คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : งานเลี้ยงที่ฮอกวอตส์: Party at Hogwarts
***Chapter 1 งานเลี้ยงที่ฮอกวอตส์: Party at Hogwarts***
ในคืนสุดท้ายก่อนปิดภาคเรียนของปีเจ็ด ศาสตราจารย์ดัมมักกอนากัลจัดงานเลี้ยงขึ้นสำหรับอำลานักเรียนปีสุดท้ายที่จะไม่มีโอกาสกลับมาที่โรงเรียนนี้อีกแล้ว หลังจากจบงานเลี้ยงที่ห้องโถง พวกนักเรียนต่างพากันไปต่อที่ห้องนั่งเล่นรวม นักเรียนชายหลายคนแอบจิ๊กของกินจากโต๊ะประจำบ้าน บ้างก็ให้เอล์ฟจัดหามาให้เพื่อที่จะได้สังสรรค์ต่อยันเช้า สำหรับคืนสุดท้ายที่ฮอกวอตส์
สำหรับเดรโก มัลฟอยนั้นเขาเตรียมเปิดขวดวิสกี้ไฟขวดสุดท้ายที่ได้เป็นของขวัญวันเกิดของเขาจากพ่อเมื่อตอนอายุครบสิบเจ็ดสำหรับฉลองในค่ำคืนนี้ และเป็นการระลึกถึงพ่อด้วย อย่างน้อยถ้าพ่อเห็นเขาเรียนจบแบบนี้พ่อก็คงภูมิใจ
แต่ก่อนที่เดรโกจะเดินออกจากห้องโถงไปพร้อมแครบกับกอยล์ ใครคนหนึ่งก็เรียกเขาไว้ แพนซี่นั่นเอง
“มีอะไรรึแพนซี่” เขาถาม เด็กสาวมองไปทางแครบกับกอยล์ก่อนจะมองมาทางเขา เธอไม่ยอมพูดอะไร
“แครบ กอยล์ พวกแกไปรอชั้นที่ห้องนั่งเล่นรวมละกัน” เขาสั่งง่าย ๆ ลูกน้องร่างยักษ์ของเขาก็เดินจากไปทันที
ทันทีที่ร่างของทั้งสองลับมุมเสาไป เดรโกก็ดึงร่างของแพนซี่เข้ามาใกล้
“ว่าไง มีอะไร” เขาถามอีกครั้งพลางรั้งแขนของเด็กสาวไว้
“ชั้นจะมาบอกว่า ชั้นจะรอเธออยู่ที่หอประธานนะ” เธอพูดด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อม
“แต่เธอรู้รหัสผ่านเข้าหาประธานหรือ” เดรโกขมวดคิ้ว แน่นอนว่าแพนซี่ไม่ได้เป็นประธานนักเรียนหญิงคู่กับเขาซึ่งได้รับตำแหน่งประธานนักเรียนชายตอนที่เขากลับมาเรียนปีแปดใหม่อีกครั้ง
“เธอเคยบอกฉันไว้นี่ จำไม่ได้เหรอ” แพนซี่พูด “ชั้นก็ไปหาเธอที่นั่นบ่อยจะตาย”
ใช่แล้ว แพนซี่ไปหาเขาที่ห้องนอนในหอประธานมาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งเธอมักจะอยู่กับเขาจนถึงเช้าเสมอ
“ไหน ๆ คืนนี้เราก็จะอยู่ที่นี่เป็นคืนสุดท้ายแล้วนี่นา เพราะฉะนั้น.....” เธออ้อนพลางทาบมือลงบนอกของเดรโก เด็กหนุ่มมองเธอ เขารู้ดีว่าเด็กสาวต้องการอะไร
“ตกลง แพนซี่” เขาพูดพลางจับมือเธอออก “แต่ว่าชั้นจะไปดื่มกับแครบกับกอยล์ก่อนนะ ชั้นคงไปหาเธอได้ตอนดึกเลย”
“ดึกแค่ไหนชั้นก็จะรอ แล้วเจอกันนะเดรโก” แพนซี่พูดพลางจูบเขาโดยไม่คิดก่อนเลยว่าเขาและเธอกำลังอยู่ในหน้าห้องโถงที่มีคนเดินขวักไขว่ แต่เดรโกก็ไม่ได้ปฏิเสธการกระทำนั้น
.................................................
แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังจะเดินออกจากห้องโถงบังเอิญเห็นภาพนั้นเข้าอย่างเต็มตา
“นี่ตั้งใจจะมาจูบโชว์พวกเรารึไงนะ” รอนพูดพลางเบ้ปากอย่างรังเกียจ
“ประเจิดประเจ้อเป็นบ้า ไปหาห้องหับซะไป” เด็กหนุ่มผมแดงพูดด้วยเสียงอันดังเมื่อเดินผ่านทั้งสอง แม้ว่ามัลฟอยจะไม่ได้เป็นศัตรูกับพวกเขาแล้วก็ตาม แต่รอนที่ยังถือว่าเขาเป็นคู่อริอยู่จึงอดไม่ได้ที่จะแขวะมัลฟอยสักหน่อย
“ช่างเขาเถอะรอน” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างไม่สนใจ แต่ในใจของเด็กสาวรู้ดีว่าทั้งสองคงทำตามที่รอนบอกเป็นแน่
.................................................
เด็กทั้งสามกลับมาที่ห้องนั่งเล่นรวมเพื่อร่วมงานเลี้ยงเล็ก ๆ เฉพาะเด็กกริฟฟินดอร์ปีเจ็ด บัตเตอร์เบียร์และขนม (ที่แอบจิ๊กมา) ถูกนำมาแจกจ่าย เฮอร์ไมโอนี่อยู่ร่วมงานจนกระทั่งเลยเที่ยงคืนเธอจึงขอตัวออกจากห้องนั่งเล่นรวมไปนอนที่หอประธาน
“นี่เป็นคืนสุดท้ายแล้วนะ ทำไมเธอไม่อยู่ที่นี่น่ะ” รอนท้วงขึ้นมา ใบหน้าของเขาเริ่มเป็นสีแดงด้วยฤทธิ์เครื่องดื่ม
“ก็เพราะชั้นรู้ว่าพวกเธอจะดื่มกันถึงเช้าน่ะสิ ชั้นน่ะง่วงเต็มทีแล้ว แล้วก็อยากจะหาที่นอนเงียบ ๆ ด้วย” เธอพูด ถึงขึ้นไปนอนบนหอนอนหญิงเธอก็คงนอนไม่หลับแน่ เพราะเสียงจากงานเลี้ยงคงดังไปจนถึงเช้า
“แน่ใจหรือว่าจะไปค้างที่หอประธานน่ะ” แฮร์รี่ถามขึ้น เด็กสาวพยักหน้าพลางอธิบายว่าคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่เธอจะได้อยู่ที่นี่ แล้วเธอก็ไม่ได้ไปนอนที่หอประธานมานานแล้วด้วย เธออยากจะไปนอนที่นั่นอีกครั้งก่อนจะจากโรงเรียนนี้ไป
“ตามใจเธอ งั้นเจอกันพรุ่งนี้เช้านะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่พูด
“ราตรีสวัสดิ์ แฮร์รี่ รอน” เด็กสาวพูดก่อนจะเดินออกจากหอกริฟฟินดอร์ไป
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่ตรงไปยังหอประธานซึ่งอยู่บนชั้นบนสุดของฮอกวอตส์ ทางเข้าหอซ่อนอยู่หลังรูปปั้นประธานนักเรียนชายหญิงคู่แรกของฮอกวอตส์
“สิ่งที่ควรคู่กับปัญญาก็คือสติ” เธอพูดวลีที่เป็นรหัสผ่านออกมา รูปปั้นทั้งสองยิ้มให้เธอก่อนจะเลื่อนออกจากกันเพื่อเปิดทางให้เธอเข้าไปในหอประธาน
หอประธานนั้นไม่กว้างใหญ่เท่าหอพรีเฟ็คเพราะใช้เป็นที่พักของนักเรียนแค่สองคนเท่านั้น แต่มันก็ไม่ได้คับแคบอะไรนัก ชั้นล่างของหอเป็นห้องนั่งเล่นขนาดกลางที่มีโซฟาและโต๊ะเขียนหนังสือครบครัน ส่วนขวาเป็นบันไดสำหรับห้องนอนของประธานนักเรียนหญิงและชาย
เฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นบันไดและเลี้ยวขวาไปยังห้องของตัวเอง แต่แล้วเธอก็แปลกใจที่เห็นไฟหน้าห้องของมัลฟอยยังเปิดอยู่ เพราะตอนที่เธอทานอาหารอยู่ที่ห้องโถงเฮอร์ไมโอนี่แน่ใจว่าเธอได้ยินมัลฟอยบอกกับลูกน้องร่างยักษ์ของเขาว่าคืนนี้พวกเขาจะไปฉลองเรียนจบกันที่หอสลิธีรินนี่นา แล้วทำไมเขาถึงกลับมานอนที่หอประธานได้ล่ะ
แต่ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามายังหัวสมองของเฮอร์ไมโอนี่ บางทีเขาอาจจะพายายแพนซี่เข้ามาทำอะไรที่ห้องนี้ก็ได้ ใช่แล้ว เธอรู้ว่ามัลฟอยเคยพาแพนซี่มาค้างที่หอประธานบ่อย ๆ เพราะว่าหอพรีเฟ็ครวมทั้งหอนอนสลิธีรินนั้นแยกห้องนอนหญิงชายต่างกับหอประธาน และเธอก็สาบานว่าเธอเคยยินเสียงบางอย่างดังเล็ดลอดมาจากห้องนอนของมัลฟอยที่อยู่ติดกับห้องของเธอด้วย!
‘เห็นทีวันนี้คงต้องร่ายคาถาห้ามรบกวนซะแล้ว’ เธอคิดอย่างหงุดหงิดใจ เพราะว่าเสียงที่ว่านั้นมักจะดังมารบกวนเวลาเธอกำลังอ่านหนังสือกลางดึกบ่อย ๆ อันที่จริงมันไม่ใช่เสียงของมัลฟอยหรอก แต่เป็นเสียงของแพนซี่ต่างหาก!
และแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็เดินเข้าห้องนอนของเธอไปโดยเด็กสาวตัดสินใจร่ายคาถาห้ามรบกวนเพื่อป้องกันเสียงใด ๆ ที่จะมารบกวนการนอนของเธอในคืนนี้!
.................................................
มันเป็นเวลาเกือบสองนาฬิกาแล้วที่มัลฟอยกลับมาถึงหอประธาน เด็กหนุ่มอยู่ในสภาพเมามายเนื่องจากเขาดื่มวิสกี้เพียว ๆ เข้าไปหลายแก้วติดต่อกัน ความจริงเขาเกือบจะลืมไปด้วยซ้ำว่าแพนซี่คอยเขาอยู่ที่หอประธาน ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้อยากมาหาเธอในสภาพที่เมามายเช่นนี้เท่าไหร่นัก แต่เมื่อคิดถึงความสุขที่เธอจะมอบให้เขาในคืนนี้แล้ว เดรโกก็เปลี่ยนใจ ไหน ๆ ก็คืนสุดท้ายแล้วนี่
สำหรับเดรโกแล้วผู้หญิงทุกคนเป็นเพียงของเล่นของเขาเท่านั้น ไม่ได้มีค่ามากไปกว่านั้นเลย อันที่จริงก่อนหน้านี้เขาก็เคยนึกชอบแพนซี่อยู่บ้าง และคิดว่าหากวันหนึ่งเขาต้องแต่งงงาน (ตามคำสั่งของพ่อเพื่อรักษาเลือดบริสุทธิ์เอาไว้) เธอก็คงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของเขา
ก่อนหน้านี้เดรโกเคยเชื่อเรื่องความรักอยู่บ้าง แม้ว่าเขาจะไม่เคยมีความรักมาก่อนก็ตาม แต่เขาก็คิดว่ารักแท้อาจจะมีอยู่จริง และวันหนึ่งเขาอาจจะได้พบกับคนที่เขารักจริง ๆ ก็ได้ จนกระทั่งวันที่พ่อของเขาถูกจับ หลังจากวันนั้นเขาก็ได้เห็นธาตุแท้ของผู้หญิงอย่างชัดเจนทีเดียว
ผู้หญิงหลายคนที่เคยพะเน้าพะนอเอาใจเขาต่างหนีหน้าไป บางคนก็หาข้ออ้างต่าง ๆ นานามาบอกเขาว่าทำไมถึงไปเที่ยวกับเขาไม่ได้ แต่บางคนก็ออกตัวมาเลยว่าเธอไม่สนใจลูกชายของผู้เสพความตายที่กำลังติดคุกอยู่หรอก
ถึงแม้ว่าผู้หญิงพวกนั้นจะทิ้งเขาอย่างไม่ใยดีราวกับเขาเป็นโรคร้ายน่ารังเกียจ แต่แพนซี่ไม่ได้ทำเช่นนั้น เธอยังคงอยู่ข้างเขาเสมอไม่ว่าพรอเฟ็ตจะลงข่าวเกี่ยวกับพ่อของเขาว่าอย่างไรก็ตาม และเพื่อบรรเทาความเจ็บช้ำของเด็กหนุ่ม แพนซี่ยอมมอบกายให้เขา เธอหวังว่าความรักของเธอจะช่วยทำให้เขาดีขึ้น แม้เธอจะรู้ดีว่าเขาจะไม่ได้รักเธอก็ตาม
แต่แพนซี่ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นมันเปล่าประโยชน์โดยสิ้นเชิง เดรโก มัลฟอยไม่มีทางมารักเธอตอบได้ เพราะบัดนี้เขากลายเป็นคนไม่มีหัวใจไปเสียแล้ว!
เด็กหนุ่มพยายามทรงตัวขณะเดินขึ้นบันได มือหนึ่งก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกพลางสถบในใจ ‘ร้อนชิบ!’ เมื่อมาถึงหน้าห้องนอนมัลฟอยก็แปลกใจที่ห้องล็อกอยู่ เขาขมวดคิ้วอย่างสงสัย
แพนซี่จะล็อกห้องทำไมเมื่อเธอเป็นคนบอกเองว่าจะรอเขามา
คงอยากจะเล่นตัวซักหน่อยมั้ง เขาคิด ริมฝีปากบางนั้นยกมุมขึ้นอย่างชั่วร้าย แต่มีเหรอคาถาแค่นี้จะครณามือเขาน่ะ แล้วมัลฟอยก็หยิบไม้กายสิทธิ์ออกมาพร้อมร่ายราถาสะเดาะกุญแจ (ไปเรียนวิชาขุนแผนมาเรอะพี่เดร)
มัลฟอยเปิดประตูออก ในห้องมืดสนิทแต่เขาก็ไม่สนใจจะเปิดไฟ ช่างเถอะ มืดหรือสว่างเขาก็ไม่เกี่ยงอยู่แล้ว เด็กหนุ่มตรงไปที่เตียงใหญ่อย่างรู้ทางและพบว่ามีร่าง ๆ หนึ่งนอนรออยู่บนเตียงสี่เสานั่น
คงรอจนหลับล่ะสิ เขาคิดพลางปลดเสื้อคลุมของตัวเองออกจนเหลือแต่ท่อนล่าง เด็กหนุ่มซุกตัวลงบนที่นอนข้าง ๆ ร่างนั้น แรงยุบของที่นอนไม่ทำให้เธอรู้สึกตัวแต่อย่างไร เธอกำลังหลับสนิท
“แพนซี่” เขากระซิบ แต่ร่างนั้นไม่ตอบ
เห็นทีคงต้องปลุกด้วยวิธีอื่นล่ะมั้ง เขาคิดพลางก้มศีรษะลงซุกไซร้ซอกคอของเธอจากทางด้านหลัง ในขณะที่มือหนึ่งควานหาอกอิ่มของเธอ
แต่ทันทีที่มัลฟอยซุกใบหน้าลงไป เขาก็รู้ถึงความผิดปกติ ทำไมเส้นผมของแพนซี่ถึงฟูฟ่องอย่างนี้ ปกติเธอมีผมตรงสลวยตัดสั้นนี่นา
แต่ก่อนที่มัลฟอยจะทันคิดได้ เสียงร้องจากร่างบางนั้นก็ดังขึ้น!
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่กำลังนอนหลับอย่างมีความสุข จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามาเบา ๆ มันเลือนรางเหลือเกินราวกับความฝัน และก็มีเสียงคนเดินกับเสียงเรียกชื่อแพนซี่ ซึ่งเด็กสาวคิดว่าตัวเองฝันไป ไม่อย่างนั้นก็คงเป็นเสียงที่เล็ดรอดมาจากห้องข้าง ๆ เธอ แต่เธอลืมคิดไปเลยว่าทำไมเสียงที่ได้ยินจากห้องข้าง ๆ มันถึงดังอยู่ใกล้ ๆ แค่นี้!
เด็กสาวพยายามจะหลับต่อ แต่สิ่งที่เธอรู้สึกต่อมาก็คืออะไรอุ่น ๆ มาแตะซอกคอเธอ เธอได้กลิ่นเหล้าพร้อม ๆ กับรู้สึกว่ามีมือมาสัมผัสหน้าอกของเธอ แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ใช่ความฝันแน่!
เธอลืมตาขึ้นและพบว่ามีร่างหนึ่งคร่อมอยู่บนร่างเธอ เด็กสาวช็อกอยู่ประมาณสองสามวินาที หลังจากนั้น
“กรี๊ด!!!!!” เธอกรีดเสียงอย่างตกใจพลางผลักร่างใหญ่นั้นออก เพราะความมืดทำให้เธอมองไม่เห็นว่าร่างนั้นเป็นใคร แต่ที่แน่ ๆ เขาไม่ประสงค์ดีกับเธอแน่
เด็กสาวรีบควานหาไม้กายสิทธิ์ที่วางไว้บนโต๊ะข้างเตียงแต่เพราะความรีบทำให้มันตกลงไปบนพื้น เธอกำลังจะก้มลงไปเก็บมัน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ร่างใหญ่นั้นโถมเข้ามา!
ไม่ทางหนีแล้ว! มือเธอคว้าไปเจอขวดน้ำหอมที่ได้มาเป็นของขวัญ เฮอร์ไมโอนี่หลับตาก่อนจะฉีดมันใส่ใบหน้าของร่างนั้นทันที!
เสียงร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้น ร่างใหญ่ที่กำลังจะโถมเข้ามาทำร้ายเธอบัดนี้กำลังกุมหน้าด้วยความเจ็บปวด เฮอร์ไมโอนี่ใช้จังหวะนั้นควานหาไม้กายสิทธิ์เพื่อจุดไฟ!
ทันทีที่ไฟสว่างขึ้นเด็กสาวก็พบว่าร่างลึกลับที่เกือบจะทำร้ายเธอนั้นคือ เดรโก มัลฟอย!
“มัลฟอย!” เธออุทานอย่างตื่นตระหนก
“เกรนเจอร์เหรอ” มัลฟอยงึมงำตอบออกมา เขาจำเสียงเธอได้และเห็นภาพเธอลาง ๆ
“เธอทำอะไรกับชั้นเนี่ย คาถาตาพร่าหรือไง”
“เอ่อ ไม่ใช่หรอก” เด็กสาวมองดูสิ่งที่อยู่ในมือของเธอ “น้ำหอมเคลวิน ไคลน์น่ะ”
.................................................
หลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่พามัลฟอยไปล้างตาที่ห้องน้ำข้างล่างเรียบร้อยแล้ว เธอก็สอบสวนเขาทันทีว่าทำไมเขาจึงเข้ามาในห้องนอนของเธอยามวิกาลเช่นนี้ แถมยัง......แถมยังทำท่าเหมือนจะปลุกปล้ำเธอด้วย!
“ชั้นไม่ได้ตั้งใจเสียหน่อย” เด็กหนุ่มอุบอิบขณะเอาผ้าขนหนูเช็ดหน้า “ชั้นคิดว่าเธอเป็นแพนซี่ต่างหาก”
“อ้อ ชั้นหน้าเหมือนแพนซี่นักรึไง” เด็กสาวกอดอกพูดเสียงเข้ม ดูแล้วเหมือนศาสตราจารย์มักกอนนากัลไม่มีผิด
“ก็จริง ชั้นก็ว่าชั้นคงต้องเมาเต็มขั้นแน่ ๆ ถึงได้เห็นยายหัวฟูหน้าตาบ้าน ๆ อย่างเธอเป็นแพนซี่น่ะ” เขาพูดอย่างใจร้าย
“แล้วถ้าเธอคิดว่าชั้นอยากปล้ำเธอนักล่ะก็ คิดเสียใหม่นะ ยายเลือดสีโคลน” มัลฟอยพูดด้วยโทสะ
เขาสร่างเมาเรียบร้อยแล้วตั้งแต่โดนเธอฉีดตาด้วยน้ำหอมบ้า ๆ นั่น แต่เขาก็ยังไม่อยากยอมรับว่าเด็กสาวที่อยู่ในชุดนอนตอนนี้ก็ดูเซ็กซี่ไม่ใช่เล่นเลย
“แล้วคิดว่าชั้นอยากให้เธอปล้ำนักหรือไง คนอย่างเธอน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ขึ้นเสียงสูง
“คนอย่างชั้นมันทำไมเกรนเจอร์”
“ก็ลูกชายผู้เสพความตายหน้าเหมือนตัวเฟเร็ตแปลงร่างมายังไงล่ะ” เธอพูดอย่างเผ็ดร้อน เขาคิดว่าเขาเป็นใครถึงมาหาว่าเธอหน้าตาบ้าน ๆ น่ะ
“เธอว่าอะไรนะ!” ใบหน้าที่ซีดเซียวของมัลฟอยเปลี่ยนเป็นสีเข้มเพราะความโกรธ เขาจับแขนเธอไว้แน่น
“โอ๊ย! ปล่อยนะ!”
“เธอว่าชั้นเป็นอะไรนะ เกรนเจอร์!” เขาถามซ้ำด้วยน้ำเสียงน่ากลัว เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้า
“ก็ว่าเป็นตัวเฟเร็ตแปลงร่างมาน่ะสิ”
“หน้าตาชั้นไม่ได้แย่ขนาดนั้นซะหน่อย” เขาตะโกน เพิ่งเป็นครั้งแรกที่มีคนมาวิจารณ์หน้าตาของเขาแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่สาว ๆ ทุกคนล้วนแต่ชื่นชมว่าหน้าตาของเขาหล่อเหลาราวเทพบุตร
“จริง มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่บิดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของเด็กหนุ่ม และหันมาจ้องหน้าเขาอีกครั้ง
“ชั้นเคยเรียนศิลปะเกี่ยวกับโครงหน้ามนุษย์ แล้วหน้าเธอน่ะมีจุดอ่อนเยอะมากเลย” เธอพูด
“ตาของเธอก็ห่างมาก แล้วก็ไม่รับกับจมูกแหลม ๆ นี่ด้วย ริมฝีปากก็บางเฉียบเกินไป คางแหลมทำให้หน้าดูชั่วร้ายเข้าไปใหญ่ แล้วเธอก็รู้ดีว่าหน้าตาเธอน่ะไม่สมดุลกัน แต่เธอพยายามปกปิดปมด้อยของเธอด้วยการทำตัวเป็นเพลย์บอย ควงสาว ๆ ไม่ซ้ำหน้า ทั้งที่จริงแล้วเธอน่าสมเพชมาก” เด็กสาวร่ายยาวเป็นชุด
มัลฟอยกลืนน้ำลาย ในใจเขาประท้วงว่าเขาไม่ได้ไม่พอใจใบหน้าตัวเองซะหน่อย แต่ที่เขาขึ้นเตียงกับผู้หญิงมากมายก็เพราะ.........เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้เขาหายเหงาได้ต่างหาก!
“หรือไม่ใช่ปมด้อยทางหน้าตาของเธอ ก็คงเป็นปมด้อยทางจิตใจ เธอคิดถึงครอบครัวที่จากไปมาก รวมทั้งหลายต่อหลายเรื่องที่ประเดประดังเข้ามาแล้วทำให้เธอตกต่ำลง แต่เธอไม่อยากยอมรับมัน เธอเลยแสร้งทำเป็นมีความสุขด้วยการควงสาว ๆ มากหน้าหลายตา” เธอพูดออกมาเป็นชุด
มัลฟอยกำลังจะอ้าปากเถียง แต่เขาก็หุบมันลงเพราะเขานึกคำพูดที่จะมาเถียงเธอไม่ออก ที่เธอพูดนั้นมันตรงหมดทุกอย่าง!
“เธอเป็นนักพินิจใจรึไงนะ” มัลฟอยพูดเสียงอ่อย ๆ ไม่ได้รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย
เขาแค่อึ้งไปกับความสามารถในการเดาของเธอเท่านั้น เช่นเดียวกับเฮอร์ไมโอนี่เธอก็อึ้งไปเหมือนกันเมื่อมัลฟอยไม่ได้โต้ตอบเธอด้วยวาจาที่เผ็ดร้อนหรืออะไรที่แรงกว่านั้น
“ก็แค่เดาน่ะ” เด็กสาวหยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“ชั้นว่าป่านนี้แพนซี่น่าจะรอนายแย่แล้ว” เธอเหลือบตามองไปทางห้องนอนของมัลฟอย
“ช่างเขาเถอะ” มัลฟอยพูดออกมา เขาไม่มีอารมณ์กับเรื่องอย่างนั้นแล้ว
เด็กหนุ่มนั่งลงบนโซฟา มือหนึ่งกุมศีรษะที่รู้สึกปวดหัวตุบ ๆ
“อาการเมาค้างน่ะสิ” เด็กสาวว่า แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบอะไรออกไป เธอก็ลุกไปที่มุมห้องและชงชาแก่ ๆ ให้เขา
“โอ๊ย! ร้อนจัง!!!” เธอร้องขณะที่กำลังยกชาร้อน ๆ มาวางตรงโต๊ะแต่มันกลับลวกมือเธอ
“ใช้วิธีนี้สิ” มัลฟอยพูดพลางโบกไม้กายสิทธิ์เบา ๆ ถ้วยชานั้นรินตัวเองแล้วลอยมาข้างหน้าเขาและเธออย่างละใบ
“ขอบใจ” เด็กสาวพูด เด็กหนุ่มไม่ตอบอะไร เขาจิบชาเบา ๆ ก่อนจะพ่นพรืดออกมา
“ขมเป็นบ้าเลย เธอเทใบชาไปทั้งถุงหรือไงเกรนเจอร์” เขาบ่นอุบ
“ก็นายอยากเมาค้างเองนี่นา ก็ต้องชงแก่ ๆ อย่างนี้แหละ ดื่มเข้าไปน่าอย่าบ่น” เธอว่าพลางดันแก้วชิดริมฝีปากของเขา
มัลฟอยย่นหน้าอย่างไม่ชอบใจแต่ก็ดื่มจนหมด พร้อมบ่นออกมาดัง ๆ ว่าขื่นคอแค่ไหน
เด็กหนุ่มวางแก้วลงและหันไปทางเด็กสาวที่จิบชาอยู่เงียบ ๆ เธอดูน่ารักไม่ใช่น้อยในชุดนอนสีชมพูเนื้อบางเบาชุดนี้ สายตาของเขาสำรวจไปทั่วเรือนร่างเนียนนั้น รวมทั้งทรวงอกที่โผล่พ้นคอเสื้อขึ้นมา นี่ถ้าไม่ติดว่าเธอเป็นเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ล่ะก็ เขาคงลากเธอขึ้นห้องไปแล้ว
ไม่เอาน่าเดรโก นายต้องเว้นยายนี่ไว้ซักคนนะ เธอเหมือนคนอื่นที่ไหนกันเล่า!
“นายมองอะไรชั้นน่ะ” เสียงแว้ดของเฮอร์ไมโอนี่ปลุกเด็กหนุ่มขึ้นจากภวังค์ เธอรีบเอาเสื้อคลุมที่สวมอยู่ปิดเนินอกทันทีที่เห็นว่ามัลฟอยมองเธอด้วยแววตาไม่น่าไว้ใจ
“เปล๊า!” เด็กหนุ่มพูดพลางยักไหล่ “ว่าแต่ทำไมเธอไม่นอนที่หอกริฟฟินดอร์กับเจ้าหัวแผลเป็นสุดที่รักของเธอล่ะเกรนเจอร์” เขาถามขึ้นลอย ๆ
“เพราะชั้น......ใครว่าแฮร์รี่เป็นสุดที่รักของชั้นกัน” เธอว่า
มัลฟอยเลิกคิ้วเหมือนจะบอกว่า ‘แล้วไม่ใช่รึไง’
“ชั้นไม่รู้ว่าเธอไปเอามาจากไหนนะมัลฟอย แต่แฮร์รี่ไม่ใช่สุดที่รักของชั้น” เฮอร์ไมโอนี่ยืนยัน
แต่เด็กหนุ่มพูดรอดริมฝีปากออกมาฟังเหมือนคำว่า ‘ก็เห็นตัวติดกันเป็นตังเม‘ มาก
“งั้นก็คงเป็นวีสลีย์น่ะสิที่เป็นหวานใจเธอ” เด็กหนุ่มว่า
“จะว่าไปก็เหมาะสมกันดีนะ” ริมฝีปากบางนั้นยิ้มแบบเยาะ ๆ อยู่ในที เฮอร์ไมโอนี่ฉุนกึ้ก
“ไม่ใช่ทั้งคู่นั่นแหละ แฮร์รี่กับรอนเป็นเพื่อนรักของชั้นต่างหาก” เธอแก้ มัลฟอยเบ้ปาก เขาไม่มีทางเชื่อหรอกว่าผู้หญิงกับผู้ชายจะเป็นเพื่อนกันได้จริง ๆ โดยไม่คิดอะไรเลยน่ะ
แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ถ้าเขาเป็นเพื่อนกับเธอ เพราะถึงยังไงเขาก็ไม่มีวันคิดอะไรกับเธอแน่นอน
“แล้วถ้าเราสองคนเป็นเพื่อนกันล่ะ” เขาเปรยขึ้นมา
เฮอร์ไมโอนี่จ้องหน้าเขาราวกับเขาเพิ่งพูดว่าเขาออกเดทกับแฮร์รี่
“อะไรนะ”
“ชั้นพูดว่ามันจะเป็นยังไงนะถ้าเราเป็นเพื่อนกันน่ะ” เด็กหนุ่มว่า เฮอร์ไมโอนี่หัวเราะ
“เธอน่ะเหรออยากจะเป็นเพื่อนกับชั้น”
“ไม่ได้รึไง อันที่จริงชั้นก็ไม่เคยมีเพื่อนผู้หญิงจริง ๆ เลยสักคน” เขาสารภาพ
“อ๋อแน่ล่ะ เพราะพอเริ่มสนิทเข้าหน่อยเธอก็หลอกพวกนั้นขึ้นเตียงหมดน่ะสิ” เด็กสาวว่า เธอรู้กิตติศัพท์ของเขาดีทีเดียว
“เธอไม่คิดว่าพวกนั้นจะหลอกชั้นบ้างรึไงนะ” มัลฟอยบ่นอย่างระอา
“ชั้นขอบอกเธอไว้อย่างนะ เธอน่ะใช้มุกเดิม ๆ ของเธอกับชั้นไม่ได้หรอก เธอไม่เคยเชื่อเรื่องมิตรภาพเลยมัลฟอย อย่างมากเธอก็แค่อยากหลอกชั้นเหมือนสาว ๆ คนอื่นเท่านั้น” เด็กสาวพูดอย่างรู้ทัน
“แล้วชั้นก็ไม่มีทางโดดขึ้นเตียงกับคนอย่างเธอแน่นอน” เธอบอกพลางลุกขึ้นจากโซฟา
“เดี๋ยวสิจะไปไหน”
“ก็ไปนอนน่ะสิ เราหมดธุระจะคุยกันแล้วนี่” เธอพูด
“แต่ชั้นยังอยากคุยต่อนี่นา” เฮอร์ไมโอนี่เลิกคิ้วกับคำพูดนั้น “นี่เธอไม่เชื่อจริง ๆ เหรอว่าชั้นอยากเป็นเพื่อนกับเธอ เธอคิดว่าอย่างชั้นจะหลอกเธอได้รึไง”
“นายต้องการอะไรจากชั้นกันแน่” เธอพูดเมื่อเด็กหนุ่มตามเธอมาถึงหน้าประตูห้อง
“แค่เป็นเพื่อนกับเธอเท่านั้น” เขาอยากจะทดลองอะไรซักอย่าง เขาอยากจะรู้ว่าเพลย์บอยอย่างเขาจะสามารถมีเพื่อนสนิทเป็นผู้หญิงโดยไม่มีเรื่องเซ็กส์มาเกี่ยวข้องได้ไหม
“นะ”
“ก็ได้” เธอพูด “ถ้าเธอทำตัวดีกว่านี้นะ” เธอว่าพลางทำท่าจะปิดประตู
“เดี๋ยว!”
“ราตรีสวัสดิ์มัลฟอย”
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ความคิดเห็น