่ไหนอีก” มัลฟอยแหย่  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าบูด  แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของเด็กทั้งสอง
“นี่  หนูจ๋า” เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยหันหลังไปแต่พวกเขาก็ไม่พบใคร  นอกจากกำแพงที่ว่างเปล่า  ทั้งสองหันมามองหน้ากันช้า ๆ
“นาย/เธอ  ได้ยินอะไรไหม” พวกเขาพูดพร้อมกัน  และพอพูดจบทั้งสองก็ส่ายหน้าพร้อมกัน
“นี่  พวกเธอ!” เสียงนั้นดังอีกครั้ง  มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่หันไปมอง  และหวังว่าจะมีใครสักคนยืนอยู่ตรงนั้น  แต่มันกลับเป็นกำแพงว่างเปล่า  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขนลุกมาชั่วขณะ และเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม
“นี่  พวกหนู  ทางนี้” เสียงนั้นเรียก  เด็กทั้งสองหันไปทางกำแพงอีกครั้ง  และก็พบว่าเสียงที่กำลังเรียกพวกเขาอยู่นั้นดังมาจากรูปภาพอันหนึ่งบนกำแพง  เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองดูภาพนั้น  มันดูคุ้นตาพิกล
“สุภาพสตรีอ้วนนี่” เธอพึมพำพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้รูปภาพ “ทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อเห็นสุภาพสตรีอ้วนในชุดสีชมพูยาวกรอมพื้นอยู่ในรูปภาพทุ่งหญ้าสะวันนาของแอฟริกามันเป็นภาพที่แปลกพิกลทีเดียว
“ฉันมีธุระนิดหน่อยน่ะจ๊ะ  หนูเป็นเด็กกริฟฟินดอร์ใช่ไหมจ๊ะ” เธอถาม  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า
“คือฉันจะไปเยี่ยมเพื่อนที่หน้าสงสารของฉันที่ชั้นเจ็ดหน่อยน่ะ  เธอโดนพีฟส์เจ้าผีโพสเตอร์ไกล์กรีดรูปซะเป็นรูทีเดียว  ฉันเกรงว่าคงจะกลับมาค่ำ ๆ นะจ๊ะ  ยังไงเธอรออยู่ข้างนอกหอนอนไปก่อนก็แล้วกันนะ” สุภาพสตรีอ้วนอธิบายธุระของเธออย่างรวดเร็วและก็หายจากรูปภาพนั้นไปก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้มีโอกาสพูดอะไรออกไป
“ให้ตายเถอะ  ฉันต้องรออยู่นอกระเบียงอย่างนี้น่ะหรือ” เธอบ่นอย่างไม่พอใจนัก 
“เธอไปอยู่ที่หอพรีเฟ็คก็ได้นี่” มัลฟอยแนะนำ 
“เป็นความคิดที่ดีทีเดียว” เฮอร์ไมโอนี่ว่า “งั้นฉันจะไปหอพรีเฟ็ค  ส่วนนายก็คงจะกลับห้องนั่งเล่นรวมสินะ” เธอพูด  มัลฟอยเลิกคิ้ว
“ใครบอกว่าฉันจะกลับห้องนั่งเล่นรวมกัน”
*************************************************
ความคิดที่ว่าเธอจะได้อยู่ที่หอพรีเฟ็คคนเดียวกลับพังทลายลงไปเมื่อมัลฟอยตามเธอกลับมาที่หอด้วย  เหตุผลก็เพราะว่าเขาบอกว่าเขาขี้เกียจกลับห้องนั่งเล่นรวมเพราะเขาเบื่อการลูกน้องร่างยักษ์สองคนแครบกับกอยล์  ที่คอยติดตามเขาราวกับเงาตามตัว  แต่ที่แย่กว่าแครบกับกอยล์ก็คือแพนซี่  พาร์กินสัน  เด็กสาวหน้างอที่ตามติดเขาตั้งแต่ปีหนึ่ง  เพราะในสายตาของมัลฟอยแล้วแพนซี่ก็ไม่ต่างอะไรจากปลิงตัวโต ๆ ที่เขาต้องพยายามที่จะหลุดจากการเกาะกลุมทุกครั้งไป
“ฉันคิดว่านายชอบเธอซะอีก” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมของหอพรีเฟ็คที่ปราศผู้คน 
“ฉันนี่นะชอบยัยนั่น!” มัลฟอยเถียงเสียงดัง “ยัยนั่นน่ะมาคอยเกาะติดฉันเองต่างหากล่ะ  แถมยังทำตัวน่ารำคาญอย่างกับอะไรดี” เขาพูดทำท่าทีหวาดผวาราวกับตอนนี้แพนซี่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าและดึงมัลฟอยเข้ามาจูบหลาย ๆ ที  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เหรอ  แต่ดูเหมือนแพนซี่จะชอบเธอมาก ๆ เลยนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดตามความจริง
“แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอนี่  และฉันก็ไม่มีวันจะชอบเธอด้วย  เพราะว่า....” มัลฟอยพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก  แต่เขาก็กลับละประโยคสุดท้ายเอาไว้  ราวกับว่าลิ้นของเขาเกิดพันกันขึ้นมาในทันที
ทำไมเขาถึงไม่พูดออกไปล่ะ  ทำไมเขาถึงไม่พูดออกไปว่าที่เขาไม่คิดจะชอบแพนซี่ก็เพราะเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว
มัลฟอยสบตาเฮอร์ไมโอนี่แต่เด็กสาวหลบตาเขา  เกิดความเงียบหน้าอึดอัดระหว่างทั้สองอีกครั้ง  มัลฟอยกลืนน้ำลาย  และตัดสินใจกลืนคำพูดที่อยู่ในหัวของเขาเมื่อครู่ตามไปด้วย  เช่นดียวกับเฮอร์ไมโอนี่  เธอก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรเขาต่อเหมือนกันว่ามัลฟอยกำลังจะพูดว่าอะไร  ทั้งคู่คิดว่าคงดีแล้วที่จะไม่พูดออกมา
หรือพวกเขาอาจจะไม่มีความกล้าพอที่จะพูดมันออกมา
“แล้วนายจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  มัลฟอยยักไหล่
“ไม่รู้สิ  แล้วเธอล่ะ” เขาถามกลับ  เฮอร์ไมโอนี่ก็ยักไหล่อย่างไม่รู้เช่นกัน  เธอก้มดูนาฬิกาที่บอกเวลาสี่ทุ่มตรง
“บางทีฉันอาจจะอยู่ที่นี่อีกสักพักค่อยกลับหอ  บางทีสุภาพสตรีอ้วนอาจจะกลับไปที่รูปของเธอแล้วก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่ว่า  มัลฟอยขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย  และจู่ ๆ เขาก็คว้ามือเธอเอาไว้
“อย่ากลับเลยเกรนเจอร์  อยู่ที่นี่กับฉันเถอะ” มัลฟอยพูดออกไป  เฮอร์ไมโอนี่ดูตกตะลึง  เธอจ้องมองมัลฟอยราวกับว่าเขากำลังขอเป็นเพื่อนกับรอน
“แต่ฉันต้องกลับไปที่หอนะ  ฉันมีการบ้านอีกเยอะต้องทำ” เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ 
“เธอเอาไว้ทำวันอื่นก็ได้นี่นา”  มัลฟอยเถียง  เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากจะโต้กลับมาแฮร์รี่กับรอนอาจจะเป็นห่วงได้ถ้าเธอไม่กลับหอ  แต่เธอก็ตัดสินใจพูดอะไรออกไป  เพราะเธอกลัวว่ามันจะไปกระตุ้นอารมณ์โกรธของมัลฟอยเข้า
“อยู่นี่เถอะเกรนเจอร์  อย่ากลับไปเลย” มัลฟอยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนลง  นัยต์ตาของเขาฉายแวววิงวอนนิด ๆ  ซึ่งน่าแปลกมากสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ที่ได้เห็นมัน  และแน่นอนว่ามันเกือบทำเอาเธอใจอ่อนเชียวล่ะ
“แล้วถ้าฉันจะกลับล่ะ” เธอถามมัลฟอย
“ฉันก็จะไม่ยอมให้เธอกลับ” เขาพูดพลางดึงร่างของเฮอร์ไมโอนี่ให้มาอยู่ในอ้อมแขน  เด็กสาวหน้าแดงเล็กน้อย  แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“นี่เป็นหนึ่งในแผนการของนายที่นายคิดจะเอาชนะฉันหรือเปล่า” เธอพูด  มัลฟอยขมวดคิ้ว
“มีส่วนมั้ง  ถ้าเธอคิดอย่างนั้นนะ” เขาตอบพลางก้มลงจูบแก้มเฮอร์ไมโอนี่  แต่เด็กสาวเบี่ยงตัวหลบ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็เสียเปรียบน่ะสิ” เธอพูด
“ไม่มีคำว่าใครเป็นคนเสียเปรียบหรอกหากเราต้องการมันทั้งคู่น่ะ  อย่าหลอกตัวเองเลยเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดพร้อมกับหอมแก้มเธอเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไร้โอกาสที่จะขัดขืนเมื่อมัลฟอยรวบตัวเธอไว้ด้วยสองแขน  ดวงตาสีซีดจ้องมองเข้าไปในแววตาของเด็กสาว  หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เต้นแรงราวกับจะหลุดมานอกอก  เกิดคำถามากมายผุดขึ้นในใจของเธอ
ทำไมเธอถึงต้องการอ้อมแขนของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยนะ  ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะเป็นคนสุดท้ายที่เธอต้องการ
ทำไมเธอถึงอยากให้เขาโอบกอดเธอไปนาน ๆ ด้วยนะทั้ง ๆ ที่เธอควรจะหนีเขาไปไกล ๆ
‘  ก็เพราะเธอหลงรักเขาเข้าแล้วน่ะสิ ’ เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นในใจอย่างรู้ทัน  เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น  เธอตั้งท่าจะเถียงกลับไปว่ามันไม่ใช่เสียหน่อย  แต่เป็นเวลาเดียวกันกับที่มัลฟอยยกมือมาลูบแก้มของเธอช้า ๆ อย่างทะนุถนอม  เด็กสาวหลบตาเขา  ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร  และสิ่งที่จิตใจของเธอเฝ้าค้นหามามันเป็นสิ่งใดกัน
เพราะว่าตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการได้มาอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
“ความจริงเธอก็อยู่เฉย ๆ เป็นเหมือนกันนี่” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้ามุ่ย
“นายหมายความว่าไง” เธอถาม
“ฉันไม่ได้ว่าเธอซะหน่อย  แค่อยากจะบอกว่าเธอว่าง่าย ๆ อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน  แต่ตอนที่เธอดิ้นไปดิ้นมาก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ” เขาพูด  เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัดด้วยความอาย  เธอฝังเล็บทั้งห้านิ้วลงบนแขนของมัลฟอยและหยิกเขาแรง ๆ
“โอ๊ย!!!” เด็กหนุ่มร้องด้วยความเจ็บ  เฮอร์ไมโอนี่ผุดลุกจากเก้าอี้  มัลฟอยหันมาทางเธอ “เจ็บนะ!”
“สมควรแล้ว อยากทะลึ่งดีนักนี่” เธอพูดแต่ก่อนที่เด็กสาวจะเดินหนีไปไหน  มัลฟอยก็รีบคว้าตัวเธอมาไว้ก่อน
“แล้วที่ฉันพูดมันไม่เป็นความจริงหรือไง  ก็เธอน่ะดุอย่างกับแม่เสือแน่ะ” มัลฟอยพูด
“ฉันมันจะเป็นยังไงก็เรื่องของฉันนี่  ไม่ชอบก็ช่างนายสิ” เฮอร์ไมโอนี่โต้  มัลฟอยหัวเราะ
“ใครว่าไม่ชอบล่ะ  ฉันชอบเธอที่เป็นอย่างนี้จะตายไป” มัลฟอยว่า  เธอชะงัก  เธอมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“โกหก” เธอพูด
“พิสูจน์ไหมล่ะ” เขาพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ไม่เอาน่ามัลฟอย  ปล่อยฉันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อเด็กหนุ่มรั้งตัวของเธอมาใกล้
“อยู่เฉย ๆ สักเดี๋ยวนึงได้ไหมเกรนเจอร์” เขาว่า
“นายนี่มันแย่ที่สุด” เธอพูดอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก  แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร  เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีซีดของเขาที่ราวกับจะต้องการสื่ออะไรบางอย่าง  ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็หลับตาลงช้า ๆ เช่นเดียวกับมัลฟอยริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง  เฮอร์ไมโอนี่ความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในใจของเธอ  มันช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษนัก  มันดีมากพอที่จะทำให้เธอลืมเรื่องต่าง ๆ รอบกาย  เรื่องที่ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเธอคือ  เดรโก  มัลฟอย  ศัตรูตัวฉกาจ  เรื่องที่ว่าเขาเป็นคนที่มีสายเลือดที่ตรงกันข้ามกับเธอโดยสิ้นเชิง 
ลืมแม้กระทั่งคำเตือนของโรส
*************************************************
เฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอยเดินออกมาจากหอพรีเฟ็คและเริ่มเดินตรวจบริเวณต่าง ๆ ของโรงเรียน  ซึ่งตอนนี้แทบจะเรียกได้ว่าร้างผู้คน  เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ต่างไปอยู่ที่ห้องนั่นเล่นรวมกันหมด  แม้กระทั่งพรีเฟ็คบ้านต่าง ๆ ก็ด้วย  จะมีก็แต่เฮอร์ไมโอนี่ที่เคร่งครัดเรื่องหน้าที่ของเธอแม้ว่าสถานะการณ์ในตอนนี้จะวุ่นวายจนไม่อาจใส่ใจเรื่องใดได้
มัลฟอยเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ไปตามระเบียงที่มืดมิด  สายลมเย็นเฉียบพัดเข้ามาถูกตัวของพวกเขาทั้งสอง  แม้ว่าตอนนี้จะใกล้จะฤดูหนาวและเริ่มฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่อากาศในยามกลางคืนก็ยังคงหนาวเย็นไม่น้อยทีเดียว  โดยเฉพาะตอนที่ต้องมาเดินอยู่วนเวียนอยู่ข้างนอกแบบนี้
“เรากลับกันไม่ได้รึไง  ฉันไม่เห็นว่าจะมีใครมาซีเรียสกับคำสั่งของอาจารย์ในเวลาแบบนี้เลย” มัลฟอยบ่น  เมื่อพวกเขากำลังเดินตรวจระเบียงชั้นสามด้วยกัน  เฮอร์ไมโอนี่หันมาทำตาดุใส่เขา
“ก็เพราะมีคนคิดแบบเธอเยอะน่ะสิ  โรงเรียนถึงได้วุ่นวายแบบนี้” เฮอร์ไมโอนี่โต้  พลางเดินนำเขาไปตามทางเดินมืดมิด  ลมหนาวพัดมาปะทะผิวกายอีกครั้ง  เด็กสาวกอดตัวเองเบา ๆ แต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งอาจารย์
มัลฟอยมองเธออย่างจนใจ  เขาส่ายศีรษะช้า ๆ ก่อนจะตัดสินใจถอดเสื้อคลุมมาห่มให้เธอ
“เอ้า  ใส่ซะ” เขาพูดห้วน ๆ เฮอร์ไมโอนี่หันมามองเขาอย่างสงสัย
“แล้วนายไม่หนาวหรือไง” เธอถาม 
“ไม่ล่ะ  เธอเอาไปเถอะ” เขาพูด  เฮอร์ไมโอนี่ดึงเสื้อคลุมของเขาให้กระชับร่างและมองเขาอย่างสงสัย
“นายไม่กลัวเสื้อคลุมของนายเปื้อนโคลนจากตัวฉันหรือ” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกไปก่อนที่เธอจะทันคิด 
“อ้อ  งั้นเธอก็ยอมรับแล้วสิว่าตัวเธอมันเปื้อนโคลนจริง ๆ ” เขาพูดยียวน  เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างโมโห  ก่อนที่จะสะบัดหน้าใส่เขาและออกเดินไปอีกทางหนึ่ง
“เฮ้  เกรนเจอร์  ฉันล้อเล่นน่า” มัลฟอยพูด  รีบก้าวยาว ๆ ตามเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังจ้ำหนีเขา  จนในที่สุดเมื่อเขาถึงตัวเธอเด็กหนุ่มก็คว้าแขนเฮอร์ไมโอนี่เอาไว้ทัน
“ปล่อยฉันนะ!” เธอร้องและพยายามดิ้นรน  มัลฟอยรั้งแขนเธอไว้
“ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้น  ไม่เห็นต้องโกรธเลยนี่” เขาพูด  พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และใบหน้าที่ไร้ซึ่งความสำนึกผิด  ซึ่งมันยิ่งทำให้เฮอร์ไมโอนี่โมโหมากขึ้นกว่าเดิน  เธอสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขาและจ้ำพรวดพราดไปที่บันได  โดยลืมไปว่ามันเป็นบันไดกลที่เนวิลล์มักจะลืมประจำว่าต้องกระโดดข้ามขั้นแรก ๆ ไป
“ว้าย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องก่อนที่ขาของเธอจะจมลงไปกับบันไดกล  มัลฟอยรีบถลามาทางเธอทันที
“เกรนเจอร์!” เขาพูด  รีบเข้าไปประคองเด็กสาวซึ่งขณะนี้ขาของเธอจมลงไปครึ่งน่อง เฮอร์ไมโอนี่พยายามดิ้นรนในขณะที่เธอรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อเท้า  บางทีขาของเธออาจจะแพลง
เด็กสาวคิด  ก่อนที่มัลฟอยจะพยายามพยุงเธอขึ้นมาจากบันไดกล  แต่เพราะขาของเฮอร์ไมโอนี่ที่ค่อย ๆ จมลึกลงไปในนั้นเรื่อย ๆ มันจึงทำให้สิ่งที่เขาพยายามมันเป็นเรื่องยากไม่น้อยทีเดียว
“เอามือโอบคอฉันเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด  ในขณะที่เขาพยายามจะยกร่างของเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมา 
“เร็วเข้าสิ  อยากให้ขาเธอติดอยู่ในนั้นทั้งคืนหรือไง” เขาว่า  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ทันคิดอะไร  เธอเอามือโอบรอบคอเขา  และมัลฟอยก็ออกแรงยกร่างของเธอออกมาจากบันไดกลสำเร็จโดยที่ทั้งคู่เซถลาลงไปกลิ้งกับพื้น
เหมือนกับเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันวาเลนไทน์  อีกครั้งที่เฮอร์ไมโอนี่สัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดอย่างไม่น่าเชื่อระหว่างเธอกับมัลฟอย  เพราะตอนนี้เธอล้มลงกับพื้นโดยมีร่างของมัลฟอยรองรับไว้แทน  แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รีบลุกขึ้นทันทีที่รู้ตัว ในขณะที่มัลฟอยอยากให้เธอทับเขาไปนาน ๆ
“โทษที” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำใบหน้าแดงผ่าว  มัลฟอยค่อย ๆ ยันกายขึ้นจากพื้น  เขาเสยผมบลอนด์ไปข้างหลัง
“ไม่เป็นไร” เขาพูดด้วยท่าทีปรกติ “ลุกไหวไหม” มัลฟอยถาม  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้าโดยไม่ยอมมองตาเขา  เธอรู้สึกถึงความอับอายผสมผสานไปกับความเจ็บปวดที่ข้อเท้า  มัลฟอยเลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“เอ่อ  ฉันหมายถึง  ไม่รู้น่ะ  แต่ฉัน  เอ่อ....” เด็กสาวพูดติด ๆ ขัด ๆ พลางก้มลงมองดูข้อเท้าตัวเอง  เช่นเดียวกับมัลฟอย  ที่เห็นข้อเท้าของเฮอร์ไมโอนี่เริ่มบวมเป่งและห้อเลือด
“ไหนฉันดูซิ  เจ็บไหม” มัลฟอยพูดพลางก้มลงดูอาการของเธอ  และเมื่อเด็กหนุ่มแตะแผล  เธอก็ส่งเสียงร้องออกมาเบา ๆ “เจ็บหรือ” เขาถาม  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า
“อย่างนี้คงต้องไปห้องพยาบาล  เธอลุกไหวไหม” มัลฟอยถามอย่างห่วงใย  เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหน้าอย่างไม่รู้  ก่อนที่เธอจะพยายามลองลุกดู  ปรากฏว่าเธอไม่สามารถยืนขึ้นได้  และเมื่อมัลฟอยเห็นเช่นนั้นเขาก็เสนอตัวเข้ามาช่วยเธอ
“จับฉันไว้ดี ๆ ล่ะ  ฉันจะพาเธอไปห้องพยาบาล” เด็กหนุ่มพูดก่อนจะออกแรงอุ้มเธอขึ้นมา  เฮอร์ไมโอนี่ดูตกใจเล็กน้อยเธอจึงเกาะมัลฟอยไว้แน่น  มัลฟอยยิ้มให้เธอ
“เอ่อ  เธอไม่ถึงขนาดต้องอุ้มฉันไปก็ได้นะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเกรง ๆ มัลฟอยขมวดคิ้ว
“แน่นอน  เพราะเธอน่ะตัวหนักเป็นบ้าเลยใช่ไหมล่ะ” เขาแหย่  เฮอร์ไมโอนี่หน้างอ  “ฉันล้อเล่น  เอาเป็นว่าฉันว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว  ขอให้เธออยู่เฉย ๆ ก็แล้วกัน” มัลฟอยพูดและเริ่มออกเดินไปห้องพยาบาล
*************************************************
เมื่อพวกเขาไปถึงห้องพยาบาลมัลฟอยก็วางเฮอร์ไมโอนี่ลงบนเตียงและไปตามมาดามพรอมฟรีย์มารักษาเธอ  มาดามพรอมฟรีย์ซึ่งมีฝีมือในการรักษายอดเยี่ยมแต่เข้มงวดเหลือเกินสั่งให้เฮอร์ไมโอนี่นั่งลงเฉย ๆ และเริ่มทำแผลให้
“ให้ตายสิ  นี่เป็นหนที่สองแล้วนะที่ฉันเห็นเธอกับมิสเตอร์มัลฟอยเกิดเรื่องน่ะ  คราวก่อนก็น้ำยาล่องหนระเบิด  พอคราวนี้ก็บันไดกล  บางทีพวกเธอควรจะอยู่ห่าง ๆ กันบ้างรู้ไหม  จะได้ไม่เกิดเรื่องวุ่น ๆ ขึ้นอีก” มาดามพรอมฟรีย์บ่นพร้อมกับลงมือทายาให้เฮอร์ไมโอนี่  ในขณะที่เด็กสาวกำลังครุ่นคิดบางสิ่งบางอย่าง  และเธอกำลังนึกถึงคำพูดของใครบางคน
พวกเธอควรจะอยู่ห่าง ๆ กันบ้าง
อย่าเข้าใกล้ศัตรูของเธอมากเกินไป  เขากำลังจะนำความวิบัติมาให้เธอ 
เสียงของโรสก้องอยู่ในศีรษะของเฮอร์ไมโอนี่  เธอเกือบลืมไปเลยว่าโรสได้มอบคำตือนอะไรบางอย่างให้เธอในวันที่เฮอร์ไมโอนี่ได้พบเธอที่ฮอกมี้ดส์  และดูเหมือนคำเตือนเหล่านั้นจะใกล้เคียงความจริงเสียด้วย  เพราะตั้งแต่เธอได้มาทำงานร่วมกับมัลฟอยก็เกิดเรื่องวุ่นวายต่าง ๆ มากมาย  บางทีโรสอาจจะต้องการเตือนเธอเรื่องนี้ก็ได้ 
อย่าเข้าใกล้ศัตรูของเธอมากเกินไป
แต่ว่าเรื่องวุ่น ๆ ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรงอะไรมิใช่หรือ  ถึงแม้มันจะวุ่นวายแต่ก็ไม่ร้ายแรง  ถึงแม้เธอจะเจ็บตัวอย่างคราวนี้  แต่มันก็ไม่ได้ถือเป็นความวิบัตินี่  บางทีโรสอาจจะพูดเกินจริงไปก็ได้
ความรักที่เกิดขึ้นระหว่างสายเลือดที่แตกต่างจะนำมาซึ่งความหายนะที่เธอไม่คาดคิดทีเดียว
คำเตือนสุดท้ายของโรสผุดขึ้นมาในหัว  เธอจำได้ว่าน้ำเสียงของหล่อนในวันนั้นดูจริงจังและน่ากลัวเพียงใด  แต่บางทีเธออาจจะต้องการทำเสียงแบบนั้นเพื่อให้คำพูดของเธอดูขลังเหมือนอย่างศาสตราจารย์ทีลอร์นีย์ก็ได้นี่
“เสร็จแล้วจ๊ะ  มิสเกรนเจอร์” เสียงของมาดามพรอมฟรีย์ปลุกเธอขึ้นจากภวังค์  “เธอใช้ขาได้แล้วนะทีนี้  แต่มันอาจจะรู้สึกเจ็บนิดหน่อย  ยังไงพยายามอย่าวิ่งหรือทำอะไรเสี่ยง ๆ สักสองสามวันนะ  เธอไปได้แล้วจ๊ะ” เธอพูดกับเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังเหม่อลอยเพราะความคิดในหัว
‘ ฉันไม่ได้รักเขานี่  ฉันไม่ได้รักมัลฟอยสักหน่อย  และก็จะไม่มีวันรักด้วย ’ เธอคิดและเริ่มลุกขึ้นจากเตียง
‘ บางทีเธออาจจะยังไม่รู้ใจตัวเองก็ได้ ’ อีกเสียงหนึ่งในหัวตอบกลับมาอย่างหน่าย ๆ
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่เดินออกมาหามัลฟอยที่รออยู่ด้านนอก  และเมื่อเขาเห็นว่าขาของเธอดีขึ้นแล้วมัลฟอยก็ดูเป็นห่วงเธอน้อยลงกว่าเดิม 
“เอ่อ  ขอบใจนะที่ช่วยฉันน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเขิน ๆ เธอไม่กล้ามองหน้าเขา
“ไม่เป็นไร” มัลฟอยตอบอย่างไม่ใส่ใจ  เขาเองก็ไม่ได้มองหน้าเธอเช่นกัน  ทั้งสองเดินมาถึงหน้าห้องพยาบาล “ฉันคิดว่าเราคงไม่ต้องเดินตรวจบริเวณแล้วใช่ไหม” มัลฟอยถาม 
“ฉันว่างั้นนะ” เธอตอบ
“ดี  งั้นฉันไปส่งเธอที่หอแล้วกัน  เผื่อเธอเกิดไปจับกบที่ไหนอีก” มัลฟอยแหย่  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้าบูด  แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของเด็กทั้งสอง
“นี่  หนูจ๋า” เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยหันหลังไปแต่พวกเขาก็ไม่พบใคร  นอกจากกำแพงที่ว่างเปล่า  ทั้งสองหันมามองหน้ากันช้า ๆ
“นาย/เธอ  ได้ยินอะไรไหม” พวกเขาพูดพร้อมกัน  และพอพูดจบทั้งสองก็ส่ายหน้าพร้อมกัน
“นี่  พวกเธอ!” เสียงนั้นดังอีกครั้ง  มัลฟอยและเฮอร์ไมโอนี่หันไปมอง  และหวังว่าจะมีใครสักคนยืนอยู่ตรงนั้น  แต่มันกลับเป็นกำแพงว่างเปล่า  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกขนลุกมาชั่วขณะ และเมื่อเสียงนั้นดังขึ้นเป็นครั้งที่สาม
“นี่  พวกหนู  ทางนี้” เสียงนั้นเรียก  เด็กทั้งสองหันไปทางกำแพงอีกครั้ง  และก็พบว่าเสียงที่กำลังเรียกพวกเขาอยู่นั้นดังมาจากรูปภาพอันหนึ่งบนกำแพง  เฮอร์ไมโอนี่หรี่ตามองดูภาพนั้น  มันดูคุ้นตาพิกล
“สุภาพสตรีอ้วนนี่” เธอพึมพำพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้รูปภาพ “ทำไมคุณถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ” เฮอร์ไมโอนี่ถามเมื่อเห็นสุภาพสตรีอ้วนในชุดสีชมพูยาวกรอมพื้นอยู่ในรูปภาพทุ่งหญ้าสะวันนาของแอฟริกามันเป็นภาพที่แปลกพิกลทีเดียว
“ฉันมีธุระนิดหน่อยน่ะจ๊ะ  หนูเป็นเด็กกริฟฟินดอร์ใช่ไหมจ๊ะ” เธอถาม  เฮอร์ไมโอนี่พยักหน้า
“คือฉันจะไปเยี่ยมเพื่อนที่หน้าสงสารของฉันที่ชั้นเจ็ดหน่อยน่ะ  เธอโดนพีฟส์เจ้าผีโพสเตอร์ไกล์กรีดรูปซะเป็นรูทีเดียว  ฉันเกรงว่าคงจะกลับมาค่ำ ๆ นะจ๊ะ  ยังไงเธอรออยู่ข้างนอกหอนอนไปก่อนก็แล้วกันนะ” สุภาพสตรีอ้วนอธิบายธุระของเธออย่างรวดเร็วและก็หายจากรูปภาพนั้นไปก่อนที่เฮอร์ไมโอนี่จะได้มีโอกาสพูดอะไรออกไป
“ให้ตายเถอะ  ฉันต้องรออยู่นอกระเบียงอย่างนี้น่ะหรือ” เธอบ่นอย่างไม่พอใจนัก 
“เธอไปอยู่ที่หอพรีเฟ็คก็ได้นี่” มัลฟอยแนะนำ 
“เป็นความคิดที่ดีทีเดียว” เฮอร์ไมโอนี่ว่า “งั้นฉันจะไปหอพรีเฟ็ค  ส่วนนายก็คงจะกลับห้องนั่งเล่นรวมสินะ” เธอพูด  มัลฟอยเลิกคิ้ว
“ใครบอกว่าฉันจะกลับห้องนั่งเล่นรวมกัน”
*************************************************
ความคิดที่ว่าเธอจะได้อยู่ที่หอพรีเฟ็คคนเดียวกลับพังทลายลงไปเมื่อมัลฟอยตามเธอกลับมาที่หอด้วย  เหตุผลก็เพราะว่าเขาบอกว่าเขาขี้เกียจกลับห้องนั่งเล่นรวมเพราะเขาเบื่อการลูกน้องร่างยักษ์สองคนแครบกับกอยล์  ที่คอยติดตามเขาราวกับเงาตามตัว  แต่ที่แย่กว่าแครบกับกอยล์ก็คือแพนซี่  พาร์กินสัน  เด็กสาวหน้างอที่ตามติดเขาตั้งแต่ปีหนึ่ง  เพราะในสายตาของมัลฟอยแล้วแพนซี่ก็ไม่ต่างอะไรจากปลิงตัวโต ๆ ที่เขาต้องพยายามที่จะหลุดจากการเกาะกลุมทุกครั้งไป
“ฉันคิดว่านายชอบเธอซะอีก” เฮอร์ไมโอนี่พูด  ทั้งสองกำลังนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นรวมของหอพรีเฟ็คที่ปราศผู้คน 
“ฉันนี่นะชอบยัยนั่น!” มัลฟอยเถียงเสียงดัง “ยัยนั่นน่ะมาคอยเกาะติดฉันเองต่างหากล่ะ  แถมยังทำตัวน่ารำคาญอย่างกับอะไรดี” เขาพูดทำท่าทีหวาดผวาราวกับตอนนี้แพนซี่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าและดึงมัลฟอยเข้ามาจูบหลาย ๆ ที  ส่วนเฮอร์ไมโอนี่นั้นขมวดคิ้วอย่างสงสัย
“เหรอ  แต่ดูเหมือนแพนซี่จะชอบเธอมาก ๆ เลยนะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดตามความจริง
“แต่ฉันไม่ได้ชอบเธอนี่  และฉันก็ไม่มีวันจะชอบเธอด้วย  เพราะว่า....” มัลฟอยพูดอย่างไม่สบอารมณ์นัก  แต่เขาก็กลับละประโยคสุดท้ายเอาไว้  ราวกับว่าลิ้นของเขาเกิดพันกันขึ้นมาในทันที
ทำไมเขาถึงไม่พูดออกไปล่ะ  ทำไมเขาถึงไม่พูดออกไปว่าที่เขาไม่คิดจะชอบแพนซี่ก็เพราะเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว
มัลฟอยสบตาเฮอร์ไมโอนี่แต่เด็กสาวหลบตาเขา  เกิดความเงียบหน้าอึดอัดระหว่างทั้สองอีกครั้ง  มัลฟอยกลืนน้ำลาย  และตัดสินใจกลืนคำพูดที่อยู่ในหัวของเขาเมื่อครู่ตามไปด้วย  เช่นดียวกับเฮอร์ไมโอนี่  เธอก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรเขาต่อเหมือนกันว่ามัลฟอยกำลังจะพูดว่าอะไร  ทั้งคู่คิดว่าคงดีแล้วที่จะไม่พูดออกมา
หรือพวกเขาอาจจะไม่มีความกล้าพอที่จะพูดมันออกมา
“แล้วนายจะอยู่ที่นี่ไปอีกนานไหม” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  มัลฟอยยักไหล่
“ไม่รู้สิ  แล้วเธอล่ะ” เขาถามกลับ  เฮอร์ไมโอนี่ก็ยักไหล่อย่างไม่รู้เช่นกัน  เธอก้มดูนาฬิกาที่บอกเวลาสี่ทุ่มตรง
“บางทีฉันอาจจะอยู่ที่นี่อีกสักพักค่อยกลับหอ  บางทีสุภาพสตรีอ้วนอาจจะกลับไปที่รูปของเธอแล้วก็ได้” เฮอร์ไมโอนี่ว่า  มัลฟอยขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย  และจู่ ๆ เขาก็คว้ามือเธอเอาไว้
“อย่ากลับเลยเกรนเจอร์  อยู่ที่นี่กับฉันเถอะ” มัลฟอยพูดออกไป  เฮอร์ไมโอนี่ดูตกตะลึง  เธอจ้องมองมัลฟอยราวกับว่าเขากำลังขอเป็นเพื่อนกับรอน
“แต่ฉันต้องกลับไปที่หอนะ  ฉันมีการบ้านอีกเยอะต้องทำ” เฮอร์ไมโอนี่ปฏิเสธ 
“เธอเอาไว้ทำวันอื่นก็ได้นี่นา”  มัลฟอยเถียง  เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากจะโต้กลับมาแฮร์รี่กับรอนอาจจะเป็นห่วงได้ถ้าเธอไม่กลับหอ  แต่เธอก็ตัดสินใจพูดอะไรออกไป  เพราะเธอกลัวว่ามันจะไปกระตุ้นอารมณ์โกรธของมัลฟอยเข้า
“อยู่นี่เถอะเกรนเจอร์  อย่ากลับไปเลย” มัลฟอยพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนลง  นัยต์ตาของเขาฉายแวววิงวอนนิด ๆ  ซึ่งน่าแปลกมากสำหรับเฮอร์ไมโอนี่ที่ได้เห็นมัน  และแน่นอนว่ามันเกือบทำเอาเธอใจอ่อนเชียวล่ะ
“แล้วถ้าฉันจะกลับล่ะ” เธอถามมัลฟอย
“ฉันก็จะไม่ยอมให้เธอกลับ” เขาพูดพลางดึงร่างของเฮอร์ไมโอนี่ให้มาอยู่ในอ้อมแขน  เด็กสาวหน้าแดงเล็กน้อย  แต่เธอก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร
“นี่เป็นหนึ่งในแผนการของนายที่นายคิดจะเอาชนะฉันหรือเปล่า” เธอพูด  มัลฟอยขมวดคิ้ว
“มีส่วนมั้ง  ถ้าเธอคิดอย่างนั้นนะ” เขาตอบพลางก้มลงจูบแก้มเฮอร์ไมโอนี่  แต่เด็กสาวเบี่ยงตัวหลบ
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็เสียเปรียบน่ะสิ” เธอพูด
“ไม่มีคำว่าใครเป็นคนเสียเปรียบหรอกหากเราต้องการมันทั้งคู่น่ะ  อย่าหลอกตัวเองเลยเกรนเจอร์” มัลฟอยพูดพร้อมกับหอมแก้มเธอเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ไร้โอกาสที่จะขัดขืนเมื่อมัลฟอยรวบตัวเธอไว้ด้วยสองแขน  ดวงตาสีซีดจ้องมองเข้าไปในแววตาของเด็กสาว  หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่เต้นแรงราวกับจะหลุดมานอกอก  เกิดคำถามากมายผุดขึ้นในใจของเธอ
ทำไมเธอถึงต้องการอ้อมแขนของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยนะ  ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะเป็นคนสุดท้ายที่เธอต้องการ
ทำไมเธอถึงอยากให้เขาโอบกอดเธอไปนาน ๆ ด้วยนะทั้ง ๆ ที่เธอควรจะหนีเขาไปไกล ๆ
‘  ก็เพราะเธอหลงรักเขาเข้าแล้วน่ะสิ ’ เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นในใจอย่างรู้ทัน  เฮอร์ไมโอนี่เม้มปากแน่น  เธอตั้งท่าจะเถียงกลับไปว่ามันไม่ใช่เสียหน่อย  แต่เป็นเวลาเดียวกันกับที่มัลฟอยยกมือมาลูบแก้มของเธอช้า ๆ อย่างทะนุถนอม  เด็กสาวหลบตาเขา  ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าสิ่งที่เธอต้องการคืออะไร  และสิ่งที่จิตใจของเธอเฝ้าค้นหามามันเป็นสิ่งใดกัน
เพราะว่าตอนนี้สิ่งที่เธอต้องการได้มาอยู่ตรงหน้าของเธอแล้ว
“ความจริงเธอก็อยู่เฉย ๆ เป็นเหมือนกันนี่” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่ทำหน้ามุ่ย
“นายหมายความว่าไง” เธอถาม
“ฉันไม่ได้ว่าเธอซะหน่อย  แค่อยากจะบอกว่าเธอว่าง่าย ๆ อย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน  แต่ตอนที่เธอดิ้นไปดิ้นมาก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ” เขาพูด  เฮอร์ไมโอนี่หน้าเป็นสีจัดด้วยความอาย  เธอฝังเล็บทั้งห้านิ้วลงบนแขนของมัลฟอยและหยิกเขาแรง ๆ
“โอ๊ย!!!” เด็กหนุ่มร้องด้วยความเจ็บ  เฮอร์ไมโอนี่ผุดลุกจากเก้าอี้  มัลฟอยหันมาทางเธอ “เจ็บนะ!”
“สมควรแล้ว อยากทะลึ่งดีนักนี่” เธอพูดแต่ก่อนที่เด็กสาวจะเดินหนีไปไหน  มัลฟอยก็รีบคว้าตัวเธอมาไว้ก่อน
“แล้วที่ฉันพูดมันไม่เป็นความจริงหรือไง  ก็เธอน่ะดุอย่างกับแม่เสือแน่ะ” มัลฟอยพูด
“ฉันมันจะเป็นยังไงก็เรื่องของฉันนี่  ไม่ชอบก็ช่างนายสิ” เฮอร์ไมโอนี่โต้  มัลฟอยหัวเราะ
“ใครว่าไม่ชอบล่ะ  ฉันชอบเธอที่เป็นอย่างนี้จะตายไป” มัลฟอยว่า  เธอชะงัก  เธอมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา
“โกหก” เธอพูด
“พิสูจน์ไหมล่ะ” เขาพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาใกล้
“ไม่เอาน่ามัลฟอย  ปล่อยฉันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อเด็กหนุ่มรั้งตัวของเธอมาใกล้
“อยู่เฉย ๆ สักเดี๋ยวนึงได้ไหมเกรนเจอร์” เขาว่า
“นายนี่มันแย่ที่สุด” เธอพูดอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก  แต่ก็ไม่ได้ขัดขืนอะไร  เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบดวงตาสีซีดของเขาที่ราวกับจะต้องการสื่ออะไรบางอย่าง  ในที่สุดเฮอร์ไมโอนี่ก็หลับตาลงช้า ๆ เช่นเดียวกับมัลฟอยริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกันอย่างนุ่มนวลอีกครั้ง  เฮอร์ไมโอนี่ความรู้สึกบางอย่างที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในใจของเธอ  มันช่างเป็นความรู้สึกที่วิเศษนัก  มันดีมากพอที่จะทำให้เธอลืมเรื่องต่าง ๆ รอบกาย  เรื่องที่ว่าเด็กหนุ่มตรงหน้าของเธอคือ  เดรโก  มัลฟอย  ศัตรูตัวฉกาจ  เรื่องที่ว่าเขาเป็นคนที่มีสายเลือดที่ตรงกันข้ามกับเธอโดยสิ้นเชิง 
ลืมแม้กระทั่งคำเตือนของโรส
*************************************************
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น