คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : คืนของหนุ่ม ๆ: Boys’ Night
***Chapter 7 คืนของหนุ่ม ๆ: Boys’ Night***
รถปสอร์ตสีเงินที่ดูเด่นสะดุดตาเลี้ยวเข้าไปในสปอร์ตยิมระดับห้าดาวแห่งหนึ่ง และทันทีที่พนักงานเห็นรถคันนั้นเขาก็รีบออกมาต้อนรับเจ้าของรถทันที
เดรโก มัลฟอยก้าวลงจากรถ เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่ปล่อยชายออกนอกกางเกงกับกางเกงสแลคสีดำซึ่งบอกได้ว่าเขาเพิ่งออกมาจากที่ทำงาน ในมือของชายหนุ่มมีกระเป๋ากีฬาใบหนึ่งที่ดูไม่ค่อยเข้ากับชุดที่ค่อนข้างเป็นทางการของเขาเท่าไหร่นักอยู่ ขณะที่พนักงานที่สวมชุดกีฬาตรงเข้ามาต้อนรับเขาอย่างนอบน้อม
“สวัสดีครับคุณมัลฟอย ยินดีที่ได้พบคุณครับ” ชายคนนั้นกล่าว มัลฟอยทักเขากลับพร้อมกับส่งกุญแจรถให้เขาก่อนจะเดินเข้ายิมไป
เดรโกเดินเข้ามาในสปอร์ตยิมหรูหราที่เขาเป็นสมาชิกระดับโกลด์มากว่าสามปีแล้ว ชายหนุ่มมักชอบมาที่นี่ยามที่เขามีเวลาว่างเพื่อมาเล่นสควอช ออกกำลังกายหรือไม่ก็นัดเพื่อน ๆ มาเล่นกีฬาต่าง ๆ กันที่นี่
ตั้งแต่สงครามจบลงเดรโกได้เรียนรู้ความแตกต่างระหว่างมิตรภาพที่แท้จริงกับมิตรภาพจอมปลอมซึ่งสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนเมื่อจอมมารถูกทำลาย การที่พ่อของแม่ของเขาตายในสงครามรวมทั้งฐานะของตระกูลมัลฟอยที่ตกต่ำลงจนแทบเรี่ยดินทำให้เพื่อนฝูงที่เขาเคยคบหาตีตัวออกห่าง รวมทั้งสาว ๆ ที่คอยมาเอาอกเอาใจก็กลับหนีหายเขาไปหมด หลังจากวันนั้นเดรโกได้ให้สัญญากับตัวเองไว้แล้วว่าเขาจะไม่ไว้ใครอีกต่อไป โดยเฉพาะพวกผู้หญิงที่เคยพะเน้าพะนอเอาใจแต่ตอนนี้พวกหล่อนกลับมองเขาด้วยสายตาที่เหยียดหยามเมื่อเขาไม่ใช่เดรโก มัลฟอยที่ร่ำรวยและทรงอำนาจคนเดิมอีกต่อไป
แต่หลังจากเดรโกมาคบหากับเฮอร์ไมโอนี่ เขาก็เรียนรู้ที่จะกลับมาเชื่อใจคนอื่นอีกครั้งทั้ง ๆ ที่เขาคิดว่าเขาคงไม่มีวันกลับมาไว้ใจใครได้อีก แต่เฮอร์ไมโอนี่ทำให้เขาได้เรียนรู้ว่ามิตรภาพที่แท้จริงยังมีอยู่เสมอ และเพื่อนที่แท้จริงนั้นไม่มีวันทิ้งกันไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องเผชิญกับเรื่องที่หนักหนาสาหัสเพียงใดก็ตาม ตรงกันข้ามเพื่อนที่แท้จริงจะยื่นมือเข้ามาช่วยและเป็นฝ่ายอยู่เคียงข้างเพื่อนเสมอ เหมือนที่หญิงสาวยื่นมือเข้ามาช่วยในคดียึดทรัพย์สินของตระกูลมัลฟอย ซึ่งหลังการตัดสินคดีจบลงด้วยดีเดรโกก็กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกับเฮอร์ไมโอนี่ท่ามกลางความประหลาดใจของคนจำนวนมาก รวมทั้งเพื่อนรักทั้งสองของหญิงสาวซึ่งก็คือแฮร์รี่กับรอนด้วย แต่ชายหนุ่มกลับไม่สนใจเรื่องนั้น เพราะเขารู้ว่าคำครหาของคนอื่นนั้นไม่มีค่าเลยเมื่อเทียบกับมิตรภาพระหว่างเขากับเธอ ตรงกันข้ามหลังจากสนิทสนมกับเฮอร์ไมโอนี่ไปสักระยะหนึ่งเธอก็ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมความบาดหมางระหว่างเพื่อนสนิทคนใหม่ของเธอกับเพื่อนรักทั้งสองอีกด้วย
แม้ในช่วงแรก ๆ เดรโกคิดว่ายังไงเขาก็ไม่มีทางญาติดีกับพอตเตอร์ และวีสลีย์ได้ แต่หลังจากโดนเฮอร์ไมโอนี่ลากเขาไปเจอเพื่อนทั้งสองบ่อยเข้า ไม่นานนักพวกเขาก็เลิกเกลียดชังกัน และเมื่อเวลาผ่านไปนานเข้าเดรโก แฮร์รี่ รอน รวมทั้งเด็กกริฟฟินดอร์และสลิธีรินคนอื่น ๆ เช่น ดีน โทมัส เชมัส ฟินนิกัน เบลส ซาบินีก็หันมาสนิทสนมกันแทน เพราะหลังจากสงครามจบลงก็ไม่มีการแบ่งแยกว่าใครเป็นสลิธีริน ใครเป็นกริฟฟินดอร์ หรือใครเป็นเลือดบริสุทธิ์ ใครเป็นเลือดผสมอีกต่อไปแล้ว เพราะพวกเขาล้วนเป็นคนที่พบกับความสูญเสียจากสงครามเหมือนกัน พวกเขาบางคนเสียเพื่อนสนิทหรือครอบครัวไปจากสงครามด้วยกันทั้งสิ้น
และนี่ก็เป็นเวลาหลายปีแล้วที่เดรโกนัดเจอเพื่อนเด็กกริฟฟินดอร์ของเขาในทุก ๆ คืนวันจันทร์ มันเป็นธรรมเนียมของพวกเขาเช่นเดียวกับที่เขานัดเจอเฮอร์ไมโอนี่ทุกวันอาทิตย์ ซึ่งพวกเขาเรียกคืนวันจันทร์ว่า ‘คืนของหนุ่ม ๆ’ อันที่จริงคืนนี้เดรโกควรจะไปอยู่ที่สนามซ้อมควิดดิชของทีมชัดลีย์ แคนนอนตามที่เพื่อน ๆ ของเขานัดเล่นควิดดิชกัน แต่เนื่องมาจากช่วงนี้เป็นฤดูที่ว่างเว้นจากการแข่งขันทางทีมชัดลีย์ แคนนอนจึงอาศัยช่วงเวลานี้ซ่อมสนามซ้อม พวกเขาจึงไม่สามารถไปยืมสนามเพื่อเล่นควิดดิชได้อย่างเคย ดังนั้นพวกหนุ่ม ๆ เลยต้องเปลี่ยนแผนมาที่ยิมแห่งนี้แทน
อันที่จริงหนุ่ม ๆ บ้านกริฟฟินดอร์และสลิธีรินใช้สนามซ้อมของทีมชัดลีย์ แคนนอนเป็นที่สำหรับเล่นควิดดิชเสมอในฤดูที่ปลอดการแข่ง และที่พวกเขาได้สิทธิ์พิเศษนี้ก็เพราะรอน วีสลีย์ซึ่งอยู่ในกลุ่มเล่นเป็นคีปเปอร์ให้กับทีมนี้ตั้งแต่เรียนจบ กับที่เช่นเดียวกับน้องสาวของเขาเล่นในตำแหน่งเชสเซอร์ให้ทีมเดียวกัน ส่วนแฮร์รี่ก็เข้าสมัครเป็นมือปราบมารทันทีหลังเรียนจบ และตอนนี้เขาก็เพิ่งได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าแผนกมือปราบมารเมื่อไม่นานมานี้เอง
เดรโกเดินตรงไปที่ล็อกเกอร์ในโซนวีไอพีของเขาเพื่อเก็บของก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดออกกำลังกายและเดินไปที่โรงยิมสำหรับเล่นบาสเก็ตบอลซึ่งเป็นที่ที่เขานัดเพื่อน ๆ ของเขาไว้ อันที่จริงเดรโกเล่นกีฬาของมักเกิ้ลมาหลายปีแล้วตั้งแต่เขาสนิทกับพวกเด็กกริฟฟินดอร์ และบาสเก็ตบอลเป็นกีฬาหนึ่งที่เขาชอบไม่น้อย แม้ว่ามันจะดูแปลกพิลึกในตอนที่ดีน โทมัสบอกเพื่อน ๆ ว่าพวกเขาน่าจะลองเล่นกีฬาที่ไม่ต้องใช้ไม้กวาด แต่แย่งกันโยนลูกกลม ๆ ลงห่วงกันบ้าง
เมื่อเดินเข้าไปในโรงยิมที่จองไว้ ชายหนุ่มก็พบว่าดีน โทมัส เชมัส ฟินนิกัน และเบลส ซาบินี่มารออยู่ก่อนแล้ว ขาดก็แต่แฮร์รี่และรอนเท่านั้น เดรโกเดินเข้าไปทักทายเพื่อน ๆ ของเขาขณะที่พวกนั้นกำลังวอร์มอัพกันอยู่
“เฮ้ ว่าไง!” เขาเดินตรงไปแปะมือกับเชมัสที่อยู่ใกล้สุด หลังจากนั้นเพื่อนคนอื่น ๆ ก็เข้ามาทักทายเขา
“ขาดใครเนี่ย” ชายหนุ่มผมบลอนด์พูด เขาดูดีสุด ๆ ในชุดออกกำลังกายซึ่งเป็นเสื้อกีฬาสีขาวกับกางเกงกีฬาสีดำและรองเท้าเข้าชุดกัน แน่นอนว่าหากมีผู้หญิงคนไหนมาเห็นเขาตอนนี้คงต้องพูดออกมาดัง ๆ ว่าเขาเท่ห์มากแน่ ๆ
“ก็เจ้าสองหน่อนั่นน่ะสิ” เบลสพูดพลางเดาะลูกบาสในมือ “มาสายประจำ กับวีสลีย์น่ะฉันตัดหางปล่อยวัดแล้ว แต่กับพอตเตอร์นี่สิไม่น่าเอาอย่างเจ้านั่นเลย” ชายหนุ่มผิวสีพูดออกมาในเชิงหยอกล้อมากกว่าจะเอาเรื่องทั้งสองจริง ๆ และในวินาทีที่เบลสพูดจบก็มีร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ประตูโรงยิม ชายหนุ่มคนนั้นมีผมดำยุ่งเหยิง ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากที่กำลังวิ่งมาด้วย เขาสวมชุดกีฬาเรียบร้อยแล้ว
“ดูซี่ว่าใครเพิ่งมา” เชมัสพูดพลางโบกมือเรียกแฮร์รี่ที่เดินเร็ว ๆ เข้ามาหากลุ่มเพื่อนของเขา
“โทษทีฉันมาสาย ติดธุระนิดหน่อยน่ะ” แฮร์รี่พูดขึ้นพลางวางกระเป๋ากีฬาของเขาลงบนพื้น เห็นได้ชัดว่าเขารีบมากจนลืมเก็บกระเป๋าใส่ล็อกเกอร์
“ติดธุระหรือติดหญิงกันแน่ แฮร์รี่” เชมัสแกล้งแซว
“เฮ้ คำนี้น่าจะใช้กับเดรโกหรือไม่ก็รอนมากกว่าชั้นนะ นายก็รู้ว่าชั้นไปธุระจริง ๆ” แฮร์รี่พูด ขณะที่เดรโกเลิกคิ้วเมื่อเขาถูกพูดถึง เชมัสหัวเราะขณะที่เบลสมาไล่จี้แฮร์รี่ต่อจากเชมัส
“ฉันหมายความว่าคำว่าติดธุระของนายหมายถึงว่าติดธุระของจินนี่มากกว่าใช่ไหม” เบลสเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ถึงกับคาดคั้น แฮร์รี่จ้องเบลสก่อนจะพูดออกมา
“ก็ได้ เป็นอย่างที่นายพูดจริง ๆ แหละซาบินี่ แต่คราวนี้มันจำเป็นจริง ๆ นะ คุณยายมิวเรียล ยายของจินนี่น่ะเธอเดินทางมาแสดงความยินดีการหมั้นของเราถึงที่บ้านโพรงกระต่าย ฉันกับจินนี่ก็เลยต้องอยู่ต้อนรับเธอ อันที่จริงรอนด้วยแหละ แต่ฉันโชคดีกว่าเขาที่ฉันไม่ใช่หลานแท้ ๆ เลยปลีกตัวออกมาได้” แฮร์รี่พูดพลางหัวเพราะเมื่อนึกถึงสีหน้ารอนตอนที่คุณนายวีสลีย์บอกว่าคุณยายมิวเรียลจะมาเยี่ยมและเขาต้องอยู่กินมื้อเย็นกับหล่อน
แฮร์รี่กับจินนี่เพิ่งหมั้นกันได้เดือนเศษ อันที่จริงพวกเขาออกเดทกันมาตั้งแต่แฮร์รี่อยู่ปี 6 แต่ในฤดูร้อนปีต่อไปแฮร์รี่ก็จำเป็นต้องบอกเลิกเธอ เพราะเขาต้องออกไปตามหาฮอร์ครักซ์ และหลังจากที่จอมมารถูกทำลายและสงครามจบลงแล้ว แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่รวมทั้งเด็กคนอื่น ๆ ที่ทิ้งฮอกวอตส์ไปในช่วงสงคราม อย่างเช่น ดีน โทมัส หรือ เดรโกก็กลับมาเรียนที่ฮอกวอตส์อีกหนึ่งปี เพื่อชดเชยที่พวกเขาขาดเรียนไป (มีนักเรียนบางคนที่ไม่ได้ขาดเรียนแต่ก็ต้องกลับมาเรียนอีกเพราะเขาสอบส.พ.บ.ส.ไม่ผ่าน อย่างเช่น แครบ กอยส์ และแพนซี่เป็นต้น) ในช่วงที่กลับมาเรียนนั้นเองแฮร์รี่ก็กลับมาคบจินนี่อีกครั้ง จนถึงตอนนี้เขาและเธอก็คบหาดูใจกันได้เกือบสิบปีแล้วก่อนแฮร์รี่จะขอเธอแต่งงาน
อันที่จริงแฮร์รี่เคยขอจินนี่แต่งงานก่อนหน้านั้นแล้วตอนที่พวกเขาคบกันได้ห้าปี แต่จินนี่ปฏิเสธเพราะเธอยังไม่พร้อม และเธอก็รู้ดีว่าแฮร์รี่เองก็ยังไม่พร้อมเช่นกัน แต่ที่เขาเร่งรัดขอเธอแต่งงานเป็นเพราะเขากลัวว่าเธอจะรอนานเกินไปจนเปลี่ยนไปใจไปจากเขาเสียก่อน
หลังจากจบจากฮอกวอตส์แฮร์รี่ก็สมัครเป็นมือปราบมารทันที ขณะเดียวกับที่จินนี่และรอนเข้าร่วมทีมชัดลีย์ แคนนอน และเฮอร์ไมโอนี่เข้าทำงานที่กระทรวงในตำแหน่งทนายความความปกป้องสิทธิของมักเกิ้ล ส่วนเฟร็ดกับจอร์จนั้นเลือกที่ดำเนินกิจการขายของตลกต่อไปซึ่งสินค้าของเขาก็ขายดีติดอันดับจนสามารถส่งออกไปขายที่ทวีปอื่น ๆ ได้ด้วย
หลังจากผ่านการฝึกอย่างเข้มข้นตลอดระยะเวลา 3 เดือน แฮร์รี่ก็ได้บรรจุเป็นมือปราบมาร และเพราะพรสวรรค์ทางด้านป้องกันตัวจากศาสตร์มืดของเขาทำให้ตำแหน่งของเขาเลื่อนสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาได้รับหน้าที่เป็นผู้นำทีมในการจับกุมในปีแรกที่เข้าทำงานเลยทีเดียว แต่ยิ่งตำแหน่งสูงมากเท่าไหร่แฮร์รี่ก็ยิ่งวุ่นวายกับเรื่องงานมากจนเขาไม่มีเวลาพอที่สร้างครอบครัวกับจินนี่ ในขณะเดียวกันอาชีพนักกีฬาควิดดิชของจินนี่ก็ทำให้เธอต้องเดินสายไปแข่งตามทัวร์นาเม้นต์ต่าง ๆ ตลอด อีกทั้งเธอยังต้องเก็บตัวก่อนแข่งเป็นเวลาหลายเดือนจึงทำให้เธอกับแฮร์รี่ไม่พร้อมที่จะลงหลักปักฐานสร้างครอบครัวด้วยกันเสียที และนั่นเป็นเหตุผลที่เธอปฏิเสธการขอแต่งงานครั้งแรกของแฮร์รี่
แต่หลังจากนั้นอีกห้าปีต่อมา ดูเหมือนว่าโชคจะเข้าข้างพวกเขาเมื่อแฮร์รี่ได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองมือปราบมารซึ่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของอาชีพมือปราบมารและนั่นหมายความว่าเขาไม่ต้องลงพื้นที่เพื่อไปจับผู้ร้ายอย่างที่เคยแล้ว ตรงกันข้ามเขาต้องมานั่งเก้าอี้ผู้บริหาร วางนโยบาย และวิเคราะห์คดีต่าง ๆ แทน โดยอาจจะมีการลงพื้นที่บ้างบางครั้งแต่ก็จะไม่บ่อยเท่าที่ผ่านมา หลังจากได้เลื่อนตำแหน่งไม่นานแฮร์รี่ก็ขอจินนี่แต่งงานอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้เธอตอบตกลงโดยเธอคิดจะลาออกจากอาชีพนักกีฬาควิดดิชที่ทำอยู่เพื่อมาสร้างครอบครัวกับเขา แต่โชคดีเหลือเกินที่ผู้จัดการประจำทีมชัดลีย์ แคนนอนยื่นข้อเสนอที่คาดไม่ถึงให้จินนี่ในการเป็นโค้ชฝึกหัดผู้เล่นเริ่มแรกในสโมสรชัดลีย์ แคนนอนที่ลอนดอน ซึ่งหมายความว่าเธอสามารถทำงานที่ไม่ต้องเดินสายไปตามสถานที่แข่งขัน แต่เธอสามารถทำงานที่มีเวลาเข้าออกงานอย่างชัดเจนและสามารถสร้างครอบครัวกับแฮร์รี่ได้โดยไม่ต้องละทิ้งอาชีพที่เธอรัก
เมื่อการคบหาดูใจกันมานานเกือบถึงสิบปีปิดฉากลงด้วยการแต่งงานแน่นอนว่าคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ของทั้งสองล้วนแต่ยินดีกับการแต่งงานของทั้งสองทั้งสิ้น ทั้งคู่กำลังจะเข้าพิธีแต่งงานกันในปีหน้าดังนั้นช่วงนี้ทั้งคู่จึงยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่งงานไม่น้อย แม้ว่าคุณนายวีสลีย์จะขันอาสารับผิดชอบการเตรียมงานแต่งงานเกือบทั้งหมดก็ตาม แต่แฮร์รี่ก็ยังมีหน้าที่ที่ต้องทำในฐานะคู่หมั้นของจินนี่ ไม่ว่าจะเป็นการพาเธอไปลองชุดแต่งงานจนกระทั่งต้อนรับญาติ ๆ ของเธอซึ่งแวะเวียนมาแสดงความยินดีอย่างไม่ขาดสาย
“แล้วนี่วีสลีย์จะตามมาไหมเนี่ย” เบลสถามด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย ราวกับเขาเริ่มเบื่อการรอคอยและอยากออกไปยืดเส้นยืดสายมากกว่า
“ฉันไม่แน่ใ......” ไม่ทันที่แฮร์รี่จะพูดจบ ประตูโรงยิมก็เปิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มผมสีแดงเพลิง เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางกลุ่มเพื่อน เสื้อเชิ้ตที่สวมอยู่หลุดลุ่ยจนดูราวกับเขาพยายามจะถอดมันออกในขณะที่กำลังวิ่งตัดโรงยิมมา
“พูดถึงก็โผล่มาเชียว ตายยากจริง ๆ ” เบลสพึมพำ ขณะที่ชายหนุ่มคนอื่น ๆ หัวเราะรับเมื่อรอนวิ่งมาถึงกลุ่มเพื่อน ๆ ของเขา
รอน วีสลีย์ในอายุยี่สิบปลายนั้นดูดีไม่น้อย แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีมาดคุณชายอย่างเดรโกแต่รอนก็มีร่างกายกำยำในแบบที่นักกีฬาควิดดิชควรจะมี ดวงตาสีอ่อนของเขาดูร่าเริงอยู่เสมอ ประกอบกับรอยยิ้มและนิสัยที่เป็นคนมีอารมณ์ขันทำให้สาว ๆ หลงใหลในตัวเขาไม่น้อย บวกกับชื่อเสียงความโด่งดังในฐานะคีปเปอร์มือต้น ๆ ของอังกฤษทำให้รอนป็อปปูล่าในหมู่สาว ๆ เป็นอย่างมาก แถมเขาก็ยังเจ้าชู้ไม่แพ้เดรโกเสียด้วย ในมุมมองของสาว ๆ เดรโกมีเสน่ห์ที่ความเงียบขรึมและความเป็นสุภาพบุรุษ รวมทั้งดวงตาสีเงินที่ดูลึกลับหากแต่น่าหลงใหลของเขา ส่วนรอนนั้นมีเสน่ห์ที่ความเป็นกันเองและความรวยอารมณ์ขัน ส่วนสิ่งที่สาว ๆ ลงความเห็นว่าชอบมากที่สุดในร่างกายของรอนรองจากจะหุ่นล่ำ ๆ ของเขาแล้วก็คงจะเป็นรอยยิ้มและดวงตาที่ดูอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลาของเขาเป็นแน่
“โทษทีฉันมาสาย” ชายหนุ่มผมแดงพูดพร้อมกับหอบแฮก ๆ เมื่อมาถึง
“พวกเราก็ไม่ได้คาดหวังว่านายจะมาตรงเวลาหรอกนะวีสลีย์ แต่สายเกือบชั่วโมงแบบนี้มันรับไม่ค่อยได้เท่าไหร่นะ” เดรโกพูดขึ้นเรียบ ๆ แต่ดูจากแววตาแล้วทุกคนรู้ว่าเขาตั้งใจหยอกรอนเล่นเท่านั้น
“เฮ้ ครั้งนี้นายโทษฉันไม่ได้นะ ใครจะไปรู้ล่ะว่าคุณยายมิวเรียลจะบุกมาถึงบ้านเราตอนอาหารเย็นแบบนี้น่ะ ถ้าฉันรู้ล่วงหน้าฉันคงเผ่นออกมาก่อนหน้านั้นแล้ว ใคร ๆ ก็รู้ว่าหล่อนน่ะนิสัยน่ารักจะตายไป” รอนแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“ฉันล่ะเบื่อเรื่องดราม่าของครอบครัวนายจริง ๆ วีสลีย์” เบลสบ่นขึ้นมา จากนั้นหนุ่ม ๆ ที่เหลือก็หัวเราะตาม
“เออ บ้านนายไม่เป็นบ้างก็แล้วไป” รอนพูดพลางลงมือเปลี่ยนเสื้อเชิ้ตของเขาเป็นเสื้อสำหรับเล่นกีฬาเสียตรงนั้นเลย ขณะพูดต่อไป
“ฉันว่าต่อไปเรื่องที่บ้านฉันคงดราม่ากว่านี้อีกเยอะ เพราะตอนนี้เพื่อนรักของฉันจะกลายมาเป็นน้องเขยฉันแล้วนี่” เขาพูดขึ้นพลางมองไปยังแฮร์รี่ซึ่งไม่ได้โต้ตอบอะไรมากไปกว่ายิ้มรับ สายตาของเขาดูราวกับว่าเขารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับเกียรตินี้ ราวกับว่าเขากำลังยิ้มอยู่กับหญิงสาวคนรักซึ่งเดรโกแน่ใจว่าแฮร์รี่คงต้องคิดถึงจินนี่อยู่ในตอนนั้นแน่ แต่ปัญหาก็คือเขากำลังืมองรอนอยู่ในขณะที่เขาทำสายตาอย่างที่ว่าอยู่น่ะสิ
“ชั้นขอล่ะ พวกนายอย่ามาทำหวานใส่กันแบบนี้ได้ไหม ชั้นอยากจะอ้วก” เชมัส ฟินิกันพูดขึ้น แล้วหนุ่ม ๆ ก็หัวเราะครืนอีกครั้ง แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าเขาพูดเล่น
หลังจากเสียงหัวเราะเงียบลง เบลสก็พูดขึ้นมา
“ชั้นไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกนายถึงทำอย่างนั้น” เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง และเมื่อเขาเห็นสายตาของที่แฮร์รี่มองกลับมาเขาก็พูดต่อ
“ฉันหมายถึงทำไมนายต้องทำหน้าเหมือนจะสำลักความสุขพอมีคนพูดถึงเรื่องแต่งงานหรือคู่หมั้นของนายขึ้นมาน่ะ ชั้นว่าอันที่จริงนายควรจะกลัวมันมากกว่านะ”
“นายก็รู้ว่าชั้นไม่ใช่ผู้ชายอย่างรอนหรือเดรโกซะหน่อย” แฮร์รี่พูด หลังจากเขาพูดจบชายหนุ่มผู้ถูกพาดพิงทั้งสองก็รีบออกตัวเพื่อปกป้องชื่อเสียงของตัวเองทันที
“ชั้นไม่เข้าใจว่าการแต่งงานมันดีขนาดนั้นเลยหรือไง” เบลสถามต่อ น้ำเสียงของเขาบอกว่าเขาไม่ได้ถามเพื่อต้องการกวนประสาทแฮร์รี่ แต่เขาถามราวกับเขาสงสัยในเรื่องนั้นจริง ๆ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่มีเสน่ห์หรือป็อปปูล่าเท่าเดรโกหรือรอนก็ตามแต่เบลสก็ได้ชื่อว่าเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนหนึ่งเช่นกัน
“มันต้องดีสิ ฉันรักจินนี่และคงไม่มีอะไรดีไปมากกว่าการได้ใช้ชีวิตร่วมกับเธอ” แฮร์รี่พูดอย่างเรียบง่ายหากแต่หนักแน่น
เบลสส่ายหน้าราวกับเขาไม่เห็นด้วย
“นายไม่รู้หรอกว่ามันดีแค่ไหนถ้าได้ออกเดทกับสาวไม่ซ้ำหน้ากันในแต่ละวันน่ะ จริงไหมเดรโก” เขาหันไปถามอดีตเพื่อนร่วมบ้านของเธอ แต่ชายหนุ่มกลับนิ่งเงียบ
“นั่นมันในมุมมองของนายนี่” แฮร์รี่พูด
เบลสขยับจะพูดอะไรต่อ แต่ดีน โทมัสกลับขัดขึ้นก่อน
“เบลส นายอย่าพูดสิ่งที่นายไม่รู้ดีกว่า นายไม่รู้หรอกว่ามันดีแค่ไหนที่ได้ตื่นมาเจอผู้หญิงเพียงคนเดียวในตอนเช้า แล้วเธอก็คือคนที่รักนายและจะอยู่เคียงข้างนายเสมอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” ดีนพูด
ดีนเป็นคนแรก ๆ ในรุ่นที่แต่งงาน เขาคบกับนาตาลี แมคโดนัลต์ เด็กกริฟฟินดอร์รุ่นน้องของเขาเมื่อตอนที่เขากลับไปเรียนปีเจ็ดใหม่อีกครั้ง ตอนนั้นนาตาลีเพิ่งอยู่แค่ปี 5 แม้ว่าเธอจะเด็กกว่าเขาถึง 4 ปี ก็ตาม แต่ความรักที่เขามีให้เธอนั้นมั่นคงยิ่งนัก ดีนคบกับเธอและรอจนเธอเรียนจบแล้วถึงขอเธอแต่งงาน ทั้งสองเข้าพิธีแต่งงานกัน 2 ปีหลังจากเธอจบการศึกษา และตอนนี้ทั้งสองมีพยานรักด้วยกันหนึ่งคนเป็นลูกสาววัย 4 ขวบชื่อว่าซาร่า
“ฉันอาจจะไม่จำเป็นจะต้องมีผู้หญิงคนนั้นก็ได้” เบลสเถียงอย่างดื้นรั้น ขณะที่รอนเริ่มเห็นสัญญาณอันตรายได้พูดขึ้น
“เฮ้ พวกนายคิดว่าเรามาเจอกันเพราะจะมาโต้วาทีเรื่องสถานะความโสดกันหรือไง ชั้นว่าเรามาเริ่มเกมส์กันดีกว่า” เขาพูดอย่างร่าเริง และไม่นานหนุ่ม ๆ ก็แบ่งกันเป็นสองกลุ่มและเริ่มแข่งบาสกัน
แต่อาจจะเป็นเพราะคำพูดของดีนหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ เดรโกรู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำใจให้มีสมาธิได้ตลอดการแข่งขันครั้งนี้
.................................................
หลังจากจบเกมส์ ปรากฏว่าทีมฝั่งเดรโก ซึ่งประกอบด้วยเขา เบลส และดีนนั้นแพ้ไม่เป็นท่า และถูกอีกฝ่ายซึ่งประกอบด้วย แฮร์รี่ รอน และเชมัส ถล่มทำคะแนนครั้งแล้วครั้งเล่าจนเชมัสล้อเขาว่าสงสัยเมื่อคืนเขาคงต้องใช้พลังงานหมดไปกับสาว ๆ ที่เขาพากลับไปที่คอนโดอย่างแน่นอน ไม่งั้นเขาคงไม่ปล่อยให้ฝั่งของเชมัสถล่มเขามากขนาดนี้ แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้นเดรโกจึงเถียงออกไปดัง ๆ ว่า เขาไม่เคยพาสาว ๆ คนไหนกลับไปค้างที่คอนโดของเขาสักครั้ง และดูเหมือนเชมัสจะลืมไปแล้วว่าเมื่อวานเป็นวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันที่เขาควรจะอยู่กับเฮอร์ไมโอนี่ตลอดทั้งวันมากกว่าจะออกไปเดทกับสาว ๆ ในสต๊อกของเขา
“นายฟอร์มตกไปนะวันนี้” แฮร์รี่พูดกับเดรโกขณะที่ชายหนุ่มเอาของในล็อคเกอร์ ชายหนุ่มผมบลอนด์ยิ้มบาง ๆ ให้เขา
“ชั้นออมมือให้พวกนายต่างหาก” เขาพูดขณะหยิบของ แต่เมื่อหันกลับไปเขากลับพบดวงตาสีมรกตที่มองมาด้วยความสงสัย
“ชั้นรู้สึกเหมือนนายมีเรื่องไม่สบายใจอยู่เลย” เขาพูดราวกับเขาไม่แน่ใจในเรื่องนี้ แต่ถ้าดูจากสายตาที่มองเดรโกแล้วแฮร์รี่มั่นใจในสิ่งที่พูดอยู่มากทีเดียว
“ชั้นแค่เหนื่อยน่ะ” เขาพูดอย่างไม่สนใจ แต่เมื่อชายหนุ่มผมบลอนด์ได้สบตาของเพื่อนสนิทอีกครั้งเขาจึงถอนใจเบา ๆ แล้วพูดออกมาเมื่อแน่ใจว่าเขาไม่มีเพื่อน ๆ คนอื่นอยู่แถวนี้
“คือชั้นแค่สงสัยน่ะว่าชีวิตการแต่งงานมันดีขนาดนั้นเชียวเหรอ” เขาถามพลางทำเป็นวุ่นวายกับข้าวของอยู่
แฮร์รี่ยิ้มน้อย ๆ ก่อนตอบออกมา เขาพูดขณะแกล้งทำเป็นหยิบของจากตู้ที่อยู่ติดกับของเดรโกบ้าง “ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่าชีวิตหลังแต่งงานมันจะดีแค่ไหน เพราะชั้นยังไม่ได้แต่งงานจริง ๆ แต่แค่วันนี้ที่เราอยู่ด้วยกันชั้นก็มีความสุขมากแล้ว ชั้นก็เลยคิดว่าชั้นคงจะมีความสุขมากกว่านี้อีกหลังจากแต่งงานไป”
เดรโกมองแฮร์รี่ด้วยสายตาพิจารณา มันไม่ใช่สายตาที่เต็มไปด้วยความขบขันหรือเคลือบแคลงแบบของซาบินี่ แต่ดวงตาสีเงินนั้นเต็มไปด้วยความสงสัย ราวกับว่าเขาเริ่มคิดแล้วว่าชีวิตการแต่งงานน่ะมันดีจริง ๆ ใช่ไหม
แต่จู่ ๆ ชายหนุ่มผมบลอนด์ก็หัวเราะขึ้นมา เขาเอากระเป๋าสะพายขึ้นพาดไหล่ก่อนจะพูดขึ้น
“อันที่จริงชั้นก็ไม่รู้ว่าชั้นจะมาถามนายเรื่องนี้ทำไมนะ เพราะยังไงชั้นก็ไม่คิดจะแต่งงานอยู่แล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงและท่าทีที่เป็นของเดรโก มัลฟอยที่เป็นเพลย์บอยของแท้
แต่แฮร์รี่ยังคงยิ้มให้เขา
“บางทีนายอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้” ชายหนุ่มผมดำพูดเบา ๆ
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ความคิดเห็น