คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : นรกที่เลวร้ายกว่า: The place worst than hell
***Chapter 2 นรกที่เลวร้ายกว่า: The place worst than hell***
“มัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พึมพำอย่างแปลกใจที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ แต่เด็กหนุ่มผิวซีดไม่พูดว่าอะไรมากไปกว่าจ้องมองเธอด้วยดวงตาที่ฉายแววขบขัน เขาก้าวยาว ๆ สองสามก้าวและมายืนอยู่ที่ข้างเตียงของเธอ
“ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอเธอที่นี่” เด็กสาวพูด เธอคิดเช่นนั้นจริง ๆ แต่พอลองคิดดูอีกทีแล้วมันก็ไม่แปลกอะไรที่เธอจะพบลูกชายของลูเซียส มัลฟอยในศูนย์บัญชาการศาสตร์มืดแห่งนี้
“ฉันก็ไม่คิดว่าจะเจอเธอในสภาพนี้เหมือนกัน” มัลฟอยพูด มองเธอหัวจรดเท้าด้วยสายตาดูถูก เฮอร์ไมโอนี่ใบหน้าร้อนผ่าว แต่ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยปากพูดอะไรออกไปเด็กหนุ่มก็ชิงพูดเสียก่อน
“ลุกขึ้นเกรนเจอร์” มัลฟอยสั่ง เฮอร์ไมโอนี่ไม่ขยับ
“ทำไมฉันต้องทำตามคำสั่งของนายด้วย” เธอพูดอย่างไม่เกรงกลัว มัลฟอยมองเธออย่างขัดใจ
“เธอต้องทำตามคำสั่งของฉันเกรนเจอร์ นับจากนี้และตลอดไป” มัลฟอยพูดอย่างมีเลศนัย เด็กสาวขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“จะทำตามที่ฉันพูดดี ๆ หรือต้องให้ฉันใช้กำลังบังคับเธอ” เด็กหนุ่มขู่ พร้อมกับชี้ไม้กายสิทธิ์มาที่เธอ เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีโอกาสขัดขืน เธอลุกขึ้นจากเตียงช้า ๆ
มัลฟอยพาเธอเดินออกจากห้องไปตามทางเดินเก่า ๆ ภายในคฤหาสน์ หลังจากที่พวกเขาขึ้นบันไดสองสามครั้ง และเดินผ่านประตูที่กั้นระหว่างส่วนกลางกับปีกตะวันตกของคฤหาสน์ มัลฟอยก็พาเฮอร์ไมโอนี่เดินขึ้นบันไดอีกครั้งหนึ่ง จนในที่สุดเขาและเธอก็มาหยุดอยู่หน้ารูปภาพรูปงูที่กำลังแยกเขี้ยวอย่างชั่วร้าย
“ศาสตร์มืด” มัลฟอยบอกรหัสผ่าน งูในรูปขดตัวลงบนพื้นอย่างเกียจคร้านและปล่อยให้พวกเขาเดินทะลุรูปภาพไปได้ ข้างในเป็นห้องรับแขกที่โอ่โถง ถึงแม้จะดูเก่าแก่ไปบ้างก็ตาม เฮอร์ไมโอนี่เดาว่าเดิมมันคงเป็นห้องรับแขกของครอบครัวริดเดิ้ลมาก่อน แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นห้องสำหรับต้อนรับผู้เสพความตายที่แวะเวียนเข้ามาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย
ในห้องนั้นลูเซียส มัลฟอยกำลังนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ข้างเตาผิง เปลวไฟลุกไหวราวกับกำลังเต้นรำ เดรโกพาเฮอร์ไมโอนี่เดินไปหาพ่อเขา
“ที่นี่เป็นอย่างไรบ้างเกรนเจอร์” ลูเซียส มัลฟอยถามพลางมองไปรอบ ๆ ห้องนั่งเล่น ภาพเก่าคร่ำคร่าของครอบครัวริดเดิ้ลยังคงแขวนอยู่บนผนัง “พอจะเหมือนบ้านของมักเกิ้ลที่เธอเคยอยู่ไหม” เขาว่า
เฮอร์ไมโอนี่ไม่ตอบ แต่เด็กสาวก็มองไปรอบ ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็น เช่นเดียวกับที่เธอพยายามทำทุกครั้งเมื่อเธอมีโอกาสได้ออกไปจากห้องนอน เธอต้องการเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้อย่างละเอียด เพราะถ้าเธอบังเอิญรอดออกไป แม้ว่ามันจะแทบเป็นไปไม่ได้ก็ตาม เธอก็จะได้บอกรายละเอียดเหล่านี้กับเพื่อนรักของเธอรวมทั้งภาคีด้วย
“ดูเข้าไปให้เต็มตาเถอะเกรนเจอร์” เสียงของนายมัลฟอยดังขึ้นราวกับรู้ทัน “เธออยากจะจดจำอะไรก็ตามใจเธอเถอะนะ ไหน ๆ เธอก็จะอยู่ที่นี่เป็นวันสุดท้ายแล้ว” นายลูเซียสพูด เฮอร์ไมโอนี่มองเขาอย่างสงสัย แต่ไม่นานเธอก็สามารถเข้าใจได้ พวกเขากำลังจะฆ่าเธอ!!!
โวลเดอมอร์คงมองไม่เห็นหนทางที่จะทำให้เธอเปิดปากพูดอะไรออกมา เช่นเดียวกับที่เขาไม่คิดว่าเธอจะเป็นประโยชน์ต่อเขาอีกต่อไป เขาเลยต้องการกำจัดเธอทิ้ง แถมนายลูเซียสยังเรียกลูกชายของเธอมาดูความตายของเธอเสียด้วย!
แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับไม่รู้สึกกลัวความตายแต่อย่างใด บางทีดัมเบิลดอร์อาจจะพูดถูก สำหรับจิตใจที่จัดระเบียบดีแล้วความตายเป็นเพียงการผจญภัยอย่างหนึ่งเท่านั้น แต่สำหรับเธอแล้วความตายของเธอกลับเป็นหนทางที่เธอจะหลุดพ้น หลุดพ้นจากสถานที่นี้ หลุดพ้นจากความทรมาน และหลุดพ้นจากนรกแห่งนี้เสียที
และเธอก็จะได้เจอพ่อและแม่ของเธออีกครั้ง
“พร้อมหรือยังเกรนเจอร์” เสียงของนายมัลฟอยปลุกเธอให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ เด็กสาวหันไปมอง และเธอก็เห็นว่าเขาชี้ไม้กายสิทธิ์มาทางเธอ
เฮอร์ไมโอนี่หลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรมของตัวเอง
นายลูเซียสพึมพำอะไรบางอย่างที่แผ่วเบาจนเฮอร์ไมโอนี่ไม่สามารถได้ยิน และก็เกิดแสงสว่างจ้าบาดตาก่อนที่แรงดึงดูดมหาศาลจะดูดร่างของเธอเข้าไป เด็กสาวรู้สึกว่าร่างกายแผ่วเบาอย่างแปลกประหลาดราวกับเหมือนเธอไม่ได้ยืนอยู่บนพื้นแต่กำลังลอยเคว้งคว้างอยู่ในอากาศ
สายลมวิ่งผ่านร่างกายของเฮอร์ไมโอนี่อย่างรวดเร็ว หรือถ้าคิดในอีกด้านหนึ่งร่างกายของเธอต่างหากที่กำลังเดินทางผ่านอากาศด้วยความเร็ว จนในที่สุดเมื่อถึงจุดหมายปลายทางทุกอย่างก็หยุดลง เด็กสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นและมองไปรอบ ๆ
เธอกำลังอยู่ในห้องโถงที่กว้างใหญ่และมีบรรยากาศทึบทึมที่สุดเท่าที่เธอเคยเห็นมา เฮอร์ไมโอนี่ไม่มีโอกาสสำรวจรอบกายได้นานนักเพราะเสียงป็อปที่ดังขึ้นแทบจะทันทีที่ร่างของเธอมาถึงพื้นตามมาด้วยการปรากฏตัวของลูเซียสและเดรโก
เฮอร์ไมโอนี่มองไปที่พวกเขาอย่างงุนงง และดูเหมือนว่านายมัลฟอยจะอ่านใจเธอออก
“ที่นี่คือคฤหาสน์มัลฟอย” เขาพูด “และที่นี่คือที่อยู่ใหม่ของเธอ” เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
“จอมมารไม่ต้องการฆ่าเธอ แต่ท่านก็ไม่ต้องการให้เธอออกไปแพร่งพรายความลับเกี่ยวกับกองบัญชาการของเรา” ลูเซียส มัลฟอยอธิบายต่อ “ท่านจึงยกเธอมาให้ฉัน เป็นรางวัลที่ฉันนำตัวเธอกลับไปที่กองบัญชาการ”
“หมายความว่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เธอคือทาสรับใช้ของฉันและครอบครัวนี้”
ราวกับสายฟ้าฟาดลงตรงกลางกระหม่อม เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยรู้สึกตกใจเท่านี้มาก่อนในชีวิตเลย เด็กสาวมองไปที่มัลฟอยพ่อลูกอย่างไม่อยากเชื่อในชะตากรรมของตัวเอง
เธอต้องมาเป็นทาสรับใช้ครอบครัวมัลฟอย นี่มันบัดซบอะไรกันนี่!!!
“ฉันจะไม่มีวันเป็นทาสรับใช้แก!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกน นายลูเซียสยิ้มที่มุมปาก
“แล้วเธอจะทำอะไรได้ เกรนเจอร์” ลูเซียส มัลฟอยพูดพลางชี้ไม้ของเขามาที่เธอ “เลือดสีโคลนอย่างเธอน่ะถ้าไม่มีไม้กายสิทธิ์ก็เป็นเพียงมักเกิ้ลธรรมดาเท่านั้น” รอยยิ้มของนายมัลฟอยฉายแววดูถูก
“ไหนลองบอกสิว่าเธอจะเอากำลังที่ไหนมาขัดขืนฉัน” นายลูเซียสพูดอย่างร้ายกาจ เดรโกเองก็ยิ้มเยาะเธอตามพ่อของเขาไปด้วย ขณะที่เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยรู้สึกโกรธเท่านี้มาก่อน
“พวกแกมัน...........ไม่ใช่คน!” เด็กสาวตะโกน น้ำตาคลอเอ่อดวงตา นายมัลฟอยมองเธอด้วยแววตาดุดัน
“อย่าบังอาจอวดดีกับฉัน นังเด็กเลือดสีโคลนสกปรก!!!” นายลูเซียสแผดเสียงก่อนที่ไม้เท้าของเขาจะฟาดเข้าที่แก้มของเฮอร์ไมโอนี่อย่างจัง เด็กสาวล้มลงกับพื้นทันที
“ตอนนี้เธอเป็นทาสรับใช้ฉัน ชีวิตเธอเป็นของฉัน” นายลูเซียสพูด เขาก้าวยาว ๆ ไปทางเฮอร์ไมโอนี่และเอาไม้เท้าในมือเคยชางของเธอขึ้นมา
เด็กสาวจ้องตาเขาอย่างไม่เกรงกลัว ถึงแม้ริมฝีปากจะบวมช้ำและมีเลือดออกก็ตาม แต่เหมือนกับเธอไม่สนใจความเจ็บปวดของตัวเองเลย เธอและนายมัลฟอยต่างจ้องหน้ากันอยู่นาน จนกระทั่งลูเซียส มัลฟอยสะบัดไม้เท้าออกจากใบหน้าของเฮอร์ไมโอนี่อย่างรังเกียจ เขามองเธอด้วยสายตาดูแคลนก่อนจะก้าวยาว ๆ ผ่านเธอไปหาเดรโกลูกชาย
“เฝ้าไว้ให้ดี อย่าให้หนีไปไหนได้”
มัลฟอยรับคำและทำตามคำสั่งของพ่ออย่างเคร่งครัด
“ลุกขึ้นเกรนเจอร์” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่นั่งนิ่งไม่ไหวติง ราวกับว่าเข่าของเธอจมลงไปในพื้นหินอ่อน มัลฟอยมองเธออย่างโมโหก่อนจะเข้ามาลากตัวเธอขึ้นจากพื้น
“มานี่!” เขาพูดพลางดึงแขนเด็กสาว เฮอร์ไมโอนี่ดิ้นรนทันที
“นายจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ!” เธอร้อง มัลฟอยเลิกคิ้ว
“คิดว่าฉันอยากสัมผัสร่างกายโสโครกของเธอนักเหรอ” มัลฟอยพูดดูถูก “แค่ต้องทนสูดอากาศร่วมโลกกับคนอย่างเธอฉันก็แทบจะหายใจไม่ออกแล้ว” เขาพูดพลางเบ้หน้าอย่างรังเกียจ
“แล้วนึกเหรอว่าฉันอยากจะอยู่ร่วมโลกกับคนเลว ๆ อย่างพวกนายน่ะ เลือดชั่ว ๆ ของนายก็ไม่ได้ต่างจากสายเลือดของฉันที่นายคิดว่ามันสกปรกเลย” เฮอร์ไมโอนี่โต้กลับอย่างเผ็ดร้อน มัลฟอยชะงัก เขาบีบแขนเธอแน่น
“เธอควรจะสงบปากสงบคำเสียจะดีกว่านะเกรนเจอร์” มัลฟอยแนะนำ “หรือเธอลืมไปแล้วว่าเธอกำลังอยู่ในฐานะอะไร” เขาพูด เฮอร์ไมโอนี่เม้มริมฝีปากแน่น น้ำตาคลอเอ่อดวงตา เธอรู้ตัวดีว่าตอนนี้เธอเป็นทาสรับใช้พวกเขา
“ฉันจะไม่อยู่ที่นี่ตลอดไปหรอก สักวันแฮร์รี่กับรอนต้องมาช่วยฉัน” เด็กสาวกัดฟันพูด มัลฟอยมองเธอพร้อมกับยิ้มเยาะ
“อ้อ อย่างนั้นหรือ เธอคิดว่าพอตตี้กับวีเซิ่ลจะมาช่วยเธอออกไปจากที่นี่ได้หรือ” มัลฟอยหัวเราะในลำคอราวกับมันเป็นเรื่องสนุกสนาน “คิดเสียใหม่เถอะนะเกรนเจอร์ จะไม่มีใครสามารถช่วยเธอออกไปจากที่นี่ได้”
เฮอร์ไมโอนี่เชิดหน้าขึ้นอย่างไม่หวั่นไหวต่อคำพูดของมัลฟอย
“ฉันมั่นใจว่าแฮร์รี่กับรอนต้องมาช่วยฉันมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างหนักแน่น “และเขากับสมาชิกภาคีคนอื่น ๆ จะต้องโยนครอบครัวนายเข้าอัซคาบัน!!!” เด็กสาวแผดเสียง มีริ้วรอยแดง ๆ ปรากฏขึ้นบนแก้มของมัลฟอยทันทีที่เฮอร์ไมโอนี่พูดจบ มือสองข้างของเด็กหนุ่มบีบไหล่ของเฮอร์ไมโอนี่อย่างแรง
“พ่อฉันจะไม่มีวันกลับไปที่อัซคาบันอีก รวมถึงตัวฉันด้วย” มัลฟอยพูดอย่างเกรี้ยวกราด “แต่เธอต่างหากเกรนเจอร์ เธอต่างหากที่ต้องถูกขังอยู่ที่นี่”
“ตลอดไป!!!”
มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่ไปที่ห้องนอนของเธอที่อยู่ที่ทางปีกด้านตะวันตกของคฤหาสน์ ห้องนอนที่เธอต้องอยู่นั้นก็เหมือนกับห้องสำหรับรับรองแขกธรรมดา ในห้องมีเตียง ตู้เสื้อผ้า และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ เพียงพอที่จะพักอาศัยอยู่ได้
เฮอร์ไมโอนี่เดาเอาว่าครอบครัวพ่อมดแม่มดแท้ ๆ เช่นครอบครัวมัลฟอยคงไม่เคยรับคนรับใช้ที่เป็นคนมาทำงาน พวกเขาจึงไม่สามารถหาห้องนอนที่เก่าและสกปรกสมกับฐานะของเธอมาให้เธอได้ ถึงแม้ว่าห้องนี้จะไม่กว้างขวางมากนัก แต่ก็จัดว่าดีกว่าห้องที่เธออยู่ในบ้านริ้ดเดิ้ลตลอดหนึ่งสัปดาห์วันที่ผ่านมามากทีเดียว
มัลฟอยไม่ยอมเข้ามาในห้อง เขาแค่พาเฮอร์ไมโอนี่มาส่งและก็โยนเธอเข้าไปพร้อมกับอธิบายอะไรสองสามอย่าง
“เธอต้องพักอยู่ที่นี่” เขาเริ่มพูด “ในตู้มีเสื้อผ้าเท่าที่จำเป็นอยู่ พอถึงเวลาอาหารจะมีเอลฟ์มาพาไปที่ห้องอาหาร และฉันจะมาหาทีหลังถ้าต้องการเรียกใช้” พอพูดจบมัลฟอยที่กำลังจะหมุนตัวเดินออกจากห้องก็ชะงักฝีเท้าไว้ก่อน
“ที่สำคัญคือ อย่า-คิด-หนี” เขาเน้น “เพราะฉันมีวิธีมากมายที่จะทำให้เธอหลาบจำว่าการไม่เชื่อฟังคำสั่งของฉันเป็นอย่างไร” มัลฟอยพูดอย่างชัดเจนก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป ตามด้วยเสียงปิดประตูอย่างแรง
ทันทีที่ประตูปิดลง เฮอร์ไมโอนี่ก็ปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น น้ำตามากมายเปรอะเต็มสองแก้ม เด็กสาวทิ้งตัวลงบนเตียงร้องไห้จนตัวโยน
‘นี่เธอจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไปอย่างนั้นหรือ!’
เด็กสาวคิดอย่างขมขื่น เธอสู้อุตส่าห์จากนรกที่บ้านริ้ดเดิ้ลมาเพื่อเจอนรกที่เลวร้ายกว่าหรือนี่ เด็กสาวสะอื้น เอามือปิดใบหน้าและร้องไห้หนักที่สุดเท่าที่เธอเคยร้องมาก่อน
“พ่อคะ แม่คะ” เฮอร์ไมโอนี่รำพัน “หนูอยากพบพ่อกับแม่” เด็กสาวล้มตัวลงนอน เธอซบใบหน้ากับหมอนใบโตซึ่งกำลังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาของเธอ
“แฮร์รี่.........รอน...........ใครก็ได้” เธอสะอื้น “ได้โปรดมาช่วยฉัน ช่วยฉันออกไปจากที่นี่ที”
*************************************************
ความคิดเห็น