ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic] TaoKacha ::〖My Status's เมียแต่ง〗

    ลำดับตอนที่ #3 : [Fic] TaoKacha ::〖My Status's เมียแต่ง〗► Chapter 2 ◄

    • อัปเดตล่าสุด 1 ต.ค. 55



    ► CHAPTER 2 ◄


    ‘All the world is a stage’



    “บ้าแล้ว!!  พ่อพูดอะไรรู้ตัวบ้างไหม!?”เสียงโวยวายดังขึ้นในห้องทำงานของประธานบริษัทแต่เช้าตรู่

    “ถ้ามันฝืนแกนักแกก็คิดซะว่าเล่นละครฉากใหญ่อยู่ละกัน”แม้จะเป็นคำกล่าวเรียบๆแต่ใบหน้ามีอายุกลับฉายแววขำขันออกมาให้ลูกชายได้เห็น   ชายมีอายุกำลังสนุกที่ได้เห็นลูกชายเต้นพล่านหลังจากที่ตลอดมาตนเองมักจะเป็นฝ่ายต้องเดือดร้อนเพราะความเสเพลของลูกชายคนนี้

    “ละครบ้าอะไรล่ะพ่อผู้ชายนะ  ผมต้องแต่งงานกับผู้ชาย  บ้าไปแล้ว  ไม่เอาด้วยหรอก”ส่ายหัวปฏิเสธไม่เอาท่าเดียว

    “แต่คนที่แกจะแต่งงานด้วยเป็นถึงลูกชายคนเดียวในเครือ K กรุ๊ปเชียวนะเจ้าเต๋า  ฉันไม่ได้ไปเอาพวกโนเนมมาให้แกแต่ง”

    “บ้าแล้ว ... บ้าไปแล้ว ... ผมต้องบ้าแน่ๆถ้ายอมแต่งตามที่พ่อบอก!”ร่างสูงขาวเดินเป็นหนูติดจั่นพร้อมกับพูดประโยคเดิมซ้ำๆ

    “แกก็ทำตัวบ้าให้ฉันปวดหัวมาตลอดอยู่แล้วนะ”คำพูดเสียดสีของบิดาไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกผิดสักนิด 

    “ผมไม่แต่ง!”ยังคงยืนยันเสียงหนักแน่นแม้จะทำเป็นร้อยๆครั้งแล้วก็ตาม

    “อีก 3 วันก็ถึงวันแต่งงานแล้วอย่ามาพูดมาก ... กลับห้องแกไปโหยหวนคนเดียวฉันจะทำงาน!”ท่านประธานบริษัทเอ่ยปากอย่างรำคาญแล้วโบกมือไล่ลูกชายให้ไสหัวออกไปพร้อมกับก้มหน้าทำเป็นอ่านแฟ้มงานที่เลขาวางเรียงไว้ให้พิจารณา

    “พ่อ! ผมไม่ได้ล้อเล่นนะเนี่ยผมจริงจังนะ  ผมบอกว่าไม่แต่งไง  ยังไงก็ไม่แต่ง”พยายามทำเสียงจริงจังใส่บิดาแต่ในใจนึกหวาดหวั่นเป็นที่สุด

    “ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้เลยเจ้าเต๋า ..... ฉันเป็นพ่อแกนะ  ถ้าฉันบังคับแกไม่ก็อย่ามาเรียกฉันว่าพ่อ  หยุดทำตัวเป็นเด็กไม่รู้จักโตสักที!”ตวาดใส่ลูกชายอย่างนึกรำคาญทำเอาใบหน้าขาวจัดถึงกับผงะค้าง

    “ผมทำตัวไม่รู้จักโตตรงไหน   ผมรับผิดชอบงานทุกอย่างได้ดีไม่ใช่หรอ .... ผมทำทุกอย่างได้ดีตั้งแต่เด็กๆ  กับแค่เรื่องเที่ยวเล่นทำไมพ่อต้องมาบังคับให้ผมแต่งงานด้วย  .... พ่อไม่รู้หรอว่าทำไมผมถึงพยายามทำตัวให้สมกับการเป็นผู้ใหญ่  แล้วพ่อยังมาบอกว่าผมไม่รู้จักโต .... พ่อรู้ความคิดผมบ้างไหม ... เคยคิดถึงความรู้สึกผมบ้างไหม!!?”พูดบอกกับบิดาอย่างอดรนทนไม่ไหวจึงได้ทิ้งทิ้งระเบิดคำพูดลงกลางห้องก่อนร่างสูงจะหุนหันก้าวยาวๆออกจากห้องไป

    คล้อยหลังลูกชายที่เดินหนีออกไปด้วยความน้อยใจนั้น  ใบหน้าที่ขึ้นร่องรอยตามกาลเวลาจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองไล่หลังดวงตาเรียบสนิทมองประตูที่เพิ่งงับปิดลงอย่างยากจะคาดเดาความคิดได้ ..... ปิดแฟ้มที่ไม่ได้อ่านเลยสักอักษรเดียวลงแล้วเอนตัวลงพิงพนักเก้าอี้ทำงาน   เปลือกตาค่อยๆปิดลงพร้อมกับเสียงถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน

    “แกไม่รู้หรอกเจ้าเต๋า .... เพราะฉันเป็นพ่อแกฉันถึงทำกับแกแบบนี้   ฉันรักลูกชายที่เหลือเพียงคนเดียวของฉันมาก  ฉันถึงบังคับแกแบบนี้ ....”

    คงมีเพียง เวลา เท่านั้นที่จะให้คำตอบกับความหวังดีที่ใครบางคนไม่เข้าใจมัน ........

     


     

    เฟอร์รารี่สีแดงคันหรูขับปราดมาจอดที่หน้าประตูบ้านหลังหนึ่งอย่างรวดเร็วปานความเร็วแสง   ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขามาที่นี่  ถึงจะมาครั้งแรกแต่อารมณ์แขกผู้มาเยือนไม่ได้มาด้วยความยินดีอะไรเลย  มาเพราะต้องการจะเจรจากับคนที่โดนบังคับให้ต้องแต่งงานด้วยในอีก 3 ข้างหน้าเท่านั้น

    ปริ้น ปริ้นนนนน

    เสียงแตรรถดังสนั่นอยู่หน้าบ้านทำให้คนงานต้องวิ่งออกมาดูต้นเสียงอย่างสงสัย

    “มาหาใครครับ”คนงานผู้ชายที่ท่าทางจะเป็นคนสวนเอ่ยถามแขกผู้มาเยือน

    “นี่บ้านของคุณหญิงคนึงนิตย์ใช่ไหม ....”กระจกรถเลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าขาวจัดของชายหนุ่มที่ท่าทางดูดี

    “ใช่ครับแต่ว่าคุณผู้หญิงไม่อยู่  เข้าบริษัทตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วครับ”

    “แล้วลูกชายเขาอยู่ไหม ....”

    “เอ่อ   คุณคชาอยู่ครับ  ว่าแต่ ...”

    “ถ้าอยู่ก็เปิดประตู!”ไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มากความกระจกรถถูกเลื่อนขึ้นเป็นการปิดบทสนทนา   ใบหน้าขาวจัดมองตรงไปข้างหน้าด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธ

    รถยนต์คันหรูเคลื่อนเข้ามาจอดอย่างรวดเร็วที่หน้าทางเข้าบ้าน   ร่างสูงขาวยืนพิจารณาบริเวณรอบบ้านอยูเพียงครู่เดียวก่อนจะหันไปสั่งคนงานให้พาเข้าไปหาคุณหนูของบ้านหลังนี้อย่างไม่รีรอ    ถึงคนงานจะยังงงๆกับแขกผู้มาเยือนแต่ก็ยอมทำตามแต่โดยดี   พาเดินไปที่ปีกขวาของบ้านมุ่งตรงไปที่ห้องกระจกใสที่คุณหนูชอบเข้ามานั่งเล่นเปียโนเป็นประจำ

    เสียงเปียโนดังชัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อก้าวเข้าไปใกล้ห้องๆหนึ่งซึ่งร่างสูงรู้สึกคุ้นตาอย่างประหลาด   ห้องกระจกที่มีม่านโปร่งติดไว้รอบทิศ   เมื่อคนงานเปิดประตูเข้าไปก็เผยให้เห็นแผ่นหลังบอบบางของเด็กผู้ชายที่กำลังเล่นเปียโนอยู่   สายลมอ่อนพัดมากระทบเส้นผมดำขลับให้ปลิวไสว   ร่างเล็กที่เล่นเปียโนอยู่ไม่ได้รับรู้ถึงการมาของแขกผู้มาเยือนยังคงบรรดาลเสียงเพลงเศร้าต่อไป  หากแต่ท่วงทำนองเศร้าๆนั้นทำให้ร่างสูงนึกถึงใครบางคน  ห้องกระจกใสนี้   เปียโนสีดำที่ตั้งเด่นตระหง่านกลางห้องนี้ ..... รู้สึกคุ้นตาเหลือเกิน

    “คุณหนูครับ  มีแขกมาขอพบครับ”คนงานเอ่ยขึ้นทำให้เสียงดนตรีหยุดลง   ใบหน้าเรียวเล็กหันกลับมามองแล้วก็ต้องชะงักค้างเมื่อเห็นใครอีกคนยืนอยู่หน้าประตู

    “.................”ไร้คำพูดหรือเสียงใดราวกับโลกหยุดชะงัก

    “คุณหนูครับ ....”คนงานเรียกอีกครั้ง

    “เอ่อ ... แป๊ปนึงนะ  ขอฉัน ... อ่า ... เอ่อ ...”คำพูดตะกุกตะกักและท่าทางประหม่าอย่างเห็นได้ชัดของคนร่างเล็กทำให้คนงานมองอย่างแปลกใจ

    “ขอฉันคุยกันเป็นการส่วนตัวได้ไหม”ร่างสูงพูดขึ้นเป็นการไล่ให้คนงานออกไปจากห้อง

    “เอ่อ ...... เชิญคุณไปนั่งรอที่ห้องรับแขกสักครู่  เดี๋ยวจะตามไปครับ”รีบพูดบอกให้คนงานพาแขกไปรอที่ห้องรับแขกก่อน  หากแต่ ...

    “ไม่ต้องไปที่อื่นหรอก   คุยที่นี่ก็ได้  แต่ขออยู่กันแค่สองคน”หันไปมองหน้าคนงานราวกับจะสื่อว่าออกไปได้แล้ว   ดวงตาคู่นั้นทำเอาคนงานยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยอมถอยออกไปอย่างรวดเร็ว   ทิ้งห้องนี้ไว้ให้เหลือเพียงคนสองคนเท่านั้น

    “.................”ท่าทางตกใจของคนร่างเล็กแสดงออกอย่างเด่นชัดทำให้ร่างสูงยกยิ้มหยันออกมาก่อนจะก้าวเดินเข้าไปใกล้

    “ไง .... ว่าที่ภรรยาในอนาคต   มาทำความรู้จักกันก่อนดีไหม .....”

    “...................”ไม่มีคำพูดใดตอบกลับไปทั้งใบหน้าของร่างสูงอีกคนก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมองด้วยซ้ำ

    “รู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร ..... ก็ต้องรู้สิ  ก็อีกแค่ 3 วันเราต้องเป็นดองกันแล้วนี่  ฉันอยากรู้ว่าทำไมพ่อฉันถึงได้มีความคิดให้ฉันแต่งงานกับผู้ชาย .... นายรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่าทำไม ....”สายตาที่มองร่างเล็กเต็มไปด้วยความไม่พอใจ  อีกคนก็เอาแต่ก้มหน้ามองพื้น  คนมองจึงยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก

    “......................”

    “เป็นใบ้รึไงแล้วหัดมองหน้าคนพูดด้วยนะ  มารยาททางสังคมแค่นี้นายยังไม่รู้แล้วยังคิดจะมาแต่งงานกับฉัน   หวังสูงไปหน่อยมั้ง”ยิ่งเห็นอีกคนไม่ตอบโต้อะไรร่างสูงก็ยิ่งได้ใจพูดจาแดกดันพร้อมกับก้าวเข้าใกล้อย่างคุกคาม   มือหนาขาวจัดเชยคางเรียวขึ้นอย่างถือวิสาสะ  ดวงตาคมดุมองใบหน้าเรียวเล็กด้วยสายตาบ่งชัดถึงความไม่ชอบและอาจจะถูกเกลียดเข้าให้แล้ว

    “.......................”ดวงตาคู่นั้นเอ่อนองไปด้วยน้ำใสๆทำเอาคนมองถึงกับตกใจ  ปล่อยมือที่จับคางเรียวเล็กไว้แล้วถอยหลังออกห่าง

    “ทะ  ทำไมแค่นี้ต้องร้องไห้ด้วย .... ฉันไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย .... ขอโทษ  ถ้า ... ถ้าฉันพูดกับนายแรงไป”เอ่ยขอโทษอย่างเงอะงะเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด   ร่างสูงก้มตัวลงมองใบหน้าเรียวเล็กของอีกคนอย่างสงสัยว่ายังร้องไห้อยู่รึเปล่า  แต่ก้มเท่าไหร่ก็ยังมองไม่เห็นจึงจำใจลงนั่งยองๆที่พื้นให้ได้เห็นใบหน้าอีกคนในมุมสูง

    “....................”มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำใสอย่างลวกๆ

    “พูดแค่นี้ทำไมต้องร้องไห้ด้วย  นายเป็นเด็กรึไง ....”

    “ไม่ใช่สักหน่อย”ประโยคที่ตอบกลับมาทำให้คนฟังโล่งอก   นึกว่าต้องแต่งงานกับคนพูดไม่เป็นซะแล้ว

    “เข้าเรื่องเลยแล้วกัน .... ฉันจะมาถามว่าทำไมนายถึงยอมแต่งงานกับฉัน  หรือว่านายเป็นเกย์ ...!!?

    “ไม่ใช่! .... สักหน่อย ....”

    “ก็แล้วทำไมถึงยอมแต่งงานเล่า  อย่ามาตอบแต่ไม่ใช่สักหน่อยๆอย่างเดียวสิ”ถามพร้อมกับนั่งขัดสมาธิลงที่พื้นเพราะเหนื่อยกับการนั่งยองๆ   ชายหนุ่มในชุดสูทราคาแพงนั่งอยู่บนพื้นเงยหน้าคุยกับคนตัวเล็กที่นั่งบนเก้าอี้เปียโน   ลองมองดูแล้วก็ให้ความรู้สึกขัดกันเล็กน้อยจึงทำให้ร่างเล็กหลุดยิ้มขำออกมา

    “หัวเราะอะไร  นี่นายเป็นเด็กรึไงเดี๋ยวก็ร้องไห้เดี๋ยวก็ยิ้ม ฉันซีเรียสนะ!”ร่างสูงโวยวายขึ้นมาทันทีพร้อมกับทำหน้าไม่พอใจ   ผุดลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วทำท่าฮึดฮัด

    “ไม่ได้เป็นเด็กสักหน่อย  บรรลุนิติภาวะแล้วด้วย”ตอบกลับมาอย่างนั้นแล้วยืนขึ้นให้ร่างสูงดูเป็นการพิสูจน์ความสูง

    “ นี่ยืนแล้วหรอเนี่ย”มองไล่สายตาอย่างพิจารณาแล้วส่ายหัวไปมาทำเอาอีกคนต้องตีหน้ายู่

    “แล้วเห็นนั่งอยู่รึไง”เถียงกลับเบาๆแต่อีกคนได้ยินชัดเจน

    “พอเริ่มพูดนี่ก็เถียงไฟแลบเลยนะ .... จึ้! เข้าประเด็นเลยดีกว่า”หงุดหงิดในตอนแรกแต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ไว้  ปรับโหมดมาเป็นจริงจังด้วยใบหน้าซีเรียส

    “....................”

    “ปฏิเสธการแต่งงานที่จะมีขึ้นในไม่ช้านี้ซะ  ฉันเองก็จะปฏิเสธเหมือนกัน ...... เข้าใจที่ฉันพูดนะ ..... ยังไงฉันก็รับไม่ได้ที่จะต้องมาแต่งงานกับผู้ชาย ... เอาเป็นว่าตกลงตามนี้”พยายามอธิบายให้อีกคนฟังด้วยใบหน้าจริงจังไม่เห็นด้วย

    “.........................”อีกคนก็ได้แต่รับฟังและไม่แสดงสีหน้าตอบรับอะไรไป

    “เห้ยนี่นายเข้าใจที่ฉันพูดไหมเนี่ย  พยักหน้าหรือตอบตกลงเซ่ .... ไม่งั้นฉันจะคิดว่านายหลงรักฉันนะถึงได้ให้พ่อมาบังคับให้ฉันแต่งงานด้วยเนี่ย”ทนรอคำตอบจากอีกฝ่ายไม่ไหวตามประสาคนใจร้อน  ร่างสูงเลยโพล่งพูดออกไปอย่างนั้น

    “คิดอย่างนั้นก็ตามใจเถอะ ....”ไหล่เล็กไหวขึ้นเล็กน้อยโดยที่สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมาให้เห็นเลย

    “นี่นายคิดจะตีหน้าตายตอบฉันอย่างนี้นะหรอ  หะ!?  ยังไงก็ต้องทำตามที่ฉันพูดนะ .... ปฏิเสธไปซะ  เข้าใจใช่ไหม ...”เดินตามหลังร่างเล็กที่ตัดสินใจเดินหนีออกมาอย่างรบเร้าจะฟังคำตอบ

    “คนพูดด้วยก็ต้องหันหน้ามามองสิ  ไม่มีมารยาทจริงๆ  เห้ย! ไอ้ตัวเล็ก!!!”โพล่งเรียกอีกคนอย่างโมโหทำให้ขาเรียวที่ก้าวเดินหยุดชะงักทันที

    “ฉันมีชื่อนะ .... อย่ามาเรียกคนอื่นว่าไอ้ตัวเล็ก   คนมีมารยาทเขาไม่ทำแบบนี้กันหรอก”โดนสวนตอกกลับไปทำเอาร่างสูงหน้าชาไปชั่วแวบหนึ่ง

    “นั่นล่ะ .... ฉันพูดกับนายดีๆแล้วมาเดินหนีกันแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนก็เลยเผลอทำเรื่องเสียมารยาทกับนายไง  ปกติฉันไม่ใช่คนแบบนี้สักหน่อย”เถียงข้างๆคูๆจนอีกคนต้องส่ายหน้าให้ด้วยความขี้เกียจต่อความยาวสาวความยืด

    “กลับไปเถอะถ้าจะมาพูดเรื่องนี้อย่างเดียว  ยังไงทางผู้ใหญ่เขาก็จัดการทุกอย่างกันเสร็จหมดแล้ว  พวกเราก็แค่เล่นละครไปตามบทที่ได้เท่านั้นเอง”ร่างเล็กพูดบอกโดยที่เดินนำอยู่ข้างหน้า  ไม่คิดจะหันมามองคู่สนทนาที่เดินตามต้อยๆอยู่ข้างหลังสักนิด   คนแสนใจร้อนและเอาแต่ใจตัวเองเป็นที่หนึ่งเลยไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

    “ให้เล่นละครน่ะฉันพอทำได้หรอกนะ   แต่ถ้าถึงต้องแต่งงานกับผู้ชายจริงๆฉันรับไม่ได้ .... แล้วนายคิดว่าพวกเราเป็นใคร  ไม่ใช่พวกไก่กาสักหน่อย   มีหวังได้ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์แน่”ก้าวยาวๆมายืนตรงหน้าอีกคนเพื่อรั้งไว้  รู้สึกได้ว่าร่างเล็กกำลังหลบหน้าหรือไม่อยากเห็นหน้าเขาอยู่เพราะตลอดมาคนตรงหน้าก็เอาแต่ก้มหน้ามองพื้นไม่ก็เดินหนีไปทางอื่น  เห็นได้ชัดว่าพยายามหลบหน้าเขา

    “ก็ ....... ก็แค่เล่นละคร .....”และก็เป็นอย่างที่ร่างสูงคิด   พอมายืนดักหน้าเพื่อเผชิญหน้า  ใบหน้าเรียวเล็กนั่นก็เบนหลบลงไปมองพื้น  ราวกับว่าพื้นกระเบื้องนั่นน่ามองกว่าหน้าตาหล่อๆของเขา

    “ฉันมาทำข้อตกลงกับนายนะไม่เข้าใจรึไง ...... ยังยืนยันที่จะแต่งงานกับฉันอยู่งั้นหรอ .... เหอะ! นี่นายเป็นเกย์รึไง  หลงเสน่ห์ฉันมากนักหรอ!!  ฉันบอกไว้เลยนะถ้าคิดว่าการแต่งงานมันจะผูกมัดฉันไว้กับนายได้   นายคิดผิดถนัด!!  นรกเป็นยังไงนายจะได้รู้หลังจากแต่งงานกับฉันแน่ๆ   ฉันเตือนนายไว้เลย ....”พูดข่มขู่อีกคนด้วยคำพูดและท่าทางที่ไม่เป็นมิตร   ใบหน้าขาวดูจริงจังน่ากลัว   ก้าวเดินเข้าใกล้ร่างเล็กอย่างคุกคาม  ใช้สายตาดุกรีดแทงให้คนถูกมองรู้สึกหวาดกลัว   หากแต่ดวงตาของอีกฝ่ายก็พยายามแต่จะมองที่พื้นด้านล่างท่าเดียว

    “คชา  นนทนันท์ .... นายจำไว้เลยนะว่าการแต่งงานครั้งนี้มันก็คือนรกดีๆของนาย   ในเมื่อฉันถูกบังคับให้แต่งงาน .... ฉันก็จะทำให้นายรู้สึกเหมือนตกนรกอย่างที่ฉันกำลังรู้สึกอยู่ตอนนี้  จำไว้เลย ......”ทิ้งสายตาดูถูกไว้ให้อีกคนได้หวาดหวั่นก่อนจะเดินจากไป   เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มขึ้นก่อนจะค่อยๆหายไปโดยที่แขกผู้มาเยือนจากไปแล้ว

    “เห้ออออออออ ......”ลับหลังร่างสูง   ร่างเล็กก็แทบจะทรุดลงไปนั่งกองที่พื้น  โชคดีที่เอนตัวพิงกำแพงได้ทัน  มือเรียวเข้ากอบกุมที่หน้าอกตำแหน่งหัวใจ   อวัยวะที่ทำหน้าที่สูบฉีดเลือดตอนนี้กำลังทำหน้าที่ของมันอย่างหนัก  จังหวะการเต้นของมันราวกับคนเพิ่งวิ่งขึ้นทางหนีไฟได้ 50 ชั้น มันเต้นเร็วและรัวจนเจ้าของนึกว่าจะไม่มีชีวิตรอดจาการเผชิญหน้าเมื่อกี้เสียแล้ว

    “เหมือน ..... เหมือนมาก  แต่ว่าไม่ใช่ .... ไม่ใช่นะคชา ....”

     


     

    งานแต่งงานแบบไม่มีพิธีรีตองอะไรมากถูกจัดขึ้นในอีก 3 วันต่อมา  นายทะเบียนถูกเชิญมาที่บ้านของคุณหญิงคนึงนิตย์เพื่อให้คนทั้งคู่ได้จดทะเบียนสมรสกันนอกที่ว่าการ    ในห้องที่มีทุกคนนั่งอยู่มีนักข่าวไม่กี่สำนักกำลังถ่ายรูปอยู่   ใบหน้าหล่อขาวไม่ได้บ่งบอกถึงความปรีติยินดีใดๆให้เห็นยิ่งสร้างความฉงนให้สื่อไม่น้อยจึงพากันกดรัวชัตเตอร์จนเกิดแสงแฟลชวูบวาบไปทั่วห้องโถงขณะรอฤกษ์ในการจดทะเบียน   ใบหน้าเรียวเล็กของอีกฝ่ายก็นิ่งสนิทยากจะขาดเดาได้ว่ากำลังรู้สึกเช่นไรเช่นกัน 

    “เดี๋ยวนายจะได้รู้ลืมไปเลยว่าความสุขบนโลกนี้มันเป็นยังไง  ฉันเตือนนายแล้วนะว่าแต่งกับฉัน .... ไม่มีทางที่นายจะมีความสุขอย่างที่คิดแน่นอน”ร่างสูงพูดบอกอีกฝ่ายรอดไรฟันขณะที่ทั้งคู่นั่งใกล้กันให้นักข่าวถ่ายรูป

    “..............”ไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมาเช่นเดิม   ชวนให้อีกฝ่ายคิดว่ากำลังเข้าพิธีกับคนใบ้

    “ไม่พูดก็ไม่ต้องพูดให้มันตลอดนะ   อย่าให้เห็นว่านายมาเถียงฉันฉอดๆอีก”

    “.................”และยังคงเป็นเช่นเดิม  ไร้ซึ่งคำพูดหลุดลอยให้ได้ยินยิ่งช่วยเพิ่มความกรุ่นโกรธให้ร่างสูงมากขึ้นเป็นกอง

    “หึ่ย .....”เมื่อคู่สนทนาไม่ยอมตอบกลับอะไรมามันก็ไม่ต่างกับเขาพูดคนเดียว  ร่างสูงจึงได้แต่ฟึดฟัดอยู่คนเดียวเบาๆก่อนที่จะถึงเวลาจดทะเบียนสมรส   แสงแฟลชยิ่งวูบวาบจนสายตาคนทั้งคู่แทบจะพร่าเลือนเมื่อจรดปลายปากกาลงบนกระดาษสีขาวที่เป็นดั่งโซ่ตรวนผูกพันธะให้คนทั้งสองต้องเกี่ยวดองกันอย่างจำใจ   ใบหน้าขาวจัดราวกับแบกโลกทั้งใบไว้บนบ่าเมื่อพิธีทุกอย่างสิ้นสุดลง   ทางฝ่ายคุณหญิงออกไปส่งนายทะเบียนที่ได้เชิญมาขณะที่ร่างสูงสบสายตากับบิดาที่มองมาอย่างปรามๆในท่าทีของเขา

    “จบพิธีแล้วผมขอตัวกลับเลยละกัน   สมใจอยากอยากพ่อแล้วนี่ ....”ร่างสูงลุกขึ้นยืนพร้อมกับปลดกระดุมคอเสื้อออกอย่างลวกๆขณะที่พูดแดกดัน

    “จะกลับไปคนเดียวได้ยังไง  เมียแกเขาจะย้ายเข้าไปอยู่กับแกด้วย ..... รอเขาเก็บของแล้วกลับคอนโดพร้อมกัน”บิดาของร่างสูงเอ่ยปากสั่งอีกครั้งทำเอาคนฟังชักสีหน้าไม่พอใจทันที

    “ได้ไงล่ะพ่อ!!  ผมก็ยอมแต่งงานให้แล้วไง  แล้วทำไมต้องให้เขาย้ายมาอยู่ห้องผมด้วย”

    “แล้วคู่แต่งงานที่ไหนเขาแยกกันอยู่หะ   ยิ่งช่วงแต่งงานแรกๆนี่ต้องตัวติดกันยังกับตังเม  ถ้านักข่าวรู้ว่าแกแยกกันอยู่มีหวังได้ประโคมข่าวใส่สีกันมันแน่”

    “แค่นี้ยังไม่มันอีกหรอ   พ่อจับผมแต่งงานกับผู้ชายเพราะธุรกิจนี่กอซซิบกันไปอีก 10 ปีเลยเหอะ”

    “นินทาเรื่องที่ฉันอยากให้นินทาฉันไม่สนใจหรอกนะ   แต่ถ้านินทากันเรื่องที่ฉันไม่ชอบนี่มันไม่สนุกด้วยหรอก!

    “โอยพ่อ จะมากไปแล้วนะ .....เห็นเรื่องนี้เป็นเรื่องสนุกรึไง”ร่างสูงพูดเสียงดังอย่างหงุดหงิด  เป็นการประทะคารมของสองพ่อลูกที่บุคคลที่สามเพิ่งได้เห็นครั้งแรก  ใบหน้าเรียวเล็กมองสลับไปมาระหว่างคนทั้งสองอย่างแปลกใจ  ถึงจะทะเลาะกันอยู่แต่ไม่ได้รู้สึกว่าทั้งคู่จะเกลียดกันได้เลย   อาจเพราะความเป็นพ่อลูกกันด้วยละมั้ง

    “เสียงดังอะไรกันหรอคะ”คุณหญิงคนึงนิตย์มารดาของคชาเดินเข้ามาถามขณะเดินไปโอบไหล่ลูกชายคนเดียวของเธอไว้

    “ไม่มีอะไรมากหรอกครับ  ก็แค่ปรึกษากันเสียงดังไปหน่อย”ท่านประธาน T กรุ๊ปพูดบอก

    “คชาเก็บกระเป๋าเสร็จแล้วใช่ไหม   ขึ้นไปเอาลงมาไปลูก”ถูกมารดาสั่งอย่างนั้นร่างเล็กจึงยอมลุกออกไปจากห้อง

    “มาให้ฉันดูหน้าใกล้ๆสิ .....”คุณหญิงนั่งลงตรงโซฟาตัวยาวที่นายทะเบียนเคยนั่งแล้วกวักมือเรียกชายหนุ่มที่กลายมาเป็นคู่ชีวิตของลูกชายเธอแล้ว

    “................”ร่างสูงยืนเงอะงะอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค้อมศีรษะเข้าไปนั่งใกล้

    มือเรียวที่สวมเพชรเม็ดเป้งของคุณหญิงยกขึ้นสัมผัสเรือนหน้าของร่างสูง   มองอย่างพิจารณาสังเกตอยู่ครู่หนึ่งจนร่างสูงรู้สึกอึดอัดจึงผละมือออก   เบนสายตาไปมองบิดาของคนที่ตนเองสำรวจ

    “เหมือนกันมากเลยนะคะ   เหมือนจนฉันยังคิดว่าเป็นคนๆเดียวกัน .... ไม่น่าล่ะลูกชายฉันถึงยอมแต่งงานด้วยง่ายๆ”

    “จะไม่เหมือนได้ยังไงล่ะครับคุณหญิงก็ในเมื่อพวกเขาเป็นพี่น้องกัน  เป็นฝาแฝดที่คลานตามกันมาไม่กี่นาที”

    “กำลังพูดเรื่องอะไรกันครับ .....”ร่างสูงโพล่งถามขึ้นเมื่องงกับบทสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสอง

    “เรื่องนั้นช่างมันเถอะ .... เต๋า ... ต่อจากนี้ฝากดูแลลูกชายคนเดียวของฉันด้วยนะ  เพราะฉันเชื่อว่าเขาเองก็จะดูแลเธอเหมือนกันและคิดว่าคงจะดูแลเธอได้ดีมากด้วย”

    “.....................”ร่างสูงไม่กล้ารับปาก   ทำเพียงหลุบสายตาลงมองมือที่คุณหญิงประคองจับไว้

    “ฉันคงไม่ได้อยู่ไทยไปสักระยะนึงเลยและไม่รู้จะได้กลับมาเมื่อไหร่ ..... สิ่งเดียวที่ฉันเป็นห่วงมากที่สุดคือลูกชายของฉัน   ฉันยกเขาให้เธอดูแลแล้ว   ฝากด้วยนะ   ไม่รักเขาก็คิดเสียว่าเขาเป็นน้องของเธออีกคนหนึ่ง”

    “.......................”คำพูดฝากฝังจากผู้ใหญ่ทำให้ร่างสูงต้องเงยหน้ามองคนพูดอย่างสงสัย   ทำไมต้องสั่งเสียไว้อย่างน่าห่วงอย่างนี้ด้วย   ทำเหมือนจะไม่ได้กลับมาแล้วหรือว่าคำพูดให้พรในวันแต่งงานเขาพูดอย่างนี้กัน ...?  ไม่เคยรู้เรื่องพวกนี้ด้วยสิ

    “อย่าห่วงไปเลยคุณหญิง  ผมจะช่วยดูแลหนูคชาอีกแรงไม่มีอะไรน่าห่วงเลย”บิดาของร่างสูงเป็นฝ่ายเอ่ยรับปาก

    “ยังไงก็ฝากด้วยนะ”พูดอย่างนั้นแล้วมองลึกเข้าไปในดวงตาของเด็กหนุ่ม

    “..............”ไม่มีคำพูดใดตอบรับกลับไป   สายตาลังเลนั้นทำให้รับรู้ได้ว่าชายหนุ่มไม่กล้าเอ่ยรับปากอะไรไป

    “แค่อย่าทำร้ายจิตใจลูกชายฉันก็พอ   อยู่กันอย่างเพื่อนหรือพี่น้องก็ได้  ฉันจะไม่ให้อภัยนะถ้าเธอทำร้ายให้เขาร้องไห้เสียใจ”

    “ผมจะพยายามครับ”ในที่สุดก็ยอมรับปากเบาๆ

    ไม่นานนักร่างเล็กที่ขึ้นไปเอากระเป๋าก็เดินลงมาพร้อมกับเด็กในบ้านที่ช่วยถือของลงมาด้วย   ใบหน้าเรียวเล็กนิ่งเรียบอย่างที่เคยเป็นมาเสมอ   ร่างสูงได้เห็นแล้วก็ต้องเบือนหน้าหนีอย่างไม่ชอบใจ  คิดในใจว่ารับปากคุณหญิงไปแล้วแต่ก็ไม่รู้จะทำได้รึเปล่าแค่หน้าแค่นี้ก็ยังไม่อยากจะมอง   จะทนไม่พูดจาร้ายๆใส่ได้นานแค่ไหนก็ไม่รู้ ..... คิดอย่างนั้นขณะเหลือบมองสังเกตไปทั่วบริเวณบ้านสายตาก็ไปสะดุดกับห้องกระจกใสทางปีกขวาที่เคยมาเยือนครั้งก่อนหน้านี้ .... ห้องเปียโน ..... ทำไมถึงคล้ายกันขนาดนี้ .... หรือมันเป็นแค่ความบังเอิญ  ในเมื่อที่บ้านของร่างสูงเองก็มีห้องเปียโนเช่นกัน  ห้องที่มีกระจกใสรอบล้อมพร้อมกับผ้าม่านโปร่ง .... ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้เปิดใช้งานมาหลายปีแต่ก็จำได้ดีว่าเคยมีห้องแบบนี้ที่บ้านของเขาเช่นกัน

    “ไปกันได้แล้วเจ้าเต๋า   พ่อจะไปส่งหนูคชาที่ห้องแกด้วย”บิดาเอ่ยเรียกให้ร่างสูงหันเหความสนใจกลับมา

    “.............”ไม่พูดอะไรเพียงแต่ใช้สายตาเหล่ไปที่ใบหน้าเรียวเล็กก่อนจะพยักหน้ารับคำพูดของบิดา

    “แม่จะไปอเมริกาเมื่อไหร่ครับ”คชาเอ่ยถามมารดาขณะที่มาส่งอยู่หน้าบ้าน

    “ไม่เกินวันสองวันนี้หรอก .... ไม่ต้องห่วงแม่นะคชา  แล้วก็พี่หมอเขาจะเรียนจบแล้วนะ  อีกไม่นานก็คงได้กลับมาแล้ว  แม่จะฝากของฝากมากับพี่เขา”

    “ทำไมไม่ให้พี่หมอดูแลแม่ที่โน้นล่ะครับ”

    “หมอที่โน้นเก่งๆก็มีเยอะแยะ   แม่อยากให้พี่หมอเขามาอยู่ที่นี่คอยดูแลเราอีกคน   แม่จะได้สบายใจ .... ไม่ต้องห่วงแม่นะ”ลูบกลุ่มผมดำสนิทของลูกชายอย่างอ่อนโยน

    “ต้องกลับมานะครับ .... แม่ต้องกลับมานะ ....”เข้าสวมกอดมารดาไว้แล้วซบหน้าอย่างต้องการไออุ่นจากมารดา

    “ดูแลตัวเองดีๆนะคชา ..... เข้มแข็งไว้นะลูก”

    “....................”ภาพสองแม่ลูกกอดกันกลมที่หน้าประตูบ้านทำให้ร่างสูงมองอย่างแปลกใจก่อนจะพูดอย่างหมั่นไส้ขึ้นในรถ

    “ทำเหมือนจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ว  สั่งเสียอะไรกันหนักหนาไม่เห็นคนรออยู่รึไง”

    “พูดให้มันดีๆหน่อย   หนูคชาเขาไม่เคยได้ห่างจากแม่เขา  การที่เขาย้ายไปอยู่กับแกคุณหญิงเขาก็ต้องเป็นห่วงเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว  รับปากแม่เขาแล้วนะว่าจะดูแลลูกชายเขา  อย่าผิดคำพูดเชียวนะเจ้าเต๋า”

    “พ่อก็รู้ว่าผมไม่ได้อยากรับปากสักหน่อย ....”

    “แต่แกก็รับปากไปแล้ว”เจอบิดาสวนกลับมาอย่างนั้นทำให้ร่างสูงถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายเหลือบมองภาพสองแม่ลูกร่ำลากันแล้วก็ยิ่งหงุดหงิด

    ถ้าทั้งโลกนี้เป็นดั่งโรงละครใหญ่อย่างที่วิลเลี่ยมเชกสเปียร์เขียนไว้ในบทกวี  ต่อจากนี้โลกก็กำลังจะได้รับชมฉากละครฉากใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยได้มีมาในประวัติศาสตร์ ..... แต่บทละครจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ..... ติดตามต่อไปก็เดี๋ยวจะได้รู้กันละครับ .... หึหึ



    TBC.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×