ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักต้องห้ามระหว่างเฮอร์ไมโอนี่กับมัลฟอย

    ลำดับตอนที่ #12 : ความรู้สึกที่แท้จริง

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 8.09K
      188
      8 พ.ค. 48

    ขอโทษนักอ่านทุกคนด้วยนะคะที่มาลงช้า  เพราะว่าเราต้องไปต่างจัวหวัดกระทันหันและไม่มีเวลาเข้ามาบอกก่อน แต่ตอนนี้เราเอามาลงให้แล้วนะ 4  ตอนรวดเลย  ยังไงก็ขอโทษที่ต้องทำให้รอนานนะคะ  ขอโทษจริง ๆ ค่ะ



    ***Chapter 12 ความรู้สึกที่แท้จริง***



    “นี่นายจะพาฉันไปไหนน่ะ ” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง “ปล่อยนะ!” เธอพยายายมดิ้นรนแต่มัลฟอยที่มีแรงมากกว่าก็ลากเธอเดินไปตามระเบีบงอย่างง่ายดาย

    “เงียบ ๆ น่าเกรนเจอร์” เขาพูดก่อนเดินไปหยุดหน้าห้องเรียนเก่า ๆ ที่ไม่มีคน  มัลฟอยมองซ้ายมองเขาแล้วลากเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปในนั้น

    “ทำบ้าอะไรของนายน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่แหว  มัลฟอยมองเธออย่างขัดใจ

    “ทำบ้าอะไรงั้นเหรอ” เขาทวนคำ  “ฉันเป็นคนช่วยเธอไว้นะ”

    “อ้อ  ช่วยจากการถูกสาปเป็นตัวนิฟเฟลอร์น่าเกลียดล่ะสินะ  แล้วนายพาฉันมาที่นี่ทำไม” เธอถามมองไปรอบ ๆ ห้องเรียนที่ดูเหมือนจะไม่มีใครใช้มานานมากแล้ว  มัลฟอยไม่ตอบอะไร  เขาเคลื่อนกายเข้าไปประชิดตัวเด็กสาว  ทั้งสองอยู่ใกล้กันจนสามารถสัมผัสถึงลมหายใจของอีกฝ่ายได้

    “ฟังฉันนะ  เธอต้องอยู่ที่นี่” เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “หลบอยู่ที่นี่ไปสักพัก  จนกว่าคนอื่น ๆ จะไปกันหมด  เธอก็จะปลอดภัย” เขาว่า  

    “แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ” เธอร้อง “แล้วรอนล่ะ  แฮร์รี่ล่ะ” เด็กสาวพูด  เธอจะเอาตัวรอดทั้งไปคนเดียวแบบนี้ไม่ได้หรอก  ยังมีสมาชิกก.ด.อยู่ข้างนอกอีกเป็นเบือ  แล้วเธอก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นอย่างไรบ้าง

    “ช่างหัวพวกมัน” มัลฟอยว่า  เขาดูอารมณ์เสียขึ้นมาทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่เอยชื่อเพื่อนทั้งสอง “แต่เธอต้องอยู่ที่นี่!”

    “ไม่!” เฮอร์ไมโอนี่ส่ายหัว “ฉันจะไปช่วยคนอื่น ๆ ”

    “ลำพังเธอจะทำอะไรได้” มัลฟอยโต้ “อีกอย่างแผ่นรายชื่อนั่นก็ถูกส่งไปให้อาจารย์แล้ว  ยังไงเขาก็ต้องลากพวกที่เหลือออกมาอยู่ดีแหละน่า”

    “ถ้าอย่างนั้นจะมีประโยชน์อะไรที่จะหลบอยู่ที่นี่  เพราะในกระดาษนั่นก็มีชื่อฉันอยู่  ชื่อแรกเลยด้วยซ้ำ!” เด็กสาวพูด “ถ้าพวกเขาโดนยัยอึ่งอ่างอัมบริดจ์ไล่ออก  ฉันก็ต้องโดนด้วย” เธอว่า  

    “ฟังฉันนะเกรนเจอร์  เธอจะไม่โดนไล่ออก  ถึงแม้พวกเขาจะไล่คนอื่น ๆ ออก แต่เธอจะไม่โดน เข้าใจไหม” มัลฟอยพูดกับเธออย่างอ่อนโยนจนเฮอร์ไมโอนี่ยังนึกแปลกใจ

    “นายหมายความว่ายังไง” เธอถามอย่างไม่เข้าใจ

    “เธอไม่ต้องรู้สักเรื่องได้ไหม” เขาพูดอย่างรำคาญ

    “แต่.....แล้วแฮร์รี่กับรอนล่ะ  พวกเขาจะ.......” เด็กสาวพูดยังไม่ทันจบประโยค  ชายหนุ่มตรงหน้าก็ตรงเข้ามาหาเธอ  สองแขนของเขาเท้าอยู่ที่กำแพงโดยมีตัวเธออยู่ระหว่างกลาง

    “ถ้าเธอยังไม่เลิกพูดชื่อเจ้าสองคนนั่นล่ะก็........ฉันจะทำให้ปากเธอไม่ว่างจะพูดอะไรเลยทีเดียว!” เขาขู่  เฮอร์ไมโอนี่อ้าปากจะเถียง  แต่เธอก็ตัดสินใจกลืนคำพูดลงคอไป  

    มัลฟอยมองเธออย่างพิจารณา  นี่เป็นอีกครั้งที่พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก  เด็กหนุ่มมองเห็นแม้กระทั่งรอยกระเล็ก ๆ ที่แทบจะจางไปกับผิวของเธอ  เขามองแพขนตาสีน้ำตาลงอนงามก่อนที่จะเลื่อนตาสีซีดไปสบกับดวงตาสีน้ำตาลคู่โต  ริมฝีปากของเฮอร์ไมโอนี่เผยอขึ้นเล็กน้อย  มันเป็นสีชมพูและอวบอิ่ม  ลมหายใจของเธอเข้ามาสัมผัสผิวของเขาเบา ๆ  มีคำถามมากมายผุดขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม

    ทำไมเขาต้องหวั่นไหวไปกับดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นด้วยนะ  ทำไมเขาถึงอยากครอบครองริมฝีปากอวบอิ่มของเธอด้วย  ทำไมเขาถึงต้องการสัมผัสร่างนวลเนียนตรงหน้าอย่างไม่นึกรังเกียจด้วย

    และทำไมต้องเป็นเธอด้วย!

    “ออกไปเถอะมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูด  และราวกับว่าเสียงของเธอลอยมาจากที่ไกลแสนไกล  หรือมัลฟอยไม่คิดจะสนใจมัน  เด็กหนุ่มก้มลงประทับริมฝีปากเรียวซีดกับริมฝีปากอวบอิ่มสีกุหลาบตรงหน้าทันที  แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้เฮอร์ไมโอนี่จะไม่ยินยอมเขาเช่นคราวก่อนอีกแล้ว  เด็กสาวขืนตัวและเบี่ยงหน้าหลบ  

    “ทำไม” มัลฟอยถามอย่างไม่เข้าใจ  ริมฝีปากของเขาเลื่อนไปที่แก้มของเธอแทน

    “อย่า.......” เสียงของเด็กสาวดังขึ้นเมื่อมัลฟอยจูบเธอหนัก ๆ ที่พวงแก้ม  หากแต่เสียงนั้นแผ่วเบานัก  แขนของเธอดันอกของมัลฟอยออกอย่างเกรง ๆ

    “ถ้าเป็นเจ้าพอตเตอร์กับเจ้าวีสลีย์เธอคงไม่ปฏิเสธพวกมันเลยสิท่า” มัลฟอยพูดอย่างน้อยใจ “เธอคงยอมให้พวกมันทำอย่างนี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้วสิ” เขาพูด  เฮอร์ไมโอนี่ตาโต

    “ใครบอกเธอกัน  แฮร์รี่กับรอนไม่เคยทำอย่างนี้กับฉัน” เฮอร์ไมโอนี่ว่า “พวกเขาเป็นเพื่อนของฉันนะ”  

    มัลฟอยบ่นอะไรสักอย่างที่เฮอร์ไมโอนี่จับใจความไม่ทันออกมา  เขาเบือนหน้าไปทางอื่น

    “ถ้าพวกมันเป็นเพื่อนกับเธอจริงแล้วทำไมเธอถึงไม่ยอมบอกพวกมันตอนวันที่พวกเราอยู่ด้วยกันที่ห้องพยาบาลล่ะเกรนเจอร์  ทำไมเธอถึงไม่บอกพวกมันไปเลยล่ะ!” มัลฟอยพูดอย่างเกรี้ยวกราด  เขาจับตัวเด็กสาวไว้แน่น  

    “ทำไมไม่บอกมันไปล่ะ  ถ้าเธอเป็นเพื่อนกับมันสองคนจริง ๆ ล่ะก็  ทำไมไม่บอกเรื่องที่เธอจูบกับฉันให้พวกมันรู้กันไปเลย  ทำไมล่ะเกรนเจอร์” เขาพูดออกมา  เฮอร์ไมโอนี่มองมัลฟอยอย่างสับสน  เธอกัดริมฝีปากอีกครั้ง

    “ที่ฉันไม่อยากพูดให้ใครฟัง  ที่ฉันไม่อยากให้ใครรู้” เธอตอบ  เสียงสั่นน้อย ๆ  

    “ก็เพราะเราเป็นศัตรูกัน”



    *************************************************



    พอจบคำพูดของเฮอร์ไมโอนี่มัลฟอยก็พร่นลมเสียงดังพรืด

    “หรือนายจะปฏิเสธว่ามันไม่จริง” เธอถาม  มองหน้าเขา  แต่เด็กหนุ่มกลับเสมองไปทางอื่นแทน  เขาไม่ตอบอะไร

    “แล้วนายก็เกลียดฉัน” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ  คราวนี้มัลฟอยเงยหน้าขึ้นสบตาเธอจัง ๆ ทันทีที่เธอพูดจบ

    “นายเกลียดฉันมาตลอด”  

    “ใครว่า!”  เด็กหนุ่มเถียง  เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วอย่างสงสัย  มัลฟอยเริ่มอ้ำอึ้ง

    “ฉันไม่ได้เกลียดเธอ  ที่ฉันเกลียดก็คือเจ้าพวกนั้นต่างหาก” เขาแก้  เฮอร์ไมโอนี่มองตามัลฟอย  ดวงตาสีน้ำตาลฉายอยู่ในแววตาสีซีด

    “แต่เธอไม่ได้รักฉันจริงไหม” เธอว่า  มัลฟอยไม่ตอบ  สีหน้าของเขาฉายแววครุ่นคิด

    รักเหรอ  แน่นอนว่าเขาไม่ได้รักเธอ  เขาไม่สมควรรักเธอ  และเขาก็ไม่ได้เชื่อในความรักมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว

    “เลิกใช้คำพูดอย่างนี้กับฉันได้ไหม  ฉันหรือจะรักเลือดสีโคลนอย่างเธอ” เขาตอบขึ้นมาฉับพลัน  ในไม่ช้าเด็กหนุ่มก็กลับไปเป็น เดรโก  มัลฟอย  คนเดิมอีกครั้ง  คนที่ไม่เคยมีความอ่อนโยนมอบให้ใคร

    ยกเว้นเพียงเธอคนเดียว

    ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ  เธอไม่รู้ว่าเธอควรจะดีใจดีหรือไม่กับคำตอบนี้  เพราะตอนนี้น้ำตาของเธอมันเริ่มมาเอ่อริมขอบตาอีกครั้ง

    ถ้าเขาไม่คิดจะรักเธอแล้วเขาจะมาทำแบบนี้กับเธอทำไม!

    ‘ แต่เขาเป็นมัลฟอยนะ  มัลฟอยมักนิยมชมชอบวิธีสกปรกเสมอล่ะ ’

    คำพูดที่เธอเคยพูดดังขึ้นในหัวสมองของเธออีกครั้ง  เฮอร์ไมโอนี่ปาดน้ำตาทิ้ง  

    ไม่มีค่าที่จะไปเสียน้ำตาให้คนอย่างเขา!  

    แต่แทนที่มือของเด็กสาวจะได้สัมผัสดวงตาบอบช้ำของตัวเอง  มันกลับสัมผัสมือของเด็กหนุ่มตรงหน้า

    “อย่าร้องไห้” เขากระซิบ “น้ำตาของเธอมีค่ามากกว่าจะเสียให้กับคำพูดของฉัน”

    “ฉันไม่ได้ร้องไห้เพราะนาย” เธอปด  แต่ก็ยอมให้เขาเช็ดน้ำตาให้เธอโดยดี “และฉันก็ไม่เคยหวังให้นายมารักฉัน  มัลฟอย” เธอพูดอย่างเข้มแข็ง  แม้ว่าความจริงจะไม่เป็นอย่างนั้นก็ตาม

    “ฉันไม่ได้รักเธอเกรนเจอร์  และฉันก็ไม่คิดจะรักใคร”

    .................................................

    เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างสงสัย  

    “ฉันไม่เคยเชื่อใครความรัก” มัลฟอยตอบเบา ๆ “เพราะฉันคิดว่ามันไม่มีอยู่จริงในโลกนี้” เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างไม่เข้าใจ  แต่เธอก็เลือกที่จะเก็บความสงสัยเอาไว้

    มัลฟอยหลับตาลงอย่างครุ่นคิด  ราวกับว่าเขากำลังไตร่ตรองบางสิ่งบางอย่างอยู่ในใจ  บางสิ่งบางอย่างที่เขาไม่รู้ว่ามันสมควรเกิดขึ้นหรือไม่  และถ้ามันเกิดขึ้นแล้วเขาควรจะปล่อยให้มันเป็นเช่นนี้ต่อไปไหม

    ในที่สุดมัลฟอยก็ลืมตาขึ้นมาช้า ๆ ภาพแรกที่ฉายอยู่ในดวงตาสีเทาอมฟ้าของเขาก็คือภาพเด็กสาวผมสีน้ำตาล  แววตาสีน้ำตาลคู่โตดูบริสุทธิ์สดใส  และจริงใจมากกว่าแววตาทุกคู่ที่เขาเคยเห็นมา

    และตอนนี้เด็กหนุ่มก็ได้รู้แล้วว่าคำตอบของเขาคืออะไร  เขาก้มลงกระซิบอะไรบางอย่างกับเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ

    “ฉันไม่ได้รักเธอ  และฉันก็ไม่ได้หวังให้เธอมารักฉัน” เขาพูด

    “แต่ฉันต้องการเธอและฉันอยากให้เธอมาเป็นของฉัน”



    *************************************************



    แม้ว่าเฮอร์ไมโอนี่จะตกใจไม่น้อยที่ได้ยินมัลฟอยพูดเช่นนั้น  แต่เธอกลับไม่รู้สึกโกรธเขาอย่างที่ควร

    “นายหมายความว่ายังไง” เฮอร์ไมโอนี่ถาม  ทั้ง ๆ ที่เธอก็รู้ความหมายของมันอยู่แล้ว

    “ฉันต้องการเธอ” มัลฟอยพูด “ไม่มีคำพูดอื่นใดที่จะอธิบายความหมายของมันได้ดีเท่านี้แล้ว”

    “แต่ฉันไม่ได้รักนาย” เธอพูดอย่างขมขื่น  น้ำตาร่วงลงมาอีกหยด  เด็กหนุ่มยื่นมือมาเช็ดมัน

    “ฉันไม่ได้พูดถึงความรัก  ฉันพูดถึงความต้องการ”  มัลฟอยพูด  

    “ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรกับความรัก  ฉันไม่คิดจะรักใคร  และฉันจะไม่มีวันเชื่อในความรู้สึกที่ไม่มีอยู่จริงนี้ด้วย  แต่ฉันเชื่อในความต้องการของตัวเอง” เขารั้งร่างของเธอเข้ามาในอ้อมแขน  เด็กสาวเบี่ยงตัวหลบอย่างหนักแน่น

    “ถ้านายไม่เชื่อในความรัก  นายก็ไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้กับฉัน  เพราะฉันไม่ได้ต้องการนายเลยสักนิด” เธอพูดตัดรอน  เด็กสาวเงยหน้าขึ้นสบตาของเขา  ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายมุ่งมั่น  แม้ว่ามันจะถูกประดับไว้ด้วยน้ำตาหยดเล็ก ๆ ก็ตาม

    “เธอคงต้องการอ้อมกอดของคนอื่นมากกว่าใช่ไหมเกรนเจอร์” มัลฟอยพูด  มองเธอด้วยดวงตาสีซีดที่ยากจะอ่าน  “คงเป็นพอตเตอร์หรือวีสลีย์มากกว่าใช่ไหมที่เธอต้องการน่ะ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แฝงไว้ด้วยความน้อยใจ

    “ฉันไม่ได้ต้องการใครทั้งนั้น” เด็กสาวตอบ  แต่มัลฟอยกลับไม่สนใจคำพูดของเธอ

    “เธอคงต้องการสัมผัสของไอ้เจ้าสองคนนั่นมากกว่าฉันสินะ!” เขาพูดก่อนที่จะรั้งร่างของเธอเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง  ซึ่งคราวนี้เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีโอกาสได้ขัดขืน  มัลฟอนรวบแขนทั้งสองข้างของเธอไว้ก่อนที่เธอจะคว้าไม้กายสิทธิ์ได้ทัน  และผลักเธอลงบนโต๊ะเก่า ๆ ที่จวนจะพังอยู่แล้วตัวหนึ่ง

    “เดี๋ยวสิ  มัลฟอย  นายจะ.......” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ดังขึ้น  แต่กลับหายไปเพราะมัลฟอยปิดปากเธอด้วยริมฝีปากเรียวซีด  ก่อนที่เขาจะเลื่อนมือขึ้นมาและถอดเสื้อคลุมของเธอออก

    “อย่า  มัลฟอย!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง  แต่ดูเหมือนมัลฟอยจะไม่สนใจ

    “ไหนลองบอกฉันซิว่าเจ้าพวกนั้นมันทำอะไรกับเธอได้บ้าง  บอกฉันสิว่าตอนนี้เจ้าพอตเตอร์หรือเจ้าวีสลีย์ที่มันทำให้เธอพอใจได้มากกว่ากัน” มัลฟอยพูดอย่างโกรธเกรี้ยว  เฮอร์ไมโอนี่พยายามผลักร่างของเขาออก แต่เธอไม่อาจสู้แรงของเขาได้

    “นายกำลังเข้าใจผิดนะมัลฟอย” เด็กสาวพยายามอธิบาย  มัลฟอยเอาหน้ามาซุกอยู่ที่แก้มของเธอ  

    “บอกฉันสิเกรนเจอร์  ว่าพวกมันทำยังไงเธอถึงได้พอใจ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเก่า “บอกฉันสิว่าฉันต้องทำอย่างไรเธอถึงจะได้พอใจอย่างพวกมัน”  เขาพูดอย่างสับสน  เฮอร์ไมโอนี่หยุดดิ้น  เธอมองมัลฟอยด้วยสายตาที่บอกไม่ถูกว่ารู้สึกโกรธหรือสงสาร

    “ออกไปก่อนเถอะ” เธอพูดพลักร่างของเขาเบา ๆ แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมขยับเขยื้อน  เขากลับเอาใบหน้าลงไปซุกที่ซอกคอของเธอแทนและจูบมันเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งน้อย ๆ ขนลุกไปทั้งร่างกาย

    “มัลฟอย.......” เธอพูดเสียงแผ่ว  มัลฟอยเลื่อนหน้ามาอยู่ระดับเดียวกับเธอ  

    “ฉันต้องการเธอ  ฉันพูดจริง ๆ นะ” เขาว่า  เฮอร์ไมโอนี่หน้าขึ้นสีด้วยความอาย  เธอไม่ถูกบอกว่า ‘ ต้องการ ’ จากใครมาก่อน

    “ฉันไม่สนว่าเธอต้องการหรือไม่  แต่ฉันขอให้เธอทำตามความรู้สึกของเธอจริง ๆ ได้ไหม” มัลฟอยพูด  เฮอร์ไมโอนี่มองตาเขา  

    ความรู้สึกของเธอจริง ๆ น่ะหรือ

    เด็กสาวครุ่นคิด  ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอและเขาต่างเกลียดกันจนแทบไม่อยากจะมองหน้า  มัลฟอยเองก็รังเกียจเธออย่างกับอะไรดี  แต่ทำไมจู่ ๆ เขาถึงมาบอกเธอว่าเขาต้องการเธอล่ะ  ทำไมกัน

    แล้วความรู้สึกที่แท้จริงของเธอล่ะ  เธอต้องการเขาไหม

    เฮอร์ไมโอนี่หลับตา  ภาพวันที่เธออยู่กับเขาตามลำพังที่ห้องพยาบาลผ่านเข้ามาในหัวสมอง  เธอยังจำได้ดีว่าวันนั้นหัวใจของเธอเต้นแรงเพียงใด  และความรู้สึกแปลกประหลาดที่เธอไม่เคยรู้จักในวันนั้นเป็นเช่นไร

    แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าความรู้สึกของเธอในวันนั้น  และในตอนนี้คืออะไร

    เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นช้า ๆ เธอส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขา  และดูเหมือนว่ามัลฟอยจะรับรู้ว่าคำตอบของเธอคืออะไร  

    เขาก้มลงประทับริมฝีปากกับเด็กสาวตรงหน้าทันที

    .................................................

    ความอ่อนโยนเป็นสิ่งแรกที่เฮอร์ไมโอนี่สัมผัสได้จากจูบของมัลฟอยครั้งนี้  มันอ่อนโยนมากกว่าทุกครั้งที่เธอเคยจูบมา  ลิ้นของมัลฟอยอยู่ในปากเธอ  เช่นเดียวกับของเธอ  มันควานจนทั่วราวกับต้องการแลกความอบอุ่นซึ่งกันและกัน  และครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เธอเริ่มชินกับสัมผัสของมัลฟอยและเธอก็จูบเขาตอบอย่างไม่นึกกลัว

    ทั้งสองจูบกันอยู่เนิ่นนาน  จนกระทั่งมัลฟอยถอนริมฝีปากของเขาออกมา  เขามองเด็กสาวตรงหน้าและยิ้มให้เธอ

    “เก่งขึ้นนี่” นั่นเป็นคำชมจากเขา เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงแปร๊ด  เธอตีเขาด้วยความเขิน  แต่มัลฟอยกลับจับมือของเด็กสาวไว้ได้ก่อน  และเริ่มบรรรจงจูบเธอที่ลำคอ

    “มัลฟอย........อย่า” เฮอร์ไมโอนี่ร้องห้าม  แต่เสียงนั้นกลับแผ่วเบานัก  เด็กหนุ่มจูบเธออย่างอ่อนโยน  ลมหายใจร้อน ๆ ของเขาประทะซอกคอของเฮอร์ไมโอนี่อย่างเป็นจังหวะ  

    “ฉันบอกแล้วไงว่าให้ปฏิเสธให้หนักแน่นกว่านี้” มัลฟอยพูดยั่ว  เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเฮอร์ไมโอนี่แวบหนึ่ง ก่อนจะฝังริมฝีปากลงที่อีกครั้ง  ซึ่งครั้งนี้รุนแรงกว่าเก่า  มัลฟอยจูบเธอซอกคอของเธออย่างหนักหน่วงและขบมันด้วยฟันเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งสุดตัว

    “อย่า” เด็กสาวร้อง  ผลักเขาออกห่างทันที  ซึ่งครั้งนี้มัลฟอยยอมหยุดโดยดี  แต่เขากลับมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยท่าทีไม่เข้าใจกับการกระทำของเธอ  

    “ทำไมกัน” เขาถามอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก

    “นายทำอย่างนี้ไม่ได้...” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเสียงแผ่ว  แววตาสีซีดทีเคยอ่อนโยนของมัลฟอยแปรเปลี่ยนเป็นโกรธขึ้งอีกครั้ง

    “ทำไมฉันถึงทำไม่ได้” เขาถามอีกครั้ง “แล้วใครที่จะทำอย่างนี้ได้  พอตเตอร์กับวีสลีย์งั้นหรือ” เขาว่า  เฮอร์ไมโอนี่รีบแย้ง

    “ไม่เกี่ยวกับเขาสองคน  ไม่เกี่ยวกับใครทั้งนั้นด้วย” เธอพูด  มัลฟอยเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม ( ‘ แล้วไงล่ะ! ’ ) เด็กสาวอ้าปากจะตอบด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ

    “ฉันไม่อยากให้นาย.....เอ่อ......สร้างรอยเอาไว้” เธอพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ  เธอมีท่าทีเขินอาย  แววตาของมัลฟอยดูอ่อนลงกว่าเดิม  เขาก้มลงมากระซิบใกล้ ๆ

    “แต่ฉันอยากทำอย่างนั้น  เพราะมันเป็นหลักฐานว่าเธอเป็นของฉัน” มัลฟอยว่า  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาด้วยแววตาที่บอกไม่ถูกว่าโกรธหรือตกใจมากกว่ากัน

    “ฉันไม่ได้เป็นของนาย” เธอเถียง

    “แต่เธอก็ยอมให้ฉันทำอย่างนี้กับเธอ หรือเธอจะปฏิเสธว่ามันไม่ใช่” มัลฟอยโต้กลับด้วยท่าทีเหนือกว่า

    “ฉันจะไม่มีวันยอมเป็นของคนที่ไม่ได้รักฉัน  มัลฟอย” เด็กสาวพูด  มัลฟอยถอนใจเบา ๆ อย่างเบื่อหน่าย

    “ทำไมผู้หญิงถึงอยากได้ความรักกันนักนะ” เขาบ่น  

    “สิ่งที่ผู้หญิงทุกคนอยากได้มากที่สุดก็คือความรักจากคนที่เรารัก” เธอตอบอย่างหนักแน่น “ถ้านายไม่คิดที่จะมอบความรักให้ใครล่ะก็  นายก็จะไม่มีวันได้ความรักจากใคร”

    “แล้วถ้าฉันมอบมันให้เธอล่ะ  เธอจะรักฉันตอบไหม” เด็กหนุ่มย้อนถาม  เฮอร์ไมโอนี่ชะงักกับคำพูดของเขา

    “ความรักเป็นเรื่องที่ฝืนใจกันไม่ได้  มัลฟอย  นายไม่มีสิทธิ์มาบังคับให้ฉันรักใคร  หรือแม้กระทั่งบังคับตัวนายเองก็ตาม” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ

    “แต่ฉันอยากให้เธอรักฉัน” เขาพูดอย่างหนักแน่น “ฉันต้องการเธอเกรนเจอร์  ทั้งหมดที่เป็นเธอ” มัลฟอยว่า  เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงอย่างไม่รู้ตัว  เธอไม่เคยถูกเรียกร้องอย่างรุนแรงเช่นนี้มาก่อน  โดยเฉพาะเมื่อมัลฟอยก้มหน้ามาใกล้ ๆ และกระซิบเธอที่ใบหู

    “ฉันจะทำให้เธอเป็นของฉันให้ได้  ทั้งตัวแล้วก็หัวใจ  จำคำของฉันไว้ให้ดีล่ะ”



    *************************************************  

      

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×