ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Dark Princess:เจ้าหญิงแห่งความมืด [เฮอร์ไมโอนี่/ลูเซียส]

    ลำดับตอนที่ #3 : The Heir of Revanclaw: ทายาทของเรเวนคลอ

    • อัปเดตล่าสุด 19 ธ.ค. 55





    ***Chapter 3  The Heir of Revanclaw: ทายาทของเรเวนคลอ***

     

    นายท่านลูเซียส   มัลฟอยกระซิบ  ใบหน้าของเขาซีดเผือดเมื่อว่าเห็นว่าร่างที่มาใหม่นั้นเป็นใคร

    ข้าบอกเจ้าแล้วนี่ว่าห้ามเสียมารยาทกับแขกของข้าลอร์ดโวลเดอมอร์เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาและเฮอร์ไมโอนี่พลางมองสมุนของเขาด้วยอย่างตำหนิ  นายลูเซียสรีบปล่อยมือจากเด็กสาวทันที

    ข้าผิดไปแล้วเจ้านายเขากล่าวกลางก้มศีรษะลงต่ำ  จอมมารโบกมือให้เขาหลบไปข้าง ๆ  และเมื่อจอมมารทำเช่นนั้นลูเซียสจึงหลีกทางให้เจ้านายของเขามายืนอยู่หน้าเฮอร์ไมโอนี่

    ยินดีต้อนรับคุณเกรนเจอร์  สู่ที่พักของฉันจอมมารเอ่ยขึ้นพลางผายมือไปรอบ ๆ ซึ่งในความคิดของเด็กสาวมันดูห่างไกลคำว่า ที่พัก มากนัก หวังว่าสมุนของฉันคงไม่ทำอะไรให้เธอต้องขุ่นเคืองใจหรอกนะเขาพูดเสียงนุ่ม  เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ

     

    รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏขึ้นบนมุมปากบางเฉียบของลอร์ดโวลเดอมอร์  เขาเริ่มพูดต่อ

    เธอคงสงสัยใช่ไหมว่าฉันจับตัวเธอมาที่นี่ทำไมเขากล่าวพลางปรายตามองเด็กสาวที่อยู่ในฐานะเชลย

    ใช่แล้วเธอสงสัย  แต่ฉันขอบอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจับเธอมาเพื่อให้มาเป็นเชลยจอมมารพูดราวกับรู้ทันความคิดของเฮอร์ไมโอนี่

    แต่เธอมาที่นี่ในฐานะแขกของฉันเขากล่าว

    แล้วท่านต้อนรับแขกของท่านด้วยการล่ามโซ่แบบนี้น่ะหรือ เด็กสาวสวนขึ้นมาอย่างไม่เกรงกลัว  นายลูเซียสตาโต  เขาทำท่าจะตรงมาที่เธอพร้อมกับไม้กายสิทธิ์ในมือ  แต่โวลเดอมอร์กลับโบกมือห้ามไว้เสียก่อน

    นายท่าน!”

    ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าเสียมารยาทกับแขก ลูเซียสจอมมารพูด  นายลูเซียสลดไม้ของเขาลงอย่างเสียไม่ได้

    เธอคงสงสัยไม่น้อยใช่ไหมว่าทำไมฉันถึงต้องจับตัวเธอมาที่นี่ด้วย  ทั้ง ๆ ที่ฉันก็ได้สิ่งที่ฉันต้องการแล้วโวลเดอมอร์พูดพลางยื่นมือออกมา ลูเซียส  ส่งมันมาให้ข้า

    ครับ นายท่านลูเซียสส่งลูกแก้วพยากรณ์ที่เก็บไว้ในเสื้อคลุมไปให้จอมมาร  เฮอร์ไมโอนี่สังเกตุเห็นว่าตอนนี้มันไม่ได้มีคาถาป้องกันอยู่แต่อย่างใด

    โวลเดอมอร์รับลูกแก้วมาถือไว้ในมือ  พลางมองไปที่เฮอร์ไมโอนี่

    เธอไม่สงสัยบ้างหรือเกรนเจอร์  ว่าทำไมชื่อของเธอถึงไปอยู่บนลูกแก้วอันนี้ได้เขากล่าว ทำไมถึงมีคำว่าเจ้าหญิงแห่งความมืดปรากฏอยู่ด้วย  แล้วทำไมชื่อของเธอถึงได้ไปเกี่ยวข้องกับสงครามครั้งสุดท้าย  ทั้ง ๆ ที่เธอเป็นแค่เด็กเลือดสีโคลนคนหนึ่งเท่านั้น.......ทำไมกันโวลเดอมอร์พึมพำราวกับเขากำลังถามคำถามนี้กับตัวเองมากกว่าถามเฮอร์ไมโอนี่

     

    จอมมารออกเดินไปรอบห้อง  ในมือถือลูกแก้วพยากรณ์ไว้  เขาเริ่มต้นเล่าเรื่อง

    นานมาแล้วคุณเกรนเจอร์  นานเกือบยี่สิบปีก่อน  มีคำทำนายอันหนึ่งพูดถึงการกำเนิดของเจ้าหญิงแห่งความมืด จอมมารกล่าว

    นักพยากรณ์คนหนึ่งเคยทำนายเรื่องนี้เอาไว้  เธอเป็นคนที่มีความสามารถมากทีเดียว  เสียอยู่อย่างเธอกลับไม่ยอมรับใช้ฉัน  ไม่ยอมบอกข้อมูลสำคัญที่เธอรู้แก่ฉัน  ฉันเลยต้องทรมานเธอ  ฉันเสกคาถากรีดแทงใส่เธอจนเธอยอมบอกข้อมูลแก่ฉัน  คำทำนายที่เธอเห็นเกี่ยวกับเจ้าหญิงแห่งความมืดเขาพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ราวกับเขากำลังเล่านิทานก่อนนอนให้เด็กสาวฟัง

     

    คำทำนายนั้นกล่าวไว้ว่า  หลังจากนี้ไม่นานนักจะมีเจ้าหญิงแห่งความมืดถือกำเนิดขึ้น  เธอเป็นผู้หญิงที่พิเศษที่สุดในโลกแห่งเวทย์มนต์เขาพูด

    เพราะอะไรน่ะหรือ  เพราะเธอมีชะตากรรมที่จะต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับอำนาจมืดและสงครามน่ะสิ  คำทำนายบอกไว้ว่า  เมื่อเจ้าหญิงคนนี้เจริญวัยขึ้น  จะเกิดสงครามครั้งยิ่งใหญ่ขึ้นในโลกเวทย์มนต์  และเธอจะเป็นกุญแจหลักของการทำสงครามครั้งนี้  เธอเปรียบเสมือนอาวุธที่ทรงพลัง  ฝ่ายใดที่ได้ตัวเธอไปอำนาจของเธอจะช่วยสนับสนุนฝ่ายนั้นให้มีชัยในสงคราม  แต่ที่แปลกกว่านั้นก็คือ... จอมมารชะงักคำพูด  สีหน้าของเขาดูลังเลระคนสงสัยซึ่งเป็นสีหน้าที่เด็กสาวคาดว่าจะไม่มีวันได้เห็นจากเขา

    นักพยากรณ์คนนั้นได้ทำนายไว้ว่าเจ้าหญิงแห่งความมืดจะมีอำนาจที่แม้แต่เจ้าแห่งศาสตร์มืดอย่างฉันไม่แม้แต่จะฝันถึงน้ำเสียงของโวลเดอมอร์เกรี้ยวกราดขึ้นทันทีเมื่อเขาเอ่ยประโยคสุดท้าย

     

    ตอนที่ได้ยินคำทำนายนี้ฉันยอมรับนะว่าฉันไม่พอใจซักเท่าไหร่นัก  แล้วก็เป็นเคราะห์ของนักพยากรณ์คนนั้นที่ฉันไม่ปลาบปลื้มกับคำทำนายของเธอแม้แต่น้อย  โวลเดอมอร์ยิ้มออกมา  มันเป็นรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมพอจะทำให้เฮอร์ไมโอนี่เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักพยากรณ์คนนั้น  เมื่อเธอทำให้จอมมารไม่พอใจ

    ทำไมน่ะรึ  เพราะฉันไม่เชื่อ  ไม่ใช่สิ  ฉันไม่มีทางเชื่อว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะมามีอำนาจที่ฉันไม่มีวันมี  คิดดูสิว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไรที่หล่อนจะมีอำนาจที่แม้แต่ฉัน  ลอร์ดโวลเดอมอร์  พ่อมดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่เคยฝันถึงสีหน้าของจอมมารดูโกรธเกรี้ยวอย่างชัดเจน  ดวงตาแดงก่ำหรี่ลงจนทำให้หน้าของเขาเหมือนงูมากขึ้น

     

    แม้ว่าฉันจะไม่เชื่อคำทำนายนั่นก็ตาม  แต่ฉันก็จำเป็นจะต้องรู้ว่าเจ้าหญิงที่ว่านั้นเป็นใคร  ฉันจึงสอบปากคำนักพยากรณ์คนนั้นต่อ  ฉันทรมานหล่อนเพิ่ม  แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้หล่อนจะไม่ยอมบอกฉันง่าย ๆ เหมือนอย่างที่แล้วมา  ฉันทรมานหล่อนจนหล่อนแทบเสียสติ  แต่หล่อนยังคงปิดปากเงียบ  เพราะหล่อนคงรู้ดีว่าถ้าหากหล่อนบอกเรื่องชาติกำเนิดของเจ้าหญิงแก่ฉัน  มันจะเป็นการทำลายชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าหญิงเสียตั้งแต่เธอยังไม่ได้ลืมตามาดูโลก  ฉันทรมานหล่อนอยู่นานแต่หล่อนก็ไม่ยอมปริปากพูดถึงครอบครัวที่จะให้กำเนิดเจ้าหญิง  จนกระทั่งหล่อนใกล้ถึงวาระสุดท้ายเต็มที  ฉันจึงเจาะเข้าไปในใจของหล่อนจอมมารเล่าด้วยท่าทีสบาย ๆ

     

    การเจาะเข้าไปในจิตใจของคนที่ใกล้จะตายเพื่อหาข้อมูลเล็ก ๆ นั้นคงจะเป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับคนอื่น  เธอคงรู้ใช่ไหมคุณเกรนเจอร์  ว่าจิตใจของคนที่ใกล้ตายมักจะสับสนฟุ้งซ่าน  เพราะมันเต็มไปด้วยความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามาก่อนที่เขาจะตาย......แต่ที่ฉันพูดนี่ก็ไม่ได้หมายความว่าฉันเคยตายหรอกนะจอมมารพูดด้วยน้ำเสียงเดียดฉันท์ 

    แล้วมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเสาะหาเศษเสี้ยวของข้อมูลเพียงน้อยนิดในจิตใจที่เต็มไปด้วยความสับสนของหล่อน  แต่มันก็ไม่ใช่กับฉันซึ่งเป็นนักพินิจใจยอดเยี่ยมที่สุด  ฉันเจาะเข้าไปในใจของหล่อนและนำข้อมูลจำนวนหนึ่งออกมาได้สำเร็จ  แม้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่ที่ฉันต้องการนั้นจะกระจัดกระจายเกินกว่าที่ฉันจะรวบรวมมาได้หมดก็ตาม  และฉันก็เสียดายไม่น้อยที่ฉันไม่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับอนาคตของเจ้าหญิง  แต่ฉันก็ได้ข้อมูลส่วนที่สำคัญที่สุดออกมา  ข้อมูลที่บอกฉันถึงชาติกำเนิดของเจ้าหญิงคนนั้น

    ข้อมูลอันมีค่านั้นบอกฉันว่า  เจ้าหญิงแห่งความมืดจะถือกำเนิดขึ้นเมื่อต้นฤดูใบไม้ร่วงในอีกหนึ่งปีให้หลัง  และเธอจะกำเนิดจากทายาทคนสุดท้ายของแม่มดผู้ยิ่งใหญ่  โรวีน่า  เรเวนคลอจอมมารกล่าว

     

    .................................................

     

                    เฮอร์ไมโอนี่กระพริบตา  นี่เธอได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า  เจ้าหญิงแห่งความมืดจะถือกำเนิดจากทายาทคนสุดท้ายของเรเวนคลออย่างนั้นรึ  แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเธอเคยอ่านเจอในหนังสือว่าทายาทของเรเวนคลอนั้นสูญสิ้นไปหมดแล้ว

    เธอคงคิดสินะว่าทายาทของเรเวนคลอไม่หลงเหลืออยู่ในโลกนี้แล้วโวลเดอมอร์ กล่าวอย่างรู้ทัน ฉันเองก็เคยคิดอย่างนั้นเมื่อนานมาแล้ว  และมันก็เจ็บปวดทีเดียวที่ต้องยอมรับว่าฉันคิดผิด

    หลังจากหลักฐานหลายอย่างที่ฉันรวบรวมมาได้ฉันก็พบว่าเชื้อสายของเรเวนคลอยังมีชีวิตอยู่  แม้ว่าจะไม่มีใครใช้ชื่อสกุลนี้แล้วก็ตาม  ตระกูลที่สืบเชื้อสายของเรเวนคลออพยพออกไปจากอังกฤษเมื่อหลายศตวรรษที่แล้ว  และไปตั้งรกรากอยู่ที่อื่นแทน  แต่ฉันก็สั่งให้สมุนของฉันตามสืบจนเจอทายาทกลุ่มสุดท้ายที่ยังมีชีวิตอยู่ของเรเวนคลอ  พวกเขาอพยพไปที่ฝรั่งเศส  ฉันสั่งให้ผู้เสพความตายของฉันจับตาดูครอบครัวนี้ไว้  และรายงานพฤติกรรมของพวกเขาตลอดเวลา  จนกระทั่งภรรยาของครอบครัวนี้คลอดลูกสาวคนหนึ่งในช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วงซึ่งตรงกับคำทำนายพอดีจอมมารเล่า  ริมฝีปากบางยิ้มอย่างชั่วร้าย

    หลังจากเด็กคนนั้นถือกำเนิดขึ้น  เธอพอจะเดาได้ไหมเกรนเจอร์ว่าฉันทำอย่างไรเขาถามเด็กสาว  ใบหน้าของเธอซีดเผือดเมื่อนึกถึงสิ่งที่จอมมารจะทำต่อผู้ที่อาจจะมีอำนาจเหนือเขา อย่างเดียวกับที่เขาพยายามทำกับแฮร์รี่

     

    และแน่นอนว่าโวลเดอมอร์อ่านสีหน้าที่ตื่นตระหนกของเฮอร์ไมโอนี่ออก

    เปล่าเลย  ฉันไม่ได้ฆ่าพวกเขาอย่างที่เธอคิดหรอก  ตรงกันข้าม  ฉันส่งผู้เสพความตายคนหนึ่งเพื่อไปนำตัวเธอมา  แต่ตอนนั้นฉันไม่รู้เลยว่ามีพ่อมดอีกคนที่กำลังตามหาตัวเจ้าหญิงคนนี้เหมือนกัน  และก็น่าเสียดายอย่างที่สุดที่สมุนของฉันคนนั้นทำงานพลาดจอมมารพูดรอดไรฟันออกมาอย่างเคียดแค้น  รูม่านตาของเขาขยายกว้าง  แววตาสีแดงราวโรจน์ด้วยความโกรธ

    เจ้านาย.....ข้าเสียใจที่ทำให้ท่านผิดหวังนายลูเซียสเอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบา

     “เจ้าต้องการให้ข้าลงโทษเจ้าอีกหรือไง  ลูเซียสจอมมารบอกอย่างรำคาญอยู่ในที  นายลูเซียสหน้าขาวซีด  เขารีบตอบออกมา

    ไม่ครับเจ้านาย  แน่นอนว่าไม่จอมมารมองสมุนของเขาด้วยสายตาประเมินอยู่ครู่หนึ่งก่อนก็จะกล่าวขึ้น

    ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็รีบเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณเกรนเจอร์ฟังเสียสิ  เพราะถึงยังไงข้าก็คงไม่รู้ดีกว่าเจ้าที่อยู่ในเหตุการณ์จริงไหมเจ้าแห่งศาสตร์มืดพลางแสยะยิ้ม  แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูน่ากลัวพิลึกเมื่อปรากฏอยู่บนใบหน้าที่เหมือนงูของเขา

     แต่นายท่านต้องการให้ข้าบอกเธอตอนนี้เลยหรือเสียงของลูเซียสแสดงถึงความลังเล

    บอกเท่าที่ความทรงจำของเจ้าจะเอื้ออำนวยโวลเดอมอร์สั่งพลางสะบัดไม้กายสิทธิ์ในมือ  และแล้วก็มีบางอย่างลอยมาจากมุมห้องมาหยุดอยู่ตรงหน้าเฮอร์ไมโอนี่  ในตอนแรกเด็กสาวคิดว่ามันเป็นอ่างหินที่ประดับอยู่คู่กับรูปปั้นสัตว์ประหลาดตรงมุมห้อง  แต่เมื่อเธอสามารถมองมันได้ชัดขึ้น  เธอก็พบว่ามันคือเพนซิฟ  อุปกรณ์สำหรับใช้ดูความทรงจำ

    แต่ท่านไม่ต้องการรอให้เขากลับมาก่อนหรือ  แค่ความทรงจำของข้าเพียงคนเดียวอาจจะทำให้เธอแคลงใจ”  ลูเซียสแย้ง  จอมมารมีสีหน้ารำคาญใจ

    เซเวอร์รัสกลับมาช้าเกินไป  ข้าไม่ต้องการที่จะรออีกแล้ว  ข้าสั่งให้เจ้า......เขาเอ่ยขึ้นอย่างโมโห  แต่ก่อนที่โวลเดอมอร์จะพูดจบ  ประตูห้องก็เปิดขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างในชุดคลุมสีดำ

     

    .................................................

     

    เซเวอร์รัส  สเนปยืนอยู่ตรงธรณีประตู  เขาก้าวยาว ๆ ผ่านหน้าเฮอร์ไมโอนี่ไปยังจอมมาร  เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างตกใจ  แต่สเนปไม่สนใจเธอ  เขาเดินไปหยุดหน้าลอร์ดโวลเดอมอร์ก่อนจะก้มศีรษะลงต่ำ 

    ข้ากลับมาแล้วเจ้านายสเนปพูดขึ้น

    เจ้าได้ของที่ข้าต้องการมารึเปล่าเจ้าแห่งศาสตร์มืดถาม

    แทนคำตอบสเนปล้วงมือเข้าไปในเสื้อคลุมแล้วหยิบบางสิ่งออกมา  มันเป็นขวดแก้วเล็ก ๆ ที่บรรจุสารสีเงินยวงเอาไว้  เด็กสาวรู้ทันทีว่ามันเป็นความทรงจำ  แต่เจ้าของของมันคือใครนั้นเฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจทราบได้

    ทำไมถึงใช้เวลานานนัก  หรือว่าภารกิจนี้มันหนักหนาสำหรับแกมากลูเซียสอดไม่ได้ที่จะแขวะร่างที่มาใหม่  สเนปเลิกคิ้วอย่างไม่สนใจ  เขาหันไปตอบคำถามนั้นกับเจ้านายของเขาแทน

    นายท่านโปรดอภัยให้ข้าด้วย  ที่ข้ากลับมาช้าเพราะต้องรอจังหวะที่จะเข้าถึงพ่อแม่ของเธอโดยไม่ให้พวกมักเกิ้ลคนอื่นสงสัย  เพื่อเอาความทรงจำมาเขาพยักเพยิกไปทางเฮอร์ไมโอนี่  เด็กสาวตาโตเมื่อรู้ว่าพูดถึงอะไร

     

    คุณทำอะไรพ่อแม่ฉัน!” เธอร้องขึ้น  ถ

    สเนปกรอกตาอย่างรำคาญ  ก่อนจะพูดออกมา

    ฉันไม่ได้ทำอะไรพวกเขาทั้งนั้น  เกรนเจอร์สเนปว่า เธอคิดว่าฉันอยากจะแตะต้องพ่อแม่มักเกิ้ลของเธอนักรึไง

    โกหก  คุณโกหก!” เธอกรีดเสียง  พยายามดิ้นรนจากโซ่ที่ล่ามเธออยู่ คุณทำอะไรพวกท่าน  บอกฉันมานะ!”

    ฉันไม่ได้ฆ่าพวกเขาสเนปตอบอย่างหนักแน่น ฉันแค่เข้าไปที่คลินิกของพ่อเธอ  เอาความทรงจำของเขามาแล้วก็เสกคาถาลบความทรงจำใส่เขาเท่านั้น  เธอวางใจได้ว่าเขาจะยังจำลูกสาวสุดที่รักของเขาได้แน่นอน  ถ้าหากเธอมีโอกาสกลับไปหาเขาอีกนะเสียงของสเนปฟังดูเยาะเย้ย  เด็กสาวโกรธจนหน้าแดง  แต่เมื่อได้ยินว่าสเนปไม่ได้ทำอะไรพ่อแม่ของเธอ  เฮอร์ไมโอนี่ก็มีสีหน้าดีขึ้น

    คุณไม่ได้ทำอะไรท่านใช่จริง ๆ ใช่มั๊ยเธอถามซ้ำ  แต่คราวนี้สเนปไม่ตอบ  เขาเบนหน้าไปทางอื่นอย่างรำคาญ

     

    เอาล่ะ  เซเวอร์รัส  ส่งความทรงจำนั่นไปให้ลูเซียส  เราจะได้เริ่มกันเสียทีจอมมารสั่งขึ้น  สเนปทำตามโดยการส่งขวดแก้วเล็กจิ๋วในมือไปให้ลูเซียส

    ลูเซียสรับมันมาถือแต่ยังไม่ได้ทำอะไรกับมัน  เขาตรงไปยังเพนซิฟที่ลอยอยู่หน้าเฮอร์ไมโอนี่  มือข้างหนึ่งที่ถือไม้กายสิทธิ์ของเขายกขึ้นและชี้ไปยังเส้นผมสีบลอนด์ของตนเอง  และในวินาทีต่อมาเขาก็ดึงสารสีเงินยวงออกมาจากศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมสีบลอนด์

    นายลูเซียสทิ้งสารสีเงินยวงจากศีรษะเขาลงในเพนซิฟเป็นอันดับแรก  ก่อนจะลงมือเปิดขวดแก้วที่รับมาจากสเนปแล้วเทสารสีเงินในขวดตามลงในอ่างที่ทำด้วยหิน

    ดีมากจอมมารเอ่ยขึ้นอย่างพอใจ  เมื่อลูเซียสทำหน้าที่เสร็จเขาก็หลบไปข้าง ๆ เพื่อหลีกทางให้เจ้านาย

    โวลเดอมอร์เดินเข้ามาหยุดที่เฮอร์ไมโอนี่ซึ่งมีอ่างเพนซิฟลอยอยู่ตรงหน้า

    เอาล่ะคุณเกรนเจอร์  ถ้าเธอจะกรุณาเขาพูดเสียงนุ่ม  แต่แฝงแววชั่วร้ายเอาไว้  เฮอร์ไมโอนี่รู้ดีว่าจอมมารต้องการอะไร  เขาต้องการให้เธอดูความทรงจำในเพนซิฟนั่นซึ่งเด็กสาวก็ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร  และเขามีจุดประสงค์อะไรถึงทำเช่นนี้  แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้ก็คือความทรงจำหนึ่งในสองอันนั้นเป็นของพ่อของเธอ

    เฮอร์ไมโอนี่นิ่งเฉย  เธอไม่ยอมทำตามคำสั่งของเขา  และเมื่อเป็นเช่นนั้นจอมมารก็ยิ้มกริ่มขึ้นมา

    ดูท่าเธอจะดื้อกว่าที่คิดนะเขาพูด ฉันบอกให้เธอดู!” จบคำพูดโวลเดอมอร์ก็กระดกไม้กายสิทธิ์ที่ชี้มาทางเธอ  เด็กสาวรู้สึกเหมือนมีมือขนาดใหญ่มาผลักศีรษะเธอให้จมลงไปในอ่างนั่น!

     

    .................................................

     

    เด็กสาวเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อศีรษะของเธอถูกกดให้จมลงในอ่างที่เต็มไปด้วยของเหลวสีเงินยวง  เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกอึดอัดในช่วงแรก  เธอพยายามดิ้นรนแม้จะรู้ว่ามันเปล่าประโยชน์ก็ตาม  และในวินาทีต่อมาภาพของเหลวสีเงินที่เธอเห็นก็ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น  ราวกับมันกำลังเข้าครอบคลุมใบหน้าของเธอไว้  เด็กสาวรู้สึกเหมือนร่างของเธอถูกดูดออกมาจากแท่นหินที่นั่งอยู่และจมดิ่งเข้าไปในมวลสารสีเงินนั่น

     

    เมื่อรู้สึกตัวอีกทีเฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าตัวเองกำลังยืนอยู่บนถนนแห่งหนึ่งท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายลงมา  สองข้างทางนั้นเต็มไปด้วยบ้านเรือนทรงโบราณ  เด็กสาวมองสำรวจไปรอบ ๆ กายก่อนจะลงความเห็นว่าที่ที่เธอยืนอยู่นี่คงไม่ใช่ประเทศอังกฤษแน่นอน  และเมื่อเธอเห็นตัวหนังสือที่อยู่บนป้ายสำหรับบอกชื่อถนน  เฮอร์ไมโอนี่ก็แน่ใจว่าเธออยู่ในฝรั่งเศส

     

    ท่ามกลางถนนที่เปล่าเปลี่ยวและปกคลุมไปด้วยหิมะหนา  ร่าง ๆ หนึ่งยืนเด่นอยู่กลางถนน  เขากำลังเดินอย่างเชื่องช้าหากแต่ระมัดระวัง  ผมสีบลอนด์เกือบขาวตัดกับเสื้อคลุมสีดำที่สวมอยู่  มือข้างหนึ่งของร่างนั้นถือไม้เท้าที่มีหัวเป็นรูปงูไว้  แม้จะเป็นการมองจากด้านหลังก็ตามแต่เฮอร์ไมโอนี่ก็แน่ใจว่าร่างนั้นคือลูเซียส  มัลฟอย  และเธอกำลังอยู่ในความทรงจำของเขา

     

      โวลเดอมอร์ต้องการให้เธอเข้ามาในความทรงจำของลูเซียสทำไมกัน  เขามีจุดประสงค์อะไรที่ทำเช่นนี้เด็กสาวไม่อาจรู้ได้เลย  นอกเสียจากเธอจะตามนายลูเซียสไปเพื่อดูว่าจอมมารต้องการให้เธอเห็นอะไรในความทรงจำของนายมัลฟอยกันแน่

    เฮอร์ไมโอนี่เดินตามร่างสูงใหญ่ของลูเซียส  มัลฟอยในความทรงจำไป  แม้ว่าเมื่อครู่เธอจะยืนอยู่ไกลจากเขามากก็ตาม  แต่เด็กสาวเดินตามเขาเขาในไม่ช้า  อาจจะเป็นเพราะว่านายลูเซียสไม่รีบร้อน  เขาเดินอย่างช้า ๆ หากแต่ระมัดระวังยิ่งนัก

    เมื่อเด็กสาวเดินมาถึงร่างสูงและเห็นใบหน้าของเขา  เฮอร์ไมโอนี่ก็พบว่าความทรงจำนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อนานมาแล้ว  เพราะนายลูเซียสตรงหน้าของเธอนั้นยังหนุ่มอยู่มาก  อายุของเขาไม่น่าจะเกิน 27 ปีเป็นอย่างสูง  ใบหน้าขาวซีดของเขาไม่ปรากฏริ้วรอยอย่างที่เห็นในปัจจุบันเลย  แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นใบหน้าของลูเซียส  มัลฟอยของแท้  เพราะสีหน้าของเขามันเต็มไปด้วยความยิ่งยโสและถือตัวอย่างที่สุด

    เฮอร์ไมโอนี่ตามลูเซียสมาจนพ้นเขตบ้านเรือน  ชายหนุ่มเดินมาหยุดอยู่ที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งที่ปราศจากผู้คนเนื่องจากอากาศหนาวเหน็บในตอนนี้  และในตอนนั้นเองเด็กสาวก็เพิ่งสังเกตุว่าลูเซียสไม่ได้มีท่าทางหนาวเหน็บเพราะอากาศที่โหดร้ายเช่นนี้เลยทั้ง ๆ ที่เขาก็ไม่ได้สวมเสื้อคลุมหนา ๆ สำหรับหน้าหนาวแต่อย่างใด  เธอเดาว่าเขาคงจะเสกคาถาทำให้ร่างกายอบอุ่นก่อนจะออกมาเดินข้างนอกแบบนี้

    ลูเซียสหยุดอยู่ที่หน้าสวนสาธารณะ  เขายกไม้เท้าในมือขึ้นเล็กน้อยและเคาะมันลงบนพื้นถนนสามครั้ง

     

    ภาพสวนสาธารณะตรงหน้าค่อย ๆ จางหายไป  แต่ปรากฏเป็นบ้านหลังหนึ่งขึ้นมาแทน  มันเป็นบ้านทรงโบราณเฉกเช่นบ้านทุกหลังในละแวกนี้  หากแต่ว่าบ้านหลังนี้นั้นดูเก่าแก่กว่า  และโบราณกว่าบ้านหลังอื่น ๆ ที่เหลือ  ราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นเป็นหลังแรก ๆ ในละแวกบ้านนี้

    นายลูเซียสเดินเข้าไปที่ประตูหน้าบ้าน  เขาใช้ไม้เท้าในมือเคาะประตูสองครั้ง

    เสียงตึงตังดังขึ้นมาจากภายในบ้าน  ในไม่กี่อึดใจต่อมาก็มีใครบางคนมองลอดตาแมวจากข้างในออกมา  ตามมาด้วยเสียงห้าวลึกที่พูดเป็นภาษาฝรั่งเศสซึ่งเด็กสาวพอเข้าใจว่ามันแปลออกมาเป็นภาษาอังกฤษว่า ‘’คุณเป็นใคร!”

     

    [อธิบายนิดนึง  ตรงที่ตัวละครพูดภาษาฝรั่งเศสกันข้างล่างข้าพเจ้าไม่แน่ใจว่าจะใช้ได้ถูก 100 % รึเปล่านะคะ  แบบว่าเคยเรียนมาบ้าง  แต่ก็แค่งู ๆ ปลา ๆ อ่ะนะ]

     

    เฌอ มะแป็ล  ลูเซียส มัลฟอย(ผมคือลูเซียส  มัลฟอย)นายมัลฟอยตอบกลับไปด้วยภาษาฝรั่งเศส

    ประตูบานนั้นค่อย ๆ เปิดออก  เผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่อายุไล่เลี่ยกับนายลูเซียส  เขามีผมสีน้ำตาล  สวมแว่นไร้กรอบ  หน้าตาดูคงแก่เรียนและเฉลียวฉลาด  แต่แววตาสีน้ำตาลคู่นั้นดูไม่ไว้ใจร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าแม้แต่น้อย  ชายคนนั้นชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางลูเซียส

    แกสเซอเกอ วู แฟ็ต อีซี่?(คุณมาทำอะไรที่นี่)ชายสวมแว่นถามขึ้น

    เฌอ แชคเชอะ  เมอซิเออร์ซิลเวีย(ผมมาหาเมอซิเออร์ซิลเวีย)ลูเซียสตอบด้วยท่าทีไม่เป็นเดือดเป็นร้อนว่าขณะนี้ไม้กายสิทธิ์ของฝ่ายตรงข้ามกำลังชี้อยู่ที่หน้าอกของเขา

    ผมนี่แหละเมอซิเออร์ซิลเวีย  คุณมีธุระอะไรกับผมนายซิลเวียพูดภาษาอังกฤษขึ้นเป็นครั้งแรก  แม้สำเนียงของเขาจะฟังดูแปลกแปร่งอยู่บ้างก็ตาม  ในขณะที่เฮอร์ไมโอนี่หายใจกระตุกเมื่อได้ยินคำว่า ซิลเวีย

    ลูเซียสไม่ตอบแต่เขากลับยื่นมือให้นายซิลเวียแทน

    อองฌ็องเต้  เมอซิเออร์, ซิลวูเปล?(ยินดีที่ได้รู้จัก  ผมเข้าไปได้ไหม)เมอซิเออร์ซิลเวียมองนายลูเซียส อย่างลังเล  เขาไม่ยอมจับมือนั้นเขย่า  และเมื่อเป็นเช่นนั้นลูเซียสจึงลดมือลง  เขายิ้มอย่างไม่ว่าอะไรแม้ว่าไม้กายสิทธิ์ของเมอซิเออร์ซิลเวียจะชี้อยู่ที่อกของเขาก็ตาม

    คุณต้องการอะไรจากผมเมอซิเออร์ซิลเวียถาม

    ผมว่าเราเข้าไปคุณกันข้างในดีกว่าไหม  คุณก็รู้ว่าตรงนี้ไม่สะดวกเท่าไหร่  คุณคงไม่อยากเปิดประตูบ้านทิ้งไว้นานหรอกจริงไหมลูเซียสพยายามเกลี้ยกล่อมเขา  แต่เมอซิเออร์ซิลเวียไม่ขยับ

    ถ้าคุณสงสัยว่าผมจะเป็นคนที่ศัตรูของคุณส่งมาผมขอให้คุณคิดเสียใหม่นะ  เพราะว่าผมไม่ได้ทำงานให้พวกนั้นเขาพูด

    แต่ผมก็ไม่รู้นี่ว่าคุณเป็นฝ่ายไหนเมอซิเออร์ซิลเวียยังคงแคลงใจในการมาปรากฏตัวของเขา  ลูเซียส ถอนหายใจ  เขาเลิกเสื้อคลุมขึ้นก่อนจะยื่นแขนซ้ายให้ชายหนุ่มตรงหน้าดู

    ทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่บนแขนของลูเซียส  นายซิลเวียก็ผงะถอยหลังด้วยความตกใจ  ใบหน้าของเขาซีดเผือดอย่างเห็นได้ชัด 

    ผมว่าเราคงคุยกันดี ๆ ได้แล้วใช่ไหมลูเซียสพูดขณะที่แทรกกายผ่านประตูบ้านเข้ามา

     

    .................................................

     

    เมอซิเออร์ซิลเวียเดินนำนายลูเซียสเข้าไปในบ้านของเขา  เฮอร์ไมโอนี่ตามชายทั้งสองไปยังห้องรับแขก 

    บ้านตระกูลซิลเวียถูกตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเครื่องเรือนแบบโบราณและของตกแต่งที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่อาจประมาณค่าได้  เห็นได้ชัดว่าตระกูลนี้เป็นตระกูลที่เก่าแก่และน่าจะร่ำรวยอยู่ไม่น้อย  ซึ่งคนในตระกูลนี้ก็คงเป็นเลือดบริสุทธิ์เช่นเดียวกับนายลูเซียส

    เมื่อมาถึงห้องรับแขกเด็กสาวพบว่ามีใครอีกคนอยู่ในห้องอยู่แล้ว  เธอเป็นหญิงสาวที่สวยมากคนหนึ่ง  ใบหน้าของเธอ  ใบหน้าของเธอช่างคล้ายคลึงกับเฮอร์ไมโอนี่เหลือเกิน  เพียงแต่ว่าเธอมีดวงตาทีฟ้าสดใสและผมสีบลอนด์หยักศกเท่านั้น  เธอกำลังอุ้มทารกคนหนึ่งไว้ในอ้อมแขน

    แต่สิ่งที่ทำให้เด็กสาวใจเต้นนั้นไม่ใช่แค่ใบหน้าของหญิงสาวเท่านั้น  แต่กลับเป็นสร้อยที่หล่อนสวมอยู่  สร้อยคอที่มีจี้รูปนกอินทรีเหมือนกับที่เธอกำลังสวมอยู่ตอนนี้เลย!

    และดูเหมือนว่านายลูเซียสในอดีตจะสังเกตเห็นสิ่งเดียวกับที่เฮอร์ไมโอนี่เห็น  เขามองหญิงสาวคนนั้นอย่างสนใจ  ก่อนจะเลื่อนสายตาลงมาที่จี้ที่สวมอยู่ที่คอและมาหยุดอยู่ที่ทารกที่อยู่ในอ้อมแขนของหล่อน

     

    นี่คงเป็นมาดามซิลเวียสินะครับนายลูเซียสเอ่ยขึ้น  แต่สายตายังคงจับจ้องอยู่ที่เด็กน้อยในอ้อมแขนของหญิงสาว  ในขณะที่มาดามซิลเวียนั้นยืนนิ่งด้วยความตกใจ

    ชาร์ล็อต  พาลูกขึ้นไปข้างบนก่อนเมอซิเออร์ซิลเวียพูดกับภรรยาเป็นภาษาฝรั่งเศส  หญิงสาวทำตามโดยดี  เธออุ้มทารกในอ้อมแขนออกไปจากห้องรับแขกอย่างรีบเร่ง  แต่ก่อนที่ร่างของเธอจะลับจากธรณีประตูไป  ชาร์ล็อต  ซิลเวียก็ส่งสายตาเป็นห่วงมาทางสามี  เมอร์ซิเออร์ซิลเวียจึงพยักหน้าให้ภรรยาในเชิงให้บอกว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

    หลังจากมาดามซิลเวียออกจากห้องไปแล้ว  เมอซิเออร์ซิลเวียก็ปิดประตูพร้อมกับร่ายคาถาห้ามรบกวน  ก่อนจะเดินกลับมาที่นายลูเซียสซึ่งยืนอยู่กลางห้องรับแขก

    เชิญนั่ง  เมอซิเออร์มัลฟอย

    เมอซี่(ขอบคุณ)ลูเซียสพูดก่อนจะนั่งลงบนโซฟาหนังอย่างดีของบ้านซิลเวีย  เมอซิเออร์ซิลเวียเสกเครื่องดื่มสองแก้วขึ้นมาตรงหน้า  ลูเซียสยื่นมือไปรับมันมาแก้วหนึ่ง

     

    คุณหาบ้านผมเจอได้ยังไงเขาถามด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด 

    แน่นอนว่าจอมมารล่วงรู้ทุกอย่างที่ท่านต้องการจะรู้  แต่ผมก็ยอมรับว่ามนตราที่ใช้ป้องกันบ้านของคุณนั้นใช้ได้ทีเดียว  แม้ว่ามันจะไม่ดีที่สุดก็ตามนายลูเซียสตอบด้วยท่าทีสบาย ๆ

    เมอซิเออร์ซิลเวียไม่พูดอะไร  เขาจิบวิสกี้เข้าไปอีกอึก  สีหน้ายังคงตึงเครียดอยู่

    คุณมีธุระอะไรกับผม  ไม่ใช่สิ  คนที่คุณก็รู้ว่าใครส่งคุณมาที่นี่ทำไมเมอซิเออร์ซิลเวียเปลี่ยนมาพูดภาษาอังกฤษ  นายลูเซียสยิ้มมุมปาก  เขาจิบวิสกี้เข้าไปอึกหนึ่งก่อนจะเริ่มพูด

     ผมดีใจที่คุณเข้าใจอะไรได้รวดเร็วดี  เราจะได้เลิกอ้อมค้อมกันเสียทีเขากล่าวพลางวางแก้วเหล้าในมือลงบนโต๊ะ เจ้านายของผม  จอมมาร  ท่านส่งผมมาทำภารกิจอย่างหนึ่ง  และภารกิจที่ผมว่านั้นก็เกี่ยวกับคุณ  เมอซิเออร์ซิลเวียลูเซียสพูดเสียงนุ่ม

    ท่านต้องการอะไรจากผมเมอซิเออร์ซิลเวียถามขึ้นมาด้วยเสียงอันดัง  ใบหน้าของเขาซีดลงอย่างรวดเร็วเมื่อรู้ว่าจอมมารส่งนายลูเซียสมาหาเขาโดยเฉพาะ  ในขณะที่ผู้มาเยือนนั้นยังคงยิ้มสบาย  ลูเซียสเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทีราวกับเขานั่งอยู่ในบ้านของตัวเอง

     

    คุณเคยรู้มาก่อนไหม  ว่าเจ้านายของผมชอบสะสมสิ่งของที่มีค่าทางประวัติศาสตร์ลูเซียสกล่าว

    แต่ผมไม่มีมัน!” เมอซิเออร์ซิลเวียแผดเสียงออกมาในทันที  เขาผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้พลางตะโกนก้อง ผมไม่มีรัดเกล้าของเรวนคลอ  ผมบอกพวกนั้นไปแล้ว  แต่ไม่มีใครเชื่อผมใบหน้าของเมอซิเออร์ซิลเวียซีดขาว  แววตาของเขาดูตื่นตะหนกราวกับความกลัวทั้งหมดของเขาได้กลายเป็นความจริงเสียแล้ว  ในขณะที่แขกที่ไม่ได้รับเชิญของเขายังคงนั่งนิ่ง

     “เจ้านายของผมไม่ได้ต้องการรัดเกล้าของเรเวนคลอเขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย จอมมารจะต้องการรัดเกล้าไปทำไมในเมื่อท่านมีมันสมองที่ฉลาดล้ำยิ่งกว่ามนุษย์ทุกคนอยู่แล้วลูเซียสพูด 

    อีกอย่างพ่อมดในอังกฤษไม่ได้เหมือนศัตรูของคุณที่ฝรั่งเศสนี่หรอกนะ  เราฉลาดพอที่จะรู้ว่ารัดเกล้านั้นหายสาบสูญไปตั้งหลายศตวรรษแล้ว  อาจจะหายไปตั้งแต่สมัยของเรเวนคลอเองด้วยซ้ำ  และที่ผมมาที่นี่ก็เพื่อจุดประสงค์อื่นที่ไม่ใช่รัดเกล้าลูเซียสพูดด้วยน้ำเสียงสุขุม

     

    เมื่อยินคำพูดของนายมัลฟอย  เมอซิเออร์ซิลเวียก็มีท่าทีที่สงบนิ่งลง  เขาทิ้งตัวลงบนโซฟาตามเดิม  สีหน้าเหม่อลอยระคนประหลาดใจ  แต่เขาก็มีท่าทีโล่งใจอยู่ไม่น้อยที่นายลูเซียสบอกว่าเขาไม่ได้ต้องการรัดเกล้า

    ถ้าอย่างนั้นคุณต้องการอะไร  เจ้าแห่งศาสตร์มืดต้องการอะไรจากผมเมอซิเออร์ซิลเวียพูดขึ้นเมื่อเขาตั้งสติได้  เขามองชายตรงหน้าด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

    จอมมารต้องการบางสิ่งบางอย่างที่คุณมีอยู่ในครอบครอง  เมอซิเออร์  ไม่ใช่สิ่งที่ศัตรูของคุณค้นหาทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้มีอยู่จริงลูเซียสพูด

    แต่ผม.....นายลูเซียสยกมือขึ้นในเชิงให้เขาฟังให้จบก่อน

    แม้ว่านายท่านจะเห็นว่ารัดเกล้าเป็นสิ่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ก็ตาม  แต่ถึงอย่างไรมันก็เป็นแค่สิ่งของชิ้นหนึ่ง  แค่สิ่งของที่แตกหักได้  แม้ว่ามันจะมีค่ามหาศาล  แต่ก็เป็นเพียงสิ่งของเท่านั้น  และแน่นอนว่าสิ่งของไม่สามารถมีคุณค่าไปมากกว่ามนุษย์ที่มีเลือดเนื้อได้  คุณว่าจริงไหม  เมอซิเออร์สีหน้าของเมอซิเออร์ซิลเวียเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเขาเริ่มเข้าใจว่าสิ่งที่นายลูเซียสพูดนั้นหมายถึงอะไร

    คุณคงไม่ได้หมายความว่า.........ลูเซียสยิ้มมุมปาก

    สิ่งที่จอมมารต้องการก็คือทายาทคนสุดท้ายที่สืบเชื้อสายจากโรวีน่า  เรเวนคลอ  ใช่แล้วเมอซิเออร์ซิลเวีย  ผมหมายถึงลูกสาวของคุณ

     

     

                  

    *************************************************

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×