คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : คำสัญญา: The promises
***Chapter 10 คำสัญญา: The Promise****
เฮอร์ไมโอนี่ตกใจแทบเป็นลมเมื่อเธอเปิดประตูห้องน้ำมาและพบว่ามัลฟอยมานั่งรอเธออยู่ในห้อง! และที่สำคัญก็คือทั้งร่างของเด็กสาวมีผ้าขนหนูพันกายอยู่เพียงผืนเดียวเท่านั้น!
“นายเข้ามาทำไม!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง เธอตั้งท่าจะวิ่งเข้าไปหลบในห้องน้ำ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าเสื้อผ้าทั้งหมดของเธออยู่ในตู้เสื้อผ้าตรงกันข้ามกับเตียงที่มัลฟอยนั่งอยู่
“ก็มาหาเธอสิ ไม่เห็นต้องอายเลย” มัลฟอยพูดยิ้ม ๆ ขณะที่ใช้แววตาสีซีดของเขามองร่างเพรียวบางของเฮอร์ไมโอนี่ภายใต้ผ้าขนหนูด้วยสาวตากรุ้มกริ่ม!
“มองอะไรน่ะอีตาลามก ออกไปเลยนะ!” เด็กสาวกล่าว พลางชี้ไปที่ประตู มัลฟอยไม่ขยับเขยื้อน เขายืนอยู่ตรงหน้าเธอ ใช้เวลาตาสีเงินคู่เดิมสำรวจร่างเปียกน้ำของเธออย่างไม่เกรงใจ เฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงเสียยิ่งกว่าลูกตำลึง เธอไม่เคยอายเท่านี้มาก่อนในชีวิต!
“นี่! ฉันพูดไม่เข้าใจหรือมัลฟอย! ฉันบอกให้ออกไปไง!” เฮอร์ไมโอนี่พูด พลางก้าวเข้าไปหาชายหนุ่มและพยายามดันร่างเขาออกไปจากห้อง แต่เด็กสาวเพิ่งมารู้เอาทีหลังว่าการทำแบบนั้นเป็นการเสียเปรียบมัลฟอยเข้าอย่างจัง เมื่อเขาจัดการรวบมือสองข้างของเธอด้วยแขนแข็งแรงและดึงร่างของเฮอร์ไมโอนี่ไปกอดอย่างง่ายดาย
“นี่จะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันนะ!” เฮอร์ไมโอนี่โวยวาย ใบหน้าร้อนวูบวาบด้วยความเขินอาย ในขณะที่มัลฟอยกอดเธอแน่นโดยไม่มีท่าทีว่าจะปล่อยง่าย ๆ
“เวลาเธออายก็น่ารักดีเหมือนกันนะ” มัลฟอยพูดยิ้ม ๆ “แถมพออยู่ในชุดแบบนี้ก็เลยรู้ว่าหุ่นดีไม่ใช่เล่น” เขาแหย่เธอ แววตาสีเงินทอประกายราวกับนึกสนุกที่ได้เห็นใบหน้าแดงก่ำและท่าทีดิ้นรนของเด็กสาว แต่จะว่าไปแล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกที่เขารู้ว่าทรวดทรงองเอวของเด็กสาวคนนี้งดงามเพียงไร เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยเห็นร่างกายของเธอมามากกว่านี้แล้ว ถึงแม้ว่าครั้งนั้นมันจะเกิดขึ้นด้วยความไม่เต็มใจของเธอก็ตาม
“อย่าดิ้นนักซี่ เดี๋ยวผ้าหลุดนะ” มัลฟอยเตือนเมื่อเฮอร์ไมโอนี่ดิ้นหนักขึ้นพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ตามแบบฉบับของเขา เฮอร์ไมโอนี่ชะงักการกระทำทันที เธอตวัดสายตาเฉียบคมไปมองเด็กหนุ่ม มันเป็นสายตาแบบเดียวกับที่ศาสตราจารย์มักกอนนากัลใช้เปี๊ยบ จนทำให้มัลฟอยรู้ดีว่าควรจะเลิกแกล้งเธอได้แล้ว
“โอเค ๆ ปล่อยก็ได้” เขาพูดพลางปล่อยเฮอร์ไมโอนี่จากอ้อมกอด
เฮอร์ไมโอนี่แทบจะกระโดดออกมาจากมัลฟอยทันทีที่เขายอมปล่อยเธอ ใบหน้าหวานแดงไปจนถึงลำคอ ผมสีน้ำตาลยุ่งเหยิงเล็กน้อยจากการกอดรัดของเด็กหนุ่ม มัลฟอยเดาเอาว่าถ้าเขาแกล้งเธอต่อไปคงมีหวังได้เห็นควันพวยฟุ่งออกมาจากศีรษะฟองฟูนั้นแน่
“นายมีธุระอะไรกับฉัน” เธอพูดกับมัลฟอยเมื่อตั้งสติได้ แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของเด็กสาวกลับจับจ้องอยู่ที่พื้นโดยไม่สนใจจะสบตาเด็กหนุ่ม ราวกับเธอต้องการซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความอายไว้ไม่ให้เขาเห็น ตรงกันข้ามกับมัลฟอยที่กำลังมองหน้าเด็กสาวตรง ๆ โดยมีร่องรอยแห่งความเอ็นดูปรากฏอยู่ในแววตาที่เขาใช้มองเธอ
“ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันลืมให้ไอ้นี่กับเธอ” มัลฟอยพูดพลางหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาจากเตียง เฮอร์ไมโอนี่มองตามอย่างอยากรู้ ของสิ่งนั้นดูคล้าย ๆ ผ้าสีชมพูอ่อนผืนหนึ่ง จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่รับมันมาจากมัลฟอยเด็กสาวจึงรู้ว่าของชิ้นนั้นเป็นชุดแซกลายดอกไม้สีชมพูที่ดูอ่อนหวานน่ารัก
เฮอร์ไมโอนี่มองชุดแซกในมือของเธออย่างงง ๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองมัลฟอย
“ฉันเห็นว่าเธอไม่ค่อยมีเสื้อผ้าดี ๆ ใส่ ก็เลยหาชุดมาให้เธอซักชุดนึง” เขาพูด และก็จริงดังที่มัลฟอยว่า แม้ว่าชุดที่เฮอร์ไมโอนี่สวมใส่ตลอดเวลาที่อยู่ในคฤหาสน์มัลฟอยนั้นจะไม่เก่าและโทรมเหมือนชุดของพวกเอลฟ์ประจำบ้าน แต่มันก็เป็นแค่ชุดสีดำธรรมดา ๆ เทียบไม่ได้กับชุดแซกที่มัลฟอยเอามาให้เธอเลย
เด็กสาวไล่มือไปตามชุดสวยนั้นอย่างหลงไหล เนื้อผ้าที่เอามาตัดชุดนั้นไม่หนาจนเกินไป อีกทั้งยังดูเบาสบายน่าสวมใส่
“เธอให้ฉันอย่างนั้นเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม ดวงตาสีน้ำตาลใสแป๋วของเธอสะท้อนอยู่ในแววตาสีเงินของมัลฟอย
“ใช่ และคงจะดีถ้าเธอใส่มันในวันนี้น่ะนะ” เด็กหนุ่มพูด “ฉันหมายถึง ใส่มันลงไปข้างล่างน่ะ ฉันคิดว่ามันคงเข้ากับรองเท้าคู่นั้น” เด็กหนุ่มทอดสายตาไปยังรองเท้าส้นเตี้ยสีขาวสวยที่วางอยู่ตรงมุมห้องข้าง ๆ ตู้เสื้อผ้าซึ่งเธอไม่ทันได้สังเกตุเห็นมันก็เพราะเธอกำลังคุยกับมัลฟอยอยู่ จากนั้นเด็กสาวจึงช้อนดวงตาสีน้ำตาลที่แลดูแปลกใจขึ้นมองหน้าเด็กหนุ่มอีกครั้ง
“ฉันจะลงไปรอข้างล่างล่ะ แต่งตัวเร็ว ๆ ด้วยนะ” เขาพูดพลางจูบที่หน้าผากของเฮอร์ไมโอนี่เบา ๆ และเดินออกจากห้องไป แต่ก่อนที่ประตูจะปิดลงเฮอร์ไมโอนี่ก็ส่งเสียงเรียกเขาไว้ก่อน
“มัลฟอย.....ขอบใจนะ” เด็กสาวพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ เด็กหนุ่มไม่หันมามองเธอ แต่เขาทำท่าทีเหมือนรับรู้สิ่งที่พูดก่อนจะเดินออกจากห้องไป
หลังจากที่มัลฟอยออกจากห้องไปเรียบร้อยแล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ล็อกประตูห้อง เธอวางชุดแซกแสนสวยนั้นไว้บนเตียง และลงมือเปิดตู้เสื้อผ้า ในใจของเด็กสาวคิดว่าบางทีเธออาจจะยังไม่ต้องเปิดจดหมายนั่นอ่านตอนนี้ก็ได้
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่ใช้เวลาแต่งตัวไม่นานนัก เด็กสาวสวมชุดแซกที่มัลฟอยให้มาได้พอดี และยิ่งเมื่อเธอสวมรองเท้าสีขาวคู่นั้นแล้วมันยิ่งทำให้เธอดูเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว เฮอร์ไมโอนี่สำรวจตัวเองอยู่หน้ากระจก เธอลองหมุนตัวสองสามครั้ง และใช้มือจัดแต่งผมหยักศกของเธอให้เข้าทรงก่อนจะเดินออกจากห้องไป
มัลฟอยรอเฮอร์ไมโอนี่อยู่ที่ห้องอาหาร แต่เด็กสาวก็ต้องแปลกใจที่บนโต๊ะยาวซึ่งเป็นที่รับประทานอาหารของครอบครัวมัลฟอยไม่มีอาหารวางอยู่เลยซักจาน จนกระทั่งเธอนึกขึ้นได้ว่ามัลฟอยให้ดีน่ามาเรียนเธอว่าวันนี้เธอและเขาจะทานอาหารกันที่สวน
“ช้าจัง” นั่นคือถ้อยคำแรกที่เฮอร์ไมโอนี่ได้ยินจากปากของมัลฟอยเมื่อเธอเดินเข้ามาในห้อง แต่ดูจากแววตาของเขาแล้วจะรู้ทันทีว่าเขาพอใจมากที่เฮอร์ไมโอนี่สวมชุดที่เขาเลือกมา แถมเธอยังสวมมันได้สวยจนไม่มีที่ติเสียด้วย
เฮอร์ไมโอนี่ไม่พูดอะไร เธอเดินเข้าไปใกล้มัลฟอยพลางพูดว่า
“นี่เราจะไปไหนกันน่ะ ถึงให้ฉันใส่ชุดนี้” เด็กสาวถามอย่างเขินอาย มัลฟอยอมยิ้มก่อนจะตอบว่า
“ตามมาเถอะน่ะ”
.................................................
เฮอร์ไมโอนี่ไม่เคยเข้ามาในสวนของคฤหาสน์มัลฟอยมาก่อน เพราะว่าเธอได้รับอนุญาติให้ทำงานอยู่บนคฤหาสน์เท่านั้น เด็กสาวไม่มีสิทธิ์เข้าไปจุ้นจ้านที่อื่นได้ตามอำเภอใจ แต่ถึงอย่างนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็เคยมองเห็นมันลงมาจากด้านบน และที่เธอเห็นในตอนนั้นมันเป็นแค่สวนทึบ ๆ ที่มีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบจนแทบมองไม่เห็นเบื้องล่าง ดูแล้วช่างเข้ากับบรรยากาศอึมครึมของบ้านหลังนี้เสียเหลือเกิน จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่ได้เข้ามาเหยียบที่นี่เป็นครั้งแรกในวันนี้ มันจึงทำให้ความคิดของเธอเปลี่ยนแปลงไป
ภายในสวนของคฤหาสน์มัลฟอยถูกดูแลรักษาอย่างดีด้วยฝีมือเอลฟ์ประจำบ้าน สวนทั้งสวนถูกปูด้วยหญ้าสีเขียวเข้ม และมีแผ่นอิฐขนาดใหญ่ปูเป็นทางเดินไปรอบ ๆ สวน นอกจากนั้นสวนแห่งนี้ยังถูกประดับไปด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ที่ให้ร่มเงารวมทั้งไม้ประดับนานาพรรณ
มัลฟอยพาเฮอร์ไมโอนี่เดินไปตามทางเดินที่ใช้เชื่อมปีกสองปีกของคฤหาสน์เข้าหากัน มันเป็นทางเดินที่มีหลังคากันแดดกันฝน แต่จู่ ๆ เด็กหนุ่มก็จูงมือเธอให้เดินออกนอกเส้นทาง เขาก้าวขาไปตามแผ่นอิฐที่ปูเรียงรายอยู่ในสวนที่กว้างขวางแห่งนี้ราวกับใยแมงมุม จนกระทั่งสิ้นสุดลงเบื้องหน้าทะเลสาบแห่งหนึ่ง
ทะเลสาบทอดตัวยาวไปจนจรดกับภูเขาที่ทอดตัวอยู่ไกลออกไป แผ่นน้ำสีน้ำเงินทอประกายกระทบแสงแดดยามเช้า ที่ริมทะเลสาบมีต้นไม้ต้นหนึ่งยืนต้นอยู่อย่างโดดเดี่ยว มันแผ่กิ่งก้านสาขาให้ความร่มรื่นไปยังบริเวณรอบ ๆ ที่สำคัญตรงโคนต้นไม้ใหญ่นั้นมีผ้าใบผืนหนึ่งปูอยู่พร้อมกับตระก้าปิกนิกที่ใส่ของเสบียงเอาไว้เต็ม
มัลฟอยเดินนำไปยังโคนต้นไม้ ก่อนจะทรุดตัวลงบนแผ่นผ้าใบพลางกวักมือรียกให้เฮอร์ไมโอนี่มานั่งข้าง ๆ
“มานั่งนี่สิ” มัลฟอยตบที่นั่งข้างตัว เด็กสาวต้องเดินตามมาอย่างเสียไม่ได้ เธอทรุดตัวลงนั่นข้างมัลฟอยพลางมองไปรอบ ๆ
“ฉันไม่นึกว่าจะมีที่แบบนี้อยู่ด้วย” เฮอร์ไมโอนี่พูด “ที่ตรงนี้มันเหมือนกับ....”
“ริมทะเลสาบที่โรงเรียนใช่ไหม” มัลฟอยตอบอย่างรู้ทัน เฮอร์ไมโอนี่มองหน้าเขาอย่างสงสัย
“ตอนสมัยเรียนน่ะฉันมักจะไปนั่งที่ริมทะเลสาบนั่นประจำ ตรงนั้นมีต้นบีชอยู่ใช่ไหม ฉันจำได้ว่าพอเวลาที่มีเรื่องกลุ้มใจหรือเวลาที่ฉันอยากอยู่คนเดียว ฉันจะไปนั่งที่นั่น มองพระอาทิตย์ตกดินไปอย่างช้า ๆ ปล่อยให้สายลมพัดพาความไม่สบายใจเหล่านั้นไป” มัลฟอยเล่าโดยไม่มองหน้าเฮอร์ไมโอนี่ แต่เด็กสาวคิดว่าเธอเห็นแววโศกเศร้าเจืออยู่ในแววตาสีเงินคู่นั้น
“พอฉันกลับมาที่บ้าน ฉันก็คิดถึงสถานที่นั้น ไม่รู้สินะ ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนผูกผันกับสิ่งต่าง ๆ ยากก็เถอะ แต่ฉันกลับคิดถึงที่นั่นขึ้นมา ฉันก็เลยนึกขึ้นได้ว่าที่บ้านของฉันก็มีทะเลสาบเหมือนกับที่นั่น ขาดก็เพียงแต่ต้นไม้” มัลฟอยเล่าต่อ
“เธอก็เลยปลูกต้นไม้ต้นนี้ขึ้นมาเหรอ” เฮอร์ไมโอนี่ถาม
“เปล่าหรอก” เด็กชายตอบพลางส่ายหน้า “ฉันแค่เคลื่อนย้ายมันมาจากที่อื่นในสวนน่ะ แต่เสียดายที่บ้านนี้ไม่มีต้นบีชเลย เลยต้องเอาต้นไม้ชนิดอื่นมาแทน” มัลฟอยพูดพลางเงยหน้าขึ้นมองต้นไม้ที่เขาใช้หลังพิงลำต้นของมันอยู่ กิ่งก้านสาขาของมันแผ่ไปกว้างไกลพอ ๆ กับรากที่หยั่งลึกลงในดิน
“เมื่อก่อนฉันชอบพาแม่มานั่งที่นี่บ่อย ๆ ฉันคิดเอาเองว่าบรรยากาศเงียบสงบที่นี่คงจะทำให้จิตใจที่ว้าวุ่นของเธอได้ผ่อนคลายลงบ้าง เหมือนกับฉันน่ะ แต่ฉันคิดผิด เพราะจิตใจของแม่ไม่ได้วุ่นวายสับสน แต่มันกลับว่างเปล่า หลังจากที่พ่อเสกคาถาสะกดใจใส่เธอ เธอก็เหมือนกับตุ๊กตาที่คอยทำตามคำสั่งของเขา มีชีวิตอยู่ไปวัน ๆ อย่างเหม่อลอย ไม่หลงเหลือความรู้สึกเดิม ๆ อีกต่อไปแล้ว” เสียงของมัลฟอยสั่นเล็กน้อยเมื่อเขาเอ่ยถึงอดีตที่เจ็บปวด เฮอร์ไมโอนี่บีบมือของเด็กหนุ่มเบา ๆ อย่างปลอบโยน ราวกับจะบอกว่ายังมีเธอที่อยู่ข้าง ๆ เขา
“ถ้าอย่างนั้นเธอก็ไม่เห็นจะต้องพาฉันมาที่นี่เลยนี่ ถ้ามันทำให้เธอนึกถึงเรื่องเก่า ๆ ” เฮอร์ไมโอนี่พูด เด็กหนุ่มส่ายหน้า เขาพยายามบังคับสีหน้าให้ดูเป็นปรกติอย่างเดิม
“เปล่าเลย ที่ฉันพาเธอมาที่นี่ก็เพราะฉันคิดว่าเธอคงคิดถึงสถานที่นั้นเหมือนกับฉัน” มัลฟอยพูด “ฉันยังจำได้ดีว่ามีหลายครั้งที่ฉันอยากจะไปนั่งที่ริมทะเลสาบนั่น แต่กลับมีใครคนอื่นนั่งอยู่ก่อนแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่เงยหน้าขึ้นสบตาเด็กหนุ่มทันทีที่เขาพูดจบ
“ฉันมักจะเห็นเธอไปนั่งอ่านหนังสือที่นั่นประจำ และพอเจอเธอ ฉันก็จะหลบไปที่อื่นเสีย ฉันยอมรับนะว่าตอนนั้นฉันหงุดหงิดไม่น้อยที่เธอมาตัดหน้าฉันไปน่ะ แต่ฉันก็สังเกตุว่ามีอยู่หลายครั้งที่เธอไม่ได้มานั่งอ่านหนังสือ แต่เธอกลับเอาแต่เหม่อลอยและมองไปทางทะเลสาบ” เขาพูด พร้อมกับมองเฮอร์ไมโอนี่อย่างมีความหมาย ในขณะที่เด็กสาวรู้สึกแปลกใจที่เด็กหนุ่มคนนี้จดจำเรื่องราวของเธอได้ดีเหลือเกิน ทั้ง ๆ ที่เธอและเขาเป็นศัตรูกันในเวลานั้น
“ฉันก็เลยเดาว่าบางทีเธออาจจะมีเรื่องหนักใจเหมือนกับฉันก็ได้” มัลฟอยพูดต่อ
“เธอก็เลยไม่ไปไล่ฉันออกมาจากที่นั่งตรงนั้นใช่ไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูดอย่างรู้ทัน มัลฟอยยิ้มมุมปาก
“ตอนแรกฉันก็คิดอย่างนั้นหรอก แต่พอเห็นเธอเหม่อมองทะเลสาบด้วยสีหน้าเหมือนกับฉันแล้ว มันทำให้ฉันไล่เธอไปไหนไม่ลง ฉันรู้สึกว่าเธอเองก็คงมีเรื่องกลุ้มใจอย่างที่ฉันมีก็ได้” เขาว่า
“บางทีคนเราก็ต้องการเวลาอยู่กับตัวเองบ้าง” เฮอร์ไมโอนี่พูดออกมา เธอหลบสายตามัลฟอยและเหม่อมองไปที่ทะเลสาบ ในใจกำลังครุ่นคิดวิตกเรื่องบางอย่างที่เด็กหนุ่มไม่อาจรับรู้ได้ แต่เด็กสาวไม่อาจทำเช่นนั้นได้นานเมื่อเด็กหนุ่มเปิดตะกร้าอาหาร และหยิบแซนวิชออกมา
“ทานซะสิ สายป่านนี้แล้วเธอคงหิว” มัลฟอยพูดพร้อมกับป้อนแซนวิชใส่ปากเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวทำท่าว่าจะรับมันมาทานเอง แต่มัลฟอยกลับไม่ยอมเขาดึงดันจะป้อนเธอให้ได้ จนกระทั่งเฮอร์ไมโอนี่ยอมกัดแซนวิชที่อยู่ในมือเขาโดยดี
“ดีมาก” เด็กหนุ่มพูดพลางยื่นแซนวิชของเขามาให้เธอบ้าง
“ถึงตาเธอแล้ว” มัลฟอยพูด เฮอร์ไมโอนี่ขมวดคิ้ว
“นายก็ทานเองสิ” เด็กสาวอุบอิบ
“ไม่ล่ะ อยากให้เธอป้อนนี่” เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะอ้าปากปฏิเสธ แต่พอเห็นสีหน้าที่ดูราวกับเด็กถูกขัดใจของเขาเธอก็ทำไม่ลง เด็กสาวจึงหยิบแซนวิชชิ้นนั้นขึ้นมาและป้อนใส่ปากของมัลฟอยโดยดี และเมื่อเธอทำเช่นนั้นเฮอร์ไมโอนี่ก็มีโอกาสได้เห็นใบหน้ายิ้มแย้มเป็นสุขราวกับเด็ก ๆ ของเขาอีกครั้ง
หลังจากที่จัดการมื้อเช้าจนเสร็จเรียบร้อยแล้วมัลฟอยก็ทิ้งตัวลงนอนบนตักของเฮอร์ไมโอนี่ เด็กสาวตั้งท่าจะโวยวาย
“ขอนอนหน่อยน่า” เขาอ้อน เมื่อเห็นท่าทีเช่นนั้นของมัลฟอยเฮอร์ไมโอนี่จึงใจอ่อน และปล่อยให้เขานอนตักเธอโดยดี ในขณะที่เธอชื่นชมบรรยากาศรอบตัวไปพลาง ๆ
ผมสีน้ำตาลสวยของเธอถูกพัดจนปลิวไสวไปตามแรงลม ใบหน้าของเธอต้องแสงแดดยามสาย เด็กสาวหันมายิ้มให้มัลฟอยที่กำลังซบศีรษะลงบนตักของเธอ ซึ่งภาพนั้นเป็นภาพที่น่าหลงไหลมากในสายตาของเด็กหนุ่ม เฮอร์ไมโอนี่ดูเป็นสาวสวยขึ้นมาทันทีเมื่อเธอสวมใส่ชุดที่เขาเลือก บวกกับใบหน้าอ่อนหวานและท่าทางน่ารักน่าเอ็นดูของเธอในตอนนี้มันทำให้เด็กหนุ่มแทบอดใจไม่ไหว
เฮอร์ไมโอนี่กำลังเอาผมที่ปลิวขึ้นทัดหู เป็นเวลาเดียวกับที่ใบหน้าของมัลฟอยโน้มเข้ามาใกล้ กว่าจะรู้ตัวเด็กหนุ่มก็ขโมยจูบของเธอไปแล้ว
โดยไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มก็ผลักร่างของเฮอร์ไมโอนี่ลงบนผ้าปู ดวงตาสีน้ำตาลของเด็กสาวเบิกกว้างด้วยความตกใจเมื่อเธอรู้ว่าที่มัลฟอยจะทำกับเธอมันไม่ใช้แค่จูบอีกต่อไป
“มัลฟอย...” เฮอร์ไมโอนี่เรียกชื่อเขาอย่างหวาดกลัว นัยต์ตาสีเงินของเด็กหนุ่มดูมุ่งมั่นและเปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อเธอ แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะเฮอร์ไมโอนี่กลับรู้สึกหวาดกลัวแววตาคู่นี้ของเขาอยู่ไม่น้อยทีเดียว
“ไหนบอกว่าจะเรียกฉันว่าเดรโกไง” เด็กหนุ่มพูดพลางกดมือสองข้างของเธอไว้กับพื้น ชุดแซกตัวสวยย้วยลงมาจนเห็นเนินอกอิ่ม
“เธอจะทำอะไรน่ะ.....เดรโก” เฮอร์ไมโอนี่ถามอย่างหวาดหวั่น
“ฉันจะทำอะไรน่ะรึ เธอก็น่าจะรู้ดีนี่นา” มัลฟอยพูดพลางก้มลงไปหอมแก้มเฮอร์ไมโอนี่ฟอดใหญ่ ก่อนจะไล้ริมฝีปากไปที่ติ่งหูของเธอ เด็กสาวพยายามดันตัวเธอออก เธอรู้สึกขนลุกทันทีที่ลิ้นของมัลฟอยสัมผัสติ่งหู
“อย่าทำแบบนี้เลยปล่อยฉันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่ขอ แต่เด็กหนุ่มกลับไม่สนใจคำขอของเธอ
“ฉันรักเธอนะเฮอร์ไมโอนี่ เธอจะรักฉันได้ไหม” เด็กหนุ่มพูดออกมา ดวงตาของเด็กสาวเบิกกว้างอย่างแปลกใจ
.................................................
รักอย่างนั้นรึ เขารักเธออย่างนั้นรึ
“ฉะ.....ฉันไม่รู้” เธอพูดพลางเบี่ยงสายตาหลบ มัลฟอยมองเธอด้วยแววตาสีเงินที่เต็มไปด้วยความอึดอัดใจ
“ทำไมเธอถึงไม่รู้ล่ะ เธอไม่รู้หรือรักฉันไม่ได้กันแน่” มัลฟอยพูดเสียงเข้ม ดวงตาที่เคยดูอ่อนโยนกลับเปลี่ยนเป็นดุดันขึ้นมาทันที
“ฉัน...”
“หรือเธอรักคนอื่นกัน” เขาพูดพลางออกแรงบีบข้อมือเล็ก ๆ ของเฮอร์ไมโอนี่ราวกับจะพยายามเค้นเอาคำตอบออกมาให้ได้
“ฉันไม่ได้รักคนอื่น แต่......” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ
“แต่เธอก็ไม่ได้รักฉันใช่ไหม” มัลฟอยพูดอย่างรู้ทัน “ทำไมเธอรักฉันไม่ได้ล่ะ ทั้ง ๆ ที่ฉันรักเธอมากขนาดนี้” คำพูดของมัลฟอยทำเอาเฮอร์ไมโอนี่หน้าแดงขึ้นมาโดยไม่ได้สาเหตุ นี่เขารักเธอจริง ๆ รึนี่ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อเขาและเธอเป็นศัตรูกัน
“ถ้าเธอบอกว่ารักฉันสักคำ ฉันก็พร้อมจะทำเพื่อเธอทุกอย่าง แค่รู้ว่าเธอรักฉันบ้าง ฉันก็พร้อมที่จะละทิ้งทุกอย่าง....เพื่อเธอ” มัลฟอยพูดอย่างหนักแน่นจนเฮอร์ไมโอนี่ยังอดแปลกใจไม่ได้
“เธอไม่ได้รักฉันจริง ๆ หรอกมัลฟอย” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางสบตาเขา
“เธอแค่รู้สึกดีกับฉันเพราะเธอไม่มีใครเท่านั้น อันที่จริงสิ่งที่เธอรู้สึกมันอาจจะไม่ใช่ความรักก็ได้” แววตาของเด็กหนุ่มเปลี่ยนไปทันทีที่เธอพูดจบ
“ไม่ใช่ความรักอย่างนั้นรึ” มัลฟอยพูดด้วยน้ำเสียงราวกับต้องการเย้ยหยันตัวเอง “เธอไม่เชื่อรึว่าฉันรักเธอจริง ๆ น่ะเกรนเจอร์” เขาเปลี่ยนไปเรียกนามสกุลของเธอแทนด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น” เฮอร์ไมโอนี่กำลังจะอธิบาย แต่ดูเหมือนว่ามัลฟอยจะไม่ยอมให้โอกาสเธอพูดอีกต่อไป
“ถ้าเธอไม่เชื่อในสิ่งที่ฉันบอกเธอ ฉันจะพิสูจน์ให้เธอเห็นเองว่าฉันรักเธอมากแค่ไหน” เด็กหนุ่มพูดอย่างหนักแน่น ก่อนจะก้มลงไปจูบปิดปากเธอ!
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเสียจนเธอไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากปฏิเสธ มัลฟอยประทับรอยจูบที่หนักแน่นหากแต่นุ่มนวลลงบนริมฝีปากของเธอ ก่อนจะเลื่อนริมฝีปากร้อนผ่าวของเขาลงมาที่ซอกคอเธอแทน!
“มัลฟอยอย่า! อย่าทำแบบนี้!” เฮอร์ไมโอนี่ร้องและพยายามดันตัวเขาออกห่าง แต่เด็กหนุ่มไม่ยอมหยุด เขาเลื่อนมือแข็งแกร่งไปสัมผัสเนินอกของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะใช้มือข้างนั้นดึงสายชุดแซกบางเบาออก!
เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้งเฮือก ภาพความทรงจำอันโหดร้ายแวบเข้ามาในสมองทันที!
“ปล่อยนะ! ไม่!!!” เฮอร์ไมโอนี่ร้อง ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว และเมื่อเป็นเช่นนั้นมัลฟอยจึงชะงักการกระทำของเขาทันที
“เกรนเจอร์? ฉันขอโทษ...ฉัน....” เด็กหนุ่มเอ่ยปากละล่ำละลักพลางคว้าร่างของเธอมาโอบกอดไว้แนบอก
“ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทำอย่างนี้อีกเป็นอันขาด ฉันสัญญากับเธอนะเกรนเจอร์” เขาพูดพลางลูบศีรษะเธอเบา ๆ อย่างปลอบประโลม เด็กสาวพยักหน้าเบา ๆ ตัวสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนของเขา
มัลฟอยโอบกอดเฮอร์ไมโอนี่ไว้แน่น เขารอจนเธอสงบลงแล้วจึงเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“และฉันก็อยากจะขอให้เธอสัญญากับฉันด้วยว่า เธอจะไม่หนีไปจากฉัน เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป จะไม่ทิ้งฉันไปไหนเด็ดขาด” พอพูดจบเฮอร์ไมโอนี่ก็เงยหน้าขึ้นสบตามัลฟอยอย่างแปลกใจ
“ฉัน....” เด็กสาวอึกอัก
“สัญญาสิเกรนเจอร์ว่าเธอจะอยู่ข้าง ๆ ฉันตลอดไป และฉันก็จะสัญญาว่าไม่ล่วงเกินเธอโดยที่เธอไม่เต็มใจอีกเป็นอันขาด” มัลฟอยรบเร้า เฮอร์ไมโอนี่กัดริมฝีปากด้วยท่าทีลังเล แต่ในที่สุดเด็กสาวก็ผงกศีรษะเบา ๆ ก่อนจะพูดออกมาว่า
“อือ ฉันสัญญา” โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าคำพูดเพียงคำเดียวของเธอในวันนี้จะส่งผลต่อชีวิตที่เหลืออยู่ของเธออย่างไร
“ดีมาก” มัลฟอยบรรจงจูบหน้าผากเธออย่างพอใจ และโอบกอดเด็กสาวไว้แน่น ก่อนจะรั้งตัวเธอลงบนผ้าปูอีกครั้ง แต่การกระทำครั้งนี้ไม่เหมือนกับเมื่อครู่ มัลฟอยรั้งตัวเฮอร์ไมโอนี่ไว้ในอ้อมกอดของเขา ให้เธอใช้ไหล่ของเขาต่างหมอน
เด็กหนุ่มมองเห็นท้องฟ้าสีจางและปุยเมฆสีขาวผ่านกิ่งก้านของต้นไม้ที่เขาและเฮอร์ไมโอนี่ทอดกายลงนอนอยู่ มัลฟอยรำพันขึ้นมาเบา ๆ
“เธอไม่จำเป็นต้องรักฉันก็ได้เกรนเจอร์ ขอเพียงแค่เธออยู่ข้าง ๆ ฉันก็พอ หรือถ้าเกิดวันไหนเธอเกิดรักฉันขึ้นมาบ้าง ฉันอยากจะให้เธอบอกฉันได้ไหม”
“ได้สิ” เด็กสาวรับคำ เธอทิ้งศีรษะลงในอ้อมอกของมัลฟอย ก่อนจะเหม่อลองไปยังทะเลสาบสีครามที่ทอดตัวอยู่ห่างออกไป โดยไม่รู้เลยว่าจะมีสิ่งใดรอคอยเธอและเขาอยู่ในภายภาคหน้าบ้าง
*************************************************
ความคิดเห็น