คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เดรโก มัลฟอย: Draco Malfoy
***Chapter 2 เดรโก มัลฟอย: Draco Malfoy***
สิบปีต่อมา
แสงแดดยามเช้าส่องผ่านรอยแยกของผ้าม่านสีอ่อนเข้ามาปลุกร่างที่กำลังหลับใหลอยู่บนเตียง เดรโก มัลฟอยขยับตัวอย่างเกียจคร้านก่อนจะคว้านาฬิกาข้อมือที่ถอดทิ้งไว้เมื่อคืนมาดู
‘เก้าโมงกว่าแล้วเหรอนี่ เขาสายเสียแล้ว’ เขาคิดพลางลุกขึ้นจากเตียงอย่างยากลำบาก เพราะว่ามีร่างหนึ่งกำลังนอนซุกอกเขาอยู่ เดรโกเหลือบมองผมสีน้ำตาลแดงของเธอแล้วก็ขมวดคิ้ว
‘ให้ตายสิ เธอชื่ออะไรนะ ซาร่าหรือโมนิก้ากัน’ ชายหนุ่มพยายามนึก แต่ในหัวของเขามีแต่ความว่างเปล่า เขาจึงจำเป็นต้องผลักร่างของโมนิก้าหรือซาร่าก็ตามออก ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
“ตื่นแล้วเหรอคะ” อ้อมแขนบอบบางคู่หนึ่งตวัดรอบตัวเขาขณะที่เขากำลังใส่เสื้อผ้าอยู่ปลายเตียง เสียงของหล่อนงัวเงียน่าดู แต่ก็ฟังดูหวานฉ่ำ
“คุณตื่นเร็วจัง นี่วันอาทิตย์แท้ ๆ นอนต่อเถอะค่ะ” หล่อนพยายามรั้งร่างของเขาลงบนเตียง
“ไม่ล่ะ ผมมีธุระน่ะ” เขาพูดพลางติดกระดุมเสื้อ
“ธุระอะไรกันแต่เช้าเชียว” หล่อนว่า เสียงกระเง้ากระงอด เดรโกรู้สึกถึงน้ำหนักที่กดลงบนร่างเขา เยี่ยม หล่อนกำลังเกาะหลังเขาเป็นปลิงทีเดียว!
“ธุระสำคัญมากน่ะโมนิก้า” เขาอธิบายเสียงเรียบ พลางลุกขึ้นยืนโดยไม่บอกกล่าว ปรากฏว่าโมนิก้าไม่ที่ทันระวังตัวเสียหลักล้มลงจากเตียง
“ชั้นชื่อเจสสิก้าต่างหาก” เธอเหว
“ผมก็เรียกว่าเจสสิก้านี่นา ไม่เอาน่าผมมีธุระด่วนจริง ๆ ไว้ผมจะโทรหาคุณนะ” เขาพูดพลางประคองเธอขึ้นมานั่งบนเตียง
“คืนนี้คุณมาเจอชั้นอีกไม่ได้เหรอคะ” หล่อนพูดพลางมองเขาด้วยดวงตาฉ่ำเยิ้ม เดรโกส่ายหน้า
“ไม่ได้หรอก เดทสองคืนติด มันผิดกฎน่ะ” เขาพูดถึงกฎของเพลย์บอยที่เขาเป็นคนตั้งขึ้นเอง
“งั้นคุณก็แหกกฎบ้า ๆ นั่นเพื่อชั้นซักครั้งไม่ได้เหรอคะ” เธอออดอ้อน เดรโกก้มลงจูบเธอที่แก้ม
“เสียใจจ๊ะยาหยี กฎก็คือกฎ แล้วเจอกันอาทิตย์หน้านะ” เขาพูดพลางเดินออกจากห้องไป
.................................................
รถสปอร์ตสีเงินคันหนึ่งแล่นด้วยความเร็วสูงไปตามถนนที่ว่างโล่งในยามเช้าของลอนดอน เขาเกือบจะผ่าไฟแดงติด ๆ กันสองครั้งซ้อน ก่อนที่จะจอดเทียบฟุตบาทหน้าร้านกาแฟร้านหนึ่งอย่างแม่นยำ
ชายหนุ่มคนหนึ่งลงจากรถ เขาเป็นคนที่ดูดีมากทีเดียว ร่างสูงราว ๆ หกฟุตกว่า ผมสีบลอนด์ปลิวไสวตามแรงลมยามเช้ารับกับดวงตาสีเงินที่แลดูลึกลับ ริมฝีปากเรียวรับกับใบหน้าที่ดูเย่อหยิ่งแต่ก็หล่อเหลาในที ชายหนุ่มถอดแว่นกันแดดออกพลางเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปในร้านกาแฟอย่างรีบเร่ง
“ขอโทษครับ” เขาว่าเมื่อชนเข้ากับหญิงสาวผมลอนด์ร่างบางนางหนึ่งที่เดินมาถึงเคาน์เตอร์พร้อมกัน
“ไม่เป็นไรค่ะ” เธอมองหน้าเขาพร้อมกับยิ้มให้
“สุภาพสตรีก่อนเลยครับ” เขาบอกพลางหลีกทางให้เธอเข้าไปสั่งเครื่องดื่มก่อน
“ขอบคุณมากค่ะ คุณสุภาพบุรุษ” เธอยิ้มโปรยเสน่ห์อีกครั้งก่อนจะลงมือสั่งกาแฟ
“สวัสดีค่ะคุณมัลฟอย” พนักงานคนหนึ่งทักเขาอย่างคุ้นเคย เธอเป็นเด็กวัยรุ่นที่มีกระเต็มหน้า ผมแดงของเธอถักเปียสองข้างเอาไว้
“สวัสดีเชอร์รี่” เขาทักตอบ และทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘มัลฟอย’ สาวผมบลอนด์คนเมื่อครู่ก็หันมามองเขาอย่างสนใจ
“เหมือนเดิมรึเปล่าคะวันนี้” เธอถาม
“แน่นอน ดีคาฟคาปูชิโน่ใส่นมพร่องมันเนยลดครีมเหลือครึ่งเดียว กับเอสเพรสโซพิเศษแก้วหนึ่ง อ้อ สำหรับเอสน่ะขอเข้ม ๆ เลยนะ ผมง่วงน่าดูเลยตอนนี้” ชายหนุ่มพูด
“ได้เลยค่ะ รบกวนรอด้านนั้นนะคะคุณมัลฟอย” เชอร์รี่บอกพลางชี้นิ้วไปยังที่รอรับกาแฟ
“เดี๋ยวชั้นทำให้เร็วจี๋เลยค่ะ” เด็กสาวว่าพลางขยิบตาให้เขา มัลฟอยคุ้นเคยกับเธอดีเพราะเขาเป็นขาประจำร้านนี้มานาน เขามักจะมาซื้อกาแฟที่นี่ตอนเช้าทุกวันก่อนทำงาน และมาซื้อกาแฟสองแก้วทุก ๆ วันอาทิตย์ตอนเช้าแบบนี้
ผ่านมาสิบปีแล้วสินะตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเขาจากไป สิบปีตั้งแต่จอมมารถูกทำลาย สิบปีที่เขาหันหลังให้เส้นทางการเป็นผู้เสพความตายนับตั้งแต่วันแรกที่จอมมารสังหารพ่อแม่ของเขาเพียงเพราะพ่อของเขาทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่สำเร็จ
หลังจากจบจากฮอกวอตส์ มัลฟอยก็เริ่มยืนด้วยลำแข้งของตนเอง แม้ว่ามรดกที่พ่อกับแม่ของเขาทิ้งไว้ให้นั้นจะทำให้เขาสุขสบายไปตลอดทั้งชีวิตโดยไม่ต้องทำงานเลยก็ตาม แต่มัลฟอยไม่ต้องการอย่างนั้น เขาต้องการจะพิสูจน์ตนเองให้คนอื่น ๆ ในโลกเวทมนตร์เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่ลูกชายของผู้เสพความตายที่ไร้ความสามารถเท่านั้น
มัลฟอยไม่คิดจะเข้าทำงานที่กระทรวงเวทมนตร์ (และแน่นอนว่าทางกระทรวงก็คงไม่อยากต้อนรับเขาเท่าไหร่นัก) หรือดำเนินกิจการของพ่อต่อ แต่เดรโกเริ่มธุรกิจของตัวเองโดยการลงทุนซื้อปราสาทเก่าแก่ที่สกอตแลนด์เป็นที่แรกและปรับเปลี่ยนมันให้เป็นโรงแรมหรูหราของพ่อมดแม่มด
แน่นอนว่ากิจการแรกของเดรโกประสบความสำเร็จอย่างงดงาม แต่เขาก็ไม่คิดจะหยุดอยู่เพียงเท่านั้น เขาเดินหน้าเสาะหาที่ดินทำเลดี ๆ และปราสาทสวย ๆ พอที่จะนำมาขยายกิจการของเขkไปทั่วยุโรป หลังจากที่สกอตแลนด์เขาก็เปิดตัวโรงแรมแห่งที่สองและสามในเยอรมันและอิตาลีในอีกสองและสี่ปีหลังจากนั้น
หลังจากธุรกิจของเขาเติบโตอย่างน่าพอใจแล้ว เดรโกก็คิดว่าเขาไม่ควรจะทำธุรกิจแค่กับพวกพ่อมดแม่มดที่มีจำนวนแค่หยิบมือเมื่อเทียบกับจำนวนประชากรของมักเกิ้ล หนึ่งปีหลังจากนั้นเดรโกเปิดตัวโรงแรมแห่งที่สามที่ฝรั่งเศสสำหรับมักเกิ้ลโดยเฉพาะ และมันได้รับการตอบรับที่ดีมาก คอนเซปด์ของเขาก็คือ ‘Welcome to The World that does not exist’ โรงแรมแห่งนี้ของเขาเน้นการคงความสวยงามของศิลปะยุคโบราณเอาไว้ ทำให้ผู้มาพักรู้สึกว่าตนเองกำลังก้าวถอยหลังสู่อดีต ราวกับว่าได้เข้ามายังโลกแห่งจินตนาการที่ไม่มีอยู่จริง
หลังจากโครงการที่ฝรั่งเศสประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม เดรโกก็เดินบุกตลาดของมักเกิ้ลต่อล่าสุดเขาเปิดตัวโรงแรมที่สเปนอีกแห่งหนึ่งสองปีหลังจากนั้น ไล่เลี่ยกับการเข้าถือหุ้นใหญ่ที่สุดของโรงแรมห้าดาวในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก รัสเซีย และตอนนี้เขากำลังเจรจาจะซื้อคฤหาสน์เก่แก่ที่ปรากอยู่พอดี
ภายในเวลาไม่ถึงห้าปี ชื่อเดรโก มัลฟอยก็โด่งดังในโลกของมักเกิ้ลเป็นอย่างมาก พวกมักเกิ้ลรู้จักเขาในฐานะราชาของอสังหาริมทรัพย์ที่อายุน้อยที่สุดในยุโรป แน่นอนว่าเดรโกพอใจกับฉายานี้ แต่เขาก็คงไม่ได้มันมาเป็นแน่หากไม่ใช่เพราะเธอ เพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา
“คุณคะ กาแฟได้แล้วค่ะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นปลุกเดรโกขึ้นจางภวังค์ เมื่อรู้สึกตัวเขาก็พบว่าเป็นเสียงของสาวผมบลอนด์คนที่เขาเดินชนนั่นเอง เธอกำลังส่งกาแฟสองแก้วที่รับจากเด็กเสิร์ฟมาให้เขา
“สงสัยคุณคงนอนไม่พอแน่ ๆ” เธอแซว
“จริงสิ ชั้นชื่อซินดี้ค่ะ” เธอยื่นมือมาให้เขาจับ เดรโกวางกาแฟแก้วหนึ่งลงแล้วจับมือเธอเขย่า
“ผมเดรโกครับ เดรโก มัลฟอย”
“ชั้นเคยได้ยินชื่อคุณมาก่อน คุณหรือเปล่าคะที่หนังสือพิมพ์เรียกว่าราชาอสังหาริมทรัพย์ของยุโรปน่ะค่ะ” เธอมองเขาด้วยท่าทีปลาบปลื้ม เดรโกเองก็เหลือบมองเธอ ความจริงแล้วเธอสวยไม่เบาทีเดียวถึงแม้ว่าจะดูอายุมากกว่าเขาก็เถอะ
“พวกเขาพูดกันเกินไปน่ะครับ พวกแท็บลอยด์ก็งี้แหละ” เขาหัวเราะ
“แต่ชั้นเคยไปพักโรงแรมคุณที่ฝรั่งเศสนะคะ” เธอพูดต่อ
“มันวิเศษอย่างกับหลุดเข้าไปในโลกเวทมนตร์จริง ๆ เลยค่ะ ขนาดสามีของชั้น เอ่อ ชั้นหมายถึงสามีเก่าน่ะค่ะ” เธอพูดพลางโบกมือที่ปราศจากแหวนให้ดู “เขายังบอกว่าเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในโลกยุคกลางเลย”
“ครับ ผมดีใจที่คุณชอบ” เดรโกพูดพลางเหลือบดูนาฬิกา แม้ว่าเขาไม่อยากจะปฏิเสธโอกาสในการได้จีบกับสาวม่ายทรงเสน่ห์อย่างซินดี้ก็เถอะ แต่ตอนนี้เขากำลังสายมากแล้ว
“เอ่อ ดูเหมือนคุณกำลังรีบ” เธอพูดขึ้น
“ครับ ทำนองนั้น ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะครับซินดี้” เขาบอกพลางจับมือเธอเขย่าอีกครั้ง แต่เมื่อเดรโกกำลังจะหยิบแก้วกาแฟที่วางอยู่แล้วเดินออกไป ซินดี้ก็ร้องขึ้น
“เดี๋ยวค่ะ ชั้นว่าคุณหยิบแก้วผิด นั่นมันของชั้น”
“โอ้ จริงสิ ขอโทษครับ” เขาพูดพลางแลกแก้วคืนกับเธอ ซินดี้คนนั้นส่งสายตาหวานฉ่ำมาให้เขาก่อนเขาจะเดินออกจากร้านไป
และเมื่อเดรโกมาถึงรถเขาก็เห็นว่าที่ปลอกกาแฟแก้วหนึ่งมีอะไรเขียนอยู่ มันเป็นลายมือขยุกขยิกของผู้หญิง ดูเหมือนว่าเธอเขียนมันอย่างรีบเร่ง
“บอกเบอร์มาเสร็จเชียว” เดรโกพึมพำพลางวางแก้วกาแฟนั้นลงก่อนจะหยิบแว่นกันแดดมาสวม และแล้วรถสปอร์ตสีเงินของเขาก็บึ่งไปตามถนนที่โล่ง ๆ ในยามเช้าของลอนดอน
.................................................
ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สดใสในยามเช้าของฤดูใบไม้ผลิ หญิงสาวคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่ตรงบันไดสีขาวหน้าทางเข้าพิพิธภัณฑ์ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ผมสีน้ำตาลหยักศกของเธอปลิวไสวไปตามแรงลม บนตักของเธอมีหนังสือเล่มหนึ่งวางอยู่ เธอกำลังอ่านมันอย่างตั้งใจ
หญิงสาวพลิกกระดาษแต่ละหน้าอย่างแผ่วเบาราวกลับกลัวมันจะช้ำ ใบหน้างามของเธอจับจ้องอยู่ที่หน้ากระดาษอย่างไม่วางตากับหนังสือหน้าแล้วหน้าเล่าที่เธอเปิดอ่านตลอดเวลาที่นั่งอยู่ที่นี่ นาน ๆ ทีเธอถึงจะจับปอยผมสีน้ำตาลขึ้นทัดหูเมื่อมันตกลงมาปรกหน้า
เธอคงจะสนใจหนังสือต่อไปแน่นอน ถ้าหากว่าไม่มีเสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้น หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วก็พบว่ามีร่างหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าต่ำลงไปสองสามขั้นบันได ร่างนั้นเป็นชายหนุ่มผมบลอนด์คนหนึ่ง ใบหน้าของเขาซีดเซียวหากแต่หล่อเหลา โดยเฉพาะดวงตามีเงินคู่นั้นที่ดูราวกับจะยิ้มให้เธอ
“เดรโก” เธอกระซิบพลางปิดหนังสือลง
“ขอโทษที่มาช้านะ พอดีติดธุระน่ะ” ชายหนุ่มปดพลางนั่งลงข้าง ๆ เธอ
“อ้อ ชั้นซื้อกาแฟแบบที่เธอชอบมาด้วย” เขาพูดพลางส่งกาแฟให้หญิงสาวที่บัดนี้เลิกสนใจหนังสือในมือแล้ว
“ติดธุระสำคัญหรือว่าติดหญิงกันแน่จ๊ะ พ่อคาสโนวา” เธอแขวะพลางจิบกาแฟ
ที่ที่ทั้งสองนั่งอยู่นี้เป็นที่ประจำของเดรโกและเฮอร์ไมโอนี่ ทุก ๆ สิบโมงเช้าวันอาทิตย์เขาจะนัดเจอกับเธอที่นี่พร้อมกับกาแฟสูตรโปรดของเธอ และทั้งสองก็จะพูดคุยเรื่องที่เจอมาตลอดสัปดาห์ด้วยกัน
หลังจากนั้นทั้งคู่จะไปหาร้านอร่อย ๆ ทานกันสำหรับมื้อกลางวัน พอตอนบ่ายก็จะเตร็ดเตร่ไปตามสวนสาธารณะของเมือง และจบลงด้วยการต่อคิวซื้อขนมร้านที่อร่อยที่สุดในลอนดอน พวกเขาทำแบบนี้ด้วยกันมาเป็นปี ๆ แล้ว
“เธอเห็นชั้นเป็นคนขี้โกหกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน” เขาทำหน้าเบ้ราวกับเจ็บปวดเพราะคำพูดของเธอ เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มอย่างรู้ทัน
“อ้อ ลืมไปเธอมันไม่ใช่คนแค่โกหกหรอกเดรโก อย่างเธอมันเรียกว่าพ่อปลาไหลต่างหาก”
“โอ๊ย แล้วกัน นี่ชั้นมานั่งให้เธอด่าใช่มั๊ยเนี่ย” เขาพูดอย่างน้อยใจ
“งั้นไม่ด่าแล้วก็ได้ ว่าแต่อาทิตย์นี้เป็นยังไงบ้าง” หญิงสาวถาม เดรโกนั่งลงพลางเอาแขนทั้งสองข้างวางบนเข่า มือทั้งสองของเขาประสานกันอยู่ระดับหน้าอก
“ก็เรื่อย ๆ น่ะ งานยุ่งนิดหน่อย” เขาบอก
“แล้วเรื่องที่ปรากเป็นไงบ้าง” เธอถามถึงโครงการซื้อคฤหาสน์เก่าแก่ในปรากและปรับปรุงมันเป็นโรงแรมของเดรโก
“ก็ยังตกลงราคากันอยู่เลย ชั้นว่าเร็ว ๆ นี้คงต้องบินไปนู่น ว่าแต่เธอเถอะเป็นยังไงบ้าง” เดรโกถามเรื่องของเธอบ้าง
ตั้งแต่จบจากฮอกวอตส์กระทรวงเวทมนตร์ก็เข้ามาทาบทามเฮอร์ไมโอนี่ให้ไปทำงานด้วย พวกเขาถึงกับเสนอตำแหน่งในสายบริหารที่รับประกันอนาคตการทำงานอันสดใสในกระทรวงให้เธอเลยทีเดียว แต่กลับเฮอร์ไมโอนี่ก็ปฏิเสธโอกาสนั้น เธอกลับเลือกทำงานในกองกฎหมายเวทมนตร์ หญิงสาวเริ่มทำงานในตำแหน่งทนายความปกป้องสิทธิของมักเกิ้ลและผู้ที่เกิดจากมักเกิ้ล
ตลอดเวลาห้าปีที่เธอทำงานให้กระทรวง หญิงสาวยื่นเสนอแก้ไขข้อกฎหมายมากมายเกี่ยวกับการลงทะเบียนผู้เกิดจากมักเกิ้ล รวมทั้งเธอยังเป็นผู้ร่างกฎหมายคุ้มครองมักเกิ้ลขึ้นใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใช้สามารถเวทมนตร์คนใดสามารถมาข่มเหงผู้ไม่มีเวทมนตร์ได้
นอกจากนั้นเธอยังดำเนินคดีความเพื่อปลดปล่อยพ่อมดแม่มดที่เกิดจากมักเกิ้ลจำนวนมากที่ถูกคุมขังอยู่ที่อัซคาบัน หลังจากได้รับความร่วมมือจากคิงสลีย์นายกรัฐมนตรีคนล่าสุดต่อจากสคริมเจอร์ หญิงสาวก็เดินหน้าฟ้องอัมบริดจ์และเจ้าหน้าที่กระทรวงคนอื่น ๆ ข้อหาทำทารุณกรรมผู้เกิดจากมักเกิ้ลและใช้อำนาจในทางที่ผิด แม้ว่าอัมบริดจ์จะไม่ได้ลงเอยที่อัซคาบันเช่นเดียวกับคนบริสุทธิ์มากมายที่ถูกหล่อนป้ายสี แต่หล่อนก็ถูกปลดจากการเป็นปลัดอาวุโส ถูกยึดเหรียญตราเมอร์ลินและรางวัลเกียรติยศทั้งหมด ด้วยฝีมือของเด็กสาวที่เธอเคยดูถูกมากก่อน
หลังจากคร่ำหวอดมาในวงการกฎหมายถึงห้าปี และผ่านการรณรงค์เพื่อเปลี่ยนแปลงและแก้ไขกฎหมายอันไม่เป็นธรรมมาเป็นเวลานาน ทางกระทรวงก็เสนอตำแหน่งรองหัวหน้ากองกฎหมายเวทมนตร์ให้เธอซึ่งแน่นอนว่าหญิงสาวไม่อาจจะปฏิเสธข้อเสนอที่การันตีความก้าวหน้าในอาชีพการงานของเธอได้ หลังจากตกลงรับตำแหน่งดังกล่าวแล้ว เฮอร์ไมโอนี่ที่มีความรับผิดชอบทางหน้าที่การงานมากขึ้นก็ยังไม่ลืมสละเวลามาทำสิ่งที่เธอชอบแต่ไม่มีโอกาสได้ทำในทันทีหลังจากเรียนจบเพราะเธอมัวแต่ยุ่งกับการรณรงค์เปลี่ยนแปลงกฎหมายต่าง ๆ นั่นก็คือการเขียนหนังสือเกี่ยวกับกฎหมายเวทมนตร์ซึ่งภายหลังเป็นหนังสือขายดีติดอันดับ รวมถึงลงทุนเปิดร้านหนังสือและแกลลอรี่กับเพื่อนสมัยเรียนที่เป็นมักเกิ้ลอีกด้วย แต่งานที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งที่หญิงสาวทำมาเนิ่นนานตั้งแต่ก่อนเข้ารับตำแหน่งรองหัวหน้ากองจนถึงปัจจุบันก็คือที่ปรึกษาทางกฎหมายของนักธุรกิจหนุ่มที่ชื่อว่าเดรโก มัลฟอยนั่นเอง
เฮอร์ไมโอนี่และเดรโกเป็นเพื่อนรักกันมาเป็นเวลาเกือบสิบปีแล้ว ตั้งแต่วันที่เขาเข้าห้องผิดและคิดจะปลุกปล้ำเธอ รวมทั้งขอเป็นเพื่อนกับเธอวันนั้น หญิงสาวก็ไม่คิดว่าจะได้เจอเขาอีก แต่ปรากฏว่าหลังจากนั้นไม่นานเดรโกก็มีปัญหาเรื่องมรดกที่เขาได้รับจากพ่อแม่ ซึ่งกระทรวงหาข้ออ้างต่าง ๆ นานาเข้ามายึดทรัพย์ของเขา และตอนนั้นเฮอร์ไมโอนี่ที่เพิ่งได้เข้าทำงานที่กระทรวงก็มีโอกาสได้ช่วยเหลือเขา เธอเข้ามาทำคดีให้เดรโกแล้วเขาก็ชนะใสในครั้งนั้น หลังจากนั้นทั้งสองก็เลยสนิทกันมากขึ้น
เดรโกเล่าให้เธอฟังเรื่องโครงการโรงแรมในสกอตแลนด์ของเขา ซึ่งเธอเห็นว่ามันน่าสนใจมากและก็นึกชื่นชมเขาไม่น้อยที่คิดจะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง และเฮอร์ไมโอนี่ก็ยินดีช่วยอย่างเต็มที่เมื่อรู้ว่าเขากำลังมองหาทนายความมาทำเรื่องสัญญาซื้อขายกันอยู่ แต่หญิงสาวไม่รู้เลยว่าค่าตอบแทนที่ได้จากการทำสัญญาง่าย ๆ ครั้งนั้นจะเป็นเงินก้อนโตที่เดรโกเขียนเช็คให้ทันทีที่เสร็จงาน รวมทั้งบ้านน่ารักหลังหนึ่งในสกอตแลนด์อีกด้วย!
หลังจากโครงการที่สกอตแลนด์ทำกำไรเป็นอย่างดี เดรโกก็เดินหน้าขยายโรงแรมในเครือ ‘มัลฟอย’ ไปอีกหลายแห่ง แต่โรงแรมเหล่านั้นก็เป็นโรงแรมสำหรับพ่อมดแม่มดโดยเฉพาะ จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่เสนอว่าน่าจะลองเปิดตลาดกับมักเกิ้ลดู
เดรโกก็ไม่รอช้า เขาคว้าตัวหญิงสาวบินไปฝรั่งเศสทันที และหลังจากการตัดสินใจอยู่นานสามเดือนชายหนุ่มก็ซื้อปราสาทหลังหนึ่งที่ฝรั่งเศสและดัดแปลงมันเป็นโรงแรมหรูระดับห้าดาวด้วยความช่วยเหลือจากเฮอร์ไมโอนี่ แต่คราวนี้เขาไม่ได้ให้บ้านในฝรั่งเศสเป็นของขวัญแก่เธอ เขากลับให้ของตอบแทนเป็นหุ้นจำนวนหนึ่งของเครือบริษัทของเขาแก่เธอแทน และนับจากนั้นเองเฮอร์ไมโอนี่ก็กลายเป็นทนายส่วนตัว ที่ปรึกษาที่รู้ใจ รวมทั้งเป็นนักตกแต่งภายในประจำโรงแรมของเขาด้วย เพราะเธอรู้ดีว่าจะต้องติดต่อช่างวางระบบน้ำไฟอย่างไร รวมทั้งรู้เรื่องการตกแต่งในแบบที่พวกมักเกิ้ลชอบด้วย
เมื่อปราสาทดังกล่าวได้รับการซ่อมแซมรวมทั้งตกแต่งเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดรโกก็ยืนยันว่าเขาอยากจะนำรูปจากแกลอรี่ของเฮอร์ไมโอนี่มาตกแต่งโรงแรมของเขา เพื่อเป็นการย้ำเตือนให้เขารู้ว่าที่เขามีวันนี้ได้ก็เพราะมีเธอคอยช่วยเหลือ เธอผู้เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา เป็นคู่คิดที่วิเศษของเขาจนเขาไม่คิดว่าจะหาใครมาแทนเธอได้
“ถ้าเธอถามถึงงานที่กระทรวงก็เรื่อย ๆ แหละ” เธอตอบพลางจิบกาแฟอีกอึก “ตอนนี้ไม่ได้มีคดีไหนที่ยากเป็นพิเศษ ชั้นก็เลยไม่ยุ่งเท่าไหร่”
“ก็ดีนี่ เธอจะได้มีเวลาไปฝรั่งเศสกับชั้นไง” เขาพูดพลางลูบมือเธอ
“ไปฝรั่งเศสงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ตาโต “นี่โครงการที่ปรากยังไม่เรียบร้อยเลย เธอคิดจะเปิดโรงแรมที่ฝรั่งเศสอีกเหรอ” เธอถามอย่างทึ่ง ๆ นี่เขาไม่คิดจะหยุดพักบ้างเลยรึไงนะ
“ไม่ใช่อย่างนั้น ชั้นจะชวนเธอไปงานแต่งงานต่างหาก” เขาพูด
“งานแต่งงานงั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่กรอกตา “อย่าบอกนะว่า”
“ใช่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ พ่อทูนหัวของชั้นกำลังจะแต่งงานอีกแล้วล่ะ” เดรโกสารภาพออกมา
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ความคิดเห็น