ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Thor] Fire and Ice [Loki/OC]

    ลำดับตอนที่ #1 : ราชาคนใหม่แห่งแอสการ์ด: The New King of Asgard

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 57




    ***Chapter 1 The New King of Asgard: ราชาคนใหม่แห่งแอสการ์ด***

     

    โลกิไม่เคยคิดว่ามันจะง่ายดายขนาดนี้มาก่อน  แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะผ่านเรื่องราวอันตรายรวมทั้งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาหลายต่อหลายครั้งจนกว่าเขาจะมาถึงจุดที่อยู่เขากำลังยืนอยู่ในตอนนี้ก็ตาม  แต่ในขณะที่มือของเขาสัมผัสบัลลังค์สีทองแอสการ์ดซึ่งมันเคยเป็นของโอดิน  บิดาบุญธรรมของเขามาก่อน  แถมยังเป็นบังลังค์ที่โลกิเคยนั่งเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ระหว่างที่โอดินเข้าสู่ภาวะหลับใหลซึ่งเป็นขณะเดียวกันกับที่ธอร์ถูกเนรเทศไปยังโลกมนุษย์ด้วยนั้น

    เขาก็นึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดหลังจากที่เขาได้ขึ้นมาครองบัลลังค์ของแอสการ์ดเป็นครั้งแรก  เรื่องราวที่เขาส่งหุ่นดิสตรอยเยอร์ลงไปจัดการธอร์  พี่ชายที่ถูกเนรเทศไปยังโลกมนุษย์ของเขา  เรื่องราวที่เขาวางแผนทำลายโยธันไฮม์โดยสะพานไบฟรอสต์  เรื่องที่ธอร์กลับมาขัดขวางแผนการของเขาได้ทันท่วงที  รวมทั้งเรื่องที่เขาพ่ายแพ้แก่ธอร์จนต้องจมดิ่งลงสู่ห้วงเหวลึก  ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้เขาต้องร่อนเร่พนเจรไปยังพิภพต่าง ๆ  จนกระทั่งเขาตัดสินใจเปิดศึกกับโลกมนุษย์เพื่อเป็นการแก้แค้นธอร์ในทุกสิ่งที่ธอร์ช่วงชิงไปจากเขา

    แม้ว่าจะผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมายนับตั้งแต่จุดเปลี่ยนในชีวิตเขาเมื่อครานั้น  นับตั้งแต่วันแรกที่เขาค้นพบว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของโอดินและฟริกก้า  เขาไม่ใช่เจ้าชายแห่งแอสการ์ดผู้มีสิทธิในราชบัลลังค์โดยกำเนิดอย่างที่โอดินเคยพร่ำบอกเขามาตั้งแต่เด็ก  หนำซ้ำเขายังเป็นยักษ์น้ำแข็งซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่เป็นศัตรูกับแอสการ์ดมาช้านานอีกด้วย  และเพราะการได้ทราบความจริงที่ถูกปิดบังมาตลอดนั้นเองทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน  และมันยังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ไม่อาจจะหวนกลับมาเป็นอย่างเดิมได้อีกด้วย

    แต่ถึงกระนั้นก็ตาม  ถึงแผนการในการยึดครองโลกมนุษย์ของเขาจะล้มเหลวเพราะฝีมือของทีมอเวนเจอร์  ซึ่งมีธอร์  พี่ชายคู่ปรับของเขารวมอยู่ด้วย  จนเขาต้องเสียท่าพ่ายแพ้และถูกจับตัวกลับมากักขังที่แอสการ์ดในฐานะนักโทษก็ตาม  แต่ไม่นานนักการปรากฏตัวของพวกดาร์กเอลฟ์  นำโดยมาลาคิธที่หวังจะเปลี่ยนจักรวาลให้กลับไปสู่ความมืดอีกครั้งก็ทำให้เขาได้มีโอกาสออกจากคุกใต้ดินที่เดิมเขาจำเป็นจะต้องถูกจองจำอยู่ที่นั่นชั่วนิรันดร์ตามคำสั่งของโอดิน  ด้วยข้อเสนอของธอร์ในการช่วยเขาออกจากคุกแลกกับที่การเขาจะช่วยพาตัวธอร์และหญิงสาวคนรักออกจากแอสการ์ดไปยังดาร์กเวิล์ดเพื่อตามหามาลาคิธ 

    และเหตุการณ์ในครั้งนั้นก็ส่งผลให้เขามีโอกาสมานั่งอยู่บนบัลลังค์แอสการ์ดในตอนนี้  ถึงแม้ว่าธอร์จะระมัดระวังตัวต่อการทรยศหักหลังของโลกิเป็นอย่างดี  รวมทั้งพี่ชายที่มีกำลังกายมากกว่ามันสมองของเขาจะได้รับความร่วมมือจากเขาในการต่อสู้กับมาลาคิธครั้งนี้ก็ตาม  เมื่อเขาตัดสินใจยอมช่วยธอร์หลอกล่อมาลาคิธให้ดึงอีเธอร์ออกมาจากร่างของเจน  ฟอสเตอร์  หญิงสาวมนุษย์ผู้เป็นคนรักของธอร์  แล้วธอร์ก็จะอาศัยจังหวะนี้ทำลายอีเธอร์เสีย  แต่แผนการณ์กลับไม่เป็นไปตามที่ธอร์คาด  เพราะนอกจากธอร์จะไม่สามารถทำลายอีเธอร์ซึ่งเป็นสสารที่ทรงพลังอำนาจมากที่สุดได้แถมยังต้องเสียมันไปให้กับศัตรูอย่างมาลาคิธไปนั้น  ธอร์ยังหลงกลโลกิที่แกล้งทำเป็นตายจากการสู้รบ  จากเหตุการณ์ครั้งนั้นธอร์เชื่ออย่างสนิทใจว่าโลกิเสี่ยงชีวิตช่วยตนจนต้องตาย  โลกิได้ตายอย่างสมเกียรติ  สมศักดิ์ศรี  โดยที่รัชทายาทผู้สืบทอดบัลลังค์แห่งแอสการ์ดไม่รู้เลยว่าแท้ที่จริงแล้วนี่เป็นอีกครั้งที่โลกิซึ่งเพียงแค่บาดเจ็บจากการต่อสู้เท่านั้นแต่เขาใช้เวทย์มนตร์ตบตาธอร์ให้เข้าใจว่าเขากำลังจะตาย  และธอร์เองก็ไม่ฉลาดพอที่จะรู้ทันโลกิดังที่เขาเคยตกหลุมพรางที่โลกิวางไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า

    แต่ในคราวนี้โลกิไม่เพียงแต่วางแผนหลอกลวงธอร์ว่าเขาตายไปแล้วเท่านั้น  โลกิยังหลอกโอดินด้วยคำลวงอย่างเดียวกัน  โดยโลกิได้แปลงร่างเป็นนายทหารแอสการ์ดที่ถูกส่งมายังที่เกิดเหตุ  แล้วกลับไปรายงานโอดินเรื่องการตายของบุตรบุญธรรมที่โอดินเก็บมาจากโยธันไฮม์  แม้ว่าโอดินจะโกรธเคืองโลกิกับความผิดร้ายแรงที่เขาทำไว้บนโลกมนุษย์มากเพียงใดก็ตาม  แต่การรับรู้ถึงการจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับของโลกิผนวกกับการสูญหายของธอร์และการได้รู้ว่าบัดนี้อีเธอร์ได้ตกไปอยู่ในมือของมาลาคิธผู้ที่กำลังจะใช้มันเปลี่ยนจักรวาลนี้ให้กลับไปสู่ความมืดมิดเสียอีกครั้ง  บวกกับความโศกเศร้าเสียใจจากการเสียชีวิตของฟริกก้าผู้เป็นราชินีของเขาก่อนหน้านั้น  ทำให้โอดินผู้ไม่สามารถทนรับกับเหตุการณ์ทั้งหมดได้จึงเข้าสู่ภาวะหลับใหลอีกครั้ง  ซึ่งก็เป็นไปตามที่โลกิต้องการ  เพราะเมื่อโอดินเข้าสู่ภาวะหลับใหล  และธอร์ก็กำลังเข้าไปโรมรันในศึกของพวกดาร์กเอลฟ์ที่โลกมนุษย์อยู่นั้นบัลลังค์แอสการ์ดจึงย่อมว่างลง  และที่สำคัญก็คือโลกิมีวิธีที่จะทำให้บัลลังค์ตกอยู่ในมือเขาอีกครั้งได้ไม่ยาก 

    เริ่มจากการที่เขาเคลื่อนย้ายร่างของโอดินไปยังแท่นบรรทมโดยปราศจากคนรู้เห็น  โลกิได้ร่ายคาถาเพื่อป้องกันการตื่นและปิดบังการรับรู้ของโอดินไว้เพื่อให้โอดินหลับอย่างสงบไปในขณะที่เขาวางแผนครอบครองแอสการ์ด  ในขณะเดียวกันนั้นเขาก็สามารถแปลงร่างเป็นโอดินโดยที่ไม่มีใครสังเกตหรือรู้เห็นได้แม้กระทั่งไฮม์ดัลก็ตาม  และเมื่อธอร์ชนะศึกกับมาลาคิธและกลับมาจากโลกมนุษย์เยี่ยงวีรบุรุษได้แล้ว  ธอร์ก็มาเข้าเฝ้าเขาในร่างโอดินเพื่อออกปากปฏิเสธบัลลังค์แอสการ์ดตามที่โลกิคาดเดาไว้  โลกิในร่างโอดินแสร้งทำเป็นยินยอมอย่างเสียไม่ได้  รวมทั้งยังไม่ยอมรับโยลเนียร์  ค้อนคู่ชีพที่ธอร์ตั้งใจจะคืนให้และปล่อยให้ธอร์กลับไปทำหน้าที่ปกป้องอาณาจักรทั้งเก้าตามเดิม  ธอร์เองก็เดินทางออกไปจากท้องพระโรงโดยไม่ล่วงรู้มาก่อนเลยว่าผู้ที่ตนเองสนทนาด้วยในร่างพระบิดานั้นคือโลกิ  น้องชายจอมเจ้าเล่ห์ของเขาเอง  อีกทั้งธอร์ยังเดินทางกลับไปยังโลกมนุษย์เพื่อไปพบหญิงสาวที่เขารัก  โดยเขาไม่รู้เลยว่าเขาอาจจะไม่มีโอกาสหวนกลับมาที่แอสการ์ดอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้!

    หลังจากที่ธอร์เดินทางออกจากแอสการ์ด  โลกิก็เริ่มแผนการครอบครองแอสการ์ดของเขาในทันที  เขาลงไปยังห้องลับสำหรับเก็บสมบัติของโอดิน  ซึ่งมีอาวุธที่มีค่าและมีพลานุภาพร้ายแรงสองอย่างถูกเก็บรักษาไว้  หนึ่งในนั้นก็คือเทสเซอร์แรคซึ่งเป็นขุมพลังมหาศาล  เป็นอัญมณีอันล้ำค่าที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในอาณาจักรทั้งเก้า  โลกิถ่ายพลังจากเทสเซอร์แรคไปยังไม้คทาของเขา  ซึ่งมันทำให้เขามีพลังอำนาจในการควบคุมจิตใจคนเช่นเดียวกับที่เขาเคยได้มี  แถมในคราวนี้พลังอำนาจที่เขามีอาจจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ  และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการยึดครองแอสการ์ดของเขา  เมื่อโลกิทำให้ไฮม์ดัลตกอยู่ในอำนาจของเขาได้แล้ว  โลกิก็สั่งให้ไฮม์ดัลปิดสะพานไบฟรอสท์ไม่ให้ใครผ่านเข้าออกนอกจากตน  รวมทั้งยังสั่งห้ามไม่ให้เปิดสะพานให้ธอร์ผ่านจากโลกมนุษย์กลับมายังแอสการ์ดอีกด้วย  เพราะโลกิรู้ดีว่าบัลลังค์ไม่มีทางเป็นของเขาได้นานถ้าหากเขาไม่หาทางกำจัดธอร์ไปเสีย  แต่ในตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะสังหารธอร์  ดังนั้นการปล่อยธอร์ที่ยังไม่รู้เรื่องราวไว้ที่โลกมนุษย์จึงเป็นการจำกัดเสี้ยนหนามที่ดีที่สุด 

    นอกจากใช้อำนาจสะกดไฮม์ดัลแล้ว  โลกิยังจำเป็นต้องใช้อำนาจสะกดคนอื่น ๆ ให้ตกอยู่ใต้อาณัติของเขาด้วย  บุคคลเหล่านั้นก็คือซิฟและสามสหายผู้เป็นเพื่อนรักของธอร์ซึ่งเคยทำแผนการของเขาพังมาแล้วในคราก่อน  โดยการช่วยนำตัวพี่ชายแสนรักของเขากลับมายังแอสการ์ดได้อย่างทันท่วงที  นอกจากนี้เขาก็ยังจำเป็นต้องใช้มนต์สะกดชาวแอสการ์ดอีกหลายคนที่จงรักภักดีต่อโอดินและธอร์  เช่น  นายพลอาร์นเฮอยาผู้คุมกองทัพของแอสการ์ด  แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเขาเลยแม้แต่น้อย  เพราะเมื่อเขาสามารถทำให้  นายพล  นักรบ  และบุคคลสำคัญ ๆ ของแอสการ์ดตกอยู่ใต้มนต์สะกดของเขาได้แล้วนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะทำให้คนอื่น ๆ ยอมจำนนต่อเขาแต่โดยดี 

    อีกทั้งเป็นเพราะเรื่องราวที่โลกิลงไปก่อความวุ่นวายในโลกมนุษย์จนเขาถูกจับกลับมากักขังไว้ที่แอสการ์ดเยี่ยงนักโทษนั้นไม่ได้เปิดเผยให้ประชาชนชาวแอสการ์ดรู้แต่อย่างใด  เนื่องจากโอดินรู้สึกอับอายเกินกว่าที่จะป่าวประกาศออกไปว่าหนึ่งในเจ้าชายผู้สืบทอดบัลลังค์แอสการ์ดได้กระทำการเยี่ยงอาชญากรรมสงครามลงไปในโลกมนุษย์ซึ่งบิดาของเขามีหน้าที่ปกป้องคุ้มครอง  มีเพียงแค่สมาชิกของราชสำนักไม่กี่คนเท่านั้นที่ล่วงรู้ความจริงทั้งหมดในสิ่งที่โลกิได้ทำลงไปจนเขาได้รับโทษจองจำชั่วชีวิต  และเป็นเพราะเหตุนี้จึงทำให้เป็นการง่ายยิ่งขึ้นไปอีกในการที่โลกิจะยึดครองบัลลังค์แอสการ์ด  หลังจากที่เขาจัดการควบคุมจิตใจผู้ที่เขาคิดว่าจะต้องต่อต้านเขาได้เรียบร้อยแล้ว  โลกิก็ป่าวประกาศออกไปถึงการเข้าสู่ภาวะหลับใหลของโอดิน  การสละสิทธิในบัลลังค์ของธอร์  รวมถึงการกลับมาของเขาซึ่งเป็นผู้ที่มีสิทธิในราชบัลลังค์เช่นเดียวกับธอร์  ทำให้ในตอนนี้สิทธิในการครองบัลลังค์จึงตกมาเป็นของโลกิซึ่งเป็นทายาทอันดับสองของโอดินแทน

      หลังจากผ่านการดำเนินแผนการที่แทบจะเรียกได้ว่าราบรื่นอย่างไม่มีที่ติไปแล้วนั้น  บัลลังค์ของแอสการ์ดก็ตกเป็นของโลกิอย่างที่เขาตั้งใจไว้  และถึงแม้ว่าการครองบัลลังค์ครั้งนี้ของเขาจะไม่มีพิธีเฉลิมฉลองอย่างเอิกเกริกเช่นเดียวที่ธอร์เคยมีในครั้งที่เขาเกือบจะได้เป็นกษัตริย์แห่งแอสการ์ดก็ตาม  แต่ประชาชนชาวแอสการ์ดก็ไม่ได้ต่อต้านการขึ้นครองราชย์ของกษัตริย์องค์ใหม่แต่อย่างใด  แถมยังไม่มีวี่แววว่าธอร์  พี่ชายผู้สละสิทธิในบัลลังค์ไปให้เขาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวจะกลับมาทวงบัลลังค์ของตนคืนแต่อย่างใด  โลกิจึงสามารถครอบครองแอสการ์ดได้อย่างราบรื่น  หากแต่เมื่อมาถึงตอนนี้  เมื่อเขาได้กลับมานั่งบนบัลลังค์แอสการ์ดในฐานะผู้ปกครองแอสการ์ดและคุ้มครองอาณาจักรทั้งเก้าอย่างที่เขาเคยต้องการมาตลอดแล้ว  โลกิกลับรู้สึกว่ามันมีอะไรบางอย่างขาดหายไป

    แต่สิ่งนั้นคืออะไรกันเล่า  ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ายังมีอะไรขาดหายไปในเมื่อเขาได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการมาครอบครองแล้วในตอนนี้  โลกิขมวดคิ้วและมีสีหน้าครุ่นคิด  นิ้วมือข้างหนึ่งยกขึ้นแตะริมฝีปาก  ขณะที่มืออีกข้างของเขาลูบพนักวางแขนของบัลลังค์ที่ตนกำลังนั่งอยู่อย่างใจลอย  ในตอนนี้เขาได้ทุกสิ่งที่เขาต้องการมาครอบครองแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นบัลลังค์แอสการ์ด  หรือการได้เป็นกษัตริย์ปกครองอาณาจักรทั้งเก้า  เขาเป็นคนวางอุบายล่อลวงให้ธอร์ยอมสละบัลลังค์ให้เขาและบัดนี้พี่ชายตัวดีของเขาก็คงติดแหงกอยู่ที่โลกมนุษย์กับหญิงสาวมนุษย์ที่ธอร์รักนักรักหนาจนธอร์เองอาจจะยังไม่ล่วงรู้เลยด้วยซ้ำว่าในตอนนี้แอสการ์ดตกอยู่ภายใต้การปกครองของโลกิเสียแล้ว  เขาสามารถใช้เวทย์มนต์คาถาทำให้โอดินคงอยู่ในภาวะหลับใหลและใช้อำนาจของเทสเซอร์แรกทำให้แอสการ์ดตกอยู่ในกำมือของเขาได้แล้ว  แล้วทำไมเขาถึงรู้สึกว่างเปล่ายิ่งกว่าตอนที่เขาถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินนั่นอีกล่ะ  เป็นเพราะอะไรกัน

    เป็นเพราะนางหรือ  เสียงนั้นดังขึ้นในหัวเมื่อกระแสความคิดของโลกิหวนนึกไปถึงมารดาผู้ล่วงลับของเขา  โลกิยังจำได้ดีถึงความเจ็บปวดทรมาน  ความเปล่าเปลี่ยวอ้างว้างยามเมื่อเขาได้รับรู้ถึงการจากโลกนี้ไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาของฟริกก้า   การได้ล่วงรู้ว่าเขาต้องสูญเสียมารดาไปอย่างไม่มีทางหวนกลับนั้นช่างเจ็บปวดทรมานมากกว่าการตกลงไปในหุบเหวดำมืดที่เขาเคยได้เผชิญก่อนหน้านี้เสียอีก  และในตอนนี้โลกิก็ไม่อาจปฏิเสธตนเองได้ว่า  เขาแคร์ฟริกก้าเพียงใด  และถึงนางจะไม่ใช่แม่แท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดเขาก็ตาม  แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกแค้นเคืองนางเช่นเดียวกับที่เขารู้สึกกับโอดินหรือธอร์  อาจจะเป็นเพราะว่าฟริกก้าไม่เคยทำผิดอะไรต่อเขา  อาจจะเป็นเพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมานี้โลกิรู้ดีว่านางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ห่วงใยเขาอย่างแท้จริง  และมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่แสดงความรักต่อเขาและธอร์ออกมาอย่างเท่าเทียม  มีนางเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รักเขาไม่หยิ่งหย่อนไปกว่าธอร์  พี่ชายผู้สมบูรณ์แบบของเขาเลย  แม้ว่านางจะรู้มาตลอดว่าเขาไม่ได้ลูกแท้ ๆ ของนาง  อีกทั้งกำเนิดของเขายังเป็นยักษ์น้ำแข็ง  เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจที่นางสมควรจะรังเกียจ  แต่นางก็สามารถเรียนรู้ที่จะรักเขาได้อย่างเท่าเทียมกับลูกชายแท้ ๆ ของนาง  ทั้ง ๆ เขาเป็นเพียงลูกของยักษ์น้ำแข็งที่โอดินเอามายัดเยียดให้เป็นลูกของนางเท่านั้น  และอาจจะเป็นเพราะการจากไปของนางหรือเปล่านะที่ทำให้เขารู้สึกว่างเปล่าแม้ในยามที่เขาได้ทุกอย่างที่ต้องการมาครอบครองแล้วแบบนี้

    ถึงแม้ว่าจะเขาจะได้พบสิ่งที่อาจจะเป็นคำตอบที่เขากำลังตามหาอยู่แล้วก็ตาม  แต่โลกิก็ต้องสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับที่มันผุดขึ้นมา  ด้วยเหตุผลที่ว่าการยอมรับว่าความรู้สึกอ้างว้างเปลี่ยวที่เขากำลังเผชิญอยู่นี้มาจากการที่เขาไม่มีมารดาอยู่เคียงข้างเขาอีกต่อไป  เป็นการย้ำเตือนว่าเขาให้ความสำคัญกับฟริกก้ามากเกินไปจนการจากไปของนางทิ้งรอยแผลเอาไว้ในจิตใจของเขา  จนมันไปทำลายความพึงพอใจในชัยชนะที่เขาเพิ่งได้ครอบครองไปจนหมดสิ้น  ยิ่งไปกว่านั้นการโหยหามารดาของตนเองนั้นยังเป็นการเน้นย้ำข้อเท็จจริงที่โลกิไม่ต้องการยอมรับมากที่สุดกับตัวของเขาเองว่า  แท้ที่จริงแล้วเขายังต้องการความรักจากผู้อื่นอยู่  เขาต้องการความรักจากคนในครอบครัวอย่างฟริกก้า  หรือบางทีเขาอาจจะต้องการความรักจากโอดิน  หรือแม้กระทั่งจากธอร์อีกด้วยก็เป็นได้  และความจริงในข้อนี้เป็นสิ่งที่โลกิคิดว่ามันอันตรายเสียยิ่งกว่าโทษทัณฑ์จากพวกชิทอรี่เสียอีก  เพราะเมื่อคิดได้เช่นนั้นกษัตริย์แห่งแอสการ์ดคนใหม่ก็ได้แต่สะบัดศรีษะแรง ๆ เพื่อไล่ความคิดไม่เข้าท่านั้นออกไปเสีย  ในไม่ช้าดวงตาสีอ่อนที่เคยส่อแววหมองเศร้าของโลกิก็เปลี่ยนมามีแววมุ่งมั่นตามเดิมเมื่อเขาพูดย้ำกับตัวเองขึ้นมาดัง ๆ ว่า

    ข้าไม่ต้องการความรักจากใคร  สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงอำนาจเท่านั้น

     

    …………………………………………………………………..

     

    หลังจากปกครองบัลลังค์แอสการ์ดไปได้ระยะหนึ่ง  โลกิก็เริ่มรู้สึกคุ้นเคยกับการเป็นกษัติรย์พอ ๆ กับที่เขากลับพบว่าการเป็นผู้คุ้มครองอาณาจักรทั้งเก้านั้นเป็นหน้าที่ที่ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นและออกจะน่าเบื่อเสียด้วยซ้ำ  เพราะหลังจากการรุกรานของมาลาคิธซึ่งได้สิ้นชีวิตลงด้วยน้ำมือของพี่ชายของเขาที่ตอนนี้น่าจะยังคงถูกปล่อยทิ้งอยู่ในโลกมนุษย์อยู่นั้น  อาณาจักรทั้งเก้าก็กลับสู่ภาวะปกติสุข  ไม่มีสงครามใด ๆ มาพ้องพานความสงบสุขของดินแดนที่เขาปกครอง  และถึงแม้ว่าโลกิจะรู้ดีว่าแท้ที่จริงแล้วตัวเขาเองนั้นไม่ใช่ผู้กระหายสงครามที่ต้องการจะเปิดศึกเหนือใต้อย่างเช่นธอร์เคยทำเมื่อครั้งยังเยาว์  แต่หลังจากปกครองแอสการ์ดมาได้เพียงไม่กี่เดือนเท่านั้นเขาก็รู้สึกเบื่อหน่ายกับการนั่งบัลลังค์กษัตริย์และเฝ้ามองความเป็นไปภายในอาณาจักรเสียเหลือเกิน 

    การเป็นกษัติรย์นั้นแม้ว่าจะดูยิ่งใหญ่  แต่ก็กลับไม่มีพื้นที่ให้สนุกสนานเหมือนเมื่อก่อน  อีกทั้งยังไม่มีคู่ต่อสู้คนไหนมาให้เขาปรับมือด้วยอย่างทัดเทียมอีกต่อไปแล้ว  แม้ว่าในอดีตที่ผ่านมาธอร์จะเปรียบเสมือนหนามยอกอกชิ้นใหญ่ซึ่งขวางกั้นหนทางไปสู่อำนาจของเขาก็ตาม  แต่ในวันที่เขาได้ทุกสิ่งทุกอย่างมาครอบครองอย่างในวันนี้แล้ว  โลกิกลับค้นพบว่าเขาคิดถึงการต่อสู้ระหว่างเขากับธอร์  เขาคิดถึงการที่ธอร์พลาดท่าหลงกลเขาครั้งแล้วครั้งเล่า  แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วธอร์จะกลับมาเอาคืนเขาจนได้ก็ตาม  แต่ในตอนนี้ธอร์ถูกทอดทิ้งให้อยู่บนโลกมนุษย์แล้ว  และเมื่อลองคิดดูอีกครั้ง  ถึงแม้ว่าโลกิจะคิดถึงการลับเหลี่ยมลับคมระหว่างเขากับพี่ชายแสนรักแสนเกลียดของเขามากเพียงใดก็ตาม  แต่เขาก็คงไม่ลงทุนพาตัวธอร์กลับมาที่นี่เพื่อทวงบัลลังค์แอสการ์ดคืนจากเขาเป็นแน่

     ท่ามกลางการค้นหาวิธีทางเพื่อกำจัดความสงบสุขที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายนี้ออกไปเสีย  แวบหนึ่งโลกิคิดจะเปิดสงครามกับอาณาจักรอื่น  แวบหนึ่งเขาคิดว่าจะกลับไปทำตามแผนการในการทำลายโยธันไฮม์อีกครั้งหลังจากความพยายามครั้งแรกของเขาถูกทำลายอย่างย่อยยับด้วยน้ำมือของธอร์  แต่เมื่อลองมาคิดดูอีกทีว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยักษ์น้ำแข็งนั้นคงช่วยให้เขาหายเบื่อได้เพียงช่วงเดียวเท่านั้น  อีกทั้งมันยังเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจและความภักดีของอาณาจักรอื่น ๆ อีกหากข่าวแพร่งพรายออกไปว่าราชาคนใหม่แห่งแอสการ์ดฆ่าล้างเผ่าพันธุ์พวกโยธันโดยไม่มีสาเหตุ  โลกิก็จำเป็นต้องละทิ้งความคิดนี้เสียแล้วกลับมาหาหนทางวิธีอื่นเพื่อดึงความสนใจของเขาออกจากการคิดถึงฟริกก้าแทน

    แต่หลังจากใช้ความคิดอยู่ได้ไม่นานเท่าไหร่นัก  ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนบัลลังค์ของแอสการ์ดซึ่งเดิมเคยเป็นของโอดินนั้น  ทหารนายหนึ่งก็รุดหน้าเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีเร่งรีบเพื่อแจ้งข่าวกับเจ้าเหนือหัวของเขา  และมันคงเป็นข่าวที่ทำให้โลกิรู้สึกพออกพอใจไม่น้อยหลังจากได้รับฟังเมื่อนายทหารคนดังกล่าวคุกเข่าลงตรงหน้าโลกิพร้อมกับรายงานออกมาด้วยน้ำเสียงละล่ำละลักว่า

    ฝ่าบาทเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว!”

    เรื่องใหญ่ที่เจ้าว่านั่นคือเรื่องอะไรกัน โลกิถามด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย  เขายังคงไม่ยอมลุกจากบัลลังค์หากแต่ดวงตาสีฟ้าอมเขียวของเขาจับจ้องนายทหารคนนั้นอย่างสนใจเมื่อทหารคนดังกล่าวเงยหน้าขึ้นก่อนจะรายงานให้เจ้าเหนือหัวของเขาฟังว่า

    นอร์นไฮม์ก่อกบฎพะย่ะค่ะ สิ้นเสียงนายทหารคนดังกล่าว  รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ผุดขึ้นบนใบหน้าของซีดเซียวของโลกิหลังจากที่เขามีท่าทีตกใจอยู่เพียงครู่เดียวเท่านั้น  ราชาแห่งแอสการ์ดลุกขึ้นจากบัลลังค์ขณะที่สายตากำลังจับจ้องนายทหารคนนั้นอย่างพอใจ  มือข้างหนึ่งกำคฑาไว้ก่อนที่เขาจะสั่งออกไป

    ถ้าเช่นนั้นนอร์นไฮม์ก็จะต้องชดใช้ในการกระทำของพวกมัน  เจ้าไปตามเลดี้ซิฟกับนักรบทั้งสามมา เขาสั่งอย่างไม่ลังเล  สิ้นเสียงเจ้าเหนือหัว  นายทหารคนดังกล่าวก็รุดไปหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างรวดเร็ว  ทางด้านโลกินั้นได้แต่มองตามแผ่นหลังที่หายลับไปของนายทหารคนดังกล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์และสายตาที่บ่งบอกถึงความพึงพอใจไม่แพ้ในครั้งที่เขาจ้องมองธอร์เดินจากเขาไปโดยทิ้งบัลลังค์แอสการ์ดให้เป็นของขวัญเขาเลยแม้แต่น้อย

    ในที่สุดก็มีเรื่องมาให้เขาทำแก้เบื่อเสียที!

     

     

    ************************************************************

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×