ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Made of Honor [เวอร์ชั่น มัลฟอยกับเฮอร์ไมโอนี่]

    ลำดับตอนที่ #8 : งานแต่งงาน: The Wedding

    • อัปเดตล่าสุด 11 ต.ค. 64


    คุยกันก่อนอ่าน

    เรากลับมาอัปฟิคเรื่องนี้แล้วนะคะ ขอโทษด้วยน้าที่ห่างหายไปเสียนาน แต่เราจะพยายามไล่อัปไปทีละเรื่องนะคะ (ขึ้นอยู่กับจิ้นด้วยน้า ว่าจิ้นเรื่องไหนก่อน) และจะพยายามอัปให้จบทุกเรื่องนะคะ สำหรับนักอ่านที่อ่านจบแล้ว คิดเห็นยังไงเม้นคุยกันได้นะคะ และถ้าใครเล่นทวิตเตอร์มาคุยกับเราได้ที่ @little_piksi น้า

    ***Chapter 8 งานแต่งงาน: The Wedding***

    ในที่สุดงานแต่งงานของเฟลิกซ์กับภรรยาใหม่ของเขาก็มาถึง เดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่เดินทางไปฝรั่งเศสก่อนงานแต่งงานสองวันและทั้งสองก็ไปพักอยู่ที่โรงแรมของเดรโกระหว่างที่อยู่ที่นั่น เดรโกตัดสินใจว่าจะเดินทางไปที่งานในวันแต่งงานเลย โดยชายหนุ่มอ้างเหตุผลว่าที่เขาไม่เดินทางไปสถานที่จัดงานก่อนวันงานก็เพราะเขาแน่ใจว่าพ่อทูนหัวของเขาคงไม่ต้องการการช่วยเหลือใด ๆ ในงานแต่งงานเนื่องจากเฟลิกซ์ต้องจ้างนัดจัดงานแต่งงานมือดีมาเป็นผู้จัดงานอยู่แล้ว อีกทั้งผู้ชายที่ผ่านการแต่งงานมาถึงห้าครั้งอย่างพ่อทูนหัวของเดรโกก็คงจะเชี่ยวชาญขั้นตอนพิธีการต่าง ๆ ในการแต่งงานจนเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือใด ๆ จากลูกทูนหัวที่ไม่เคยแต่งงานสักครั้งอย่างเดรโกเป็นแน่ แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเหตุผลที่แท้จริงของเดรโกคือเขาไม่อยากต้องไปใช้เวลากับพ่อและคู่หมั้นใหม่ของเขาก่อนเข้าพิธีนานเกินไปเท่านั้นเอง

    และเมื่อวันงานมาถึงทั้งสองก็เดินทางไปยังโบสถ์ซึ่งเป็นที่จัดงาน โบสถ์แห่งนี้ตั้งอยู่ที่เมืองนีซซึ่งเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ที่เฟลิกซ์พักอยู่ที่ฝรั่งเศสและเป็นสถานที่เขาจัดงานแต่งงานครั้งก่อนอีกด้วย! แต่ถ้าไม่นับเรื่องที่เฟลิกซ์จัดงานแต่งงานซ้ำ ๆ กับหญิงสาวอายุคราวลูกแถมยังมาจัดที่โบสถ์แห่งเดิมด้วยแล้วนั้น เฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่าโบสถ์แห่งนี้มีบรรยากาศที่ดีมากทีเดียวเพราะมันตั้งอยู่บนเนินเขาที่สามารถมองเห็นทะเลเบื้องล่างได้ และเมื่อได้เห็นวิวทิวทัศน์และบรรยายกาศงดงามรอบตัวในตอนที่เธอมาร่วมงานแต่งงานของเฟลิกซ์เป็นครั้งแรกแล้วนั้น หญิงสาวก็อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีโอกาส เธอก็อยากจะจัดงานแต่งงานเล็ก ๆ ที่โบสถ์ที่มีบรรยากาศคล้ายกับที่นี่เหมือนกัน

    “เธอเข้าไปก่อนละกันนะ ฉันจะเข้าไปดูเฟลิกซ์ซักหน่อย” เสียงเดรโกดังขึ้นปลุกเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นจากภวังค์ แม้มันจะดูแปลกไปบ้างที่เพื่อนเจ้าบ่าวอย่างชายหนุ่มมาถึงงานแต่งงานในเวลาพร้อมเพรียงกับแขกเหรื่อแบบนี้ หากแต่มันก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักเพราะนี่เป็นการแต่งงานครั้งที่ห้าของเฟลิกซ์ที่เดรโกมาเข้าร่วมในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าว

    เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็พยักหน้าให้เขา แต่ก่อนที่เธอจะเดินเข้าไปหาที่นั่งในโบสถ์ เธอก็ไม่ลืมเรียกชายหนุ่มไว้

    “เดรโก อย่าลืมเรื่องที่เราคุยกันไว้นะ” หญิงสาวพูดถึงเรื่องที่เธอบอกเขาว่าเขาควรจะพูดอะไรกับพ่อทูนหัวของเขาบ้างเกี่ยวกับงานแต่งงานครั้งนี้

    “เรื่องอะไรงั้นเหรอเฮอร์ไมโอนี่ หมู่นี้ชั้นยิ่งขี้ลืมซะด้วยสิ” ชายหนุ่มพูดทีเล่นทีจริง แต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าเขาจำเรื่องที่เธอกำลังพูดถึงได้ดี และเมื่อเดรโกเห็นว่าหญิงสาวส่งสายตาที่เหมือนกับสายตาของศาสตราจารย์มักกอนนากัลมากมาให้เขา ชายหนุ่มก็พูดขึ้นทันที

    “อ๋อ ชั้นจำได้แล้วล่ะ ชั้นจะบอกเฟลิกซ์ว่า ถ้าเขามีความสุข ชั้นก็มีความสุข” เขาพูดราวกับเพิ่งจำได้

    “แล้วเธอก็ต้องบอกรักเฟลิกซ์ด้วยล่ะ อย่าลืมด้วยนะ” เฮอร์ไมโอนี่เตือน

    “เรื่องนั้นชั้นจำไม่ได้นะว่าชั้นเคยรับปากเธอไว้ด้วยน่ะ ได้เวลาแล้ว ชั้นต้องไปล่ะ แล้วเจอกัน” ชายหนุ่มพูดก่อนจะก้มลงจูบแก้มเฮอร์ไมโอนี่เร็ว ๆ และเดินหายไปอีกทางหนึ่งทันที ขณะที่หญิงสาวผู้เป็นเพื่อนสนิทของเขาส่ายหน้าให้เขาอย่างจนใจ สำหรับเดรโกแล้วมันคงจะเป็นไปไม่ได้สินะที่เขาจะพูดคำว่ารักใครออกมาน่ะ เฮอร์ไมโอนี่คิดพลางมองแผ่นหลังของชายหนุ่มที่เธอคุ้นเคยหายลับไปทางประตูด้านหลังโบสถ์ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้าไปหาที่นั่งข้างใน

    ที่ห้องด้านหลังซึ่งมีไว้สำหรับให้เจ้าบ่าวมาเตรียมตัวก่อนเข้าพิธี เฟลิกซ์ ซิลเวอร์กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งภายในห้องรับรองในโบสถ์ ในห้องนั้นมีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งกำลังโน้มตัวลงมาเขียนอะไรขยุกขยิกอยู่บนกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมกับพูดคุยโต้ตอบกับเฟลิกซ์ไปด้วย แม้ว่ามันจะเป็นภาพที่ดูแปลกตาไม่น้อยที่จะได้เห็นก่อนพิธีแต่งงาน แต่เดรโกรู้สึกว่าเขาเห็ฯภาพตรงหน้ามาจนชินเสียแล้ว ชายหนุ่มคิดก่อนจะเดินเข้าไปหาพ่อทูนหัวของเขา

    เฟลิกซ์เป็นผู้ชายวัยหกสิบกว่าปี ผมของเขาเป็นสีเทาเกือบขวาทั้งศีรษะ รูปร่างสูงใหญ่แต่ดูแข็งแรง ดวงตาสีน้ำตาลที่ดูร่าเริงของเขาซ่อนอยู่ใต้แว่นตา เขาใส่ชุดคลุมที่ดีที่สุดเท่าที่ทองแกลเลียนจะหาซื้อได้ และเมื่อเดรโกเดินเข้าไปใกล้เขาชายหนุ่มก็จับใจความบทสนทนาระหว่างเขากับแซมผู้ช่วยของเขาได้

    “หล่อนต้องการอะพาร์ตเมนต์ในเมืองพร้อมเงินเดือนห้าพันแกลเลียนต่อเดือน แต่เธอจะมานอนค้างกับคุณที่คฤหาสน์ที่นีซสัปดาห์ละสามครั้ง” แซมอ่านข้อความบนกระดาษตรงหน้าก่อนจะถ่ายทอดให้เฟลิกซ์ฟัง

    “ฉันต้องจ่ายห้าพันโดยที่เมียฉันจะมาอยู่กับฉันแค่สามวันต่อสัปดาห์เนี่ยนะ!” เฟลิกซ์ท้วงขึ้นมา ขณะที่เดรโกยืนมาหยุดอยู่หน้าเขาพร้อมกับส่ายศีรษะอย่างระอา มันต้องเป็นแบบนี้ทุกทีสินะ เฟลิกซ์ยังตกลงเรื่องสัญญาการแต่งงานกับว่าที่เจ้าสาวของเขาอยู่เลย!

    “นี่ยังคุยเรื่องสัญญาการแต่งงานกันไม่จบอีกหรือครับ” ชายหนุ่มพูดขึ้น และเมื่อเฟลิกซ์เห็นเดรโกเขาก็ยิ้มกว้างพลางลุกขึ้นทันที

    “ใกล้จบแล้วล่ะ ลูกชายฉันมาถึงแล้วนี่ ใช่ไหม” เฟลิกซ์พูดพลางคว้าตัวเดรโกมากอดแน่นราวกับเขาเป็นเด็ก ๆ จนชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะดันตัวออกมาเล็กน้อย เพราะถึงจะเป็นคนในครอบครัวเดียวกันก็ตามแต่ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไหร่เฟลิกซ์ก็ดูเหมือนจะปฏิบัติต่อเขาราวกับเขาเป็นเด็กอายุสิบขวบอยู่ดี

    “แล้วนี่พาเฮอร์ไมโอนี่มาด้วยรึเปล่า” เฟลิกซ์ถามหลังจากปล่อยลูกทูนหัวออกจากอ้อมกอดแล้ว เดรโกยิ้มเมื่อพ่อทูนหัวเอ่ยถึงเฮอร์ไมโอนี่ออกมา

    “แน่นอนครับ ผมพาเธอมาอยู่แล้ว” เขาพูดราวกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะพาเพื่อนสนิทคนนี้ของเขามางานแต่งงานของเฟลิกซ์ติดกันเป็นครั้งที่สี่แล้ว

    และดูเหมือนเฟลิกซ์จะอ่านสีหน้าของลูกชายออกเมื่อเขาพูดขึ้น

    “นี่แกยังไม่ยอมจีบเธออีกเรอะ”

    “พ่อ เฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนผมนะ” เดรโกเถียงออกมาอย่างหนักแน่นราวกับเขารู้ดีว่ามันยากที่จะเชื่อว่าเพลย์บอยอย่างเขาจะมีเพื่อนสนิทที่เป็นผู้หญิงได้

    “ฉันเห็นเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานแล้ว ทำไมมัวแต่ชักช้าอยู่ ผู้หญิงดี ๆ แบบนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ นะ” เฟลิกซ์บ่นพึมพำ ขณะที่เดรโกส่ายหน้าอย่างจนใจ แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฟลิกซ์เชียร์ให้เขาลงหลักปักฐานกับใครสักคนและแน่นอนว่าผู้หญิงที่เฟลิกซ์มักจะเชียร์ให้เขาคบมากที่สุดก็คือเฮอร์ไมโอนี่นี่แหละ

    “ถ้าแกมัวแต่ชักช้า พ่อจะเอาเธอมาทำเมียคนที่หกละกันนะ” ชายชราพูด

    “พ่อ!” ชายหนุ่มประท้วงกับมุกตลกของพ่อทูนหัวที่ฟังดูไม่ตลกเท่าไหร่นัก

    “เบอร์เจ็ดครับ” อยู่ ๆ เสียงของแซมก็ดังขึ้นขัดจังหวะการสนทนาของสองพ่อลูก “คนนี้ต่างหากเบอร์หก ถ้าคุณหย่ากับคนนี้ คุณเฮอร์ไมโอนี่ก็คงเป็นเบอร์เจ็ด” แซมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังเกินกว่าที่จะมองเป็นเรื่องตลกได้

    “แล้วนี่เจรจากันไปถึงไหนแล้วครับ” เดรโกถามขึ้น เขาไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดกับไอเดียที่พ่อทูนหัวของเขาจะเอาเพื่อนสนิทมาเป็นแม่เลี้ยงของเขาเท่าไหร่นักแม้ว่ามันจะเป็นแค่มุกตลกก็ตาม

    “หล่อนไม่ตกลงที่ห้าครั้งต่อสัปดาห์ครับ” แซมพูดขึ้น แต่เหมือนว่าเขาจะพูดให้เฟลิกซ์ฟังมากกว่าที่จะตอบคำถามของเดรโก ชายหนุ่มถือเอกสารอยู่ในมือซึ่งเดรโกรู้ดีว่าเขาคงกำลังใช้กระดาษร่ายมนตร์เพื่อเขียนข้อความติดต่อกับทนายฝ่ายเจ้าสาวเพื่อตกลงสัญญากันอยู่

    “ฝั่งโน้นกำลังเจรจาเป็นสามครั้งแถมบริการพิเศษอีกสองครั้งครับ” แซมกล่าวให้กับสีหน้างงงันของเดรโก แต่ดูเหมือนว่าพ่อทูนหัวของเขาที่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้ดีกว่าชายหนุ่มที่ไม่เคยผ่านการแต่งงานหรือการทำสัญญาก่อนแต่งงานมาก่อนอย่างเดรโกจะเข้าใจคำพูดนั้นของแซมดี

    “ขอเป็นสี่ครั้งต่อสัปดาห์ แถมบริการพิเศษอีกหนึ่ง” เฟลิกซ์ตอบออกไปอย่างกระตือรือร้น ขณะที่แซมกำลังจดลายมือขยุกขยิกลงบนกระดาษ และเมื่อเดรโกชะโงกดูเขาก็พบว่ามีการตอบกลับมาว่าตกลงที่สองครั้งแถมหนึ่งบริการพิเศษแค่หนึ่งครั้งต่อสัปดาห์พอ

    เมื่อพอจะเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร เดรโกจึงหันไปมองพ่อเขาอย่างอึดอัด แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้หรือครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมาของเฟลิกซ์เท่าไหร่นัก แต่เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถห้ามเฟลิกซ์ได้

    และดูเหมือนว่าพ่อทูนหัวของเขาจะเห็นแววอึดอัดที่ปรากฏออกมาทางสายตาและท่าทีของลูกทูนหัว จนมันทำให้เฟลิกซ์ยอมปลีกตัวจากแซมและการหารือเรื่องสัญญาการแต่งงานเพื่อเดินมาหาเดรโกซึ่งตอนนี้กำลังยืนอยู่หน้าเตาผิงในห้องรับรองแห่งนี้

    “แกมีอะไรจะพูดก็พูดมา” เฟลิกซ์พูดด้วยน้ำเสียงที่เขร่งขรึมก่อนมากกว่าตอนที่เขาพูดกับแซมหลายเท่านัก

    เดรโกหันมาหาพ่อทูนหัวของเขาอย่างแปลกใจ ชายหนุ่มพยายามจะทำสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

    “ผมเหรอ ผมไม่ได้มีอะไรจะพูดนี่พ่อ” เขากล่าว

    “พ่อรู้ว่าแกจะพูดอะไร แม่นั่นเป็นลูกพ่อได้เลย มันน่าอาย และสุดท้ายมันต้องจบลงด้วยการหย่าเหมือนการแต่งงานครั้งก่อน ๆ” เขาร่ายยาว เดรโกเลิกคิ้วให้กับคำพูดนั้นของพ่อทูนหัว ชายหนุ่มไม่คิดมาก่อนว่าเฟลิกซ์จะยอมรับเรื่องนี้ออกมาตรง ๆ

    “ผมแค่อยากจะบอกว่า ถ้าพ่อมีความสุข ผมก็มีความสุข” เขาพูดออกไปตามที่ตกลงกับเฮอร์ไมโอนี่ไว้ และสิ่งที่เขาได้รับกลับมาก็คือสีหน้าประหลาดใจมากกว่าครั้งไหน ๆ ของเฟลิกซ์

    “เหลวไหลทั้งเพ” ชายชราเหว “แกไม่ได้คิดแบบนี้จริง ๆ หรอก ดูหน้าแกสิ ดูมีความสุขซะที่ไหน”

    “ผมคิดแบบนั้นจริง ๆ พ่อ” เดรโกย้ำ แม้เขาจะรู้ดีว่าที่พ่อทูนหัวของเขาพูดออกมานั้นถูกต้องทุกประการ

    เฟลิกซ์มองเขาอย่างสงสัยก่อนจะพูดต่อ

    “นี่เฮอร์ไมโอนี่บอกให้แกพูดสินะ” เฟลิกซ์ว่า พลางมองเดรโกด้วยสายตาคาดคั้น ขณะที่ชายหนุ่มเองก็แปลกใจไม่น้อยที่พ่อของเขารู้ดีขนาดนี้ แต่เขาอดที่จะยิ้มน้อย ๆ ออกมาไม่ได้เมื่อได้ยินชื่อเพื่อนรักของเขา

    “ทำไมถึงคิดว่าเป็นเฮอร์ไมโอนี่ล่ะพ่อ พ่อไม่คิดว่าเพื่อนคนอื่นของผมจะเป็นคนแนะนำให้ผมพูดแบบนี้เหรอ” เดรโกยอมรับกลาย ๆ ว่าไม่ใช่เขาหรอกที่เป็นคนต้นคิดเรื่องประโยคนี้ เพราะแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้รู้สึกยินดีเลยแม้แต่น้อยที่เฟลิกซ์จะต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงที่ยอมเป็นภรรยาเขาเพียงเพื่อเงินครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ แต่ที่เขาสงสัยก็คือทำไมพ่อของเขาถึงรู้ว่าความคิดนี้มาจากเฮอร์ไมโอนี่กันนะ

    “เพราะเพื่อนแกคนอื่นไม่ได้มีนิสัยแบบนี้ไงล่ะ คงต้องเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นอย่างเฮอร์ไมโอนี่ถึงจะพูดคำพูดแบบนี้ออกมาได้” ชายชราพูดอย่างรู้ทันจนเดรโกอดทึ่งไม่ได้

    ชายหนุ่มรู้สึกทึ่งไม่น้อยกับคำพูดนั้นของพ่อทูนหัว แม้ว่ามันจะเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนก็ตาม แต่เขาก็ไม่อาจโต้แย้งได้เลยแม้แต่น้อยว่าเฮอร์ไมโอนี่เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนอื่นและมีจิตใจที่ดีงามจริง ๆ อันที่จริงหญิงสาวเป็นคนที่มีจิตใจงดงามมากที่สุดคนหนึ่งเท่าที่ชายหนุ่มเคยเจอมาตลอดทั้งชีวิตของเขาเลยด้วยซ้ำ

    และเขาก็โชคดีเหลือเกินที่เขามีผู้หญิงอย่างเฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนสนิทตลอดหลายปีที่ผ่านมานี่ ดังนั้นเขาจึงต้องรักษาความเป็นเพื่อนระหว่างเขากับเธอไว้เป็นอย่างดี เพราะเขาจะไม่ยอมให้มีอะไรมาทำลายมิตรภาพระหว่างเขากับเธอได้เป็นอันขาด!

    แต่เดรโกที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ความคิดก็ต้องตกใจไม่น้อยเมื่อพ่อทูนหัวของเขาพูดประโยคต่อไปออกมา

    “เพราะงี้เธอถึงเหมาะจะเป็นเมียเบอร์เจ็ดของพ่อไง ถึงตอนนั้นแกคงไม่คัดค้านใช่มั๊ยเดรโก” เฟลิกซ์พูดติดตลก

    เดรโกประท้วงออกมาว่า “พ่อ!” แต่เหมือนเฟลิกซ์จะไม่สนใจเขาแล้วเมื่อเสียงของแซมดังนั้น

    “ตกลงกันได้ที่สี่ครั้งแถมบริการพิเศษหนึ่งครั้งต่อสัปดาห์ครับ!” แซมที่เพิ่งเงยหน้ามาจากการเขียนโต้ตอบเรื่องสัญญาแต่งงานพูดขึ้น

    “แต่มีเงื่อนไขว่าห้ามคุณน้ำหนักขึ้นอีกแล้วนะครับ” ชายหนุ่มกล่าวอย่างยินดีพลางส่งปากกาไปให้เฟลิกซ์ที่กำลังเดินไปหาเขาด้วยสีหน้าสดใส

    “ไม่มีปัญหา” เฟลิกซ์พูด “ฉันบอกน้ำหนักเกินไปตั้งสิบปอนด์ตอนเจรจากันครั้งแรก” เขาหันมากระซิบกับเดรโกที่ทำหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า

    หลังจากยื่นปากกาให้เฟลิกซ์แล้วแซมก็ยื่นเอกสารสองฉบับมาให้พ่อทูนหัวของเขาเซ็น

    “นี่มันอะไรบ้างเนี่ยครับ” เดรโกถามอย่างงง ๆ แม้ว่าชายหนุ่มจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้กับพ่อทูนหัวของเขาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่ชินกับขั้นตอนต่าง ๆ ในการทำสัญญาก่อนการแต่งงานอยู่ดี

    “สัญญาการแต่งงานครั้งนี้และใบหย่าครั้งก่อนครับ” แซมตอบแทนที่เฟลิกซ์กำลังวุ่นวายกับการลงชื่อบนเอกสารตรงหน้า ขณะที่เดรโกที่ไม่รู้เลยว่าเขาควรจะทำหน้าอย่างไรดีที่พ่อของเขาเพิ่งมาเซ็นใบหย่าสำหรับการแต่งงานครั้งที่แล้วก่อนการแต่งงานครั้งใหม่แค่ไม่กี่นาทีแบบนี้ นี่ยังไม่นับสัญญาการแต่งงานที่ไม่มีสาระสำคัญอะไรไปมากกว่าข้อตกลงเรื่องเงินและเรื่องเซ็กส์อีกด้วย

    ‘ถ้าเขามีความสุข ฉันก็มีความสุขไปด้วย’ ชายหนุ่มทวนถ้อยคำที่เฮอร์ไมโอนี่เคยบอกเขาในหัวเมื่อเฟลิกซ์ที่เพิ่งเซ็นชื่อเอกสารเสร็จเงยหน้ามองเขาราวกับต้องการบอกว่าเขาพร้อมจะเข้าพิธีแต่งงานครั้งนี้แล้ว

    เดรโกสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องเพื่อตามเฟลิกซ์ไปเข้าร่วมพิธีแต่งงานครั้งที่หกของเขา

    .................................................

    งานแต่งงานผ่านไปได้ด้วยดีส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะสัญญาการแต่งงานที่มีการตกลงกันเรียบร้อยตั้งแต่ก่อนทำพิธีแล้วตามความคิดของเดรโก และเมื่อพิธีเริ่มขึ้นชายหนุ่มก็ได้มีโอกาสเห็นเจ้าสาวคนใหม่ของพ่อทูนหัวของเขาอย่างเต็มตา แน่นอนว่าหล่อนเป็นผู้หญิงที่จัดว่าสวยคนหนึ่ง หล่อนมีอายุราว ๆ สามสิบปี ซึ่งก็หมายความว่าหล่อนมีอายุห่างจากเขารวมถึงเฮอร์ไมโอนี่เพียงไม่กี่ปีเท่านั้น หากแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกว่าเมียใหม่ของเฟลิกซ์คนนี้ดูไม่ต่างจากเจ้าสาวคนที่ผ่านมาของเขาแต่อย่างใดก็คือใบหน้าที่บรรจงปั้นมาดีจนแทบจะไม่มีที่ติของหล่อน ราวกับหล่อนเตรียมใจรวมถึงคาดคะเนในสิ่งที่จะเกิดขึ้นมาก่อนแล้ว

    นี่เป็นลักษณะที่เดรโกพบว่าเจ้าสาวคราวลูกของเฟลิกซ์นั้นต่างมีร่วมกันก็คือพวกหล่อนสามารถปั้นใบหน้ายิ้มอย่างมีความสุขระหว่างทำพิธีออกมาได้อย่างแนบเนียนยิ่งนัก ราวกับว่าการเข้าพิธีแต่งงานในครั้งนี้เป็นเพียงการแสดงฉากหนึ่งเท่านั้น และในสายตาของชายหนุ่มสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นบนสีหน้าของเจ้าสาวรุ่นลูกรายแล้วรายเล่าของเฟลิกซ์ก็คือ ความประหม่าตื่นเต้น และน้ำตาที่คลอเอ่อด้วยความตื้นตันใจยามที่เจ้าสาวได้เข้าพิธีแต่งงานกับคนที่รัก เนื่องจากการแต่งงานของเฟลิกซ์ทุกครั้งที่เดรโกเคยเข้าร่วมในฐานะเพื่อนเจ้าบ่าวนั้นไม่ได้เกิดมาจากความรัก แต่มันเปรียบเสมือนข้อแลกเปลี่ยนทางธุรกิจเสียมากกว่า!

    หลังจากพิธีแต่งงานผ่านไปอย่างราบรื่น บรรดาเจ้าบ่าวและเจ้าสาวรวมถึงแขกเหรื่อก็ย้ายไปกินเลี้ยงกันที่ห้องจัดเลี้ยงซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวโบสถ์ แน่นอนว่างานเลี้ยงนั้นถูกจัดอย่างหรูหราและมีการเสิร์ฟอาหารชั้นดีรวมทั้งเครื่องดื่มราคาแพง หากแต่เฟลิกซ์ก็ไม่ลืมที่จะจ้างดีเจที่กำลังมาแรงเปิดเพลงในงานเพื่อเอาใจภรรยาใหม่และเพื่อน ๆ ของหล่อนอีกด้วย แม้บรรดาแขกเหรื่อรุ่นราวคราวเดียวกับเขาจะบ่นอุบว่าเสียงดนตรีในดังงานแสบแก้วหูแค่ไหนรวมถึงพวกเขาอาจจะพิจารณาไม่มางานแต่งงานของเฟลิกซ์ครั้งต่อ ๆ ไปแล้วก็ตาม แต่ดูเหมือนพ่อทูนหัวของเดรโกนั้นจะไม่สนใจคำวิจารณ์เหล่านั้นเลยแม้แต่น้อยเพราะตอนนี้เขากำลังเต้นรำอยู่กลางฟลอร์กับเจ้าสาวหมาด ๆ ของเขาและแม่เลี้ยงคนใหม่ของเดรโกที่ชื่อพาเมล่า ซาแมนธ่า หรืออะไรก็ตามนั่นอย่างสนุกสนาน

    ชายหนุ่มเบือนหน้าจากภาพที่เขาเคยเห็นมาหลายต่อหลายครั้งตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาเพียงแค่เปลี่ยนตัวเจ้าสาวไปเท่านั้น ก่อนจะหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังนั่งอยู่ตรงบาร์เครื่องดื่มภายในงานก่อนจะเดินไปหาเพื่อนรักของเขา

    เมื่อเดรโกเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหญิงสาว เธอก็ยิ้มเมื่อเห็นเขาพลางบอกเขาว่าเธอสั่งเครื่องดื่มและเค้กที่เขาน่าจะชอบไว้รอเขาแล้ว และนี่เป็นอีกครั้งที่เดรโกสังเกตเห็นว่าเพื่อนสนิทของเขาคนนี้รู้ใจเขาไปหมดทุกเรื่องอย่างที่ไม่มีใครบนโลกจะมาแทนที่เธอได้

    หลังจากที่เดรโกนั่งลงบนเก้าอี้สตูลข้าง ๆ เฮอร์ไมโอนี่ บาร์เทนเดอร์เดินมาเสิร์ฟเครื่องดื่มให้พวกเขาก่อนจะหายลับไปที่หลังร้านอีกครั้ง เดรโกหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาถือพลางมองลงไปยังฟลอร์เต้นรำที่มีพ่อทูนหัวของเขาและภรรยาใหม่กำลังเต้นรำกันอยู่

    “เธอได้บอกเขาไปรึยัง” เสียงของเฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น เดรโกเลิกคิ้วให้กับคำถามนั้น

    “หือ”

    “ที่เราตกลงกันไว้ไง ที่เธอต้องบอกว่า….” ไม่ทันที่หญิงสาวจะพูดจบ ชายหนุ่มก็ขัดขึ้น

    “ถ้าเขามีความสุข ฉันก็มีความสุข ฉันบอกเขาไปแล้วเฮอร์ไมโอนี่” เดรโกพูด

    “แล้วเรื่องบอกว่าเธอรักเขาล่ะ” เธอถามต่อ

    “ตอนนั้นมันไม่มีเวลามากเท่าไหร่น่ะ เฟลิกซ์เองก็กำลังยุ่งกับสัญญาการแต่งงาน” เขาเริ่มเฉไฉ แต่เมื่อเดรโกเห็นสายตาที่อีกฝ่ายใช้มองเขา เขาก็รู้ดีว่าเขาไม่สามารถปฏิเสธที่จะไม่ตอบคำถามของอีกฝ่ายได้แน่

    “ก็ได้ ชั้นยอมรับก็ได้ว่าชั้นไม่ได้บอกเฟลิกซ์ว่าชั้นรักเค้า” เขาสารภาพ

    เฮอร์ไมโอนี่มีท่าทีไม่สบอารมณ์เช่นเดียวกับที่เธอเป็นเวลาเรื่องบางอย่างไม่ได้เป็นไปตามที่เธอต้องการ หากแต่เธอก็ดูไม่ประหลาดใจเท่าไหร่นัก

    “เฟลิกซ์เป็นคนในครอบครัวเธอนะ เดรโก เธอบอกรักไม่ได้แม้กระทั่งคนในครอบครัวเธอเลยเนี่ยนะ ชั้นไม่เข้าใจจริง ๆ” น้ำเสียงของหญิงสาวฟังดูงุนงงมากกว่าคาดคั้น

    “มันเป็นนิสัยของผู้ชายหรอกน่า เฮอร์ไมโอนี่” เขาแก้ตัวขณะที่อีกฝ่ายส่ายหน้า

    “ไม่หรอก มันเป็นนิสัยของเธอต่างหาก เดรโก” หญิงสาวพูดเรียบ ๆ ราวกับเธอเพิ่งยอมรับความจริงข้อนี้ได้ในตอนนี้เอง ก่อนที่เธอจะก้มลงจิบเครื่องดื่ม

    “ส่วนเธอก็เป็นประเภทบอกรักคนอื่นไปทั่ว” ชายหนุ่มพูด เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นมองเขาทันที

    “อะไรนะ”

    “ก็เธอเป็นคนที่ชอบบอกรักคนอื่นไง เธอบอกรักทุกคน ‘ชั้นรักเธอ แฮร์รี่’ ‘ชั้นรักนายนะ รอน’ งี้” เดรโกพูดกับสีหน้าที่ดูงุนงงของเฮอร์ไมโอนี่

    “ชั้นเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เหรอ” เธอถาม

    “ไม่ใช่เพิ่งเป็นด้วยนะ เธอเป็นมาตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว ตอนนั้นชั้นถึงคิดว่าเธอคบกับพอตเตอร์ไม่ก็วีสลีย์ไงล่ะ” ถึงจะสนิทกันแค่ไหนก็ตาม แต่เดรโกก็ยังคงชอบที่จะเรียกแฮร์รี่กับรอนด้วยนามสกุลอยู่ดี ราวกับว่าการเรียกชื่อต้นของอดีตคู่อริออกมาเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์สำหรับทายาทเพียงคนเดียวของตระกูลมัลฟอยอย่างเขา

    ทางด้านเฮอร์ไมโอนี่นั้นก็นึกทบทวนว่าเธอเป็นแบบที่เดรโกพูดจริง ๆ หรือเปล่า ก่อนที่เธอจะพูดออกมา

    “งั้นตอนนี้ที่ชั้นบอกรักเธอก็หมายความว่าชั้นคบกับเธอด้วยน่ะสิ” หญิงสาวพูดทีเล่นทีจริง “แต่ชั้นก็ยอมรับนะว่าชั้นอาจจะพูดคำว่ารักเยอะเกินไปจริง ๆ แต่ชั้นก็หมายความอย่างนั้นจริง ๆ นะ”

    “งั้นก็แสดงว่าเธอก็แอบรักชั้นอยู่เหมือนกันสินะ” เดรโกหยอก หากแต่เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีกว่าคำพูดนั้นเป็นแค่การล้อเล่นมากกว่าการจงใจจะจีบเธอจริง ๆ จัง ๆ อย่างที่เขาทำกับผู้หญิงคนอื่น ๆ

    เฮอร์ไมโอนี่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีเงินอันแสนจะคุ้นเคยของเดรโกก่อนจะพูดออกมา

    “เธอก็รู้ว่าชั้นรักเธอ เดรโก เธอเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดคนนึงของชั้น” เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าเธอหมายความอย่างที่พูดจริง ๆ

    “จริงเหรอ รักมากกว่าวีสลีย์แล้วก็พอตเตอร์ด้วยรึเปล่า” เขาถาม เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มกับคำถามนั้น

    “เธอก็รู้ว่ามันเปรียบกันไม่ได้ซักหน่อย” เมื่อเธอพูดจบ เดรโกทำเสียงบางอย่างในลำคอที่มันใกล้กับคำว่า ‘เฮอะ’ มาก แต่ก่อนที่หญิงสาวจะมีโอกาสพูดอะไรไปมากกว่านั้น พนักงานก็เดินกลับมาพร้อมเค้กที่เฮอร์ไมโอนี่สั่งเผื่อพวกเขาทั้งสองคน

    พนักงานเสิร์ฟวางจานเค้กสองจานตรงหน้าพวกเขา และเมื่อคว้าส้อมได้ ทั้งสองก็เริ่มชิมเค้กในจานของตัวเองก่อนจะหันไปชิมจานของอีกฝ่ายต่อทันที

    เดรโกที่ชิมเค้กช็อกโกแลตครีมฟัดจ์ที่เฮอร์ไมโอนี่สั่งมาให้เขาแล้วจึงหันไปตักเค้กในจานของหญิงสาวมาชิมโดยที่ไม่ขออนุญาตเธอก่อน

    “อร่อยจัง นี่เธอสั่งอะไรไปน่ะ” เขาถาม

    “เค้กมะพร้าว มันหากินยากหน่อย แต่โชคดีที่ที่นี่มี” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    “ต่อไปชั้นต้องสั่งเค้กมะพร้าวบ้างแล้ว” เดรโกพูดหลังจากลองชิมเค้ก เนื้อสัมผัสของมันนุ่มลิ้นแถมหอมกลิ่นมะพร้าวอ่อน ๆ อีกด้วย

    “ไม่สิ เธอต้องสั่งเค้กช็อกโกแลตครีมฟัดจ์ต่อสิ ชั้นจะได้แย่งกินได้ไง” เฮอร์ไมโอนี่หันมาตักเค้กจากจานของเดรโกไปชิมบ้างหลังจากที่ชายหนุ่มแอบมาเนียนกินจานของเธอไปเยอะแล้ว

    อันที่จริงแล้วนี่เป็นสิ่งที่เดรโกกับเฮอร์ไมโอนี่ทำมาเป็นเวลานานแล้ว เพราะหลังจากที่เฮอร์ไมโอนี่แนะนำให้เขารู้จักโลกของของหวาน เธอกับเขาก็มักจะไปตระเวนหาร้านของหวานกินด้วยกันเป็นประจำ และสิ่งที่พวกเขามักจะทำก็คือการผลัดกันชิมเค้กที่อีกฝ่ายสั่งมา จนเหมือนมันเป็นธรรมเนียมของพวกเขาไปแล้วว่าพวกเขาจะไม่สั่งของหวานที่เหมือนกัน แต่จะสั่งมาคนละอย่างแล้วผลัดกันชิมเมนูใหม่ ๆ แทน

    แต่ก่อนที่ทั้งสองจะเพลิดเพลินไปกับการกินของหวานตรงหน้าไปมากกว่านี้ ก็มีร่าง ๆ หนึ่งเดินตรงมาทางพวกเขา ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเจ้าสาวของพิธีแต่งงานในวันนี้และแม่เลี้ยงคนใหม่ของเดรโกนั่นเอง หล่อนเดินทางมาทักพวกเขาถึงบาร์ที่พวกเขากำลังนั่งอยู่

    “มาอยู่นี่เอง ลูกชายของฉัน!” หล่อนปรี่เข้ามาหาเดรโกและทักทายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูหวานเชื่อม แต่ถ้าดูจากท่าเดินของหล่อนแล้วนั้นก็มองออกว่าหล่อนคงจะดื่มมากเกินไปเสียหน่อย

    “เอ่อ สวัสดีครับ” เดรโกทักอย่างไว้ตัว ราวกับเขาไม่รู้จะวางตัวอย่างไรเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าแม่เลี้ยงคนใหม่ที่มีอายุมากกว่าเขาไม่เท่าไหร่นัก แม้ว่าชายหนุ่มจะผ่านสถานการณ์แบบเดียวกันนี้มาหลายต่อหลายครั้งแล้วแต่เขาก็ไม่มีท่าทีว่าจะชินกับมันเสียที โดยเฉพาะที่เมียใหม่ของพ่อ ให้ตายสิ หล่อนชื่ออะไรกันนะ มองด้วยสายตาหวานเชื่อมที่หล่อนควรจะเก็บไว้ใช้มองสามีของหล่อนมากกว่า และเมื่อชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ เจ้าสาวคนใหม่ของเฟลิกซ์ก็ปรี่เข้ามากอดเขาราวกับพวกเขาสนิทกันมานานแบบนี้

    กอดนั้นจบลงเร็ว ๆ พอกับที่มันเริ่มขึ้น แต่ดูเหมือนนั่นไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวที่แม่เลี้ยงคนใหม่ของเขาจะทำเพื่อสร้างสัมพันธ์กับสมาชิกใหม่ในครอบครัวของหล่อนที่เป็นหนุ่มหล่ออย่างเดรโกเมื่อหล่อนพูดขึ้น

    “ถ้าเธอดื้อล่ะก็ แม่จะตีก้นให้!” ซาแมนธ่าผู้เป็นภรรยาของเฟลิกซ์มายังไม่ทันข้ามวันพูด ก่อนจะตีเดรโกเบา ๆ ที่สีข้าง แน่นอนว่ามือของหล่อนไม่โดนจุดที่หล่อนตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก แต่มันก็ทำให้เกิดบรรยากาศที่น่าอึดอัดขึ้นได้เมื่อเฮอร์ไมโอนี่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ มองการกระทำนั้นของหล่อนด้วยสีหน้าตกใจ

    แต่เดรโกรู้ดีกว่าผู้หญิงตรงหน้าคงจะมีสติพ่อที่จะไตร่ตรองว่าการกระทำของหล่อนสมควรหรือไม่ เขาจึงทำเป็นไม่ถือสาพร้อมกับพูดออกไป

    “ยินดีที่ได้มาเป็นครอบครัวเดียวกันครับ วันนี้คุณดูสวยมากนะครับ” ชายหนุ่มพูดตามมารยาท ซาแมนธ่ายิ้มหวานเชื่อมให้กับคำพูดนั้น ซึ่งมันจะมาจากการที่หล่อนพอใจกับคำพูดของเดรโกหรือเป็นเพราะหล่อนเมาไม่ได้สตินั้นเขาเองก็ไม่อาจจะตอบได้ แต่สิ่งที่เดรโกรู้สึกเป็นลำดับต่อไปก็คือแม่เลี้ยงของเขาคว้าหมับเข้าที่มือของเขาและยกมันไปทาบเหนือหน้าอกของหล่อน ในระยะที่อยู่ต่ำกว่าลำคอจนน่าหวาดเสียว!

    “ฉันอยากจะให้เธอรู้ไว้นะว่า ไม่ว่าเธอจะมีปัญหาอะไร ไม่ว่าเรื่องเงิน หรือเรื่องผู้หญิง....” หล่อนพูดพลางปรายตาไปมองเฮอร์ไมโอนี่ที่กำลังตาโตกับการกระทำของหล่อน

    “เธอมาปรึกษาฉันได้ตลอดเลยนะ เหมือนฉันเป็นแม่แท้ ๆ ของเธอ” ซาแมนธ่าพูด แต่ก่อนที่เดรโกจะทันตอบอะไรออกไป หรือแม้กระทั่งจัดการเอามือของเขาออกจากจุดอันตรายนั้นบนร่างกายของหล่อน ชายหนุ่มรู้สึกถึงแรงเตะที่ขา เมื่อเฮอร์ไมโอนี่เตะขาเขาเบา ๆ และเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นเขาก็พบว่าเฟลิกซ์กำลังเดินดุ่ม ๆ มาทางพวกเขา

    เดรโกรับชักมือออกอย่างทันท่วงทีและยิ้มให้พ่อทูนหัวของเขาทันทีที่เฟลิกซ์มาถึง ชายชราทักทายเฮอร์ไมโอนี่โดยการจูบที่แก้มอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปดึงภรรยาของเขาออกมาจากเดรโก ราวกับเขารู้อยู่แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดขึ้น

    “ให้ตายสิ เจ้าสาวของฉัน เมาเหมือนวันแรกที่เจอกันไม่ผิดเลย” เขาพูดพลางโอบกอดภรรยาใหม่ก่อนจะถลึงตาใส่เดรโก ทางด้านชายหนุ่มนั้นก็ทำหน้าราวกับต้องการบอกว่า ‘ผมเปล่านะพ่อ!’

    “มานี่เถอะที่รัก มีคนที่ผมอยากให้คุณรู้จัก” เฟลิกซ์พูดพลางพาเจ้าสาวที่เมามายของเขากลับไปที่กลางงานเลี้ยงอีกครั้ง แต่แม้ในตอนที่หล่อนถูกสามีพาตัวออกไป ซาแมนธ่าก็ไม่ลืมที่จะส่งสายตาหวานเชื่อมมาทางลูกเลี้ยงหนุ่มหล่อของหล่อนเป็นครั้งสุดท้าย

    หลังจากที่ทั้งเฟลิกซ์และภรรยาคราวลูกของเขาลับสายตาไปแล้ว เดรโกรู้สึกว่าทั้งเขาเองและเฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจออกมาพร้อม ๆ กัน ชายหนุ่มเปลี่ยนมายืนพิงบาร์ด้านหลังก่อนจะพูดออกมา

    “ชั้นว่าคู่นี้ไม่น่าจะเกินหกเดือน” เขากล่าวพลางส่ายศีรษะกับภาพตรงหน้า พ่อของเขาคิดยังไงกันนะถึงได้แต่งงานกับผู้หญิงที่กล้ามาอ่อยลูกเลี้ยงของพ่อในงานแต่งงานของหล่อนเองแบบนี้

    “พ่อเธอรู้ใช่ไหมว่าถ้าเขาต้องการความสัมพันธ์ระยะสั้นแค่นั้น เขาไม่จำเป็นต้องแต่งงานก็ได้น่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดด้วยสีหน้าทึ่ง ๆ หญิงสาวเองก็เหมือนกับเดรโกตรงที่แม้ว่าเธอจะเห็นเหตุการณ์เช่นเดียวกับเมื่อครู่มาหลายต่อหลายครั้งแล้วก็ตาม แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจถึงการกระทำของเฟลิกซ์ รวมถึงฝ่ายแม่เลี้ยงทุกคนของเดรโกอยู่ดี

    “ฉันไม่รู้นะว่าเขารู้หรือเปล่าน่ะ” เดรโกพูดอย่างปลง ๆ “แต่เธอก็น่าจะรู้นี่ว่าสำหรับคนอย่างเฟลิกซ์ การแต่งงานยังไงก็ดูดีกว่าการคบควงอีหนูรุ่นลูกเล่นแน่ ๆ ”

    “ฉันก็คงยังไม่เข้าใจอยู่ดี” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางเขี่ยเค้กในจานเล่น “เธอจะแต่งงานไปทำไม ถ้าต้องรู้ว่าจะหย่าภายในไม่กี่เดือนน่ะ”

    เพราะคำพูดนั้นของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มครุ่นคิดเรื่องนี้ขึ้นมา แน่นอนว่าเขาเห็นด้วยกับสิ่งที่เฮอร์ไมโอนี่พูดแถมเขาเองก็ยึดหลักการนั้นในการดำเนินชีวิตมาตลอด หลักการที่ว่าการแต่งงานมันไม่มีอะไรมั่งคงและศักดิ์สิทธิ์อย่างที่คนส่วนใหญ่มักจะคิดกัน หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเห็นการแต่งงานครั้งแล้วครั้งเล่าของเฟลิกซ์จบลงด้วยการหย่าร้างด้วยล่ะมั้ง ชายหนุ่มจึงคิดว่าการแต่งงานไม่ใช่คำตอบของความสุขในชีวิต แถมมันยังถูกให้ค่าแบบผิด ๆ โดยคนส่วนมากเสียด้วย

    “ฉันคิดว่าเฟลิกซ์คงไม่ได้หวังให้มันยืนยาวหรอก มันก็คงเป็นแค่สัญญาแลกเปลี่ยนสำหรับเขาก็เท่านั้น” เดรโกอธิบาย เขารู้ดีว่าพ่อทูนหัวของเขาที่มีทุกอย่างพร้อมแล้วไม่ได้เดือดร้อนกับที่ต้องเสียเงินแต่งงานและหย่าร้างครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้ามันพอจะทำให้เขามีความสุขได้แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม

    “อย่างที่เราคุยกันนั่นแหละ ถ้าเขาจริงจังกับผู้หญิงดี ๆ สักคนตั้งแต่แรก เราอาจจะไม่ต้องมางานแต่งงานครั้งนี้ของเขาก็ได้นะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างมีเหตุผล สายตาของเธอเหม่อมองไปที่ฟลอร์เบื้องหน้า บัดนี้ดีเจเปลี่ยนมาเปิดเพลงช้าแล้ว และก็มีคู่รักทั้งที่ยังเป็นหนุ่มสาวและคู่รักสูงวัยเต้นรำพร้อมกับตระคองกอดกันไปด้วย

    หญิงสาวรวมถึงเดรโกมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่แสดงออกถึงความสงสัย หากแต่สิ่งที่พวกเขาแคลงใจนั้นมันช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่นึกสงสัยว่าคนเหล่านี้พบรักกันได้อย่างไรนะ พวกเขาพบคนที่เป็นคู่แท้ของเขา คนที่จะมาเติมเต็มชีวิตของเขาและอยู่เคียงข้างเขาตลอดไปได้อย่างไรกัน เดรโกก็กลับครุ่นคิดว่าการมีความรักและความสัมพันธ์ที่จริงจังมันดีขนาดนั้นเลยหรือ

    .................................................

    แต่ไม่ทันที่เดรโกจะได้ครุ่นคิดเพื่อหาคำตอบต่อคำถามที่เพิ่งผุดขึ้นมานั้น เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องคิดหาทางออกจากสถานการณ์ที่กำลังจะต้องเผชิญเสียก่อน

    ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาภายในงาน หล่อนอายุไล่เลี่ยกับเขาและเฮอร์ไมโอนี่ ผมของหล่อนเป็นสีดำตัดสั้น ใส่แว่นมีกรอบดูเคร่งขรึม หล่อนสวมชุดราตรีสำหรับออกงานเหมือนกับแขกคนอื่น ๆ ภายในงาน หากแต่การเดินดุ่ม ๆ เข้ามาในงานและท่าทีของหล่อนนั้นบ่งบอกว่าหล่อนกำลังมองหาใครบางคนอยู่

    และแน่นอนว่าคนที่หล่อนกำลังมองหาก็คือเดรโกนั่นเอง!

    เมื่อเห็นเช่นนั้นชายหนุ่มก็รีบคว้ามือเฮอร์ไมโอนี่และพาเธอไปที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผู้คนคลาคล่ำ

    “มานี่เร็ว” เขาพูด

    “อะไรกันเนี่ย เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง หากแต่เธอก็ยอมให้เขาพาตัวเธอมายังฟลอร์เต้นรำแต่โดยดี หญิงสาวขมวดคิ้วเมื่อชายหนุ่มเริ่มจับมือเธอและพาเธอเต้นไปตามจังหวะดนตรีที่กำลังบรรเลงอยู่

    “เดร…..”

    “ชั้นกำลังหลบยัยนั่นอยู่” เขากระซิบที่ข้างหูของหญิงสาว

    “ใคร” เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าจะหันไปมอง

    “อย่าหันไปมอง ยัยนั่นทำงานให้เฟลิกซ์ เค้าคลั่งไคล้ชั้น” เดรโกเล่าขณะพาเธอเต้นรำพร้อมกับหลบหญิงสาวคนดังกล่าวไปด้วย

    หากแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็เหลือบไปมองต้นทางจนได้ และที่เธอเห็นจากการมองผ่าน ๆ ก็คือร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่เดินวนไปรอบงานเหมือนกำลังมองหาใครอยู่ หญิงสาวมองสำรวจร่างนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดออกมา

    “เค้าก็ดูน่ารักดีนะ” เธอพูดตามตรง แม้ว่าผู้หญิงคนนี้จะไม่สวยเท่าสาว ๆ ที่เดรโกออกเดทด้วยก็ตาม แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็คิดว่าเธอไม่ได้ดูน่ากลัวอย่างที่เดรโกพูดเสียหน่อย

    “เธอยังไม่รู้จักยัยนี่ เค้าตามชั้นไปทุกที่ ทุกงานสังคมของเฟลิกซ์ที่เขารู้ว่าชั้นต้องไป” ชายหนุ่มเล่า

    “แถมยัยนี่เคยเขียนบทความเรื่องชั้นความยาวห้าหน้ากระดาษและพยายามจะเอาไปลงนิตยสารด้วย ขอบคุณพระเจ้าที่บก. คัดเรื่องของเธอออกก่อนจะได้ตีพิมพ์!” เดรโกพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสยดสยองมากกว่าจะประทับใจ

    เขายังจำได้ดีว่าผู้หญิงคนดังกล่าว เบธ เคยส่งบทความที่เธอเขียนมาให้เขาทางจดหมาย และบอกเขาว่าหล่อนจะพยายามทำให้มันได้ตีพิมพ์ในนิตยสารแม่มดรายสัปดาห์ให้ได้ แถมหล่อนจะไปทักท้วงกับทางนิตยสารด้วยว่าผู้ชนะรางวัลยิ้มมีเสน่ห์ที่สุดของนิตยสารเหมาะจะเป็นเขามากกว่าคอร์แม็ก แม็คล้ากเก้นเป็นไหน ๆ

    แน่นอนว่าจดหมายของหล่อนที่ส่งมาให้เขานั้นเหมือนจดหมายของเด็กนักเรียนคลั่งรักเสียไม่มีผิด เพราะหล่อนบรรยายความรู้สึกของหล่อนที่มีต่อเขาออกมาอย่างโจ่งแจ้ง รวมถึงพรรณาว่าเขานั้นมีใบหน้าและรูปร่างหล่อเหลาราวกับเทพบุตรเพียงใด

    และเมื่อนึกตรงนี้ แม้ว่าเขากำลังพยายามอย่างสุดความสามารถในการหลบเบธอยู่นั้น เดรโกก็นึกบางอย่างขึ้นได้และพูดมันขึ้นมา

    “ในบทความนั่น เค้าบรรยายว่าหน้าชั้นหล่อเหลาอย่างกับเทพบุตร เค้าไม่ได้บอกว่าฉันริมฝีปากบางเกินไป และหน้าแหลมเสี้ยมเกินไปเสียหน่อย” เขาทวนคำพูดนั้นกับสีหน้าที่งุนงงของเฮอร์ไมโอนี่

    และเมื่อเห็นว่าหญิงสาวยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ เขาจึงพูดต่อ

    “ก็เธอเคยพูดในคืนที่ฉันเข้าห้องผิดไง เธอพูดวิจารณ์หน้าตาของฉันเสียไม่มีดี” เดรโกทวนเรื่องราวในครั้งนั้น

    “อ๋อ คืนนั้นน่ะเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ทำท่าราวกับเธอจำได้แล้ว “ฉันโกหกน่ะ”

    เดรโกเลิกคิ้วกับคำพูดนั้นของหญิงสาว

    “ก็คืนนั้นเธอว่าชั้นเป็นยัยหัวฟูหน้าตาบ้าน ๆ เองนี่นา” เธออธิบาย แต่ก็มีอีกเรื่องที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้พูดออกไปในค่ำคืนนั้น ซึ่งมันก็คือความจริงที่ว่าเดรโกมีหน้าตาที่หล่อเหลาไม่น้อยเลยทีเดียว และนั่นเป็นสิ่งที่เธอสังเกตเห็นตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

    “ก็ตอนนั้นชั้นหงุดหงิดนี่นา ก็เธอเล่นเอาน้ำหอมบ้า ๆ นั่นมาฉีดชั้นก่อนนี่”

    “ก็เธอจะปล้ำชั้นนะ เดรโก!” เฮอร์ไมโอนี่เหว “ชั้นก็ต้องป้องกันตัวเองรึเปล่า ชั้นไม่ใช่แพนซี่นะที่จะมานอนรอให้เธอมาทำอะไรชั้นน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดและเธอก็ได้ยินเสียงเดรโกพ่นลมดังพรืด หญิงสาวหัวเราะให้กับท่าทีนั้นของเขา

    “แถมตอนนั้นเธอยังดูอารมณ์เสียด้วยที่ชั้นไม่ใช่แพนซี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดต่อ แต่เดรโกกลับยิ้มให้เธอ

    “ใช่ ตอนนั้นชั้นอารมณ์เสียมาก แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ” เขาพูดพลางพาเธอเปลี่ยนท่าเต้น “ฉันไม่เสียใจเลยที่คืนนั้นชั้นเข้าห้องผิด เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องในคืนนั้น…..”

    “เราก็คงไม่ได้เป็นเพื่อนกันแบบวันนี้ใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดก่อนที่เขาจะเอ่ยถ้อยคำนั้นออกมา และการกระทำนั้นของเธอก็เป็นการย้ำเตือนความจริงที่เดรโกล่วงรู้มาตลอดระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมานี้ว่าไม่มีใครจะรู้ใจเขาไปมากกว่าเฮอร์ไมโอนี่อีกแล้ว และความเป็นเพื่อนระหว่างเขากับเธอนั้นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดสำหรับเขา มากกว่าความสัมพันธ์ใด ๆ ที่เขามีเลยด้วยซ้ำ

    ขณะที่ชายหนุ่มย้ำเตือนกับตัวเองว่าเขาจะไม่มีวันยอมให้อะไรมาทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฮอร์ไมโอนี่ไปได้ เพราะเขาและเธอจะเป็นเพื่อนรักกันแบบนี้ไปตลอดชีวิตอย่างที่จะไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงได้อยู่นั้น เดรโกก็เลือกที่จะนำหญิงสาวเปลี่ยนท่าเต้นอีกครั้ง คราวนี้เขาเลือกที่จะเหวี่ยงร่างเฮอร์ไมโอนี่ลงต่ำตามจังหวะเพลงที่เปลี่ยนไป หากแต่ชายหนุ่มกลับพบว่าเขาคิดผิดเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาและเห็นว่าเบธกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขา!

    “สวัสดี เดรโก” หล่อนทักด้วยน้ำเสียงหวานเชื่อม

    “สวัสดี เบธ” เดรโกพูดก่อนที่ออกแรงยกร่างเฮอร์ไมโอนี่กลับขึ้นมา แต่คราวนี้เขาเลือกที่จะกอดหญิงสาวไว้ให้แนบชิดกว่าเดิม

    เบธที่เพิ่งสังเกตเห็นคู่เต้นของเดรโกก็หรี่ตาลงอย่างสงสัยพร้อมกับถามออกมา

    “นี่ใครน่ะ” หล่อนถามด้วยน้ำเสียงที่เกือบจะเรียกได้ว่าฉุนโกรธ

    “นี่แฟนผมเอง” เขากล่าวอย่างสบาย ๆ กับสีหน้าที่ดูตกตะลึงของอีกฝ่ายก่อนที่เบธจะหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่และกลับมามองที่เขาอีกครั้ง

    “คุณไม่เห็นบอกฉันเลยว่าคุณคบใครอยู่” น้ำเสียงของเบธเมื่อถามประโยคนั้นออกมาเกือบจะเรียกได้ว่าคาดคั้น

    “ก็เราไม่สนิทกันนี่นา” เขาพูดตามตรง พลางพยายามพาเฮอร์ไมโอนี่เปลี่ยนท่าเต้นเพื่อหลบสายตาสงสัยใคร่รู้ที่เบธใช้มองมาทางเธอ ขณะที่เบธมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนที่จะพูดขึ้น

    “คุณคือเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์นี่นา เคยมีข่าวว่าคุณคบกับเดรโกแต่ตอนนั้นมันไม่จริงไม่ใช่เหรอ” หล่อนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

    “ถึงตอนนั้นจะไม่ใช่ข่าวจริง แต่ตอนนี้พวกเราคบกันจริง ๆ” เดรโกรีบพูดออกมา

    “อันที่จริงเราไม่ได้จริงจังกันขนาดนั้นหรอกค่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดขึ้น

    “ที่จริงผมอยากจะพูดกับคุณเรื่องนี้พอดีเลย ที่รัก” เดรโกด้นสด “ผมคิดว่าผมอยากให้ความสัมพันธ์ของเราจริงจังมากขึ้น”

    “ที่รักเหรอ” เบธทวนคำนั้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ มือของเธอกำแน่นจนเฮอร์ไมโอนี่อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปแตะไม้กายสิทธิ์ที่เธอซ่อนไว้ที่กระเป๋ากระโปรงเผื่อว่าเบธจะร่ายคำสาปใส่เธอในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง

    แต่เดรโกทำท่าทีเหมือนเขาไม่สนใจหล่อน เพราะชายหนุ่มมองหญิงสาวที่กำลังอยู่ในอ้อมแขนของเขาราวกับโลกใบนี้มีพวกเขาเพียงสองคนเท่านั้น และเมื่อเห็นเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็รู้ดีว่าเธอควรจะเล่นตามน้ำต่อไปเสียหน่อย

    “แต่ชั้นยังไม่แน่ใจนะว่าชั้นพร้อมกับการมีความสัมพันธ์ที่จริงจังแบบนี้หรือเปล่า บางทีคุณอาจจะอยากลองพิจารณาคนอื่นดูด้วย” หญิงสาวพูดพลางปรายตามองมาทางเบธ ราวกับเธอต้องการให้เขาพิจารณาผู้หญิงตรงหน้าของเขาคนนี้ด้วย หากแต่เดรโกก็รู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่ทำแบบนี้เพื่อตั้งใจแกล้งเขาเล่นเท่านั้น

    “ผมไม่ต้องการใครอีกแล้ว มีแต่คุณเท่านั้นที่ผมต้องการจะอยู่ด้วย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

    “แต่ชั้นไม่คิดว่าชั้นจะพร้อมนะคะ เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่พูด

    “ผมแน่ใจในความรู้สึกที่มีต่อคุณที่รัก ถ้าคุณอยากจะลองไปคิดดูก่อนผมเข้าใจ และพร้อมจะรอคุณ แต่ตอนนี้ผมอยากให้คุณรู้แค่ว่าผมอยากอยู่กับคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น” เขาพูดพลางมองเฮอร์ไมโอนี่ด้วยสายตาที่จริงจังมากกว่าครั้งไหน มันจริงจังเสียจนหญิงสาวเกือบจะเชื่อด้วยซ้ำว่าสิ่งที่เดรโกพูดออกมาเป็นเรื่องจริง ไม่ได้เป็นเพียงการแสดงละครเพื่อให้เขาหลุดพ้นจากสถานการณ์ตรงหน้าไปได้

    แต่ไม่ว่ามันจะเป็นคำพูดที่จริงจังหรือเป็นเพียงแค่การเล่นละครก็ตาม มันก็เพียงพอที่จะทำให้เบธเชื่อได้ เพราะหญิงสาวผมดำมองทั้งสองด้วยท่าทีราวกับหล่อนไม่อยากจะเชื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นตรงหน้าและด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด

    “ฉันว่าฉันได้หัวข้อในการเขียนบทความใหม่แล้วล่ะ” หล่อนพูดก่อนจะสะบัดหน้าใส่ทั้งสองและเดินออกจากงานไปพร้อมกับชนแขกเหรื่อบนฟลอร์ไปทั่ว

    หลังจากที่เบธเดินจากไปแล้วทั้งสองจึงหายใจได้ทั่วท้อง

    “นั่น....ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ” เฮอร์ไมโอนี่พูดเมื่อเธอละมือจากไม้กายสิทธิ์และยื่นมันมาให้เดรโกจับเพื่อเต้นรำต่อ

    “ชั้นเรียกว่าน่ากลัวมากกว่านะ” ชายหนุ่มพูด แม้ว่าตอนนี้เขาจะกลับมาเต้นรำกับเฮอร์ไมโอนี่แล้ว แต่เขาก็ไม่ยอมละสายตาจากแผ่นหลังของเบธที่กำลังเดินไปที่ประตูห้องจัดเลี้ยงเพื่อออกไปจากงาน เขาอยากจะแน่ใจว่าเธอจะออกจากงานไปแล้วจริง ๆ

    ในขณะเดียวกันนั้นหญิงสาวในอ้อมแขนเขาก็อิงศีรษะของเธอซบศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีบลอนด์ของเขา ขณะที่ทั้งสองเต้นรำอย่างเชื่องช้าไปตามทำนองเพลง ในใจของเฮอร์ไมโอนี่ครุ่นคิดถึงเหตุการณ์เมื่อครู่รวมถึงคำพูดที่เดรโกพูดออกมาก่อนหน้านี้ ที่ว่าเขาต้องการเพียงเธอเท่านั้น แม้จะรู้ดีว่าคำพูดนั้นของชายหนุ่มเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นละครให้เบธเชื่อว่าพวกเขาคบกันก็ตาม หากแต่เธอกลับไม่สามารถสลัดมันอาจจากหัวสมองของเธอได้ โดยเฉพาะในเวลาที่พวกเขากำลังเต้นรำอิงแอบกันดังเช่นคู่รักอยู่แบบนี้

    หากแต่ช่วงเวลาที่รู้สึกดีอย่างน่าประหลาดนั้นช่างสั้นเหลือเกินเมื่อเดรโกผละออกจากเธออย่างกะทันหันก่อนที่เธอจะได้ทันตั้งตัวด้วยซ้ำ!

    หญิงสาวหันไปมองอีกฝ่ายอย่างงง ๆ และก็พบว่าชายหนุ่มกำลังหันไปมองทางประตูทางเข้าห้องจัดเลี้ยงก่อนจะหันกลับมาทางเธอ

    “หล่อนไปแล้ว ไปกันเถอะ” เขาพูดเพียงเท่านั้นกับใบหน้าที่ดูงุนงงของเฮอร์ไมโอนี่

    “เบธไง เค้าไปแล้ว เราไม่ต้องเต้นกันต่อแล้ว ไปกันเถอะ” เดรโกพูดอย่างไม่ยี่หระ พลางส่งมือมาให้เฮอร์ไมโอนี่จับ หญิงสาวมองเขาอย่างงง ๆ ก่อนจะส่งวางมือของเธอลงบนมือใหญ่ของเดรโกและเดินตามเขาตัดผ่านฟลอร์ไปด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด แม้ว่าเมื่อครู่เธอจะรู้สึกถึงความใกล้ชิดยามที่เดรโกโอบกอดเธอและยามที่พวกเขาเต้นรำกัน หากแต่มันช่างจบลงอย่างรวดเร็วเสียเหลือเกิน

    และสิ่งที่หลงเหลือเท่าที่เธอรู้สึกได้นั้นมีเพียงความว่างเปล่าเท่านั้น

    .................................................

    หลังจากปลีกตัวมาจากงานแต่งงาน เดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ก็ลงมาเดินเล่นกันริมชายหาดยามเย็น แม้ว่าชุดใส่ออกงานของพวกเขาจะดูไม่เข้ากับการเดินเล่นริมชายหาดเท่าไหร่ก็ตาม หากแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็ชอบบรรยากาศริมทะเลยามเย็นไม่น้อย มันช่างดูสงบและไร้กังวลเสียเหลือเกิน

    และท่ามกลางความเงียบสงบนั้น หลังจากที่พวกเขาเดินเล่นโดยไม่พูดอะไรกันมาสักพักหนึ่งแล้ว เดรโกก็เอ่ยปากพูดขึ้น

    “ขอบคุณมากนะ ที่มางานเป็นเพื่อนชั้นน่ะ” เขาพูดและสิ่งที่เขาได้รับกลับมาก็คือรอยยิ้มของหญิงสาวข้างกาย

    “ถ้าไม่มีเธอชั้นคงแย่” เขาพูดตามจริง เพราะถ้าไม่มีเฮอร์ไมโอนี่แล้วชายหนุ่มก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่าเขาจะสามารถจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างไร

    “ที่เธอพูดแบบนี้เพื่อให้ชั้นยอมมางานแต่งคราวหน้าด้วยหรือเปล่าเนี่ย” หญิงสาวพูดอย่างรู้ทัน เดรโกยิ้มให้กับคำพูดนั้น

    “ก็มีส่วนนะ แต่ชั้นหวังว่างานแต่งงานครั้งหน้าจะไม่จัดขึ้นเร็วจนเกินไปนัก” เขาพูดพลางมองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าพร้อมกับครุ่นคิดว่าเขาจะต้องมางานแต่งงานของเฟลิกซ์อีกครั้งหรือไม่นะ

    และอาจจะเพราะเขามัวครุ่นคิดกับเรื่องการแต่งงานครั้งต่อไปของพ่อทูนหัวอยู่ทำให้ชายหนุ่มไม่รู้ตัวเลยว่าเฮอร์ไมโอนี่ไม่ได้ยืนอยู่ข้างกายเขาแต่อย่างใด หญิงสาวคงหยุดเดินไปก่อนหน้านี้ไม่นานเพราะเมื่อเขาหันกลับไปเขาก็พบว่าเธอยืนอยู่เบื้องหลังเขาไม่ไกลนัก

    “เธอรู้ใช่มั๊ยว่าชั้นจะไม่มางานแต่งงานของพ่อเธอกับเธออีกแล้วน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่พูดถ้อยคำที่เธอเคยพูดกับเขาตั้งแต่วันแรกที่เขาชวนเธอมาเป็นคู่เดทเขาในงานนี้อีกครั้ง หากแต่ในครั้งนี้น้ำเสียงและสีหน้ารวมถึงแววตาของหญิงสาวช่างดูจริงจังเสียเหลือเกิน มันจริงจังเสียจนกระทั่งเดรโกรู้ดีว่าเฮอร์ไมโอนี่หมายความตามที่เธอพูดจริง ๆ

    และในครั้งนี้ชายหนุ่มก็เลือกที่จะไม่ทำเป็นเฉไฉหรือเซ้าซี้เธออีกต่อไป เมื่อเขาเดินกลับมาหาเธอและพูดขึ้น

    “ได้สิ จริง ๆ ที่ผ่านมาชั้นก็รบกวนเธอมากพอแล้ว” เขาพูดพร้อมกับจับมือเฮอร์ไม่โอนี่ไว้ “แต่ชั้นแค่อยากจะให้เธอรู้ว่าชั้นหมายความแบบนั้นจริง ๆ ตอนที่ชั้นบอกเธอว่าชั้นไม่รู้จะทำยังไงถ้าไม่มีเธอ”

    แม้ถ้อยคำดังกล่าวจะฟังดูออดอ้อนมากหากเขาไปพูดกับผู้หญิงคนอื่น แต่เฮอร์ไมโอนี่ก็รู้จักเดรโกดีพอที่เธอจะรู้ว่าเขาหมายความว่าชายหนุ่มให้ความสำคัญต่อมิตรภาพของพวกเขามากแค่ไหน

    แต่ราวกับคำพูดนั้นของเดรโกทำให้หญิงสาวอึดอัดใจหรืออย่างไรก็เขาก็ไม่อาจจะทราบได้ เพราะสีหน้าและท่าทีของเธอแสดงออกถึงความรู้สึกอึดอัดออกมาอย่างชัดเจนขณะที่เธอพูดประโยคต่อไปออกมา

    “อันที่จริงชั้นกะว่าจะบอกเธออยู่ แต่ชั้นยังหาโอกาสไม่ได้” เธอเริ่มด้วยท่าทีกังวล

    “เธอจะบอกอะไรชั้นงั้นเหรอ” เขาถาม

    “เธอจำการประชุมสมาพันธ์ต่อต้านการใช้ความรุนแรงในผู้ที่ไม่มีเวทมนตร์ที่ชั้นบอกว่าชั้นจะต้องไปเข้าร่วมหลังจากกลับจากฝรั่งเศสได้มั๊ย” เธอเริ่มเล่า และเมื่อชายหนุ่มพยักหน้าเฮอร์ไมโอนี่ก็พูดต่อ

    “พอดีปีนี้แคนาดาเป็นเจ้าภาพ และมันก็ตรงกับตอนที่อิลเวอร์มอร์นีจัดการคอร์สบรรยายพิเศษช่วงฤดูร้อนในหัวข้อนี้พอดี ทางนั้นก็เลยเชิญชั้นไปเป็นผู้บรรยายพิเศษหลังจากจบงานประชุม” เฮอร์ไมโอนี่อธิบาย

    “แต่อิลเวอร์มอร์นีอยู่อเมริกาไม่ใช่เหรอ” ชายหนุ่มถามขึ้น

    “ใช่ เดรโก การบรรยายครั้งนี้จัดในนามอิลเวอร์มอร์นีก็จริง แต่มันเป็นการประสานงานกันระหว่างอเมริกากับแคนาดาด้วยน่ะ และพวกเขาก็เลือกจัดการบรรยายที่แคนาดาแทนในฐานะที่แคนาดาเป็นเจ้าภาพการประชุมในปีนี้” หญิงสาวอธิบาย

    “แถมมันยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้แลกเปลี่ยนมุมมองกับสมาคมผู้วิเศษฝั่งอเมริกาเหนืออีกด้วย ชั้นก็เลยตกลงรับคำเชิญไป” เธอกล่าว

    “แล้วเธอต้องไปนานเท่าไหร่ล่ะ” เดรโกถามด้วยท่าทีสบาย ๆ แม้ว่าในใจลึก ๆ เขาจะรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อยเช่นกัน เพราะในตอนแรกเฮอร์ไมโอนี่บอกแค่ว่าเธอจำเป็นต้องไปประชุมเพียงแค่สองวันเท่านั้น ซึ่งถ้าคำนวณเวลาเดินทางไปกลับแล้วก็ไม่น่าจะเกินสี่ถึงห้าวัน หรืออย่างมากก็หนึ่งสัปดาห์เพียงเท่านั้น

    “สองเดือนน่ะ” เฮอร์ไมโอนี่ตอบออกมา และแน่นอนว่าเดรโกตกใจกับคำตอบนั้นไม่น้อย

    “สองเดือนงั้นเหรอ!” เขาพูดด้วยน้ำเสียงไม่อยากจะเชื่อ ขณะที่อีกฝ่ายมองเขาอย่างจนใจ

    “นั่นมันตั้งแปดอาทิตย์เลยนะ” เขาพูดซ้ำ ราวกับชายหนุ่มไม่อยากจะเชื่อว่าเขาจะต้องห่างจากเฮอร์ไมโอนี่ไปนานขนาดนี้ อันที่จริงพวกเขาไม่เคยห่างจากกันเนิ่นนานเกินสองสัปดาห์ด้วยซ้ำ และเขาจะทำอย่างไรกับเวลาแปดอาทิตย์ที่ไม่มีเฮอร์ไมโอนี่อยู่ข้าง ๆ คอยให้คำปรึกษา หรือคอยไปกินข้าวและพูดคุยเรื่องราวที่ผ่านมาตลอดทั้งสัปดาห์ด้วยกันเล่า

    และเมื่อลองจินตนาการดูว่ามันเป็นระยะเวลาตั้งแปดอาทิตย์ที่เขาจะไม่ได้เจอหน้าเธอด้วยแล้วนั้นชายหนุ่มก็คิดว่ามันเนิ่นนานเกินไปจริง ๆ

    “แล้วเธอจะต้องออกเดินทางเมื่อไหร่” เขาได้ยินเสียงตัวเองถามออกไปแบบนั้น

    “วันพรุ่งนี้น่ะ ชั้นบินไฟล์ทดึก กว่าจะถึงแคนาดาก็วันจันร์เช้าพอดี และการประชุมก็เริ่มวันอังคาร” เธออธิบาย

    “งั้นวันพรุ่งนี้ล่ะ” เขาถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจ และเฮอร์ไมโอนี่ก็ดูออกว่าเดรโกหมายความถึงอะไร

    “วันพรุ่งนี้ชั้นต้องจัดกระเป๋าและเตรียมเอกสารสำหรับใช้ในการประชุมน่ะ ชั้นขอโทษนะเดรโกที่พรุ่งนี้ชั้นคงทำตามธรรมเนียมวันอาทิตย์ของเราไม่ได้ แต่มันจำเป็นจริง ๆ” เธออธิบายกับสีหน้าเศร้าสร้อยของชายหนุ่ม

    “งั้นก็รับรวมเป็นเก้าอาทิตย์เลยสินะ” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตาให้กับคำพูดนั้น

    “ก็เก้าอาทิตย์ที่ชั้นจะไม่ได้เจอเธอไง มันเยอะเกินไปกว่าที่ชั้นจะรับไหวนะ เฮอร์ไมโอนี่” เดรโกบอกก่อนจะหันหลังให้หญิงสาวและเดินไปทางทะเล

    “นี่เธอจะทำอะไรน่ะ เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถามกึ่งขำกึ่งจริงจังเมื่อเห็นเดรโกทำตัวเป็นเด็ก ๆ เพียงเพราะเธอจะไม่อยู่แค่สองเดือนเท่านั้น ในขณะที่อีกฝ่ายไม่ตอบ แต่เขายังคงมุ่งหน้าไปหาผืนน้ำเบื้องหน้าต่อ

    “ถ้าเธอเดินต่อสูทเธอจะเปียกนะ” หญิงสาวพูด และเมื่อได้ยินเช่นนั้นชายหนุ่มก็หยุดเดินตั้งแต่ก่อนเท้าของเขาจะแตะน้ำด้วยซ้ำ เขาหันกลับมามองเฮอร์ไมโอนี่หากแต่ยังไม่ยอมเดินกลับมา

    “สองเดือนไม่นานหรอกเดรโก เดี๋ยวชั้นก็กลับมาแล้ว” เธอปลอบขณะที่ชายหนุ่มเดินกลับมาหาเธอแล้วถอนหายใจก่อนจะเข้ามากอดโอบกอดเธอไว้ด้วยท่าทีราวกับเด็กเล็ก ๆ

    เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มให้กับท่าทีนั้นของชายหนุ่มพลางโอบกอดเขาตอบด้วยเช่นกัน แม้ว่ากอดครั้งนี้จะเป็นกอดแบบเพื่อนซึ่งต่างจากที่เขากอดเธอตอนเต้นรำมากนักก็ตาม แต่หญิงสาวกลับไม่ยอมปล่อยเขาออกไปจากอ้อมกอดอย่างรวดเร็วนัก เช่นเดียวกับที่ชายหนุ่มก็ไม่อยากจะปล่อยเธอออกไปจากอ้อมแขนของเขาเช่นกัน เดรโกกอดเธอแน่นราวกับเขากลัวว่าเธอจะหลุดลอยจากเขาไปพร้อมกับที่ในใจของชายหนุ่มเพิ่งตระหนักเป็นครั้งแรกในระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมาว่า เขาไม่อยากให้เฮอร์ไมโอนี่จากเขาไปไหนเลย


    @@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×