คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Post Hogwarts [หลังจบจากฮอกวอตส์]
***Chapter 1 Post Hogwarts [หลังจบจากฮอกวอตส์]***
ฉันเป็นกริฟฟินดอร์..........เธอเป็นสลิธีริน
ฉันเป็นมือปราบมาร..........ส่วนเธอเป็นผู้เสพความตาย
เราทั้งสองเป็นศัตรูที่ต้องฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง..........แต่เรากับมารักกัน
ความรักต้องห้ามที่ไม่ได้รับการยอมรับจากคนรอบข้าง..........นอกจากตัวของเราเอง
เหมือนกับสองด้านของเหรียญอันเดียวกัน..........ที่ไม่มีวันมาเจอะเจอกันได้
นอกเสียจากว่าจะหลอมเหรียญทั้งสองด้านนั้น ให้ละลายไปด้วยกัน.....................
*************************************************
หลังจากที่จบการศึกษาจากฮอกวอตส์แล้ว แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ก็เข้าสอบการเป็นมือปราบมาร แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสามสอบผ่าน เฮอร์ไมโอนี่ได้คะแนนสูงสุดในภาคทฤษฎี และแฮร์รี่ก็ได้คะแนนสูงสุดในภาคปฏิบัติ ส่วนรอนนั้นสอบผ่านมาได้แม้ว่าเขาจะทำคะแนนได้ไม่มากเท่าไหร่ก็ตาม และเมื่อพวกเขาอายุครบสิบแปดปี ทั้งสามก็เข้าเป็นสมาชิกภาคีด้วยความสมัครใจ แม้ว่าจะมีผู้ใหญ่หลายคนไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะนางวีสลีย์ที่เห็นว่าพวกเขายังเด็กเกินไปที่จะไปเสี่ยงต่อเรื่องพวกนี้ แต่ถึงอย่างไรแฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ก็ยังคงยืนยันความตั้งใจเดิมของพวกเขา แม้เด็กทั้งสามจะรู้ดีว่ามันอันตรายเพียงใดก็ตาม
ส่วนเดรโก มัลฟอยนั้นได้เข้าร่วมเป็นผู้เสพความตายตามความต้องการของพ่อของเขา แน่นอนว่าเขาไม่ได้มีความเห็นชอบในเรื่องนี้ แต่มัลฟอยไม่สามารถปฏิเสธคำสั่งของพ่อได้อยู่ดี เขายังคงแอบติดต่อกับเฮอร์ไมโอนี่อยู่อย่างสม่ำเสมอ และพวกเขานัดพบกันลับ ๆ โดยไม่ให้มีใครรู้เรื่อยมาตั้งแต่จบมาจากฮอกวอตส์ นั่นเป็นเพราะความรักของพวกเขาเป็นเรื่องที่เปิดเผยให้ใครรู้ไม่ได้
หลังจากเรียนจบมาไม่นานพวกเขาทั้งสามก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมือปราบมาร เฮอร์ไมโอนี่เก็บเงินจากการทำงานของเธอออกมาเช่าคอนโดอยู่กลางลอนดอนเพื่อจะได้สะดวกในการทำงาน เพราะว่าการเป็นมือปราบมารนั้นเปรียบเสมือนการทำงานตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง เธอไม่รู้ว่าจะต้องไปจับกุมคนร้ายเมื่อไหร่บ้าง และอีกเหตุผลหนึ่งที่เธอออกจากบ้านของพ่อแม่มาก็คือเธอจะได้พบกับมัลฟอยได้สะดวกขึ้น
พอเฮอร์ไมโอนี่ย้ายมาอยู่คนเดียว มัลฟอยก็จะแวะเวียนมาหาเธอได้บ่อยขึ้น แต่เขาก็ยังคงพักอยู่ที่คฤหาสน์ของเขาตามเดิม หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่ได้รับการแต่งตั้งเป็นมือปราบมารได้ไม่นานนัก มัลฟอยก็ต้องเข้าร่วมพิธีของผู้เสพความตาย มันเป็นพิธีปฏิญาณตนว่าจะภักดีกับเจ้านายของพวกเขาตลอดไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ และได้รับการประทับสัญลักษณ์ของผู้เสพความตาย ซึ่งก็คือ ‘ ตรามาร ’
มัลฟอยมาหาเฮอร์ไมโอนี่ในคืนนั้นหลังจากสิ้นสุดพิธี
“เจ็บมากไหม เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูด พลางดูตรามารที่ร้อนไหม้อยู่บนแขนของเขาอย่างสงสาร
“ไม่เป็นไรหรอก” มัลฟอยพูดอย่างไม่แยแส ก่อนจะเอาแขนเสื้อปิดมันไว้
“ตอนนี้เธอก็เป็นผู้เสพความตายจริง ๆ แล้วสินะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด เอนศีรษะพิงไหล่ของเขา แววตาสีน้ำตาลดูเศร้าสร้อย
“แล้วเธอก็เป็นมือปราบมาร” มัลฟอยพูดลอย ๆ และโอบกอดเธอไว้
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง” เฮอร์ไมโอนี่พูดราวกับจะเย้ยหยันตัวเอง “ทั้ง ๆ ที่ฉันรู้อยู่แล้วแท้ ๆ แต่พอมันมาถึงจริง ๆ ฉันก็กลับทำใจไม่ได้” เธอว่า ดวงตาเริ่มรื้นน้ำตา
“อย่าร้องไห้สิ” มัลฟอยปลอบ และเอามือทั้งสองประคองใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่ไว้
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...” เดรโกพูด
“ฉันก็จะยังรักเธอ” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ เธอยิ้มทั้งน้ำตา เช่นเดียวกับมัลฟอย เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะประทับจูบอันอ่อนโยนเข้ากับริมฝีปากเธอ ชายหนุ่มรั้งร่างของหญิงสาวลงบนเตียง แล้วจึงดับไฟในห้อง
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและเธอก็พบว่ามัลฟอยไม่อยู่แล้ว แต่นั่นเป็นเรื่องปรกติสำหรับเขา ทุกทีที่มัลฟอยมาหาเธอ เขาจะต้องจากไปก่อนรุ่งสางทุกครั้งเพื่อกลับไปยังคฤหาสน์ของเขา ก่อนที่พ่อของเขาจะสงสัยว่าเขาหายไปไหนมาทั้งคืน
เดรโกกลับถึงคฤหาสน์มัลฟอยในตอนเช้า เขากำลังจะขึ้นไปบนห้องนอนก่อนที่ใครจะเห็นว่าเขาเพิ่งกลับมาเหมือนทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด
“แกหายไปไหนมา” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นจากมุมมืดของห้องโถง เดรโกชะงัก เขาหันไปมองทางต้นเสียง รู้สึกว่าหัวใจของเขาตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“พ่อ” เขาพึมพำ นายลูเซียสก้าวออกจากความมืดมาประจันหน้ากับลูกชาย
“ฉันถามว่าแกหายไปไหนมาทั้งคืน” นายลูเซียสพูด
“ผม.....ไปข้างนอกกับแครบและกอยล์มา” เขาพูดตะกุกตะกัก
“ไปไหนมา”
“แค่ออกไปเที่ยวข้างนอก ไปดื่มกันนิดหน่อยก็เท่านั้น” เขาโกหกอย่างรวดเร็ว นายลูเซียสจ้องมองลูกชายอย่างพิจารณา
“แกคงไม่คิดว่าร้านเหล้าจะเปิดจนถึงเช้าใช่ไหม เดรโก” นายลูเซียสถามเสียงนุ่ม เดรโกกลืนน้ำลาย
“พอร้านปิด เราก็ไปต่อกันที่อื่นตามภาษาผู้ชาย พ่อก็น่าจะรู้” ชายหนุ่มพูดอย่างรวดเร็ว แต่ไม่พยายามทำท่าทีมีพิรุธ นายลูเซียสมองลูกชายแวบหนึ่ง
“เอาล่ะ ฉันเข้าใจ ฉันก็ไม่ได้อยากจะมาวุ่นวายอะไรกับชีวิตของแกนักหรอกนะ” นายลูเซียสพูด เอามือตบบ่าลูกชาย “แต่แกโตแล้ว แล้วแกก็เป็นทายาทคนเดียวของตระกูลมัลฟอยด้วย ฉันคิดว่าแกน่าจะคิดเรื่องแต่งงานได้แล้ว” มัลฟอยผู้พ่อพูด เดรโกดูตกตะลึง
“แต่งงานหรือพ่อ” เขาร้อง
“ใช่ ฉันคิดว่าฉันพอจะหาคนที่เหมาะสมให้แกได้ แกจะว่ายังไง” นายลูเซียสถาม โดยไม่ได้สังเกตอาการของลูกชาย
“ผมจะไม่แต่งงาน” เขาหลุดปากพูดออกไป นายลูเซียสเลิกคิ้ว
“ผมหมายความว่ามันยังเร็วไป สำหรับผมที่จะมีครอบครัว” เดรโกต่อ นายมัลฟอยถอนใจ
“ไม่เร็วเลย เดรโก ไม่เร็วสักนิด สำหรับฉันนะ ฉันเป็นห่วงเรื่องที่แกมาเข้าร่วมเป็นผู้เสพความตายกับเราพอดูทีเดียว แกก็รู้ว่าตอนนี้พวกกระทรวงมันเอาจริงแค่ไหน แม้ว่าจอมมารจะเรืองอำนาจมากก็ตาม แต่คนของเราก็ถูกจับถูกฆ่าไม่เว้นแต่ละวัน” นายลูเซียสพูดอย่างเคร่งขรึม
“และฉันคงทนไม่ได้ถ้าคนที่โดนจับหรือถูกฆ่าตายจะเป็นแกที่เป็นลูกชายของฉัน” เดรโกรู้สึกแปลกใจที่พ่อของเขาพูดราวกับว่าเป็นห่วงเขา
“แล้วถ้าตอนนั้นแกยังไม่มีทายาทไว้สืบทอดตระกูลของเราล่ะก็ ตระกูลมัลฟอยที่คงอยู่มาหลายร้อยปีของเราก็คงจะต้องจบสิ้นลง” นายลูเซียสพูดช้า ๆ และเดรโกก็รู้แล้วว่าจริง ๆ แล้วอะไรที่พ่อของเขาเป็นห่วง
“พ่อไม่ได้เป็นห่วงผมเลย” เขาพูดขึ้นทันที “แต่พ่อเป็นห่วงแค่ว่าตระกูลของเราจะไม่มีผู้สืบทอด!”
“ฉันเป็นห่วง ทั้งแก ทั้งตระกูลมัลฟอยต่างหากล่ะ” นายลูเซียสพูดเสียงดัง เดรโกรู้สึกถึงความโกรธที่เขาแทบระงับไม่อยู่
“เพราะฉะนั้นฉันถึงต้องหาผู้หญิงให้แกสักคนไงล่ะ ไว้ดูแลแก...”
“และผลิตทายาทให้ตระกูลใช่ไหมพ่อ!” เดรโกต่อให้ แต่นายมัลฟอยพูดต่อไปอย่างไม่สนใจ
“ถึงยังไงแกก็ต้องแต่งงาน ฉันคิดว่าแกกับหนูแพนซี่ก็คบหากันมานานพอสมควรแล้วนะ ความจริงฉันก็พูด ๆ เรื่องนี้กับพ่อแม่ของเธอมาสักระยะนึงแล้ว ท่าทางทางนั้นจะไม่มีปัญหา” นายลูเซียสพูด
“แต่ผมไม่ได้รักแพนซี่นะพ่อ ผมไม่ได้รักเธอ” เดรโกเถียง
“ถึงไม่รักก็แต่งงานได้ ถือว่าแกทำเพื่อฉัน ทำเพื่อตระกูลมัลฟอยของเราก็แล้วกัน” นายลูเซียสว่า
“แต่...”
“ไม่มีคำว่าแต่ทั้งนั้น เดรโก นี่เป็นคำขาด!” นายลูเซียสพูด
.................................................
งานแต่งงานของแพนซี่และเดรโกถูกจัดขึ้นด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่ทั้งสิ้น แต่แพนซี่ก็ดูดีใจกับเรื่องนี้มาก ซึ่งตรงกันข้ามกับเดรโกโดยสิ้นเชิง วันงานถูกกำหนดขึ้นในอีกสองเดือนข้างหน้า ซึ่งแขกรับเชิญส่วนใหญ่นั้นเป็นเพื่อนพ้องของนายลูเซียส และพวกพ่อมดแม่มดเลือดบริสุทธิ์ทั้งสิ้น นายลูเซียสไม่ต้องการให้มันเป็นงานที่เอิกเกริกมากนัก เพราะมันจะเป็นตัวล่อมือปราบมารชั้นดีทีเดียว
“เฮอร์ไมโอนี่ ฉันมีเรื่องจะต้องพูดกับเธอ” มัลฟอยพูดขึ้นขณะที่เขานั่งอยู่ในห้องนอนของหญิงสาว ชายหนุ่มยังไม่ได้บอกเรื่องที่เขาจะต้องแต่งงานกับแพนซี่ให้เธอรู้เลย เขาพยายามอยู่หลายครั้งที่จะบอกเธอ แต่สุดท้ายเดรโกก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอเสียทุกที
“เฮอร์ไมโอนี่ ฉันมีเรื่องจะบอกเธอ.....โธ่เอ๊ย!” เขาสบถอย่างหงุดหงิด ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ยกชาเข้ามาในห้องพอดี
“ทำอะไรอยู่หรือ เดรโก” เธอถาม และวางถาดชาพร้อมกับขนมปังครัมเป็ตลงบนโต๊ะ
“อ้อ เปล่า ไม่มีอะไร” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่จ้องเขาแปลก ๆ
“ฉันเหมือนได้ยินเธอพูดอะไรอย่างนั้นแหละ” เธอว่า
“ไม่มีซะหน่อย เธอหูฝาดไปเองมั้ง” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับโอบกอดหญิงสาว เฮอร์ไมโอนี่เบี่ยงตัวหลบ
“ไม่เอาน่า มากินชาก่อนเร็วเข้า” เธอพูด ขณะที่มัลฟอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ฉันว่าฉันอยากกินอย่างอื่นมากกว่า เฮอร์ไมโอนี่” เขาพูด
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่นอนอยู่ในอ้อมกอดของมัลฟอยท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่องมาจากหน้าต่าง ชายหนุ่มลูบแก้มเธอเบา ๆ อย่างใจลอย
“อาทิตย์หน้าฉันมาหาเธออีกได้ไหม” เขาถาม
“อาทิตย์หน้าเหรอ วันไหนล่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“คืนวันเสาร์”
“คงไม่ได้หรอกเดรโก เพราะฉันต้องไปงานแต่งของจินนี่” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“น้องสาวของวีสลีย์จะแต่งงานเรอะ” มัลฟอยถาม “ยายนั่นเพิ่งเรียนจบไม่ใช่เหรอ เธอจะแต่งกับใครล่ะ”
“ดีน โทมัส” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
“อ้อ” มัลฟอยพยักหน้า เขาพอนึกออกว่า ดีน โทมัส คือเด็กชายผิวดำที่อยู่บ้านกริฟฟินดอร์ “สมกันดีนี่” ชายหนุ่มพูดเยาะ ๆ หญิงสาวทำหน้าไม่พอใจ
“ดีออกที่พวกเขาได้แต่งงานกันน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างเศร้า ๆ เมื่อนึกถึงเรื่องราวของตัวเอง
จินนี่รักกับดีนตั้งแต่จินนี่เรียนอยู่ปีห้าและดีนอยู่ปีหกแล้ว ทันทีที่จินนี่เรียนจบดีนก็ขอเธอแต่งงาน และเธอก็ตกลง ถึงแม้ว่ารอนจะไม่พอใจเท่าไหร่นักที่เพื่อนร่วมห้องรักกับน้องสาวของเขาเอง แต่ดีนเป็นคนดี หลังจากที่ดีนไปมาหาสู่ครอบครัววีสลีย์อยู่พักหนึ่ง คนในครอบครัวที่เหลือก็ดูพอใจในตัวเขา โดยเฉพาะนายวีสลีย์ ซึ่งดีใจไม่น้อยที่ได้ลูกเขยเป็นคนที่เกิดจากมักเกิ้ล นายวีสลีย์มักจะชวนดีนกินข้าวเย็นด้วยกันประจำตอนที่เขามาหาจินนี่ และคอยถามเขาเรื่องลิฟต์กับบันไดเลื่อน หรือไม่ก็เตาอบไมโครเวฟตลอดมื้ออาหาร
“เธอไม่ไปงานนี้ไม่ได้หรือ” มัลฟอยถามพลางลูบผมเฮอร์ไมโอนี่
“ไม่ได้หรอก จินนี่แต่งงานเชียวนะ ฉันไม่ไปไม่ได้หรอก แถมเธอยังขอให้ฉันเป็นเพื่อนเจ้าสาวอีก” หญิงสาวเล่า
“เธอต้องไปเป็นเพื่อนเจ้าสาวอย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มถาม
“ใช่ ฉันต้องเป็นล่ะ มีอะไรหรือเปล่าเดรโก” เธอย้อนถาม
“ไม่ ไม่มีอะไร” เขาพูด แต่สีหน้าเขากลับดูกังวลใจอย่างชัดเจน
.................................................
งานแต่งงานของจินนี่จัดขึ้นในโบสถ์แห่งหนึ่ง และจะมีงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานเล็ก ๆ ในสวนหลังจากนั้น ปรากฏว่าเมื่อถึงวันงาน ดีนซึ่งทำงานที่กระทรวงต้องส่งจดหมายไปเชิญหัวหน้าของเขาและแขกผู้ใหญ่ที่หลายคนให้มาร่วมงาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีลูเซียส มัลฟอยที่กลับมาดำรงตำแหน่งในกระทรวงดังเดิม หลังจากที่เขาปั้นแต่งเรื่องมาสารพัดเพื่อให้ออกมาจากอัซคาบัน ทั้ง ๆ ที่ใครต่อใครก็รู้ว่าฉากหลังของนายลูเซียสนั้นก็คือการรับใช้จอมมาร แต่ก็ไม่มีใครสามารถหาเอาหลักฐานมาเอาผิดเขาได้สักที
เมื่อถึงวันงาน นายลูเซียสไม่อยากมางานที่มีแต่พวกเลือดสีโคลนและพวกที่นิยมชมชอบมักเกิ้ล เขาจึงส่งลูกชายของเขามางานแทน ซึ่งคราวนี้มัลฟอยไม่ได้มาคนเดียว แต่เขามีแพนซี่ พาร์กินสันติดสอยห้อยตามมาด้วย โดยที่ชายหนุ่มไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่นัก
มัลฟอยเดินเข้าไปในงานโดยมีแพนซี่เกาะอยู่ข้าง ๆ ตลอดเวลา เหตุผลเดียวที่เขายอมมางานนี้ตามคำสั่งของพ่อก็เพราะเขาจะได้พบกับเฮอร์ไมโอนี่ แม้ว่าเขาจะต้องเจอแฮร์รี่และรอน ศัตรูคู่แค้นของเขาด้วยก็ตาม
เมื่อพิธีเริ่มขึ้น เพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวต่างเข้าประจำที่ในพิธี เฮอร์ไมโอนี่ และลูน่าได้เป็นเพื่อนเจ้าสาว ส่วนเพื่อนเจ้าบ่าวนั้นก็คือรอนกับแฮร์รี่ โดยแฮร์รี่ควงเฮอร์ไมโอนี่เข้าไปในงาน พร้อมกับรอนที่ควงลูน่า มัลฟอยที่นั่งอยู่ในโบสถ์กัดฟันกรอดเมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่เขารักต้องเป็นคู่ควงของแฮร์รี่ ศัตรูตัวฉกาจของเขา ในขณะเดียวกันเฮอร์ไมโอนี่ก็ตกใจไม่น้อยที่เห็นมัลฟอยมาร่วมงานนี้ด้วย
พิธีทั้งหมดผ่านไปอย่างราบรื่น เฮอร์ไมโอนี่ดูพวกเขาแต่งงานกันด้วยความยินดี แต่ในใจหนึ่งเธอก็อดคิดถึงตัวเองไม่ได้ ว่าทำไมเธอถึงไม่มีโอกาสอย่างเช่นพวกเขาบ้าง ทั้ง ๆ ที่เธอกับมัลฟอยก็รักกันไม่น้อยไปกว่าพวกเขาเลย พอจบพิธี แขกเหรื่อต่างทยอยออกมาจากโบสถ์เพื่อถ่ายรูปกับคู่บ่าวสาวหน้างาน เฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นเพื่อนเจ้าสาวต้องวุ่นวายไม่น้อยเกี่ยวกับการเตรียมเครื่องดื่มมารับรองแขก
“แต่งตัวสวยดีนี่” เสียง ๆ หนึ่งดังขึ้นขณะที่เฮอร์ไมโอนี่กำลังวุ่นกับการรินแชมเปจญ์แจกจ่ายแขกก่อนที่จะเสิร์ฟอาหารเย็น เพราะสำหรับงานแต่งงานเล็ก ๆ ของจินนี่แล้ว พวกเขาไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องจ้างบริกรมาในงาน
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองมัลฟอยที่กำลังยืนอยู่หน้าเธอ
“ขอบใจ แชมเปญจ์ไหม” เธอพูดพลางยื่นแก้วให้มัลฟอย
“ขอบคุณ คืนนี้เธอต้องอยู่ในงานเลี้ยงหรือเปล่า” มัลฟอยกระซิบเบา ๆ เผื่อว่าเธอจะเปลี่ยนใจและกลับไปที่คอนโดกับเขา
“ต้องไป” เธอตอบห้วน ๆ “ฉันเสียใจจริง ๆ เดรโก”
“ไม่เป็นไร ฉันแค่ถามดู” มัลฟอยพูดพลางยกแชมเปญจ์ขึ้นมาจิบ เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะถามเขาว่าเขามางานนี้ได้อย่างไร แต่หญิงสาวกลับห้ามปากไว้ทันเมื่อเห็นว่าใครกำลังเดินมาทางพวกเขา
“มาอยู่ที่นี่เองหรือเดรโก” แพนซี่ พาร์กินสัน พูดพลางคล้องแขนเดรโกอย่างสนิมสนม ชายหนุ่มกรอกตาอย่างหน่าย ๆ “อ้อ หวัดดีเกรนเจอร์” เธอทักเสียงกระด้าง
“หวัดดีแพนซี่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบด้วยน้ำเสียงเช่นเดียวกัน แพนซี่หยิบแชมเปญจ์จากโต๊ะมาจิบ
“ฉันไม่อยากจะพูดว่าอะไรหรอกนะ แต่ฉันคิดว่านี่เป็นงานแต่งงานที่แย่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยไปมาทีเดียว” แพนซี่พูดถากถาง “จัดในโบสถ์เล็ก ๆ แล้วก็ทานอาหารค่ำในสวนหน้างาน” เธอพูดพลางมองไปรอบ ๆ งานและชักสีหน้า
“ฉันคิดว่างานนี้คงเทียบไม่ได้กับงานของเราแน่ ๆ ใช่ไหม เดรโก” แพนซี่พูดพลางโบกแก้วในมือเพื่อให้โชว์แหวนเพชรที่เจิดจรัสอยู่บนนิ้วนางของเธอ มัลฟอยรู้สึกตัวแข็งทื่อขึ้นมาชั่วขณะ เฮอร์ไมโอนี่มองพวกเขาอย่างตกใจ
“พวกเธอกำลังจะแต่งงานกันอย่างนั้นหรือ” เธอถามเสียงแผ่ว ในขณะที่ในใจของเธอปั่นป่วนอย่างร้ายกาจ หญิงสาวภาวนาในใจขออย่าให้ที่เธอได้ยินเป็นเรื่องจริงเลย
“ใช่ เรากำลังจะแต่งงานกัน” แพนซี่พูดอย่างภูมิใจ เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกราวกับตกลงจากที่สูงนับพันฟุต
“อ้อ อย่างนั้นหรือ ยินดีกับพวกเธอด้วยนะ” เธอต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการรักษาสีหน้าให้เรียบเฉย ก่อนจะมองมัลฟอยอย่างต้องการคำตอบ แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ความจริงฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีธุระ ขอตัวก่อนนะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดกับทั้งสอง และเดินหลบไปหลังงาน มัลฟอยรีบสลัดแพนซี่ออกทันที
“เธอจะไปไหนหรือเดรโก” แพนซี่พูดพร้อมกับรั้งตัวเขาไว้ มัลฟอยแกะแขนเธอออก
“นั่นมันเรื่องของฉัน” เขาพูดห้วน ๆ และเดินตามเฮอร์ไมโอนี่ไป
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่หลบมาด้านหลังงานด้วยจิตใจที่ปั่นป่วน เดรโกกำลังจะแต่งงานกับแพนซี่ และเขาก็ไม่แม้จะบอกเธอสักคำ เฮอร์ไมโอนี่คิด เขาทำอย่างนี้กับเธอได้อย่างไร
“เฮอร์ไมโอนี่” เสียงของมัลฟอยดังขึ้น เฮอร์ไมโอนี่หันไปมองเขาและทำท่าจะเดินหนี แต่มัลฟอยคว้าตัวเธอไว้ทัน
“ฟังฉันก่อน เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของเขา
“ปล่อยฉัน” เธอพูด ดวงตารื้นน้ำตา “ทำไมเธอถึงไม่ไปอยู่กับว่าที่เจ้าสาวของเธอล่ะ”
“ได้โปรด ฟังฉันบ้าง มันไม่ใช่อย่างที่เธอคิด” มัลฟอยพยายามอธิบาย
“แล้วมันเป็นยังไงล่ะ” เธอถาม มัลฟอยเม้มปากแน่น และรั้งร่างของเธอให้นั่งลงบนม้าหินข้าง ๆ เขา
“เรื่องการแต่งงานของฉันกับแพนซี่เป็นพ่อของฉันกำหนดขึ้นเองทั้งนั้น ฉันไม่ได้ต้องการแต่งงานกับเธอเลย” มัลฟอยอธิบาย
“แต่ถึงยังไงเธอก็กำลังจะแต่งงานกับหล่อน โดยเธอไม่ยอมบอกฉันเลย” เธอพูดอย่างน้อยใจ
“ฉันพยายามจะบอกเธอหลายครั้งแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ ตั้งแต่ที่ฉันรู้เรื่อง” มัลฟอยบอก “แต่ฉันกลัว ฉันกลัวว่าถ้าเธอรู้เรื่องแล้วเธอจะเสียใจ ฉันเลยไม่กล้าบอกเธอ ฉันขอโทษที่ปิดปังเธอ ฉัน...” ชายหนุ่มพูด เขากุมมือของเธอไว้ น้ำตาของหญิงสาวคลอเอ่อดวงตา
“แต่ฉันสาบานได้เลยว่างานแต่งงานครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นโดยความเต็มใจของฉันจริง ๆ ฉันไม่ได้รักแพนซี่เลย ฉันรักเธอเฮอร์ไมโอนี่ ฉันรักแต่เธอเท่านั้น” มัลฟอยพูดจากใจจริงขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ร้องไห้ออกมาและโผเข้ากอดชายหนุ่ม
“ทำไม ทำไมล่ะ เดรโก” เธอสะอื้น “ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอขนาดนี้ แต่กลับไม่สามารถแต่งงานกับเธอได้ ทำไมกัน” หญิงสาวพูดขณะที่มัลฟอยกอดเธอไว้แน่น เขาเองก็เสียใจไม่แพ้เธอเลย
แต่มัลฟอยไม่รู้เลยว่าเฮอร์ไมโอนี่รู้สึกเช่นไรเมื่อเธอเห็นจินนี่และดีนเข้าพิธีแต่งงานด้วยกัน มัลฟอยไม่รู้เลยว่าเธออิจฉาพวกเขาเพียงไหนที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข โดยที่เธอไม่ได้รับโอกาสตรงนั้น เธอไม่ได้รับโอกาสที่จะได้แต่งงานกับคนที่เธอรักที่สุด แม้ว่าเธอจะต้องการเพียงไรก็ตาม
แล้วตอนนี้ชายที่เธอรักมากกว่าใครกลับต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ เธอทนรับมันไม่ได้จริง ๆ
“ทั้ง ๆ ที่ฉันอยากเป็นเจ้าสาวของเธอ เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูด มือของเธอขยำเสื้อของเขา “ทั้ง ๆ ที่ฉันฝันว่าจะได้แต่งงานกับคนที่รักที่สุด แต่ทำไม ทำไมฉันถึงทำอย่างนั้นไม่ได้ล่ะ ทำไมล่ะเดรโก”
เพราะความรักของพวกเราเป็นความรักที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นน่ะสิ
และจะไม่มีใครมายินดีให้กับความรักของเราเลย ไม่มีแม้กระทั่งคนเดียว
ถ้อยคำนั้นสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ในหัวของเดรโก
“ฉันก็อยากแต่งงานกับเธอ เฮอร์ไมโอนี่ แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้” มัลฟอยปลอบและลูบผมเธอเบา ๆ แต่นั่นไม่อาจช่วยคลายความเสียใจของเธอไปได้เลย
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบอะไรออกมาเป็นคำพูด แต่เมื่อมัลฟอยเห็นน้ำตาของเธอที่ไหลออกมาอีกหยด เขาก็กอดเธอไว้แน่นในอ้อมแขนและไม่ยอมปล่อยเธออกไปไหน โดยชายหนุ่มคิดว่าอ้อมกอดของเขาจะคงพอรองรับความเสียใจของเธอได้บ้าง
เฮอร์ไมโอนี่และมัลฟอยนั่งอยู่ด้วยกันตามลำพังจนกระทั่งข้างนอกเริ่มมืด ในงานคู่บ่าวสาวตัดเค้กกันเสร็จเรียบร้อยและตอนนี้งานเลี้ยงข้างนอกก็กำลังจะเริ่มขึ้น
“อยากออกไปงานเลี้ยงหน่อยไหม” มัลฟอยถามเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขาเบา ๆ
“ฉันอยากอยู่กับเธอที่นี่มากกว่า” เฮอร์ไมโอนี่ตอบและซบอกของเขา มัลฟอยลูบศีรษะเธอเบา ๆ
“งั้นก็ตามใจ”
“เธอรู้อะไรไหมเดรโก บางทีฉันอาจจะบ้าไปเองก็ได้” เธอพูดขัน ๆ “ฉันเคยคิดว่าสักวันหนึ่งเรื่องราวทั้งหมดจะจบลง และเราก็จะได้อยู่ด้วยกัน ฉันแอบหวังอยู่ลึก ๆ อย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่มันไม่มีทางเป็นไปได้”
“แต่เราก็ได้อยู่ด้วยกันแล้วนี่” มัลฟอยพูด
“อยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ น่ะหรือ” เธอแย้ง “แอบรักกันโดยไม่ให้คนอื่นรู้ ต้องคอยหลบหลีก คอยปิดบัง ต้องคอยโกหกคนอื่น ฉันเบื่อที่จะต้องทำแบบนั้นเต็มทีแล้ว!” หญิงสาวพูดออกมา
“ฉันอยากจะให้ทุกคนยอมรับเรื่องของเรา เดรโก ฉันอยากจะบอกรักเธอได้โดยไม่ต้องกลัว ออกไปเดทกับเธอได้โดยไม่ต้องคอยกังวลว่าใครจะมาเห็น ฉันแค่อยากให้เราเป็นคู่รักธรรมดาเท่านั้น” เฮอร์ไมโอนี่พูด สีหน้าของเธอดูปวดร้าว
เธอต้องการเพียงแค่ความรักธรรมดา ๆ เท่านั้น เธอไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่านั้นเลย เธออยากให้เดรโกเป็นเพียงเป็นแค่คู่รักธรรมดา พบกันหลังเลิกงาน ทานอาหารเย็นกัน วันอาทิตย์ก็ไปเดินเล่นกันตามสวนสาธารณะ หรือไม่ก็นอนดูหนังกันที่บ้าน พอหน้าร้อนก็ไปเที่ยวทะเลกัน หน้าหนาวก็เดินเตร่ไปตามถนนที่มีหิมะปกคลุม ฉลองคริสต์มาสกันสองคน ซื้อของขวัญวันเกิดให้กัน ทั้ง ๆ ที่เธอต้องการแค่นั้นแท้ ๆ
“ทำไมเธอถึงหวังมากจัง เฮอร์ไมโอนี่” มัลฟอยพูดอย่างอ่อนโยน “ทั้ง ๆ ที่ฉันไม่ได้หวังอะไรเลย ขอแค่เพียงได้รักเธอ เท่านั้นก็พอแล้วสำหรับฉัน”
“ฉันคงโลภมากไปสินะ” เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ “แต่มันก็แค่ความฝันลม ๆ แล้ง ๆ รวมทั้งเรื่องที่ฉันฝันว่าฉันได้เป็นเจ้าสาวของเธอ เดรโก ฉันรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่ฉันก็ยังฝันอยู่ เพราะฉันทนรับกับความจริงที่ว่าเธอแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้” เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากแน่น
“ฉันทนไม่ได้จริง ๆ เดรโก!” เธอพูดอย่างขมขื่นและซุกใบหน้าเขากับอกของมัลฟอย ชายหนุ่มกอดเธอไว้แน่น
“ฉันเองก็จะไม่แต่งงานกับคนอื่นนอกจากเธอ ฉันจะแต่งงานกับเธอเท่านั้น” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างแปลกใจ แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มก็พาเธอลุกจากม้าหิน
“มานี่สิ”
มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่เดินอ้อมหลังงานเพื่อกลับเข้าไปยังโบสถ์ ในขณะที่แขกคนอื่น ๆ กำลังสนุกอยู่กับงานเลี้ยงที่สนามด้านหน้า
“เธอพาฉันมาที่นี่ทำไมน่ะเดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อมัลฟอยพาเธอเข้ามาในโบสถ์ที่มืดมิดซึ่งไม่มีแม้แต่เสียงเทียน ช่อดอกไม้จากงานแต่งงานของจินนี่ยังคงถูกจัดวางไว้ที่เดิม ของมันเหมือนตอนเริ่มงาน มันดูงดงามอยู่ภายใต้แสงจันทร์ที่ส่องสว่างมาจากหน้าต่าง
“เธอบอกว่าอยากแต่งงานกับฉันไม่ใช่หรือ” เขาถาม
“แต่ แต่ตอนนี้คงไม่มีพระอยู่ทำพิธีให้เราหรอก” เฮอร์ไมโอนี่พูด
“แล้วใครว่าเราต้องใช้พระล่ะ แค่เราสองคนก็พอ” มัลฟอยตอบ เขาไม่สนใจสีหน้างงงวยของเฮอร์ไมโอนี่และพาเธอเดินไปยังรูปปั้นของพระคริสต์ในโบสถ์ มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่คุกเข่าลงบนพื้นหินเย็นเฉียบ
“พระผู้เป็นเจ้า ลูกรักผู้หญิงคนนี้” เดรโกพูดขณะที่จับมือเฮอร์ไมโอนี่ไว้
“ทั้ง ๆ ที่ลูกรู้ว่าลูกไม่ควรรักเธอ เราเป็นศัตรูกัน แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ลูกรักเธอน้อยลงไปแม้แต่น้อย ตอนนี้ลูกกำลังจะต้องแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งโดยที่ลูกไม่ได้รัก ลูกจึงอยากจะให้คำมั่นสัญญากับเธอว่า ลูกรักเธอเพียงคนเดียว และเธอจะเป็นผู้หญิงคนเดียวที่ลูกต้องการจะแต่งงานด้วย” เดรโกพูดความในใจของเขาออกมาจนหมด เฮอร์ไมโอนี่น้ำตาไหลด้วยความตื้นตัน
“ลูกขอรับผู้หญิงคนนี้เป็นภรรยา ลูกสัญญาว่าจะดูแลเธอทั้งยามทุกข์และยามสุข สาบานว่าจะรักและซื่อสัตย์กับเธอตราบจนชีวิตจะหาไม่ ขอให้พระองค์ช่วยอวยพรให้เราทั้งสองคนด้วย” เดรโกพูดอย่างหนักแน่น
“ลูกก็ขอรับผู้ชายคนนี้เป็นสามี” เฮอร์ไมโอนี่สะอื้นเพราะความดีใจ “สัญญาว่าจะอยู่เคียงข้างเขาแม้ยามทุกข์หรือยามสุข ลูกจะรักและซื่อสัตย์กับเขาตลอดไป ขอให้พระองค์ช่วยอวยพรให้ความรักของเราด้วย” เธอกล่าว ทั้งสองยิ้มให้กัน ไม่มีอะไรน่ายินดีไปกว่านี้อีกแล้ว
“ยื่นมือมาสิ” มัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่แปลกใจเมื่อเขาถอดแหวนวงหนึ่งออกจากนิ้วก้อยข้างซ้ายของเขา ซึ่งเป็นแหวนที่เธอเห็นมัลฟอยใส่ติดตัวมาตลอดเวลา
เดรโกสวมแหวนให้เฮอร์ไมโอนี่ที่นิ้วนางข้างซ้าย ซึ่งมันพอดีกับนิ้วเธอ หญิงสาวมองมันอย่างตื้นตัน มันเป็นแหวนทองเรียบ ๆ ที่ดูโบราณ ประดับอัญมณีอันเล็ก ๆ และสลักลายอย่างงดงาม
“มันเคยเป็นแหวนของแม่ฉัน” มัลฟอยพูดค่อย ๆ “ฉันพกมันติดตัวตั้งแต่เธอตายจากฉันไป” เสียงของเขาดูเศร้าลงเมื่อพูดถึงแม่ที่จากเขาไปตั้งแต่ก่อนที่เขาจะจบจากฮอกวอตส์
“และตอนนี้มันเป็นของเธอแล้ว” เขาพูด
“ขอโทษทีที่ฉันไม่มีแหวนมาแลกกับเธอ แต่ฉันดีใจมากเลย” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางปาดน้ำตา แต่มัลฟอยกลับมาหยุดมือเธอไว้
“ถ้าอยากร้องก็ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ” เขาพูดเบา ๆ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างดีใจและโผกอดเขา
เธอเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่า การได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างนั้นไม่มีทางสำคัญไปมากกว่าความรักเดรโกที่มีให้เธอเลย เธอมันโง่ไปเองที่ไปยึดติดกับเรื่องนั้น ความจริงสำหรับเธอแล้วแค่นี้ก็เพียงพอ พิธีแต่งงานที่ไม่มีใครนอกจากเขาสองคน เรื่องราวความรักที่ไม่มีใครที่จะมารับรู้ ไม่มีเลยสักคนเดียว
มัลฟอยปล่อยเฮอร์ไมโอนี่ออกจากอ้อมแขนในเวลาต่อมา เขาเชยคางเธอขึ้นพร้อมกับจูบเธออย่างอ่อนโยน ท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง
ถึงแม้จะไม่มีใครยินดีให้เรา แต่ก็จะไม่มีใครมาขัดขวางความรักของเราได้
*************************************************
ตอนต่อไปจะเอามาลงให้ในเร็ววันนะคะ ส่วนเรื่องอื่น ๆ ข้าพเจ้าขออัพหลังสอบนะ ตอนนี้ขออ่านหนังสือก่อน
อดใจรอนิดนึงนะคะ
ความคิดเห็น