คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ม่านทราย :: Part 3
Part 3
“ล้มเหลว ......... การเจรจาของเจ้าล้มเหลว”
“อะไรกัน!! ข้ายื่นข้อเสนอให้เจ้าดีออกขนาดนั้นทำไมถึงปฏิเสธ หรือจะเอามากกว่านั้นข้าก็ให้ได้”
“ข้าบอกว่าไม่ก็คือไม่ ใครจะปล่อยให้เชลยอย่างเจ้ากลับออกไปจากที่นี่ทั้งๆที่เจ้าเดินสำรวจไปทั่วหมู่บ้านขนาดนี้ ข้าปล่อยเจ้าไปก็โง่เต็มที”
“แม้ข้าจะเสนอเงินให้เจ้ามากมายขนาดนั้นน่ะนะ มันมากจนกองโจรอย่างพวกเจ้าย้ายไปอยู่ต่างประเทศได้สบายๆเลยนะ!!!”
“ข้าไม่แคร์ ที่นี่คือที่ของข้าทำไมข้าต้องย้ายไปที่อื่น เงินที่เจ้าเสนอมามันมากก็จริง แต่ข้าไม่เอา!! หยุดต่อรองได้แล้วและข้าจะให้คนยกอาหารเข้ามาให้ถ้าไม่กินดีๆ .... อย่าหาว่าข้าไม่เตือน”สั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจแล้วเดินออกไปแบบไม่เหลียวหลังกลับมาดู
“บ้าจริง!!! บ้าไปใหญ่แล้วเป็นโจรประสาอะไรเสนอเงินให้ขนาดนั้นแล้วยังไม่สนอีก เหอะ .... แล้วจะทำยังไงดีเนี่ย ท่าน ไม่น่าเอาของแบบนั้นมาฝากไว้ที่ข้าเลย ไม่น่าจริงๆ”ส่ายหน้าไปมาทั้งด้วยความหงุดหงิดและอ่อนแรง
เห้อ..... เจรจาให้ปล่อยตัวเราไปด้วยเงินก้อนโตขนาดที่คิดว่าคงไม่มีทางถูกปฏิเสธได้แน่ๆ แต่ทำไมเจ้าคนวิปริตที่อยู่ดีๆก็กลายเป็นเจ้าแห่งทะเลทรายนั่นถึงปฏิเสธไม่เอาเสียอย่างนั้น โง่จนไม่รู้จะด่ายังไงดี
.
.
.
“จ้าวครับฟารีมาร์มารายงานว่าเชลยของจ้าวไม่ยอมกิน ไม่ยอมนอน แถมยังทำท่าจะอาละวาทอีกแล้วครับ”การีมคนสนิทของเจ้าแห่งทะเลทรายเข้ามารายงานในสายของวันต่อมา
“ตั้งแต่เมื่อคืนยังไม่ยอมนอนอีกหรอ ...... ดื้อจริงๆ เดี๋ยวข้าไปจัดการเอง บอกพวกนางที่คอยดูแลเชลยไปพักผ่อนเถอะ ส่วนอาหารให้เอามาที่นี่เราจะยกไปเอง”
“ครับจ้าว”
.
.
.
“กินข้าวซะเดี๋ยวจะไม่มีแรงอาละวาทเอา”เสียงทรงอำนาจเอ่ยแหย่ทันทีที่ก้าวขาเข้าในกระโจม
“ไม่กินไม่หิว”เชลยกล่าวอย่างดื้อดึง
“เจ้าจะมาอดข้าวตายในกระโจมข้าไม่ได้นะ ข้าขี้เกียจเอาเจ้าไปฝังน่ะ”
“ก็ในเมื่อข้าไปจากที่นี่ไม่ได้ ข้าก็จะอดข้าวตายในนี้มันเนี่ยแหละ”
“ดื้อ .....”
“ว่าไงนะ!!”ด้วยเพราะไม่แน่ใจว่าหูฝาดหรือเปล่าจึงถามย้ำ
“ข้าบอกว่าเจ้าน่ะดื้อ ข้าบอก ข้าพูดดีด้วยเจ้าไม่ชอบ ชอบให้ข้าโมโหขึ้นเสียงและใช้กำลังงั้นหรือ มากินข้าวดีๆหรือให้ข้าป้อนเจ้าก็ได้นะ”ยกถาดอาหารมาวางข้างเตียงที่เชลยแสนดื้อนั่งเชิดคางใส่อยู่
“ไม่กิน”
“สงสัยอยากให้ป้อน”ทำเป็นไม่ใส่ใจความดื้อดึงของเชลยแล้วตักอาหารเตรียมป้อนให้ หากแต่เชลยกับปัดช้อนทิ้งเสียจนข้าวกระจายเต็มพื้น
“ข้าบอกว่าไม่กินก็คือไม่กิน!!!”
“แต่ข้าจะให้กินเจ้าก็ต้องกิน!!! เคยเตือนเจ้าแล้วว่าอย่าทำให้ข้าโมโห ชอบลองดีนักใช่ไหมคราวนี้จะมาร้องขอให้ข้าใจดีด้วยคงไม่ได้ล่ะ”น้ำเสียงดุดันขึ้นจนเชลยตัวหด ร่างกำยำยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วคว้าแขนเรียวเล็กกำไว้แน่น มืออีกข้างหยิบถาดอาหารที่เพิ่งยกเข้ามาไว้ตรงตำแหน่งสายตาของเชลย
“ข้าให้เจ้ากินดีๆไม่กิน .... ก็กินที่มันสกปรกๆไปแล้วกัน”มือหนาเทอาหารให้ตกลงไปตามแรงโน้มถ่วงทำให้จานชามตกลงกระทบพื้นเกิดเสียงดังโครมครามก่อนจะปล่อยถาดที่อยู่ในมือให้ล่วงหล่นเป็นชิ้นสุดท้าย
เคร้ง!!!
“เกิดอะไรขึ้นครับจ้าว .....”การีมคนสนิทรีบเข้ามาในกระโจมพร้อมกับเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไร ออกไปก่อน”เจ้าแห่งทะเลทรายสั่งโดยที่สายตาไม่ละไปจากหน้าเชลยสักนิด
“ครับจ้าว”ร่างคนสนิทรีบจรลีหายไปอย่างรวดเร็วด้วยรู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดลมพายุขึ้นในกระโจมเชลยคนนี้แน่ๆ ออกไปก่อนที่จะไม่ได้ออกนั่นแหละดีที่สุด
“กินซะยูชอน!!!”เอ่ยสั่งเสียงเฉียบขาด ใบหน้าดื้อดึงมองเจ้าแห่งทะเลทรายด้วยความตกใจก่อนสีหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ปากอวบอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างสุดกลั้นไม่ต้องเดาก้รู้ว่าอาการอย่างนี้คนดื้อดึงได้แผลงฤทธิ์อีกรอบแน่นอน
“ไอ้คนบ้า ไอ้วิปริต!! นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะเจ้ากล้าสั่งให้ข้ากินของสกปรกๆอย่างนี้หรอ ถ้าเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครเจ้าจะไม่มีทางพูดอย่างนี้เด็ดขาดไอ้โจรห้าร้อย!!!”พูดจบแขนเรียวก็ถูกกระชากเข้าไปประชิดตัวร่างสูงใหญ่
“ที่อื่นเจ้ายิ่งใหญ่มาจากไหนข้าไม่สน แต่ที่นี่ .... ไม่ใช่ที่ๆเจ้าจะมาออกคำสั่งได้”เสียงทรงอำนาจทุ้มต่ำลงส่งผลให้รับรู้ได้ถึงรังศีอำมหิตที่ไม่น่าเข้าใกล้
“ฮึก .... มันเจ็บนะ ปล่อยสิ .....”เชลยแสนดื้อดึงยังไม่ยอมสงบปากสงบคำแต่เพราะว่าแรงบีบที่ต้นแขนมีมากจริงๆสะบัดเท่าไหร่ก็ไม่หลุดจึงได้หลุดปากต่อกรกลับไป
“ข้าสั่งให้เจ้ากิน .....”เมื่อปล่อยแขนเชลยตัวบางแล้วร่างสูงใหญ่ก็ออกคำสั่งทันที
“ก็ข้าไม่กิน ใครจะไปกินเล่าอาหารนั่นมันสก กะ .....”
“ข้าสั่งเจ้าให้กิน”คำสั่งหลุดออกมาจากใบหน้าหล่อเข้มอีกหน
“ข้าไม่กิน ....”ถึงจะกลัวจนตัวสั่นขนาดไหนเชลยแสนดื้อดึงก็ไม่ยอมกินเด็ดขาด ใบหน้าขาวๆหันหนีไปทางอื่นด้วยทั้งกลัวและพยายามซ่อนหยาดน้ำตาที่กำลังไหลลงมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“.........................”ไม่มีเสียงบังคับขู่เข็ญอีกจนน่าแปลกใจ ใบหน้าขาวที่ขึ้นสีเรื่อน้อยๆหันไปมองร่างสูงใหญ่ก็เห็นว่าใบหน้าคมเข้มคร้ามแดดนั้นกำลังหงุดหงิดงุ่นง่านเพียงใด
“ไม่กินก็ไม่ต้องกิน หยุดร้องไห้ได้แล้วนี่เจ้าอายุเท่าไหร่กันถึงได้ร้องไห้เพราะโดนบังคับให้กินข้าว”เจ้าแห่งทะเลทรายสบถออกมาแล้วใช้มือหนาเสยผมที่ตกลงมาปรกใบหน้าคร้ามแดด ยูชอนสังเกตใบหน้าของเจ้าแห่งทะเลทรายอย่างตั้งใจเป็นครั้งแรก ใบหน้าของหัวหน้ากองโจรถ้าหากพินิจให้ดีๆแล้วก็ดูหล่อเอาเรื่องเช่นกัน จมูกโด่ง เครื่องหน้าคมเข้ม คิ้วดกหนา ปากได้รูป จะเสียเพียงอย่างเดียวที่ยูชอนไม่ชอบใจ ..... ก็ดวงตาดุดันราวกับเหยี่ยวทะเลทรายนั่นน่ะสิ มองเพียงแค่แวบเดียวก็ชวนให้นึกหวาดกลัวอย่างไรไม่รู้ แถมยังชอบทำหน้ายักษ์ไม่ยอมยิ้มง่ายๆนั่นอีก ไม่น่าคบหาและไม่น่าผูกมิตรเอาเสียเลย
เห้ย!!! ไอ้วิปริตนี่มันเจ้าแห่งทะเลทรายนะจะมาคิดว่าน่าคบหาได้ยังไงกันยูชอน บ้าไปแล้ว .....
เชลยแสนดื้อมัวแต่คิดโน้นคิดนี่วุ่นวายไปหมดจนไม่ทันสังเกตุว่ามีข้ารับใช้เข้ามาเก็บกวาดอาหาร ใบหน้าขาวของเชลยมองสาวใช้ที่หน้าตาคุ้นๆก่อนจะร้องอ้อขึ้นในใจ พลันตากลมใสก็มองไปเห็นรอยถลอกฟกช้ำตามตัวของสาวรับใช้คนนั้นก็นึกว่าตนเองอาละวาทไว้มากเหมือนกันไม่แปลกหรอกที่เจ้านายของคนพวกนี้จะโมโหและสั่งห้ามให้เขาทำตัวเหมือนเชลยเสียบ้าง
“เจ้าชื่ออะไรน่ะ .....”เชลยเอ่ยถามเสียงนุ่มนวลหากแต่ปฏิกิริยาที่ได้รับคืออาการตกใจจนผวาถอยร่นไปของสาวรับใช้
“.............”
“คือ ...... ข้าขอโทษนะที่ทำให้เจ้าต้องเจ็บตัวแบบนี้ คือว่า ...... ข้าไม่ได้ตั้งใจน่ะ”เชลยที่เคยแต่อาละวาทจนข้ารับใช้ของเจ้าแห่งทะเลทรายต้องหวาดกลัว ตอนนี้กลับเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและนุ่มนวลเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดที่ทำให้ใครก็ไม่รู้ต้องมาเจ็บตัว
“อื้อ อื้อ ......”สาวรับใช้รับคำพร้อมพยักหน้าหงึกหงักแล้วก็ส่ายหน้าไปมาบอกใบ้แทนคำว่าไม่เป็นไรๆ นางไม่ถือโทษ เท่านั้นก็เรียกรอยยิ้มโล่งอกจากเชลยร่างเพรียว
“เจ้าก็ยิ้มได้หนิ แต่ทำไมชอบอาละวาททำร้ายคนอื่นอยู่เรื่อย ....”ไม่รู้ว่าลืมนึกไปหรือไรทำให้เชลยลืมไปว่าเจ้าแห่งทะเลทรายยังอยู่ในกระโจมนี้ร่วมกับตน เมื่อได้ยินเสียงคนขัดจังหวะจากที่กำลังยิ้มๆอยู่นั้นริมฝีปากอิ่มก็หุบลงทันทีราวกับใครมาปิดสวิซไฟ
“เจ้ายังไม่ออกไปอีกหรือ ......”คอขาวๆเชิดขึ้นอย่างเคยชินเป็นภาพที่เจ้าแห่งทะเลทรายเห็นจนชินตาและเป็นเอกลักษณ์ของเชลยคนนี้ไปเสียแล้ว
“หึ ...... ข้ายังไม่ทันได้ก้าวขาไปไหนเสียด้วยซ้ำ เจ้าต่างหากมัวแต่ละเมอหรือเพ้ออะไรอยู่ถึงได้คิดว่าข้าออกไปจากกระโจมนี้”
“เห้อ ..... นี่ก็ดึกแล้วได้เวลาที่เชลยอย่างข้าควรพักผ่อนเสียที เชิญเจ้าแห่งทะเลทรายออกไปจากกระโจมที่แสนต่ำต้อยนี่เถิดข้าผู้เป็นเชลยไม่มิบังอาจหายใจกับท่านผู้สูงส่งได้”เชลยแสนดื้อรั้นจีบปากจีบคอพูดประชดร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่นเรียกรอยยิ้มขึ้นบนใบหน้าคนถูกประชดได้อย่างดี เพียงแต่คนพูดมัวแต่ประชดประชันจึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มพราวนั่น
“งั้นรึ ..... ข้าสูงส่งขนาดนั้นเชียว ว่าแต่กระโจมนี่จะต่ำต้อยได้อย่างไรกัน ในเมื่อก่อนเชลยแสนต่ำต้อยอย่างเจ้าจะมาอยู่ที่นี่ ข้าเองก็นั่งก็นอนก็กินที่นี่และมันก็เป็นกระโจมของข้า อย่างนี้มันคงไม่ต่ำต้อยจนข้ามาพักผ่อนที่นี่ไม่ได้หรอกมั้ง เอาเถอะ .... คืนนี้ข้าคงไม่ไปนอนที่อื่นหรอก จะให้เกียรตินอนกับเชลยต้อยต่ำอย่างเจ้าสักวันแล้วกัน”
“ไอ้บ้า .....!!!”เตรียมด่ายาวหากแต่มือหนากับปรามไว้เสียก่อน
“มาสิ ....... ข้านอนที่นี่ถือว่าเป็นเกียรติกับเจ้ามากเชียวล่ะ หึหึ”ร่างสูงใหญ่ตบปุๆลงบนผ้าขนแกะเนื้อดีที่เชลยจับจองเป็นที่ของตนเสียหลายวัน
“กระโจมที่ข้านอนมันคือที่พักของเจ้าหรือ ....... มะ ไม่เป็นไรล่ะ ถ้าเจ้าอยากนอนบนเตียงข้านอนบนพื้นพรหมก็ได้”เชลยแสนดื้อเอ่ยอย่างเกรงๆเนื่องจากเหตุการณ์บนหลังม้าและที่โอเอซิสยังตามหลอนขืนไปนอนร่วมเตียงมีหวังได้พ่วงตำแหน่งทั้งเชลยทั้ง ............... บรื๋ออออ
“หึหึ บนพรหมมันสกปรกเพราะเจ้าเป็นคนปัดอาหารตกลงไปเอง อย่ามาหาข้ออ้างเลยรีบมานอนบนเตียงนี่กับข้าเร็วๆ อย่าให้ข้าต้องไปอัญเชิญเจ้าเองนะยูชอน”ถึงน้ำเสียงจะติดหยอกเย้ายั่วอารมณ์แต่หลายๆเรื่องที่ผ่านมาก็ทำให้ร่างสมส่วนรู้ว่าอย่าให้คนตรงหน้าพูดหลายๆรอบเลยดีกว่า ร่างสมส่วนจึงเดินเข้าไปใกล้เตียงช้าๆราวกับจะขาดใจตาย
“ข้าอยากพักผ่อนเจ้าก็รีบนอนได้แล้วเดี๋ยวจะไม่มีแรงเอานะพรุ่งนี้น่ะ”อยู่ๆก็นึกอยากหวังดีกับเจ้าแห่งทะเลทรายขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เจ้ากลัวข้าหรือ ..... กลัวว่าข้าจะทำกับเจ้าเหมือนตอน ......”
“นอน นอนได้แล้วข้าง่วงจะตายอยู่แล้วเนี่ย!!!”เชลยร่างเพรียวรีบตัดบทแล้วล้มตัวลงนอนที่ขอบเตียงและคล้ายกับว่าจะตกลงไปเพราะนอนหมิ่นเหม่ขอบเตียงเสียเหลือเกิน มือหนาจึงรวบเอาเอวบางให้เข้ามาประชิดกับอกแกร่ง รับรู้ได้ถึงแรงเกร็งตัวของเชลยแสนดื้อ น่าแกล้งเสียนี่กระไร ......
“อืม ..... คืนนี้อากาศหนาวเนอะเจ้าว่าไหม”เสียงทรงอำนาจเอ่ยกระซิบใกล้ๆต้นคอขาว เชลยจึงหลับตาปี๋ด้วยเพราะรู้สึกแปลกๆเนื่องจากบริเวณลำคอเป็นจุดอ่อน
“มะ ..... ไม่หนาวสักนิดออกไปทางร้อนเสียด้วยซ้ำ อย่ามาถูกตัวข้าสิมัน เอ่อ ..... เหนอะหนะจะตายไป”
“เจ้าร้อนงั้นหรือ ...... ถอดเสื้อเจ้าออกสิมันช่วยได้เยอะเลยนะ”ไม่รู้ว่าร่างสูงใหญ่แกล้งหรือว่าเป็นห่วงเชลยจริงๆกันแน่หากแต่ไม่น่าไว้ใจสักหนทางเดียว
“ง่ะ ...... ไม่เอาล่ะ ข้า ..... ข้าไม่ชอบนอนถอดเสื้อน่ะ ที่จริงร้อนๆอย่างนี้ข้าชอบ”ยิ่งพูดก็ดูเหมือนจะส่งผลทางลบเสียมากกว่า ยูชอนอยากจะตบปากตัวเองนักแต่หากหยุดเจ้าของวงแขนปลาหมึกนี่ได้คงจะดีเสียกว่า
“จริงรึ ..... ข้าเองก็ชอบร้อนมากกว่าหนาวนะ อย่างนี้ข้ามานอนกับเจ้าทุกคืนดีกว่าแถมยังให้การีมได้พักผ่อนในตัวด้วย รู้ไหมว่าคนสนิทข้าแทบไม่ได้พักผ่อนเพราะคอยดูแลเจ้าน่ะ”เสียงที่ได้ยินยังคงดังอยู่ไม่ไกลจากลำคอขาวยิ่งทำให้ร่างในอ้อมกอดเกร็งตัวจนร่างสูงกลัวว่าเชลยแสนดื้อจะเป็นตะคริว
“คอยดูแลหรือคอยจับตาดูข้ากันแน่ ......”ยังมิวายบ่นใส่ร่างสูง
“หึหึ ก็ทั้งสองอย่างนั่นแหละ เชลยอย่างเจ้าคลาดสายตาได้เสียทีไหนกัน”
“อย่าให้คลาดสายตาก็แล้วกันข้าไม่พลาดโอกาสไปจากที่นี่แน่”พูดจบแขนแกร่งที่โอบกอดร่างเชลยไว้หลวมๆก็รัดแน่นขึ้นทันทีจนคนตัวบางนิ่วหน้า
“ข้าไม่ให้เจ้าหนีไปได้หรอกยูชอน ต่อให้เจ้าหนีไปได้ข้าก็จะชิงตัวเจ้ากลับมาที่นี่อีก เจ้าหนีไปอีกข้าก็จะตาม แล้วถ้าหนีไปอีกข้าก็จะตามเอาตัวเจ้ากลับมาอีก จะทำจนกว่าเจ้าจะเบื่อที่จะหนีไปจากข้าเลย”เสียงที่พูดครั้งนี้ดังก้องไปทั่วทั้งกระโจม ไม่ใช่คำตะคอกไม่ใช่น้ำเสียงที่ใส่อารมณ์ หากแต่มันหนักแน่นราวกับคนพูดตั้งใจแน่วแน่ให้มันเป็นอย่างนั้นจริงๆ
“ทำไม........ ชีวิตนี้เป็นของข้า เจ้าจะมาตัดสินจองจำข้าไว้ที่นี่ไม่ได้ ถึงเจ้าจะเป็นเจ้าชีวิตของคนที่นี่แต่กับข้า ข้าเป็นเจ้าชีวิตของตัวข้าเอง”
“ที่นี่ข้าเป็นเจ้าชีวิตของทุกสรรพสิ่ง หากเพียงเจ้ามาที่นี่เพื่อหมายจะเดินผ่านไป แต่เมื่อเข้ามาที่แห่งนี้แล้ว ทุกๆอย่างที่เป็นตัวเจ้า กลิ่นอาย รอยยิ้ม น้ำตา เสียงหัวเราะ ร่างกายหรือแม้แต่หัวใจของเจ้า ...... ทุกสิ่งนั้นข้าจะครอบครองให้หมด”สัมผัสละเมียดละไมที่ลำคอขาวชวนให้หมดเรี่ยวแรงที่จะต่อกรด้วยคำพูดใดๆกับร่างสูงใหญ่ มือหนากอดกระชับรั้งเอวบางให้เข้ามาแนบชิดกายมากขึ้น ริมฝีปากได้รูปของเจ้าแห่งทะเลทรายไล้ผ่านลำคอขาวราวกับหยอกเย้าให้ร่างเล็กละลาย ลมหายใจอุ่นร้อนปัดผ่านไปทุกครั้งที่ริมฝีปากได้รูปนั่นลากผ่าน เสียงลมหายใจของเชลยแสนดื้อติดขัดก่อนจะสะดุ้งน้อยๆเมื่อลำคอขาวถูกขบกัดเบาๆอย่างหยอกเอิน
“อย่า ..... อื้อ ......”เอ่ยปรามด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิดหากมันราวกับยิ่งกระตุ้นให้ร่างสูงใหญ่กระทำการให้มากขึ้น
“อย่าอะไรหรือยูชอน ...... บอกข้าสิ ..... อย่าสัมผัสตัวเจ้าตรงนี้”มือหนาสอดเข้าไปในผ้าเนื้อดีแล้วบีบเอวบางอย่างกระตุ้นอารมณ์”หรือให้ข้าสัมผัสตัวเจ้ามากกว่านี้ ..... ตรงนี้”เลื่อนมือหนาขึ้นไปสะกิดยอดอกของเชลยอย่างนึกสนุก ปากได้รูปก็กระซิบแถวลำคอขาวไปเรื่อยเพราะรู้ว่าจุดนี้เป็นจุดอ่อนที่น่ากลั่นแกล้งมากที่สุด
“ฮ้าาาาา ..... อย่าสิ .... อื้อ ....”ร่างสมส่วนบิดไปมาอย่างทรมานและเสียวซ่าน สมองสั่งการให้ห้ามแต่เรี่ยวแรงกลับหดหายด้วยเพราะถูกจู่โจมที่จุดอ่อนและกำลังถูกกลั่นแกล้งด้วยเพลิงอารมณ์ที่ไม่คุ้นชินนัก
“บอกก่อนสิว่าเจ้าต้องการข้า จะไม่หนีไปจากข้า แล้วข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าต่อ .......”เสียงทรงอำนาจกระซิบที่ข้างหูพร้อมกับขบเม้มใบหูของเชลยอย่างยั่วเย้า
“อ่ะ ..... อย่า ..... อื้อ ..... เจ้ามันน่าเกลียดที่สุด อื้อ ......”เชลยแสนดื้อยังไม่วายหมดฤทธิ์แม้จะถูกกระตุ้นจากมือหนามากเพียงใดก็ยังรั้นไม่ยอมทำตามที่ร่างสูงบอกง่ายๆ
“เด็กดื้อ ......”ร่างสูงกระซิบบอกอีกครั้งหากน้ำเสียงไม่ได้ดูต่อว่าต่อขานแต่กลับดูจะชอบอกชอบใจเสียด้วยซ้ำ มือหนาเลื่อนต่ำลงมาแกล้งหยอกเย้าบริเวณหน้าท้องไร้ไขมันของเชลยจนร่างเพรียวต้องกลั่นลมหายใจอย่างหวั่นๆ
“ข้าจะพูดในสิ่งที่เจ้าให้พูด แต่เจ้าจำไว้ว่าข้าจะไม่ทำตามที่เจ้าบอกให้พูดหรอกนะ ...... อื้อ ....”
“พูดสิ ....... ถ้าเจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยให้เจ้าพูดง่ายๆน่ะ”
“ข้าจะไม่ไป .... อื้อ .... อุ้บ”ร่างสูงพลิกกายขึ้นคร่อมร่างเพรียวทันทีก่อนจะประกบริมฝีปากดูดกลืนคำพูดของเชลยไปสิ้น ริมฝีปากอุ่นร้อนสัมผัสปากอิ่มอย่างอ่อนโยน ..... อีกฝ่ายรุกรานหากอีกฝ่ายกลับร่นหนี กระนั้นผู้ด้อยประสบการณ์หรือจะสู้ผู้เจนจัดได้ ลิ้นร้อนของเจ้าแห่งทะเลทรายควานสำรวจความหอมหวานของเชลยอย่างถือสิทธิ์หากแต่ครั้งนี้ไม่รุนแรงกลับเต็มไปด้วยสัมผัสเรียกร้องให้คนใต้ร่างตอบสนองตนบ้าง มือหนารั้งเอวบางให้ขึ้นมาแนบอกแกร่งแล้วบีบกระตุ้นเนื้อตัวขาวผ่องไปมา แขนเรียวที่ตอนแรกพยายามผลักไสก็เริ่มอ่อนแรงลงกลายมาเป็นโอบหลวมๆอยู่รอบลำคอหนา
“หวาน ......”ริมฝีปากได้รูปผละออกมาพูด แต่ถ้อยคำเหล่านั้นไม่ได้เข้ามาถึงโสตประสาทของเชลยสักนิดเนื่องจากอารมณ์ตอนนี้ถูกฉุดให้ดิ่งเข้าสู่วังวนแปลกใหม่ที่ดึงดูดทุกประสาทสัมผัสเขาไปเสียหมด
“อื้อ ..... อืม .....”เสียงนุ่มนวลครางอื้อไปอย่างเคลิบเคลิ้มกับสัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับ เรียวลิ้นหวานพยายามตอบสนองการรุกรานของเจ้าแห่งทะเลทราย
“เกิดเรื่องแล้วครับจะ ... จ้าว!!!”การิมคนสนิทพรวดพราดเข้ามาในกระโจมก่อนจะก้มหน้าลงต่ำมองพื้น
“มีอะไร ....”ร่างสูงใหญ่ถามหลังจากถูกเชลยตัวเล็กผลักออกแล้วร่างขาวผ่องก็หันหลังให้ผู้มาเยือนโดยซ่อนใบหน้าที่แดงก่ำน่าเอ็นดูไว้
“เอ่อ ... กะ เกิดเรื่องแล้วครับจ้าว คงต้องให้จ้าวไปจัดการตอนนี้เลย”การิมเอ่ยด้วยน้ำเสียงร้อนรนทำให้เจ้าแห่งทะเลทรายพยักหน้ารับแล้วส่งสัญญาณให้คนสนิทออกไปก่อน หลังจากการิมผละไปจากกระโจมแล้วเชลยร่างเพรียวก็หันขวับมาทันที
“ไอ้วิปริต ไอ้โรคจิต!! ข้าเป็นชายนะเจ้ามาทำแบบนี้ได้ยังไง ฮึ่ย ....!!”มือขาวผ่องถูไปมาที่ปากอวบอิ่ม จากที่มันแดงน่ามองอยู่แล้วก็แดงสุกราวกับผลสตอเบอร์รี่จนร่างสูงใหญ่เผลอกลืนน้ำลาย
“หึ .... คิดว่าข้าสนนักหรือกับเรื่องแบบนั้น ที่นี่ข้าเป็นนายเหนือหัวของทุกชีวิต สิ่งที่ข้าทำไม่ใช่เรื่องผิด ........ ข้าต้องไปแล้วล่ะยูชอน ไว้ข้ากลับมา .... จะมาต่อนะ”รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นที่มุมปากร่างสูงใหญ่ก่อนมือหนาจะยืนมาแตะปลายคางเรียวของเชลยอย่างเย้าแหย่ มือขาวๆก็รีบปัดการกระทำนั้นทันทีราวกับรังเกียจหากแต่ใบหน้าขาวที่แดงนวลขึ้นมานั้นไม่ทำให้ร่างสูงนึกติดใจ
“จะไปไหนก็ไปเลย!!!”ใบหน้าขาวผ่องก้มหน้าหลบมองพื้น ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้แสดงปกฺกิริยาเช่นนี้ หากคิดดูแล้วก็ราวกับพ่อแง่แม่งอนอย่างนั้นล่ะ
“อยู่ที่นี่ก็ทำตัวเป็นเชลยที่ดีอย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าก่อเรื่อง .......”ร่างสูงใหญ่กล่าวพร้อมกับเดินไปที่หน้ากระโจม ใบหน้าหล่อเข้มหันกลับมามองเพื่อรอฟังคำยืนยัน
“ข้า .... ข้า ....”เมื่อตากลมใสสบกับสายตาดุดันราวกับเหยี่ยวทะเลทรายก็ทำให้ใบหน้าขาวเสมองพื้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ
“...............”
“จะพยายามแล้วกัน ......”เสียงนุ่มนวลของเชลยกล่าวจบร่างสูงกำยำจึงเดินอาดๆออกไปจากกระโจมทิ้งไว้แต่เพียงลมหนาวยามกลางคืนพัดเบาๆเข้ามาในกระโจม เป็นหลักฐานที่ทำให้รู้ว่าเจ้าแห่งทะเลทรายผละไปแล้ว
“ชิ ..... บ้าจริง!!!”
.
.
.
TBC
ความคิดเห็น